วิธีรับมือกับความท้าทายของชีวิต
เกริ่นนำ
ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี้ ได้กล่าวไว้ว่า ‘วันนี้เรายืนอยู่บนขอบของพรมแดนใหม่...พรมแดนใหม่ที่เผมพูดนั้นไม่ใช่ชุดของคำมั่นสัญญา แต่เป็นชุดของความท้าทาย เป็นข้อสรุปซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผมตั้งใจจะมอบให้แก่ชาวอเมริกัน แต่เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจจะขอจากพวกเขา’
ชีวิตคือความท้าทาย ปัญหา และความยุ่งยากต่าง ๆ บางครั้งเราจินตนาการว่าถ้าเราสามารถจัดการกับความท้าทายที่เรากำลังเผชิญอยู่ได้ในทันที ปัญหาทั้งหมดของเราก็จะจบลงด้วยดี แต่ชีวิตไม่ได้เป็นเช่นนั้น หากเราแก้ปัญหาหนึ่ง ปัญหาอื่น ๆ ก็เคลื่อนเข้าใกล้ตามมา
การทดลองใจที่เกิดขึ้น คือ การที่จะมองว่าสิ่งท้าทายเหล่านี้เป็นตัวขัดขวางไม่ให้เรากระทำพันธกิจที่พระเจ้าประทานแก่เรา แต่ในความเป็นจริงแล้ว การจัดการกับปัญหาก็คือพันธกิจนั่นเอง ดังที่อดีตบิชอปแห่งเคนซิงตันท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า ‘ไม่มีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพันธกิจ แต่ปัญหาคือพันธกิจ’
พระคัมภีร์เป็นความจริงในชีวิต ผู้เขียนสดุดีต้องเผชิญกับความเจ็บปวดและความทุกข์ใจ อาจารย์เปาโลต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาเท็จและความคับข้องใจที่ต้องถูกคุมขังในคุกด้วยข้อกล่าวหาที่ถูกกุเรื่องขึ้น กษัตริย์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเผชิญกับสงครามและความท้าทายของโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่
ขณะนี้ โลกของเรากำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่กับการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 และการเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งสิ่งนี้ถูกกดเอาไว้มานานแล้ว แต่ตอนนี้มันเริ่มเปิดเผยขึ้นภายหลังการฆาตกรรมอันน่าหวาดกลัวของจอร์จ ฟลอยด์ นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การกันดารอาหาร และโรคภัยไข้เจ็บ สงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม
ขณะที่ผมอ่านข้อพระคัมภีร์สำหรับวันนี้ ผมก็ได้รับการเตือนว่าความท้าทาย ปัญหา และความยุ่งยากเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผมเผชิญนั้นเทียบไม่ได้กับสิ่งที่คนของพระเจ้าประสบพบเจอในอดีต และยังคงเผชิญอยู่ทั่วโลกในทุกวันนี้
สดุดี 81:1-7
พระเจ้าทรงวิงวอนอิสราเอลผู้ดื้อรั้น
ถึงหัวหน้านักร้อง ตามทำนองกิททีธ ของอาสาฟ
1จงร้องเพลงด้วยความยินดีถวายแด่พระเจ้า พระกำลังของพวกเรา
จงโห่ร้องด้วยความชื่นบานถวายแด่พระเจ้าของยาโคบ
2จงเปล่งเสียงเพลง จงตีรำมะนากลองขึงหนังหน้าเดียว รูปกลมแป้น
ทั้งพิณเขาคู่อันไพเราะและพิณใหญ่
3จงเป่าแตรในวันขึ้นหนึ่งค่ำ
และในวันขึ้นสิบห้าค่ำ ซึ่งเป็นวันเทศกาลเลี้ยงของพวกเรา
4เพราะเป็นกฎเกณฑ์สำหรับอิสราเอล
เป็นกฎระเบียบของพระเจ้าแห่งยาโคบ
5พระองค์ทรงตราเป็นกฎเกณฑ์ในโยเซฟ
เมื่อเสด็จออกไปโจมตีแผ่นดินอียิปต์
ข้าพเจ้าได้ยินเสียงพูดซึ่งข้าพเจ้าไม่รู้จัก กล่าวว่า
6“เราปลดภาระจากบ่าของเขาเมื่อตกเป็นทาสในอียิปต์
เราให้มือของเขาพ้นจากการยกของหนัก
7เมื่อทุกข์ใจเจ้าเรียก เราก็ช่วยกู้เจ้า
เราตอบเจ้าในที่ลับลี้ของฟ้าร้อง
เราได้ทดสอบเจ้าที่น้ำแห่งเมรีบาห์
อรรถาธิบาย
พูดคุยถึงปัญหาต่าง ๆ กับพระเจ้า
คุณกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการทดสอบหรือไม่? บางครั้งพระเจ้าอนุญาตให้เราถูกทดสอบ ในขณะที่พระองค์ยอมให้ผู้คนของพระองค์ถูกทดสอบโดยน้ำแห่งเมรีบาห์ (ข้อ 7 ดู กันดารวิถี 20) แต่พระองค์ไม่ปรารถนาให้คุณเผชิญกับการทดสอบ และความท้าทายของชีวิตเพียงลำพัง คุณสามารถพูดคุยเรื่องปัญหาต่าง ๆ ของคุณกับพระองค์
พระเจ้าตรัสว่า ‘เราปลดภาระจากบ่าของเขา...เมื่อทุกข์ใจเจ้าเรียก เราก็ช่วยกู้เจ้า’ (ข้อ 6ก–7ก)
‘เราจะนำภาระออกจากบ่าของเจ้า
ปลดปล่อยเจ้าจากชีวิตที่ทำงานหนัก
เจ้าเรียกเราในความเจ็บปวดของเจ้า
เรานำเจ้าออกมาจากสถานที่เลวร้าย’ (ข้อ 6–7ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ไม่ว่าสถานการณ์หรือปัญหาใด ๆ ที่คุณเผชิญอยู่ คุณสามารถนำมาหาพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน
พระเจ้าได้ทรงปลดเปลื้องภาระของพวกเขาและทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากความทุกข์ ดังนั้น ผู้เขียนสดุดีจึงเริ่มต้นด้วยการนมัสการ การเฉลิมฉลอง และความปีติยินดี: ‘จงร้องเพลงด้วยความยินดีถวายแด่พระเจ้า พระกำลังของพวกเรา!’ (ข้อ 1)
คำอธิษฐาน
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ขอขอบพระคุณที่พระองค์ทรงเป็นกำลังและความยินดีของข้าพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ต้องเผชิญกับสิ่งท้าทายและปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ ขอให้ทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจาก...
กิจการอัครทูต 25:1-22
เปาโลถวายฎีกาถึงซีซาร์
1เมื่อเฟสทัสเข้ารับตำแหน่งราชการได้สามวัน จึงออกจากเมืองซีซารียาขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม 2พวกหัวหน้าปุโรหิตกับคนสำคัญๆ ในพวกยิวมาฟ้องเปาโลต่อท่าน และวิงวอน 3ขอให้ท่านกรุณาต่อพวกเขาโดยส่งตัวเปาโลมายังกรุงเยรูซาเล็ม เพราะพวกเขาคิดจะดักฆ่าเปาโลเสียกลางทาง 4เฟสทัสจึงตอบว่าเปาโลนั้นถูกคุมไว้ในเมืองซีซารียา และอีกไม่นานท่านเองจะกลับไปที่นั่น 5ท่านกล่าวว่า “เพราะฉะนั้น ให้บรรดาผู้มีอำนาจในพวกท่านลงไปกับข้าพเจ้า หากเปาโลมีความผิดประการใดก็ให้พวกเขาฟ้องเขาที่นั่น”
6หลังจากท่านพักอยู่ที่นั่นไม่เกินแปดหรือสิบวันแล้ว ก็ลงไปยังเมืองซีซารียา พอวันรุ่งขึ้นท่านก็นั่งบัลลังก์และสั่งให้พาเปาโลเข้ามา 7เมื่อเปาโลมาแล้ว พวกยิวที่ลงมาจากกรุงเยรูซาเล็มก็ยืนล้อมเปาโลไว้ และตั้งข้อกล่าวหาอุกฉกรรจ์ใส่เปาโลหลายกระทงซึ่งล้วนพิสูจน์ไม่ได้ 8เปาโลจึงแก้คดีว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรที่ผิดต่อกฎหมายของพวกยิว หรือต่อพระวิหาร หรือต่อซีซาร์” 9เฟสทัสอยากได้ความชอบจากพวกยิวจึงถามเปาโลว่า “เจ้าอยากขึ้นไปที่กรุงเยรูซาเล็มให้ข้าชำระความนี้ที่นั่นหรือ?” 10เปาโลจึงตอบว่า “ข้าพเจ้ากำลังยืนอยู่ต่อหน้าบัลลังก์ของซีซาร์ซึ่งเป็นที่ที่ข้าพเจ้าควรจะได้รับการพิพากษา ท่านก็ทราบดีว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำอะไรผิดต่อพวกยิว 11ถ้าข้าพเจ้าเป็นผู้ทำผิดและทำอะไรที่ควรมีโทษถึงตาย ข้าพเจ้าก็ยอมตายโดยไม่ขัดขืน แต่ถ้าเรื่องที่พวกเขาฟ้องข้าพเจ้านั้นไม่จริง แล้วก็ไม่มีใครมีอำนาจมอบข้าพเจ้าให้พวกเขาได้ ข้าพเจ้าขอถวายฎีกาถึงซีซาร์” 12หลังจากเฟสทัสพูดคุยกับที่ปรึกษาแล้วจึงตอบว่า “เจ้าถวายฎีกาถึงซีซาร์ เจ้าก็จะต้องไปเฝ้าซีซาร์”
เฟสทัสปรึกษากษัตริย์อากริปปา
13หลังจากผ่านไปหลายวัน กษัตริย์อากริปปากับพระนางเบอร์นิสเสด็จมาต้อนรับเฟสทัสที่เมืองซีซารียา 14ขณะทรงค้างอยู่ที่นั่นหลายวัน เฟสทัสก็เล่าคดีของเปาโลให้กษัตริย์ฟังว่า “มีคนหนึ่งที่ถูกเฟลิกส์ขังทิ้งไว้ 15ตอนที่ข้าพระบาทไปกรุงเยรูซาเล็ม พวกหัวหน้าปุโรหิตกับบรรดาผู้ใหญ่ของพวกยิวก็มาฟ้องและขอให้ข้าพระบาทตัดสินลงโทษเขา 16ข้าพระบาทจึงตอบว่า ‘การมอบตัวจำเลยก่อนที่โจทก์กับจำเลยจะมีโอกาสมาพร้อมหน้ากันเพื่อให้จำเลยแก้ข้อกล่าวหานั้นไม่ใช่ธรรมเนียมของชาวโรมัน’ 17ดังนั้นเมื่อเขาทั้งหลายมาพร้อมกันที่นี่แล้ว ข้าพระบาทก็ไม่รอช้า วันรุ่งขึ้นข้าพระบาทก็นั่งบัลลังก์และสั่งให้พาจำเลยเข้ามา 18เมื่อพวกโจทก์ยืนขึ้น พวกเขาไม่ได้กล่าวหาจำเลยในเรื่องความผิดใดๆ อย่างที่ข้าพระบาทคาดไว้ 19แต่กลับเป็นว่าพวกเขามีเรื่องขัดแย้งบางเรื่องกับคนนี้เกี่ยวกับศาสนาของเขาเอง และเรื่องของคนหนึ่งที่ชื่อเยซูซึ่งตายไปแล้ว แต่เปาโลยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่ 20เมื่อข้าพระบาทยังสับสนอยู่ว่าจะพิจารณาปัญหานั้นอย่างไรดี จึงถามเปาโลว่า อยากขึ้นไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อชำระความที่นั่นหรือไม่? 21แต่เมื่อเปาโลถวายฎีกาให้ขังเขาไว้เพื่อรอการตัดสินของจักรพรรดิ ข้าพระบาทจึงสั่งให้คุมขังเขาไว้จนกว่าจะส่งตัวไปให้ซีซาร์” 22อากริปปาจึงกล่าวกับเฟสทัสว่า “ข้าจะขอฟังคำให้การของคนนั้นด้วย” เฟสทัสจึงกล่าวว่า “พรุ่งนี้ฝ่าพระบาทจะได้ฟังเขา”
อรรถาธิบาย
ไว้วางใจว่าพระเจ้าทรงควบคุมอยู่
ความเชื่อ หมายถึง การไว้วางใจในพระเจ้า ‘ความเชื่อ’ ตามที่ ซี.เอส. ลูอิสได้เขียนไว้ ‘คือศิลปะของการยึดมั่นไว้ในสิ่งที่ครั้งหนึ่งเหตุผลของคุณได้รับการยอมรับ ถึงแม้ว่าอารมณ์ของคุณจะเปลี่ยนไป’ เป็นการยากที่จะวางใจพระเจ้าเมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะผิดพลาด
ลูกาบันทึกการพิจารณาคดีของอาจารย์เปาโลด้วยวิธีการที่เป็นกลางและไม่ได้มีเรื่องความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง นี่คงเป็นช่วงเวลาที่น่าผิดหวังยิ่งสำหรับเปาโล ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของคริสตจักร ผู้ประกาศข่าวประเสริฐและอาจารย์ผู้นี้ถูกขังไว้ ดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถทำในสิ่งที่ได้รับการทรงเรียกให้ทำได้อีก เพราะถูกควบคุมตัว ทั้งยังต้องอดทนต่อข้อจำกัดทางกายภาพและความไม่สบายจากการถูกจองจำ
มีการกล่าวหาเปาโลอย่างร้ายแรง (ข้อ 1–7) เขาปกป้องตัวเองโดยชี้ให้เห็นว่าตนเองนั้น ‘ไม่ได้ทำอะไรที่ผิด’ (ข้อ 8,10) แต่เฟสตัสสนใจในสิ่งที่คนอื่นคิด (ข้อ 9) มากกว่าสิ่งที่ถูกต้อง คำถามแรกของเราควรเป็น ‘อะไรคือสิ่งที่ถูกต้องที่เราควรทำ?’ แต่เฟสตัสกังวลเรื่องการเป็นที่นิยมชมชอบมากกว่าความยุติธรรม ในท้ายที่สุด อาจารย์เปาโลถวายฎีกาถึงซีซาร์ (ข้อ 11)
เมื่อกษัตริย์อากริปปาเสด็จมาถึง เฟสตัสจึงหารือเรื่องคดีของเปาโลกับเขา เฟสตัสกล่าวว่า ‘เมื่อพวกโจทก์ยืนขึ้น พวกเขาไม่ได้กล่าวหาจำเลยในเรื่องความผิดใด ๆ อย่างที่ข้าพระบาทคาดไว้ แต่กลับเป็นว่าพวกเขามีเรื่องขัดแย้งบางเรื่องกับคนนี้เกี่ยวกับศาสนาของเขาเอง และเรื่องของคนหนึ่งที่ชื่อเยซูซึ่งตายไปแล้วแต่เปาโลยืนยันว่ายังมีชีวิตอยู่’ (ข้อ 18–19)
การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูควรเป็นหัวใจของข้อความที่เราประกาศอยู่เสมอ ข้อกล่าวหาเดียว คือเปาโลกำลังเทศนาว่าพระเยซูทรงพระชนม์อยู่ แต่ยังมีการกล่าวหาและข้อกล่าวหาเท็จอื่น ๆ มากมายเกี่ยวกับเขา
สำหรับเปาโล ท่ามกลางความยากลำบากและความหวาดหวั่นใจเหล่านี้ คงเป็นเรื่องยากมากที่จะผลดีที่อาจจะเกิดขึ้นจากความไม่ซื่อสัตย์ ความล่าช้า และความไม่เห็นพ้องในการสอบสวนคดีของเขา แต่กระนั้น พระเจ้ากำลังกระทำเพื่อให้เกิดผลดีเช่นเคย ดังที่อาจารย์เปาโลเองเขียนว่า ‘เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์’ (โรม 8:28)
ประการแรก ในระยะสั้น นั่นสิ่งนี้ทำให้เปาโลมีโอกาสที่จะได้พูดคุยกับอากริปปา หลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับอาจารย์เปาโลแล้ว อากริปปาก็พูดกับเฟสตัสว่า ‘ข้าจะขอฟังคำให้การของคนนั้นด้วย' (กิจการ 25:22) ในยามคับข้องใจและยุ่งยาก คุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าโอกาสต่าง ๆ อาจปรากฏขึ้น แต่บางครั้งมันก็เกิดขึ้นจริง
ประการที่สอง ในระยะกลาง นี่ส่งผลให้เปาโลถูกส่งไปยังกรุงโรม เปาโลแสดงความปรารถนาที่จะไปกรุงโรมเพื่อประกาศพระกิตติคุณ (19:21; โรม 1:15; 15:23) และองค์พระผู้เป็นเจ้าเองก็ตรัสกับอาจารย์เปาโลว่าเขาจะเป็นพยานในกรุงโรม (กิจการ 23:11) เป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในการแก้คดีของอาจารย์เปาโล เขาจึงถูกส่งตัวไปยังกรุงโรมในที่สุด
ประการที่สาม ในระยะยาว อีก 2,000 ปีต่อมา ผู้คนจำนวนมากได้อ่านเรื่องราวของเปาโลและได้รับการหนุนใจให้ทราบว่าตัวเองก็ถูกคุมขัง ถูกกล่าวหา และถูกวิพากษ์วิจารณ์ด้วยข้อกล่าวหาเท็จเช่นกัน ผมสงสัยว่า เปาโลจะต้องประหลาดใจเพียงใดเมื่ออยู่ท่ามกลางความยากลำบากเหล่านี้ แล้วทราบในที่สุดว่าจะมีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นจากสิ่งเหล่านี้มากเพียงใด ในชีวิตนี้ คุณอาจไม่มีทางรู้เลยว่าพระเจ้าใช้ความสัตย์ซื่อที่คุณมีอย่างไรเมื่อคุณเผชิญหน้าปัญหาและความท้าทาย
คำอธิษฐาน
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงอยู่กับเรา ทุกครั้งที่เราเผชิญการกล่าวหาและการวิพากษ์วิจารณ์ ข้าพระองค์ขอบพระคุณผ่านสิ่งน่าหวาดกลัวเหล่านี้ในชีวิต พระองค์กระทำทุกสิ่งเพื่อให้เกิดผลอันดีแก่บุคคลที่รักพระองค์และถูกเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์ (โรม 8:28)
2 พงศ์กษัตริย์ 12:1-14:22
พระวิหารได้รับการบูรณะซ่อมแซม
1ในปีที่ 7 แห่งรัชกาลเยฮู โยอาชเยฮู ทรงเป็นกษัตริย์ และพระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 40 ปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า ศิบียาห์ชาวเบเออร์เชบา 2และโยอาชทรงทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ตลอดรัชกาลของพระองค์ที่เยโฮยาดาปุโรหิตได้แนะนำพระองค์ 3แต่พวกเขายังไม่ได้รื้อปูชนียสถานสูง ประชาชนยังคงถวายสัตวบูชาและเผาเครื่องหอมในปูชนียสถานสูงเหล่านั้น
4โยอาชตรัสกับพวกปุโรหิตว่า “เงินทั้งสิ้นอันเป็นของถวายที่บริสุทธิ์ ซึ่งนำเข้ามาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ได้แก่เงินที่เรียกจากแต่ละคน คือเงินที่กำหนดให้เสีย และเงินทั้งสิ้นที่ประชาชนถวายด้วยความสมัครใจ จะนำมาไว้ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 5ให้ปุโรหิตแต่ละคนรับเงินนั้นจากคนที่รู้จักกัน ให้พวกเขาซ่อมพระนิเวศตรงที่ที่เห็นว่าต้องการซ่อมแซม”
6ต่อมาในปีที่ 23 แห่งรัชกาลพระราชาโยอาช พวกปุโรหิตไม่ได้ซ่อมแซมพระนิเวศ 7เพราะฉะนั้น พระราชาโยอาชจึงทรงเรียกปุโรหิตเยโฮยาดา และปุโรหิตอื่นๆ และตรัสกับพวกเขาว่า “ทำไมท่านจึงไม่ซ่อมแซมพระนิเวศ? เพราะฉะนั้น อย่ารับเงินจากคนที่ท่านรู้จักเพื่อตัวเองเลย แต่ให้ส่งไปเพื่อซ่อมแซมพระนิเวศ” 8พวกปุโรหิตจึงตกลงกันว่าจะไม่รับเงินจากประชาชนอีก และจะไม่ซ่อมแซมพระนิเวศ
9แล้วเยโฮยาดาปุโรหิตนำหีบมาใบหนึ่ง เจาะรูหนึ่งที่ฝาหีบนั้น และตั้งไว้ข้างแท่นบูชาด้านขวา ทางคนเข้าพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และปุโรหิตผู้เฝ้าอยู่ที่ธรณีประตู ก็นำเงินทั้งหมดที่ถูกนำเข้ามาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ใส่ไว้ในหีบนั้น 10และเมื่อเขาเห็นว่ามีเงินในหีบมากแล้ว ราชเลขาและมหาปุโรหิตจะขึ้นไปนับเงิน และเอาเงินที่พบในพระนิเวศของพระยาห์เวห์นั้นใส่ถุงมัดไว้ 11แล้วพวกเขามอบเงินที่ชั่งแล้วนั้นไว้ในมือของคนงานผู้ดูแลพระนิเวศของพระยาห์เวห์ แล้วเขาจะจ่ายต่อให้แก่ช่างไม้และช่างก่อสร้าง ผู้บูรณะพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 12และให้แก่ช่างก่ออิฐถือปูน และช่างสกัดหิน ทั้งซื้อไม้และหินสกัดที่ใช้ในการซ่อมแซมพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และสำหรับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมดในงานซ่อมแซมพระนิเวศ 13แต่เงินที่นำเข้ามาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์นั้น ไม่ได้นำไปใช้ในการทำชามเงิน ตะไกรตัดไส้ตะเกียง อ่าง แตร หรือภาชนะทองคำใดๆ หรือภาชนะเงินของพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 14เพราะเงินนั้นพวกเขาให้คนงานที่ทำงานซ่อมพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 15และพวกเขาไม่ได้ขอบัญชีจากคนที่พวกเขาใส่เงินไว้ในมือให้เอาไปจ่ายคนงาน เพราะเขาทั้งหลายปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ 16เงินที่ได้จากการชดใช้บาป และเงินที่ได้จากการลบล้างบาป ไม่ได้นำมาไว้ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ เงินนั้นเป็นของพวกปุโรหิต
ฮาซาเอลข่มขวัญเยรูซาเล็ม
17เวลานั้นฮาซาเอลพระราชาแห่งซีเรียทรงยกขึ้นไปรบกับเมืองกัท และยึดเมืองนั้นได้ แต่เมื่อฮาซาเอลมุ่งพระพักตร์จะขึ้นไปตีกรุงเยรูซาเล็ม 18โยอาชพระราชาแห่งยูดาห์ทรงนำเอาสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เยโฮชาฟัท เยโฮรัม และอาหัสยาห์บรรพบุรุษของพระองค์ ผู้เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ได้ทรงถวายไว้นั้น และสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เอง และทองคำทั้งหมดที่พบในคลังของพระนิเวศพระยาห์เวห์และของพระราชวังมา แล้วโยอาชทรงส่งสิ่งเหล่านี้ไปกำนัลฮาซาเอลพระราชาแห่งซีเรีย แล้วฮาซาเอลก็ทรงถอยทัพไปจากกรุงเยรูซาเล็ม
โยอาชสิ้นพระชนม์
19ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของโยอาช และทุกสิ่งที่ทรงกระทำ ได้บันทึกในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? 20พวกข้าราชการของพระองค์ลุกขึ้นก่อการกบฏ และปลงพระชนม์โยอาชเสียในวังมิลโล ตามทางที่ลงไปยังสิลลา 21พวกนั้นคือโยซาคาร์บุตรชิเมอัท และเยโฮซาบาดบุตรโชเมอร์ พวกข้าราชการของพระองค์ได้ประหารพระองค์ พระองค์จึงสิ้นพระชนม์ และทรงถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษในนครดาวิดหมายถึงกรุงเยรูซาเล็ม และอามาซิยาห์พระราชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แทน
2 พงศ์กษัตริย์ 13
เยโฮอาหาสทรงครองอิสราเอล
1ในปีที่ 23 แห่งรัชกาลโยอาช พระราชโอรสของอาหัสยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ เยโฮอาหาสพระราชโอรสของเยฮูทรงครองอิสราเอลในกรุงสะมาเรียอยู่ 17 ปี 2พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และทำตามบาปทั้งหลายของเยโรโบอัมบุตรเนบัท ผู้ได้นำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย พระองค์ไม่ได้ทรงหันจากบาปนั้น 3และพระพิโรธของพระยาห์เวห์ก็พลุ่งขึ้นต่ออิสราเอล และพระองค์ทรงมอบเขาทั้งหลายไว้ในมือของฮาซาเอลพระราชาแห่งซีเรีย และในมือของเบนฮาดัดโอรสของฮาซาเอลอยู่เนืองๆ 4แล้วเยโฮอาหาสได้วิงวอนพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ทรงฟังท่าน เพราะพระองค์ทรงเห็นการกดขี่อิสราเอล คือที่พระราชาแห่งซีเรียกดขี่พวกเขาอย่างไร 5(เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ประทานผู้ช่วยผู้หนึ่งแก่อิสราเอล พวกเขาจึงรอดพ้นจากมือคนซีเรีย และคนอิสราเอลก็ได้อาศัยอยู่ในบ้านของตนอย่างเดิม 6ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้หันจากบาปของราชวงศ์เยโรโบอัม ซึ่งพระองค์ทรงกระทำให้อิสราเอลทำด้วย แต่ดำเนินในบาปนั้น และพระอาเช-ราห์สิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ อาจเป็นเสาไม้แกะสลัก หรือ รูปเคารพเจ้าแม่ก็ยังคงอยู่ในสะมาเรียด้วย) 7เพราะไม่ได้เหลือกองทัพไว้ให้เยโฮอาหาสเกินกว่าทหารม้า 50 คน และรถรบ 10 คันและทหารราบ 10,000 คน เพราะพระราชาแห่งซีเรียได้ทำลายเขาทั้งหลายเสีย ให้เป็นอย่างละอองเวลานวดข้าว 8ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเยโฮอาหาส และทุกสิ่งที่ทรงกระทำ และพระราชอำนาจของพระองค์ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 9และเยโฮอาหาสทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และเขาฝังพระองค์ไว้ในสะมาเรีย และเยโฮอาชพระราชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แทน
เยโฮอาชทรงครองอิสราเอล
10ในปีที่ 37 แห่งรัชกาลโยอาชพระราชาแห่งยูดาห์ เยโฮอาชพระราชโอรสของเยโฮอาหาสได้ทรงครองอิสราเอลในสะมาเรีย 16 ปี 11พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์ไม่ได้ทรงหันจากบาปทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรเนบัท ผู้ได้นำอิสราเอลให้ทำบาปด้วย แต่ทรงดำเนินในบาปนั้น 12ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเยโฮอาช และทุกสิ่งที่ทรงกระทำ และพระราชอำนาจซึ่งพระองค์ทรงสู้รบกับอามาซิยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 13เยโฮอาชจึงทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และเยโรโบอัมประทับบนพระที่นั่งของพระองค์ และเขาฝังพระศพเยโฮอาชไว้ในสะมาเรียกับบรรดาพระราชาแห่งอิสราเอล
มรณกรรมของเอลีชา
14เมื่อเอลีชาล้มป่วยด้วยโรคที่จะต้องสิ้นชีวิต เยโฮอาชพระราชาแห่งอิสราเอลได้เสด็จลงไปหาท่าน และทรงกันแสง ต่อหน้าท่าน ตรัสว่า “พ่อของข้า พ่อของข้า รถรบแห่งอิสราเอล และทหารม้าประจำรถ” 15และเอลีชาทูลพระองค์ว่า “ขอทรงเอาคันธนูและลูกธนูมา” พระองค์จึงทรงเอาคันธนูและลูกธนูมา 16แล้วท่านทูลพระราชาแห่งอิสราเอลว่า “ขอทรงเหนี่ยวคันธนู” และพระองค์ทรงเหนี่ยวด้วยพระหัตถ์ และเอลีชาเอามือของตนวางบนพระหัตถ์ของพระราชา 17และท่านทูลว่า “ขอทรงเปิดหน้าต่างด้านตะวันออก” และพระองค์ทรงเปิดแล้ว เอลีชาทูลว่า “ขอทรงยิง” และพระองค์ก็ทรงยิงและท่านทูลว่า “ลูกธนูชัยชนะของพระยาห์เวห์ ลูกธนูชัยชนะเหนือซีเรีย เพราะฝ่าพระบาทจะทรงต่อสู้กับคนซีเรียที่อาเฟก จนกว่าจะทรงทำให้เขาสิ้นไป” 18และท่านทูลว่า “ขอทรงหยิบลูกธนูเหล่านั้น” และพระองค์ก็ทรงหยิบ และท่านทูลพระราชาแห่งอิสราเอลว่า “เอาลูกธนูตีพื้นดิน” และพระองค์ทรงตีสามครั้ง แล้วทรงหยุดเสีย 19แล้วคนของพระเจ้าก็โกรธพระองค์ และทูลว่า “ฝ่าพระบาทควรจะตีสักห้าหรือหกครั้ง แล้วฝ่าพระบาทจะได้ตีซีเรียจนกว่าจะทรงทำให้เขาสิ้นไป แต่บัดนี้ฝ่าพระบาทจะตีซีเรียได้เพียงสามครั้งเท่านั้น”
20และเอลีชาสิ้นชีวิต เขาก็ฝังท่านไว้ กลุ่มโจรชาวโมอับเคยปล้นแผ่นดินนั้นในฤดูแล้ง 21ครั้งหนึ่ง เมื่อเขากำลังฝังศพคนหนึ่ง นี่แน่ะ เขาเห็นโจรกลุ่มหนึ่ง เขาจึงโยนศพชายคนนั้นลงไปในอุโมงค์ของเอลีชา พอศพชายคนนั้นแตะต้องกระดูกของเอลีชา ชายนั้นก็คืนชีวิตลุกขึ้นยืน
อิสราเอลยึดเมืองคืนจากซีเรีย
22ฮาซาเอล พระราชาแห่งซีเรียได้กดขี่คนอิสราเอลอยู่ตลอดรัชกาลของเยโฮอาหาส 23แต่พระยาห์เวห์ทรงพระกรุณาและทรงพระเมตตาพวกเขา และพระองค์ทรงหันมาหาพวกเขา เพราะพันธสัญญาของพระองค์ที่ทรงกระทำกับอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ และจะไม่ทรงทำลาย หรือขับไล่พวกเขาไปให้พ้นพระพักตร์จนบัดนี้
24เมื่อฮาซาเอลพระราชาแห่งซีเรียสิ้นพระชนม์ เบนฮาดัด พระราชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แทน 25แล้วเยโฮอาชโอรสของเยโฮอาหาสได้ยึดบรรดาเมืองจากเบนฮาดัดบุตรฮาซาเอลกลับคืนมา เป็นเมืองที่พระองค์ตีไปได้จากเยโฮอาหาสพระราชบิดาของเยโฮอาชเมื่อทำสงครามกัน เยโฮอาชได้รบชนะพระองค์สามครั้งและได้บรรดาเมืองอิสราเอลกลับคืนมา
2 พงศ์กษัตริย์ 14
อามาซิยาห์ทรงครองยูดาห์
1ในปีที่ 2 แห่งรัชกาลเยโฮอาชเยโฮอาชพระราชโอรสของเยโฮอาหาสพระราชาแห่งอิสราเอล อามาซิยาห์พระราชโอรสของโยอาชพระราชาแห่งยูดาห์ ได้ขึ้นครองราชย์ 2เมื่อพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นั้น พระองค์มีพระชนมายุ 25 พรรษา และพระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 29 ปี พระมารดาของพระองค์มีพระนามว่า เยโฮอัดดานชาวเยรูซาเล็ม 3และพระองค์ทรงทำสิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ แต่ยังไม่เหมือนกับดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ พระองค์ทรงทำตามทุกสิ่งซึ่งโยอาชพระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงกระทำ 4แต่ปูชนียสถานสูงเหล่านั้นยังไม่ได้ทรงรื้อเสีย ประชาชนยังคงถวายสัตวบูชา และเผาเครื่องหอมบนปูชนียสถานสูงเหล่านั้น 5และต่อมาเมื่อราชอาณาจักรอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์อย่างมั่นคงแล้ว พระองค์ก็ทรงประหารพวกข้าราชการที่ปลงพระชนม์พระราชบิดาของพระองค์ 6แต่พระองค์ไม่ได้ทรงประหารลูกหลานของผู้ที่ปลงพระชนม์นั้น ตามที่ได้บันทึกไว้ในหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสส ซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาว่า “อย่าประหารบิดาเพราะการกระทำของลูกหลาน หรืออย่าประหารลูกหลานเพราะการกระทำของบิดา แต่ละคนต้องถูกประหารเพราะบาปของตนเอง”
7พระองค์ทรงประหารคนเอโดม 10,000 คนในหุบเขาเกลือ และยึดเมืองเส-ลาด้วยการสงครามและเรียกเมืองนั้นว่า โยกเธเอล ซึ่งเป็นชื่อมาถึงทุกวันนี้
8แล้วอามาซิยาห์ทรงส่งคณะทูตไปเฝ้าเยโฮอาช โอรสของเยโฮอาหาสโอรสของเยฮู พระราชาแห่งอิสราเอลทูลว่า “มาเถิด ขอให้เราเผชิญหน้ากัน” 9และเยโฮอาชพระราชาแห่งอิสราเอลทรงส่งข่าวไปยังอามาซิยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ว่า “ต้นหนามในเลบานอนส่งข่าวไปหาต้นสนสีดาร์ในเลบานอนว่า ‘จงยกลูกสาวของเจ้าให้เป็นภรรยาลูกชายของเรา’ และสัตว์ป่าตัวหนึ่งซึ่งอยู่ในเลบานอนผ่านมา และย่ำต้นหนามลงเสีย 10จริงอยู่ท่านได้โจมตีเอโดม และจิตใจของท่านก็ทำให้ท่านผยองขึ้น จงพอใจในศักดิ์ศรีของท่านเถิด และจงอยู่กับบ้านของตน เพราะทำไมท่านจึงเร้าใจตนเองให้ต่อสู้และล้มลง ทั้งท่านและยูดาห์ด้วย?”
11แต่อามาซิยาห์ไม่ทรงฟังเยโฮอาชพระราชาแห่งอิสราเอล จึงทรงขึ้นไป และพระองค์กับอามาซิยาห์พระราชาแห่งยูดาห์ก็ทรงเผชิญหน้ากันที่เมืองเบธเชเมชซึ่งเป็นของยูดาห์ 12และยูดาห์ก็พ่ายแพ้อิสราเอล และแต่ละคนก็หนีกลับไปบ้านของตน 13เยโฮอาชพระราชาแห่งอิสราเอลก็ทรงจับอามาซิยาห์ พระราชาแห่งยูดาห์โอรสของโยอาช โอรสของอาหัสยาห์ได้ที่เมืองเบธเชเมช และได้เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม และทรงพังกำแพงเยรูซาเล็มลงประมาณ 200 เมตร ตั้งแต่ประตูเอฟราอิมจนถึงประตูมุม 14และพระองค์ทรงริบทองคำและเงินทั้งหมด และของใช้ทั้งหมด ที่พบในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และในคลังของพระราชวัง พร้อมจับตัวประกันด้วย และพระองค์เสด็จกลับไปยังกรุงสะมาเรีย
15ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเยโฮอาชที่ทรงกระทำ ทั้งพระราชอำนาจของพระองค์ และการสู้รบกับอามาซิยาห์ พระราชาแห่งยูดาห์นั้น ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งอิสราเอลไม่ใช่หรือ? 16เยโฮอาชทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และทรงถูกฝังไว้ในกรุงสะมาเรียกับบรรดาพระราชาแห่งอิสราเอล และเยโรโบอัมพระราชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แทน
17อามาซิยาห์พระราชโอรสของโยอาชพระราชาแห่งยูดาห์ทรงพระชนม์อยู่อีก 15 ปี หลังจากเยโฮอาชพระราชโอรสของเยโฮอาหาสพระราชาแห่งอิสราเอลสิ้นพระชนม์ 18ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของอามาซิยาห์ ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? 19พวกเขาได้ร่วมกันกบฏต่อพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็ม และพระองค์ทรงหนีไปยังเมืองลาคีช แต่เขาทั้งหลายส่งคนตามพระองค์ไปที่เมืองลาคีช และประหารพระองค์ที่นั่น 20และพวกเขานำพระศพบรรทุกม้ากลับมา และฝังไว้กับบรรพบุรุษในกรุงเยรูซาเล็ม คือนครดาวิด 21และประชาชนทั้งหมดของยูดาห์ก็ตั้งอาซาริยาห์ ซึ่งมีพระชนมายุ 16 พรรษา ให้เป็นกษัตริย์แทนอามาซิยาห์พระราชบิดาของพระองค์ 22พระองค์ทรงสร้างเมืองเอลัทและให้กลับมาขึ้นกับยูดาห์ หลังจากที่พระราชาอามาซิยาห์ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ
อรรถาธิบาย
คว้าทุกโอกาสที่พระเจ้าประทานให้คุณ
ในช่วงกลางประวัติศาสตร์อันน่าสลดใจของกษัตริย์แห่งอิสราเอลและยูดาห์ มีเหตุการณ์หนึ่งในชีวิตของเอลีชาที่หนุนใจให้คุณใช้ทุกโอกาสที่พระเจ้าประทานให้คุณ เพื่อจะยืนหยัดและไม่ยอมแพ้
เหล่าผู้นำมีหลากหลาย บางคนทำ ‘สิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์' (13:2,11) บางคนทำ “สิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์' (14:3)
พระเจ้ามีพระคุณอันอัศจรรย์เหลือล้น และเมื่อเยโฮอาหาสผู้กระทำความชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้า ‘ได้วิงวอนพระยาห์เวห์ และพระยาห์เวห์ทรงฟังท่าน...’ (13:4) เมื่อใดก็ตามที่คุณวิงวอนต่อพระเจ้า พระองค์จะฟังคุณ
ในรายชื่อผู้นำกลุ่มนี้ โยอาชน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ท่านทำ “สิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์” (12:2) แม้ว่าจะเป็นเพียงช่วงหนึ่งในรัชกาลของท่านก็ตาม
โยอาชได้ดำเนินโครงการก่อสร้าง เช่นเดียวกับหลาย ๆโครงการ มันใช้เวลานานกว่าที่คาดเอาไว้มาก ‘ต่อมาในปีที่ 23 แห่งรัชกาลพระราชาโยอาช พวกปุโรหิตไม่ได้ซ่อมแซมพระนิเวศ’ (ข้อ 6) พระราชาเรียกประชุมและถามว่า ‘ทำไมท่านจึงไม่ซ่อมแซมพระนิเวศ?’ (ข้อ 7)
ในที่สุด พวกเขาก็ทำงานต่อไป พวกเขาเก็บสะสมเงินที่จำเป็นต้องใช้ (ข้อ 11) พวกเขาทั้งหมดกระทำด้วยความซื่อสัตย์ (ข้อ 15) และทำให้เกิดความก้าวหน้า
แน่นอนว่า ในทุกวันนี้ พระวิหารของพระเจ้าไม่ใช่สิ่งก่อสร้างทางกายภาพอีกต่อไป แต่พระวิหารคือประชากรของพระเจ้า เงินทองและแรงงานของเราควรนำไปใช้เพื่อสร้างคนของพระเจ้า ทั้งในแง่ปริมาณ (การประกาศ) ในแง่การเติบโต (การเป็นสาวก) และแง่ของการดูแลชุมชน (การเปลี่ยนแปลงทางสังคม) อย่างไรก็ตาม บางครั้งเราก็จำเป็นต้องมีตัวอาคารเพื่อทำการนี้ และไม่ใช่เรื่องผิดที่จะใช้จ่ายเงินในการสร้างตัวโบสถ์เมื่อจำเป็น
เช่นเดียวกับความท้าทายของตัวอาคาร ผู้คนของพระเจ้าเผชิญกับความท้าทายในการต่อสู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในข้อพระคัมภีร์ตอนนี้ เราจะเห็นว่าพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอารัมอย่างไร เอลีชากล่าวกับกษัตริย์แห่งอิสราเอลว่า ‘ขอทรงเอาคันธนูและลูกธนูมา… ขอทรงหยิบลูกธนูเหล่านั้น… เอาลูกธนูตีพื้นดิน’ (13:15–18) กษัตริย์ “ตีสามครั้งแล้วทรงหยุดเสีย” (ข้อ 18ค) เอลีชากล่าวว่า ‘ฝ่าพระบาทควรจะตีสักห้าหรือหกครั้ง แล้วฝ่าพระบาทจะได้ตีซีเรียจนกว่าจะทรงทำให้เขาสิ้นไป แต่บัดนี้ฝ่าพระบาทจะตีซีเรียได้เพียงสามครั้งเท่านั้น’ (ข้อ 19)
ผมจำได้ว่าเคยอ่านข้อพระคัมภีร์ตอนนี้ในปี ค.ศ. 1998 หลังจากที่เราเริ่มต้นโครงการอัลฟ่าในครั้งแรก โดยเชิญคนทั้งประเทศมาที่อัลฟ่าเพื่อฟังข่าวดีเรื่องพระเยซู เราสงสัยว่าจะสามารถทำเป็นครั้งที่สองต่อดีหรือไม่ หรือว่าควรจะรอไปอีกสักหนึ่งปี ผมสัมผัสได้ในขณะที่อ่านข้อพระคัมภีร์ตอนนี้ว่า เราควรจะตีพื้นลงไปซ้ำ ๆ
ไม่ว่าคุณจะเผชิญปัญหาหรือความท้าทายใด ๆในวันนี้ จงอธิษฐาน ไว้วางใจ แล้วมองหาโอกาสที่จะรับใช้พระเจ้าอยู่เสมอ และอย่ายอมแพ้!
คำอธิษฐาน
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขณะที่เราเผชิญกับความท้าทายข้างหน้านี้ ขอทรงประทานความมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ แต่ให้เราอดทนพากเพียร และดำเนินต่อไปให้ถึงที่สุด
เพิ่มเติมโดยพิพพา
2 พงศ์กษัตริย์ 12:18
โยอาชได้นำทรัพย์สมบัติทั้งหมดของพระวิหารให้แก่ฮาซาเอล พระราชาแห่งซีเรียผู้ซึ่งกำลังจะโจมตีท่าน
บางครั้งการมอบของกำนัลให้แก่คนที่กำลังโกรธคุณอยู่ก็ได้ผลดี!
App
Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)