วัน 236

วางใจให้พระเจ้าทำตามวิถีของพระองค์

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 102:12-17
พันธสัญญาใหม่ 1 โครินธ์ 15:35-49
พันธสัญญาเดิม 2 พงศาวดาร 18:28-21:3

เกริ่นนำ

บางครั้งผมก็อยากจะบันทึกเรื่องราวในไดอารี่ไว้มากกว่านี้ อย่างน้อยผมก็ดีใจที่ผมได้บันทึกคำอธิษฐานของผมไว้ ควบคู่ไปกับคำเทศนาวันนี้ที่ว่า ‘พวก​ข้า​พระ​องค์​ไม่​ทราบ​ว่า​จะ​ทำ​อย่าง​ไร แต่​ดวง​ตา​ของ​ข้า​พระ​องค์​ทั้ง​หลาย​เพ่ง​มอง​ที่​พระ​องค์’ (2 พงศาวดาร 20:12) ผมได้จดปัญหาและสถานการณ์ที่ดูเหมือนผ่านไม่ได้ที่เราเผชิญตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์และวิเศษมากที่ได้เห็นและได้บันทึกว่าพระเจ้าได้ทรงช่วยเราให้รอดพ้นจากสิ่งเหล่านั้นในเวลาของพระองค์และในวิถีของพระองค์

การย้ำเตือนถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่ทรงช่วยเรา เพิ่มความเชื่อของเราว่าพระองค์สามารถช่วยเราได้อีกครั้ง พระเจ้าเป็นผู้ทรงฤทธานุภาพ ที่จริง พระเจ้าเป็นผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด พระองค์เป็น ‘พระเจ้าผู้ทรงอำนาจ’ คุณสามารถวางใจพระองค์ได้

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 102:12-17

12ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่พระองค์ประทับบนบัลลังก์เป็นนิตย์
 ชื่อเสียงของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์
13พระองค์จะทรงลุกขึ้น ทรงสงสารศิโยน
 เพราะถึงเวลาที่จะทรงพระกรุณาเธอ
 เพราะเวลาที่กำหนดมาถึงแล้ว
14เพราะบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์รักก้อนหินของเธอ
 และสงสารผงคลีของเธอ
15บรรดาประชาชาติจะกลัวพระนามของพระยาห์เวห์
 และบรรดาพระราชาของแผ่นดินโลกกลัวพระสิริของพระองค์
16เพราะพระยาห์เวห์จะทรงสร้างศิโยน
 พระองค์จะทรงปรากฏด้วยพระสิริของพระองค์
17พระองค์จะสนพระทัยในคำอธิษฐานของคนสิ้นเนื้อประดาตัว
 และจะไม่ทรงดูหมิ่นคำอธิษฐานของพวกเขา

อรรถาธิบาย

วางใจพระเจ้าที่ทรงตอบคำอธิษฐาน

‘การอธิษฐานเป็นเส้นประสาทที่เพรียวบางซึ่งเคลื่อนกล้ามเนื้อของพระเจ้าผู้ทรงอำนาจ’ ชาร์ลส สเปอเจียน ได้กล่าวเอาไว้

เมื่อคุณเห็นปัญหาในชีวิตและในประเทศของคุณ การตอบสนองอย่างแรกของคุณคืออะไร? เมื่อผู้เขียนสดุดีมองดูปัญหาที่คนของพระเจ้ากำลังเผชิญเรื่องที่เมืองของพวกเขากำลังพังทลาย การตอบสนองอย่างแรกของพวกเขาคือการร้องทูลต่อพระเจ้า

ผู้เขียนสดุดียกย่องพระเจ้าสำหรับฤทธิ์เดชและความรักของพระองค์ โดยประกาศถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ ‘ข้า​แต่​พระ​ยาห์​เวห์ แต่​พระ​องค์​ประ​ทับ​บน​บัล​ลังก์​เป็น​นิตย์’ (ข้อ 12ก) และ ‘พระกรุณา’ (ข้อ 13) ของพระองค์สำหรับเยรูซาเล็ม ‘เพราะ​บรร​ดา​ผู้​รับใช้​ของ​พระ​องค์​รัก​ก้อน​หิน​ของ​เธอและ​สง​สาร​ผงคลี​ของ​เธอ’ (ข้อ 14)

เมื่อผมมองไปรอบ ๆ ประเทศของเราในทุกวันนี้ ผมเห็นว่าคริสตจักรส่วนใหญ่กำลังพังทลายลง แต่พระเจ้าทรงมีฤทธิ์อำนาจที่จะสร้างประชากรของพระองค์ขึ้นใหม่ในแผ่นดินนี้

คุณสามารถมั่นใจในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่จะตอบคำอธิษฐานของคุณ มันไม่ใช่ว่าคุณสามารถควบคุมฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าได้โดยการอธิษฐาน แต่พระเจ้าจะทรงทำการในชีวิตของผู้คนและโลกของพระองค์เสมอ ‘พระองค์ทรงสนพระทัยในคำอธิษฐานของคนยากจน พระองค์จะไม่ทรงละเลยคำอธิษฐานของพวกเขา’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์ขอทรงสร้างคริสตจักรขึ้นใหม่ในประเทศนี้ โปรดส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์มาเหนือพวกเราอีกครั้งและเหนือประเทศของเรา ข้าพระองค์ขออธิษฐานต่อพระองค์

พันธสัญญาใหม่

1 โครินธ์ 15:35-49

รูปกายที่เป็นขึ้นมา

 35แต่จะมีคนถามว่า “คนตายถูกทำให้เป็นขึ้นมาอย่างไร? และพวกเขาจะมาด้วยร่างกายแบบไหน?” 36โอ คนเขลา สิ่งที่ท่านหว่านนั้น ถ้าไม่ตายก่อนก็จะไม่งอกขึ้นใหม่ 37สิ่งที่ท่านหว่านนั้น จะเป็นข้าวสาลีหรือพืชอื่นๆ ก็ดี ท่านไม่ได้หว่านรูปร่างของต้นที่จะงอกขึ้นมานั้น แต่หว่านเมล็ดเปล่าๆ 38พระเจ้าประทานรูปร่างแก่เมล็ดนั้นตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และประทานรูปร่างของมันเองแก่เมล็ดแต่ละชนิด 39เนื้อนั้นไม่เหมือนกันทั้งหมด เนื้อมนุษย์ก็อย่างหนึ่ง เนื้อสัตว์ก็อย่างหนึ่ง เนื้อนกก็อย่างหนึ่ง เนื้อปลาก็อย่างหนึ่ง 40ร่างกายสำหรับสวรรค์ก็มี และร่างกายสำหรับโลกก็มี แต่ว่ารัศมีของร่างกายสำหรับสวรรค์ก็อย่างหนึ่ง และรัศมีของร่างกายสำหรับโลกก็อีกอย่างหนึ่ง 41รัศมีของดวงอาทิตย์ก็อย่างหนึ่ง รัศมีของดวงจันทร์ก็อย่างหนึ่ง รัศมีของดวงดาวก็อย่างหนึ่ง ที่จริงรัศมีของดาวดวงหนึ่งก็ต่างกันกับรัศมีของดาวดวงอื่นๆ
 42การเป็นขึ้นมาของคนตายก็เหมือนกัน ร่างกายที่ถูกหว่านลงนั้นเสื่อมสลายได้ ร่างกายที่เป็นขึ้นมานั้นไม่เสื่อมสลาย 43สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นไร้เกียรติ สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีศักดิ์ศรี สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นอ่อนกำลัง สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีพลัง 44สิ่งที่ถูกหว่านลงนั้นเป็นกายเนื้อหนัง สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นเป็นกายจิตวิญญาณ ถ้ามีกายเนื้อหนัง กายจิตวิญญาณก็มีด้วย 45ดังที่เขียนไว้ว่า “มนุษย์ คนแรกคืออาดัม จึงเป็นผู้มีชีวิต” แต่อาดัมสุดท้ายนั้นเป็นวิญญาณผู้ประทานชีวิต 46ร่างกายแรกนั้นไม่ใช่เป็นกายจิตวิญญาณ แต่เป็นกายเนื้อหนัง ร่างกายต่อจากนั้นจึงเป็นกายจิตวิญญาณ 47มนุษย์คนแรกนั้นมาจากดินและเป็นมนุษย์ดิน มนุษย์คนที่สองนั้นมาจากสวรรค์ 48มนุษย์ดินคนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์ดินทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น มนุษย์สวรรค์คนนั้นเป็นอย่างไร มนุษย์สวรรค์ทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น 49และเช่นเดียวกับที่เรามีลักษณะของมนุษย์ดิน เราก็จะมีลักษณะของมนุษย์สวรรค์

อรรถาธิบาย

วางใจพระเจ้าในการเป็นขึ้นจากความตาย

การสูญเสียคนที่เรารักนั้นเจ็บปวดมาก และการเผชิญความตายของเราเองก็เป็นเรื่องที่ดูน่ากลัว พระธรรมตอนนี้ให้มุมมองใหม่แก่เราเกี่ยวกับความเศร้าโศกและความกลัวของเรา เมื่อพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่กล่าวถึงความรักของพระเจ้า พระคริสตธรรมคัมภีร์มักจะชี้ไปที่ไม้กางเขนของพระเยซู เมื่อพูดถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า พระคริสตธรรมคัมภีร์ก็มักจะชี้ไปที่การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู นั่นคือ ‘ฤทธิ์อำนาจอันหาที่เปรียบมิได้ของพระองค์’ ที่ทำให้พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย (เอเฟซัส 1:19–20)

ในตอนนี้ อัครสาวกเปาโลพูดถึงว่าฤทธิ์อำนาจเดียวกันนั้นจะทำให้คุณเป็นขึ้นจากความตายเช่นเดียวกัน เขาใช้ภาพเปรียบเทียบของเมล็ดข้าวสาลี มันจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเว้นแต่มันจะตายก่อนและถูกฝังไว้ ‘โอ คน​เขลา สิ่ง​ที่​ท่าน​หว่าน​นั้น ถ้า​ไม่​ตาย​ก่อน​ก็​จะ​ไม่​งอกขึ้น​ใหม่’ (1 โครินธ์ 15:36) มีความต่อเนื่องกันระหว่างเมล็ดกับข้าวสาลี แม้ว่าทั้งสองจะดูแตกต่างกันมากทีเดียว

เพราะการเป็นขึ้นจากความตายของพระเยซู คุณสามารถวางใจได้ว่าพระเจ้าจะทรงทำให้คุณเป็นขึ้นมา ในวิถีของพระองค์ และนั่นดีกว่าทุกสิ่งที่คุณจะจินตนาการได้

สำหรับคนขี้สงสัยที่ถามว่า ‘ร่างกายที่เป็นขึ้นจากความตายเป็นแบบไหน?’ อาจารย์เปาโลตอบว่า ‘ถ้าท่านพิจารณาถามนี้อย่างใกล้ชิด ท่านจะรู้ว่ามันโง่เขลา... เราเคยมีประสบการณ์ในการทำสวน เมื่อท่านปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ “ตายแล้ว” ในไม่ช้าก็มีพืชผลงอกงาม… ร่างกายที่ตายแล้วที่เราฝังในดินและร่างกายที่เป็นขึ้นจากความตายนั้นแตกต่างกันอย่างมาก’ (ข้อ 35–38, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เขาชี้ไปที่ความหลากหลายของการทรงสร้างของพระเจ้า ซึ่งแนะนำว่าคุณไม่ควรพยายามเป็นเหมือนคนอื่น พระเจ้าทรงสร้างคุณให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เป็นไรที่จะแตกต่าง ความหลากหลายเป็นสิ่งที่ดี

คุณจะสังเกตเห็นว่าความหลากหลายของร่างกายนั้นสวยงาม (คน สัตว์ นก ปลา) ‘ท่านได้คำใบ้ของการเป็นขึ้นจากความตายโดยจ้องมองไปที่ความหลากหลายของร่างกายไม่เพียงแค่บนโลกแต่บนท้องฟ้า ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว ความงดงามของความหลากหลายเหล่านี้ แต่เรากำลังดูเฉพาะ ‘เมล็ดพันธุ์’ ก่อนการเป็นขึ้นจากความตาย ใครจะจินตนาการได้ว่า ‘ต้นพืช’ แห่งการเป็นขึ้นจากความตายนั้นจะเป็นอย่างไร!’ (ข้อ 40–41, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เขากล่าวต่อไปว่า ‘ภาพการหว่านเมล็ดพืชที่ตายแล้วและการเลี้ยงพืชที่มีชีวิตเป็นภาพร่างที่ดีที่สุด แต่บางทีมันอาจจะช่วยในการเข้าใกล้ความล้ำลึกของร่างกายที่เป็นขึ้นจากความตาย แต่ท่านจงจำไว้ว่าเมื่อเราเป็นขึ้นมา เราจะเป็นขึ้นมาอย่างดี มีชีวิตตลอดไป!

‘สิ่ง​ที่​ถูก​หว่าน​ลง​นั้น​ไร้​เกียรติ แต่เมื่อเป็นขึ้น​มา​นั้น​มี​สง่ารา​ศรี สิ่ง​ที่​ถูก​หว่าน​ลง​นั้น​อ่อน​กำ​ลัง แต่​เป็น​ขึ้น​มา​อย่าง​มี​พลัง สิ่ง​ที่​ถูก​หว่าน​ลง​นั้น​เป็น​กาย​เนื้อ​หนัง สิ่ง​ที่​เป็น​ขึ้น​มา​นั้น​เป็น​กาย​จิต​วิญ​ญาณ ถ้า​มี​กาย​เนื้อ​หนัง กาย​จิต​วิญ​ญาณ​ก็​มี​ด้วย เมล็ดพันธุ์เดียวกัน ร่างกายเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างคือเมื่อร่างกายที่เสื่อมสลายได้เป็นขึ้นมาสู่กายจิตวิญญาณที่ไม่เสื่อมสลาย!’ (ข้อ 42–44, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ร่างกายที่เป็นขึ้นจากความตายและร่างกายฝ่ายวิญญาณเป็นสิ่งเดียวกัน แม้สสารบางส่วนจะเปลี่ยนแปลงไป การเป็นขึ้นจากความตายคือการสร้าง ex vetere (จากสิ่งเก่า) มากกว่า ex nihilo (จากความว่างเปล่า) ต้นพืชมาจากเมล็ด ร่างกายปัจจุบันของเราจะไม่ถูกแทนที่ด้วยร่างกายใหม่ แต่จะแปลงร่างเป็นร่างกายที่เป็นขึ้นมา

สาวกของพระเยซูยังคงจำพระองค์ได้ (ด้วยความช่วยเหลือ!) มันมีความต่อเนื่องและไม่ต่อเนื่องในร่างกายที่เป็นขึ้นจากความตาย (พระเยซูสามารถเดินผ่านกำแพงได้ แต่ยังกินปลาอยู่) สิ่งที่เกิดขึ้นกับพระเยซูจะเกิดขึ้นกับคุณ คุณก็เหมือนอดัมที่มีร่างกายที่เสื่อมสลายได้ วันหนึ่ง เช่นเดียวกับพระเยซู อาดัมคนที่สอง คุณจะมีร่างกายฝ่ายวิญญาณ (ข้อ 44–48) ‘และ​เช่น​เดียว​กับ​ที่​เรา​มี​ลักษณะ​ของ​มนุษย์​ดิน เรา​ก็​จะ​มี​ลักษณะ​ของ​มนุษย์​สวรรค์’ (ข้อ 49)

คำอธิษฐาน

องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ขอบพระคุณที่พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์ ทรงถูกฝังและฟื้นคืนพระชนม์ ดังนั้นด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ เราจะเป็นขึ้นจากความตายและมีร่างกายฝ่ายวิญญาณเหมือนพระเยซู

พันธสัญญาเดิม

2 พงศาวดาร 18:28-21:3

ความพ่ายแพ้และการสิ้นพระชนม์ของอาหับ

 28พระราชาแห่งอิสราเอลกับเยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์ จึงเสด็จขึ้นไปยังราโมทกิเลอาด 29และพระราชาแห่งอิสราเอลตรัสกับเยโฮชาฟัทว่า “เราจะปลอมตัวเข้าทำศึก แต่ท่านจงสวมเครื่องทรงของท่าน” และพระราชาแห่งอิสราเอลก็ทรงปลอมพระองค์เข้าทำศึก 30พระราชาแห่งซีเรียทรงสั่งบรรดาผู้บัญชาการรถรบของพระองค์ว่า “อย่ารบกับทหารใหญ่น้อย แต่มุ่งเฉพาะพระราชาแห่งอิสราเอล” 31และเมื่อบรรดาผู้บัญชาการรถรบเห็นเยโฮชาฟัท เขาทั้งหลายก็ว่า “เป็นพระราชาอิสราเอล” พวกเขาจึงหันไปจะสู้รบกับพระองค์ และเยโฮชาฟัททรงร้องขึ้น และพระยาห์เวห์ทรงช่วยพระองค์ พระเจ้าทรงให้เขาทั้งหลายออกไปเสียจากกษัตริย์ 32เมื่อบรรดาผู้บัญชาการรถรบเห็นว่าไม่ใช่พระราชาอิสราเอล ก็หันกลับไม่ไล่ตามพระองค์ 33แต่มีชายคนหนึ่งโก่งธนูยิงสุ่มไป ถูกพระราชาแห่งอิสราเอลเข้าระหว่างเกล็ดเกราะและแผ่นบังพระอุระ พระองค์จึงรับสั่งกับคนขับรถว่า “หันกลับเถอะ พาเราออกจากการรบ เพราะเราบาดเจ็บแล้ว” 34วันนั้นการรบก็ดุเดือดขึ้น และพระราชาอิสราเอลก็ทรงยันพระองค์เอง ขึ้นในรถรบโดยหันพระพักตร์ไปทางพวกซีเรียจนถึงเวลาเย็น แล้วพระองค์ก็สิ้นพระชนม์เมื่อดวงอาทิตย์ตก

2 พงศาวดาร 19

 1และเยโฮชาฟัทพระราชาแห่งยูดาห์เสด็จกลับไปโดยสวัสดิภาพถึงพระราชวังของพระองค์ในกรุงเยรูซาเล็ม 2ผู้ทำนายคือเยฮูบุตรฮานานีออกไปเฝ้า และทูลพระราชาเยโฮชาฟัทว่า “ควรหรือที่ฝ่าพระบาทจะทรงช่วยคนอธรรม และรักผู้ที่เกลียดชังพระยาห์เวห์? เพราะเหตุนี้พระพิโรธจากพระยาห์เวห์จึงมาถึงฝ่าพระบาท 3อย่างไรก็ตามพระองค์ทรงพบความดีในฝ่าพระบาทบ้าง เพราะฝ่าพระบาททรงทำลายบรรดาเสาอาเช-ราห์เสียจากแผ่นดิน และตั้งพระทัยแสวงหาพระเจ้า”

การปฏิรูปของเยโฮชาฟัท

 4เยโฮชาฟัทประทับที่กรุงเยรูซาเล็มและพระองค์เสด็จออกไปท่ามกลางประชาชนอีก ตั้งแต่เบเออร์เชบาถึงเทือกเขาเอฟราอิม และทรงนำเขาทั้งหลายกลับมายังพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของเขา 5พระองค์ทรงตั้งผู้พิพากษาในแผ่นดิน ตามเมืองป้อมทั้งหมดของยูดาห์ทีละเมือง 6และตรัสกับผู้พิพากษาพวกนั้นว่า “จงพิจารณาสิ่งที่ท่านทั้งหลายจะทำ เพราะพวกท่านไม่ได้พิพากษาเพื่อมนุษย์แต่เพื่อพระยาห์เวห์ พระองค์สถิตกับท่านในการพิพากษา 7ฉะนั้นจงให้ความยำเกรงพระยาห์เวห์อยู่ในตัวท่านทั้งหลาย จงระมัดระวังสิ่งที่พวกท่านทำ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเราไม่มีความอยุติธรรม ไม่มีความลำเอียง และไม่มีการรับสินบน”
 8ยิ่งกว่านั้นอีก ในกรุงเยรูซาเล็ม เยโฮชาฟัททรงตั้งบางคนจากพวกเลวีจากพวกปุโรหิต และหัวหน้าตระกูลของอิสราเอล เพื่อให้พิพากษาเกี่ยวกับบทบัญญัติของพระยาห์เวห์และความขัดแย้งระหว่างกัน เขาทั้งหลายมีตำแหน่งในกรุงเยรูซาเล็มภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า พวกเขากลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม 9และพระองค์ทรงกำชับเขาทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายจงทำด้วยความยำเกรงพระยาห์เวห์ ด้วยความซื่อสัตย์และด้วยความเต็มใจของท่าน 10เมื่อมีคดีมาถึงพวกท่านจากพี่น้องของท่านผู้อาศัยอยู่ในเมืองของเขา เกี่ยวกับเรื่องฆ่าฟันกัน เรื่องธรรมบัญญัติ พระบัญญัติ กฎเกณฑ์หรือกฎหมาย ท่านทั้งหลายควรจะตักเตือนพวกเขา เพื่อเขาจะไม่ทำผิดต่อพระยาห์เวห์ แล้วพระพิโรธจึงจะไม่มาเหนือท่านและพี่น้องของท่าน พวกท่านจงทำเช่นนี้ แล้วท่านจะไม่ทำผิด 11ดูสิ อามาริยาห์มหาปุโรหิตก็อยู่เหนือท่านทั้งหลายในทุกเรื่องของพระยาห์เวห์ และเศบาดิยาห์บุตรอิชมาเอลเจ้านายของเชื้อวงศ์ยูดาห์ก็อยู่เหนือท่านในทุกเรื่องของพระราชา และพวกเลวีจะเป็นเจ้าหน้าที่ปรนนิบัติพวกท่าน จงทำด้วยความกล้าหาญ และขอพระยาห์เวห์สถิตกับผู้ที่ทำความดี”

2 พงศาวดาร 20

การบุกรุกจากทางตะวันออก

 1ต่อมาภายหลัง คนโมอับและคนอัมโมนพร้อมกับคนเมอูนีบางส่วนมาทำสงครามกับเยโฮชาฟัท 2มีคนมาทูลเยโฮชาฟัทว่า “มีคนมากมายจากเอโดม และจากฟากข้างนั้นของทะเลยกมาสู้รบกับฝ่าพระบาท ดูสิ พวกเขาอยู่ในฮาซาโซนทามาร์” (คือ เอนกาดี) 3และเยโฮชาฟัทก็กลัว และทรงมุ่งแสวงหาพระยาห์เวห์ ทั้งทรงประกาศให้อดอาหารทั่วยูดาห์ 4แล้วยูดาห์ชุมนุมกันและแสวงหาความช่วยเหลือจากพระยาห์เวห์ เขาทั้งหลายมาจากทุกเมืองของยูดาห์ เพื่อแสวงหาพระยาห์เวห์

การอธิษฐานและชัยชนะของเยโฮชาฟัท

 5และเยโฮชาฟัททรงยืนอยู่ในที่ประชุมของยูดาห์และเยรูซาเล็ม ตรงข้างหน้าลานใหม่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 6และทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ไม่ใช่หรือ? พระองค์ทรงครอบครองเหนือบรรดาราชอาณาจักรของประชาชาติไม่ใช่หรือ? พระองค์ทรงมีฤทธิ์เดชและพลานุภาพในพระหัตถ์ของพระองค์ จึงไม่มีใครอาจต่อต้านพระองค์ได้ 7ข้าแต่พระเจ้าของพวกข้าพระองค์ พระองค์ทรงขับไล่ชาวแผ่นดินนี้ออกไปพ้นหน้าอิสราเอลประชากรของพระองค์ และประทานแผ่นดินแก่เชื้อสายของอับราฮัมสหายของพระองค์เป็นนิตย์ ไม่ใช่หรือ? 8และเขาทั้งหลายอาศัยอยู่ในนั้น ทั้งสร้างสถานนมัสการในที่นั้นถวายพระองค์ เพื่อพระนามของพระองค์แล้วทูลว่า 9‘ถ้ามีเหตุร้ายมาเหนือพวกข้าพระองค์ไม่ว่าจะเป็นดาบ การพิพากษา โรคระบาด หรือการกันดารอาหาร ข้าพระองค์ทั้งหลายจะยืนอยู่ต่อหน้าพระนิเวศนี้และเฉพาะพระพักตร์พระองค์ (เพราะพระนามของพระองค์อยู่ในพระนิเวศนี้) และร้องทูลต่อพระองค์ในความทุกข์ใจของพวกข้าพระองค์ แล้วพระองค์จะทรงฟังและจะทรงช่วยให้รอด’ 10นี่แน่ะ บัดนี้คนอัมโมน คนโมอับ และคนภูเขาเสอีร์ ซึ่งเป็นพวกที่พระองค์ไม่ทรงยอมให้คนอิสราเอลบุกรุก เมื่อออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ อิสราเอลก็หันออกไปโดยไม่ได้ทำลายพวกเขา 11ดูสิ เขาทั้งหลายตอบแทนพวกข้าพระองค์ด้วยการมาขับไล่เราให้ออกจากแผ่นดินกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ที่พระองค์ประทานเป็นมรดกแก่พวกข้าพระองค์ 12ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์จะไม่ทรงพิพากษาพวกเขาหรือ? เพราะว่าพวกข้าพระองค์ไม่มีฤทธิ์เดชที่จะต่อสู้คนมากมายนี้ ที่กำลังมาต่อสู้กับข้าพระองค์ทั้งหลาย พวกข้าพระองค์ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร แต่ดวงตาของข้าพระองค์ทั้งหลายเพ่งมองที่พระองค์”
 13ในระหว่างนั้นคนยูดาห์ทั้งหมดก็ยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พร้อมกับภรรยาลูกและเด็กเล็กๆ ของเขา 14และในท่ามกลางที่ประชุมนั้น พระวิญญาณของพระยาห์เวห์เสด็จมาเหนือยาฮาซีเอลบุตรเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรเบไนยาห์ ผู้เป็นบุตรเยอีเอล ผู้เป็นบุตรมัทธานิยาห์ เขาเป็นคนเลวีเชื้อสายของอาสาฟ 15และเขาพูดว่า “ยูดาห์ทั้งหมดและบรรดาชาวเยรูซาเล็ม ทั้งพระราชาเยโฮชาฟัท ขอจงฟัง พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้กับท่านทั้งหลายว่า ‘อย่ากลัว และอย่าท้อแท้เพราะคนมากมายเหล่านี้เลย เพราะการรบนั้นไม่ใช่เรื่องของท่าน แต่เป็นของพระเจ้า 16พรุ่งนี้เช้าจงลงไปต่อสู้กับพวกเขา นี่แน่ะ เขาทั้งหลายจะยกขึ้นมาตามทางขึ้นที่ตำบลศิส พวกท่านจะพบกับพวกเขาที่ปลายหุบเขาทางด้านหน้าของถิ่นทุรกันดารเยรูเอล 17ท่านทั้งหลายไม่ต้องต่อสู้ในการรบครั้งนี้ โอ ยูดาห์ และเยรูซาเล็ม จงเข้าประจำที่ ยืนนิ่งและมองดูชัยชนะของพระยาห์เวห์เพื่อพวกท่าน’ อย่ากลัวและอย่าท้อแท้ พรุ่งนี้จงออกไปสู้กับพวกเขาและพระยาห์เวห์จะสถิตกับท่านทั้งหลาย”
 18แล้วเยโฮชาฟัททรงก้มลงและซบพระพักตร์ของพระองค์ลงถึงดิน และยูดาห์ทั้งหมดกับชาวเยรูซาเล็มก็กราบลงเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ นมัสการพระองค์ 19และคนเลวี จากพงศ์พันธุ์โคฮาทและพงศ์พันธุ์โคราห์ ก็ยืนขึ้นสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลด้วยเสียงดังมาก
 20เขาทั้งหลายลุกขึ้นแต่เช้าและออกไปยังถิ่นทุรกันดารเทโคอา และเมื่อเขาออกไป เยโฮชาฟัททรงยืนและตรัสว่า “ยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า จงวางใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย แล้วท่านจะได้รับความมั่นคง จงเชื่อบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์ แล้วท่านจะได้รับความสำเร็จ” 21และเมื่อพระองค์ทรงปรึกษากับประชาชนแล้ว พระองค์ทรงแต่งตั้งพวกที่จะร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์ และสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงไว้ด้วยความบริสุทธิ์แปลได้อีกว่า สรรเสริญพระองค์ด้วยแต่งกายบริสุทธิ์ ขณะเมื่อพวกเขาเดินนำหน้ากองทัพออกไปและร้องว่า

 “จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์
  เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์”

 22และเมื่อเขาทั้งหลายเริ่มร้องเพลงและสรรเสริญ พระยาห์เวห์ทรงให้มีกองซุ่มต่อสู้กับคนอัมโมน คนโมอับ และชาวภูเขาเสอีร์ ซึ่งเข้ามาสู้กับยูดาห์ และพวกเขาก็ถูกตีแตกไป 23เพราะว่าคนของอัมโมนและคนโมอับหันไปต่อสู้กับชาวภูเขาเสอีร์ และทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น และเมื่อเขาทั้งหลายทำลายชาวเสอีร์หมดแล้ว พวกเขาก็ช่วยกันทำลายซึ่งกันและกัน
 24เมื่อยูดาห์ขึ้นไปยังจุดเฝ้ามองในถิ่นทุรกันดาร เขาทั้งหลายมองตรงไปที่คนมากมายนั้น และ ดูสิ มีแต่ศพนอนอยู่บนแผ่นดิน ไม่มีสักคนเดียวที่รอดไปได้ 25เมื่อเยโฮชาฟัทและประชาชนของพระองค์มาเก็บของริบจากพวกนั้น เขาทั้งหลายพบข้าวของจำนวนมากในพวกนั้น ทั้งเสื้อผ้าและของมีค่าต่างๆ ซึ่งพวกเขาเก็บสำหรับตัวเองจนกว่าเขาจะขนไปไม่ไหว พวกเขาใช้เวลาเก็บของริบสามวัน เพราะมีมากเหลือเกิน 26และวันที่สี่เขาทั้งหลายชุมนุมกันที่หุบเขาเบราคาห์ เพราะว่าพวกเขาสรรเสริญพระยาห์เวห์ที่นั้น เพราะเหตุนี้ เขาจึงเรียกที่นั้นว่าเบราคาห์จนถึงทุกวันนี้ 27แล้วคนยูดาห์และเยรูซาเล็มทุกคนก็กลับไป โดยมีเยโฮชาฟัททรงนำหน้า พวกเขากลับไปยังกรุงเยรูซาเล็มด้วยความชื่นบาน เพราะพระยาห์เวห์ทรงทำให้พวกเขาเปรมปรีดิ์เย้ยศัตรูของเขา 28เขาทั้งหลายมายังกรุงเยรูซาเล็มด้วยพิณใหญ่ พิณเขาคู่และแตร มาถึงพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 29และความเกรงกลัวพระเจ้ามาอยู่ในอาณาจักรทุกแห่งของดินแดนทั้งหลาย เมื่อพวกเขาได้ยินว่าพระยาห์เวห์ทรงต่อสู้กับศัตรูของอิสราเอล 30อาณาจักรของเยโฮชาฟัทจึงสงบ เพราะว่าพระเจ้าของพระองค์ประทานให้พระองค์มีการพักสงบอยู่รอบด้าน

การสิ้นสุดของรัชกาลเยโฮชาฟัท

 31เยโฮชาฟัททรงครองยูดาห์ พระองค์มีพระชนมายุ 35 พรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และพระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 25 ปี พระราชมารดาของพระองค์มีพระนามว่าอาซูบาห์ บุตรหญิงของชิลหิ 32พระองค์ทรงดำเนินตามทางของอาสาพระราชบิดาของพระองค์ และไม่ได้ทรงหันเหจากทางนั้น พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ 33แต่ปูชนียสถานสูงต่างๆ นั้นยังไม่ได้ถูกรื้อลง ประชาชนยังไม่ได้ปักใจในพระเจ้าของบรรพบุรุษของตน
 34ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเยโฮชาฟัท ตั้งแต่ต้นจนจบ ดูสิมีบันทึกไว้ในหนังสือของเยฮู บุตรฮานานี ซึ่งรวมอยู่ในหนังสือพงศ์กษัตริย์แห่งอิสราเอล 35ต่อมาภายหลัง เยโฮชาฟัทพระราชาของยูดาห์ ทรงร่วมงานกับอาหัสยาห์พระราชาของอิสราเอลผู้ทรงทำความชั่วอย่างมาก 36พระองค์ทรงร่วมงานในการสร้างเรือเพื่อไปยังเมืองทารชิช และเขาทั้งหลายสร้างเรือในเอซิโอนเกเบอร์ 37แล้วเอลีเอเซอร์บุตรโดดาวาหุแห่งเมืองมาเรชาห์เผยพระวจนะถึงเยโฮชาฟัทว่า “เพราะพระองค์ทรงร่วมงานกับอาหัสยาห์ พระยาห์เวห์จะทรงทำลายสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างไว้” แล้วเรือก็แตกและไม่สามารถไปเมืองทารชิชได้

2 พงศาวดาร 21

การขึ้นครองราชย์ของเยโฮรัม

 1เยโฮชาฟัทก็ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษของพระองค์ และพระองค์ทรงถูกฝังไว้กับบรรพบุรุษในนครดาวิด เยโฮรัมพระราชโอรสของพระองค์ก็ครองราชย์แทน 2พระองค์ทรงมีพระอนุชา ผู้เป็นพระราชโอรสของเยโฮชาฟัท คือ อาซาริยาห์ เยฮีเอล เศคาริยาห์ อาซาริยาห์ มีคาเอล เชฟาทิยาห์ ทั้งหมดเป็นพระราชโอรสของเยโฮชาฟัท พระราชาของชาวอิสราเอลเป็นชื่อที่ใช้เรียกชาวยูดาห์ไม่ใช่อาณาจักรทางเหนือซึ่งเป็นลักษณะการเขียนของหนังสือเล่มนี้โดยเฉพาะ 3พระราชบิดาประทาน เงิน ทองคำ และของมีค่ามากมาย พร้อมกับเมืองป้อมในยูดาห์แก่พวกท่าน แต่พระองค์ประทานราชอาณาจักรแก่เยโฮรัม เพราะว่าท่านเป็นพระราชโอรสหัวปี

อรรถาธิบาย

วางใจพระเจ้าที่จะทรงต่อสู้แทนคุณ

คุณกำลังต่อสู้กับอะไรในชีวิต? เยโฮชาฟัททรงออกศึก เขากำลังเผชิญกับชาวต่าง ๆ ‘คนโมอับ คนอัมโมน และคนเมอูนี’

แต่สำหรับเรา อย่างที่จอยซ์ ไมเยอร์ เขียนว่า ‘มันคือ ‘ความกลัว’ ‘โรคภัยไข้เจ็บ’ ‘ความยากจน’ ‘ชีวิตสมรสที่แย่’ ‘ความเครียด’ ‘เพื่อนบ้านที่ไม่น่ารัก’ ‘ความไม่ปลอดภัย’ ‘การปฏิเสธ’ และอื่น ๆ’

เมื่อเขาต่อสู้กับกษัตริย์แห่งอารัม ​‘เย​โฮ​ชา​ฟัท​ทรง​ร้อง​ขึ้น และ​พระ​ยาห์​เวห์​ทรง​ช่วย​พระ​องค์’ (18:31) เราเห็นถึงการจัดเตรียมและอำนาจอธิปไตยของพระเจ้าในเรื่องนี้ พระเจ้าทรงยอมให้ลูกธนูสุ่มฆ่ากษัตริย์แห่งอิสราเอล แต่ทรงปกป้องเยโฮชาฟัทผู้ร้องทูลต่อพระเจ้า (ข้อ 28–34)

เยโฮชาฟัท ‘นำ (ประชาชน) ทั้งหลายกลับมายังพระยาห์เวห์’ (19:4) และแต่งตั้งผู้พิพากษา เรียกพวกเขาให้หลีกเลี่ยง ‘ความอยุติธรรม’ ‘ความลำเอียง’ หรือ ‘การรับสินบน’ (ข้อ 7) มันจะสร้างความแตกต่างให้กับโลกทุกวันนี้สักเพียงไร ถ้าผู้พิพากษาทั้งโลกเป็นแบบนั้น

ทั้งๆ ที่เยโฮชาฟัทติดตามพระเจ้า (‘พระ​องค์​ทรง​ดำ​เนิน​ตาม​ทาง​ของ​อา​สา​พระ​ราช​บิดา​ของ​พระ​องค์ และ​ไม่​ได้​ทรง​หัน​เห​จาก​ทาง​นั้น พระ​องค์​ทรง​ทำ​สิ่ง​ที่​ถูก​ต้อง​ใน​สาย​พระ​เนตร​ของ​พระ​ยาห์​เวห์’ 20:32) แต่ก็ยังคงต้องเผชิญหน้าการต่อสู้ต่าง ๆ ดังนั้นเพียงเพราะคุณกำลังต่อสู้กับบางเรื่องในชีวิตของคุณในขณะนี้ ไม่ได้หมายความว่าคุณทำอะไรผิด บางครั้งคุณต้องเผชิญกับการต่อสู้ ไม่ใช่เพราะคุณกำลังทำอะไรผิด แต่เพราะคุณกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง

กองทัพมหึมาโจมตีเขา (ข้อ 2) เยโฮชาฟัทประกาศถือศีลอดอาหารและเรียกทุกเมืองมาประชุมอธิษฐานครั้งใหญ่ (ข้อ 3–4)

เขาอธิษฐานต่อพระเจ้า เขารับรู้ถึงอำนาจของพระเจ้า ‘พระ​องค์​ทรง​ครอบ​ครอง​เหนือ​บรร​ดา​ราช​อา​ณา​จักร​ของ​ประ​ชา​ชาติ​ไม่​ใช่​หรือ? พระ​องค์​ทรง​มี​ฤทธิ์​เดช​และ​พลา​นุ​ภาพ​ใน​พระ​หัตถ์​ของ​พระ​องค์ จึง​ไม่​มี​ใคร​อาจ​ต่อ​ต้าน​พระ​องค์​ได้’ (ข้อ 6)

เขาตระหนักดีว่า ‘เพราะ​ว่า​พวก​ข้า​พระ​องค์​ไม่​มี​ฤทธิ์​เดช​ที่​จะ​ต่อ​สู้​คน​มาก​มาย​นี้ ที่​กำลัง​มา​ต่อ​สู้​กับ​ข้า​พระ​องค์​ทั้ง​หลาย พวก​ข้า​พระ​องค์​ไม่​ทราบ​ว่า​จะ​ทำ​อย่าง​ไร แต่​ดวง​ตา​ของ​ข้า​พระ​องค์​ทั้ง​หลาย​เพ่ง​มอง​ที่​พระ​องค์’ (ข้อ 12)

พระเจ้าทรงตอบด้วยถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ พระวิญญาณของพระเจ้าสถิตกับพวกเขาขณะที่พวกเขารอคอยพระเจ้า (ข้อ 14)

เขากล่าวว่า ‘อย่า​กลัว และ​อย่า​ท้อ​แท้​เพราะ​คน​มาก​มาย​เหล่า​นี้​เลย เพราะ​การ​รบ​นั้น​ไม่​ใช่​เรื่อง​ของ​ท่าน แต่​เป็น​ของ​พระ​เจ้า’ (ข้อ 15) ‘ท่าน​ทั้ง​หลาย​ไม่​ต้อง​ต่อ​สู้​ใน​การ​รบ​ครั้ง​นี้ จง​เข้า​ประ​จำ​ที่ ยืน​นิ่ง​และ​มอง​ดู​ชัย​ชนะ​ของ​พระ​ยาห์​เวห์​เพื่อ​พวก​ท่าน ... พรุ่ง​นี้​จง​ออก​ไป​สู้​กับ​พวก​เขา​และ​พระ​ยาห์​เวห์​จะ​สถิต​กับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย’ (ข้อ 17)

เยโฮชาฟัทนมัสการพระเจ้า (ข้อ 18) ‘พวกเขาสรรเสริญพระเจ้าด้วยเสียงดังมาก!’ (ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาบอกกับผู้คนในนี้เกี่ยวกับข้อความที่สรุปจากหนังสือพงศาวดารทั้งเล่มว่า ‘จง​วาง​ใจ​ใน​พระ​ยาห์​เวห์​พระ​เจ้า​ของ​ท่าน​ทั้ง​หลาย แล้ว​ท่าน​จะ​ได้​รับ​ความ​มั่น​คง จง​เชื่อ​บรร​ดา​ผู้​เผย​พระ​วจนะของพระองค์ แล้ว​ท่าน​จะ​ได้​รับ​ความ​สำ​เร็จ’ (ข้อ 20)

พวกเขาเริ่มสรรเสริญพระเจ้าและร้องว่า ‘จง​ขอบ​พระ​คุณ​พระยาห์​เวห์ เพราะความ​รัก​มั่น​คง​ของพระองค์​ดำรง​อยู่​เป็น​นิตย์’ (ข้อ 21) การนมัสการเป็นอาวุธของพวกเขาขณะที่พวกเขานมัสการ พระเจ้าได้ทรงช่วยกู้พวกเขา (ข้อ 22)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์วางใจพระองค์ในการต่อสู้ที่ข้าพระองค์เผชิญในวันนี้ ขอบคุณที่นั่นเป็นการรบของพระองค์ ข้าพระองค์ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่ข้าพระองค์จับจ้องสายตาที่พระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

1 โครินธ์ 15:42

“การเป็นขึ้น… นั้นไม่เสื่อมสลาย…สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีศักดิ์ศรี… สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นมีพลัง… สิ่งที่เป็นขึ้นมานั้นเป็นกายจิตวิญญาณ’

ช่างน่าตื่นเต้น! เป็นสิ่งที่น่ารอคอยอย่างยิ่ง!

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม