วัน 242

พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมา

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 104:1-18
พันธสัญญาใหม่ 2 โครินธ์ 2:12-3:6
พันธสัญญาเดิม 2 พงศาวดาร 33:21-35:19

เกริ่นนำ

ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ผมอธิษฐาน ‘โปรดเสด็จมา พระวิญญาณบริสุทธิ์’ ในอัลฟ่าสุดสัปดาห์ ผมรู้ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ ‘เสด็จมา’ ทุกครั้งเหนือบรรดาผู้นำอัลฟ่าสุดสัปดาห์ ก่อนหน้าที่ผมจะอธิษฐานขอเสียอีก ถึงอย่างนั้น ผมไม่คิดว่าพระองค์จะมาตามคำอธิษฐานของผม ขณะที่ผมอธิษฐานว่า ‘โปรดเสด็จมา พระวิญญาณบริสุทธิ์’ ผมหลับตาลง เพราะผมไม่ต้องการเห็นพระองค์ ‘ไม่เสด็จมา’!

เมื่อผมลืมตาขึ้นก็มีภาพที่น่าทึ่ง พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ผู้คนถูกเติมเต็ม พระองค์กำลังเปลี่ยนชีวิตของผู้คน นี่คือพันธกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมในทุกครั้งที่นมัสการเราจึงอธิษฐานว่า ‘โปรดเสด็จมา พระวิญญาณบริสุทธิ์’ เราพยายามสละเวลาเพื่อ ‘พันธกิจ’ เสมอ เพื่อให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำกิจในเรา

เรามักเชื่อมโยงคำว่า ‘พันธกิจ' กับการเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะกับรัฐมนตรีของรัฐบาลหรือโดยผู้รับใช้ของคริสตจักร อันที่จริงคำนี้หมายถึง ‘รับใช้’ นักการเมืองถูกเรียกให้รับใช้ประเทศของตน ศิษยาภิบาลถูกเรียกให้รับใช้คริสตจักร แพทย์ที่ดูแลการรักษาผู้ป่วยถูกเรียกให้รับใช้ผู้ป่วย และผู้ที่กำลังจะตาย

พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำพันธกิจกับคุณ พระองค์นำสิทธิอำนาจที่เหนือนักการเมือง นำการปลอบโยนอย่างลึกซึ้งกว่าศิษยาภิบาล และนำการรักษาที่ยอดเยี่ยมกว่าแพทย์ พระเจ้าทรงทำพันธกิจกับคุณในส่วนที่ลึกที่สุดในชีวิตของคุณโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์

อัครสาวกเปาโลพูดถึง ‘การปรนนิบัติตามพระวิญญาณ’ (2 โครินธ์ 3:8) จอห์น วิมเบอร์ นิยามพันธกิจประเภทนี้ว่า ‘การตอบสนองความต้องการของผู้อื่นโดยหนทางของพระเจ้า' น่าทึ่งที่พันธกิจประเภทนี้มีในคุณและผมแล้ว

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 104:1-18

พระเจ้าทรงดูแลสิ่งที่ได้ทรงสร้าง

1จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
 ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์ใหญ่ยิ่งนัก
 พระองค์ทรงพระสิริและความสง่างามเป็นฉลองพระองค์
2ผู้ทรงคลุมพระองค์ด้วยแสงสว่างดุจอาภรณ์
 ผู้ทรงขึงฟ้าสวรรค์ออกดังขึงม่าน
3ผู้ทรงวางคานที่ประทับอันสูงของพระองค์ไว้ในน้ำ
 ผู้ทรงใช้เมฆเป็นราชรถ
 ผู้ประทับไปบนปีกของลม
4ผู้ทรงใช้ลมเป็นทูตสื่อสาร
 ทรงใช้ไฟที่ลุกโชนเป็นผู้รับใช้ของพระองค์
5พระองค์ทรงตั้งแผ่นดินโลกไว้บนรากฐานของมัน
 เพื่อมิให้มันสั่นคลอนเป็นนิตย์นิรันดร์
6พระองค์ทรงคลุมมันไว้ด้วยน้ำลึกอย่างคลุมด้วยเครื่องนุ่งห่ม
 น้ำอยู่เหนือภูเขา
7เมื่อพระองค์ทรงกำราบ น้ำนั้นก็หนีไป
 พอได้ยินเสียงฟ้าร้องของพระองค์ มันก็วิ่งไป
8ไหลขึ้นภูเขา ไหลลงหุบเขาไป
 ไหลไปยังที่ซึ่งพระองค์ทรงกำหนดไว้ให้อยู่นั้น
9พระองค์ทรงวางขอบเขตมิให้มันข้าม
 เพื่อมิให้มันคลุมแผ่นดินโลกอีก
10พระองค์ทรงทำให้น้ำพุพลุ่งขึ้นมาในหุบเขา
 น้ำนั้นก็ไหลไปตามหว่างเขา
11ให้บรรดาสัตว์ป่าได้ดื่ม
 และให้ลาป่าดับความกระหายของมัน
12ที่ริมน้ำนั้น นกในอากาศจึงได้มีที่อาศัย
 มันร้องอยู่ท่ามกลางกิ่งไม้
13พระองค์ทรงรดน้ำภูเขาจากที่ประทับอันสูงของพระองค์
 แผ่นดินโลกก็อิ่มด้วยผลแห่งพระราชกิจของพระองค์
14พระองค์ทรงให้หญ้างอกมาเพื่อสัตว์เลี้ยง
 และให้ผักแก่มนุษย์ได้เพาะปลูก
 เพื่อเขาจะทำให้เกิดอาหารจากแผ่นดิน
15และเหล้าองุ่น ซึ่งให้ใจมนุษย์ยินดี
 น้ำมัน เพื่อทำให้หน้าของเขาทอแสง
 และอาหาร ซึ่งเสริมเรี่ยวแรงแก่ใจมนุษย์
16บรรดาต้นไม้ของพระยาห์เวห์ได้อิ่มหนำ
 คือต้นสนสีดาร์แห่งเลบานอน ซึ่งพระองค์ได้ทรงปลูกไว้
17นกสร้างรังของมันอยู่ในนั้น
 ส่วนนกยางมีต้นสนสามใบเป็นบ้านของมัน
18ภูเขาสูงเป็นของเลียงผา
 หินเป็นที่ลี้ภัยของตัวกระจงผา

อรรถาธิบาย

พันธกิจของ ‘ลม’ และ ‘ไฟที่ลุกโชน’

นี่เป็นเพลงสดุดีที่สรรเสริญพระเจ้าสำหรับการทรงสร้างของพระองค์ ทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้างนั้นดี ผมชอบความจริงที่ว่านอกจาก ‘น้ำมันเพื่อทำให้หน้าของเขาทอแสงและอาหารซึ่งเสริมเรี่ยวแรงแก่ใจมนุษย์’ พระองค์ทรงสร้าง ‘เหล้าองุ่น ซึ่งให้ใจมนุษย์ยินดี’ (ข้อ 15)

แน่นอน เช่นเดียวกับของประทานอันดีทุกชิ้นจากพระเจ้า เหล้าองุ่นอาจทำอันตรายได้ พระคัมภีร์มักจะเตือนไม่ให้เมาเหล้าองุ่น อย่างไรก็ตาม พระเจ้าประทานเหล้าองุ่นเช่นเดียวกับน้ำมันและขนมปังเพื่อความเพลิดเพลินของเรา และทำให้จิตใจมนุษย์ยินดี

ก่อนหน้านี้ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า ‘ผู้ทรงใช้ลมเป็นทูตสื่อสาร ทรงใช้ไฟที่ลุกโชนเป็นผู้รับใช้ของพระองค์’ (ข้อ 4) คำว่า ‘ผู้รับใช้’ สามารถแปลได้ว่า ‘ผู้ปรนนิบัติ’ (ดู Revised Standard Version, English Standard Version, King James Version)

ข้อพระธรรมนี้เป็นเบื้องหลังที่น่าสนใจในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมของวันเพ็นเทคอสต์ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมา พวกเขาได้ยิน ‘เสียงมาจากฟ้าเหมือนเสียงพายุแรงกล้าดังก้องทั่วตึกที่เขานั่งอยู่นั้น และพวกเขาเห็นบางสิ่งที่คล้ายเปลวไฟลักษณะเหมือนลิ้นแผ่กระจายอยู่บนตัวพวกเขาทุกคน’ (กิจการ 2:2–4)

‘ลม’ และ ‘ไฟที่ลุกโชน’ เป็นผู้ปรนนิบัติของพระเจ้า เป็นสัญลักษณ์ของพลัง แรงปรารถนา และความบริสุทธิ์ของพระเจ้า เมื่อคุณอธิษฐาน ‘โปรดเสด็จมาพระวิญญาณบริสุทธิ์’ จงคาดหวังให้พระเจ้าส่งลมและไฟของพระวิญญาณบริสุทธิ์และคาดหวังว่าพันธกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์จะมีพลังและเปลี่ยนแปลงชีวิต

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณสำหรับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของผู้คน เมื่อพวกเขาได้สัมผัสกับพลัง แรงปรารถนาและความบริสุทธิ์ของพระเจ้า โปรดเถิดพระวิญญาณบริสุทธิ์ขอทรงเสด็จมา และเติมเต็มข้าพระองค์ในวันนี้

พันธสัญญาใหม่

2 โครินธ์ 2:12-3:6

ความวิตกและความโล่งใจของเปาโล

 12เมื่อข้าพเจ้าไปถึงเมืองโตรอัสเพื่อประกาศข่าวประเสริฐของพระคริสต์นั้น มีช่องทางเปิดให้กับข้าพเจ้าโดยองค์พระผู้เป็นเจ้า 13แต่ข้าพเจ้ายังไม่มีความสบายใจเลย เพราะไม่พบทิตัสน้องของข้าพเจ้าที่นั่น ข้าพเจ้าจึงอำลาพวกนั้นและเดินทางไปยังแคว้นมาซิโดเนีย
 14แต่ขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ทรงนำเราด้วยความมีชัยในขบวนฉลองชัยเสมอมาในพระคริสต์ และพระองค์ประทานกลิ่นหอมที่เกิดจากการรู้จักพระองค์ ให้ปรากฏทั่วทุกแห่งโดยเรา 15เพราะว่าเราเป็นกลิ่นหอมหวานที่พระคริสต์ถวายแด่พระเจ้าในหมู่คนที่กำลังจะรอด และในหมู่คนที่กำลังจะพินาศ 16สำหรับพวกหนึ่งเป็นกลิ่นของความตายที่นำไปสู่ความตาย และอีกพวกหนึ่งเป็นกลิ่นของชีวิตที่นำไปสู่ชีวิต ใครเล่าเหมาะสมกับพันธกิจที่กล่าวมานี้ 17เพราะว่าเราไม่เหมือนคนมากมายที่หากำไรจากพระวจนะของพระเจ้า แต่เรากล่าวโดยพึ่งพระคริสต์อย่างคนที่จริงใจ เหมือนอย่างคนที่มาจากพระเจ้า และอยู่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้า

2 โครินธ์ 3

ผู้รับใช้แห่งพันธสัญญาใหม่

 1เราเริ่มจะยกย่องตัวเองอีกแล้วหรือ? หรือว่าเราต้องการจดหมายแนะนำตัวต่อพวกท่าน หรือมาจากพวกท่าน เหมือนอย่างคนบางคนหรือ? 2ท่านเองเป็นจดหมายแนะนำตัวของเราที่จารึกไว้ในดวงใจของเรา ให้ทุกคนรู้และอ่าน 3ท่านปรากฏเป็นจดหมายของพระคริสต์ ที่เราเป็นผู้ส่งและไม่ได้เขียนด้วยน้ำหมึก แต่ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ไม่ได้เขียนบนแผ่นศิลา แต่เขียนบนแผ่นดวงใจมนุษย์
 4เรามีความมั่นใจเช่นนี้ในพระเจ้าโดยพระคริสต์ 5ไม่ใช่เพราะมีความสามารถในตัวเราเองที่จะถือว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดจากตัวเราเอง แต่ความสามารถนั้นมาจากพระเจ้า 6ผู้ประทานให้เราสามารถเป็นผู้ปรนนิบัติแห่งพันธสัญญาใหม่ ไม่ใช่เป็นไปตามตัวอักษรที่เขียนไว้แต่เป็นไปตามพระวิญญาณ ด้วยว่าตัวอักษรที่เขียนไว้นั้นทำให้ตาย แต่พระวิญญาณประทานชีวิต

อรรถาธิบาย

พันธกิจที่ให้ชีวิต

คุณจะนำชีวิตไปสู่ผู้อื่นได้อย่างไร? ในตอนข้อนี้ เปาโลบรรยายตัวเองว่าเป็นผู้ปรนนิบัติ ‘แห่งพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ที่ไม่ใช่เป็นไปตามตัวอักษรที่เขียนไว้แต่เป็นไปตามพระวิญญาณ ด้วยว่าตัวอักษรที่เขียนไว้นั้นทำให้ตาย แต่พระวิญญาณประทานชีวิต’ (3:6)

1. โดยตัวคุณ ผู้คนได้กลิ่นหอมของพระคริสต์
‘ในทั่วทุกแห่ง ผู้คนสูดกลิ่นหอมอันงดงาม’ (2:14ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อาจารย์เปาโลอธิบายว่าพันธกิจของเขาเป็นเหมือน ‘ขบวนฉลองชัยเสมอมา' (ข้อ 14ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เมื่อกษัตริย์หรือแม่ทัพได้รับชัยชนะ คนทั้งเมืองจะต้อนรับพวกเขากลับบ้าน พวกเขาจะนำเชลยที่พวกเขาจับมาด้วย มันอาจจะมาพร้อมกับ ‘กลิ่นของเครื่องหอม’

สำหรับบางคน (นักโทษ) มันคือ ‘กลิ่นของความตาย’ (ข้อ 16ก) สำหรับคนอื่น ๆ (ผู้ชนะ) มันคือ ‘กลิ่นของชีวิต’ (ข้อ 16ข) ในทำนองเดียวกัน ‘เราเป็นกลิ่นหอมหวานถวายแด่พระเจ้าในหมู่คนที่กำลังจะรอด แต่ผู้ที่อยู่บนทางไปสู่ความพินาศปฏิบัติกับเราเหมือนกลิ่นเหม็นจากซากศพที่เน่าเปื่อย’ (ข้อ 14–15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

2. โดยตัวคุณ ผู้คนอ่านเรื่องของพระเยซู

พระคัมภีร์เล่มเดียวที่บางคนจะอ่านก็คือชีวิตของคุณ อาจารย์เปาโลเขียนถึงชาวโครินธ์ว่า ‘ท่านเองเป็นจดหมายแนะนำตัวของเราที่จารึกไว้ในดวงใจของเรา ให้ทุกคนรู้และอ่าน ท่านปรากฏเป็นจดหมายของพระคริสต์ ไม่ได้เขียนด้วยน้ำหมึก แต่ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ไม่ได้เขียนบนแผ่นศิลา แต่เขียนบนแผ่นดวงใจมนุษย์’ (3:1ข–3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถอ่านหนังสือได้ แต่ทุกคนที่คุณพบสามารถที่จะอ่านชีวิตของคุณได้

3. โดยตัวคุณ ผู้คนได้ยินเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับพระเยซู

คุณไม่ควรพูดว่า ‘ฉันมันไร้ประโยชน์’, ‘ฉันทำอะไรไม่ได้’ คุณสามารถทำได้โดยผ่านทางพันธกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อนำข่าวดีของพระเยซูไปยังผู้อื่น สิ่งนี้ควรให้ความมั่นใจแก่คุณ มันไม่ใช่ความมั่นใจในตนเองแต่เป็นความมั่นใจในพระเจ้า

‘เรามีความมั่นใจเช่นนี้ในพระเจ้าโดยพระคริสต์ ไม่ใช่เพราะมีความสามารถในตัวเราเองที่จะถือว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดจากตัวเราเอง แต่ความสามารถนั้นมาจากพระเจ้า’ (ข้อ 4–5)

พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่เพียงแต่ให้คุณเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ยังให้ชีวิตใหม่ด้วย พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมเป็นพันธสัญญาที่พระเจ้าทรงทำผ่านโมเสส แต่พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมไม่มีอำนาจที่จะทำให้ผู้คนเป็นอย่างที่พระเจ้าปรารถนาให้พวกเขาเป็น

เพราะผู้คนไม่สามารถรักษากฎที่เขียนไว้บนแผ่นศิลา ท้ายที่สุดมันก็นำความตายมา ‘ด้วยว่าตัวอักษรที่เขียนไว้นั้นทำให้ตาย’ (ข้อ 6) ในทางกลับกัน พันธกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขียนไว้ในใจของคุณเป็นพันธกิจที่ ‘ประทานชีวิต’ (ข้อ 6)

พระวิญญาณบริสุทธิ์นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในมนุษย์ อย่าพูดว่า ‘ฉันเปลี่ยนไม่ได้’ เพราะด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ คุณสามารถเปลี่ยนได้

นี่เป็นความแตกต่างระหว่างศาสนาที่เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์และข้อบังคับ (ซึ่งท้ายที่สุดแล้วไม่มีใครสามารถรักษาไว้ได้) กับความสัมพันธ์กับพระเจ้าโดยทางพระเยซู ซึ่งนำชีวิตและนำชีวิตมาอย่างครบบริบูรณ์ (ยอห์น 10:10)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับพันธกิจนี้ ที่เราเห็นพระวิญญาณประทานชีวิตแก่ผู้คนที่ตายฝ่ายวิญญาณ

พันธสัญญาเดิม

2 พงศาวดาร 33:21-35:19

รัชกาลอาโมน

 21อาโมนมีพระชนมายุ 22 พรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 2 ปี 22พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ เหมือนมนัสเสห์พระราชบิดาของพระองค์ทรงกระทำ อาโมนถวายสัตวบูชาแก่รูปเคารพทั้งหมดที่มนัสเสห์พระราชบิดาของพระองค์ทรงสร้างขึ้น และทรงปรนนิบัติรูปเหล่านั้น 23พระองค์ทรงไม่ได้ถ่อมตัวลงต่อพระยาห์เวห์ เหมือนอย่างที่มนัสเสห์พระราชบิดาของพระองค์ทรงถ่อมลงนั้น แต่อาโมนองค์นี้ทรงทำความชั่วมากยิ่งๆ ขึ้น 24แล้วข้าราชการของพระองค์ก็ร่วมกันคิดกบฏต่อพระองค์ และปลงพระชนม์พระองค์ในพระราชวังของพระองค์ 25แต่ประชาชนในแผ่นดินได้ฆ่าทุกคนที่ร่วมกันคิดกบฏต่อกษัตริย์อาโมน แล้วประชาชนในแผ่นดินตั้งโยสิยาห์พระราชโอรสของพระองค์ให้ครองราชย์แทนพระองค์

2 พงศาวดาร 34

รัชกาลโยสิยาห์

 1โยสิยาห์มีพระชนมายุ 8 พรรษา เมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 31 ปี 2พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ และทรงดำเนินในพระมรรคาของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ และไม่ได้ทรงหันไปทางขวาหรือทางซ้าย
 3เพราะในปีที่แปดของรัชกาลของพระองค์ เมื่อยังทรงพระเยาว์อยู่ พระองค์ทรงเริ่มแสวงหาพระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์ ต่อมาในปีที่สิบสองพระองค์ทรงเริ่มชำระยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็มจากการมีปูชนียสถานสูง จากการมีบรรดาเสาอาเช-ราห์ รูปเคารพแกะสลักและรูปเคารพหล่อ 4และเขาทั้งหลายทำลายแท่นบูชาของพวกพระบาอัลเฉพาะพระพักตร์ของโยสิยาห์ และพระองค์ทรงพังแท่นเผาเครื่องหอมที่ตั้งอยู่บนนั้นลง แล้วพระองค์ทรงโค่นบรรดาเสาอาเช-ราห์รวมทั้งรูปเคารพแกะสลักและรูปเคารพหล่อ แล้วทรงบดเป็นผงและโรยบนหลุมศพของพวกที่ถวายสัตวบูชาแก่พระเหล่านั้น 5พระองค์ยังทรงเผากระดูกของพวกปุโรหิตบนแท่นบูชาของพวกเขา และทรงชำระยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็ม 6ส่วนในเมืองต่างๆ ของเผ่ามนัสเสห์ เอฟราอิมและสิเมโอน จนไปถึงเผ่านัฟทาลี พระองค์ทรงสำรวจสิ่งก่อสร้าง 7และพระองค์ทรงทำลายแท่นบูชา และบรรดาเสาอาเช-ราห์ และทรงทุบพวกรูปเคารพให้เป็นผง และทรงพังแท่นเผาเครื่องหอมทั้งหมดทั่วแผ่นดินอิสราเอล แล้วพระองค์ก็เสด็จกลับกรุงเยรูซาเล็ม

พบหนังสือธรรมบัญญัติ

 8ในปีที่สิบแปดของรัชกาลของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงชำระแผ่นดินและพระนิเวศ พระองค์ทรงใช้ชาฟานบุตรอาซาลิยาห์ มาอาเสยาห์ผู้ว่าราชการนคร และโยอาห์บุตรโยอาฮาส เจ้ากรมสารบรรณให้ไปซ่อมแซมพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้าของพระองค์ 9เขาทั้งหลายมาหาฮิลคียาห์มหาปุโรหิต และส่งมอบเงินที่คนทั้งหลายนำมายังพระนิเวศของพระเจ้า ซึ่งคนเลวีผู้เฝ้าประตูเก็บจากเผ่ามนัสเสห์ เผ่าเอฟราอิม จากคนที่เหลืออยู่ทั้งหมดของอิสราเอล และเก็บจากยูดาห์กับเบนยามินทั้งหมด รวมทั้งพวกที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม 10เขาทั้งหลายมอบไว้ในมือของคนงาน ผู้ดูแลพระนิเวศของพระยาห์เวห์ แล้วคนงานผู้ทำงานอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ก็ใช้เพื่อการปรับปรุงและซ่อมแซมพระนิเวศ 11เขาทั้งหลายจึงมอบให้กับช่างไม้และช่างก่อสร้าง เพื่อซื้อหินที่สกัดแล้วและซื้อไม้ สำหรับทำประกับและทำคานของอาคาร ซึ่งบรรดาพระราชาแห่งยูดาห์ทรงปล่อยให้พังทลายไป 12และคนทั้งหลายก็ทำงานอย่างซื่อสัตย์ ภายใต้การคุมงานของยาหาทและโอบาดีห์คนเลวีซึ่งเป็นเชื้อสายของเมรารี และเศคาริยาห์กับเมชุลลัมเชื้อสายของโคฮาทเป็นผู้ดูแล ส่วนคนเลวีทุกคนที่ชำนาญเครื่องดนตรี 13เป็นผู้ดูแลคนทั้งหลายที่แบกหาม และทุกคนที่ทำงานปรนนิบัติในแต่ละงาน คนเลวีบางคนเป็นอาลักษณ์ เป็นเจ้าหน้าที่และเป็นคนเฝ้าประตู
 14ขณะที่เขาทั้งหลายนำเงินที่ถวายมาในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ออกมา ฮิลคียาห์ปุโรหิตพบหนังสือธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ซึ่งประทานผ่านโมเสส 15และฮิลคียาห์พูดกับชาฟานราชเลขาว่า “ข้าพเจ้าพบหนังสือธรรมบัญญัติในพระนิเวศของพระยาห์เวห์” และฮิลคียาห์ก็มอบหนังสือนั้นให้ชาฟาน 16และชาฟานนำหนังสือนั้นไปถวายพระราชา แล้วทูลรายงานพระราชาต่อไปว่า “ทุกๆ สิ่งที่พระองค์ทรงมอบหมายแก่ผู้รับใช้ของพระองค์นั้น พวกเขากำลังทำอยู่ 17เขาทั้งหลายเทเงินที่พบในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ออก และมอบไว้ในมือของผู้ดูแลและคนงาน” 18แล้วชาฟานราชเลขาทูลพระราชาว่า “ฮิลคียาห์ปุโรหิตมอบหนังสือแก่ข้าพระบาทม้วนหนึ่ง” แล้วชาฟานก็อ่านถวายพระราชา
 19เมื่อพระราชาทรงสดับถ้อยคำของธรรมบัญญัตินั้น พระองค์ก็ทรงฉีกฉลองพระองค์ 20แล้วพระราชาทรงบัญชาฮิลคียาห์ อาหิคัมบุตรชาฟาน อับโดนบุตรมีคาห์ ชาฟานราชเลขาและอาสายาห์คนรับใช้พระราชา ตรัสว่า 21“จงไปทูลถามพระยาห์เวห์ให้เรา และให้พวกที่เหลืออยู่ในอิสราเอลและในยูดาห์ เกี่ยวกับถ้อยคำในหนังสือที่ได้พบ เพราะว่าพระพิโรธของพระยาห์เวห์ซึ่งเทลงเหนือเรานั้นใหญ่หลวงนัก เพราะว่าบรรพบุรุษของเราไม่ได้รักษาพระวจนะของพระยาห์เวห์ เพื่อจะทำตามทุกสิ่งที่เขียนไว้ในหนังสือนี้”

การปรึกษาผู้เผยพระวจนะหญิงฮุลดาห์

 22ฮิลคียาห์และบรรดาคนที่พระราชาทรงใช้ไปนั้น จึงไปหาฮุลดาห์ผู้เผยพระวจนะหญิง ผู้เป็นภรรยาของชัลลูมบุตรทกหาทบุตรหัสราห์ซึ่งเป็นผู้ดูแลฉลองพระองค์ (นางอยู่ในเยรูซาเล็มเขตสอง) และพวกเขาพูดกับนางถึงเรื่องนั้น 23และนางบอกพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘จงบอกคนที่ใช้พวกเจ้าให้มาหาเราว่า 24พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะนำเหตุร้ายมายังสถานที่นี้ และมายังชาวเมืองนี้คือคำสาปทั้งหมดที่บันทึกไว้ในหนังสือซึ่งอ่านถวายพระราชาแห่งยูดาห์นั้น 25เพราะว่าพวกเขาละทิ้งเราและเผาเครื่องหอมถวายพระอื่นๆ ซึ่งทำให้เราโกรธด้วยการกระทำทั้งหมดจากมือของเขา ดังนั้นเราจะเทความโกรธของเราลงบนสถานที่นี้ และจะดับไม่ได้ 26ส่วนพระราชาแห่งยูดาห์ผู้ใช้พวกเจ้าให้มาทูลถามพระยาห์เวห์นั้น จงไปบอกเขาว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เรื่องบรรดาถ้อยคำซึ่งเจ้าได้ยินนั้น 27เพราะใจของเจ้าอ่อนลงและเจ้าถ่อมตัวลงเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า เมื่อเจ้าได้ยินถ้อยคำที่กล่าวโทษสถานที่นี้และชาวเมืองนี้ เจ้าได้ถ่อมตัวลงต่อเราและเจ้าได้ฉีกเสื้อผ้าของเจ้า ทั้งร้องไห้ต่อหน้าเรา เราเองก็ได้ยินเจ้าด้วย พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ 28ดูสิ เราจะนำเจ้าไปไว้กับบรรพบุรุษของเจ้า และเจ้าจะถูกนำไปยังอุโมงค์ฝังศพอย่างสงบสุข และตาของเจ้าจะไม่เห็นเหตุร้ายทั้งสิ้นที่เราจะนำมาเหนือสถานที่นี้และชาวเมืองนี้’ ” และเขาทั้งหลายได้นำพระวจนะนั้นมาทูลพระราชา

การรื้อฟื้นพันธสัญญาขึ้นใหม่

 29แล้วพระราชาทรงใช้ให้ไปรวบรวมผู้ใหญ่ทั้งหมดของยูดาห์และเยรูซาเล็ม 30พระราชาเสด็จขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ พร้อมกับคนยูดาห์ทั้งหมดและชาวกรุงเยรูซาเล็ม รวมทั้งพวกปุโรหิตและคนเลวี กับประชาชนทั้งหมดทั้งใหญ่และเล็ก แล้วพระองค์ทรงอ่านถ้อยคำทั้งหมดในหนังสือพันธสัญญาที่พบในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ให้พวกเขาฟัง 31พระราชาทรงยืนอยู่ในที่ของพระองค์ และทรงทำพันธสัญญาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ว่าจะดำเนินตามพระยาห์เวห์ และจะรักษาพระบัญญัติ พระโอวาท และกฎเกณฑ์ของพระองค์ด้วยสุดพระจิตสุดพระทัย ทั้งจะทรงทำตามถ้อยคำของพันธสัญญาที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ 32แล้วพระองค์มีรับสั่งให้พวกที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม และในเบนยามินให้มีส่วนในพันธสัญญานั้น แล้วชาวเยรูซาเล็มก็มีส่วนโดยทำตามพันธสัญญาของพระเจ้า คือพระเจ้าของบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย 33โยสิยาห์ก็เอาสิ่งน่าเกลียดน่าชังทั้งหมดออกจากดินแดนทุกแห่งที่เป็นของประชาชนอิสราเอล และทรงทำให้พวกที่อยู่ในอิสราเอลปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเขา ตลอดรัชสมัยของพระองค์นั้น เขาทั้งหลายไม่ได้หันไปจากการติดตามพระยาห์เวห์พระเจ้าของบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย

2 พงศาวดาร 35

การถือเทศกาลปัสกา

 1โยสิยาห์ทรงถือเทศกาลปัสกาถวายแด่พระยาห์เวห์ในกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาฆ่าแกะปัสกาในวันที่สิบสี่เดือนที่หนึ่ง 2พระองค์ทรงแต่งตั้งปุโรหิตให้ประจำหน้าที่ และทรงสนับสนุนพวกเขาในงานปรนนิบัติแห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 3และพระองค์ตรัสกับคนเลวี ผู้บริสุทธิ์เฉพาะพระยาห์เวห์ และเป็นผู้สอนอิสราเอลทั้งหมดว่า “จงวางหีบบริสุทธิ์ไว้ในพระนิเวศ ที่ซาโลมอนพระราชโอรสของดาวิดพระราชาของอิสราเอลทรงสร้างไว้ พวกเจ้าไม่ต้องหามไว้บนบ่าอีกต่อไป บัดนี้จงปรนนิบัติพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกเจ้า และปรนนิบัติอิสราเอลประชากรของพระองค์ 4จงเตรียมตัวของพวกเจ้าตามครอบครัวบรรพบุรุษของพวกเจ้าเป็นกองๆ ตามพระบัญชาที่บันทึกไว้ของดาวิดพระราชาแห่งอิสราเอล และตามพระบัญชาที่บันทึกไว้ของซาโลมอนพระราชโอรสของพระองค์ 5และจงยืนประจำในสถานบริสุทธิ์ตามครอบครัวบรรพบุรุษต่างๆ ของพี่น้องของเจ้าที่เป็นประชาชน ให้มีคนเลวีในแต่ละสกุล 6จงฆ่าแกะปัสกา จงชำระตัวให้บริสุทธิ์ และจงตระเตรียมไว้ให้พี่น้องของเจ้า ให้ทำตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่มาทางโมเสสนั้น”
 7แล้วโยสิยาห์ประทานเครื่องปัสกาบูชาแก่ประชาชนสำหรับทุกคนซึ่งอยู่ที่นั่น คือแกะและลูกแพะจำนวน 30,000 ตัวจากฝูงแพะแกะ และวัวผู้ 3,000 ตัว สัตว์พวกนี้มาจากพระราชทรัพย์ของพระราชา 8และบรรดาเจ้านายของพระองค์ก็บริจาคด้วยความเต็มใจแก่ประชาชน แก่ปุโรหิตและแก่คนเลวี ฮิลคียาห์ เศคาริยาห์และเยฮีเอล ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับหัวหน้าแห่งพระนิเวศของพระเจ้ามอบลูกแพะลูกแกะ 2,600 ตัวกับวัวผู้ 300 ตัวแก่พวกปุโรหิตให้เป็นเครื่องปัสกาบูชา 9ส่วนโคนานิยาห์และเชไมยาห์กับเนธันเอล น้องชายของเขา และฮาชาบิยาห์และเยอีเอล กับโยซาบาด หัวหน้าของคนเลวีมอบแพะแกะ 5,000 ตัวกับวัวผู้ 500 ตัวแก่คนเลวีเป็นเครื่องปัสกาบูชา
 10เมื่อเตรียมการเรียบร้อยแล้วบรรดาปุโรหิตก็ยืนประจำที่ของตน และคนเลวีก็อยู่ตามกองของตนตามพระบัญชาของพระราชา 11แล้วพวกคนเลวีก็ฆ่าแกะปัสกา และปุโรหิตก็เอาเลือดแกะจากมือของพวกเขามาประพรม ส่วนคนเลวีก็ถลกหนังสัตว์ 12แล้วเขาทั้งหลายก็แยกส่วนที่เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวไว้ต่างหาก เพื่อแจกจ่ายตามกลุ่มๆ ตามครอบครัวบรรพบุรุษต่างๆ ของประชาชนเพื่อถวายแด่พระยาห์เวห์ ตามที่บันทึกไว้ในหนังสือของโมเสส และพวกเขาทำแบบเดียวกันกับวัวผู้ทั้งหลาย 13เขาทั้งหลายปิ้งแกะปัสกาด้วยไฟตามกฎหมาย และเขาทั้งหลายต้มเครื่องบูชาบริสุทธิ์ในหม้อ ในหม้อทะนน และในกระทะ แล้วรีบนำไปให้ประชาชนทั้งหมด 14หลังจากนั้นเขาทั้งหลายจึงเตรียมสำหรับตนเองและบรรดาปุโรหิต เพราะว่าปุโรหิตซึ่งเป็นบุตรหลานของอาโรนยุ่งอยู่กับการถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และส่วนที่เป็นไขมันจนถึงกลางคืน คนเลวีจึงเตรียมเพื่อตนเองและเพื่อปุโรหิตซึ่งเป็นบุตรหลานของอาโรน 15บรรดานักร้องซึ่งเป็นบุตรหลานของอาสาฟก็อยู่ประจำที่ของตนตามบัญชาของดาวิด อาสาฟ และเฮมาน กับเยดูธูนผู้ทำนายของพระราชา และพวกคนเฝ้าประตูก็อยู่ประจำทุกประตู เขาทั้งหลายไม่จำเป็นต้องละงานของตน เพราะคนเลวีพี่น้องของเขาเตรียมไว้ให้พวกเขา
 16เขาทั้งหลายจึงเตรียมการปรนนิบัติทุกอย่างต่อพระยาห์เวห์ภายในวันเดียวนั้นเอง เพื่อถือปัสกาและถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวบนแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ ตามพระบัญชาของกษัตริย์โยสิยาห์ 17และประชาชนอิสราเอลผู้อยู่ที่นั่นก็ถือปัสกาในเวลานั้น และถือเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวัน 18ตั้งแต่สมัยของซามูเอลผู้เผยพระวจนะมา ไม่มีการถือปัสกาเหมือนอย่างนี้ในอิสราเอลเลย ไม่มีพระราชาองค์ใดในอิสราเอลซึ่งถือปัสกาเหมือนอย่างที่โยสิยาห์ทรงถือร่วมกับบรรดาปุโรหิต คนเลวี คนยูดาห์และอิสราเอลทั้งหมดซึ่งอยู่ที่นั่น รวมทั้งชาวกรุงเยรูซาเล็ม 19เขาทั้งหลายถือเทศกาลปัสกานี้ในปีที่สิบแปดของรัชกาลโยสิยาห์

อรรถาธิบาย

พันธกิจแห่งพันธสัญญาใหม่

ทิม เคลเลอร์ นิยาม พันธสัญญาว่า ‘เป็นข้อตกลงร่วมกันให้ทั้งสองฝ่าย จริงจังและถาวร มันเป็นการผสมผสานที่น่าทึ่งของทั้งกฎเกณฑ์และความรัก… ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและเปี่ยมด้วยความรักมากกว่าที่ข้อตกลงทางกฎหมายจะสร้างได้ แต่มีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและผูกพันมากกว่าความรักส่วนตัวเพียงอย่างเดียว’

เปาโลเขียนว่า พระเจ้าประทานให้ ‘เราสามารถเป็นผู้ปรนนิบัติแห่งพันธสัญญาใหม่’ (2 โครินธ์ 3:6) เปาโลเปรียบเทียบสิ่งนี้กับพันธสัญญาเดิม เราเห็นบางอย่างเกี่ยวกับพันธสัญญาเดิมนี้

หลังจากอาโมนซึ่งเป็นกษัตริย์ชั่วร้ายที่ ‘ไม่ได้ถ่อมพระองค์ลงต่อพระยาห์เวห์’ (2 พงศาวดาร 33:23) โยสิยาห์ขึ้นเป็นกษัตริย์เมื่ออายุแปดขวบ (34:1) ความเชื่อของเขามีขึ้นเมื่ออายุได้สิบหกปีและ ‘พระองค์ทรงเริ่มแสวงหาพระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์' (ข้อ 3) พระองค์ทรงชำระยูดาห์และกรุงเยรูซาเล็มจากสิ่งเลวร้ายทั้งหมดและทำลายแท่นบูชา (ข้อ 3–7 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระองค์ทรง “ปรับปรุงและซ่อมแซมพระนิเวศ” (ข้อ 10)

ขณะที่พวกเขากำลังทำ พวกเขา ‘พบหนังสือธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ซึ่งประทานผ่านโมเสส’ (ข้อ 14) เมื่อดูพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมแล้ว พวกเขาเห็นว่าบรรพบุรุษของเขา ‘ไม่ได้รักษาพระวจนะของพระยาห์เวห์’ (ข้อ 21)

พระเจ้าตรัสกับพวกเขาผ่านทางผู้เผยพระวจนะฮัลดาห์ (ข้อ 22) (อีกครั้งในพันธสัญญาเดิม เราเห็นอีกหนึ่งตัวอย่างของผู้ที่มีความโดดเด่นในการทำพันธกิจ)

คนยูดาห์ คนเยรูซาเล็ม ปุโรหิต และคนเลวี ได้ฟังโยสิยาห์ ‘อ่านถ้อยคำทั้งหมดในหนังสือพันธสัญญาที่พบในพระนิเวศของพระยาห์เวห์’ (ข้อ 30) เขา ‘'ได้อุทิศตนตามพันธสัญญาอย่างเคร่งครัด จะดำเนินตามและเชื่อฟังพระยาห์เวห์ ดำเนินตามกฎเกณฑ์ของพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ ทั้งจะทรงทำตามถ้อยคำของพันธสัญญาที่เขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้’ (ข้อ 31, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พันธสัญญาเดิมเป็นพันธสัญญาที่ดี แต่มันถูกจารึกบนแผ่นศิลา แม้ในขณะที่ประชาชนพยายามรักษาธรรมบัญญัติ พวกเขาก็มักทำได้ไม่นานนัก การปฏิรูปภายนอกดำเนินไปตราบเท่าที่โยสิยาห์ทรงกำชับให้พวกเขาทำ ท้ายที่สุดพวกเขาล้มเหลวที่จะรักษามันไว้ (เยเรมีย์ 11–13)

ธรรมบัญญัติทำให้เราเห็นว่าเราต้องการพระผู้ช่วยให้รอด คุณสามารถรักษาพันธสัญญาของพระเจ้าได้ก็ต่อเมื่อคุณได้รับการอภัยจากพระเยซู และโดยพันธกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ธรรมบัญญัติได้จารึกไว้ในหัวใจของคุณ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่เราเป็น “ผู้ปรนนิบัติแห่งพันธสัญญาใหม่” และตอนนี้ธรรมบัญญัติของพระองค์จารึกอยู่ในใจเราโดยพระวิญญาณผู้ทรงช่วยให้เราดำเนินชีวิตในพระองค์ และทำพันธกิจด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

2 พงศาวดาร 34:3

‘ในปีที่แปดของรัชกาลของพระองค์ เมื่อยังทรงพระเยาว์อยู่ (โยสิยาห์) เริ่มแสวงหาพระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของพระองค์’

โยสิยาห์เพิ่งอายุสิบหก คุณไม่เด็กเกินไปที่จะมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า หรือเพื่อรับการเจิมเพื่อเป็นผู้นำ

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม