วัน 105

จะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดแบบเรือไททานิกได้อย่างไร

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 9:13-18
พันธสัญญาใหม่ ลูกา 16:1-18
พันธสัญญาเดิม เฉลยธรรมบัญญัติ 21:1-22:30

เกริ่นนำ

เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ไททานิก อธิบายถึงเรือไททานิกว่าเป็น ‘อุปมา’ ของชีวิต ‘เราทุกคนอาศัยอยู่บน... เรือไททานิก’

เมื่อเรือไททานิกออกเดินทางในปี ค.ศ. 1912 มีการประกาศว่ามันเป็นเรือที่ ‘ไม่มีวันจม’ เนื่องจากมันถูกสร้างโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเรือแบ่งออกเป็นห้องผนึกน้ำ 16 ห้อง ห้องผนึกน้ำเหล่านี้ได้รับความเสียหายและน้ำท่วมถึง 4 ห้อง แต่เรือก็ยังคงลอยลำอยู่ได้

โศกนาฏกรรมเรือไททานิกจมในวันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1912 เวลา 2.20 น. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,513 คน ในเวลานั้นมีความคิดที่ว่ามีห้องผนึกน้ำ 5 ห้องถูกทำลายจากการชนกับภูเขาน้ำแข็ง

อย่างไรก็ตามในวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1985 เมื่อพบซากของเรือไททานิกนอนอยู่บนก้นพื้นมหาสมุทร กลับไม่พบร่องรอยของรอยรั่วที่เคยคิดว่าฉีกขาดในตัวเรือเลย สิ่งที่พวกเขาค้นพบก็คือความเสียหายของห้องผนึกน้ำเพียงช่องเดียวที่ส่งผลกระทบถึงส่วนที่เหลือทั้งหมด

หลายคนได้ทำความผิดพลาดแบบเรือไททานิก พวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถแบ่งชีวิตออกเป็น ‘ส่วน’ ต่าง ๆ และคิดว่าสิ่งที่พวกเขาทำในส่วนหนึ่งจะไม่ส่งผลกระทบถึงส่วนที่เหลือ ริค วอร์เรน (คือคนที่ผมได้นำภาพประกอบนี้มา) กล่าวว่า ‘ชีวิตแห่งความซื่อสัตย์คือชีวิตที่ไม่ได้แบ่งออกเป็นส่วน ๆ’

ดาวิดอธิษฐานเพื่อ ‘ใจเดียว’ (สดุดี 86:11) เขานำประชาชนด้วย ‘ใจเที่ยงธรรม’ (78:72) ยิ่งไปกว่านั้น พระเยซูทรงเป็น ‘คนซื่อสัตย์’ (มัทธิว 22:16; มาระโก 12:14) คุณและผมจะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดแบบไททานิกและมีชีวิตที่ซื่อสัตย์ได้อย่างไร?

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 9:13-18

คำเชิญชวนและคำสัญญาของหญิงโง่

13หญิงโง่นั้นส่งเสียงเอ็ดอึง
 นางเบาปัญญาและไม่รู้อะไรเลย
14นางนั่งที่ประตูบ้านของนาง
 บนที่นั่งตามที่สูงของเมือง
15พลางร้องเรียกผู้ที่ผ่านไป
 ผู้เดินตรงไปตามทางของเขา ว่า
16“ใครเป็นคนรู้น้อย ให้เขาหันเข้ามาที่นี่”
 นางพูดกับผู้ที่ไม่มีสามัญสำนึก ว่า
17“น้ำที่ขโมยมาหวานดี
 และอาหารที่รับประทานในที่ลับก็อร่อย”
18แต่เขาไม่ทราบว่าคนตายอยู่ที่นั่น
 และแขกของนางก็อยู่ในห้วงลึกของแดนคนตาย

อรรถาธิบาย

ซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีชีวิตที่ซื่อสัตย์ในความสัมพันธ์ การล่อลวงมากมายและสิ่งล่อใจนั้นมีอิทธิพล ‘หญิงโง่นั้นส่งเสียงเอ็ดอึง’ (ข้อ 13ก) ‘ร้องเรียก’ (ข้อ 15ก) ‘เข้ามาที่นี่!’ (ข้อ 16ก) นางพูดว่า ‘น้ำที่ขโมยมาหวานดี และอาหารที่รับประทานในที่ลับก็อร่อย!’ (ข้อ 17)

และสิ่งเหล่านี้เป็นการหลอกลวงทั้งสิ้น ทำไมน้ำที่ ‘ขโมย’ มาจึงหวานดี หรืออาหารที่รับประทาน ‘ในที่ลับ’ จึงอร่อย? ในความเป็นจริงแล้ว ความไม่ซื่อสัตย์นำไปสู่จิตวิญญาณที่ตายด้าน ‘แต่เขาไม่ทราบว่าคนตายอยู่ที่นั่น และแขกของนางก็อยู่ในห้วงลึกของแดนคนตาย’ (ข้อ 18)

อัครสาวกเปาโลเขียนไว้ว่า ถ้าคุณเอาใจใส่ต่อสิ่งที่คุณปรารถนาตามธรรมชาติความบาปของคุณ มันจะนำไปสู่ความตาย ‘แต่การเอาใจใส่พระวิญญาณ ก็คือชีวิตและสันติสุข’ (โรม 8:6)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โดยพระวิญญาณของพระองค์ ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ให้ดำเนินชีวิตที่ซื่อสัตย์ ถอนรากของความบาปที่เป็นความลับ และดำเนินชีวิตที่แท้จริงและน่าเชื่อถือ

พันธสัญญาใหม่

ลูกา 16:1-18

อุปมาเรื่องพ่อบ้านที่ไม่ซื่อสัตย์

 1พระเยซูตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “เศรษฐีคนหนึ่งมีพ่อบ้าน มีคนมาฟ้องเศรษฐีว่าพ่อบ้านคนนั้นกำลังผลาญสมบัติของท่าน 2เศรษฐีจึงเรียกพ่อบ้านมา บอกกับเขาว่า ‘เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้านั้นเป็นอย่างไรกัน? เอาบัญชีพ่อบ้านของเจ้ามา เพราะว่าเจ้าจะเป็นพ่อบ้านต่อไปไม่ได้’ 3พ่อบ้านคนนั้นจึงคิดในใจว่า ‘ข้าจะทำอะไรดี เพราะข้ากำลังจะถูกนายถอดออกจากหน้าที่แล้ว? จะไปขุดดินก็ไม่มีแรง จะไปขอทานก็อายเขา 4ข้ารู้แล้วว่าจะทำอะไรดี เพื่อว่าเมื่อข้าถูกถอดจากหน้าที่แล้ว คนอื่นๆ จะยังรับข้าไว้ในบ้านของเขา’ 5คนนั้นจึงเรียกลูกหนี้ของนายมาทีละคน แล้วถามคนแรกว่า ‘ท่านเป็นหนี้นายของข้าพเจ้าเท่าไหร่?’ 6เขาตอบว่า ‘น้ำมันร้อยถัง’ พ่อบ้านจึงบอกเขาว่า ‘ไปเอาบัญชีของท่านมา นั่งลงแล้วแก้เป็นห้าสิบถังเร็วๆ เข้า’ 7แล้วเขาก็ถามอีกคนหนึ่งว่า ‘ท่านเป็นหนี้เท่าไหร่?’ เขาตอบว่า ‘ข้าวสาลีร้อยกระสอบ’ พ่อบ้านจึงบอกว่า ‘เอาบัญชีของท่านมาแก้เป็นแปดสิบ’ 8แล้วเศรษฐีก็ชมพ่อบ้านอสัตย์นั้น เพราะเขาทำด้วยความฉลาด เพราะว่าลูกของยุคนี้รู้จักใช้ความฉลาดกับคนในสมัยของพวกเขามากกว่าลูกของความสว่าง 9เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงทำตัวให้มีมิตรสหายด้วยเงินทองอธรรม เพื่อที่ว่าเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว เขาจะได้ต้อนรับท่านไว้ในที่อาศัยตลอดไป
 10“คนที่ซื่อสัตย์ในของเล็กน้อยจะซื่อสัตย์ในของมากด้วย และคนที่ไม่ซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย จะไม่ซื่อสัตย์ในของมากเช่นกัน 11ดังนั้นถ้าพวกท่านยังไม่ซื่อสัตย์ในเงินทองอธรรมแล้ว ใครจะมอบของเที่ยงแท้ให้แก่ท่าน? 12และถ้าพวกท่านยังไม่ซื่อสัตย์ในสิ่งที่เป็นของคนอื่นแล้ว ใครจะมอบสิ่งที่เป็นของท่านเองให้แก่ท่าน? 13ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เพราะจะเกลียดชังนายคนหนึ่งและจะรักนายอีกคนหนึ่ง หรือจะนับถือนายคนหนึ่งและจะดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้”

ธรรมบัญญัติและแผ่นดินของพระเจ้า

 14พวกฟาริสีที่เห็นแก่เงินเมื่อได้ยินคำเหล่านั้นแล้วจึงเยาะเย้ยพระองค์ 15แต่พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านทำทีดูเป็นคนชอบธรรมต่อหน้ามนุษย์ แต่พระเจ้าทรงทราบจิตใจของท่าน เพราะว่าสิ่งที่มีคุณค่าสูงในหมู่มนุษย์ ก็เป็นที่เกลียดชังในสายพระเนตรของพระเจ้า
 16“มีเพียงภาษากรีกไม่มีคำว่า มีเพียงธรรมบัญญัติและผู้เผยพระวจนะจนกระทั่งยอห์นมาปรากฏ ตั้งแต่นั้นมาเขาประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า และทุกคนก็พยายามแย่งชิงกันเข้าไปในแผ่นดินนั้น 17ถึงกระนั้น ฟ้าและดินจะล่วงไปก็ยังง่ายกว่าขีด ขีดหนึ่งในธรรมบัญญัติหลุดหายไป
 18“ผู้ที่หย่าภรรยาของตนแล้วไปมีภรรยาใหม่ก็ผิดประเวณี และคนที่รับหญิงซึ่งสามีหย่าแล้วมาเป็นภรรยาของตนก็ผิดประเวณีด้วย

อรรถาธิบาย

ซื่อสัตย์ในเรื่องเงิน

พระเยซูตรัสเกี่ยวกับเงินมากกว่าเรื่องอื่น ๆ (รวมถึงการอธิษฐานและฟ้าสวรรค์) มีอุปมา 12 เรื่องจาก 38 เรื่องที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเงินหรือทรัพย์สมบัติ ดังที่ บิลลี่ เกรแฮม กล่าวว่า ‘ถ้าผู้คนมีทัศนคติเรื่องเงินอย่างตรงไปตรงมา มันจะช่วยให้ชีวิตของพวกเขาตรงไปตรงมาเกือบทุกเรื่อง’

ในบทความวันนี้ พระเยซูทรงสอนเราว่าจะมีมุมมองที่ถูกต้องในเรื่องเงินได้อย่างไร พระองค์ทรงเริ่มต้นด้วยอุปมาที่ค่อนข้างแปลกเกี่ยวกับพ่อบ้านที่ไม่ซื่อสัตย์ ผู้ซึ่งได้รับคำชมเชยในความเฉลียวฉลาดของตน

  1. เงินเป็นเครื่องมือ
    ผู้คนของโลกนี้มักจะมีไหวพริบ รอบคอบ ระมัดระวังและเฉลียวฉลาดมากกว่าคนของพระเจ้าในการใช้เงินเป็นเครื่องมือ พ่อบ้านที่ไม่ซื่อสัตย์ได้รับคำชมเชยในความเฉลียวฉลาดของเขาที่เห็นในเรื่องนี้ ความเป็นจริงคือเงินสามารถใช้เป็นเครื่องมือเพื่อผลประโยชน์ที่ไม่สิ้นสุด ‘เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงทำตัวให้มีมิตรสหายด้วยเงินทองอธรรม เพื่อที่ว่าเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว เขาจะได้ต้อนรับท่านไว้ในที่อาศัยตลอดไป’ (ข้อ 9)

พระเยซูทรงสอนถึงความอัศจรรย์ของการอยู่กับพระองค์ชั่วนิรันดร์ในอุปมาเรื่องงานเลี้ยงใหญ่ (14:15-24) และเรื่องบุตรที่ฟุ่มเฟือย (15:11-32) ณ จุดนี้เราได้รับการเตือนว่าการใช้เงินของเราบนโลกนี้อาจส่งผลชั่วนิรันดร์ สิ่งหนึ่งซึ่งพระเยซูทรงห่วงใยเป็นลำดับแรกคือการได้เห็นข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าได้รับการประกาศออกไป (16:16) คุณสามารถใช้ทรัพย์ที่มีให้เกิดผลสู่ชีวิตนิรันดร์โดยการขยายแผนงานของพระเจ้าและนำความรอดไปสู่ชีวิตของผู้คนอีกมากมาย

  1. เงินเป็นบททดสอบ
    พระเยซูไม่ชมเชยพ่อบ้านที่ไม่ซื่อสัตย์ในเรื่องความไม่ซื่อสัตย์ของเขา พระองค์ตรัสต่อไปว่า ‘คนที่ซื่อสัตย์ในของเล็กน้อยจะซื่อสัตย์ในของมากด้วย และคนที่ไม่ซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย จะไม่ซื่อสัตย์ในของมากเช่นกัน ดังนั้นถ้าพวกท่านยังไม่ซื่อสัตย์ในเงินทองอธรรมแล้ว ใครจะมอบของเที่ยงแท้ให้แก่ท่าน?’ (ข้อ 10-11)

จงเป็นคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์และน่าเชื่อถือในทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบให้คุณ รวมถึงเงินของคุณด้วย ยิ่งคุณมีความน่าเชื่อถือในเรื่องเงินมากเท่าไร พระเจ้าจะยิ่งประทาน ‘ความมั่งคั่งที่เที่ยงแท้’ ให้กับคุณมากเท่านั้น

  1. เงินเป็นภัยคุกคาม
    พระเยซูตรัสว่า ‘ไม่มีผู้ใดเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนายได้ เพราะจะเกลียดชังนายคนหนึ่งและจะรักนายอีกคนหนึ่ง หรือจะนับถือนายคนหนึ่งและจะดูหมิ่นนายอีกคนหนึ่ง ท่านจะรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้’ (ข้อ 13) ดังที่ ดีทริช บอนโฮฟเฟอร์ กล่าวไว้ว่า ‘หัวใจของเรามีที่ว่างสำหรับการอุทิศตัวให้กับคนเพียงคนเดียว และเราสามารถซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น’

เงินมีเอาไว้ใช้ แต่ไม่ได้มีเอาไว้รัก อย่ารักเงินและหลอกใช้ผู้คน จงรักผู้คนและใช้เงิน

ภัยคุกคามของการรักเงินทองนำไปสู่การเกลียดชังพระเจ้า (ข้อ 13) พวกฟาริสีรักเงินทอง (พวกเขา ‘หลงใหลเรื่องเงินทอง’ พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และเยาะเย้ยพระเยซู (ข้อ 14) จงมีทัศนคติในทางตรงกันข้ามกับเงิน แต่จง ‘ดูหมิ่น’ เงินทอง (ข้อ 13) กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ให้เราปฏิบัติดูหมิ่นเงินทองโดยการให้ออกไปด้วยใจกว้างขวางและเน้นไปที่ความรักไม่ใช่เงินทอง และมุ่งเน้นไปที่พระเจ้าผู้ซึ่ง ‘ทราบจิตใจของท่าน’ (ข้อ 15)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ให้เป็นผู้รับใช้ที่ดีในทุก ๆ สิ่งที่พระองค์ทรงไว้วางใจข้าพระองค์ ให้ข้าพระองค์เป็นคนซื่อสัตย์ และน่าเชื่อถือ ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ที่จะให้ด้วยใจกว้างขวาง และไม่จดจ่อความคิดไปที่เงินทอง แต่มุ่งเน้นไปที่พระองค์

พันธสัญญาเดิม

เฉลยธรรมบัญญัติ 21:1-22:30

กฎหมายเรื่องฆาตกรรมที่ไม่รู้ตัวผู้ทำผิด

 1“ในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานให้ท่านเข้ายึดครองนั้น ถ้าพบศพคนที่ถูกฆ่าทิ้งอยู่กลางทุ่งนาโดยไม่ทราบว่าใครฆ่าเขาตาย 2ก็ให้พวกผู้ใหญ่และผู้พิพากษาของท่านออกมาวัดระยะทางถึงเมืองที่อยู่รอบๆ ศพผู้ตาย 3ให้พวกผู้ใหญ่ของเมืองที่อยู่ใกล้ศพผู้ตายนั้น นำโคตัวเมียตัวหนึ่งซึ่งยังไม่เคยใช้งานและยังไม่เคยเทียมแอก 4และให้พวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้น นำโคตัวเมียนั้นลงไปที่หุบเขาซึ่งมีน้ำไหล ซึ่งไม่มีใครไถหรือหว่านเลย และหักคอโคตัวเมียที่หุบเขานั้น 5และพวกปุโรหิตผู้เป็นบุตรหลานของเลวีจะต้องเข้ามาใกล้ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านได้ทรงเลือกพวกเขาไว้ให้ปรนนิบัติพระองค์ และให้อวยพรในพระนามของพระยาห์เวห์ ให้การวิวาทและการทำร้ายทุกเรื่องสิ้นสุดลงด้วยคำของปุโรหิตเหล่านี้ 6และพวกผู้ใหญ่ของเมืองที่อยู่ใกล้ศพผู้ตายนั้น จะล้างมือของพวกเขาเหนือโคตัวเมียซึ่งถูกหักคอที่ในหุบเขานั้น 7และเขาจะเป็นพยานว่า ‘มือของพวกเราไม่ได้ทำให้โลหิตนี้ตก และตาของเราก็ไม่เห็น 8ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงลบล้างบาปแก่อิสราเอลประชากรของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงไถ่ไว้ ขออย่าทรงถือโทษเรื่องโลหิตของผู้บริสุทธิ์ท่ามกลางอิสราเอลประชากรของพระองค์ แต่ขอทรงลบล้างบาปเนื่องจากโลหิตนี้แก่พวกเขา’ 9ดังนั้นท่านจะกำจัดความผิดเรื่องโลหิตของผู้บริสุทธิ์นั้นเสียจากท่ามกลางท่าน เมื่อท่านทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์

หญิงเชลยศึก

 10“เมื่อท่านออกไปทำสงครามกับพวกศัตรูของท่าน และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของท่านแล้ว และท่านจับเขามาเป็นเชลย 11และท่านเห็นผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างงดงามในหมู่เชลยนั้น และปรารถนาจะได้มาเป็นภรรยาของท่าน 12ท่านจงพานางมาไว้ที่บ้านของท่าน ให้นางโกนศีรษะและตัดเล็บมือเสีย 13และให้นางถอดเครื่องแต่งกายอย่างเชลยออก และให้อยู่ในบ้านของท่าน ให้ไว้ทุกข์ถึงบิดามารดาของนางหนึ่งเดือนเต็ม หลังจากนั้นท่านจึงจะเข้าไปหานางและเป็นสามีของนางได้ และให้นางเป็นภรรยาของท่าน 14ภายหลังถ้าท่านไม่พอใจนางนั้น จงปล่อยนางไปตามแต่นางจะพอใจไปไหน ห้ามขายนางเอาเงิน ห้ามทำกับนางเยี่ยงทาส เพราะท่านทำให้นางได้อายแล้ว

สิทธิของบุตรหัวปี

 15“ถ้าชายคนหนึ่งมีภรรยาสองคน รักคนหนึ่ง ไม่ชอบอีกคนหนึ่ง ภรรยาทั้งสองคือ ทั้งคนที่รักและคนที่ไม่ชอบก็มีบุตรด้วยกัน และบุตรหัวปีเป็นบุตรของภรรยาคนที่ตนไม่ชอบ 16เมื่อถึงวันแบ่งทรัพย์สินให้แก่บุตรเป็นมรดกนั้น ห้ามเขาทำต่อบุตรของภรรยาคนที่ตนรักนั้นเหมือนเป็นบุตรหัวปี แทนบุตรของภรรยาที่ตนไม่ชอบซึ่งเป็นบุตรหัวปี 17แต่เขาต้องยอมรับบุตรหัวปีคือบุตรของภรรยาคนที่ตนไม่ชอบ โดยแบ่งทุกสิ่งที่มีให้แก่บุตรหัวปีสองเท่า เพราะว่าคนนี้เป็นต้นกำลังของบิดา สิทธิของบุตรหัวปีเป็นของเขา

บุตรที่ดื้อ

 18“ถ้าชายคนใดมีบุตรที่ดื้อและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงของบิดาของตนหรือเสียงของมารดาของตน แม้ว่าบิดามารดาจะได้ตีสอน เขาก็ไม่ยอมฟัง 19ให้บิดามารดาจับตัวเขาออกมาหาพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้น ณ ประตูเมืองของเขา 20และพูดกับพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นว่า ‘บุตรชายของเราคนนี้เป็นคนดื้อและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงเรา เป็นคนตะกละและขี้เมา’ 21แล้วผู้ชายทุกคนในเมืองนั้นจะเอาหินขว้างเขาให้ตาย ดังนั้นท่านจะได้กำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน คนอิสราเอลทั้งสิ้นจะได้ยินและเกรงกลัว

กฎหมายเบ็ดเตล็ด

 22“ถ้าคนใดทำความผิดซึ่งมีโทษถึงตาย และเขาถูกประหารชีวิต และท่านแขวนเขาไว้ที่ต้นไม้ 23ห้ามปล่อยให้ศพของเขาค้างอยู่ที่ต้นไม้ ท่านจงฝังเขาเสียในวันเดียวกันนั้น เพราะผู้ที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้ก็ถูกสาปแช่งโดยพระเจ้า ท่านอย่าทำให้แผ่นดินของท่านซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านเป็นมรดกนั้นเป็นมลทิน

เฉลยธรรมบัญญัติ 22

 1“เมื่อท่านเห็นโคหรือแกะของพี่น้องของท่านหลงไป อย่านิ่งเฉยเสีย จงพาสัตว์เหล่านั้นกลับไปให้พี่น้องของท่าน 2ถ้าเขาไม่ได้อยู่ใกล้ท่าน หรือท่านไม่รู้จักเขา จงนำสัตว์นั้นมาไว้ที่บ้านของท่านและให้อยู่กับท่านจนพี่น้องมาเที่ยวหา แล้วท่านจงมอบคืนให้เขาไป 3เช่นเดียวกับลาของพี่น้องท่าน ก็ให้ทำเหมือนกัน และเช่นเดียวกับเสื้อผ้าของพี่น้องท่าน ก็เหมือนกัน และทุกสิ่งของพี่น้องที่หายไปและที่ท่านพบเข้า ท่านจงคืนให้แก่เขา ท่านจะนิ่งเฉยเสีย ไม่ช่วยเขาไม่ได้ 4ถ้าท่านเห็นลาหรือโคของพี่น้องล้มลงตามทาง อย่านิ่งเฉยเสีย ท่านจงช่วยเขาพยุงสัตว์เหล่านั้นขึ้นอีก
 5“ห้ามผู้หญิงใช้เครื่องแต่งกายของผู้ชาย และห้ามผู้ชายแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของผู้หญิง เพราะทุกคนที่ทำสิ่งเหล่านี้ก็เป็นที่พึงรังเกียจแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
 6“เมื่อท่านเผอิญไปพบรังนกตามทาง บนต้นไม้ใดๆ หรือบนพื้นดิน มีลูกนกหรือไข่และแม่นกกกอยู่บนลูกนกหรือไข่นั้น ห้ามเอาแม่นกไปพร้อมกับลูกนก 7จงปล่อยแม่นกไปเสีย แต่ลูกนกนั้นท่านจะเอาไปเป็นของท่านก็ได้ เพื่อจะเป็นการดีต่อท่าน และท่านจะมีอายุยืนนาน
 8“เมื่อท่านสร้างบ้านใหม่ จงก่อขอบขึ้นกันไว้ที่ดาดฟ้าหลังคา เพื่อท่านจะไม่ทำให้โลหิตตกบนบ้านของท่าน เพราะมีคนตกลงมาจากหลังคา
 9“ห้ามเอาเมล็ดพืชสองชนิดหว่านลงในสวนองุ่นของท่าน เกรงว่าจะต้องมอบถวายผลทั้งหมดนั้น คือทั้งพืชผลที่ท่านหว่านและผลองุ่นของสวนนั้น 10 ห้ามเอาโคและลาเข้าเทียมไถด้วยกัน 11ห้ามสวมเครื่องแต่งกายที่ทอด้วยขนสัตว์ปนด้ายป่าน
 12“ท่านจงทำพู่ห้อยไว้ที่มุมทั้งสี่ของชายเสื้อคลุมของท่านซึ่งท่านใช้คลุมตัว

กฎหมายเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ

 13“ถ้าชายใดได้ภรรยาและได้เข้าหานาง แล้วเกิดเกลียดชังนาง 14และกล่าวหานางว่าประพฤติตัวเสื่อมเสีย ทำให้นางเสียชื่อเสียง โดยกล่าวว่า ‘ข้าพเจ้ารับหญิงนี้มาเป็นภรรยา เมื่อข้าพเจ้าเข้าไปหานางก็เห็นว่านางไม่ได้เป็นพรหมจารี’ 15ให้บิดาของหญิงสาวนั้นและมารดาของนาง นำหลักฐานที่แสดงว่าหญิงนั้นเป็นพรหมจารีมาให้พวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นที่ประตูเมือง 16และบิดาของหญิงสาวนั้นจะบอกกับพวกผู้ใหญ่ว่า ‘ข้าพเจ้าได้ยกลูกสาวของข้าพเจ้าให้เป็นภรรยาชายคนนี้ แต่เขากลับเกลียดชังนาง 17ดูสิ ชายผู้นี้หาเหตุกล่าวติเตียนว่า “ข้าพเจ้าไม่พบหลักฐานการเป็นหญิงพรหมจารีในบุตรสาวของท่าน” แต่นี่คือหลักฐานว่า ลูกสาวของข้าพเจ้าเป็นหญิงพรหมจารี’ แล้วเขาจะคลี่เครื่องแต่งกายนั้นออกต่อหน้าพวกผู้ใหญ่ของเมือง 18ให้พวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นจับชายคนนั้นมาเฆี่ยน 19และปรับเงินเขาหนึ่งร้อยเชเขลหนึ่งร้อยเชเขลคือน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม และมอบเงินนั้นให้แก่บิดาของหญิงสาว เพราะเขาทำให้หญิงพรหมจารีอิสราเอลคนหนึ่งเสียชื่อเสียง หญิงนั้นจะเป็นภรรยาของเขาต่อไป เขาจะหย่าร้างไม่ได้เลยตลอดชีวิตของเขา 20แต่ถ้าเรื่องนั้นเป็นความจริงและไม่พบหลักฐานของหญิงพรหมจารีที่หญิงสาวนั้น 21พวกเขาจะพาหญิงสาวนั้นออกมานอกประตูบ้านบิดาของเธอ แล้วพวกผู้ชายของเมืองนั้นจะเอาหินขว้างเธอให้ตาย เพราะเธอได้ทำความโง่เขลาในอิสราเอล คือเป็นหญิงโสเภณีในบ้านของบิดา ดังนั้นท่านจะกำจัดความชั่วออกจากท่ามกลางท่าน
 22“ถ้าพบชายคนหนึ่งไปนอนกับภรรยาของคนอื่น ทั้งสองคนคือชายที่ไปนอนกับหญิงและหญิงคนนั้นจะต้องมีโทษถึงตาย ดังนั้นท่านจะกำจัดความชั่วจากอิสราเอล
 23“ถ้ามีหญิงพรหมจารีคนหนึ่งหมั้นไว้แล้ว และมีชายคนหนึ่งไปพบเธอในเมืองและได้นอนกับเธอ 24พวกท่านจงพาเขาทั้งสองออกไปที่ประตูเมือง และเอาหินขว้างเขาทั้งสองให้ตายเสีย เพราะว่าหญิงสาวคนนั้น แม้อยู่ในเมืองก็ไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือ ส่วนชายคนนั้นได้ทำให้ภรรยาของเพื่อนบ้านได้รับความละอาย ดังนั้น ท่านจะกำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน
 25“แต่ถ้าชายคนหนึ่งไปพบหญิงสาวที่คนอื่นหมั้นไว้แล้วที่กลางทุ่ง และชายคนนั้นจับตัวหญิงคนนั้นและได้นอนกับเธอ เฉพาะผู้ชายคนที่นอนกับเธอเท่านั้นจะต้องมีโทษถึงตาย 26แต่ท่านอย่าทำอะไรหญิงสาวนั้นเลย หญิงสาวนั้นไม่มีความผิดที่จะต้องโทษถึงตาย เพราะคดีนี้ก็เหมือนกับคดีเรื่องชายคนหนึ่งเข้าต่อสู้และฆ่าเพื่อนบ้านของตน 27เพราะชายนั้นพบเธอที่กลางทุ่ง แม้ว่าหญิงสาวที่หมั้นแล้วคนนั้นจะร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่มีผู้ใดมาช่วยได้
 28“ถ้าชายคนหนึ่งพบหญิงพรหมจารีที่ยังไม่ได้หมั้น และเขาจับตัวเธอไว้และนอนกับเธอ และมีผู้รู้เห็น 29ชายผู้ที่ได้นอนกับเธอนั้นจะต้องมอบเงินห้าสิบเชเขลให้แก่บิดาของหญิงสาวคนนั้น และให้เธอตกเป็นภรรยาของเขา เพราะเขาทำให้เธอได้รับความอาย และเขาจะหย่าร้างเธอไม่ได้ตลอดชีวิตของเขา
 30“ห้ามผู้ชายคนใดเอาภรรยาของบิดาของเขามาเป็นภรรยาของตน และห้ามเปิดผ้าของบิดาของเขา

อรรถาธิบาย

ซื่อสัตย์ในการดำเนินชีวิต

กฏต่างๆเหล่านี้มีวัตถุประสงค์ชั่วคราว ตัวอย่างเช่น กฏเกี่ยวกับอาหารอาหารและกฏอื่น ๆ เป็นนัยที่ใช้สอนประชาชนของพระเจ้าในเรื่องการแสวงหาความบริสุทธิ์

กฏข้ออื่น ๆ ที่อาจทำให้เราตกใจ เพราะดูจะมาเหนือกาลเวลาอย่างน่าประหลาดใจสำหรับมาตรฐานของยุคนั้น ตัวอย่างเช่น มีข้อปฏิบัติที่จำกัดสำหรับหญิงที่ถูกจับมาเป็นเชลย (21:10-14) เธอต้องไม่ถูกทำให้เสียเกียรติหรือทำให้อับอาย (ข้อ 14)

ต้องมีการให้เกียรติในความสัมพันธ์ทางเพศ พระเจ้าทรงห่วงใยเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน, การสำส่อน (22:21), การล่วงประเวณี (ข้อ 22), การข่มขืน (ข้อ 25-27), และการร่วมประเวณีระหว่างคนในครอบครัวเดียวกัน (ข้อ 30) อย่างที่เราได้เห็นในข้อพระคำในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่สำหรับวันนี้ พระเยซูตรัสอย่างหนักแน่นว่ามีความจำเป็นต้องให้เกียรติกับคำสาบานในงานแต่งงาน (ลูกา 16:18)

พระเจ้าก็ทรงห่วงใยเกี่ยวกับการปกป้องผู้อ่อนแอด้วย การข่มขืนเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงเสมอ แต่ในสังคมยุคโบราณมันสามารถลดโอกาสในการแต่งงานของหญิงนั้นได้เช่นกัน นี่เป็นบริบทที่อยู่เบื้องหลังข้อผูกพันสำหรับผู้ที่ข่มขื่นที่ต้องจ่ายค่าชดเชยและแต่งงานกับหญิงนั้น (เฉลยธรรมบัญญัติ 22:29) อย่างไรก็ตามในพระคัมภีร์ข้อที่เหมือนกันใน อพยพ 22:17 ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่ากฏข้อนี้ไม่ได้หมายความว่าหญิงนั้นต้องแต่งงานกับชายที่ข่มขืนนาง กฏหมายนี้ตั้งไว้เพื่อคุ้มครองเหยื่อที่ถูกข่มขืน ไม่ได้มีไว้เพื่อบังคับให้แต่งงานบนความทุกข์ของพวกเขา

จงแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนบ้าน (เฉลยธรรมบัญญัติ 22:1-3) การไม่ทำอันตรายเพื่อนบ้านนั้นยังไม่เพียงพอ จงทำดีต่อพวกเขา การเพิกเฉยต่อผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือนั้นเป็นสิ่งผิด ‘อย่าทำเป็นมองไปทางอื่นราวกับว่าท่านไม่ได้พบเห็น’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เราได้เห็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่กฎหมายของอังกฤษอธิบายว่าเป็น ‘หน้าที่ในการดูแล’ ต่อเพื่อนบ้านของเรา ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทรัพย์สินของคุณ (บ้าน รถยนต์ รถจักรยาน และอื่น ๆ) ปลอดภัย และไม่น่าจะก่อให้เกิดอันตรายต่อเพื่อนบ้าน จง ‘ทำให้ปลอดภัย’ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ผมพบว่าข้อพระคำทั้งหมดในวันนี้ท้าทายมาก ผมรู้ว่าผมยังบกพร่องในหลาย ๆ ด้าน ผมมักจะผิดพลาด ยังคงมีความหวังอยู่หรือไม่?

ในตอนกลางของกฏทั้งสิ้นนี้ชี้ให้เห็นถึงเบาะแสบางอย่าง ‘ผู้ที่ต้องถูกแขวนไว้บนต้นไม้ก็ถูกสาปแช่งโดยพระเจ้า’ (21:23) เปาโลได้อ้างถึงพระคัมภีร์ข้อนี้ในพระธรรมกาลาเทียและอธิบายถึงความสำคัญของพระคำข้อนี้ให้กับเรา ผู้ที่ไม่ได้ประพฤติตามข้อความทุกข้อที่เขียนไว้ในธรรมบัญญัติของพระเจ้าก็ถูกสาปแช่ง เพราะนี่เป็นคำสาปของธรรมบัญญัติ (กาลาเทีย 3:10) แต่ข่าวดีก็คือ พระเยซูได้แบกรับเอาคำสาปแช่งนั้นด้วยพระองค์เองแทนเราบนไม้กางเขนแล้ว (‘ต้นไม้’)

‘พระองค์ทรงเป็นคำสาปแช่ง และในเวลาเดียวกันพระองค์ทรงยุติคำสาปแช่ง’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ผลก็คือบัดนี้เราทุกคนจะได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามพระสัญญาโดยความเชื่อ (ข้อ 14)

การที่ผมล้มเหลวในการดำเนินชีวิตอย่างซื่อสัตย์หมายความว่า ผมผิดพลาดในการรักษาพระบัญญัติ ดังนั้นผมจึงตกอยู่ภายใต้คำสาปแช่งของพระเจ้า แต่พระเยซูทรงแบกรับคำสาปแช่งแทนผมบนไม้กางเขน เมื่อถูกแขวนอยู่บนต้นไม้พระองค์ทรงแบกรับเอาคำสาปแช่งไว้ด้วยพระองค์เองเพื่อคุณและผม ดังนั้นเราจึงได้รับการไถ่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระและได้รับพระวิญญาณตามพระสัญญาเพื่อให้เราสามารถเริ่มต้นที่จะนำชีวิตไปสู่การมีชีวิตที่ซื่อสัตย์โดยสมบูรณ์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์ดังนั้นข้าพระองค์จึงได้รับการอภัยและได้รับของขวัญเป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ โดยพระวิญญาณของพระองค์โปรดทรงช่วยข้าพระองค์ให้ดำเนินชีวิตที่มีใจเที่ยงธรรม

เพิ่มเติมโดยพิพพา

เฉลยธรรมบัญญัติ 21:18-21

ฉันพบว่าข้อพระคัมภีร์ตอนนี้ยากมาก ฉันต้องการพระเยซูมากกว่า!

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม