การทรงเรียกของคุณไม่อาจถูกเอากลับคืน
เกริ่นนำ
พ่อของผมไม่เคยอาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอล เหมือนอย่างคนยิวหลาย ๆ คน ประชากรยิวได้กระจัดกระจายไปทั่วโลก ใน ค.ศ. 1947 รัฐอิสราเอลถูกสถาปนาอีกครั้ง ในปัจจุบันมีประชากรประมาณ 7.5 ล้านคนอาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอล ซึ่ง 6 ล้านคนเป็นเชื้อสายยิว และทุกวันนี้ยังมีคนยิวอีกมากที่ยังกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก
ผมชอบการที่ยูจีน ปีเตอร์สันแปลข้อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ของวันนี้ โดยใช้คำว่า ‘คนใน’ สำหรับชาวยิว และ ‘คนนอก’ สำหรับคนที่ไม่ใช่ยิว
คนยิวหลายคนได้มาเป็นคริสเตียนตลอดหลายปีนี้ จริง ๆ แล้วคริสเตียนในยุคแรกทั้งหมดเป็น ‘คนใน’ (ชาวยิว) แต่ตอนนี้คริสเตียนส่วนมากเป็น ‘คนนอก’ (คนที่ไม่ใช่ยิว) แล้วอนาคตของ ‘คนใน’ จะเป็นอย่างไร
กุญแจในการเข้าใจของเปาโลอยู่ในโรม 11:29 ‘เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงเปลี่ยนพระทัย ในการที่ได้ทรงให้ของประทานและในการทรงเรียก’ นี่เป็นใจความสำคัญของพระคริสตธรรมคัมภีร์ทั้งเล่ม อย่างที่เราได้เห็นในข้อพระคัมภีร์ของวันนี้
สดุดี 89:19-29
19ในกาลก่อน พระองค์ตรัสด้วยนิมิต
แก่ผู้จงรักภักดีของพระองค์ และตรัสว่า
“เราได้ให้ความช่วยเหลือแก่นักรบคนหนึ่ง
เราได้ยกย่องคนที่เราเลือกจากประชาชน
20เราได้พบดาวิดผู้รับใช้ของเรา
เราได้เจิมเขาไว้ด้วยน้ำมันบริสุทธิ์ของเรา
21เพื่อมือของเราจะอยู่กับเขา
และแขนของเราจะเสริมกำลังของเขา
22ศัตรูจะหลอกเขาไม่ได้
คนชั่วจะข่มเหงเขาไม่ได้
23เราจะขยี้คู่อริของเขาต่อหน้าเขา
และตีผู้ที่เกลียดเขาให้ล้มลง
24ความซื่อสัตย์และความรักมั่นคงของเราจะอยู่กับเขา
และเขาเป็นสัญลักษณ์เล็งถึงกำลังของเขาจะถูกยกขึ้นโดยนามของเรา
25เราจะเอามือของเขาวางบนทะเล
และมือขวาของเขาบนแม่น้ำทั้งหลาย
26เขาจะร้องต่อเราว่า ‘ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์
และเป็นศิลาแห่งความรอดของข้าพระองค์’
27และเราจะให้เขาเป็นบุตรหัวปี
สูงที่สุดในบรรดาพระราชาแห่งแผ่นดินโลก
28เราจะเก็บรักษาความรักมั่นคงของเราไว้ให้เขาเป็นนิตย์
และพันธสัญญาที่เราทำกับเขาจะมั่นคงอยู่
29เราจะสถาปนาพงศ์พันธุ์ของเขาไว้เป็นนิตย์
ทั้งให้บัลลังก์ของเขาดำรงอยู่ตราบเท่าที่ฟ้าสวรรค์ดำรงอยู่
อรรถาธิบาย
พันธสัญญาของพระเจ้าต่อคนของพระองค์จะดำรงอยู่เป็นนิตย์
เราได้เห็นในพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับดาวิดว่าของขวัญจากพระเจ้า และการทรงเรียกของเขานั้นไม่อาจถูกเอากลับคืน
พระเจ้าทรงเรียกผู้หนึ่ง ‘คนที่เราเลือก’ จากประชาชนของพระองค์ (ข้อ 19ค) พระองค์ประทานของประทานกับเขา และทรง ‘ให้ความช่วยเหลือแก่นักรบคนหนึ่ง’ (ข้อ 19ข) พระองค์ทรง ‘เจิมเขาไว้’ (ข้อ 20ข) พระองค์ทรงสัญญาว่าความรักของพระองค์จะอยู่กับเขา (ข้อ 24ก) และความรักนั้นจะมั่นคงตลอดไป ‘พันธสัญญาที่เราทำกับเขาจะมั่นคงอยู่เราจะสถาปนาพงศ์พันธุ์ของเขาไว้เป็นนิตย์ ทั้งให้บัลลังก์ของเขาดำรงอยู่ตราบเท่าที่ฟ้าสวรรค์ดำรงอยู่’ (ข้อ 28ข-29)
พระสัญญานี้ให้กับดาวิดเป็นคนแรก (2 ซามูเอล 7:12-16) และเกิดขึ้นอีกหลายครั้ง จากนั้นในพระธรรมอิสยาห์ สิ่งที่ทรงสัญญาไว้กับดาวิด พระองค์ทรงสัญญากับอิสราเอลด้วย ‘และเราจะทำพันธสัญญานิรันดร์กับพวกเจ้า ตามความรักมั่นคงแน่นอนของเราต่อดาวิด’ (อิสยาห์ 55:3ข)
เปาโลแสดงออกอย่างชัดเจนว่าทั้งหมดนี้ถูกทำให้สำเร็จในพระเยซู เขาได้เขียนไว้ว่า ‘เรานำข่าวประเสริฐนี้มาแจ้งกับท่านทั้งหลายว่า พระสัญญาที่ประทานแก่บรรดาบรรพบุรุษของเรานั้น พระเจ้าทรงให้สำเร็จตามนั้นเพื่อเรา ผู้เป็นลูกหลานของเขาทั้งหลาย โดยการที่พระองค์ทรงให้พระเยซูเป็นขึ้นมา’ (กิจการ 13:32-33) จากนั้นเขาอ้างอิงอิสยาห์ 55:3 ว่า ‘เราจะให้พรอันบริสุทธิ์และมั่นคงที่เราสัญญาไว้กับดาวิดแก่พวกท่าน’ (กิจการ 13:34)
พระเจ้าทรงสัญญาว่าพระองค์จะให้ความรักมั่นคงของพระองค์กับคุณตลอดไป คุณได้รับพระพรทุกอย่างที่ทรงสัญญากับดาวิดผ่านทางพระเยซู คุณเป็นที่รัก คุณถูกเจิมตั้ง พระองค์จะประทานกำลังให้คุณ การทรงเรียกของคุณไม่อาจถูกเอากลับคืน
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้าพระบิดา ขอบคุณสำหรับความรักมั่นคงของพระองค์ วันนี้ข้าพระองค์ร้องต่อพระองค์ว่า ‘ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพระองค์ และเป็นศิลาแห่งความรอดของข้าพระองค์’ (สดุดี 89:26)
โรม 11:11-32
ความรอดของคนต่างชาติ
11ข้าพเจ้าจึงถามว่า พวกอิสราเอลสะดุดจนหกล้มทีเดียวหรือ? เปล่าเลย แต่การที่เขาละเมิดนั้นเป็นเหตุให้ความรอดแผ่มาถึงพวกต่างชาติ เพื่อจะให้พวกอิสราเอลอิจฉา 12แต่ถ้าการที่พวกอิสราเอลละเมิดนั้นเป็นเหตุให้ทั้งโลกได้รับพรอันไพบูลย์ และถ้าการพ่ายแพ้ของเขาเป็นเหตุให้คนต่างชาติรับพรอันไพบูลย์ หากได้พวกอิสราเอลมาเพิ่มเข้าด้วย จะดียิ่งกว่านั้นอีกสักเท่าไร
13แต่ข้าพเจ้ากล่าวแก่พวกท่านที่เป็นคนต่างชาติ เพราะข้าพเจ้าเป็นอัครทูตมายังพวกต่างชาติ ข้าพเจ้าจึงยกย่องพันธกิจรับใช้ของข้าพเจ้า 14เพื่อจะได้เร้าใจพี่น้องร่วมชาติ ให้อิจฉา เพื่อให้บางคนรอด 15เพราะว่าถ้าการที่พวกอิสราเอลถูกทอดทิ้ง เป็นเหตุให้คนทั้งโลกกลับคืนดีกับพระเจ้า การที่พระองค์ทรงรับเขากลับมาอีกนั้น ก็เป็นเหมือนกับว่าเขาได้ตายไปแล้วและกลับเป็นขึ้นใหม่ 16ถ้าแป้งดิบที่ถวายเป็นผลแรกบริสุทธิ์ แป้งดิบทั้งอ่างก็บริสุทธิ์ด้วย และถ้ารากบริสุทธิ์ กิ่งทั้งหมดก็บริสุทธิ์ด้วย
17แต่ถ้าบางกิ่งถูกหักออกเสียแล้ว และพระเจ้าทรงนำท่านผู้เป็นกิ่งมะกอกป่ามาต่อกิ่งไว้แทนกิ่งเหล่านั้น เพื่อให้เข้าเป็นส่วนได้รับน้ำเลี้ยงจากรากต้นมะกอก 18ก็อย่าอวดดีต่อกิ่งเหล่านั้น ถ้าท่านอวดดี ก็อย่าลืมว่าท่านไม่ได้เลี้ยงรากนั้น แต่รากต่างหากเลี้ยงท่าน 19ท่านอาจจะแย้งว่า “กิ่งเหล่านั้นถูกหักออกเสียแล้วก็เพื่อข้าจะถูกต่อเข้าแทนที่” 20ถูกแล้ว พวกเขาถูกหักออก ก็เพราะเขาไม่เชื่อ แต่ที่ท่านอยู่ได้ก็เพราะความเชื่อเท่านั้น อย่าเย่อหยิ่งไปเลยแต่จงเกรงกลัว 21เพราะว่าเมื่อพระองค์ไม่ได้ทรงหวงกิ่งเหล่านั้นที่เป็นกิ่งเดิม พระองค์ก็จะไม่ทรงหวงท่านเหมือนกัน 22เพราะฉะนั้นจงพิจารณาดูทั้งพระกรุณาและความเข้มงวดของพระเจ้า คือพระองค์ทรงเข้มงวดกับคนเหล่านั้นที่หลงผิดไป แต่พระองค์ทรงพระกรุณาท่าน ถ้าว่าท่านจะดำรงอยู่ในพระกรุณานั้นต่อไป มิฉะนั้นก็จะทรงตัดท่านออกเสียด้วย 23ส่วนพวกอิสราเอล ถ้าเขาไม่ดึงดันอยู่ในความไม่เชื่อ เขาก็จะถูกต่อเข้าไปใหม่ เพราะว่าพระเจ้าทรงสามารถที่จะต่อเข้าอีกได้ 24เพราะว่าถ้าพระเจ้าทรงตัดท่านออกจากต้นมะกอกป่า ซึ่งเป็นต้นไม้ป่าตามธรรมชาติ และทรงนำมาต่อกับต้นมะกอกพันธุ์ดี ซึ่งผิดธรรมชาติของมันแล้ว การที่จะเอากิ่งเหล่านั้น ซึ่งเป็นกิ่งเดิมมาต่อเข้ากับต้นของมันเอง ก็จะง่ายยิ่งกว่านั้นสักเท่าไร
การที่อิสราเอลคืนสู่สภาพเดิม
25พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าเกรงว่าท่านจะอวดรู้ จึงอยากให้ท่านเข้าใจข้อความอันล้ำลึกนี้ คือส่วนหนึ่งของชนชาติอิสราเอลมีใจแข็งกระด้างไป จนกระทั่งพวกต่างชาติได้เข้ามาครบจำนวน 26และเมื่อเป็นดังนั้น อิสราเอลทั้งชาติก็จะได้รับความรอด ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
“พระผู้ช่วยกู้ชีวิตจะเสด็จมาจากศิโยน
และจะทรงกำจัดอธรรมให้สูญสิ้นไปจากยาโคบ
27 และนี่แหละจะเป็นพันธสัญญาของเรากับพวกเขา
เมื่อเรายกโทษบาปของเขา”
28ในเรื่องข่าวประเสริฐนั้น เขาเหล่านั้นก็เป็นศัตรูของพระเจ้า เพื่อประโยชน์ของพวกท่าน แต่ในเรื่องการทรงเลือกไว้ เขาเป็นที่รักเนื่องจากบรรพบุรุษทั้งหลาย 29เพราะว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงเปลี่ยนพระทัย ในการที่ได้ทรงให้ของประทานและในการทรงเรียก 30เมื่อก่อนพวกท่านที่เป็นคนต่างชาติไม่ได้เชื่อฟังพระเจ้า แต่เดี๋ยวนี้ได้รับพระเมตตา เพราะความไม่เชื่อฟังของพวกอิสราเอล 31ในทำนองเดียวกันเขาเหล่านั้นก็ไม่ได้เชื่อฟัง เพื่อว่าเขาจะได้รับพระเมตตาโดยพระคุณที่ได้ประทานแก่ท่าน 32เพราะว่าพระเจ้าทรงกำหนดให้มนุษย์ทุกคนอยู่ในฐานะที่ไม่เชื่อฟัง เพื่อพระองค์จะได้ทรงพระเมตตาแก่เขาทุกคน
อรรถาธิบาย
พระสัญญาของพระเจ้าที่ให้ไว้กับอิสราเอลจะเป็นจริง
เหมือนที่เราได้เห็นในพระธรรมโรม 11 เปาโลกำลังตอบคำถามที่ว่า ‘พระเจ้าทรงทอดทิ้งชนชาติของพระองค์แล้วหรือ?’ คำตอบคือ ‘ไม่ ไม่ ไม่’ ‘ของประทานและการทรงเรียกของพระเจ้านั้นอยู่ในการรับประกันเต็ม ไม่เคยถูกยกเลิก ไม่เคยถูกเพิกถอน’ (โรม 11:29, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ถึงกระนั้นอาจารย์เปาโลยังปล้ำสู้กับความเป็นจริงว่าคนส่วนใหญ่ไม่ได้ยอมรับพระเยซู เขากล่าวว่าพวกเขาเหล่านั้นต่าง ‘สะดุด’ (ข้อ 11) และมี ‘ใจแข็งกระด้าง’ (ข้อ 25) พวกเขาเป็นเหมือนกิ่งมะกอกที่ ‘ถูกหักออกเสีย’ (ข้อ 17) แต่สิ่งนี้เข้ากับพระสัญญาที่ไม่อาจถูกทำลาย ซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไว้กับคนของพระองค์ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมได้อย่างไร?
มีเพียงบางส่วนเท่านั้นที่มีใจแข็งกระด้าง ยังคงมีคนที่เหลืออยู่เสมอ ผู้ซึ่งถูกเลือกโดยพระคุณ (ข้อ 11-16)
ใจแข็งกระด้างนั้นก่อให้เกิดผล เนื่องจากมันนำไปสู่ความรอดอย่างมั่งคั่งในคนต่างชาติ ‘เมื่อพวกเขาเดินออกไป เขาได้เปิดประตูทิ้งไว้ และคนนอกได้เดินเข้ามาแทน’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ใจแข็งกระด้างเกิดขึ้นชั่วคราว ‘พวกเขาออกไปอย่างถาวรไหม คำตอบคือ ไม่ อย่างชัดเจน’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘ใจแข็งกระด้างของคนใน (อิสราเอล) ที่มีต่อพระเจ้านั้นเพียงแค่ชั่วคราว’ (ข้อ 25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘ตอนนี้ ถ้าการจากไปของเขากระตุ้นให้คนนอก (ที่ไม่ใช่ยิว) จากทั่วโลกมาในแผ่นดินของพระเจ้า ลองนึกภาพผลกระทบของการกลับมาของพวกเขาสิ! จะเป็นการกลับบ้านที่ยิ่งใหญ่!’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ประเด็นสุดท้ายนั้นสำคัญสำหรับเปาโล ผู้ที่ใส่ใจคนของเขาด้วยใจร้อนรนเป็นพิเศษ เขาตั้งตารอให้มีการรวบรวมชนอิสราเอล (ข้อ 12) เขากล่าวต่อว่า ‘อิสราเอลทั้งชาติก็จะได้รับความรอด' (ข้อ 26) เขาไม่ได้พูดว่า ‘ถ้า’ สิ่งนี้เกิดขึ้น แต่เขาพูดว่า ‘เมื่อ’ สิ่งนี้เกิดขึ้น เขาใช้ต้นมะกอกเป็นภาพของชนชาติยิว (ข้อ 17,24) ที่พระคริสต์ได้เสด็จมา แต่ชนชาตินั้นกลับปฏิเสธพระองค์ ต้นไม้ถูกตัดทิ้งแต่รากยังคงอยู่ ชาวสวนต่อกิ่งของคนต่างชาติเข้ามาแทน (ข้อ 17)
การกลับมาของชาวยิวจะมาถึงเมื่อกิ่งก้านของพวกเขาจะถูกต่อเข้าใหม่ (ข้อ 23-24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) จากนั้นต้นไม้ทั้งต้นจะสมบูรณ์ คนต่างชาติจะเข้าส่วนได้รับน้ำเลี้ยงจากกิ่งก้านนั้น แต่พวกเขาไม่ได้เลี้ยงรากพวกนั้น (คนยิว) แต่รากเลี้ยงพวกเขา (ข้อ 18) มี 3 ขั้นตอนที่ต่อเนื่องกันในการที่แผนการแห่งความรอดของพระเจ้านั้นสำเร็จเป็นจริง:
เกิดจากความไม่เชื่อของคนอิสราเอลส่วนมาก: ‘บางกิ่งของต้นไม้ถูกหักออก’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
การรวมเข้ามาของคนนอกมากมาย ผ่านทางความเชื่อในพระเยซู: ‘พวกเจ้า กิ่งมะกอกป่าถูกนำมาต่อติด’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ความรอดของ ‘อิสราเอลทั้งชาติ’ (ข้อ 26)
แต่ ‘อิสราเอลทั้งชาติจะได้รับความรอด’ หมายความว่าอย่างไร? บางคนโต้เถียงว่าประโยคนั้นหมายถึง อิสราเอลยังสามารถรอดถ้าปราศจากพระคริสต์ แต่ว่าจุดยืนนี้ไม่น่าเชื่อถือเลย เปาโลแย้งในจดหมายฝากว่าพระเยซู คือ หนทางสู่ความรอด
คนอื่น ๆ โต้เถียงว่านั่นหมายถึงประเทศอิสราเอลทั้งหมด รวมถึงสมาชิกทุกคนที่เชื่อในพระเยซู อย่างไรก็ตาม ‘อิสราเอลทั้งชาติ’ เป็นการประโยคที่ปรากฎต่อเนื่องในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมและในวรรณกรรมอื่น ๆ ของยิว ซึ่งไม่จำเป็นต้องหมายถึง ‘คนยิวทุกคนโดยไม่มียกเว้น’ แต่เป็น ‘อิสราเอลทั้งสิ้น’ (เช่น ใน 1 ซามูเอล 7:5, 28:1, 1 พงศ์กษัตริย์ 12:1, ดาเนียล 9:11) สิ่งนี้เข้ากับบริบทที่อาจารย์เปาโลกำลังบอกในโรม
เปาโลกำลังคิดถึงการที่พระเจ้าจัดการกับชนทั้งชาติ ดังนั้น ‘พรอันไพบูลย์’ (โรม 11:12) เป็นที่เข้าใจในในแง่เดียวกับความไพบูลย์ของคนต่างชาติ นั่นคือการที่พวกเขาทั้งหลายได้มาเชื่อพระองค์ ย่อมส่งอิทธิพลทางความเชื่อในคนอิสราเอลด้วยเช่นกัน
เปาโลสรุปดังนี้ ‘ในช่วงเวลาไม่นานมานี้เจ้าขัดแย้งกับพระเจ้า แต่หลังจากนั้นพวกยิวได้ปิดประตูใส่พระองค์ และสิ่งต่าง ๆ เปิดกว้างให้แก่เจ้า ตอนนี้พวกเขาออกไป แต่เมื่อประตูเปิดกว้างแก่เจ้า พวกเขาจึงมีหนทางที่จะกลับเข้ามา ไม่ว่าจะผ่านทางไหนก็ตาม พระเจ้าทรงทำให้เราทุกคนมีประสบการณ์กับการอยู่ด้านนอก เพื่อพระองค์จะสามารถเปิดประตูให้เราด้วยพระองค์เองและต้อนรับเรากลับเข้ามา’ (ข้อ 30-32 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ของประทาน และการทรงเรียกของพระองค์ที่ไม่อาจถูกเอากลับคืน ข้าพระองค์อธิษฐานขอที่เราจะเห็นได้ในไม่ช้า ไม่เพียงแค่การมาเชื่อของคนต่างชาติจำนวนมาก แต่เป็นการมาเชื่อของคนอิสราเอลทั้งหมดด้วย
1 พงศาวดาร 4:9-5:26
9ยาเบสเป็นผู้มีเกียรติกว่าบรรดาพี่น้องของเขา มารดาของเขาตั้งชื่อเขาว่ายาเบส กล่าวว่า “เพราะฉันคลอดเขาด้วยความทุกข์ยากลำบาก” 10ยาเบสทูลพระเจ้าของอิสราเอลว่า “ขอพระองค์ทรงอวยพรแก่ข้าพระองค์ และขยายเขตแดนของข้าพระองค์ และขอพระหัตถ์ของพระองค์อยู่กับข้าพระองค์ และขอพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์พ้นจากสิ่งชั่วร้าย เพื่อไม่ให้ข้าพระองค์ทุกข์ยากลำบาก” และพระเจ้าประทานตามที่เขาทูลขอ 11เคลูบพี่ชายของชูอาห์เป็นบิดาของเมหิร์ เมหิร์เป็นบิดาของเอชโทน 12เอชโทนเป็นบิดาของเบธราฟา ปาเสอาห์ และเทหินนาห์ เทหินนาห์เป็นบิดาของอิรนาหาช เหล่านี้เป็นคนของเรคาห์ 13บุตรของเคนัสคือโอทนีเอล และเสไรยาห์ และบุตรของโอทนีเอลคือฮาธาท และเมโอโนธัย 14เมโอโนธัยเป็นบิดาของโอฟราห์ และเสไรยาห์เป็นบิดาของโยอาบ โยอาบเป็นบิดาของเกหะราชิม ที่มีชื่อนี้เพราะพวกเขาเป็นช่างฝีมือ 15บุตรของคาเลบผู้เป็นบุตรของเยฟุนเนห์คืออิรู เอลาห์ และนาอัม และบุตรของเอลาห์ รวมทั้งเคนัส 16บุตรของเยฮาลเลเลลคือศิฟ ศิฟาห์ ทิรียา และอาสาเรล 17บุตรของเอสราห์คือเยเธอร์ เมเรด เอเฟอร์ และยาโลน ต่อไปนี้เป็นบุตรบิทิยาห์พระธิดาของฟาโรห์ผู้ที่เมเรดรับเป็นภรรยา นางตั้งครรภ์คลอด มิเรียม ชัมมัย และอิชบาห์บิดาของเอชเทโมอา 18(และภรรยาชาวยูดาห์ของเมเรดเป็นมารดาของเยเรดบิดาของเกโดร์ เฮเบอร์บิดาของโสโค และเยคูธีเอลบิดาของศาโนอาห์) 19บุตรชายภรรยาของโฮดียาห์น้องสาวของนาฮัมเป็นบิดาของเคอีลาห์ ชาวเกเรม และเอชเทโมอาชาวมาอาคาห์ 20บุตรชิโมนคืออัมโนน รินนาห์ เบนฮานัน และทิโลน บุตรอิชอีคือโศเหท และเบนโซเฮท 21บุตรเช-ลาห์ผู้เป็นบุตรยูดาห์คือเอร์บิดาของเลคาห์ ลาอาดาห์บิดาของมาเรชาห์ และบรรดาตระกูลของผู้ทำผ้าป่านแห่งเบธชัชเบอา 22และโยคิม และคนเมืองโคเซบา และโยอาช และสาราฟผู้ปกครองในโมอับ และกลับมายังเมืองเลเฮมหรือเบธเลเฮม (เป็นรายชื่อสมัยโบราณ) 23คนเหล่านี้เป็นช่างหม้อ เป็นชาวเมืองเนทาอิมและเกเดราห์ ที่นั่นเขาอาศัยอยู่กับพระราชาเพื่อรับราชการ
เชื้อสายของสิเมโอน
24บุตรสิเมโอนชื่อเนมูเอล ยามีน ยารีบ เศ-ราห์ และชาอูล 25บุตรของชาอูลคือชัลลูม บุตรของชัลลูมคือมิบสัม บุตรของมิบสัมคือมิชมา 26บุตรของมิชมาคือฮัมมูเอล บุตรของฮัมมูเอลคือศักเกอร์ บุตรของศักเกอร์คือชิเมอี 27ชิเมอีมีบุตรชาย 16 คน และบุตรหญิง 6 คน แต่พี่น้องของชิเมอีไม่มีบุตรชายจำนวนมาก ตระกูลของเขาทั้งหมดก็ไม่มีจำนวนมากเหมือนคนเผ่ายูดาห์ 28เขาทั้งหลายอาศัยอยู่ในเมืองเบเออร์เชบา โมลาดาห์ ฮาซารชูอาล 29และที่บิลฮาห์ เอเซม โทลัด 30เบธูเอล โฮรมาห์ ศิกลาก 31เบธมารคาโบท ฮาซารสูสิม เบธบิรี และที่ชาอาราอิม เหล่านี้เป็นหัวเมืองของพวกเขาจนถึงสมัยดาวิดครองราชย์ 32และหมู่บ้านของพวกเขาคือเอตาม อายิน ริมโมน โทเคน และอาชัน รวม 5 เมือง 33หมู่บ้านทั้งหมดของพวกเขาซึ่งอยู่รอบเมืองเหล่านี้ไกลไปจนถึงเมืองบาอัล เหล่านี้เป็นที่อยู่ของพวกเขา และพวกเขามีลำดับพงศ์ของพวกเขา
34เมโชบับ ยัมเลค โยชาห์บุตรอามาซิยาห์ 35โยเอล เยฮู บุตรโยชิบียาห์ ผู้เป็นบุตรเสไรยาห์ ผู้เป็นบุตรอาสิเอล 36เอลีโอนัย ยาอาโคบาห์ เยโชฮายาห์ อาสายาห์ อาดีเอล เยสิมีเอล เบไนยาห์ 37ศีซา บุตรชิฟี ผู้เป็นบุตรอาโลน ผู้เป็นบุตรเยดายาห์ ผู้เป็นบุตรชิมรี ผู้เป็นบุตรเชไมยาห์ 38คนเหล่านี้ที่กล่าวชื่อมาเป็นผู้นำในบรรดาตระกูลของพวกเขา และครอบครัวบรรพบุรุษของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นมากมาย 39เขาทั้งหลายเดินทางไปถึงทางเข้าเมืองที่เกโดร์ ถึงข้างทิศตะวันออกของหุบเขา เพื่อหาทุ่งหญ้าให้ฝูงแพะแกะของพวกเขา 40คนสิเมโอนก็พบทุ่งหญ้าอุดมดี และแผ่นดินนั้นก็กว้างขวางเงียบสงบสุข เพราะคนที่อยู่ที่นั่นก่อนพวกเขาเป็นคนเชื้อสายฮาม 41แล้วคนสิเมโอนซึ่งมีชื่อบันทึกไว้ เข้ามาในสมัยของเฮเซคียาห์พระราชาแห่งยูดาห์ และโจมตีเต็นท์ของพวกเขา และของพวกเมอูนิมที่พวกเขาพบที่นั่น และทำลายพวกเขาจนไม่เหลือถึงทุกวันนี้ แล้วพวกเขาก็เข้าอาศัยแทนที่คนเหล่านั้น เพราะที่นั่นมีทุ่งหญ้าให้ฝูงแพะแกะของพวกเขา 42ส่วนหนึ่งของพวกเขาคือคนสิเมโอน 500 คนพากันไปที่ภูเขาเสอีร์ โดยมีเหล่าผู้นำคือเป-ลาทียาห์ เนอารียาห์ เรไฟยาห์ อุสซีเอล และบุตรชายทั้งหลายของอิชอี 43และพวกเขาโจมตีคนอามาเลขที่เหลืออยู่ ซึ่งหนีรอดไป แล้วเขาทั้งหลายก็อาศัยอยู่ที่นั่นจนทุกวันนี้
1 พงศาวดาร 5
เชื้อสายของรูเบน
1บุตรของรูเบนผู้เป็นบุตรหัวปีของอิสราเอล (รูเบนเป็นบุตรหัวปีก็จริง แต่เพราะเขาได้ทำให้ที่นอนของบิดาของเขามีมลทิน สิทธิบุตรหัวปีของเขาจึงถูกมอบให้กับบุตรของโยเซฟผู้เป็นบุตรของอิสราเอล ดังนั้นรูเบนจึงไม่ได้อยู่ในทะเบียนลำดับพงศ์ของบุตรหัวปี 2แม้ว่ายูดาห์มีกำลังมากท่ามกลางพวกพี่น้องของเขา และมีผู้ครอบครององค์หนึ่งมาจากเขา แต่สิทธิบุตรหัวปีก็ยังเป็นของโยเซฟ) 3บุตรของรูเบน ผู้เป็นบุตรหัวปีของอิสราเอลคือฮาโนค ปัลลู เฮสโรน และคารมี 4บุตรของโยเอลคือเชไมยาห์ บุตรของเชไมยาห์คือโกก บุตรของโกกคือชิเมอี 5บุตรของชิเมอีคือมีคาห์ บุตรของมีคาห์คือเรอายาห์ บุตรของเรอายาห์คือบาอัล 6บุตรของบาอัลคือเบเอราห์ ผู้นำของคนรูเบน ซึ่งทิกลัทปิเลเสอร์ กษัตริย์อัสซีเรียจับไปเป็นเชลย 7และพวกพี่น้องของท่านตามตระกูล ตามทะเบียนลำดับพงศ์คือเยอีเอล ผู้เป็นหัวหน้า และเศคาริยาห์ 8และเบ-ลาบุตรของอาซาสผู้เป็นบุตรของเชมา ผู้เป็นบุตรของโยเอล ผู้อาศัยอยู่ในอาโรเออร์ ไกลไปถึงเมืองเนโบและบาอัลเมโอน 9เขายังอาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกไปถึงทางเข้าถิ่นทุรกันดารซึ่งอยู่ฟากข้างนี้ของแม่น้ำยูเฟรติสด้วย เพราะฝูงปศุสัตว์ของเขาเพิ่มมากขึ้นในแผ่นดินกิเลอาด 10ในสมัยของซาอูลเขาทั้งหลายทำสงครามกับพวกฮาการ์ซึ่งล้มตายด้วยมือของพวกเขา เขาทั้งหลายอาศัยอยู่ในเต็นท์ของพวกฮาการ์ในแถบตะวันออกทั้งหมดของกิเลอาด
เชื้อสายของกาด
11บุตรหลานของกาดอาศัยอยู่ติดกับพวกเขาในแผ่นดินบาชานไปจนถึงสาเลคาห์ 12โยเอลเป็นผู้นำ ชาฟามเป็นที่สอง ส่วนยานัย และชาฟัทอยู่ในบาชาน 13และวงศ์ญาติของเขาตามครอบครัวของบิดาของพวกเขาคือมีคาเอล เมชุลลาม เชบา โยรัย ยาคาน ศิอา และเอเบอร์ รวม 7 คนด้วยกัน 14คนเหล่านี้เป็นบุตรอาบีฮาอิล ผู้เป็นบุตรหุรี ผู้เป็นบุตรยาโรอาห์ ผู้เป็นบุตรกิเลอาด ผู้เป็นบุตรมีคาเอล ผู้เป็นบุตรเยชิชัย ผู้เป็นบุตรยาโด ผู้เป็นบุตรบุส 15อาหิเป็นบุตรอับดีเอลผู้เป็นบุตรกุนี เป็นผู้นำตระกูลบรรพบุรุษของพวกเขา 16และเขาทั้งหลายอาศัยอยู่ในกิเลอาด ในบาชาน และตามหมู่บ้าน และในบริเวณรอบชาโรนทั้งหมด จนสุดเขตของพวกเขา 17คนเหล่านี้ทั้งสิ้นอยู่ในทะเบียนลำดับพงศ์ ในสมัยของโยธามพระราชาแห่งยูดาห์ และในสมัยของเยโรโบอัมพระราชาแห่งอิสราเอล
18คนรูเบน คนกาด และคนเผ่ามนัสเสห์กึ่งหนึ่งมีคนเก่งกล้า ผู้ถือโล่และดาบ และยิงธนู ได้รับการฝึกสำหรับสงครามจำนวน 44,760 คน ให้เข้ารบ 19พวกเขาทำสงครามกับคนฮาการ์ เยทูร์ นาฟิช และโนดับ 20และพวกเขาได้รับความช่วยเหลือในการต่อสู้คนเหล่านั้น คนฮาการ์และทุกคนที่อยู่กับคนฮาการ์ก็ถูกมอบไว้ในมือของพวกเขา เพราะพวกเขาร้องทูลต่อพระเจ้าในสงคราม และพระองค์ประทานตามคำทูลของพวกเขา เพราะพวกเขาวางใจในพระองค์ 21พวกเขายึดเอาฝูงปศุสัตว์ของศัตรูไปคืออูฐ 50,000 ตัว แกะ 250,000 ตัว ลา 2,000 และคน 100,000 คน 22มีคนล้มตายมากมาย เพราะสงครามนี้มาจากพระเจ้า และพวกเขาเข้าอยู่แทนที่ของศัตรูจนถึงคราวตกเป็นเชลย
ประวัติของคนสองเผ่าครึ่ง
23บุตรหลานของเผ่ามนัสเสห์กึ่งหนึ่งอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้น พวกเขามีจำนวนมาก ตั้งแต่เมืองบาชานถึงเมืองบาอัลเฮอร์โมน เสนีร์ และภูเขาเฮอร์โมน 24ต่อไปนี้เป็นบรรดาหัวหน้าตระกูลบรรพบุรุษของพวกเขาคือเอเฟอร์ อิชอี เอลีเอล อัสรีเอล เยเรมีย์ โฮดาวิยาห์ และยาดีเอล เป็นเหล่านักรบกล้าหาญ เป็นพวกคนมีชื่อเสียงและเป็นเหล่าหัวหน้าตระกูลบรรพบุรุษของพวกเขา 25แต่พวกเขาทำผิดต่อพระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของพวกเขา และเล่นชู้กับบรรดาพระของชนชาติทั้งหลายแห่งแผ่นดินนั้น ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงทำลายเสียต่อหน้าพวกเขา 26ดังนั้น พระเจ้าแห่งอิสราเอลจึงทรงเร้าพระทัยของปูล พระราชาแห่งอัสซีเรีย คือพระทัยของทิกลัทปิเลเสอร์ พระราชาแห่งอัสซีเรีย และพระองค์ทรงกวาดพวกเขาเป็นเชลย คือคนรูเบน คนกาด และคนเผ่ามนัสเสห์กึ่งหนึ่ง และทรงพาพวกเขาเข้าไปฮาลาห์ ฮาโบร์ ฮารา และแม่น้ำเมืองโกซาน จนถึงทุกวันนี้
อรรถาธิบาย
พระเมตตาและพระพรของพระเจ้าไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
พระเจ้าทรงมีอำนาจสูงสุดในการควบคุมประวัติศาสตร์ การทรงเรียกและของประทานของพระองค์นั้นไม่อาจเอากลับคืนได้ สิ่งที่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ทำให้สำเร็จนั้นเริ่มจากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ผู้เขียนพงศาวดารย้อนประวัติศาสตร์อิสราเอลไปตั้งแต่จุดเริ่มต้น พระเจ้าทรงครอบครอง ‘สงครามนี้มาจากพระเจ้า’ (ข้อ 5:22)
นั่นหมายความว่าพวกเราเป็นเพียงหมากหรือ? เราเป็นเพียงชิ้นส่วนที่ถูกขยับไปมาบนกระดานหมากของพระเจ้า โดยไม่มีทางเลือกหรือเจตจำนงเสรีหรือ? ไม่เลย
คุณเองก็มีส่วนในแผนการของพระเจ้า การกระทำของคุณทำให้เกิดความแตกต่าง ไม่ว่าจะดีหรือร้าย
1. ต่อต้านการกระทำที่ไม่สัตย์ซื่อ การกระทำของเราสามารถทำให้เราสูญเสียพระพรของพระเจ้า ‘แม้รูเบนคือบุตรหัวปีของอิสราเอล เมื่อเขาหลับนอนกับภรรยาน้อยของบิดา นั่นเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ เขาได้สูญเสีย “สิทธิ์ของบุตรหัวปี” ในลำดับพงศ์พันธุ์’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาสูญเสียมรดกที่ยิ่งใหญ่เพราะเขาไม่สามารถควบคุมความปรารถนาของตน
เราจะต้องระวังอย่างยิ่งเพื่อชีวิตจะสามารถต้านทานกับการทดลองได้และไม่ยอมให้ตัณหาของเนื้อหนังหรืออารมณ์ของเราทำให้เราพลาดพระพรจากพระเจ้า
2. เป็นบุคคลแห่งเกียรติ ในทางกลับกัน ยาเบสเป็นบุคคลที่มีเกียรติ (ข้อ 4:9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คำอธิษฐานของยาเบสนั้นแตกต่าง ‘ยาเบสอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งอิสราเอลว่า “โปรดอวยพรข้าพระองค์ โปรดประทานแผ่นดินผืนใหญ่แก่ข้าพระองค์ และขอทรงปกป้องข้าพระองค์ไว้ อย่าให้สิ่งชั่วร้ายทำอันตรายต่อข้าพระองค์เลย” พระเจ้าทรงประทานตามที่เขาทูลขอ’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
นี่อาจจะไม่ใช่คำอธิษฐานที่เห็นแก่ผู้อื่นที่สุดในพระคริสตธรรมคัมภีร์ อย่างไรก็ตามพระเจ้าทรงตอบ พระเยซูสอนให้เราอธิษฐานก่อนสิ่งอื่นใดว่า ‘ขอประทานอาหารประจำวันแก่พวกข้าพระองค์ในวันนี้’ (มัทธิว 6:11) สิ่งแรกที่เราควรคำนึงคือพระสิริของพระเจ้า อาณาจักรของพระองค์ และพระประสงค์ของพระองค์ แต่มันก็ไม่ผิดที่จะขอพระพร การทรงสถิต การปกป้อง และการเยียวยารักษาในชีวิตของเราเช่นกัน
ในทำนองเดียวกัน พระเจ้าทรงประทานชัยชนะแก่คนของพระองค์ ‘เพราะพวกเขาร้องทูลต่อพระเจ้าในสงคราม และพระองค์ประทานตามคำทูลของพวกเขา เพราะพวกเขาวางใจในพระองค์’ (1 พงศาวดาร 5:20)
การสงครามเป็นของพระเจ้า (ข้อ 22) พระองค์ทรงเป็นผู้ควบคุมสูงสุด ถึงกระนั้นคำอธิษฐานของคุณก็ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่การทรงเรียกของข้าพระองค์ไม่อาจถูกเอากลับคืน ขอบคุณที่การสงครามเป็นของพระองค์ ขอบคุณที่คำอธิษฐานของข้าพระองค์ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลขอการช่วยกู้ในสงครามที่ข้าพระองค์เผชิญในวันนี้...
เพิ่มเติมโดยพิพพา
1 พงศาวดาร 4:9-10
(คำอธิษฐานของยาเบส)
ฉันคงจะใช้เวลามากไปในการอธิษฐานเผื่อตัวเอง และครอบครัวของฉัน คำอธิษฐานของยาเบสก็อาจฟังดูเห็นแก่ตัว ถึงกระนั้นพระเจ้าก็ตอบเขา
App
Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)