วัน 178

สามสิ่งที่พระเจ้าทรงอยากจะประทานให้แก่คุณ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 78:9-16
พันธสัญญาใหม่ กิจการอัครทูต 17:1-21
พันธสัญญาเดิม 1 พงศ์กษัตริย์ 16:8-18:15

เกริ่นนำ

คอร์รี่ เทนบูม และพี่สาวของเธอ เบ็ทซี่ เป็นสตรีคริสเตียนวัยกลางคนในฮอลแลนด์ เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองปะทุขึ้น พวกเธอตั้งใจจะปกปิดยิวที่หลบหนีจากพวกนาซี พวกเธอช่วยไว้ได้หลายชีวิต แต่สุดท้ายพวกเธอก็ถูกจับ และนำไปที่ค่ายกักกันราเว็นส์บรั๊ค เบ็ทซี่เสียชีวิตที่นั่น คอร์รี่รอดชีวิตมาได้อย่างอัศจรรย์เพื่อเป็นพยานในเรื่องวิธีที่พระเจ้าสามารถช่วยกู้ เยียวยา และให้อภัยได้

เมื่อถูกถามวิธีที่จะเตรียมตัวเมื่อถูกข่มเหง เธอเคยเล่าเรื่องชีวิตในวัยเด็กให้ฟัง:

เมื่อฉันยังเป็นเด็กผู้หญิงเล็ก ๆ ฉันเคยหาพ่อของฉันแล้วพูดว่า “พ่อจ๋า หนูกลัวว่าหนูจะไม่เข้มแข็งพอที่จะสละชีวิตเพื่อพระเยซูคริสต์” “ไหนลองบอกพ่อซิ” พ่อพูด “ตอนหนูนั่งรถไฟไปอัมสเตอร์ดัม พ่อให้เงินค่าตั๋วหนูตอนไหน? เมื่อตอนสามอาทิตย์ก่อนใช่ไหมจ๊ะ?" “ไม่ใช่ค่ะพ่อจ๋า พ่อให้เงินค่าตั๋วหนูก่อนที่เราจะขึ้นรถไฟ” “ถูกแล้วลูก” พ่อของฉันพูด “และนั่นคือด้วยความเข้มแข็งของพระเจ้า พระบิดาของเราในสวรรค์ทรงทราบเมื่อลูกต้องการความเข้มแข็งที่จะสละชีวิตเพื่อพระเยซูคริสต์ พระองค์จะทรงจัดเตรียมทุกสิ่งที่ลูกต้องการเมื่อถึงเวลา”’

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 78:9-16

9คนเอฟราอิม พร้อมสรรพไปด้วยคันธนู
 ได้หันกลับในวันสงคราม
10เขาทั้งหลายมิได้รักษาพันธสัญญาของพระเจ้า
 และปฏิเสธที่จะเดินตามธรรมบัญญัติของพระองค์
11พวกเขาลืมบรรดากิจการของพระองค์
 และลืมการอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระองค์ทรงสำแดงแก่พวกเขา
12พระองค์ทรงทำการอัศจรรย์ต่อหน้าต่อตาบรรพบุรุษของพวกเขา
 ในแผ่นดินอียิปต์ในไร่นาโศอัน
13พระองค์ทรงแยกทะเลและทรงให้พวกเขาเดินผ่านไป
 และทรงทำให้น้ำตั้งขึ้นเป็นพะเนิน
14ในกลางวันพระองค์ทรงนำพวกเขาด้วยเมฆ
 และด้วยแสงไฟตลอดคืนยังรุ่ง
15พระองค์ทรงแยกศิลาเป็นช่องในถิ่นทุรกันดาร
 และทรงให้พวกเขาดื่มน้ำอย่างมากมายเหมือนมาจากที่ลึก
16พระองค์ทรงทำให้ลำธารออกมาจากหิน
 และทรงทำให้น้ำไหลลงมาเหมือนแม่น้ำ

อรรถาธิบาย

1. การทรงนำอย่างต่อเนื่อง

พระเจ้าทรงประทานทุกการทรงนำที่คุณจำเป็นต้องใช้ ดังที่ผู้เขียนสดุดีเล่าต่อถึงประวัติศาสตร์เรื่องประชากรของพระเจ้า เขาหวนนึกถึงวิธีที่ ‘ในกลางวันพระองค์ทรงนำพวกเขาด้วยเมฆ และด้วยแสงไฟตลอดคืนยังรุ่ง’ (ข้อ 14) พูดอีกอย่างก็คือ พระองค์ทรงนำพวกเขาอย่างต่อเนื่อง

คุณมีพระวิญญาณบริสุทธิ์ประทับอยู่ในคุณ อย่าคาดหวังน้อยกว่านั้น คุณ ‘ได้รับการนำโดยพระวิญญาณของพระเจ้า’ (โรม 8:14) พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงจัดเตรียมการทรงนำทุกอย่างที่คุณจำเป็นต้องใช้

พระเจ้ายังทรงทำให้ความหิวกระหายฝ่ายวิญญาณของคุณอิ่มใจ ‘พระองค์ทรงแยกศิลาเป็นช่องในถิ่นทุรกันดาร และทรงให้พวกเขาดื่มน้ำอย่างมากมายเหมือนมาจากที่ลึก พระองค์ทรงทำให้ลำธารออกมาจากหิน และทรงทำให้น้ำไหลลงมาเหมือนแม่น้ำ’ (สดุดี 78:15–16) พระเยซูทรงสัญญากับคุณว่า ผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ธารน้ำแห่งชีวิตจะพุ่งออกมาจากภายในคุณ (ยอห์น 7:38)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์และการทรงนำของพระองค์จริง ๆ ขอเติมข้าพระองค์ในวันนี้ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ และขอให้ธารน้ำแห่งชีวิตจะพุ่งออกมาจากภายในข้าพระองค์

พันธสัญญาใหม่

กิจการอัครทูต 17:1-21

ความวุ่นวายในเธสะโลนิกา

 1เมื่อเปาโลกับสิลาสข้ามเมืองอัมฟีบุรีและเมืองอปอลโลเนียแล้วจึงมายังเมืองเธสะโลนิกา ที่นั่นมีธรรมศาลาของพวกยิว 2เปาโลจึงเข้าไปในธรรมศาลานั้นเช่นเคย และท่านอ้างข้อความในพระคัมภีร์ถกเถียงกับพวกเขาได้สามวันสะบาโต 3อธิบายและพิสูจน์ให้เห็นว่า จำเป็นที่พระคริสต์จะต้องทรงทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตาย และกล่าวต่อว่า “พระเยซูองค์นี้ที่ข้าพเจ้าประกาศกับท่านทั้งหลายคือพระคริสต์” 4บางคนในพวกเขาเห็นด้วยและเข้าร่วมกับเปาโลและสิลาส รวมทั้งชาวกรีกที่นับถือพระเจ้าอีกหลายคนและสุภาพสตรีที่เป็นคนสำคัญๆ ก็มีไม่น้อย 5แต่พวกยิวมีความอิจฉาจึงไปคบคิดกับคนพาลตามตลาด รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ก่อการจลาจลในเมือง และบุกเข้าไปในบ้านของยาโสนเพื่อเอาตัวพวกท่านออกมาให้คนทั้งปวง 6เมื่อไม่พบ จึงฉุดลากยาโสนกับพวกพี่น้องบางคนไปหาคณะผู้ปกครองเมืองแล้วร้องว่า “พวกที่ก่อความวุ่นวายทั่วโลกภาษากรีกแปลตรงตัวว่า พวกคว่ำโลกมนุษย์ก็มาที่นี่ด้วย 7และยาโสนรับรองพวกเขาไว้ คนพวกนี้ล้วนฝ่าฝืนคำสั่งของซีซาร์ โดยสอนว่ามีกษัตริย์อีกองค์หนึ่งคือเยซู” 8เมื่อฝูงชนและคณะผู้ปกครองเมืองได้ยินอย่างนั้นก็ร้อนใจ 9จึงเรียกค่าประกันตัวจากยาโสนกับคนอื่นๆ แล้วปล่อยไป

เปาโลและสิลาสที่เมืองเบโรอา

 10พอค่ำลงพวกพี่น้องจึงส่งเปาโลกับสิลาสไปยังเมืองเบโรอา เมื่อไปถึงแล้วท่านทั้งสองจึงเข้าไปในธรรมศาลาของพวกยิว 11ยิวในเมืองนี้มีใจยอมรับมากกว่ายิวในเมืองเธสะโลนิกา เพราะพวกเขารับพระวจนะด้วยความอยากรู้และค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน หวังจะรู้ว่าข้อความเหล่านั้นจริงดังที่กล่าวหรือไม่ 12เพราะฉะนั้นมีหลายคนในพวกเขามาเชื่อถือ รวมทั้งบรรดาสตรีมีศักดิ์ชาวกรีกและบรรดาผู้ชายชาวกรีกอีกจำนวนไม่น้อย 13แต่เมื่อพวกยิวที่อยู่ในเมืองเธสะโลนิกาทราบว่าเปาโลกล่าวสั่งสอนพระวจนะของพระเจ้าในเมืองเบโรอาด้วย พวกเขาก็มายุยงฝูงชนที่นั่น 14พวกพี่น้องจึงส่งเปาโลออกทะเลทันที แต่สิลาสกับทิโมธียังคงอยู่ที่นั่น 15พวกที่ไปส่งเปาโลนั้นได้ส่งท่านถึงกรุงเอเธนส์ และเมื่อได้รับคำสั่งจากท่านถึงสิลาสกับทิโมธีว่าให้รีบไปหาท่านโดยเร็วแล้ว พวกเขาก็กลับไป

เปาโลที่กรุงเอเธนส์

 16ขณะเปาโลกำลังคอยสิลาสกับทิโมธีอยู่ในกรุงเอเธนส์ ท่านมีความเดือดร้อนวุ่นวายใจเพราะเห็นรูปเคารพเต็มไปทั้งเมือง 17เพราะฉะนั้นท่านจึงถกปัญหากับพวกยิวและบรรดาคนที่นับถือพระเจ้าในธรรมศาลา และกับคนทั้งหลายที่มาพบท่านที่บริเวณตลาดนัดทุกวัน 18ปรัชญาเมธีบางคนในพวกเอปิคูเรียนและในพวกสโตอิกก็มาพบท่าน บางคนกล่าวว่า “คนเก็บเศษความรู้เล็กๆ น้อยๆ นี้กำลังจะพูดเรื่องอะไร” บางคนกล่าวว่า “ดูเหมือนเขาเป็นคนนำพระต่างประเทศเข้ามาเผยแพร่” เพราะเปาโลประกาศเรื่องพระเยซูและการเป็นขึ้นจากตาย 19พวกเขาจึงนำเปาโลไปยังสภาอาเรโอปากัสหรือ เนินเขาอาเรโอปากัสแล้วถามว่า “เราขอทราบได้หรือไม่ว่าคำสอนใหม่ที่ท่านกล่าวนั้นเป็นอย่างไร? 20เพราะว่าท่านนำเรื่องแปลกประหลาดมาถึงหูของเรา เพราะฉะนั้นเราอยากทราบว่าเรื่องราวเหล่านี้มีความหมายอย่างไร” 21(เพราะชาวเอเธนส์กับชาวต่างประเทศซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่นไม่สนใจเรื่องอะไรนอกจากจะกล่าวหรือฟังสิ่งใหม่ๆ)

อรรถาธิบาย

2. ข่าวประเสริฐ

ในโลกซึ่งจำเป็นต้องมีข่าวดีอย่างยิ่ง พระเจ้าได้จัดเตรียมสารแห่งข่าวดีไว้ให้คุณ คำว่า ‘พระกิตติคุณ’ แปลว่า ‘ข่าวประเสริฐ / ข่าวดี’ ข่าวประเสริฐ คือ ‘เรื่องพระเยซูและการเป็นขึ้นจากตาย’ (ข้อ 18) ทั้งสิ้นที่คุณต้องการอยู่ในพระเยซู ทั้งหมดเป็นเรื่องพระเยซู

ทุกครั้งที่คุณเล่าคำพยาน หรือพูดเรื่องความเชื่อของคุณในแบบอื่นๆ ถามตัวเองว่า ‘นี่เป็นข่าวดีไหม?’ ทุกครั้งที่เราเทศนาควรเป็นข่าวดี ไม่เช่นนั้นแล้ว นี่ก็ไม่ใช่พระกิตติคุณ สารของคุณควรเป็นข่าวดีเสมอ เพราะนี่เป็นเรื่องพระเยซู การสิ้นพระชนม์ และการเป็นขึ้นจากตายของพระองค์

พระเจ้าจะทรงจัดเตรียมถ้อยคำที่เหมาะสมกับทุกโอกาสให้กับคุณ ถ้อยคำของคุณจะทรงพลังและเปลี่ยนชีวิต ข่าวดีเรื่องพระเยซูเกี่ยวข้องอย่างมีพลังต่อคนทุกรุ่น ทุกวัฒนธรรม และสถานการณ์ ความต้องการของผู้คนนั้นเหมือนเดิมเสมอ สาระของพระกิตติคุณก็เหมือนเดิมเสมอ

  • อธิบายข่าวประเสริฐ
    เมื่อเปาโลเข้าไปที่ธรรมศาลาในเมืองเธสะโลนิกา ท่าน ‘อ้างข้อความในพระคัมภีร์ถกเถียงกับพวกเขาได้สามวันสะบาโต อธิบายและพิสูจน์ให้เห็นว่า จำเป็นที่พระคริสต์จะต้องทรงทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตาย และกล่าวต่อว่า “พระเยซูองค์นี้ที่ข้าพเจ้าประกาศกับท่านทั้งหลายคือพระคริสต์”’ (ข้อ 2–3) คำอธิบายอย่างใส่ใจของเขาเรื่องพระกิตติคุณส่งผลให้มีคนจำนวนหนึ่ง ‘เห็นด้วย’ (ข้อ 4)

ข้อเท็จจริงเรื่องข้อความของคุณมาจากพระเจ้า ไม่ได้ทำให้คุณไม่ต้องรับคำวิจารณ์ที่ไม่มีมูล นี่มักจะเป็นหนึ่งในราคาที่ต้องจ่ายในการติดตามพระเยซู ความสำเร็จของเปาโลนำไปสู่ความอิจฉา (ข้อ 5) น่าสนใจที่เขาถูกมองว่าจะส่งผลกระทบถึงระดับโลก ‘พวกที่ก่อความวุ่นวายทั่วโลก [โลกซึ่ง ‘รู้จักตอนนั้น’] ก็มาที่นี่ด้วย’ (ข้อ 6ข)

  • ศึกษาข่าวประเสริฐ พระเจ้าประทานถ้อยคำที่เหมาะสมสำหรับชาวเมืองเบโรอาให้กับอาจารย์เปาโลและสิลาส พวกเขาตอบสนองอย่างดีต่อสิ่งที่พวกเขาได้ฟัง พวกเขารับเอาข้อความนั้นด้วย ‘ความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง’ และจากนั้น “‘ค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน หวังจะรู้ว่าข้อความเหล่านั้นจริงดังที่กล่าวหรือไม่’ (ข้อ 11) อีกครั้ง ข้อความนั้นก็เกิดผลและมีคนจำนวนหนึ่ง ‘มาเชื่อถือ’ (ข้อ 12) ผมอยากหนุนใจคุณให้หาเวลาเพื่อศึกษาพระคัมภีร์ทุกวัน

อีกครั้งที่ความสำเร็จของอาจารย์เปาโลและสิลาสนำไปสู่การต่อต้าน บางคนเริ่ม ‘มายุยงฝูงชนที่นั่น’ (ข้อ 13) อย่าแปลกใจหากคุณพบคนที่ปลุกปั่นและก่อกวนในปัจจุบัน

  • ให้เหตุผลเรื่องข่าวประเสริฐ
    เปาโลย้ายไปที่กรุงเอเธนส์ ชาวเมืองเอเธนส์ ‘ไม่สนใจเรื่องอะไรนอกจากจะกล่าวหรือฟังสิ่งใหม่ๆ ’ (ข้อ 21) พวกเขาสนใจว่าอะไรเป็นเรื่องใหม่มากกว่าอะไรเป็นเรื่องจริง

อีกครั้ง พระเจ้าทรงเตรียมข้อความที่เหมาะสมกับชาวเอเธนส์ให้กับเปาโล ท่าน ‘ถกปัญหากับพวกยิวและบรรดาคนที่นับถือพระเจ้าในธรรมศาลา และกับคนทั้งหลายที่มาพบท่านที่บริเวณตลาดนัดทุกวัน’ (ข้อ 17) นี่เป็นผู้ฟังสองกลุ่มที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

การพูดกับผู้ฟังกลุ่มแรกคงเหมือนกับการเทศนาในคริสตจักร การพูดในตลาดนัดคงเหมือนกับพูดในที่ทำงาน แต่ใจความสำคัญของมัน เนื้อหาของเปาโลดูเหมือนจะเหมือนเดิม ‘ประกาศเรื่องพระเยซูและการเป็นขึ้นจากตาย’ (ข้อ 18)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอประทานถ้อยคำแก่ข้าพระองค์จำเป็นต้องใช้เพื่อการสนทนาซึ่งอยู่ต่อหน้าของข้าพระองค์ในวันนี้ โปรดจัดเตรียมสารนั้น ข้าพระองค์ทูลขอถ้อยคำที่เปลี่ยนชีวิตในทุกการสนทนาประจำวันของข้าพระองค์ ขอองค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำด้วย

พันธสัญญาเดิม

1 พงศ์กษัตริย์ 16:8-18:15

เอลาห์ทรงปกครองอิสราเอล

 8ในปีที่ยี่สิบหกแห่งรัชกาลอาสากษัตริย์ของยูดาห์ เอลาห์พระราชโอรสของบาอาชาทรงเริ่มครองอิสราเอลในเมืองทีรซาห์ และทรงครองอยู่สองปี 9แต่ศิมรีข้าราชการของพระองค์ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองรถรบครึ่งหนึ่งของพระองค์ ได้คิดกบฏต่อพระองค์ เมื่อพระองค์ประทับที่เมืองทีรซาห์ พระองค์ทรงดื่มจนเมาในบ้านของอารซา ผู้บัญชาการราชสำนักในเมืองทีรซาห์ 10ศิมรีได้เข้ามาฟันพระองค์ล้มลงและประหารพระองค์เสีย ในปีที่ยี่สิบเจ็ดแห่งรัชกาลอาสาพระราชาของยูดาห์ แล้วก็ขึ้นเป็นกษัตริย์แทน
 11และต่อมาเมื่อศิมรีทรงเป็นกษัตริย์ พอประทับบนบัลลังก์ ก็ทรงประหารราชวงศ์ของบาอาชาเสียสิ้น พระองค์ไม่ทรงเหลือชายสักคนเดียวที่เป็นญาติสนิท หรือมิตรสหายของบาอาชาไว้เลย 12ดังนั้นศิมรีทรงทำลายราชวงศ์ของบาอาชาจนสิ้น ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งทรงกล่าวโทษบาอาชาโดยเยฮูผู้เผยพระวจนะ 13เพราะบาปทั้งสิ้นของบาอาชาและบาปของเอลาห์ พระราชโอรสของพระองค์ซึ่งได้ทรงกระทำ และทรงทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย ทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลกริ้วด้วยเรื่องรูปเคารพ 14ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเอลาห์ และทุกสิ่งซึ่งทรงกระทำ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

ราชวงศ์ที่สาม : ศิมรีทรงครองอิสราเอล

 15ในปีที่ยี่สิบเจ็ดแห่งรัชกาลอาสากษัตริย์แห่งยูดาห์ ศิมรีทรงครองราชย์ได้เจ็ดวันในเมืองทีรซาห์ ส่วนไพร่พลได้ตั้งค่ายรบกับเมืองกิบเบโธนของคนฟีลิสเตีย 16เมื่อไพร่พลซึ่งตั้งค่ายอยู่นั้นทราบข่าวว่า “ศิมรีได้กบฏและได้ปลงพระชนม์พระราชาเสียแล้ว” คนอิสราเอลทั้งสิ้นจึงตั้งอม-รีผู้บัญชาการกองทัพให้เป็นพระราชาเหนืออิสราเอลในวันนั้นที่ในค่าย 17อม-รีและคนอิสราเอลทั้งสิ้นได้ขึ้นไปจากเมืองกิบเบโธน เขาทั้งหลายเข้าล้อมเมืองทีรซาห์ 18และต่อมาเมื่อศิมรีทรงเห็นว่าเมืองนั้นแตกแล้ว ก็เสด็จเข้าไปในป้อมของพระราชวัง และทรงเผาพระราชวังเสียด้วยไฟ และสิ้นพระชนม์ 19เพราะบาปซึ่งพระองค์ทรงทำไว้ คือทรงทำชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ ทรงดำเนินในทางของเยโรโบอัม และด้วยบาปซึ่งพระองค์ทรงทำ ทรงนำอิสราเอลทำบาปด้วย 20ส่วนพระราชกิจนอกนั้นของศิมรี รวมทั้งการกบฏซึ่งพระองค์ทรงก่อ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ?

ราชวงศ์ที่สี่ : อม-รีทรงปกครองอิสราเอล

 21แล้วประชาชนอิสราเอลได้แบ่งออกเป็นสองส่วน ครึ่งหนึ่งของประชาชนติดตามทิบนีบุตรกีนัท และยกท่านขึ้นเป็นกษัตริย์ และอีกครึ่งหนึ่งติดตามอม-รี 22แต่ประชาชนที่ติดตามอม-รีได้รบชนะประชาชนที่ติดตามทิบนีบุตรกีนัท ทิบนีจึงสิ้นชีวิต และอม-รีก็ขึ้นเป็นกษัตริย์ 23ในปีที่สามสิบเอ็ดแห่งรัชกาลอาสาพระราชาแห่งยูดาห์ อม-รีได้เริ่มครองอิสราเอล และทรงครองอยู่ 12 ปี พระองค์ทรงครองในเมืองทีรซาห์ 6 ปี

สะมาเรียเมืองหลวงใหม่

 24พระองค์ทรงซื้อภูเขาสะมาเรียจากเชเมอร์ด้วยเงินสองตะลันต์หนักประมาณ 70 กิโลกรัม และทรงสร้างเมืองบนภูเขานั้น และทรงขนานนามเมืองที่ทรงสร้างนั้นว่า สะมาเรีย ตามชื่อของเชเมอร์ผู้เป็นเจ้าของภูเขานั้น
 25อม-รีทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ และทรงทำชั่วยิ่งกว่าบรรดากษัตริย์ผู้อยู่ก่อนพระองค์ 26เพราะพระองค์ทรงดำเนินตามทางทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรเนบัท และตามบาปของพระองค์ซึ่งทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย ทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลกริ้วด้วยรูปเคารพทั้งหลายของพวกเขา 27ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของอม-รีซึ่งทรงทำ และพระราชอำนาจซึ่งทรงสำแดง ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 28และอม-รีทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และเขาฝังพระศพไว้ในกรุงสะมาเรีย และอาหับพระราชโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองราชย์แทน

อาหับทรงปกครองอิสราเอล

 29ในปีที่สามสิบแปดแห่งรัชกาลอาสาพระราชาของยูดาห์ อาหับพระราชโอรสของอม-รีทรงเริ่มครองอิสราเอล และอาหับพระราชโอรสของอม-รีได้ทรงครองอิสราเอลในกรุงสะมาเรีย 22 ปี 30และอาหับพระราชโอรสของอม-รีได้ทรงทำชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ มากยิ่งกว่าบรรดาพระราชาที่อยู่ก่อนพระองค์

อาหับอภิเษกสมรสกับนางเยเซเบลและนมัสการพระบาอัล

 31และต่อมา ดูเหมือนว่า การที่พระองค์ทรงดำเนินตามบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทนั้นเป็นสิ่งเล็กน้อย พระองค์จึงทรงรับเยเซเบลพระราชธิดาของเอ็ทบาอัลพระราชาของชาวไซดอนมาเป็นมเหสี และไปปรนนิบัติพระบาอัล และนมัสการพระนั้น 32พระองค์ทรงตั้งแท่นบูชาพระบาอัลในนิเวศของพระบาอัล ซึ่งพระองค์ได้ทรงสร้างไว้ในกรุงสะมาเรีย 33และอาหับทรงสร้างพระอาเช-ราห์ อาหับทรงทำการที่ทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงพระพิโรธ มากยิ่งกว่าพระราชาแห่งอิสราเอลทุกพระองค์ซึ่งอยู่ก่อนพระองค์ 34ในรัชกาลของพระองค์ ฮีเอลชาวเบธเอลได้สร้างเมืองเยรีโค ท่านได้วางรากฐานเมืองนั้นโดยต้องเสียอาบีรัมบุตรหัวปีของท่าน และตั้งประตูเมืองโดยต้องเสียเสกุบบุตรสุดท้องของท่าน ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ ซึ่งตรัสทางโยชูวาบุตรนูน

1 พงศ์กษัตริย์ 17

เอลียาห์พยากรณ์ว่าจะเกิดความแห้งแล้ง

 1เอลียาห์ชาวทิชบีอาศัยอยู่ในกิเลอาดฉบับกรีกว่า เอลียาห์ผู้เผยพระวจนะชาวทิชบีแห่งเมืองทิชบีในกิเลอาด ได้ทูลอาหับว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ซึ่งข้าพระบาทปรนนิบัติ ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด จะไม่มีน้ำค้างหรือฝนในปีเหล่านี้ฉันนั้น นอกจากตามคำของข้าพระบาท” 2แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังท่านว่า 3“จงออกจากที่นี่ไปทางตะวันออก และซ่อนตัวข้างลำธารเครีท ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 4เจ้าจะดื่มน้ำจากลำธาร และเราได้สั่งฝูงกาให้เลี้ยงเจ้าที่นั่น” 5ท่านจึงไปและทำตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ ท่านไปอาศัยอยู่ข้างลำธารเครีท ซึ่งอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน 6ฝูงกาก็นำขนมปังและเนื้อมาให้ท่านในเวลาเช้า และนำขนมปังและเนื้อมาในเวลาเย็น และท่านก็ดื่มน้ำจากลำธาร 7และต่อมาอีกหลายวัน ลำธารก็แห้ง เพราะไม่มีฝนในแผ่นดิน

หญิงม่ายชาวศาเรฟัท

 8แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเอลียาห์ว่า 9“จงลุกขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัท ซึ่งขึ้นกับเมืองไซดอน และอาศัยอยู่ที่นั่น นี่แน่ะ เราได้สั่งหญิงม่ายคนหนึ่ง ที่นั่นให้เลี้ยงเจ้า” 10ท่านจึงลุกขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัท และเมื่อมาถึงประตูเมือง นี่แน่ะ หญิงม่ายคนหนึ่งที่นั่นกำลังเก็บฟืน ท่านจึงเรียกนางว่า “ขอเอาน้ำใส่ภาชนะมาให้ฉันสักหน่อย เพื่อฉันจะได้ดื่ม” 11ขณะเมื่อนางจะไปเอาน้ำมา ท่านก็เรียกนางแล้วบอกว่า “ขอนำขนมปังใส่มือมาให้ฉันสักหน่อยหนึ่ง” 12และนางตอบว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ดิฉันไม่มีขนมปังภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า ขนมเค้กเลย มีแต่แป้งสักกำมือหนึ่งในหม้อ และน้ำมันเล็กน้อยในไห ดูสิ ดิฉันกำลังเก็บฟืนสองสามอัน เพื่อจะเข้าไปทำขนมสำหรับตัวเองและลูกชาย เพื่อเราจะได้กินแล้วก็ตาย” 13แต่เอลียาห์บอกนางว่า “อย่ากลัวเลย จงไปทำตามที่เธอพูด แต่จงทำขนมก้อนเล็กให้ฉันก่อน แล้วเอามาให้ฉัน ภายหลังจึงทำสำหรับตัวเธอและลูกของเธอ 14เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘แป้งในหม้อนั้นจะไม่ขาด และน้ำมันในไหนั้นจะไม่หมด จนกว่าจะถึงวันที่พระยาห์เวห์ทรงส่งฝนลงมายังพื้นดิน’ ” 15นางก็ไปทำตามคำของเอลียาห์ แล้วนางและครอบครัวกับเอลียาห์ก็รับประทานอยู่หลายวัน 16แป้งในหม้อก็ไม่ขาด และน้ำมันในไหก็ไม่หมด ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งตรัสทางเอลียาห์

เอลียาห์ชุบชีวิตบุตรชายของหญิงม่าย

 17และต่อมาหลังจากนี้ บุตรชายของหญิงนั้นผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ล้มป่วย และมีอาการสาหัสมาก จนไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว 18นางจึงกล่าวแก่เอลียาห์ว่า “โอ คนของพระเจ้า ดิฉันทำอะไรให้ท่าน? ท่านจึงมาหาดิฉัน เพื่อฟื้นความผิดของดิฉัน และทำให้ลูกของดิฉันตาย” 19แต่ท่านพูดกับนางว่า “เอาลูกของเธอมาให้ฉันเถิด” ท่านก็นำเขาไปจากอ้อมอกของนาง อุ้มขึ้นไปที่ห้องชั้นบนที่ท่านพักอยู่ และวางเขาบนที่นอนของท่านเอง 20และท่านร้องทูลพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงนำเหตุร้ายมาเหนือหญิงม่ายที่ข้าพระองค์อาศัยอยู่ด้วยทีเดียวหรือ? โดยทรงประหารบุตรของนางเสีย” 21แล้วท่านก็เหยียดตัวลงทับเด็กนั้นสามครั้ง และร้องทูลพระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอชีวิตของเด็กคนนี้มาเข้าในตัวเขาอีก” 22และพระยาห์เวห์ทรงฟังเสียงของเอลียาห์ และชีวิตของเด็กนั้นมาเข้าในตัวเขาอีก และเขาก็มีชีวิตอีก 23และเอลียาห์ก็อุ้มเด็กนั้น นำลงมาจากห้องชั้นบนเข้าไปในบ้าน และมอบเขาให้มารดาของเด็กและเอลียาห์บอกว่า “ดูซิ ลูกของเธอมีชีวิตอยู่” 24และหญิงนั้นพูดกับเอลียาห์ว่า “ตอนนี้ดิฉันทราบแล้วว่าท่านเป็นคนของพระเจ้า และพระวจนะของพระยาห์เวห์จากปากของท่านเป็นความจริง”

1 พงศ์กษัตริย์ 18

เอลียาห์กลับไปเฝ้าอาหับ

 1และหลายวันต่อมา พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงเอลียาห์ในปีที่สามว่า “จงไปปรากฏตัวต่ออาหับ และเราจะส่งฝนลงมายังพื้นดิน” 2เอลียาห์ก็ไปปรากฏตัวต่ออาหับ เวลานั้นมีการกันดารอาหารอย่างหนักในสะมาเรีย 3และอาหับรับสั่งเรียกโอบาดีห์ผู้บัญชาการราชสำนัก (ฝ่ายโอบาดีห์นั้นยำเกรงพระยาห์เวห์ยิ่งนัก 4เมื่อเยเซเบลกำจัดผู้เผยพระวจนะของพระยาห์เวห์ โอบาดีห์ได้นำผู้เผยพระวจนะ 100 คนซ่อนไว้ตามถ้ำ แห่งละ 50 คน และเลี้ยงเขาทั้งหลายด้วยอาหารและน้ำ) 5และอาหับตรัสสั่งโอบาดีห์ว่า “จงไปให้ทั่วแผ่นดิน ไปยังธารน้ำพุทุกแห่ง และไปยังลำธารทุกสาย บางทีพวกเราจะพบหญ้า และรักษาชีวิตม้าและล่อให้คงอยู่ได้ และไม่ต้องกำจัดสัตว์บางตัวแปลได้อีกว่า และไม่ต้องสูญเสียสัตว์บางส่วนไป” 6ดังนั้น พวกเขาก็แบ่งพื้นที่กันเพื่อออกค้นหา อาหับเสด็จไปทางหนึ่ง โอบาดีห์ไปอีกทางหนึ่ง
 7เมื่อโอบาดีห์กำลังไปตามทาง นี่แน่ะ เอลียาห์ได้พบเขา และโอบาดีห์ก็จำท่านได้ จึงซบหน้าลงพูดว่า “เอลียาห์ เจ้านายของข้าพเจ้า เป็นท่านเองจริงหรือ?” 8และท่านก็ตอบเขาว่า “ฉันเอง จงไปบอกเจ้านายของท่านว่า ‘นี่แน่ะ เอลียาห์อยู่ที่นี่’ ” 9และเขากล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้ทำผิดอะไร? ท่านจึงมอบข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านไว้ในพระหัตถ์ของอาหับให้ประหารเสีย 10พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด ไม่มีประชาชาติหรือราชอาณาจักรใด ที่เจ้านายของข้าพเจ้าไม่ได้ส่งคนไปเสาะหาท่าน และเมื่อเขาทั้งหลายกราบทูลว่า ‘เขาไม่อยู่ที่นี่ พ่ะย่ะค่ะ’ พระองค์ก็ให้ประชาชาติหรือราชอาณาจักรสาบานว่า เขาทั้งหลายไม่ได้พบท่าน 11และตอนนี้ท่านกล่าวว่า ‘จงไปบอกเจ้านายของท่านว่า “นี่แน่ะ เอลียาห์อยู่ที่นี่” ’ 12พอข้าพเจ้าไปจากท่านแล้ว พระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะมาพาท่านไป ณ ที่ใดข้าพเจ้าก็ไม่ทราบ ฉะนั้น เมื่อข้าพเจ้าไปทูลกษัตริย์อาหับ และพระองค์ทรงหาท่านไม่พบ พระองค์ก็จะทรงประหารข้าพเจ้าเสีย แต่ข้าพเจ้าผู้รับใช้ของท่านยำเกรงพระยาห์เวห์ตั้งแต่หนุ่มๆ มา 13ไม่มีใครเรียนท่านภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า เจ้านายของข้าพเจ้า ในที่นี้หมายถึง เอลียาห์หรือว่า ข้าพเจ้าได้ทำอะไรเมื่อเยเซเบลประหารผู้เผยพระวจนะของพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าได้ซ่อนผู้เผยพระวจนะของพระยาห์เวห์ 100 คนไว้ตามถ้ำ แห่งละ 50 คน และเลี้ยงเขาด้วยอาหารและน้ำ 14และตอนนี้ท่านบอกว่า ‘จงไปบอกเจ้านายของท่านว่า “นี่แน่ะ เอลียาห์อยู่ที่นี่” ’ พระองค์จะทรงประหารข้าพเจ้าเสีย” 15และเอลียาห์กล่าวว่า “พระยาห์เวห์จอมทัพผู้ที่ข้าพเจ้าปรนนิบัติ ทรงพระชนม์อยู่แน่นอนฉันใด ข้าพเจ้าจะปรากฏตัวแก่อาหับในวันนี้แน่นอนฉันนั้น”

อรรถาธิบาย

3. ความต้องการทางด้านวัตถุ

พระเยซูทรงสอนเราให้อธิษฐานว่า ‘ขอประทานอาหารประจำวันแก่พวกข้าพระองค์ในวันนี้’ (มัทธิว 6:11; ลูกา 11:3) มองไปที่พระเจ้าในความต้องการประจำวันของคุณ พระองค์จะจำเป็นต้องประทานทุกสิ่งที่คุณต้องการ แต่ให้เราอธิษฐานทูลขอให้พระองค์ทรงประทานทุกสิ่งที่จำเป็นต่อคุณ

ในสังคมที่ทำบาปและแตกออกเป็นหลายฝักหลายฝ่าย (1 พงศ์กษัตริย์ 16:8–34) พระเจ้าทรงยกผู้เผยพระวจนะคนหนึ่งขึ้นพูดด้วยสิทธิอำนาจและฤทธิ์เดช

พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่บอกเราว่าเอลียาห์เป็นมนุษย์ ‘ที่มีสภาพเหมือนอย่างเรา’ (ยากอบ 5:17ก) และกระนั้น ‘ท่านอธิษฐานอย่างจริงจังขอไม่ให้ฝนตก และฝนก็ไม่ตกต้องแผ่นดินถึงสามปีกับหกเดือน และเมื่อท่านอธิษฐานขออีกครั้งหนึ่ง สวรรค์ก็ให้ฝน และแผ่นดินก็ผลิตพืชผลของมัน’ (ข้อ 17ข–18)

คำอธิษฐานของเอลียาห์สร้างปัญหาให้กับตัวเอลียาห์เอง อย่างไรตาม พระเจ้าทรงจัดเตรียมให้แก่ความต้องการฝ่ายวัตถุของเขาทุกประการ เริ่มแรก ‘ฝูงกาก็นำขนมปังและเนื้อมาให้ท่านในเวลาเช้า และนำขนมปังและเนื้อมาในเวลาเย็น และท่านก็ดื่มน้ำจากลำธาร’ (1 พงศ์กษัตริย์ 17:6) พระเจ้าทรงสร้างสรรค์อย่างมากในการจัดเตรียมให้คุณ หน้าที่ของคุณคือเชื่อฟังพระองค์ และจากนั้นก็วางใจว่าพระองค์จะทรงจัดเตรียมทุกสิ่งที่จำเป็นแก่คุณ

เมื่อลำธารแห้งผาก (ข้อ 7) พระเจ้าตรัสกับเขาว่า ‘จงลุกขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัท ซึ่งขึ้นกับเมืองไซดอน และอาศัยอยู่ที่นั่น นี่แน่ะ เราได้สั่งหญิงม่ายคนหนึ่ง ที่นั่นให้เลี้ยงเจ้า’ (ข้อ 9) เมื่อประตูบานหนึ่งปิด (ลำธารแห้งไป) บ่อยครั้งเป็นเพราะว่าพระเจ้าทรงเปิดประตูอีกบานหนึ่งในชีวิตของคุณ พระองค์ทรงย้ายเอลียาห์เพื่อเขาจะได้เป็นคำตอบของคำอธิษฐานของใครบางคน และความจำเป็นในการทรงเลี้ยงดู

หญิงม่ายถูกทดสอบ เอลียาห์ทูลขออาหาร นางบอกเขาว่านางและลูกชายกำลังจะกินอาหารมื้อสุดท้ายและจากนั้นก็จะตาย เอลียาห์สัญญาว่าหากนางใจกว้างกับสิ่งที่นางมี พระเจ้าจะทรงจัดเตรียมทุกความจำเป็นของนาง เขาพูดกับนางว่า ‘แป้งในหม้อนั้นจะไม่ขาด และน้ำมันในไหนั้นจะไม่หมด จนกว่าจะถึงวันที่พระยาห์เวห์ทรงส่งฝนลงมายังพื้นดิน’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

หญิงม่ายทำทุกอย่างตามที่เอลียาห์บอก และก็ปรากฏว่าเป็นดังที่เขาพูด (ข้อ 15–16) หญิงม่ายแสดงให้เห็นถึงความเชื่อที่ยิ่งใหญ่ นางได้เตรียมที่จะให้ทุกสิ่งที่นางมี นางเสี่ยงด้วยทุกอย่างที่นางมี และพระเจ้าทรงจัดเตรียมทุกความจำเป็นของนาง พวกเขามีเพียงพอ แต่ก็ไม่ได้มีเกินจำเป็น พวกเขายังคงพึ่งพาพระเจ้าอย่างเต็มที่ในการจัดเตรียมความจำเป็นในชีวิตประจำวัน หากคุณเชื่อฟังพระเจ้า และให้ด้วยใจกว้างขวาง คุณจะพบว่า คุณไม่สามารถให้ได้มากกว่าพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำสิ่งที่อัศจรรย์สำหรับคุณ และผ่านทางคุณ

นี่ไม่ได้หมายความว่า ชีวิตจะง่ายขึ้น แม้จะมีความเชื่อ นางก็เผชิญกับการต่อสู้อีกอันหนึ่ง บุตรชายของนางล้มป่วย และสุดท้ายก็สิ้นลม (ข้อ 17) เอลียาห์ใช้ความเชื่อที่ยิ่งใหญ่เมื่อเขาร้องทูลถึงองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเด็กชายที่เสียชีวิต (ข้อ 20) ‘พระยาห์เวห์ทรงฟังเสียงของเอลียาห์ และชีวิตของเด็กนั้นมาเข้าในตัวเขาอีก และเขาก็มีชีวิตอีก’ (ข้อ 22)

น่าทึ่งจริงๆ เมื่อเอลียาห์ก็อุ้มเด็กนั้น นำลงมาจากห้องชั้นบนเข้าไปในบ้าน และมอบเขาให้มารดาของเด็กและเอลียาห์บอกว่า “ดูซิ ลูกของเธอมีชีวิตอยู่’ (ข้อ 23)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับความรัก ฤทธิ์เดช และการทรงจัดเตรียมของพระองค์ให้มีอาหารอย่างพอเพียงสำหรับทั้งโลกนี้ ขอทรงอภัยให้เราเมื่อเราล้มเหลวที่จะแจกจ่ายสิ่งที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ ขอประทานการทรงนำ ถ้อยคำ และความกล้าหาญของพระองค์แก่เรา ให้ทำทุกสิ่งที่เราสามารถทำได้ในยุคของเราเพื่อเปลี่ยนแปลงความอยุติธรรมอันน่ากลัวนี้ ขอทรงนำเราด้วยพระวิญญาณของพระองค์เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกของเรา

เพิ่มเติมโดยพิพพา

1 พงศ์กษัตริย์ 17:14

เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า 'แป้งในหม้อนั้นจะไม่ขาด และน้ำมันในไหนั้นจะไม่หมด จนกว่าจะถึงวันที่พระยาห์เวห์ทรงส่งฝนลงมายังพื้นดิน’

ฉันรักเรื่องราวของหญิงม่ายผู้ยากจนและไม่รู้เรื่องรู้ราวคนนี้ ผู้แบ่งปันอาหารของเธอให้กับผู้เผยพระวจนะผู้ยิ่งใหญ่ พระเจ้าทรงเปลี่ยนสิ่งธรรมดาให้เป็นสิ่งที่พิเศษ

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม