วัน 259

ทุกวิกฤติคือโอกาส

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 107:23-32
พันธสัญญาใหม่ กาลาเทีย 2:1-10
พันธสัญญาเดิม อิสยาห์ 36:1-37:38

เกริ่นนำ

ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี เคยกล่าวไว้ว่า ‘เมื่อเขียนเป็นภาษาจีน คำว่า “วิกฤติ” ประกอบด้วยอักขระสองตัว ตัวแรกแสดงถึงอันตราย และอีกตัวหนึ่งแสดงถึงโอกาส’ ทุกวิกฤติในเวลาเดียวกันย่อมมีโอกาส วิกฤติมักเกิดจากปัญหาที่เราคาดไม่ถึง

เราทุกคนมีปัญหา พวกเราหลายคนต้องเผชิญกับวิกฤติ คุณตอบสนองต่อช่วงเวลาแห่งปัญหา อันตราย หรือความยากลำบากที่ไม่คาดคิดในชีวิตอย่างไร? เราตอบสนองต่อปัญหาที่คาดไม่ถึงในคริสตจักรหรือในประเทศของเราอย่างไร? เราจะทำอย่างไรเมื่อ ‘(เรา)หมดปัญญา’? (สดุดี 107:27) เราจะทำอย่างไรเมื่อ ‘ความจริงของข่าวประเสริฐ’ ตกอยู่ในอันตราย? (กาลาเทีย 2:5) เราตอบสนองต่อ ‘วันทุกข์ใจ’ ในชีวิตของเราอย่างไร? (อิสยาห์ 37:3)

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 107:23-32

23บ้างก็ลงเรือไปในทะเล
 ทำอาชีพอยู่บนน้ำกว้างใหญ่
24เขาทั้งหลายได้เห็นพระราชกิจของพระยาห์เวห์
 คือการอัศจรรย์ต่างๆ ในที่น้ำลึก
25เพราะพระองค์ทรงบัญชาให้เกิดลมพายุ
 ซึ่งโหมให้คลื่นทะเลกำเริบ
26คนเหล่านั้นถูกซัดขึ้นไปสู่ท้องฟ้า และลงไปสู่ที่ลึก
 จิตใจของเขาฝ่อไปในเหตุร้ายของเขา
27เขาทั้งหลายถลาและโซเซไปอย่างคนเมา
 และหมดปัญญา
28เมื่อมีความทุกข์ลำบาก เขาทั้งหลายได้ร้องทูลพระยาห์เวห์
 แล้วพระองค์ทรงนำเขาออกจากความทุกข์ใจ
29พระองค์ทรงทำให้พายุสงบลง
 และคลื่นทะเลก็นิ่ง
30แล้วเขาทั้งหลายก็ยินดีเพราะมีความสงบ
 และพระองค์ทรงนำเขามาถึงเมืองท่าที่เขาปรารถนา
31ให้เขาทั้งหลายขอบพระคุณพระยาห์เวห์ เพราะความรักมั่นคงของพระองค์
 เพราะการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์ที่มีต่อมนุษย์ทั้งหลาย
32ให้เขาทั้งหลายยกย่องพระองค์ในการชุมนุมของประชาชน
 และสรรเสริญพระองค์ในที่ประชุมของผู้อาวุโส

อรรถาธิบาย

ร้องทูลต่อพระเจ้าในคำอธิษฐาน

อาจมีบางครั้งในชีวิตของคุณที่คุณต้องเผชิญกับพายุใหญ่ เป็น ‘พายุ’ ที่ดูเหมือนจะพัดและคลื่นก็ ‘กำเริบ’ (ข้อ 25) ความกล้าหาญของคุณละลายไป (ข้อ 26ข) และคุณถึงจุดสิ้นสุดของปัญญา (ข้อ 26-27) คุณเจอพายุที่ไม่คาดคิดและไม่รู้ว่าจะออกไปได้อย่างไร

สดุดีตอนนี้บอกคุณว่าจะตอบสนองอย่างไร บรรดาผู้คน:

‘... ร้องทูลพระเจ้าในสภาพที่สิ้นหวัง [ของพวกเขา]
 พานำ(เขา)ออกมาในเวลาไม่นาน’ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้าไม่เคยสาย ไม่เคยรีบเร่ง พระองค์มาทันเวลาเสมอ!

‘พระองค์ทรงทำให้พายุสงบลง
 และคลื่นทะเลก็นิ่ง\t
 ...พระองค์ทรงนำเขามาถึงเมืองท่าที่เขาปรารถนา’ (ข้อ 29-30ข)

เมื่อพระเจ้าตอบรับคำร้องขอของคุณที่ต้องการความช่วยเหลือ อย่าลืมขอบพระคุณพระองค์:

‘ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความรักอันน่าอัศจรรย์ของพระองค์
 เพื่อพระเมตตาอันอัศจรรย์ของพระองค์ที่มีต่อบุตรธิดาที่เขารัก’ (ข้อ 31-32, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับหลายครั้งที่พระองค์ได้ยินเสียงทูลและทรงช่วยข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องทูลขอความช่วยเหลือในชีวิตของข้าพระองค์ และเพื่อคริสตจักรในประเทศนี้

พันธสัญญาใหม่

กาลาเทีย 2:1-10

อัครทูตอื่นๆ รับรองเปาโล

 1สิบสี่ปีต่อมา ข้าพเจ้ากับบารนาบัสได้ขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็มอีก และพาทิตัสไปด้วย 2ข้าพเจ้าขึ้นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า และข้าพเจ้าได้เล่าข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศแก่คนต่างชาติให้พวกเขาฟัง (แต่ได้เล่าให้คนสำคัญบางคนฟังเป็นส่วนตัว) เกรงว่าข้าพเจ้าอาจจะวิ่งแข่งหรือวิ่งอย่างไร้ประโยชน์ 3ถึงแม้ทิตัสซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าจะเป็นคนกรีก เขาก็ไม่ได้ถูกบังคับให้เข้าสุหนัต 4แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะว่ามีพี่น้องจอมปลอมลอบเข้ามาสอดแนมดูเสรีภาพซึ่งเรามีในพระเยซูคริสต์ พวกเขาหวังจะทำให้เราเป็นทาส 5แต่เราไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้กับพวกเขาแม้ชั่วประเดี๋ยวเดียว เพื่อให้ความจริงของข่าวประเสริฐนั้นดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายต่อไป 6และจากคนสำคัญบางคนที่ยังอยู่ (เขาจะเคยเป็นอะไรมาก่อน ก็ไม่สำคัญอะไรสำหรับข้าพเจ้าเลย พระเจ้าไม่ทรงเห็นแก่หน้าใคร) คนสำคัญเหล่านั้นไม่ได้เพิ่มเติมสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้แก่ข้าพเจ้าเลย 7แต่ตรงข้าม เมื่อเขาทั้งหลายเห็นว่า ข้าพเจ้าได้รับมอบให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนเหล่านั้นที่ไม่ได้เข้าสุหนัต เช่นเดียวกับเปโตรได้รับมอบให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนที่ได้เข้าสุหนัต 8(เพราะว่าพระองค์ผู้ได้ทรงทำกิจในเปโตรให้เป็นอัครทูตไปยังพวกที่เข้าสุหนัต ก็ได้ทรงทำกิจในข้าพเจ้าให้ไปยังคนต่างชาติเหมือนกัน) 9เมื่อยากอบกับเคฟาสและยอห์น ผู้ที่เขานับถือว่าเป็นเสาหลัก เห็นพระคุณซึ่งประทานแก่ข้าพเจ้าแล้วก็ได้จับมือขวาของข้าพเจ้ากับบารนาบัส แสดงว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เพื่อให้เราไปหาคนต่างชาติ และท่านเหล่านั้นจะไปหาพวกที่เข้าสุหนัต 10ท่านเหล่านั้นขอแต่เพียงให้เรานึกถึงคนจน ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าทำอย่างกระตือรือร้นอยู่แล้ว

อรรถาธิบาย

ใช้ทักษะ การเจรจาเชื่อมความสัมพันธ์ และความกล้าหาญ

ดังที่เราเห็นเมื่อวานนี้ บางครั้งเราอาจถูกล่อลวงให้ดูถูกส่วนอื่น ๆ ของคริสตจักร นิกายอื่น ๆ หรือคริสเตียนคนอื่น ๆ ด้วยความหวังว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนพวกเรามากขึ้น! 'ถ้าเพียงแต่พวกเขาทำสิ่งที่เหมือนเรามากขึ้น พวกเขาก็จะเป็นคริสเตียนที่ ‘เหมาะสม’ หรือ ‘คริสเตียนที่ดีกว่า’ ในการคิดเช่นนี้ แท้จริงแล้ว เพียงพอต่อการแสดงว่าเราปฏิเสธที่จะเชื่อในพระเยซู

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับคริสตจักรกาลาเทีย มีคนบอกว่าแค่มีความเชื่อในพระเยซูไม่ถือว่าเพียงพอ หากพวกเขาต้องการเป็นคริสเตียนที่ ‘แท้จริง’ พวกเขาจำเป็นต้องเข้าสุหนัต

คริสตจักรยุคแรกกำลังเผชิญกับวิกฤติที่คาดไม่ถึง และอัครสาวกเปาโลต้องใช้ทั้งหมดของความกล้าหาญและความมุ่งมั่น รวมกับทักษะ และการเจรจาเชื่อมความสัมพันธ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการแบ่งแยกที่สร้างความเสียหายและแตกแยกในคริสตจักร

เปาโลต้องการชี้แจงอย่างชัดเจนว่าเขาได้ลงมือทำภายใต้การทรงนำ และการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ‘ข้าพเจ้าขึ้นไปตามที่พระเจ้าได้ทรงสำแดงแก่ข้าพเจ้า’ (ข้อ 2) เปาโลเชื่อมั่นในความถูกต้องของข่าวประเสริฐที่เขาสั่งสอน แต่ก็กังวลเรื่องความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันด้วย ‘ข้าพเจ้าทำสิ่งนี้กับผู้นำเป็นการส่วนตัว... เพื่อที่ความกังวลของเราจะไม่กลายเป็นประเด็นสาธารณะที่เป็นที่ถกเถียงกัน’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เปาโลพาเพื่อนสองคนไปด้วย คือบารนาบัสกับทิตัส บารนาบัสเป็นชาวยิว และทิตัสเป็นชาวกรีก (คนต่างชาติที่ไม่ได้เข้าสุหนัต) สำหรับชาวยิวในศตวรรษแรก มีคนอยู่สองประเภทในโลกคือคนยิวและคนกรีก (เข้าสุหนัตและไม่ได้เข้าสุหนัต) การเข้าสุหนัตเป็นเครื่องหมายที่บ่งบอกว่าเป็นชาวยิว ตามพระบัญชาของพระเจ้า (ปฐมกาล 17:9-14) หมายความถึงพันธสัญญาของพระเจ้ากับคนที่พระองค์ทรงเลือก

กระนั้น เปาโลเลือกทิตัสเป็นเพื่อนคนหนึ่ง 'ที่สำคัญ ทิตัส ด้วยความที่เขาไม่ใช่คนยิว ไม่จำเป็นต้องเข้าสุหนัต’ (กาลาเทีย 2:3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ประเด็นของเปาโลในส่วนนี้คืออัครสาวกในกรุงเยรูซาเล็ม (ยากอบ เปโตร และยอห์น) ตกลงกันว่าข่าวดีของพระเยซูคริสต์มีให้สำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวและคนต่างชาติ คนเข้าสุหนัตและไม่ได้เข้าสุหนัต

เปาโลจำเป็นต้องปกป้อง ‘เสรีภาพซึ่งเรามีในพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 4) เสรีภาพที่แท้จริงพบได้ผ่านความเชื่อในพระคริสต์เท่านั้น การระบุให้ต้องเข้าสุหนัตอันเป็นไปเพื่อความชอบธรรมก่อนหน้านั้น ‘ทำให้เราเป็นทาส' (ข้อ 4)

หากชาวต่างชาติยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องให้เข้าสุหนัต เท่ากับพวกเขาปฏิเสธสาระสำคัญของพระกิตติคุณ จุดประสงค์ของจดหมายฉบับนี้คือเพื่ออธิบาย ‘ความจริงของข่าวประเสริฐ’ (ข้อ 5) เปาโลต้องการแสดงให้เห็นว่าชีวิต การสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูได้บรรลุตามข้อกำหนดทั้งหมดตามบัญญัติของโมเสสแล้ว

การประชุมในกรุงเยรูซาเล็มเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการเข้าสุหนัต จัดเป็นหนึ่งในเรื่องที่สำคัญอย่างมากในประวัติศาสตร์ของศาสนาคริสต์ การตัดสินใจครั้งนี้ป้องกันความแตกแยกภายในคริสตจักร วิกฤติกลายมาเป็นโอกาส

ไม่เพียงแต่แก้ไขปัญหาความข้องใจเรื่องข้อเรียกร้องให้เข้าสุหนัตเท่านั้น แต่พระกิตติคุณที่เปโตรและเปาโลสั่งสอนยังได้รับการสถาปนาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วย (ข้อ 6) บรรดาผู้นำในเยรูซาเล็มตระหนักดีว่า การเป็นอัครสาวกของเปาโลแบกรับสิทธิอำนาจทั้งหมดที่พระเจ้าประทานให้

เปโตรและคนอื่น ๆ ยอมรับเปาโล และตกลงแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ คืออาจารย์เปาโลสำหรับผู้ที่ไม่ใช่ยิว และเปโตรเพื่อชาวยิว พระกิตติคุณเดียวกันจะถูกส่งไปยังคนสองกลุ่มที่แตกต่างกันโดยคนที่แตกต่างกัน พวกเขาร่วมมือกันเพื่อให้เกิดภาพว่าข้อตกลงได้รับเกียรติ (ข้อ 7-9) นี่เป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับคริสตจักรยุคแรก

ทั้งสองฝ่ายมีการอภิปรายที่สมเหตุสมผลและมีรายละเอียดเกี่ยวกับความแตกต่างของพวกเขา เปาโลไม่ปล่อยตัวเองไปกับความตื่นตระหนก แม้ว่าคนที่เขาเคยพบจะ ‘เป็นเสาหลัก' (ข้อ 9) ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาตกลงกันได้! ยากอบน่าจะมาเป็นผู้นำของคริสตจักรในเยรูซาเล็ม เปโตร และยอห์นต่างก็เป็นสมาชิกวงในของพระเยซู

การอภิปรายมาสู่ข้อตกลงที่น่าพึงใจ ดูเหมือนว่า เปาโลจะประพฤติตนอย่างให้เกียรติและสุภาพ แทนที่จะแสดงด้านที่เป็นคนหัวรั้นด้วยความจดจ่อในพันธกิจพิเศษนี้ ท่านไม่ยอมให้มีการต่อต้านจากภายนอก หรือความท้อแท้มากดดันจากภายในมาหยุดเขาไว้จากการทำสิ่งที่ท่านได้รับการทรงเรียกให้ลงมือทำ

เงื่อนไขเดียวที่ผู้นำของคริสตจักรในเยรูซาเล็มกำหนดไว้ไม่สร้างปัญหาให้กับเปาโล: ‘นึกถึงคนจน’ (ข้อ 10) คริสตจักรต้องให้ความสำคัญกับคนจน และผู้ด้อยโอกาสในสังคมก่อนเสมอ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดประทานทักษะ การเจรจาเชื่อมความสัมพันธ์ และความกล้าหาญแก่ข้าพระองค์เหมือนกับที่อัครสาวกเปาโลมี ช่วยข้าพระองค์เช่นเดียวกับเปาโล ให้อ้าแขนรับมาทั้งคริสตจักรของพระเยซูคริสต์

พันธสัญญาเดิม

อิสยาห์ 36:1-37:38

เซนนาเคอริบข่มขู่เยรูซาเล็ม

 1ต่อมาในปีที่ 14 ของรัชกาลกษัตริย์เฮเซคียาห์ เซนนาเคอริบพระราชาของอัสซีเรียยกขึ้นมาต่อสู้เมืองมีป้อมทั้งหมดของยูดาห์ และยึดไว้ได้ 2แล้วพระราชาของอัสซีเรียทรงใช้รับชาเคห์ชื่อตำแหน่งข้าราชการอัสซีเรียจากเมืองลาคีชมาเข้าเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์ที่กรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับกองทัพใหญ่ และท่านมายืนอยู่ตรงรางระบายน้ำของสระบนที่ถนนลานซักฟอก 3เอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ผู้บัญชาการราชสำนักก็ออกมาหาท่าน พร้อมกับเชบนาราชเลขาและโยอาห์บุตรชายอาสาฟเจ้ากรมสารบรรณ
 4แล้วรับชาเคห์พูดกับพวกเขาว่า “จงบอกเฮเซคียาห์ว่า พระมหาราชาคือพระราชาของอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า ‘เจ้ามั่นใจเช่นนี้เพราะวางใจในสิ่งใด? 5เจ้าคิดว่า ลำพังถ้อยคำจากปากก็เป็นยุทธศาสตร์และแสนยานุภาพในสงครามได้หรือ? บัดนี้ เจ้ามั่นใจในตัวใคร เจ้าจึงได้กบฏต่อเรา? 6ดูสิ เวลานี้เจ้าพึ่งอียิปต์ซึ่งเป็นไม้เท้าอ้อช้ำ คนที่ใช้ไม้เท้านี้ก็จะถูกตำมือ ฟาโรห์พระราชาอียิปต์ก็จะเป็นเช่นนี้ต่อทุกคนที่พึ่งในตัวเขา 7แต่ถ้าเจ้าจะบอกเราว่า “พวกเรามั่นใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา” ก็ปูชนียสถานสูงและแท่นบูชาของพระองค์ไม่ใช่หรือที่เฮเซคียาห์รื้อทิ้ง? และเขากล่าวกับยูดาห์และเยรูซาเล็มว่า “ท่านทั้งหลายจงนมัสการหน้าแท่นบูชานี้” ’ 8บัดนี้ จงมาตกลงกับพระราชาอัสซีเรียเจ้านายของข้า และข้าจะให้ม้า 2,000 ตัวแก่เจ้าถ้าหากฝ่ายเจ้าหาคนที่จะขี่ม้าเหล่านั้นได้ 9แล้วเจ้าจะขับไล่นายกองที่เล็กที่สุดสักคนหนึ่งในพวกข้าราชการของเจ้านายข้าได้อย่างไร? และยังมั่นใจในอียิปต์สำหรับรถรบและพลม้าได้อย่างไร? 10ยิ่งกว่านั้น ข้ามาต่อสู้เพื่อทำลายแผ่นดินนี้โดยปราศจากพระยาห์เวห์หรือ? พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าว่า ‘จงขึ้นไปต่อสู้กับแผ่นดินนี้และทำลายเสีย’ ”
 11แล้วเอลียาคิม เชบนา และโยอาห์เรียนรับชาเคห์ว่า “ขอกรุณาพูดกับผู้รับใช้ของท่านเป็นภาษาอาราเมคเถิด เพราะเราเข้าใจภาษานั้น โปรดอย่าพูดกับเราเป็นภาษายูดาห์ให้ประชาชนที่อยู่บนกำแพงได้ยินเลย” 12แต่รับชาเคห์ว่า “เจ้านายของข้าใช้ข้ามาพูดถ้อยคำเหล่านี้กับเจ้านายของเจ้าและกับเจ้าเท่านั้น โดยไม่ให้พูดกับพวกนั่งอยู่บนกำแพงคือพวกที่ต้องกินขี้และกินเยี่ยวของเขาพร้อมกับพวกเจ้าเช่นนั้นหรือ? ”
 13แล้วรับชาเคห์ยืนขึ้นและร้องตะโกนเสียงดังเป็นภาษายูดาห์ว่า “จงฟังคำของพระมหาราชา คือพระราชาของอัสซีเรีย 14พระราชาตรัสดังนี้ว่า ‘อย่าให้เฮเซคียาห์หลอกลวงพวกเจ้า เพราะเขาไม่สามารถช่วยกู้พวกเจ้า 15และอย่าให้เฮเซคียาห์ทำให้เจ้าพึ่งในพระยาห์เวห์ โดยกล่าวว่า “พระยาห์เวห์จะทรงช่วยกู้เราแน่นอน พระยาห์เวห์จะไม่ทรงมอบเมืองนี้ไว้ในมือของพระราชาของอัสซีเรีย” ’ 16อย่าฟังเฮเซคียาห์เพราะพระราชาของอัสซีเรียตรัสดังนี้ว่า ‘จงยอมสงบศึกกับเราและออกมาหาเรา แล้วแต่ละคนจะได้กินจากเถาองุ่นของตน ทั้งได้กินจากต้นมะเดื่อของตน และแต่ละคนจะได้ดื่มน้ำจากที่เก็บน้ำของตน 17จนกว่าเราจะมา และจะนำเจ้าทั้งหลายไปยังแผ่นดินที่เหมือนแผ่นดินของเจ้าเอง คือแผ่นดินที่มีข้าวและเหล้าองุ่น แผ่นดินที่มีขนมปังและสวนองุ่น 18อย่าให้เฮเซคียาห์นำพาพวกเจ้าให้หลงผิดไปโดยกล่าวว่า “พระยาห์เวห์จะทรงช่วยกู้พวกเรา” มีพระองค์ไหนของแต่ละประชาชาติที่ช่วยกู้แผ่นดินของตนให้พ้นจากพระหัตถ์ของพระราชาของอัสซีเรียได้หรือ? 19พระของเมืองฮามัทและเมืองอารปัดอยู่ที่ไหน? พระของเมืองเสฟารวาอิมอยู่ที่ไหน? พวกเขาช่วยกู้สะมาเรียจากมือของเราได้หรือ? 20พระองค์ไหนในพวกพระทั้งหมดของดินแดนเหล่านี้ที่ช่วยกู้ดินแดนของตนจากมือของเราได้? แล้วพระยาห์เวห์จะช่วยกู้เยรูซาเล็มจากมือของเราได้หรือ?’ ”
 21แต่เขาทั้งหลายนิ่งเงียบ ไม่ตอบเขาสักคำเดียว เพราะพระบัญชาของกษัตริย์มีว่า “อย่าตอบโต้เขา” 22แล้วเอลียาคิมบุตรฮิลคียาห์ ผู้บัญชาการราชสำนัก เชบนาราชเลขา และโยอาห์บุตรอาสาฟ เจ้ากรมสารบรรณเข้าเฝ้าเฮเซคียาห์ด้วยเสื้อผ้าฉีกขาด และกราบทูลถ้อยคำของรับชาเคห์

เฮเซคียาห์ทรงปรึกษาอิสยาห์

 1เมื่อกษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงได้ยิน พระองค์ก็ฉีกฉลองพระองค์ และทรงเอาผ้ากระสอบผ้ากระสอบคลุมพระองค์ แล้วเสด็จเข้าในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 2และพระองค์ทรงใช้เอลียาคิม ผู้บัญชาการราชสำนัก เชบนาราชเลขา และบรรดาปุโรหิตอาวุโสคลุมตัวด้วยผ้ากระสอบไปหาอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะ บุตรชายของอามอส 3เขาทั้งหลายเรียนท่านว่า “เฮเซคียาห์ตรัสดังนี้ว่า ‘วันนี้เป็นวันทุกข์ใจ วันที่ถูกว่ากล่าวและวันอดสู เด็กถึงกำหนดคลอดแต่ไม่มีกำลังเบ่งให้คลอด 4บางทีพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสดับถ้อยคำของรับชาเคห์ ผู้ซึ่งพระราชาของอัสซีเรียเจ้านายของเขาส่งมาเยาะเย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ และพระองค์จะทรงกำราบบรรดาถ้อยคำซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงสดับแล้ว เพราะฉะนั้น ขอท่านถวายคำอธิษฐานเพื่อพวกที่เหลือของคนเหลืออยู่’ ”
 5เมื่อข้าราชการของกษัตริย์เฮเซคียาห์มาถึงอิสยาห์ 6อิสยาห์ก็บอกเขาทั้งหลายว่า “จงทูลเจ้านายของพวกท่านดังนี้ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘อย่ากลัวเพราะถ้อยคำที่เจ้าได้ยินนั้น ซึ่งข้าราชการของพระราชาของอัสซีเรียได้กล่าวหยาบช้าต่อเรา 7นี่แน่ะ เราจะใส่วิญญาณจิตแบบหนึ่งในตัวเขา เพื่อว่าเขาจะได้ยินข่าวลือแล้วกลับไปยังแผ่นดินของเขา และเราจะให้เขาล้มลงด้วยดาบในแผ่นดินของเขาเอง’ ”
 8รับชาเคห์กลับไปเพราะเขาได้ยินว่าพระราชาของอัสซีเรียออกจากลาคีชแล้ว และพบว่า พระราชาของอัสซีเรียสู้รบที่เมืองลิบนาห์ 9พระองค์ทรงได้ยินรายงานเกี่ยวกับทีรหะคาห์พระราชาของคูชว่า “เขาได้ออกมาสู้รบกับพระองค์แล้ว” และเมื่อพระองค์ทรงสดับแล้ว จึงส่งผู้สื่อสารไปเฝ้าเฮเซคียาห์โดยตรัสว่า 10“พวกเจ้าจงพูดดังนี้กับเฮเซคียาห์พระราชาของยูดาห์ว่า ‘อย่าให้พระเจ้าของเจ้าซึ่งเจ้าเชื่อมั่นนั้นหลอกลวงเจ้าว่า “เยรูซาเล็มจะไม่ถูกมอบไว้ในมือพระราชาของอัสซีเรีย” 11ดูสิ เจ้าได้ยินแล้วว่าบรรดาพระราชาของอัสซีเรียได้ทำอะไรกับดินแดนทุกแห่ง คือได้ทำลายอย่างสิ้นเชิง แล้วเจ้าจะได้รับการช่วยกู้หรือ? 12พวกพระของประชาชาติทั้งหลายที่บรรพบุรุษของเราได้ทำลายนั้นช่วยกู้พวกเขาได้หรือ? คือโกซาน ฮาราน เรเซฟ และชาวเอเดนที่อยู่ในเทลอัสสาร์ 13พระราชาของฮามัท พระราชาของอารปัด พระราชาของเมืองเสฟารวาอิม เฮนาและอิฟวาห์อยู่ที่ไหนแล้ว?’ ”

คำอธิษฐานของเฮเซคียาห์

 14เฮเซคียาห์ทรงรับจดหมายจากมือผู้สื่อสาร และทรงอ่าน แล้วเฮเซคียาห์ทรงขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และทรงคลี่จดหมายนั้นออกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 15และเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า 16“ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าของอิสราเอล ผู้ประทับเหนือเหล่าเครูบ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของบรรดาราชอาณาจักรแห่งแผ่นดินโลก คือพระองค์แต่เพียงองค์เดียว พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 17ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเงี่ยพระกรรณสดับ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเบิกพระเนตรและทรงมองดู และขอทรงฟังบรรดาถ้อยคำของเซนนาเคอริบ ซึ่งเขาส่งมาเยาะเย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ 18ข้าแต่พระยาห์เวห์ เป็นความจริงที่บรรดาพระราชาของอัสซีเรียได้ทำให้ประเทศทั้งสิ้นและแผ่นดินของพวกเขานั้นร้างเปล่า 19และได้เหวี่ยงพระทั้งหลายของเขาเข้าไปในไฟ เพราะพวกนั้นไม่ใช่พระเจ้า เป็นแต่ผลงานของมือมนุษย์ที่เป็นไม้และหิน ดังนั้นพวกนั้นจึงถูกทำลายไป 20บัดนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้พ้นมือของเขา เพื่อราชอาณาจักรทั้งหมดของแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระองค์แต่เพียงองค์เดียวทรงเป็นพระยาห์เวห์”ฉบับทะเลตายว่า พระยาห์เวห์แต่เพียงองค์เดียวคือพระเจ้า
 21แล้วอิสยาห์บุตรอามอสส่งข่าวถึงเฮเซคียาห์ทูลว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเราถึงเรื่องเซนนาเคอริบพระราชาของอัสซีเรีย’ 22ต่อไปนี้เป็นพระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสต่อสู้เขาว่า

‘ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน
 ดูถูกเจ้า และเย้ยหยันเจ้า
ธิดาของเยรูซาเล็ม
 สั่นศีรษะตามหลังใส่เจ้า
23‘เจ้าเยาะเย้ยและกล่าวหยาบช้าต่อใคร?
 เจ้าขึ้นเสียงของเจ้าต่อผู้ใด?
และเบิ่งตาของเจ้าอย่างเย่อหยิ่ง
 ต่อองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอล
24เจ้าเยาะเย้ยองค์เจ้านายโดยพวกคนใช้ของเจ้า
 และเจ้าพูดว่า “ด้วยรถรบจำนวนมากของข้า
ข้าได้ขึ้นยังที่สูงของภูเขาทั้งหลาย
 ไปถึงที่ไกลสุดของเลบานอน
ข้าโค่นต้นสนสีดาร์สูงที่สุดของมันลง
 ทั้งต้นสนสามใบที่ดีที่สุดของมัน
ข้าเข้าไปถึงยอดสูงสุดของมัน
 ไปยังป่าทึบที่สุดของมัน
25ข้าขุดบ่อ
 และดื่มน้ำ
และด้วยฝ่าเท้าของข้า
 ข้าจะทำให้ธารน้ำทั้งหมดของอียิปต์แห้งไป”
26‘เจ้าไม่ได้ยินหรือว่า
 เรากะการไว้นานแล้ว?
เราวางแผนไว้แต่ดึกดำบรรพ์
 และบัดนี้เราทำให้มันเป็นไปแล้ว
คือเจ้าทำให้เมืองที่มีป้อมพังลง
 กลายเป็นกองสิ่งปรักหักพัง
27ส่วนมือไม้ของชาวเมืองก็หมดเรี่ยวแรง
 พวกเขาท้อแท้และอับอาย
และกลายเป็นเหมือนพืชที่ทุ่งนา
 และเหมือนหญ้าอ่อน
เหมือนหญ้าบนยอดหลังคาบ้าน
 ถูกเผาเกรียม
28‘แต่เรารู้จักการที่เจ้านั่งลง
 กับการที่เจ้าออกไปและเข้ามา
 และการที่เจ้าเกรี้ยวกราดต่อเรา
29เพราะเจ้าเกรี้ยวกราดต่อเรา
 และความจองหองของเจ้ามาเข้าหูเรา
ฉะนั้น เราจะเอาขอของเราเกี่ยวจมูกเจ้า
 และเอาบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า
แล้วเราจะหันเจ้ากลับไปตามทาง
 ที่เจ้าเข้ามานั้น’

 30“และนี่จะเป็นหมายสำคัญแก่ท่าน คือปีนี้ท่านจะกินสิ่งที่งอกขึ้นเอง และในปีที่สองสิ่งที่ผลิออกจากที่เดิม แล้วในปีที่สาม จงหว่าน แล้วเกี่ยว และจงทำสวนองุ่นและกินผลของมัน 31ส่วนพวกรอดตายของคนที่เหลืออยู่แห่งเชื้อวงศ์ยูดาห์นั้น จะหยั่งรากลงล่าง และเกิดผลขึ้นบน 32เพราะว่าคนที่เหลืออยู่จะออกไปจากเยรูซาเล็ม และคนที่หนีรอดจะออกมาจากภูเขาศิโยน ความกระตือรือร้นของพระยาห์เวห์จอมทัพจะทรงทำการนี้
 33“เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับพระราชาของอัสซีเรียดังนี้ว่า ‘เขาจะไม่เข้ามาในนครนี้หรือยิงลูกธนูไปที่นั่น หรือถือโล่เข้ามาข้างหน้านครหรือสร้างเชิงเทินต่อสู้มัน 34เขามาทางไหน เขาจะต้องกลับไปทางนั้น เขาจะไม่เข้ามาในนครนี้ ’ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ 35‘และเราจะป้องกันนครนี้ไว้เพื่อช่วยให้รอด เพื่อเห็นแก่เราเอง และเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา’ ”

เซนนาเคอริบพ่ายแพ้และสิ้นพระชนม์

 36ทูตของพระยาห์เวห์ออกไป และประหารคนในค่ายของคนอัสซีเรีย 185,000 คน และถึงเวลาเช้ามืดเมื่อคนตื่นขึ้น ดูสิ พวกเหล่านั้นกลายเป็นศพทั้งหมด 37แล้วเซนนาเคอริบพระราชาของอัสซีเรียก็ยกทัพไป และกลับบ้าน แล้วอาศัยอยู่ในกรุงนีนะเวห์ 38ต่อมาเมื่อพระองค์นมัสการในพระนิเวศของพระนิสโรคเทพเจ้าของพระองค์ อัดรัมเมเลค และชาเรเซอร์ พระราชโอรสของพระองค์ก็ประหารพระองค์ด้วยดาบ แล้วหนีไปยังแผ่นดินอารารัต และเอสารฮัดโดนพระราชโอรสของพระองค์ก็ขึ้นครองแทน

อรรถาธิบาย

นำสถานการณ์ที่ 'เป็นไปไม่ได้' มาสู่พระเจ้า

คุณเคยถูกเย้ยหยันหรือกลั่นแกล้งเพราะความเชื่อในพระเจ้าหรือไม่? ‘คุณคิดว่าพระเจ้าอยู่กับคุณจริงๆหรือ' คนพูดกันไหมว่า ‘ไม่ใช่แค่เพื่อนในจินตนาการของคุณหรือ?’ ‘คุณคิดว่าการวางใจในพระเจ้าจะทำให้เกิดสิ่งดี ๆ ขึ้นแก่คุณหรือ?’ นี่เป็นวิธีที่ผู้คนของพระเจ้าถูกเย้ยหยันตลอดประวัติศาสตร์

ผู้คนของพระเจ้าเผชิญกับการโจมตีที่ไม่คาดคิด นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ปรากฏในพระคัมภีร์สามครั้ง (ดู 2 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 18; 2 พงศาวดาร บทที่ 32) เซนนาเคอริบ กษัตริย์แห่งอัสซีเรียกำลังโจมตีกรุงเยรูซาเล็มด้วยกองทัพขนาดใหญ่ ลูกน้องของเขาเย้ยหยันผู้คนว่า 'เจ้ามั่นใจเช่นนี้เพราะวางใจในสิ่งใด' (อิสยาห์ 36:4) พวกพวกเขาถูกเย้ยหยันและถูกมองว่าไร้สาระเพราะความเชื่อในพระเจ้า

ดูเหมือนว่าจะเป็นสถานการณ์ที่เป็นไปไม่ได้ ไม่มีใครเคยได้รับความช่วยเหลือจาก ‘พระหัตถ์ของพระราชาของอัสซีเรีย’ (ข้อ 18) แต่พวกเขาไม่ตอบคำเยาะเย้ย บางครั้งการตอบสนองที่ดีที่สุดต่อการวิพากษ์วิจารณ์คือการรักษาความเงียบไว้ด้วยท่าทีสง่างาม ‘แต่เขาทั้งหลายนิ่งเงียบ ไม่ตอบเขาสักคำเดียว เพราะพระบัญชาของกษัตริย์มีว่า “อย่าตอบโต้เขา”’ (ข้อ 21)

กษัตริย์เฮเซคียาห์ทรงตอบโต้วิกฤติด้วยการฉีกฉลองพระองค์ ทรงนุ่งห่มผ้ากระสอบ แล้วเสด็จเข้าไปในพระวิหารขององค์พระผู้เป็นเจ้า (บทที่ 37 ข้อ 1) ทรงส่งตัวเองไปหาผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ เฮเซคียาห์ตรัสว่า 'วันนี้เป็นวันมืดมน เราอยู่ในภาวะวิกฤต’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เฮเซคียาห์ขอให้อิสยาห์อธิษฐานให้ (ข้อ 4)

อิสยาห์ตอบโดยกล่าวว่าถ้อยคำของพระเจ้าคือ ‘อย่าเสียใจกับถ้อยคำที่เจ้าได้ยิน... เราจะดูแลเขาเป็นการส่วนตัว' (ข้อ 6–7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เมื่อเฮเซคียาห์ได้รับจดหมายขู่ ก็ขึ้นไปที่พระนิเวศของพระเจ้า ‘ทรงคลี่จดหมายนั้นออกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมทัพ... พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของบรรดาราชอาณาจักรแห่งแผ่นดินโลก คือพระองค์แต่เพียงองค์เดียว พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเงี่ยพระกรรณสดับ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเบิกพระเนตรและทรงมองดู และขอทรงฟังบรรดาถ้อยคำของเซนนาเคอริบ ซึ่งเขาส่งมาเยาะเย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์... ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้พ้นมือของเขา เพื่อราชอาณาจักรทั้งหมดของแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระองค์แต่เพียงองค์เดียวทรงเป็นพระยาห์เวห์”’ (ข้อ 14– 20)

อิสยาห์ให้ข้อความกับเฮเซคียาห์ว่า ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า: เพราะเจ้าได้อธิษฐานต่อเรา... เราจะป้องกันนครนี้ไว้เพื่อช่วยให้รอด เพื่อเห็นแก่เราเอง และเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา!”’ (ข้อ 21,35)

พระเจ้าได้ยินคำอธิษฐานของเฮเซคียาห์และอิสยาห์ พระองค์ทรงช่วยกู้และช่วยนำให้พ้นภัย (ข้อ 36–38)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ชื่อของพระเยซูไม่ได้รับเกียรติในสังคมของเราอีกต่อไป พระองค์โปรดเถิด เทวิญญาณแห่งการอธิษฐาน และการวิงวอนมาเหนือประชากรของพระองค์ เพื่อที่พวกข้าพระองค์จะหันไปหาพระองค์ในการอธิษฐาน สดับเสียงทูลอธิษฐานของพวกข้าพระองค์ และช่วยนำพวกข้าพระองค์ให้พ้นภัยในยามวิกฤตนี้

เพิ่มเติมโดยพิพพา

กาลาเทีย 2:10

‘ท่านเหล่านั้นขอแต่เพียงให้เรานึกถึงคนจน ซึ่งเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าทำอย่างกระตือรือร้นอยู่แล้ว’

ฉันก็ต้องการที่จะนึกถึงคนยากจนเช่นกัน แต่บางครั้งฉันก็รู้สึกหนักใจเกินกว่าจะรู้ว่าต้องทำอะไร หรือมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการออกไปท่องเที่ยวกับใครซักคน แต่เราต้องไม่ปล่อยปละละเลย อย่างที่พระคัมภีร์กล่าวไว้ ให้ระลึกถึงคนยากจนอยู่เสมอ

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม