วัน 145

จะจบดีอย่างไร

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 12:28-13:9
พันธสัญญาใหม่ ยอห์น 14:1-31
พันธสัญญาเดิม 1 ซามูเอล 14:24-15:35

เกริ่นนำ

คุณสามารถจบลงด้วยดีได้ แม้คุณอาจมีการเริ่มต้นชีวิตที่ไม่ดี เส้นทางของคุณอาจดูยุ่งเหยิง คุณอาจเคยทำผิดพลาด คุณอาจจะต้องเสียใจ แต่กระนั้นคุณสามารถจบดี และนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด

บางคนเริ่มต้นได้ดีแต่ก็ล้มลง ในภาวะถดถอย มีบริษัทหลายแห่งล้มลง ซึ่งจิม คอลลินส์ ที่ปรึกษาทางธุรกิจได้เล่าไว้ในหนังสือขายดีระดับนานาชาติของเขาชื่อ *Good to Great *แม้แต่บริษัทที่ ‘แข็งแกร่งที่สุด' ก็อาจล้มได้

ในหนังสือเล่มล่าสุดของเขาชื่อ How the Mighty Fall เขาตรวจสอบเส้นทางอันนำไปสู่หายนะ ขั้นตอนแรกของกระบวนการเริ่มต้นด้วย ‘ความโอหังที่เกิดจากความสำเร็จ’ เช่นเดียวกับซาอูลในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมสำหรับวันนี้ ที่ถือเป็น ‘ความดื้อดึง’ (1ซามูเอล 15:23) กระบวนการทั้งหมดเริ่มต้นจากการมีอำนาจแล้วจบลงด้วยการล้มลง ซาอูลเริ่มต้นได้ดีแต่จบได้ไม่ดี

การจบดีสำคัญกว่าเริ่มต้นได้ดี ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เซาโล (แห่งทาร์ซัส) เริ่มต้นไม่ค่อยดีนัก (ในฐานะผู้ข่มเหงพระเยซู) แต่เขาก็จบด้วยดี (ในฐานะอัครสาวกเปาโลผู้ยิ่งใหญ่)

พระเยซูทรงชี้ทางแก่เราเช่นเคย ชีวิตของพระองค์ค่อนข้างสั้น ทรงสิ้นพระชนม์ในวัยสามสิบต้น ๆ แต่กระนั้นพระองค์ทรงจบดี พระองค์ทรงทำงานที่พระบิดาทรงมอบหมายให้ทำสำเร็จ (ยอห์น 17:4) นี่คือความทะเยอทะยานในชีวิตของผม ผมต้องการทำงานที่พระเจ้ามอบหมายให้ผมทำให้เสร็จ

คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่าคุณจะจบดี?

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 12:28-13:9

28วิถีของความชอบธรรมนำไปสู่ชีวิต
 และหนทางนั้นไม่มีความมรณา

สุภาษิต 13

1บุตรชายที่มีปัญญาฟังคำสั่งสอนของบิดาตน
 แต่คนที่ชอบเยาะเย้ยไม่ฟังคำว่ากล่าว
2คนกินของดีจากผลแห่งปากของตน
 แต่ความต้องการของคนทรยศก็คือความโหดร้าย
3คนที่ระแวดระวังปากย่อมรักษาชีวิตของตน
 ส่วนคนที่เปิดริมฝีปากกว้างก็มาถึงความพินาศ
4ความต้องการของคนเกียจคร้านก็มีอยู่ แต่จะไม่ได้อะไรเลย
 ส่วนความต้องการของคนขยันจะได้รับการตอบสนองอย่างจุใจ
5คนชอบธรรมเกลียดการพูดเท็จ
 แต่คนอธรรมประพฤติเสื่อมเสียและน่ารังเกียจ
6ความชอบธรรมคุ้มครองผู้ที่ทางของเขาไร้ตำหนิ
 แต่ความอธรรมจะทำลายคนบาป
7มีคนที่ทำทีว่ามั่งคั่ง แต่ไม่มีอะไรเลย
 และมีคนที่ทำทีว่ายากจน แต่มีทรัพย์สมบัติมากมาย
8ค่าไถ่ชีวิตของคนคือความมั่งคั่งของเขา
 แต่คนยากจนจะไม่ได้ยินคำข่มขู่เอาค่าไถ่
9แสงสว่างของคนชอบธรรมก็เปรมปรีดิ์
 แต่ประทีปของคนอธรรมจะถูกดับ

อรรถาธิบาย

มองการณ์ไกล

ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตหนุนใจให้เรามองการณ์ไกลและอยู่ในทางของ ‘ความชอบธรรม’ ที่ซึ่งมี ‘ชีวิตและหนทางนั้นไม่มีความมรณา’ (12:28) หลีกเลี่ยงการทดลองให้จดจ่ออยู่กับที่และปัจจุบัน แต่ดำเนินชีวิตในความสว่างของนิรันด์กาล

ชีวิตที่ชอบธรรมมีลักษณะอย่างไร?

1. ฟังคำแนะนำของผู้ปกครอง
‘บุตรชายที่มีปัญญาฟังคำสั่งสอนของบิดาตน’ (13:1) การให้เกียรติบิดามารดามีความสำคัญสูงในรายการลำดับความสำคัญของพระเจ้า ชีวิตครอบครัวและการเลี้ยงดูที่ดีมีความสำคัญมาก ผมแนะนำหนังสือชื่อ คู่มือการอบรมเลี้ยงดู (The Parenting Book) เขียนโดย นิคกี้ และ ซีล่า ลี

2. ระแวดระวังปากของคุณ
‘คนที่ระแวดระวังปากย่อมรักษาชีวิตของตน ส่วนคนที่เปิดริมฝีปากกว้างก็มาถึงความพินาศ’ (ข้อ 3) เป็นไปไม่ได้ที่จะประเมินค่าความสำคัญของคำพูดและการควบคุมลิ้นของคุณสูงเกินไป

3. ขยัน
‘ส่วนความต้องการของคนขยันจะได้รับการตอบสนองอย่างจุใจ’ (ข้อ 4) การทำงานเป็นการอวยพร ความสำเร็จอาจเป็นงานหนัก มันต้องใช้ความพากเพียรพยายาม วินสตัน เชอร์ชิล กล่าวว่า ‘ความสำเร็จประกอบด้วยการก้าวจากความล้มเหลวไปสู่ความล้มเหลวโดยไม่สูญเสียความกระตือรือร้น’

4. รักความจริง
‘คนชอบธรรมเกลียดการพูดเท็จ’ (ข้อ 5) เราต้องเกลียดชังความไม่ซื่อสัตย์และรักความจริง มาร์ค ทเว็น เคยกล่าวไว้ว่า ‘ถ้าคุณพูดความจริง คุณไม่จำเป็นต้องจำอะไรเลย’

5. เป็นคนซื่อตรง
‘ความชอบธรรมคุ้มครองผู้ที่ทางของเขาไร้ตำหนิ’ (ข้อ 6) ความซื่อตรงไม่ได้หมายความว่าเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ แต่หมายถึง เป็นคนที่ซื่อสัตย์ จริงใจ และเชื่อถือได้ (ตรงข้ามกับความหน้าซื่อใจคด) ในหนังสือของเขาชื่อ ความซื่อสัตย์ (Integrity) นักจิตวิทยาคลินิก ดร. เฮนรี คลาวด์ เขียนว่าความซื่อตรง ‘คือกุญแจสู่ความสำเร็จ บุคคลที่มีความซื่อสัตย์มีความสามารถซึ่งมักจะหายากในการทำงานร่วมกับผู้อื่น เพื่อทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ไม่ว่าสถานการณ์จะท้าทายเพียงใด’

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้เป็นมีปัญญา ให้เกียรติบิดามารดา ระแวดระวังปาก ขยัน พูดความจริง และดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์

พันธสัญญาใหม่

ยอห์น 14:1-31

พระเยซูทรงเป็นทางไปสู่พระบิดา

 1“อย่าให้ใจของพวกท่านเป็นทุกข์เลย พวกท่านวางใจในพระเจ้าพวกท่านวางใจในพระเจ้า แปลได้อีกว่า จงวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย 2ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่มีเราคงบอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน 3เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย 4และท่านรู้จักทางที่เราจะไปนั้น” 5โธมัสทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า พวกข้าพระองค์ไม่ทราบว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน พวกข้าพระองค์จะรู้จักทางนั้นได้อย่างไร?” 6พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา 7ถ้าพวกท่านรู้จักเราแล้ว ท่านก็จะรู้จักพระบิดาของเราด้วย ตั้งแต่นี้ไปท่านก็จะรู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์”
 8ฟีลิปทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอสำแดงพระบิดาให้พวกข้าพระองค์เห็น ก็พอใจข้าพระองค์แล้ว” 9พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ฟีลิป เราอยู่กับท่านนานถึงขนาดนี้แล้วท่านยังไม่รู้จักเราอีกหรือ? คนที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา ท่านจะพูดได้อย่างไรอีกว่า ‘ขอสำแดงพระบิดาให้พวกข้าพระองค์เห็น?’ 10ท่านไม่เชื่อหรือว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา? คำซึ่งเรากล่าวกับพวกท่านนั้น เราไม่ได้กล่าวตามใจชอบ แต่พระบิดาผู้สถิตอยู่ในเราทรงทำพระราชกิจของพระองค์ 11จงเชื่อเราว่าเราอยู่ในพระบิดาและพระบิดาทรงอยู่ในเรา หรือมิฉะนั้นก็จงเชื่อเพราะกิจการเหล่านั้น
 12“เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า คนที่วางใจในเราจะทำกิจการที่เราทำนั้นด้วย และเขาจะทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก เพราะว่าเราจะไปหาพระบิดาของเรา 13สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อว่าพระบิดาจะทรงได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ทางพระบุตร 14สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น

พระสัญญาเรื่องพระวิญญาณบริสุทธิ์

 15“ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา 16เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้กับพวกท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป 17คือพระวิญญาณแห่งความจริงซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะมองไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ พวกท่านรู้จักพระองค์เพราะพระองค์สถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ท่ามกลางท่าน
 18“เราจะไม่ละทิ้งพวกท่านไว้ให้เป็นลูกกำพร้า เราจะมาหาท่าน 19อีกหน่อยหนึ่งโลกก็จะไม่เห็นเรา แต่พวกท่านจะเห็นเรา เพราะเรามีชีวิตอยู่ พวกท่านก็จะมีชีวิตอยู่ด้วย 20ในวันนั้นท่านจะรู้ว่าเราอยู่ในพระบิดา และพวกท่านอยู่ในเราและเราอยู่ในท่าน 21ใครที่มีบัญญัติของเราและประพฤติตามบัญญัติเหล่านั้น คนนั้นเป็นคนที่รักเรา และคนที่รักเรานั้นพระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขาและจะสำแดงตัวให้ปรากฏแก่เขา” 22ยูดาส (ไม่ใช่อิสคาริโอท) ทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ทำไมพระองค์ถึงสำแดงพระองค์แก่พวกข้าพระองค์ แต่ไม่สำแดงแก่โลก?” 23พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ถ้าใครรักเรา คนนั้นจะประพฤติตามคำของเรา และพระบิดาจะทรงรักเขา แล้วเราทั้งสองจะมาหาเขาและจะอยู่กับเขา 24คนที่ไม่รักเราก็ไม่ประพฤติตามคำของเรา และคำที่พวกท่านได้ยินนี้ไม่ใช่คำของเรา แต่เป็นของพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา
 25“เรากล่าวคำเหล่านี้กับพวกท่านขณะที่เรายังอยู่กับท่าน 26แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้นจะทรงสอนพวกท่านทุกสิ่ง และจะทำให้ระลึกถึงทุกสิ่งที่เรากล่าวกับท่านแล้ว 27เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย 28พวกท่านได้ยินเรากล่าวกับท่านว่า ‘เราจะจากไปและจะกลับมาหาท่าน’ ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะชื่นชมยินดีที่เราไปหาพระบิดา เพราะพระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา 29และเราก็บอกพวกท่านแล้วตอนนี้ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น เพื่อว่าเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วท่านจะได้เชื่อ 30เราจะไม่สนทนากับพวกท่านนานอย่างนี้อีก เพราะว่าผู้ครองโลกกำลังจะมา ผู้นั้นไม่มีสิทธิอำนาจอะไรเหนือเรา 31แต่เราทำตามที่พระบิดาทรงบัญชาเรา เพื่อโลกจะได้รู้ว่าเรารักพระบิดา ลุกขึ้น ให้เราไปกันเถิด

อรรถาธิบาย

วางใจในมรดกของพระเยซู

คุณมีความทุกข์ใจ เจ็บปวดใจ รู้สึกกระวนกระวายหรือกลัวหรือไม่? พระเยซูไม่ต้องการให้คุณมีปัญหา แต่ให้มีสันติสุขในจิตใจของคุณ (ข้อ 1,27) พระองค์กำลังจะกลับไปหาพระบิดา (ข้อ 3)

พระเยซูทรงทราบว่าชีวิตของพระองค์บนโลกนี้จะสิ้นสุด พระองค์กำลังจะจากเหล่าสาวก (ข้อ 27) แต่พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า ‘อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ ลำบาก กระสับกระส่าย’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) 'เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน' (ข้อ 27) พระเยซูไม่ได้ละทิ้งคุณไว้ตามลำพังแต่มอบไว้ซึ่งมรดกที่น่าทึ่ง

  • พระเยซูมีแผนที่ดีสำหรับอนาคตของคุณ
    พระเยซูตรัสว่า ‘ในบ้านของพระบิดาของเรายังมีที่ว่างมากมาย... เรากำลังเดินทางไปเตรียมห้องของพวกเจ้า’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ในพระคริสต์ อนาคตในระยะยาวของคุณล้วนแน่นอน

  • พระเยซูกำลังเสด็จกลับมาหาคุณ
    จุดจบของชีวิตทางโลกไม่ใช่จุดจบ พระเยซูบอกสาวกของพระองค์ว่า ‘เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา’ (ข้อ 3) คุณจะอยู่กับพระเยซูตลอดไป

  • พระเยซูทรงเปิดทางให้คุณรู้จักพระเจ้า
    โธมัสทูลพระองค์ว่า ‘พวกข้าพระองค์จะรู้จักทางนั้นได้อย่างไร?' พระเยซูตรัสตอบว่า ‘เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา’ (ข้อ 5–6)

  • พระเยซูทรงเปิดเผยพระเจ้าเพื่อคุณ
    ฟีลิปทูลพระองค์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอสำแดงพระบิดาให้พวกข้าพระองค์เห็น’ (ข้อ 8) พระเยซูตรัสตอบว่า ‘คนที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา’ (ข้อ 9) ถ้าอยากรู้ว่าพระเจ้ามีหน้าตาเป็นอย่างไร ดูที่พระเยซู

  • พระเยซูจะทรงทำการใหญ่กว่านั้นผ่านคุณ
    พระเยซูจะทำการอัศจรรย์ผ่านทางสาวกของพระองค์มากกว่าตอนที่พระองค์อยู่บนแผ่นดินโลก (ข้อ 12)

  • พระเยซูจะทรงตอบคำอธิษฐานของคุณต่อไป
    ‘ต่อจากนี้ไป ไม่ว่าเจ้าจะขอสิ่งใดตามแบบที่เราเป็นและสิ่งที่เราทำ เราจะทำสิ่งนั้น’ นั่นเป็นวิธีที่พระบิดาจะทรงปรากฏให้เห็นว่าพระองค์เป็นอย่างไรในพระบุตร เราหมายความอย่างนั้น ไม่ว่าสิ่งใดที่เจ้าขอด้วยวิธีนี้ เราจะทำ’ (ข้อ 13–14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  • พระเยซูจะไม่ทิ้งคุณไว้ตามลำพัง
    พระเยซูตรัสว่า ‘เราจะไม่ละทิ้งพวกท่านไว้ให้เป็นลูกกำพร้า’ (ข้อ 18) พระองค์ตรัสว่าพระองค์จะ ‘ประทานสหายอีกผู้หนึ่งให้กับพวกท่านและอยู่กับท่าน คือพระวิญญาณแห่งความจริง... พระองค์สถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ท่ามกลางท่าน!’ (ข้อ 16–17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  • พระเยซูจะทรงรักคุณต่อไป
    'คนที่รักเรานั้นพระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขาและจะสำแดงตัวให้ปรากฏแก่เขา’ (ข้อ 21ข)

  • พระเยซูและพระบิดาจะทรงอยู่ร่วมกับคุณ พระเยซูตรัสว่า ‘ถ้าใครรักเรา คนนั้นจะประพฤติตามคำของเรา และพระบิดาจะทรงรักเขา แล้วเราทั้งสองจะมาหาเขาและจะอยู่กับเขา’ (ข้อ 23)

  • พระเยซูมอบสันติสุขแก่เรา
    ‘เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย’ (ข้อ 27) สันติสุขเกิดจากการวางใจว่าพระเยซูสถิตอยู่กับเราและอยู่ในเรา พระเยซูคือสันติสุขของเรา

ทั้งหมดนี้เป็นไปได้อย่างไร? วิธีที่พระเยซูส่งต่อมรดกของพระองค์ให้กับคุณคือทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ได้ส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ (Paraclete , ผู้ช่วย) มาสถิตอยู่ในใจของคุณ ‘สหาย หรือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระบิดาจะทรงใช้มาตามที่เราขอ พระองค์จะทรงทำให้ทุกอย่างชัดเจนแก่ท่าน’ (ข้อ 26, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำภาษากรีกสำหรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือ Parakletos พาราเคลตอส หมายถึง ‘ผู้ถูกเรียกมาอยู่เคียงข้าง’ มีความหมายหลายแง่มุม คือ ที่ปรึกษา ทนาย ผู้ปลอบโยน ผู้ให้กำลังใจ ผู้ช่วย ผู้ที่จะยืนเคียงข้างคุณ ผู้ที่เป็นเพื่อนกับคุณ ตัวอย่างเช่น แม่คือ Paraclete (ผู้ช่วย) หรือผู้ที่ถูกส่งมาช่วยเหลือ ลูกของเธอ เธอเอาความปวดร้าวของความโดดเดี่ยวออกไป เธออยู่ด้วยเสมอ ให้ความมั่นคง สันติสุข และมีส่วนร่วม

ขณะนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในเราเพื่อให้กำลังใหม่และความรักใหม่แก่เรา เพื่อให้เราซึ่งเป็นคริสตจักรสามารถทำพันธกิจของพระเยซูในโลกต่อไปได้

พระเยซูทรงไตร่ตรองอย่างรอบคอบและมีแผนสืบทอดที่ยิ่งใหญ่

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ข้าพระองค์ ทรงอยู่ในข้าพระองค์และอยู่กับข้าพระองค์ตลอดไป ขอบพระคุณที่พระองค์ให้สันติสุขแก่ข้าพระองค์และพระองค์สัญญาว่าจะตอบคำอธิษฐานของข้าพระองค์

พันธสัญญาเดิม

1 ซามูเอล 14:24-15:35

คำสาบานหุนหันของซาอูล

 24แต่คนอิสราเอลต้องทุกข์ยากในวันนั้น เพราะซาอูลทรงให้พวกทหารสาบานไว้ว่า “ถ้าใครรับประทานอาหารก่อนเวลาเย็นวันนี้ ก่อนเราแก้แค้นพวกศัตรูแล้ว ให้ผู้นั้นถูกสาปแช่ง” เพราะฉะนั้นพวกทหารทั้งหมดจึงไม่ได้รับประทานอาหารเลย 25พวกทหารทั้งหมดภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า ทั้งแผ่นดินก็เข้ามาในป่า มีน้ำผึ้งอยู่ตามพื้นทุ่ง 26เมื่อพวกทหารเข้าไปในป่านั้น นี่แน่ะ น้ำผึ้งก็กำลังย้อยอยู่ แต่ไม่มีคนใดเอามือใส่ปาก เพราะเขากลัวคำสาบาน 27แต่โยนาธานไม่ได้ยินคำสาบานของพระราชบิดา ที่ทรงให้พวกทหารสาบานจึงแหย่ปลายไม้ที่อยู่ในมือท่าน จุ่มที่รังผึ้ง แล้วก็เอามือของพระองค์ใส่ปาก ตาก็สว่างขึ้น 28มีชายคนหนึ่งในพวกทหารเรียนว่า “พระราชบิดาของพระองค์ให้พวกทหารสาบานจริงๆ ว่า ‘ให้ผู้ที่รับประทานอาหารในวันนี้ถูกสาปแช่ง’ พวกทหารจึงอ่อนเพลีย” 29แล้วโยนาธานจึงกล่าวว่า “บิดาของข้าทำให้แผ่นดินลำบาก ดูซิ ว่าตาของข้าสว่างเพราะข้าได้รับประทานน้ำผึ้งนี้เพียงนิดเดียว 30ยิ่งกว่านั้น ถ้าวันนี้พวกทหารได้กินของที่ริบมาจากพวกศัตรูซึ่งพวกเขาหามาได้อย่างอิ่มหนำจะดีกว่านี้สักเท่าใด เพราะตอนนี้การฆ่าฟันพวกฟีลิสเตียนั้นไม่มากมายเลย” 31ในวันนั้นพวกเขาฆ่าพวกฟีลิสเตียจากมิคมาช ถึงอัยยาโลนและพวกทหารก็อ่อนเพลียยิ่งนัก 32พวกทหารวิ่งเข้าหาของที่ริบได้ เอาแกะและวัวและลูกวัวมาฆ่าบนพื้นดินและพวกทหารก็กินพร้อมกับเลือด 33แล้วเขาก็ไปทูลซาอูลว่า “ดูเถิด พวกทหารกำลังทำบาปต่อพระยาห์เวห์ โดยรับประทานพร้อมกับเลือด” และซาอูลจึงรับสั่งว่า “พวกเจ้าได้ประพฤติอย่างทรยศแล้ว จงกลิ้งก้อนหินใหญ่มาให้เราวันนี้” 34และซาอูลตรัสว่า “พวกท่านจงกระจายกันไปท่ามกลางพวกทหารและบอกเขาว่า ‘จงให้ทุกคนนำวัวหรือแกะของตัวมาฆ่าเสียที่นี่แล้วรับประทาน อย่าทำบาปต่อพระยาห์เวห์ด้วยรับประทานพร้อมกับเลือด’ ” คืนนั้นพวกทหารทุกคนก็นำวัวมาและฆ่าเสียที่นั่น 35และซาอูลก็สร้างแท่นบูชาถวายแด่พระยาห์เวห์ เป็นแท่นบูชาแท่นแรกซึ่งท่านสร้างถวายแด่พระยาห์เวห์

โยนาธานรับโทษเกือบตาย

 36แล้วซาอูลรับสั่งว่า “ให้เราลงไปตามพวกฟีลิสเตียตลอดคืน แล้วริบข้าวของของเขาเสียจนรุ่งเช้า อย่าให้พวกเขาเหลือสักคนเดียวเลย” และพวกเขาตอบว่า “ทรงทำตามที่พระองค์ทรงเห็นชอบทุกประการเถิด” แต่ปุโรหิตกล่าวว่า “ให้เราเข้าเฝ้าพระเจ้าที่นี่เถิด” 37และซาอูลก็ทูลถามพระเจ้าว่า “สมควรที่ข้าพระองค์จะติดตามพวกฟีลิสเตียหรือไม่? พระองค์จะทรงมอบพวกเขาไว้ในมือของอิสราเอลหรือ?” แต่ในวันนั้นพระองค์ไม่ได้ทรงตอบท่าน 38และซาอูลจึงตรัสว่า “มาที่นี่ พวกท่านทั้งหมดที่เป็นผู้นำของพวกทหารพึงทราบและเห็นว่าบาปนี้เกิดขึ้นได้อย่างไรในวันนี้ 39เพราะว่าพระยาห์เวห์ผู้ทรงช่วยกู้อิสราเอล ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด แม้ความผิดนั้นอยู่ที่โยนาธานบุตรของข้า เขาก็จะต้องตายเป็นแน่ฉันนั้น” แต่ไม่มีสักคนหนึ่งในพวกทหารทั้งสิ้นตอบพระองค์ 40แล้วพระองค์จึงตรัสกับอิสราเอลทั้งปวงว่า “พวกท่านอยู่ฝ่ายหนึ่ง เราและโยนาธานบุตรของเราจะอยู่อีกฝ่ายหนึ่ง” และพวกทหารทูลซาอูลว่า “ทรงทำตามที่พระองค์ทรงเห็นชอบเถิด” 41ดังนั้นซาอูลจึงทูลพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า “ขอทรงสำแดงฝ่ายถูก” โยนาธานและซาอูลถูกฉลาก แต่ฝ่ายพวกทหารรอดไป 42แล้วซาอูลรับสั่งว่า “จับฉลากระหว่างเรากับโยนาธานบุตรของเรา” และโยนาธานถูกฉลาก
 43แล้วซาอูลจึงตรัสกับโยนาธานว่า “เจ้าได้ทำอะไร จงสารภาพต่อเรา” โยนาธานก็สารภาพและทูลว่า “ข้าพระบาทได้ชิมน้ำผึ้งที่ติดปลายไม้เท้า ซึ่งอยู่ในมือของข้าพระบาทเล็กน้อยเท่านั้น ข้าพระบาทอยู่ที่นี่ ข้าพระบาทยอมตาย” 44และซาอูลตรัสว่า “ขอพระเจ้าทรงลงโทษและทรงเพิ่มโทษนั้น โยนาธานเจ้าจะต้องตายแน่” 45แล้วพวกทหารจึงทูลซาอูลว่า “โยนาธานควรตายหรือ? เขาเป็นผู้นำการช่วยกู้ยิ่งใหญ่นี้มาในอิสราเอล อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด เส้นผมของท่านสักเส้นหนึ่งจะไม่ตกถึงดิน เพราะในวันนี้ท่านได้ทำศึกด้วยกันกับพระเจ้า” พวกทหารไถ่โยนาธานไว้ท่านจึงไม่ตาย 46แล้วซาอูลก็เลิกตามพวกฟีลิสเตีย และพวกฟีลิสเตียกลับไปยังที่อยู่ของตน

ซาอูลกับสงครามที่ตามมา

 47เมื่อซาอูลทรงได้รับตำแหน่งพระราชาเหนืออิสราเอลนั้น พระองค์ได้ทรงต่อสู้ศัตรูทั้งหมดทุกด้าน ทรงต่อสู้กับโมอับ กับพงศ์พันธุ์อัมโมน กับเอโดม กับบรรดาพระราชาแห่งโศบาห์ และกับพวกฟีลิสเตีย ไม่ว่าพระองค์จะทรงหันไปทางไหน พระองค์ก็ทรงตีพวกเขาแตกพ่ายไป 48พระองค์ทรงสู้รบอย่างเข้มแข็ง และทรงโจมตีพวกอามาเลขและทรงช่วยกู้อิสราเอลให้พ้นจากมือของพวกที่ปล้นเขา
 49ราชโอรสของซาอูลคือ โยนาธาน อิชวี มัลคีชูวา และชื่อราชธิดาทั้งสองของพระองค์คือคนหัวปีชื่อเมราบ และชื่อผู้น้องคือมีคาล 50ชื่อมเหสีของซาอูลคืออาหิโนอัมบุตรีของอาหิมาอัส และชื่อแม่ทัพของพระองค์ คืออับเนอร์บุตรเนอร์ ลุงของซาอูล 51คีชเป็นบิดาของซาอูล และเนอร์ผู้เป็นบิดาของอับเนอร์เป็นบุตรของอาบีเอล
 52ตลอดรัชกาลของซาอูลมีสงครามอย่างรุนแรงกับพวกฟีลิสเตียอยู่เสมอ เมื่อซาอูลทรงเห็นชายคนไหนเป็นนักรบเก่งหรือเป็นคนแกล้วกล้า ก็ทรงนำมารับใช้พระองค์

1 ซามูเอล 15

ซาอูลรบชนะแต่ไว้ชีวิตกษัตริย์อามาเลข

 1ซามูเอลก็ทูลซาอูลว่า “พระยาห์เวห์ทรงใช้ข้าพเจ้ามาเจิมท่านเป็นพระราชาเหนืออิสราเอลประชากรของพระองค์ เพราะฉะนั้น บัดนี้จงฟังเสียงพระดำรัสของพระยาห์เวห์ 2พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า ‘เราจะลงโทษอามาเลขที่สกัดทางอิสราเอล เมื่อเขาออกจากอียิปต์ 3บัดนี้จงไปโจมตีอามาเลข และทำลายทุกอย่างที่เขามีทั้งหมด อย่าปรานีเขาเลย จงฆ่าเสียทั้งผู้ชายผู้หญิง ทั้งทารกและเด็กที่กินนมอยู่ ทั้งโค แกะ อูฐ และลา’ ”
 4ดังนั้นซาอูลจึงทรงเกณฑ์ประชาชนและตรวจพลที่ตำบลเทลาอิม ได้ทหารราบ 200,000 คน และคนเผ่ายูดาห์ 10,000 คน 5ซาอูลก็ทรงยกกองทัพมายังเมืองอามาเลข และตั้งซุ่มอยู่ในหุบเขา 6และซาอูลตรัสแก่คนเคไนต์ว่า “ไปเถอะ จงแยกไปเสีย ออกไปจากคนอามาเลข เกรงว่าเราจะทำลายพวกท่านไปพร้อมกับเขา เพราะท่านได้แสดงความเมตตาต่อพงศ์พันธุ์อิสราเอลทั้งหมดเมื่อพวกเขาขึ้นมาจากอียิปต์” ดังนั้นคนเคไนต์ก็แยกออกไปจากคนอามาเลข 7และซาอูลก็ทรงทำให้คนอามาเลขพ่ายแพ้ ตั้งแต่เมืองฮาวิลาห์ไปจนถึงชูร์ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของอียิปต์ 8ทรงจับอากักพระราชาของคนอามาเลขได้ทั้งเป็น และฆ่าฟันประชาชนทั้งหมดด้วยคมดาบ 9แต่ซาอูลและพวกทหารไว้ชีวิตอากักและส่วนที่ดีที่สุด มีฝูงแกะกับฝูงโคและสัตว์อ้วนพีกับลูกแกะ และไม่ยอมทำลายสิ่งดีๆ ทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง ทุกสิ่งที่พวกเขาดูถูกและเห็นว่าไร้ค่า พวกเขาก็ทำลายเสียสิ้น

ซาอูลถูกถอดจากการเป็นกษัตริย์

 10แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังซามูเอลว่า 11“เราเสียใจแล้วที่เราได้ตั้งซาอูลเป็นกษัตริย์ เพราะเขาได้หันจากการตามเรา และไม่ได้ทำตามบัญชาของเรา” และซามูเอลก็โกรธจึงร้องทูลต่อพระยาห์เวห์ตลอดคืน 12และซามูเอลลุกขึ้นแต่เช้าตรู่เพื่อไปเฝ้าซาอูลในตอนเช้านั้น และมีคนเรียนซามูเอลว่า “ซาอูลเสด็จมาที่ภูเขาคารเมล และนี่แน่ะ ทรงมาสร้างอนุสาวรีย์ของพระองค์แล้วก็หันกลับและผ่านลงไปเรื่อยจนถึงกิลกาล” 13และซามูเอลก็มาหาซาอูล และซาอูลตรัสกับท่านว่า “ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรท่านเถิด ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระยาห์เวห์แล้ว” 14และซามูเอลทูลว่า “ถ้าอย่างนั้นเสียงแกะนี้ที่ร้องเข้าหูข้าพเจ้ากับเสียงวัวที่ข้าพเจ้าได้ยินหมายความว่าอะไร?” 15ซาอูลทรงตอบว่า “พวกเขานำมาจากคนอามาเลข คือพวกทหารได้ไว้ชีวิตแกะและโคที่ดีที่สุด เพื่อเป็นเครื่องสัตวบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน นอกจากนั้นพวกเราได้ทำลายเสียสิ้น” 16แล้วซามูเอลจึงทูลซาอูลว่า “พอที ข้าพเจ้าจะขอเรียนท่านว่าพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าอย่างไรเมื่อคืนนี้” และซาอูลก็เรียนท่านว่า “จงกล่าวเถิด”
 17และซามูเอลทูลว่า “แม้ท่านเป็นแต่ผู้เล็กน้อยในสายตาของท่าน ท่านไม่ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้นำของบรรดาเผ่าอิสราเอลหรือ? พระยาห์เวห์ทรงเจิมท่านไว้เป็นพระราชาเหนืออิสราเอล 18และพระยาห์เวห์ทรงใช้ให้ท่านออกไปประกอบกิจ ตรัสว่า ‘จงไป จงทำลายคนอามาเลขพวกคนบาปให้หมดสิ้น และต่อสู้กับพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะหมดสิ้นไป’ 19ทำไมท่านจึงไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์? แต่ไปฉกชิงของริบต่างๆ และทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรพระยาห์เวห์” 20และซาอูลตรัสกับซามูเอลว่า “ข้าพเจ้าได้เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์แล้ว ข้าพเจ้าได้ไปประกอบกิจตามที่พระยาห์เวห์ทรงใช้ข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าได้คุมตัวอากักพระราชาแห่งคนอามาเลขมา และข้าพเจ้าก็ได้ทำลายคนอามาเลขหมดสิ้น 21แต่พวกทหารได้เก็บของริบ แกะและโคที่ดีที่สุดจากสิ่งที่ต้องทำลายถวายนั้น เพื่อนำมาเป็นเครื่องสัตวบูชา แด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านที่ในเมืองกิลกาล” 22และซามูเอลทูลว่า

“พระยาห์เวห์พอพระทัยในเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องสัตวบูชามาก
 เท่ากับการที่จะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์หรือ?
ดูเถิด ที่จะเชื่อฟังก็ดีกว่าเครื่องสัตวบูชา  และซึ่งจะเอาใจใส่ก็ดีกว่าไขมันของบรรดาแกะผู้
23เพราะการกบฏก็เป็นเหมือนบาปแห่งการถือฤกษ์ถือยาม
 และความดื้อดึงก็เป็นเหมือนบาปชั่วและการไหว้รูปเคารพ
เพราะเหตุที่ท่านทอดทิ้งพระวจนะของพระยาห์เวห์
 พระองค์จึงทรงถอดท่านออกจากตำแหน่งกษัตริย์”
 24และซาอูลตรัสกับซามูเอลว่า “ข้าพเจ้าได้ทำบาปแล้ว เพราะข้าพเจ้าฝ่าฝืนพระบัญญัติของพระยาห์เวห์และถ้อยคำของท่าน เพราะข้าพเจ้ากลัวพวกทหารและฟังเสียงของพวกเขา 25เพราะฉะนั้นขอท่านโปรดอภัยบาปของข้าพเจ้าและกลับไปกับข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะได้นมัสการพระยาห์เวห์” 26และซามูเอลทูลซาอูลว่า “ข้าพเจ้าจะไม่กลับไปกับท่าน เพราะท่านทอดทิ้งพระวจนะของพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ทรงถอดท่านจากเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล” 27พอซามูเอลหันจะไป ซาอูลก็ยึดชายเสื้อของท่านไว้และเสื้อนั้นก็ขาด 28และซามูเอลทูลท่านว่า “ในวันนี้พระยาห์เวห์ได้ทรงฉีกราชอาณาจักรอิสราเอลเสียจากท่านแล้ว และทรงมอบให้แก่ผู้อื่นที่ดีกว่าท่าน 29ยิ่งกว่านั้นองค์พระสิริแห่งอิสราเอลจะไม่ทรงมุสาหรือเปลี่ยนพระทัย เพราะว่าพระองค์ไม่ได้ทรงเป็นมนุษย์ที่เปลี่ยนใจ” 30ส่วนซาอูลตรัสว่า “ข้าพเจ้าทำบาปแล้ว แต่ตอนนี้ขอท่านได้โปรดให้เกียรติแก่ข้าพเจ้า ต่อหน้าพวกผู้ใหญ่ของประชาชนของข้าพเจ้าและคนอิสราเอล ขอกลับไปกับข้าพเจ้าเพื่อข้าพเจ้าจะได้นมัสการพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน” 31ซามูเอลจึงกลับตามซาอูลไป และซาอูลก็นมัสการพระยาห์เวห์
 32แล้วซามูเอลกล่าวว่า “พวกท่านจงนำอากักกษัตริย์ของคนอามาเลขมาให้ข้าพเจ้า” และอากักก็เข้ามาหาท่านอย่างสงบ อากักกล่าวว่า “ความขมขื่นแห่งความตายก็ผ่านพ้นไปแน่แล้ว” 33ซามูเอลกล่าวว่า “ดาบของท่านได้ทำให้พวกผู้หญิงไร้บุตรฉันใด มารดาของท่านจะไร้บุตรในหมู่พวกผู้หญิงฉันนั้น” และซามูเอลก็ฟันอากักเสียเป็นท่อนๆ เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ที่กิลกาล
 34ซามูเอลก็ไปรามาห์และซาอูลก็เสด็จขึ้นไปยังวังของพระองค์ที่กิเบอาห์แห่งซาอูล 35และซามูเอลไม่มาพบซาอูลอีกจนวันสิ้นชีพ แต่ซามูเอลโศกเศร้าเพราะซาอูล และพระยาห์เวห์เสียพระทัยที่ได้ทรงตั้งซาอูลเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล

อรรถาธิบาย

ถวายเกียรติแด่พระเจ้าจนถึงที่สุด

ซาอูลเริ่มต้นได้ดีมาก พระเจ้าประทานความสำเร็จอันยิ่งใหญ่แก่เขา ในข้อนี้ เราสามารถเรียนรู้จากแบบอย่างที่ดีของซาอูลในช่วงแรกๆ ของการเป็นผู้นำของ เขาเสาะหาคนดีหรือบรรดา ‘คนแกล้วกล้า’ (14:52) และรวบรวมพวกเขา

อย่างไรก็ตาม ซาอูลกลับไม่ได้จบดีเนื่องจากการไม่เชื่อฟังและความเย่อหยิ่ง การเชื่อฟังเพียงบางส่วนยังคงเป็นการไม่เชื่อฟัง ซาอูลไม่เพียงแต่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าเท่านั้น แต่เขายัง ‘สร้างอนุสาวรีย์แห่งชัยชนะเพื่อเป็นเกียรติแก่ตัวเขาเอง’ (15:12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ซึ่งแตกต่างจากพระเยซูที่เราเห็นจากข้อพระคัมภีร์ในวันนี้ ที่มีเป้าหมายเดียวในชีวิต เพื่อถวายเกียรติแด่พระบิดา (ยอห์น 14:13)

ซามูเอลบอกซาอูลว่า ‘เมื่อท่านเริ่มต้น ท่านไม่มีอะไรเลย และท่านเองก็รู้ แล้วพระเจ้าก็ให้ท่านเป็นผู้ปกครองของอิสราเอล คือตั้งท่านให้เป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอล... ทำไมท่านจึงไม่เชื่อฟังพระเจ้า?... พระองค์ต้องการให้ท่านฟังพระองค์! การฟังเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่การประกอบกิจอย่างฟุ่มเฟือย การให้ความสำคัญกับตนเองเมื่ออยู่ท่ามกลางพระเจ้านั้นเลวร้ายยิ่งกว่าการทำข้อตกลงกับบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วของท่าน เนื่องจากท่านปฏิเสธพระบัญชาของพระเจ้า พระองค์จึงปฏิเสธต่อความเป็นกษัตริย์ของท่าน’ (1 ซามูเอล 15:17–23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

อำนาจเป็นสิ่งที่อันตรายมาก มีแนวโน้มที่ก่อให้เกิดการทุจริต ความสำเร็จสามารถนำไปสู่ความภาคภูมิใจและความเย่อหยิ่งได้อย่างง่ายดาย สิ่งนั้นสามารถนำไปสู่การบูชารูปเคารพ จงถวายเกียรติพระเจ้าต่อไป

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์เชื่อฟังและถ่อมใจตามแบบของพระเยซู ขอพระวิญญาณแห่งความจริงทรงนำทางข้าพระองค์ และประทานสันติสุขของพระองค์แก่ข้าพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ยอห์น 14:1–3

พระเยซูตรัสว่า ‘อย่าให้ใจของพวกท่านเป็นทุกข์เลย พวกท่านวางใจในพระเจ้า จงวางใจในเราด้วย ในพระนิเวศของพระบิดาเรามีที่อยู่มากมาย ถ้าไม่มีเราคงบอกท่านแล้ว เพราะเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับพวกท่าน เมื่อเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกและรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนพวกท่านจะได้อยู่ที่นั่นด้วย’

เมื่อฉันได้ยินข้อพระคัมภีร์ข้อนี้ซึ่งมักอ่านในพิธีศพ ฉันรู้สึกได้ถึงพลังของคำเหล่านั้นที่เข้าถึงความเศร้าโศกอย่างสุดซึ้งและนำมาซึ่งการปลอบโยนและความหวัง

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม