ตั้งเป้าหมายในวันปีใหม่
เกริ่นนำ
ตั้งเป้าหมายในวันปีใหม่
ผมเป็นสมาชิกในสโมสรสควอช ซึ่งเป็นห้องออกกำลังกายด้วย ในวันที่ 1 มกราคมของทุกปี พวกเขาจะนำอุปกรณ์ออกกำลังกายใหม่ ๆ มาเสริมจนเต็มพื้นที่ แต่พอถึงวันที่ 7 มกราคม อุปกรณ์เสริมเหล่านั้นก็ถูกย้ายออกไปหมดเนื่องจากคนส่วนใหญ่มักล้มเลิกความตั้งใจกับสิ่งที่ตั้งเป้าไว้ในต้นปี และสโมสรก็กลับสู่สภาวะปกติ!
- หุ่นดี
- ลดน้ำหนัก
- ลดการดื่มแอลกอฮอล์
- เลิกบุหรี่
- ปลดหนี้
ไม่แปลกอะไรที่คนเราจะตั้งเป้าหมายเหล่านี้ไว้ในช่วงต้นปี แน่นอนเราทุกคนมักตั้งเป้าหมายในเรื่องที่เราล้มเหลวมาก่อน
ข่าวดีก็คือในแต่ละปีเป็นโอกาสดีสำหรับการเริ่มต้นใหม่ และก็เป็นเช่นนั้นในแต่ละสัปดาห์ และทุกวันอาทิตย์ก็เป็นวันแรกของสัปดาห์ ซึ่งจริง ๆ แล้วเราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ในทุก ๆ วัน
สามคำแรกที่ปรากฏในพระคริสตธรรมคัมภีร์คือ 'ในปฐมกาล…' (ปฐมกาล 1:1) พระวจนะแต่ละตอนในวันนี้จะบอกเราหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับการเริ่มต้นใหม่และโอกาสใหม่ ๆ รวมถึงคอยชี้แนะการตั้งเป้าหมายในวันปีใหม่ที่เป็นไปได้นี้ด้วย
สดุดี 1:1-6
1บุคคลผู้เป็นสุขคือ
ผู้ไม่เดินตามคำแนะนำของคนอธรรม
ไม่ยืนอยู่ในทางของคนบาป
ไม่นั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย
2แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์
เขาใคร่ครวญธรรมบัญญัติของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน
3เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ
ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล
และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง
ทุกอย่างที่เขาทำก็จำเริญขึ้น
4คนอธรรมไม่เป็นเช่นนั้น
แต่เป็นเหมือนแกลบซึ่งลมพัดกระจายไป
5ฉะนั้นคนอธรรมจะไม่ได้ยืนขึ้น
และคนบาปก็เช่นกันในที่ชุมนุมคนชอบธรรม
6เพราะพระยาห์เวห์ทรงเฝ้ารักษา
แต่ทางของคนอธรรมจะพินาศไป
อรรถาธิบาย
“ปีติยินดี” ในพระคริสตธรรมคัมภีร์
หากคุณกำลังเริ่มท้าทายตัวเองในการอ่านพระคัมภีร์ในหนึ่งปี พระธรรมสดุดีนี้มีถ้อยคำที่หนุนจิตชูใจสำหรับคุณมากมาย
พระสัญญาของพระเจ้าคือเมื่อคุณ 'ปีติยินดี' ในพระวจนะและ 'ใคร่ครวญ' ตามพระวจนะ 'ทั้งกลางวันและกลางคืน' (ข้อ 2 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ดังนั้นชีวิตของคุณก็จะได้รับพระพร ความสุข เกิดจากสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณ แต่พระพรเกิดขึ้นผ่านการติดสนิทพระเจ้าและได้ใคร่ครวญพระวจนะของพระองค์
พระเจ้าสัญญาว่าจะให้เราเกิดผล ('ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล' ข้อ 3ข) มีกำลังอยู่เสมอ ('และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง' ข้อ 3ค) และรุ่งเรืองขึ้น ('ทุกสิ่งที่เขาทำก็จำเริญขึ้น' ข้อ 3ง) โดยไม่จำเป็นต้องมีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านวัตถุแต่อย่างใด!
พระคำตอนนี้ได้รับการกลั่นกรองโดยเล็งให้เห็นถึงบั้นปลายชีวิตของ 'คนอธรรม' ผู้เขียนหนังสือสดุดีไม่ได้แสดงให้เห็นว่าคนอธรรมจะไม่เจริญรุ่งเรือง เขาเพียงแต่ย้ำเตือนให้เราตระหนักถึงความรุ่งเรืองที่มาเพียงชั่วครั้งชั่วคราว 'แต่เป็นเหมือนแกลบซึ่งลมพัดกระจายไป…[คนอธรรม] จะพินาศ' (ข้อ 4,6)
กุญแจที่นำไปสู่ความมั่นคง ชีวิตนิรันดร์ การเกิดผลและพละกำลัง ล้วนขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้า ในขณะที่คุณมุ่งมั่นดำเนินตาม 'ทางของคนชอบธรรม' คุณมั่นใจได้เลยว่าพระเจ้าจะทรงเฝ้ารักษาทางของคุณไว้ (ข้อ 6)
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพระสัญญาอันยิ่งใหญ่ในขณะที่ข้าพระองค์ได้ตั้งใจแน่วแน่ที่จะปีติยินดีในพระวจนะของพระองค์และใคร่ครวญอย่างสม่ำเสมอ
มัทธิว 1:1-25
ลำดับพงศ์ของพระเยซูคริสต์
1หนังสือลำดับพงศ์ของพระเยซูคริสต์ ผู้เป็นเชื้อสายของดาวิด ผู้สืบตระกูลมาจากอับราฮัม
2อับราฮัมมีบุตรชื่ออิสอัค อิสอัคมีบุตรชื่อยาโคบ ยาโคบมีบุตรชื่อยูดาห์และพี่น้องของเขา 3ยูดาห์มีบุตรชื่อเปเรศกับเศราห์ซึ่งเกิดจากนางทามาร์ เปเรศมีบุตรชื่อเฮสโรน เฮสโรนมีบุตรชื่อราม 4รามมีบุตรชื่ออัมมีนาดับ อัมมีนาดับมีบุตรชื่อนาโชน นาโชนมีบุตรชื่อสัลโมน 5สัลโมนมีบุตรชื่อโบอาสซึ่งเกิดจากนางราหับ โบอาสมีบุตรชื่อโอเบดซึ่งเกิดจากนางรูธ โอเบดมีบุตรชื่อเจสซี 6เจสซีมีบุตรชื่อดาวิดผู้เป็นกษัตริย์
ดาวิดมีบุตรชื่อซาโลมอนเกิดจากนางซึ่งแต่ก่อนเป็นภรรยาของอุรียาห์ 7ซาโลมอนมีบุตรชื่อเรโหโบอัม เรโหโบอัมมีบุตรชื่ออาบียาห์ อาบียาห์มีบุตรชื่ออาสา 8อาสามีบุตรชื่อเยโฮชาฟัท เยโฮชาฟัทมีบุตรชื่อโยรัม โยรัมมีบุตรชื่ออุสซียาห์ 9อุสซียาห์มีบุตรชื่อโยธาม โยธามมีบุตรชื่ออาหัส อาหัสมีบุตรชื่อเฮเซคียาห์ 10เฮเซคียาห์มีบุตรชื่อมนัสเสห์ มนัสเสห์มีบุตรชื่ออาโมน อาโมนมีบุตรชื่อโยสิยาห์ 11โยสิยาห์มีบุตรชื่อเยโคนิยาห์และพี่น้องของเขา เกิดเมื่อคราวต้องถูกกวาดไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลน
12หลังจากถูกกวาดไปที่กรุงบาบิโลนแล้ว เยโคนิยาห์ก็มีบุตรชื่อเชอัลทิเอล เชอัลทิเอลมีบุตรชื่อเศรุบบาเบล 13เศรุบบาเบลมีบุตรชื่ออาบียุด อาบียุดมีบุตรชื่อเอลียาคิม เอลียาคิมมีบุตรชื่ออาซอร์ 14อาซอร์มีบุตรชื่อศาโดก ศาโดกมีบุตรชื่ออาคิม อาคิมมีบุตรชื่อเอลีอูด 15เอลีอูดมีบุตรชื่อเอเลอาซาร์ เอเลอาซาร์มีบุตรชื่อมัทธาน มัทธานมีบุตรชื่อยาโคบ 16ยาโคบมีบุตรชื่อโยเซฟผู้เป็นสามีของนางมารีย์ พระเยซูที่เรียกว่าพระคริสต์ก็ประสูติมาจากนางมารีย์นี้
17ดังนั้นตั้งแต่อับราฮัมลงมาจนถึงดาวิดมีสิบสี่ชั่วคน และนับตั้งแต่ดาวิดลงมา จนถึงคราวถูกกวาดไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลนมีสิบสี่ชั่วคน และนับตั้งแต่คราวถูกกวาดไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลน จนถึงพระคริสต์มีสิบสี่ชั่วคน
การประสูติของพระเยซูคริสต์
18เรื่องการประสูติของพระเยซูคริสต์เป็นดังนี้ คือมารีย์ผู้เป็นมารดาของพระเยซูนั้น เดิมโยเซฟได้สู่ขอหมั้นกันไว้แล้ว ก่อนที่จะได้อยู่กินด้วยกันก็ปรากฏว่า มารีย์มีครรภ์แล้วด้วยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ 19แต่โยเซฟคู่หมั้นของเธอเป็นคนชอบธรรม ไม่ต้องการจะแพร่งพรายความเป็นไปของเธอ ต้องการจะถอนหมั้นเสียลับๆ 20เมื่อโยเซฟยังคิดเรื่องนี้อยู่ ก็มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันว่า “โยเซฟบุตรดาวิด อย่ากลัวที่จะรับมารีย์มาเป็นภรรยาของท่านเลย เพราะว่าผู้ซึ่งปฏิสนธิในครรภ์ของเธอเป็นโดยเดชพระวิญญาณบริสุทธิ์ 21เธอจะให้พระกำเนิดบุตรชาย แล้วจงเรียกนามท่านว่า เยซู เพราะว่าท่านจะทรงช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากบาปของพวกเขา” 22ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า 23 “นี่แน่ะ หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่ง และเขาจะเรียกนามของท่านว่าอิมมานูเอล” (แปลว่า พระเจ้าสถิตกับเรา) 24เมื่อโยเซฟตื่นขึ้นก็ทำตามคำซึ่งทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าสั่งนั้น คือได้รับมารีย์มาเป็นภรรยา 25แต่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับเธอจนกว่าให้พระกำเนิดบุตรชายแล้ว และโยเซฟเรียกนามของบุตรนั้นว่าเยซู
อรรถาธิบาย
จดจ่อที่พระเยซู
ให้ชีวิตของคุณมุ่งมั่นจดจ่อไปที่พระเยซู พระคริสตธรรมคัมภีร์ทั้งหมดเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระเยซู พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เริ่มต้นด้วยลำดับพงศ์พันธุ์ของพระองค์
ในขณะที่เราอ่านรายชื่อลำดับพงศ์พันธ์ุของพระเยซู เราจะพบว่ารายชื่อเหล่านั้นได้รวมถึง ทามาร์ (ผู้ล่วงประเวณี) ราหับ (โสเภณี) นางรูธ (ชาวโมอับไม่ใช่คนยิว) ซาโลมอน (ที่กำเนิดจากความสัมพันธ์ชู้สาวของกษัตริย์ดาวิดกับนางบัทเชบา) และอื่น ๆ อีกมากมาย ขอบคุณพระเจ้า ถ้าพระองค์ทรงใช้คนบาปเหล่านั้นได้ พระองค์ก็ทรงใช้คุณได้เช่นกัน ไม่ว่าอดีตของคุณจะเป็นอย่างไร หรือชีวิตของคุณในตอนนี้จะย่อยยับแค่ไหน พระเจ้าสามารถใช้คุณเพื่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
พระนามของ 'พระเยซู' หมายถึง 'ทรงช่วยชนชาติของท่านให้รอดจากบาปของพวกเขา' (ข้อ 21) ทุกครั้งที่เราเอ่ยพระนามพระเยซู พระนามของพระองค์จะย้ำให้เห็นว่าความปรารถนาสูงสุดของมนุษย์ไม่ใช่เพื่อความสุขสำราญหรือความพึงพอใจ (แม้ว่าทั้งสองอย่างนี้อาจเป็นผลพลอยได้ก็ตาม) แต่ความปรารถนาสูงสุดของเราเช่นเดียวกับบรรพบุรุษของพระเยซู คือการให้อภัย ดังนั้นเราทุกคนต่างต้องการพระผู้ช่วยให้รอด
ในช่วงต้นของพระธรรมมัทธิวแสดงให้เราเห็นว่าพระเยซูคือความสมบูรณ์ของทุกสิ่งที่ได้รับการบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม
พระเยซูเป็นจุดสูงสุดของประวัติศาสตร์
มัทธิวเริ่มต้นบรรยายพระกิตติคุณโดยสรุปเรื่องราวใน พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมด้วยลำดับพงศ์ของพระเยซูคริสต์ (ข้อ 1-17) ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมได้กล่าวถึงเรื่องราวของพระเยซูว่าทรงทำสำเร็จ มัทธิวได้จำแนกประชากรของพระเจ้าออกเป็นสามชั่วอายุในเวลาเท่า ๆ กัน ตั้งแต่อับราฮัมลงมาจนถึงดาวิดมีสิบสี่ชั่วคน และนับตั้งแต่ดาวิดลงมาจนถึงคราวถูกกวาดไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลนมีสิบสี่ชั่วคน และนับตั้งแต่คราวถูกกวาดไปเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลนจนถึงพระคริสต์มีสิบสี่ชั่วคน (ข้อ 17)
ในลำดับพงศ์พันธุ์ เชื้อสายวงศ์ตระกูลบางรุ่นจะไม่ถูกกล่าวถึง (เช่นเดียวกับที่พบในลำดับวงศ์ตระกูลที่อยู่ในพันธสัญญาเดิม) มัทธิวได้ชี้ให้เห็นว่าเนื้อหาประวัติศาสตร์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมได้ถูกแบ่งแยกโดยเหตุการณ์สำคัญออกเป็น สามช่วงเวลาเท่า ๆ กัน และพระเยซูคริสต์ทรงเป็นปลายทางสุดท้ายหรือบทสรุปของเรื่องราว จากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมนี้ ส่วนที่สำคัญที่สุดของเรื่องได้ดำเนินมาถึงแล้ว
- ในพระเยซู พระสัญญาทั้งหมดสำเร็จตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเยซูไม่ได้เป็นเพียงความสมบูรณ์ของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมในประวัติศาสตร์เท่านั้น พระองค์ยังเป็นผู้สำเร็จตามคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม และทุก ๆ พระสัญญาทั้งสิ้นของพระเจ้าอีกด้วย
โดยมัทธิวได้เรียบเรียงออกมาเป็นห้าเหตุการณ์ตั้งแต่นางมารีย์ตั้งครรภ์และประสูติ ในวัยเยาว์ของพระเยซู โดยอ้างอิงจากเหตุการณ์ที่กล่าวไว้ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับภาษาฮีบรูที่ 'สำเร็จแล้ว' (มัทธิว 1:22-23; 2:5-6,17,23; 4:14-16)
เหตุการณ์แรกที่สำเร็จตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้าคือเรื่องการบังเกิดขององค์พระเยซูคริสต์ 'ทั้งนี้เกิดขึ้นเพื่อจะให้สำเร็จตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ซึ่งตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่า "นี่แน่ะ หญิงพรหมจารีคนหนึ่งจะตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายคนหนึ่งและเขาจะเรียกนามของท่านว่าอิมมานูเอล" (แปลว่า "พระเจ้าสถิตกับเรา")' (1:22–23)
ทุกเรื่องราวในประวัติศาสตร์รวมถึงคำพยากรณ์และพระสัญญาทั้งสิ้นเสร็จสมบูรณ์แล้วในพระเยซูคริสต์ เช่นเดียวกับชีวิตของคุณก็เสร็จสมบูรณ์แล้วในพระเยซู ทุกเรื่องในชีวิตไม่ว่าจะเป็น การงาน ครอบครัว ความสัมพันธ์ เพื่อน ความทรงจำและความใฝ่ฝัน ต่างก็สำเร็จแล้วในพระเยซูคริสต์
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับพระสัญญาของพระองค์ในการเริ่มต้นปีใหม่นี้ พระเยซู พระองค์ทรงอยู่กับข้าพระองค์ ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้มีชีวิตจดจ่อที่พระองค์ตลอดปีนี้
ปฐมกาล 1:1-2:17
หกวันแห่งการทรงสร้างและวันสะบาโต
1ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน 2แผ่นดินก็ร้างและว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าทรงปกอยู่เหนือน้ำนั้น
3พระเจ้าตรัสว่า “จงเกิดความสว่าง” ความสว่างก็เกิดขึ้น 4พระเจ้าทรงเห็นว่าความสว่างนั้นดี และทรงแยกความสว่างออกจากความมืด 5พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า วัน และความมืดนั้นว่า คืน มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันแรก
6พระเจ้าตรัสว่า “จงมีภาคพื้นในระหว่างน้ำ แยกน้ำออกจากกัน” 7พระเจ้าทรงสร้างภาคพื้นนั้นขึ้น แล้วทรงแยกน้ำที่อยู่ใต้ภาคพื้นออกจากน้ำที่อยู่เหนือภาคพื้น ก็เป็นดังนั้น 8พระเจ้าจึงทรงเรียกภาคพื้นนั้นว่า ฟ้า มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สอง
9พระเจ้าตรัสว่า “น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าจงรวมอยู่ในที่เดียวกัน ที่แห้งจงปรากฏขึ้น” ก็เป็นดังนั้น 10พระเจ้าจึงทรงเรียกที่แห้งนั้นว่า แผ่นดิน และที่ซึ่งน้ำรวมกันนั้นว่า ทะเล พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 11พระเจ้าตรัสว่า “แผ่นดินจงเกิดพืช คือ ธัญพืชที่ให้เมล็ด และต้นไม้ผลที่ออกผลตามชนิดของมัน และมีเมล็ดในผลบนแผ่นดิน” และก็เป็นดังนั้น 12แผ่นดินก็เกิดพืช คือธัญพืชที่ให้เมล็ดตามชนิดของมัน และต้นไม้ที่ออกผลมีเมล็ดในผลตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 13มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สาม
14พระเจ้าตรัสว่า “จงมีดวงสว่างต่างๆ ของภาคพื้นฟ้า เพื่อแยกวันออกจากคืน ให้เป็นหมายกำหนดฤดู วัน ปี 15และให้เป็นดวงสว่างต่างๆ บนภาคพื้นฟ้า เพื่อส่องสว่างเหนือแผ่นดิน” ก็เป็นดังนั้น 16พระเจ้าทรงสร้างดวงสว่างขนาดใหญ่ไว้สองดวง ให้ดวงที่ใหญ่กว่าครองวัน ดวงที่เล็กกว่าครองคืน พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่างๆ ด้วย 17พระเจ้าทรงตั้งดวงสว่างเหล่านี้ไว้บนภาคพื้นฟ้า ให้ส่องสว่างเหนือแผ่นดิน 18ให้ครองวันและคืน และแยกความสว่างออกจากความมืด พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 19มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่สี่
20พระเจ้าตรัสว่า “น้ำจงอุดมด้วยฝูงสัตว์ที่มีชีวิต และให้นกบินไปมาในภาคพื้นฟ้าเหนือแผ่นดิน” 21พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ และสัตว์ที่มีชีวิตทุกชนิด ซึ่งแหวกว่ายอยู่ในน้ำเป็นฝูงๆ ตามชนิดของมัน และสัตว์ปีกทุกชนิดตามชนิดของมัน พระเจ้าทรงเห็นว่าดี 22พระเจ้าจึงทรงอวยพรสัตว์เหล่านั้นว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มน้ำในทะเล และให้นกทวีมากขึ้นบนแผ่นดินโลก” 23มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่ห้า
24พระเจ้าตรัสว่า “แผ่นดินจงเกิดสัตว์ที่มีชีวิตตามชนิดของมัน คือสัตว์ใช้งาน สัตว์เลื้อยคลาน และสัตว์ป่าตามชนิดของมัน” ก็เป็นดังนั้น 25พระเจ้าทรงสร้างสัตว์ป่าตามชนิดของมัน สัตว์ใช้งานตามชนิดของมัน และสัตว์ต่างๆ ที่เลื้อยคลานทุกชนิดบนแผ่นดินตามชนิดของมัน แล้วพระเจ้าทรงเห็นว่าดี
26แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาของเรา ตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในท้องฟ้าและฝูงสัตว์ใช้งาน ให้ปกครองแผ่นดินโลกทั้งหมด และสัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดบนแผ่นดินทั้งหมด” 27พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง
28พระเจ้าทรงอวยพรพวกเขา ตรัสกับพวกเขาว่า “จงมีลูกดกทวีมากขึ้นจนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดิน จงครอบครองฝูงปลาในทะเล และฝูงนกในท้องฟ้า กับสัตว์ที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดินทั้งหมด” 29พระเจ้าตรัสว่า “ดูนี่ เราให้ธัญพืชที่มีเมล็ดทุกชนิด ซึ่งมีอยู่ทั่วพื้นแผ่นดิน และต้นไม้ผลทุกชนิดที่มีเมล็ดในผลของมันแก่เจ้า เป็นอาหารของเจ้า 30ฝ่ายสัตว์ทั้งหมดบนแผ่นดิน นกทั้งปวงบนท้องฟ้าและสัตว์เลื้อยคลานทั้งหมดบนแผ่นดิน คือ สิ่งมีชีวิตที่มีลมหายใจนั้น เราให้พืชเขียวสดทั้งปวงเป็นอาหาร” ก็เป็นดังนั้น 31พระเจ้าทอดพระเนตรสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างไว้ ดูสิ ทรงเห็นว่าดียิ่งนัก มีเวลาเย็นและเวลาเช้า เป็นวันที่หก
ปฐมกาล 2
1ฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน และสรรพสิ่งทั้งสิ้นที่มีอยู่ในนั้นก็ถูกสร้างเสร็จ 2วันที่เจ็ด พระเจ้าก็เสร็จงานของพระองค์ที่ทรงทำมานั้น ในวันที่เจ็ดนั้นก็ทรงหยุดพักจากการงานทั้งสิ้นของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำ 3พระเจ้าจึงทรงอวยพรวันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์ เพราะในวันนั้นพระองค์ทรงหยุดพักจากการงานทั้งปวงที่พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างและทรงกระทำ
สวนเอเดน
4ลำดับเรื่องการเนรมิตสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินมีดังนี้
ในวันที่พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างแผ่นดินและฟ้าสวรรค์ 5เมื่อยังไม่มีต้นไม้ตามทุ่งบนแผ่นดิน และพืชตามทุ่งก็ยังไม่งอกขึ้นเลย เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้ายังไม่ได้ทรงให้ฝนตกบนแผ่นดิน ทั้งยังไม่มีมนุษย์เพาะปลูกบนดิน 6แต่มีละอองน้ำขึ้นมาจากแผ่นดิน รดพื้นดินทั่วทั้งหมด 7พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีจากพื้นดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูกของเขา มนุษย์จึงกลายเป็นผู้มีชีวิตอยู่
8พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงปลูกสวนแห่งหนึ่งไว้ในเอเดนทางทิศตะวันออก และทรงกำหนดให้มนุษย์ที่พระองค์ทรงปั้นอยู่ที่นั่น 9แล้วพระยาห์เวห์พระเจ้าทรงให้ต้นไม้ทุกชนิดที่งามน่าดูและน่ากินงอกขึ้นจากพื้นดิน มีต้นไม้แห่งชีวิตต้นหนึ่งอยู่กลางสวนนั้น กับต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วต้นหนึ่งด้วย
10มีแม่น้ำสายหนึ่งไหลจากเอเดนรดสวนนั้น จากที่นั่นก็แยกเป็นสี่สาย 11ชื่อแม่น้ำสายที่หนึ่งคือปิโชน เป็นแม่น้ำที่ไหลรอบแผ่นดินฮาวิลาห์ทั้งหมด ที่มีแร่ทองคำ 12ทองคำที่บริเวณนั้นเป็นทองคำเนื้อดี และมียางไม้ตะคร้ำตะคร้ำเป็นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งที่มียางไม้สีเหลืองใส และมีกลิ่นหอมและโมรา 13ชื่อแม่น้ำสายที่สองคือกิโฮน ไหลรอบแผ่นดินคูชทั้งหมด 14ชื่อแม่น้ำสายที่สามคือไทกริส ไหลไปทางทิศตะวันออกของอัสซีเรีย และแม่น้ำสายที่สี่ชื่อยูเฟรติส
15พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอาศัยอยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและดูแลสวน 16พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงตรัสสั่งมนุษย์นั้นว่า “ผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ตามใจชอบ 17แต่ผลของต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วนั้น ห้ามเจ้ากิน เพราะในวันใดที่เจ้ากิน เจ้าจะต้องตายแน่”
อรรถาธิบาย
ชื่นชมในการทรงสร้าง
คุณไม่ได้อยู่ที่นี่โดยบังเอิญ สรรพสิ่งทั้งหมดในจักรวาลนี้เป็นฝีพระหัตถ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า คุณถูกสร้างขึ้นตามพระฉายของพระองค์
พระธรรมปฐมกาลให้ความสำคัญเกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของสรรพสิ่งที่ไปไกลกว่าทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า “อย่างไร?” และ “เมื่อไหร่?” และเป็นผลลัพธ์ของคำถามที่ว่า “ใคร” และ “ทำไม?” วิทยาศาสตร์ไม่ได้พิสูจน์หรือหักล้างคำอธิบายนี้แต่กลับเป็นตัวส่งเสริมเติมเต็ม
เมื่อได้ใคร่ครวญพระคำตอนนี้ผ่านมุมมองของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เราจะเห็นตรีเอกานุภาพผ่านการทรงสร้างนี้ คำว่าพระเจ้าในภาษาฮีบรู (Elohim) เป็นคำนามพหูพจน์ โดยมีพระวิญญาณบริสุทธิ์มีส่วนในการทรงสร้าง (1:2) และโดยพระเยซูนั้นสรรพสิ่งทั้งหลายก็บังเกิดเกิดขึ้น 'และพระเจ้าตรัสว่า…' (ข้อ 3ก) พระเยซูเป็นพระวาทะของพระเจ้าและสรรพสิ่งก็ถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์ (ดู ยอห์น 1:1-3)
ท่ามกลางความล้ำลึกของการทรงสร้างนี้ ยังมีส่วนที่น่าทึ่งซึ่งแสดงให้เห็นถึงฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้านั่นคือ 'พระองค์ทรงสร้างดวงดาวต่าง ๆ ด้วย' (ปฐมกาล 1:16) เราอาจรู้มาว่ามีหมู่ดาวอยู่ระหว่าง 100 และ 400 พันล้านดวงในกาแล็กซีของเรา และกาแล็กซีของเราก็เป็นเพียงหนึ่งใน 100 พันล้านของกาแลคซีทั้งหมด เช่นนี้ แหละ! พระองค์ทรงสร้างทั้งหมดนี้ขึ้นมา
ผลงานชิ้นเอกของพระเจ้าคือมนุษย์ คุณถูกสร้างขึ้นตามพระฉายของพระองค์ (ข้อ 27) ถ้าเราอยากรู้ว่าพระเจ้าเป็นอย่างไร ทั้งหญิงและชายก็เป็นดั่งเงาสะท้อนพระฉายของพระองค์นั่นเอง ('ชายและหญิง' ข้อ 27ข)
มนุษย์ทุกคนถูกสร้างขึ้นตามพระฉายของพระเจ้าและควรได้รับการปฏิบัติด้วยการให้เกียรติ ด้วยความเคารพและด้วยความรัก ศักยภาพของคุณในการสื่อสารกับพระเจ้าเป็นสิ่งสะท้อนของความจริงที่ว่าคุณถูกสร้างขึ้นตามพระฉายของพระองค์
พระเจ้าอนุญาตให้ทุกสิ่งเกิดขึ้นและตรัสว่า 'ดี' หลายคนรู้สึกไร้ค่า ไม่ปลอดภัยและมีปมด้อย แต่พระเจ้าไม่ได้สร้างขยะ พระเจ้าสร้างคุณ พระองค์รักคุณและยอมรับในตัวคุณ พระองค์อาจไม่เห็นด้วยกับทุกสิ่งที่คุณทำ แต่ทรงรักคุณโดยปราศจากเงื่อนไข บริสุทธิ์ และเป็นความรักมั่นคง
เราจะเห็นในพระธรรมตอนนี้ว่าการงานเป็นพระพร 'พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอาศัยอยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและดูแลสวน' (2:15) การงานเป็นส่วนหนึ่งของการทรงสร้างอันยอดเยี่ยม ไม่ใช่ผลจากความตกต่ำแต่อย่างใด พระธรรมตอนนี้ยังย้ำเตือนเราด้วยว่า การดูแลสิ่งทั้งปวงโดยรอบเป็นหัวใจสำคัญของแผนงานพระเจ้าสำหรับมนุษย์
และการหยุดพักไม่ใช่ทางเลือกเสริม แต่นั่นคือสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ ('ทรงหยุดพัก' ข้อ 2) วันหยุดพักเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น (วันหยุดงานหรือวันหยุดพักผ่อน) ล้วนเป็นช่วงเวลาแห่งพระพรพิเศษทั้งสิ้น 'พระเจ้าจึงทรงอวยพรวันที่เจ็ด ทรงตั้งไว้เป็นวันบริสุทธิ์' (ข้อ 3) วันหยุดถือเป็นวันบริสุทธิ์ พระธรรมตอนนี้ชี้ให้เห็นความจริงที่ว่าชีวิตคนเราส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตมากกว่าการกระทำ อย่ารู้สึกผิดที่จะสละเวลาซักนิด การหยุดพักมีข้อดีในตัวมันเอง นอกจากนี้ยังเป็นเวลาที่ดีในการเติมพลังฝ่ายวิญญาณด้วย
อย่าทำงานหนักจนเกินไป พระเจ้าทรงมีเวลาหยุดพักและชื่นชมกับสิ่งที่พระองค์ทรงสร้าง คุณไม่ควรก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างไม่หยุดหย่อน คุณถูกสร้างขึ้นให้มีความต้องการที่จะหยุดพักและพักผ่อน หาเวลาในการชื่นชมผลงานของคุณบ้าง
ในพระธรรมปฐมกาล 2:16-17 เราพบว่าพระเจ้าทรงอนุญาตให้อิสระอาดัมและเอวาอย่างมาก ('ผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้ เจ้ากินได้ตามใจชอบ' ข้อ 16) แต่มีข้อห้ามประการหนึ่งคือ 'แต่ผลของต้นไม้แห่งการรู้ถึงความดีและความชั่วนั้น ห้ามเจ้ากิน' (ข้อ 17ก) พระองค์ทรงเตือนพวกเขาถึงบทลงโทษหากพวกเขาไม่เชื่อฟัง ('เพราะในวันใดที่เจ้ากิน เจ้าจะต้องตายแน่' ข้อ 17ข) คุณไม่จำเป็นต้องรู้และมีประสบการณ์กับความบาป พระเจ้าต้องการให้คุณรู้จักแต่ความชอบธรรม
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับทุกสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างไว้ โปรดช่วยข้าพระองค์ให้ห่างไกลจากความชั่ว และชื่นชมยินดีในสิ่งดีทั้งหมดที่พระองค์ประทานให้มาเพื่อได้สุขสำราญ
เพิ่มเติมโดยพิพพา
มัทธิว 1:18-19
เป็นเรื่องยากเพียงใดสำหรับนางมารีย์ ครอบครัวและโยเซฟ พวกเขาคงรู้สึกอับอายและละอายใจ เราจะพบว่าเหตุใดโยเซฟจึงได้ถูกเลือกให้เป็นสามีของนางมารีย์ เขาเป็นคนที่น่าประทับใจมาก เนื่องจากหญิงสาวที่กำลังจะแต่งงานด้วยกลับกำลังตั้งครรภ์อยู่ เขามีสิทธิ์ที่จะโกรธ แต่เขาไม่ต้องการทำให้เธออับอาย ดังนั้นเขาเลยวางแผนที่จะ 'ถอนหมั้นเสียลับ ๆ' เราจะพบว่าเขาตอบสนองอย่างไรหลังจากที่ทูตสวรรค์ปรากฏตัวในความฝันและบอกให้เขาแต่งงานกับนางมารีย์ (ข้อ 24) ซึ่งต้องใช้ความเชื่อมากที่จะไม่สนใจในความคิดของคนอื่นและเลี้ยงดูบุตรที่ไม่ใช่ของตนเอง
App
Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)