พระเจ้าทรงใช้แม้กระทั่งความผิดพลาดของคุณ
เกริ่นนำ
แฮนด์ลีย์ มูลล์ เมื่อเขาเป็นบิชอปแห่งเดอร์แฮม มีหน้าที่ต้องไปเยี่ยมเยียนครอบครัวของชาวเหมือง 170 คน ที่เสียชีวิตในอุบัติเหตุเหมืองถล่ม เมื่อเขากำลังสงสัยว่าควรจะพูดอะไรกับพวกเขาดี เขาหยิบเอาที่คั่นหนังสืออันน้อยที่คุณแม่เคยให้ไว้ เมื่อเขาหยิบขึ้นมา ด้านหลังของที่คั่นหนังสือถักมือเป็นเส้นใยที่พันกันยุ่ง ไม่มีการอะไรเชื่อมโยง ไม่มีเหตุผล ไม่มีรูปแบบ ไม่มีอะไรเลย แต่อีกด้านเขียนว่า ‘พระเจ้าทรงเป็นความรัก’
บ่อยครั้งโลกในสายตาเราดูเหมือนเส้นใยที่พันกันยุ่งเหยิง บ่อยครั้งเราไม่สามารถเข้าใจได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น หรือทำไมเราจึงทุกข์ใจในแบบที่เราเป็น แต่เบื้องหลังคำกล่าวของพระเยซูและพระคัมภีร์ทั้งหมดนั้นคือความรักของพระเจ้า แม้กระทั่งสิ่งที่ดูเหมือนยากยิ่งสำหรับเราที่จะทำความเข้าใจในตอนนี้ พระเจ้าทรงกำลังทำตามพระประสงค์แห่งความรักของพระองค์ในโลกนี้
พระเจ้าทรงสามารถถักทอแบบแผนจากสายใยชีวิตของเรา รวมถึงความทุกข์ใจ เรื่องปวดหัว และแม้แต่ความผิดพลาดของเรา และทำให้บางสิ่งสวยงาม อัครทูตเปาโลบอกเราว่า ‘เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์’ (โรม 8:28) ใคร่ครวญวันนี้ในข้อเท็จจริงนั้น แม้ว่าสถานการณ์ของคุณอาจท้าทาย พระเจ้าทรงกำลังถักทอพระประสงค์ของพระองค์สำหรับชีวิตคุณ
โยบกล่าวว่า ‘พระองค์ประทานชีวิตและความรักมั่นคงแก่ข้าพระองค์ และทรงเฝ้าระวังชีวิตข้าพระองค์ไว้’ (โยบ 10:12) ทุกสิ่งซึ่งเกิดขึ้นในโลกนี้คือเกิดขึ้นในขอบเขตแห่งการทำกิจของพระเจ้า ‘การทรงจัดเตรียม’ หมายถึง การที่พระเจ้าทรงมองเห็นไว้ล่วงหน้า วิธีที่พระองค์ทรงคาดการณ์และเตรียมพร้อมสำหรับอนาคต ‘การทรงจัดเตรียม’ เป็นวิธีที่พระเจ้าทรงนำ และกุมหางเสือประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ พระองค์ทรงสถิตและยังคงทำกิจอยู่ในโลก ค้ำจุนและปกครองโลก
นี่ยังคงเป็นวิธีที่พระองค์ทรงนำและกุมหางเสือชีวิตของคุณเป็นการส่วนบุคคลและแต่ละคน พระเจ้าทรงมีแผนการชีวิตที่เฉพาะเจาะจง และไม่เหมือนใครสำหรับคุณ บางครั้งความคิดนี้ทำให้บางคนกังวล พวกเขาอาจทำพลาด และพลาดไปจากพระประสงค์ของพระเจ้า แต่ไม่ใช่แบบนั้น แม้กระทั่งความผิดพลาดของคุณ พระองค์ทรงใช้เพื่อการดีได้ ในทุกสถานการณ์ของชีวิตคุณ และสถานการณ์ซึ่งอยู่รอบตัวคุณ คุณสามารถไว้วางใจในการจัดเตรียมของพระเจ้า
สดุดี 72:1-20
คำอธิษฐานขอทรงสนับสนุนพระราชา
ของซาโลมอน
1ข้าแต่พระเจ้า ขอประทานความยุติธรรมของพระองค์แก่พระราชา
และความชอบธรรมของพระองค์แก่พระราชโอรส
2เพื่อท่านจะได้พิพากษาประชากรของพระองค์ด้วยความชอบธรรม
และพิพากษาคนยากจนของพระองค์ด้วยความยุติธรรม
3ให้ภูเขาบังเกิดสันติสุขแก่ประชาชน
และให้เนินเขาทำเช่นนั้นด้วย โดยความชอบธรรม
4ขอท่านสู้คดีเพื่อคนยากจนในหมู่ประชาชน
ขอท่านช่วยลูกหลานของคนขัดสน
และบดขยี้ผู้บีบบังคับ
5ขอให้พวกเขายำเกรงพระองค์ตราบที่ดวงอาทิตย์ดำรงอยู่
ตราบเท่าดวงจันทร์อยู่ตลอดชาติพันธุ์
6ขอให้ท่านเป็นเหมือนฝนที่ตกบนหญ้าซึ่งตัดแล้ว
เหมือนห่าฝนที่รดแผ่นดินโลก
7ในสมัยของท่าน ขอให้ความชอบธรรมเจริญขึ้น
และความสมบูรณ์พูนสุขดำรงอยู่จนกว่าจะไม่มีดวงจันทร์
8ขอให้ท่านครอบครองจากทะเลถึงทะเล
และจากแม่น้ำนั้นหมายถึง แม่น้ำยูเฟรติสถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก
9ขอให้บรรดาผู้ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารกราบลงต่อท่าน
และให้บรรดาศัตรูของท่านเลียผงคลีดิน
10ขอให้บรรดาพระราชาแห่งเมืองทารชิชและเกาะทั้งหลาย
ถวายราชบรรณาการ
ขอให้บรรดาพระราชาแห่งเชบาและแห่งเสบา
นำของกำนัลมา
11ขอให้พระราชาทั้งสิ้นน้อมกายลงคำนับท่าน
ทุกประชาชาติจะปรนนิบัติท่าน
12เพราะท่านจะช่วยกู้คนขัดสนผู้ทูลขอความช่วยเหลือ
ช่วยกู้คนยากจนและคนที่ไร้ผู้อุปถัมภ์
13ท่านจะสงสารคนอ่อนแอและคนขัดสน
และจะช่วยคนขัดสนให้รอด
14ท่านจะไถ่ชีวิตของพวกเขาจากการบีบบังคับและความทารุณ
และโลหิตของพวกเขาก็ประเสริฐในสายตาของท่าน
15ขอให้ท่านมีชีวิตยืนยาว
และได้ทองคำแห่งเชบา
ขอให้มีผู้อธิษฐานเผื่อท่านเสมอ
และให้มีผู้อวยพรท่านวันยังค่ำ
16ขอให้มีข้าวอุดมในแผ่นดิน
ให้มันพริ้วไหวบนยอดเขาทั้งหลาย
ขอให้ผลของแผ่นดินเหมือนเลบานอน
และให้นครนั้นมีคนสะพรั่ง
เหมือนหญ้าในทุ่งนา
17ขอให้นามของท่านดำรงอยู่เป็นนิตย์
ให้ชื่อเสียงของท่านยั่งยืนอย่างดวงอาทิตย์
ให้คนอวยพรกันเองโดยใช้นามท่าน
ให้ประชาชาติทั้งปวงเรียกท่านว่าผู้ได้รับพระพร
18สาธุการแด่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของอิสราเอล
ผู้ทรงกระทำการอัศจรรย์ต่างๆ แต่พระองค์เดียว
19สาธุการแด่พระนามรุ่งโรจน์ของพระองค์เป็นนิตย์
ขอให้แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเต็มไปด้วยพระสิริของพระองค์
อาเมน และ อาเมน
20คำอธิษฐานของดาวิด บุตรชายของเจสซี จบเท่านี้
อรรถาธิบาย
การทรงจัดเตรียมและคำอธิษฐาน
คำอธิษฐานของคุณสร้างความแตกต่าง ไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบต่อชีวิตคุณเอง แต่คำอธิษฐานของคุณยังสามารถพลิกประวัติศาสตร์ได้อีกด้วย
การทรงจัดเตรียมของพระเจ้า และคำอธิษฐานทำงานร่วมกันอย่างไรนั้นเป็นเรื่องลึกลับ ในบางครั้งคำอธิษฐานของคุณส่งผลต่อผลลัพธ์ของเหตุการณ์ พระเจ้าทรงครอบครอง และทำตามพระประสงค์ของพระองค์ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา และพระองค์ก็ทรงรวมคุณไว้ในแผนการของพระองค์ด้วย
สดุดีบทนี้เป็นคำอธิษฐานของดาวิดเพื่อบุตรชายและผู้สืบทอดของท่าน กษัตริย์ซาโลมอน เป็นการเตือนใจอย่างยิ่งถึงการทรงเรียกอันสูงส่งของเขา ทว่ามันไปไกลเกินกว่าที่มนุษย์จะทำให้สำเร็จได้ตัวอย่างเช่น ‘ขอให้พวกเขายำเกรงพระองค์ตราบที่ดวงอาทิตย์ดำรงอยู่ ตราบเท่าดวงจันทร์อยู่ตลอดชาติพันธุ์’ (ข้อ 5) การปกครองของเขานั้นชั่วกัลปวสานและทั้งจักรวาล (ข้อ 8) สุดท้ายแล้ว สิ่งนี้สำเร็จเป็นจริงในพระเมสสิยาห์ พระบุตรของพระเจ้า พระเยซูคริสต์
สดุดีบทนี้เป็นคำอธิษฐานขอพรของกษัตริย์ โดยทางพระองค์ประชากรทั้งมวลจะได้รับพระพรแห่ง “ความเจริญรุ่งเรือง” (ข้อ 3) ผู้นำที่ดีจะกังวลเรื่องความขัดสนและความยุติธรรม ‘ขอท่านสู้คดีเพื่อคนยากจนในหมู่ประชาชน ขอท่านช่วยลูกหลานของคนขัดสน และบดขยี้ทรราชย์ผู้ทารุณ’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่ยังเป็นคำอธิษฐานต่อนโยบายต่างประเทศด้วย ‘ให้ประชาชาติทั้งปวงเรียกท่านว่าผู้ได้รับพระพร’ (ข้อ 17)
ดาวิดกล่าวว่า ‘ขอให้มีผู้อธิษฐานเผื่อท่านเสมอ และให้มีผู้อวยพรท่านวันยังค่ำ’ (ข้อ 15ข) ชัดเจนว่าพระพรของพระเจ้าที่มีต่อผู้นำจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อประชาชนอธิษฐานเผื่อเขา เราไม่ทราบว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร อย่างไรก็ตามนี่แสดงให้เห็นว่า คำอธิษฐานสร้างความแตกต่างได้จริงๆ ในการทรงจัดเตรียมของพระองค์ พระเจ้าทรงรับคำอธิษฐานของคุณ และใช้มันเพื่อนำพระพรมา
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่คำอธิษฐานสร้างความแตกต่างได้ ข้าพระองค์ขออธิษฐานเผื่อผู้นำของเราผู้ที่พระองค์ทรงตั้งไว้เหนือเรา ขอประทานพระคุณ และปัญญาแก่พวกเขา เสริมสร้างชีวิตของพวกเขาเพื่อให้พวกเขาเป็นแหล่งแห่งกำลัง และแรงบันดาลใจ และถวายพระเกียรติ และพระสิริแด่พระองค์
กิจการอัครทูต 7:20-43
20เป็นเวลาเดียวกับที่โมเสสเกิดมา มีรูปร่างงดงามเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เขาจึงถูกเลี้ยงไว้ในบ้านบิดาจนครบสามเดือน 21แต่หลังจากถูกทิ้งไว้นอกบ้านแล้ว ราชธิดาของฟาโรห์ก็รับมาเลี้ยงเสมือนเป็นบุตรของตน 22โมเสสจึงได้รับการสอนในเรื่องวิชาการทุกอย่างของชาวอียิปต์ มีสมรรถภาพในการพูดและในกิจการต่างๆ
23“เมื่อโมเสสมีอายุย่างเข้าสี่สิบปี ก็นึกอยากไปเยี่ยมญาติพี่น้องของตนคือชนชาติอิสราเอล 24เมื่อท่านเห็นคนหนึ่งถูกข่มเหง จึงเข้าไปช่วยโดยฆ่าชาวอียิปต์ซึ่งเป็นผู้ข่มเหงนั้นเพื่อแก้แค้น 25เพราะคิดว่าญาติพี่น้องคงเข้าใจดีว่า พระเจ้าจะทรงช่วยพวกเขาให้รอดด้วยมือของตน แต่พวกเขาไม่เข้าใจอย่างนั้น 26วันรุ่งขึ้นโมเสสเข้ามาพบเขาทั้งสองขณะวิวาทกัน ก็อยากให้เขาทั้งสองกลับคืนดีกัน จึงกล่าวว่า ‘เพื่อนเอ๋ยพวกท่านเป็นพี่น้องกัน ทำไมถึงทำร้ายกัน?’ 27คนที่ข่มเหงเพื่อนก็ผลักโมเสสออกไป และกล่าวว่า ‘ใครตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาของเรา? 28เจ้าจะฆ่าข้าเหมือนกับที่ฆ่าชาวอียิปต์เมื่อวานนี้หรือ?’ 29เมื่อโมเสสได้ยินคำพูดนั้น จึงหนีไปอาศัยอยู่ที่แผ่นดินมีเดียน และมีบุตรสองคนที่นั่น
30“เมื่อเวลาผ่านไปได้สี่สิบปี ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏแก่โมเสสในเปลวไฟที่พุ่มไม้ในถิ่นทุรกันดารของภูเขาซีนาย 31เมื่อโมเสสเห็นก็อัศจรรย์ใจเพราะนิมิตนั้น เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆ ก็ได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าตรัสว่า 32‘เราเป็นพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า คือพระเจ้าของอับราฮัม ของอิสอัค และของยาโคบ’ โมเสสจึงกลัวจนตัวสั่นไม่กล้ามองดู 33พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า ‘จงถอดรองเท้าออก เพราะที่ที่เจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ 34อันที่จริงเราเห็นความทุกข์ของชนชาติของเราที่อยู่ในประเทศอียิปต์แล้ว และเราได้ยินเสียงคร่ำครวญของเขาทั้งหลาย เราจึงลงมาเพื่อช่วยพวกเขาให้รอด มาเถอะ เราจะใช้เจ้าไปยังประเทศอียิปต์’
35“โมเสสคนนี้ที่เคยถูกพวกเขาปฏิเสธ โดยกล่าวว่า ‘ใครตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาของเรา’ นั้นเอง โดยมือของทูตสวรรค์ผู้ซึ่งปรากฏแก่ท่านที่พุ่มไม้ พระเจ้าทรงใช้โมเสสคนนี้แหละ ไปเป็นผู้ครอบครองและผู้ช่วยกู้ 36คนนี้แหละที่เป็นผู้นำพวกเขาออกมา และทำการอัศจรรย์และหมายสำคัญต่างๆ ในแผ่นดินอียิปต์ ที่ทะเลแดง และในถิ่นทุรกันดารสี่สิบปี 37โมเสสคนนี้แหละที่กล่าวกับชนชาติอิสราเอลว่า ‘พระเจ้าจะประทานผู้เผยพระวจนะผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อท่านทั้งหลาย จากพี่น้องของพวกท่าน เหมือนอย่างข้าพเจ้า’ 38โมเสสคนนี้แหละที่อยู่ในชุมนุมชนในถิ่นทุรกันดาร อยู่กับทูตสวรรค์ผู้พูดกับท่านที่ภูเขาซีนาย และอยู่กับบรรพบุรุษของเรา ท่านได้รับพระดำรัสอันทรงชีวิตเพื่อส่งต่อมาให้เรา 39บรรพบุรุษของเราไม่ยอมฟังโมเสส แต่ผลักไสท่านออกไป และหันเหจิตใจกลับไปยังแผ่นดินอียิปต์ 40พวกเขากล่าวกับอาโรนว่า ‘ขอสร้างพระให้แก่เรา เป็นพระที่จะนำเราไป เพราะว่าโมเสสคนนี้ ที่เป็นคนนำเราออกจากประเทศอียิปต์นั้น เราไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป’ 41ในเวลานั้นพวกเขาทำรูปโคหนุ่ม และนำเครื่องสัตวบูชามาถวายแก่รูปนั้น และมีใจยินดีในสิ่งที่พวกเขาทำขึ้นด้วยมือ 42แต่พระเจ้าเบือนพระพักตร์และทรงปล่อยให้พวกเขานมัสการหมู่ดาวในท้องฟ้า ตามที่มีเขียนไว้ในหนังสือของบรรดาผู้เผยพระวจนะว่า
‘โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอล พวกเจ้าฆ่าสัตว์บูชาเรา
ในถิ่นทุรกันดารถึงสี่สิบปีหรือ?
43 พวกเจ้าขนเต็นท์ของพระโมเลค
และนำดาวพระเรฟาน
รูปพระต่างๆ ที่พวกเจ้าทำขึ้น เพื่อกราบนมัสการรูปนั้นต่างหาก
เราจะกวาดพวกเจ้าไปไกลจนพ้น เมืองบาบิโลน
อรรถาธิบาย
การทรงจัดเตรียมและคำเผยพระวจนะ
เราเห็นในพระธรรมตอนนี้ถึงวิธีที่ไม่ธรรมดาที่พระเจ้าทรงวางแผน และจัดเตรียมเพื่อการเสด็จมาของพระเยซู พระเจ้าทรงมองเห็นอนาคตในการทรงจัดเตรียมแผนการอันดีของพระองค์แก่คุณ ดังนั้นคุณสามารถวางใจในการทรงจัดเตรียมของพระเจ้าได้ทุกสถานการณ์ในชีวิตของคุณ
คำกล่าวของสเทเฟนเป็นการบอกถึงวิธีซึ่งพระเจ้าทรงนำและอยู่เหนือชนชาติอิสราเอลตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นการเตรียมการเสด็จมาของพระเยซู โดยเฉพาะเรื่องราวของโมเสส
โมเสสกล่าวว่า พระเจ้าจะโปรดให้ผู้เผยพระวจนะเช่นเดียวกับท่านเกิดขึ้น (เฉลยธรรมบัญญัติ 18:15) เปโตรได้ใช้เรื่องนี้ในการกล่าวถึงพระเยซูแล้ว (กิจการของ 3:22–23) ตอนนี้สเทเฟนก็ทำแบบเดียวกัน เขากล่าวว่า ‘โมเสสคนนี้แหละที่กล่าวกับชนชาติอิสราเอลว่า “พระเจ้าจะประทานผู้เผยพระวจนะผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อท่านทั้งหลาย จากพี่น้องของพวกท่าน เหมือนอย่างข้าพเจ้า”’ (7:37)
โมเสสเป็น 'ลักษณะ' ของพระคริสต์ เขาเป็นดั่งเงาสะท้อนล่วงหน้าและเตรียมทางไว้ มีความคล้ายคลึงกันอย่างน้อยสิบห้าอย่างระหว่างโมเสสและพระเยซู:
เช่นเดียวกับพระเยซู โมเสส ‘เกิดมา มีรูปร่างงดงามเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า’ (ข้อ 20) สถานการณ์รอบตัวในการถือกำเนิดของทั้งโมเสสและพระเยซูนั้นพิเศษแบบเหมาะเจาะ
เช่นเดียวกับพระเยซู (มัทธิว 2:16–17) โมเสสถือกำเนิดมาในช่วงเวลาที่ทารกแรกเกิดถูกสังหาร (กิจการของ 7:19–21)
เช่นเดียวกับพระเยซู (ลูกา 2:40) โมเสสได้รับการกล่าวขานถึงสติปัญญาของเขา (กิจการ 7:22)
เช่นเดียวกับพระเยซู (ยอห์น 7:46) โมเสส ‘มีสมรรถภาพในการพูดและในกิจการต่างๆ’ (กิจการ 7:22)
เช่นเดียวกับพระเยซู โมเสสมีช่วงแห่งการเตรียมตัว เรารู้น้อยมากเรื่องสามสิบปีแรกในชีวิตของพวกเขา ทั้งสองใช้เวลาเพื่อรับการฝึกอบรมเพื่องานที่รออยู่ภายหน้า (ข้อ 22–23)
เช่นเดียวกับพระเยซู (ยอห์น 2:16) โมเสสแสดงความโกรธที่ชอบธรรมต่อความบาป (กิจการ 7:24) อย่างไรก็ตาม ไม่เช่นเดียวกับพระเยซูตรงที่โมเสสก่ออาชญากรรม แต่พระเจ้าในการทรงจัดเตรียมของพระองค์ไม่เคยทำพลาดแบบนี้
เช่นเดียวกับพระเยซู (ยอห์น 1:11) โมเสสถูกพระเจ้าส่งออกไปเพื่อช่วยกู้ประชากรของพระองค์ แต่ไม่มีใครรู้จักในช่วงเวลานั้น ‘เพราะคิดว่าญาติพี่น้องคงเข้าใจดีว่า พระเจ้าจะทรงช่วยพวกเขาให้รอดด้วยมือของตน แต่พวกเขาไม่เข้าใจอย่างนั้น’ (กิจการ 7:25)
เช่นเดียวกับพระเยซู (2 โครินธ์ 5:19) โมเสสตั้งเป้าที่การกลับคืนดีกัน โมเสส 'อยากให้เขาทั้งสองกลับคืนดีกัน' (กิจการ7:26)
เช่นเดียวกับพระเยซู (ยอห์น 5:22) โมเสสถูกบรรยายว่าเป็นผู้ครอบครอง และผู้พิพากษา มีคนกล่าวกับโมเสสว่า ‘ใครตั้งเจ้าให้เป็นผู้ครอบครองและผู้พิพากษาของเรา?’ (กิจการ 7:27)
เช่นเดียวกับพระเยซู (ยอห์น 3:22) โมเสสได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้า (กิจการ 7:31)
เช่นเดียวกับพระเยซู (ยอห์น 1:14, 2:21) โมเสสตระหนักว่า ที่ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สถานที่เฉพาะเพื่อศาสนกิจ แต่เป็นที่ซึ่งพระเจ้าทรงสถิต สำหรับโมเสส นั่นคือพุ่มไม้ที่ติดไฟซึ่งพระเจ้าตรัสว่า ‘ที่ที่เจ้ายืนอยู่นี้เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์’ (กิจการ 7:33)
เช่นเดียวกับพระเยซู (ยอห์น 8:36) โมเสสปลดปล่อยประชาการออกจากการข่มเหง (กิจการ 7:34)
เช่นเดียวกับพระเยซู (4:11) โมเสสถูกเข้าใจผิดและถูกปฎิเสธจากชนชาติของเขา ‘บรรพบุรุษของเราไม่ยอมฟังโมเสส แต่ผลักไสท่านออกไป' (7:35-39)
เช่นเดียวกับพระเยซู (2 โครินธ์:10) โมเสสประสบความสำเร็จในการปลดปล่อยชนชาติของตน โมเสส ‘เป็นผู้นำพวกเขาออกมา’ (กิจการ 7:36)
เช่นเดียวกับพระเยซู (2:36) การปฎิเสธโมเสสนำมาซึ่งการพิพากษาของพระเจ้าซึ่งนำสู่ชัยชนะในท้ายที่สุด (7:42) เช่นเดียวกับอัครทูตเปโตรที่ได้ยกเรื่องนี้มาพูดในวันเพ็นเทคอสต์ ‘พระเจ้าทรงแต่งตั้งพระเยซูที่ท่านทั้งหลายตรึงไว้บนกางเขนนั้น ให้เป็นทั้งองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์’ (2:36)
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับวิถีอันน่าทึ่งซึ่งพระองค์ทรงทำตามพระประสงค์ของพระองค์มาตลอดประวัติศาสตร์ และผ่านทางผู้เผยพระวจนของพระองค์ดังเช่นโมเสส วันนี้ข้าพระองค์วางใจในการทรงจัดเตรียมของพระองค์เหนือทุกเหตุการณ์และสถานการณ์ในชีวิตของข้าพระองค์
2 ซามูเอล 16:15-18:18
คำปรึกษาของอาหิโธเฟล
15อับซาโลมกับประชาชนทั้งสิ้น คือคนอิสราเอลก็มาถึงกรุงเยรูซาเล็ม และอาหิโธเฟลก็มาด้วย 16และต่อมาเมื่อหุชัยชาวอารคี สหายของดาวิดเข้าเฝ้าอับซาโลม หุชัยทูลอับซาโลมว่า “ขอพระราชาทรงพระเจริญ ขอพระราชาทรงพระเจริญ” 17และอับซาโลมตรัสกับหุชัยว่า “นี่หรือความจงรักภักดีต่อสหายของท่าน? ทำไมท่านไม่ไปกับสหายของท่านเล่า?” 18หุชัยทูลอับซาโลมว่า “ไม่ใช่ พ่ะย่ะค่ะ พระยาห์เวห์กับประชาชนเหล่านี้กับคนอิสราเอลทั้งสิ้นเลือกตั้งใครไว้ ข้าพระบาทจะอยู่ต่อกับผู้นั้น 19อีกประการหนึ่ง ข้าพระบาทควรจะปรนนิบัติใคร? ไม่ใช่โอรสของท่านผู้นั้นหรือ? ข้าพระบาทได้ปรนนิบัติเสด็จพ่อของฝ่าพระบาทมาแล้วฉันใด ก็จะปรนนิบัติฝ่าพระบาทฉันนั้น”
20อับซาโลมตรัสถามอาหิโธเฟลว่า “พวกเราจะทำอะไรดี? จงให้คำปรึกษาแก่เรา” 21อาหิโธเฟลทูลอับซาโลมว่า “จงเข้าหาพวกนางสนมของเสด็จพ่อของฝ่าพระบาท ซึ่งเสด็จพ่อทิ้งไว้ให้เฝ้าพระราชวัง เมื่อคนอิสราเอลทั้งสิ้นได้ยินว่าฝ่าพระบาทได้ทำให้ตนเป็นที่เกลียดชังของเสด็จพ่อของฝ่าพระบาทแล้ว มือทั้งหมดที่อยู่ฝ่ายฝ่าพระบาทก็จะเข้มแข็งขึ้น” 22เขาจึงกางเต็นท์ให้อับซาโลมไว้บนดาดฟ้าหลังคา และอับซาโลมก็ทรงเข้าหาพวกนางสนมของพระราชบิดาของพระองค์ต่อหน้าอิสราเอลทั้งสิ้น 23ในสมัยนั้น คำปรึกษาของอาหิโธเฟลที่ทูลถวาย เหมือนกับเขาได้รับพระดำรัสของพระเจ้า ทั้งดาวิดและอับซาโลมจึงทรงนับถือคำปรึกษาทั้งหมดของอาหิโธเฟล
2 ซามูเอล 17
1และอาหิโธเฟลทูลอับซาโลมว่า “ขอโปรดให้ข้าพระบาทเลือกทหาร 12,000 คน ข้าพระบาทจะยกไปไล่ตามดาวิดคืนวันนี้ 2ข้าพระบาทจะไปทันพระองค์ เมื่อพระองค์ยังเหน็ดเหนื่อยและอ่อนกำลัง ทำให้พระองค์กลัวตัวสั่น ทหารทั้งปวงที่อยู่กับพระองค์ก็จะหนีไป ข้าพระบาทจะฆ่าฟันกษัตริย์เท่านั้น 3แล้วจะนำทหารทั้งปวงกลับมาเข้าฝ่ายฝ่าพระบาท เมื่อคนทั้งหมดกลับมาภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า เหมือนคนทุกคนกลับมา นอกจากชายคนนั้นที่ฝ่าพระบาทแสวงหา ประชาชนทั้งปวงก็จะสงบสุข” 4คำทูลนี้เป็นที่พอพระทัยอับซาโลม และบรรดาผู้ใหญ่แห่งอิสราเอลก็พอใจด้วย
คำปรึกษาของหุชัย
5อับซาโลมตรัสว่า “จงเรียกหุชัยคนอารคีเข้ามา และให้เราฟังจากเขาด้วย” 6เมื่อหุชัยเข้ามาเฝ้าอับซาโลมแล้ว อับซาโลมจึงตรัสถามเขาว่า “อาหิโธเฟลว่าอย่างนี้แล้ว เราควรจะทำตามคำแนะนำของเขาหรือไม่? ถ้าไม่ ท่านจงพูดมา” 7หุชัยจึงทูลอับซาโลมว่า “คำปรึกษาซึ่งอาหิโธเฟลแนะนำในครั้งนี้ไม่ดี” 8หุชัยทูลต่อไปว่า “ฝ่าพระบาทเองทรงทราบแล้วว่า เสด็จพ่อและพวกที่อยู่ด้วยเป็นเหล่านักรบ และจิตใจของพวกเขากำลังโกรธเหมือนหมีที่ลูกถูกลักเอาไปในทุ่ง นอกจากนั้นเสด็จพ่อของฝ่าพระบาททรงชำนาญศึก พระองค์จะไม่ทรงพักอยู่กับพวกทหาร 9ดูเถิด ถึงขณะนี้พระองค์ก็ทรงซ่อนอยู่ในบ่อแห่งหนึ่งหรือในอีกที่หนึ่ง และเมื่อมีคนล้มตายในการสู้รบครั้งแรก ใครที่ทราบเรื่องก็จะกล่าวว่า ‘พวกทหารที่ติดตามอับซาโลมถูกฆ่าฟัน’ 10แม้คนที่เข้มแข็ง ที่จิตใจเหมือนอย่างใจสิงห์ก็จะสลายไปแน่ เพราะอิสราเอลทั้งสิ้นทราบว่า เสด็จพ่อของฝ่าพระบาทเป็นนักรบ และพวกที่อยู่ด้วยก็เป็นทหารที่แข็งกล้า 11แต่คำปรึกษาของข้าพระบาทมีว่า ขอฝ่าพระบาททรงรวบรวมอิสราเอลทั้งหมดอย่างจริงจังสำหรับพระองค์ ตั้งแต่ดานถึงเบเออร์เชบา ให้มากมายดั่งทรายที่ทะเล แล้วฝ่าพระบาทก็เสด็จไปรบ 12พวกเราจะเข้ารบกับเขา ณ ที่ที่พวกเราพบเขา และพวกเราจะเข้าโจมตีเหมือนน้ำค้างตกเหนือพื้นดิน และจะไม่มีใครสักคนแม้ตัวเขาหรือคนทั้งหมดที่อยู่กับเขาเหลืออยู่เลย 13ถ้าเขาถอยไปรวมกันในเมือง คนอิสราเอลทั้งสิ้นก็จะเอาเชือกมาลากเมืองนั้นลงไปที่ลุ่มแม่น้ำ จนกระทั่งไม่มีใครหาก้อนกรวดสักก้อนหนึ่งเจอที่นั่น” 14อับซาโลมและคนอิสราเอลทั้งปวงว่า “คำปรึกษาของหุชัยคนอารคีดีกว่าคำปรึกษาของอาหิโธเฟล” เพราะพระยาห์เวห์ทรงกำหนดให้คำปรึกษาอันดีของอาหิโธเฟลพ่ายแพ้ เพื่อพระยาห์เวห์จะทรงนำเหตุร้ายมายังอับซาโลม
หุชัยเตือนดาวิดให้หนี
15แล้วหุชัยจึงบอกศาโดกและอาบียาธาร์ปุโรหิตทั้งสองว่า “อาหิโธเฟลให้คำปรึกษาอย่างนั้นอย่างนี้แก่อับซาโลมและพวกผู้ใหญ่ของอิสราเอล และข้าพเจ้าให้คำปรึกษาอย่างนั้นอย่างนี้ 16บัดนี้จงรีบส่งคนไปทูลดาวิดให้ทรงทราบว่า ‘คืนนี้อย่าทรงค้างในที่ราบของถิ่นทุรกันดาร ให้เสด็จข้ามไปให้ได้ เกรงว่าพระราชาและทหารทั้งสิ้นที่อยู่กับพระองค์ จะถูกกลืนไปหมด’ ”
17ฝ่ายโยนาธานและอาหิมาอัสกำลังคอยอยู่ที่เอนโรเกลแล้ว มีสาวใช้คนหนึ่งไปบอกให้เขาทั้งสองทราบ แล้วเขาทั้งสองก็ไปทูลกษัตริย์ดาวิดให้ทรงทราบ เพราะเขาทั้งสองไม่สามารถเข้าไปในเมืองให้ใครเห็น 18แต่มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเห็นพวกเขา จึงไปทูลอับซาโลมให้ทรงทราบ เขาทั้งสองก็รีบไปจนถึงบ้านชายคนหนึ่งที่บาฮูริม เขามีบ่อน้ำอยู่ที่ลานบ้าน เขาทั้งสองจึงลงไปอยู่ในบ่อนั้น 19ภรรยาของเขาก็เอาผ้ามาปูปิดปากบ่อ แล้วก็เกลี่ยปลายข้าวตากอยู่บนนั้นไม่มีใครทราบเรื่องเลย 20เมื่อพวกข้าราชการของอับซาโลมมาถึงที่บ้านหญิงคนนี้ ก็ถามว่า “อาหิมาอัสกับโยนาธานอยู่ที่ไหน?” หญิงนั้นก็ตอบพวกเขาว่า “เขาทั้งสองข้ามลำธารไปแล้ว” เมื่อพวกเขาค้นหาไม่พบก็กลับไปเยรูซาเล็ม
21เมื่อคนเหล่านั้นไปแล้ว เขาทั้งสองขึ้นมาจากบ่อ ไปทูลกษัตริย์ดาวิดให้ทรงทราบ เขาทั้งสองทูลดาวิดว่า “ขอทรงลุกขึ้นและรีบข้ามแม่น้ำไป เพราะอาหิโธเฟลให้คำปรึกษาต่อสู้พวกฝ่าพระบาทอย่างนั้น” 22ดาวิดก็ทรงลุกขึ้น พร้อมกับทหารทั้งหมดที่อยู่กับพระองค์ และพวกเขาก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดน พอรุ่งสางก็ไม่มีเหลือสักคนหนึ่งที่ยังไม่ได้ข้ามแม่น้ำจอร์แดน
23เมื่ออาหิโธเฟลเห็นว่าไม่มีใครทำตามคำปรึกษาของท่าน ก็ผูกอานลาขึ้นขี่กลับไปบ้านในเมืองของท่าน เมื่อสั่งเสียเรื่องครอบครัวของท่านเสร็จแล้วก็ผูกคอตาย เขาจึงเอาศพฝังไว้ที่อุโมงค์บิดาของท่าน
24ดาวิดเสด็จมายังเมืองมาหะนาอิม ส่วนอับซาโลมเองกับคนอิสราเอลทั้งสิ้นที่อยู่กับพระองค์ก็ข้ามแม่น้ำจอร์แดน 25อับซาโลมทรงตั้งอามาสาเป็นแม่ทัพแทนโยอาบ อามาสาเป็นบุตรของชายคนหนึ่งชื่ออิธราคนอิสราเอลสำเนากรีกโบราณบางฉบับว่า อิชมาเอลที่แต่งงานกับอาบีกัลบุตรีของนาหาช น้องสาวของนางเศรุยาห์มารดาของโยอาบ 26ฝ่ายคนอิสราเอลและอับซาโลม ตั้งค่ายอยู่ในแผ่นดินกิเลอาด
27เมื่อดาวิดเสด็จมาถึงมาหะนาอิม โชบีบุตรนาหาชชาวเมืองรับบาห์แห่งคนอัมโมน และมาคีร์บุตรอัมมีเอลชาวโลเดบาร์ และบารซิลลัยชาวกิเลอาดจากเมืองโรเก-ลิม 28ได้ขนที่นอน อ่างน้ำและเครื่องภาชนะดิน ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ และแป้ง ข้าวคั่ว ถั่ว ถั่วแดง และเมล็ดถั่ว 29น้ำผึ้ง เนย แกะ และเนยแข็งที่ได้มาจากฝูงสัตว์ ถวายแด่ดาวิด และให้พวกทหารที่อยู่กับพระองค์รับประทาน เพราะพวกเขาพูดว่า “พวกทหารหิวและอ่อนเพลีย และกระหายอยู่ในถิ่นทุรกันดาร”
2 ซามูเอล 18
อับซาโลมทรงแพ้และสวรรคต
1ดาวิดจึงตรวจทหารที่อยู่กับพระองค์ และทรงจัดตั้งนายพันนายร้อยให้ควบคุม 2และดาวิดทรงจัดทัพออกไป ให้อยู่ในบังคับบัญชาของโยอาบหนึ่งในสาม และในบังคับของอาบีชัยน้องชายของโยอาบ บุตรนางเศรุยาห์หนึ่งในสาม และอีกหนึ่งในสามอยู่ในบังคับบัญชาของอิททัยคนกัท และพระราชาตรัสกับพวกทหารว่า “เราเองจะออกไปกับพวกท่านเป็นแน่” 3แต่พวกทหารเหล่านั้นทูลว่า “ขอฝ่าพระบาทอย่าเสด็จเลย ถ้าพวกข้าพระบาทจะหนีไป พวกเขาก็ไม่สนใจพวกข้าพระบาท หรือถ้าพวกข้าพระบาทตายเสียสักครึ่งหนึ่ง พวกเขาก็ไม่สนใจพวกข้าพระบาท แต่ฝ่าพระบาทมีค่าเสมือนพวกข้าพระบาทหนึ่งหมื่นคน เพราะฉะนั้นขอฝ่าพระบาทส่งกองหนุนจากในเมืองจะดีกว่า” 4พระราชาตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านเห็นชอบอย่างไร เราจะทำตาม” พระราชาจึงทรงยืนที่ข้างประตูเมือง และทหารทั้งหมดเดินออกไปเป็นกองร้อยกองพัน 5พระราชาทรงบัญชาโยอาบ อาบีชัย และอิททัยว่า “เบาๆ มือกับอับซาโลมชายหนุ่มนั้น ด้วยเห็นแก่เราเถิด” ทหารทั้งสิ้นก็ได้ยินคำบัญชาซึ่งพระราชาประทานแก่ผู้บังคับบัญชาทั้งหมดด้วยเรื่องอับซาโลม
6พวกทหารจึงออกไปในทุ่งเพื่อสู้รบกับคนอิสราเอล การสงครามนั้นทำกันในป่าเอฟราอิม 7ที่นั่นคนอิสราเอลก็พ่ายแพ้แก่พวกข้าราชการทหารของดาวิด มีการฆ่าฟันกันอย่างหนักที่นั่น ในวันนั้นมีทหารตาย 20,000 คน 8ที่นั่นสงครามกระจายไปทั่วแผ่นดิน ในวันนั้นป่ากินพวกทหารเสียมากกว่าดาบกิน
9เมื่ออับซาโลมไปพบพวกข้าราชการทหารของดาวิดเข้า อับซาโลมทรงล่ออยู่ และล่อนั้นได้วิ่งเข้าไปใต้พุ่มของต้นโอ๊ก ศีรษะของท่านก็ติดกิ่งต้นโอ๊กแน่น แล้วท่านก็แขวนอยู่ระหว่างฟ้าและดิน ส่วนล่อใต้ท่าน วิ่งเลยไป 10มีชายคนหนึ่งมาเห็นเข้า จึงไปแจ้งให้โยอาบทราบว่า “นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเห็นอับซาโลมแขวนอยู่ที่ต้นโอ๊ก” 11โยอาบก็พูดกับชายที่แจ้งให้ท่านทราบว่า “อะไรนะ เจ้าเห็นเขาแล้ว ทำไมเจ้าไม่ฟันให้ตกดินที่นั่นเล่า? ถ้าเจ้าได้ทำอย่างนั้น เราก็จะได้ให้เงิน 10 แผ่นกับสายรัดเอวเส้นหนึ่งแก่เจ้า” 12แต่ชายคนนั้นเรียนโยอาบว่า “ถึงมือของข้าพเจ้าอุ้มเงิน 1,000 แผ่นอยู่ ข้าพเจ้าจะไม่ยื่นมือออกทำร้ายพระราชโอรสของพระราชา เพราะว่าหูของพวกเราได้ยินพระราชาทรงบัญชาท่านและอาบีชัยกับอิททัยว่า ‘จงป้องกันอับซาโลมชายหนุ่มนั้นเพื่อเห็นแก่เรา’ 13แต่ถ้าข้าพเจ้าทำร้ายชีวิตของเขา (และไม่มีอะไรปิดบังให้พ้นพระราชา) แล้วตัวท่านเองก็จะทอดทิ้งข้าพเจ้า” 14โยอาบจึงว่า “เราไม่ควรเสียเวลากับเจ้าเช่นนี้” ท่านก็จับหลาวสามอันไว้ในมือแทงเข้าไปในหัวใจของอับซาโลมขณะท่านยังมีชีวิตอยู่ในใจกลางต้นโอ๊ก 15ทหารหนุ่มสิบคนที่ถือเครื่องรบของโยอาบ ก็ล้อมอับซาโลมไว้ แล้วประหารท่านเสีย
16โยอาบก็เป่าเขาสัตว์ และพวกทหารก็กลับจากการไล่ตามอิสราเอล เพราะโยอาบยับยั้งพวกเขาไว้ 17เขาก็ยกศพอับซาโลมโยนลงไปในบ่อใหญ่ซึ่งอยู่ในป่า เอาหินกองทับไว้เป็นกองใหญ่มหึมา คนอิสราเอลทั้งสิ้นต่างก็หนีกลับไปที่อยู่ของตน 18เมื่ออับซาโลมยังมีชีวิตอยู่ ได้ตั้งเสาไว้สำหรับท่านที่หุบเขาหลวง เพราะท่านกล่าวว่า “เราไม่มีบุตรชายที่จะสืบชื่อของเรา” ท่านเรียกเสานั้นตามชื่อของท่าน เขาเรียกกันว่า อนุสรณ์อับซาโลม จนทุกวันนี้
อรรถาธิบาย
การทรงจัดเตรียม และการปกป้อง
คุณสามารถวางใจพระเจ้าเรื่องอนาคตของคุณ ครอบครัวของคุณ คริสตจักรของคุณ และประเทศชาติของคุณ ทั้งจักรวาลอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และพระองค์ทรงทำตามพระประสงค์ของพระองค์
พระเจ้าทรงทำกิจผ่านทางทุกเหตุการณ์ในชีวิตมนุษย์ซึ่งถูกอธิบายไว้ตรงจุดนี้
คำปรึกษาของอาหิโธเฟลที่ทูลถวาย 'เหมือนกับเขาได้รับพระดำรัสของพระเจ้า' (16: 23) หากเราให้คำแนะนำที่มีค่าใดๆ เราควรเป็นคนที่ทูลถามพระเจ้าล่วงหน้าถึงสิ่งที่พระเจ้ากำลังกระทำและสิ่งที่พระองค์จะทรงกระทำ
หากอับซาโลมได้ทำตามคำแนะนำของอาหิโธเฟล ดาวิดคงพินาศย่อยยับ อับซาโลมกลับเลือกที่จะไม่ใส่ใจคำแนะนำอันชาญฉลาดของอาหิโธเฟล และทำตามคำแนะนำแย่ๆ ของหุชัยแทน
เราเห็นวิธีที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมการใส่ใจและการปกป้องรอบตัวดาวิด ‘เพราะพระยาห์เวห์ทรงกำหนดให้คำปรึกษาอันดีของอาหิโธเฟลพ่ายแพ้’ (17:14) นี่เป็นคำตอบต่อจิตวิญญาณแห่งการอธิษฐานของดาวิด
ตรงนี้เราเห็นว่า พระเจ้าทรงเป็นพระหัตถ์ที่ซ่อนอยู่ และเป็นผู้ปกครองประวัติศาสตร์ ดาวิดและคนอื่นๆ ทุกคนล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเร้าใจและฤทธานุภาพอันใหญ่ยิ่ง และมีอิสระในการกระทำ แต่พวกเขาไม่ได้มีอิสระที่จะทำราวกับว่าพระเจ้าไม่ได้อยู่ที่นั่น
คำอธิษฐาน
ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงครอบครองจักรวาลนี้ พระองค์ทรงปกป้องดูแลคนของพระองค์อยู่เหนือกาลเวลา ขอบพระคุณพระองค์ที่ในทุกสรรพสิ่งรวมถึงความผิดพลาดของเรา พระองค์ทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์ (โรม 8:28)
เพิ่มเติมโดยพิพพา
2 ซามูเอล 16:15–18:18
ปัญหาของอับซาโลมคืออะไร? เขามีทุกสิ่งทุกอย่าง เขาหน้าตาหล่อเหลา มั่งคั่ง และมีอำนาจ เขาไปอยู่ในจุดที่อยากจะฆ่าพ่อของตัวเองได้อย่างไร? เขาโกรธการรับมือเรื่องอัมโนนของดาวิด เขาหยิ่งทะนง อิจฉา และริษยา เพราะการกระทำของอับซาโลม มีคนเสียชีวิตไป 20,000 คน (18:7) ความโกรธของคนๆ หนึ่งอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายได้มากเหลือเกิน ท่าทีของเราส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนรอบตัวเรา เราสามารถหว่านความเกลียดชัง หรือหว่านความรักก็ได้
App
Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)