วัน 274

เด้งกลับคืน

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 115:1-11
พันธสัญญาใหม่ ฟีลิปปี 1:27-2:11
พันธสัญญาเดิม เยเรมีย์ 1:1-2:30

เกริ่นนำ

หนึ่งในคำพยานหลาย ๆ เรื่องซึ่งขับเคลื่อนและทรงพลังที่สุดที่ผมเคยพบ คือเรื่องราวของผู้หญิงที่เป็นอดีตผู้ค้าบริการทางเพศ คนติดยา และนักค้ายา เธอเล่าด้วยคำพูดของเธอเองว่าเธอมาถึงจุดที่เธอ ‘ตาย’ ไปแล้ว เธอบอกว่า ‘เลือดของเธอเป็นสีดำ’ และ ‘หัวใจของเธอเป็นสีดำ’ เธอเล่าว่าเธอมาเข้าร่วมหลักสูตรอัลฟ่าได้อย่างไรและได้ยินว่าพระเยซูทรงรักเธอมากจนพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อเธอ เธออธิบายว่า ‘หินคอนกรีต’ ในใจของเธอพังทลายลงอย่างไร เธอสัมผัสได้ถึงความรักที่พระเจ้ามีต่อเธอเป็นครั้งแรก ตอนนี้เธอเต็มไปด้วยความรักต่อทุกคน ให้อภัยผู้ที่ทำร้ายเธอ และเปล่งประกายความรักของพระคริสต์

หลังจากที่เธอให้คำพยานอันน่าตะลึงต่อที่ประชุม ผมก็ขึ้นไปขอบคุณเธอและบอกว่าคำพยานนั้นมีพลังพิเศษเพียงใด เธอตอบว่า ‘ฉันต้องเด้งคืนกลับไป’ ผมไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร ผมขอให้เธออธิบาย เธอกล่าวว่า ‘ทั้งหมดนี้เป็นพระคุณของพระองค์ ฉันต้องการนำพระเกียรติสิริเด้งกลับคืนไปสู่พระองค์!’ เธอมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับพระคุณ พระสิริ และความหมายของการเป็นเหมือนพระคริสต์

เนื้อหาเกี่ยวกับ ‘พระสิริ' อยู่ในการอ่านแต่ละตอนของวันนี้ (สดุดี 115:1; ฟิลิปปี 2:11; เยเรมีย์ 2:11) เราจะเห็นว่าทำไม อย่างไร และเมื่อไร จึงจะถวายเกียรติคืนสู่พระเจ้า

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 115:1-11

ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า กับความอ่อนแอของรูปเคารพ

1พระเกียรตินี้มิใช่มีแก่เหล่าข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ มิใช่มีแก่เหล่าข้าพระองค์เลย แต่แด่พระนามของพระองค์
เนื่องจากความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์
2ทำไมบรรดาประชาชาติจะกล่าวว่า
 “พระเจ้าของเขาทั้งหลายอยู่ไหนเล่า?”
3พระเจ้าของเราทั้งหลายอยู่ในฟ้าสวรรค์
 สิ่งใดที่พอพระทัย พระองค์ก็ทรงกระทำ
4รูปเคารพของคนเหล่านั้นเป็นเงินและทองคำ
 เป็นผลงานของมือมนุษย์
5รูปเหล่านั้นมีปาก แต่พูดไม่ได้
 มีตา แต่ดูไม่ได้
6มีหู แต่ฟังไม่ได้
 มีจมูก แต่ดมไม่ได้
7มีมือ แต่คลำไม่ได้
 มีเท้า แต่เดินไม่ได้
 รูปเหล่านั้นทำเสียงในคอไม่ได้
8ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเหล่านั้น
 ทุกคนที่วางใจในรูปเหล่านั้นก็เช่นกัน
9อิสราเอลเอ๋ย จงวางใจในพระยาห์เวห์เถิด
 พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์และเป็นโล่ของเขาทั้งหลาย
10วงศ์วานอาโรนเอ๋ย จงวางใจในพระยาห์เวห์เถิด
 พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์และเป็นโล่ของเขาทั้งหลาย
11ท่านผู้ยำเกรงพระยาห์เวห์เอ๋ย จงวางใจในพระยาห์เวห์เถิด
 พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์และเป็นโล่ของเขาทั้งหลาย

อรรถาธิบาย

ทำไมต้องถวายเกียรติพระเจ้า?

เมื่อผู้คนยกย่อง จอห์น วิมเบอร์ เพราะคำบรรยายที่เขาขึ้นกล่าวหรือการรักษาผ่านทางพันธกิจของเขา เขาเคยพูดไว้ว่า ‘ผมจะรับเอาการหนุนจิตชูใจ แต่ผมจะส่งต่อพระสิริออกไป’

ผู้เขียนพระธรรมสดุดีให้ตัวอย่างที่ดีแก่เราในการมอบพระสิริหรือถวายกลับคืนสู่พระเจ้า ผู้เขียนพระธรรมสดุดีเริ่มต้นว่า ‘พระเกียรตินี้มิใช่มีแก่เหล่าข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ มิใช่มีแก่เหล่าข้าพระองค์เลย แต่แด่พระนามของพระองค์ เนื่องจากความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์ของพระองค์’ (ข้อ 1) เขาให้เหตุผลสองประการว่าทำไมคุณจึงควรสรรเสริญและนมัสการพระเจ้า

ประการแรก เนื่องจากประสบการณ์ของเราเกี่ยวกับ ‘ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์' ของพระเจ้า (ข้อ 1ข) การนมัสการเป็นการตอบสนองต่อสิ่งที่พระเจ้าทำเพื่อคุณ ถวายพระสิริทั้งหมดแก่พระองค์

ประการที่สอง เนื่องจากคุณเป็นเหมือนสิ่งที่คุณเคารพบูชา: ‘ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเหล่านั้น

ทุกคนที่วางใจในรูปเหล่านั้นก็เช่นกัน’ (ข้อ 8) ดังนั้น หากเราบูชารูปเคารพ เราก็จะกลายเป็นคนไร้ชีวิตโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถทำอะไรได้ การกระทำต่าง ๆ ไม่มีค่าใด ๆ

จงวางใจในพระเจ้าผู้ทรงเป็น ‘ผู้อุปถัมภ์และเป็นโล่’ ของคุณ (ข้อ 9–11) ทุกวันนี้ พวกเราหลายคนได้รับการ ‘ปกป้อง’ สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้เราดำเนินชีวิตอย่างฉลาดและเชื่อในพระเจ้าและนมัสการพระองค์ แล้วคุณจะกลายเป็นเหมือนพระองค์ คุณจะเปลี่ยนไปเป็นพระฉายของพระองค์และรับความสมบูรณ์แห่งชีวิต

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ผู้อุปถัมภ์และเป็นโล่ของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์ได้สัมผัสถึงความรักและความสัตย์ซื่อของพระองค์มากขึ้น ให้ ‘เด้งกลับคืน’ และถวายพระสิริทั้งหมดแด่พระองค์

พันธสัญญาใหม่

ฟีลิปปี 1:27-2:11

 27ขอเพียงให้พวกท่านดำเนินชีวิตสมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์ เพื่อที่ว่าไม่ว่าข้าพเจ้าจะมาหาและได้เห็นหน้าท่าน หรือไม่มาหา ข้าพเจ้าก็จะได้ยินข่าวเกี่ยวกับพวกท่านว่า ท่านยืนหยัดมั่นคงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมกันสู้ด้วยจิตใจเดียวกันเพื่อความเชื่อที่มาจากข่าวประเสริฐ 28และท่านไม่เกรงกลัวพวกที่ขัดขวางเลย สิ่งนี้เป็นหลักฐานแห่งความพินาศต่อพวกเขา แต่เป็นหลักฐานแห่งความรอดของพวกท่าน และการดังกล่าวมาจากพระเจ้า 29เพราะพระเจ้าทรงให้พระคุณแก่ท่านเพราะเห็นแก่พระคริสต์ ไม่ใช่ให้ท่านทั้งหลายเชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่ให้ทนทุกข์ยากเพราะเห็นแก่พระองค์ด้วย 30คือพวกท่านก็มีการสู้รบเหมือนอย่างที่ท่านเคยเห็นมาแล้วในตัวข้าพเจ้า และได้ยินในเวลานี้ว่าข้าพเจ้ากำลังสู้รบอยู่

ฟีลิปปี 2

การถ่อมใจของคริสตชนและการถ่อมพระทัยของพระคริสต์

 1เพราะฉะนั้น ในเมื่อมีความชูใจในความสัมพันธ์กับพระคริสต์ มีการปลอบโยนจากความรัก มีการสามัคคีธรรมกันจากพระวิญญาณ และมีความเห็นใจกันและความเมตตากรุณา 2ก็ขอให้ท่านทั้งหลายทำให้ความยินดีของข้าพเจ้าเต็มเปี่ยม ด้วยการมีความคิดอย่างเดียวกัน มีความรักอย่างเดียวกัน มีจิตใจและความคิดเป็นหนึ่งเดียวกัน 3อย่าทำสิ่งใดด้วยการชิงดีหรือถือดี แต่จงถือว่าคนอื่นดีกว่าตัวด้วยใจถ่อม 4อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆ ด้วย 5จงมีจิตใจเช่นนี้ในพวกท่านเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ 6ผู้ทรงสภาพเป็นพระเจ้า ไม่ทรงถือว่าความทัดเทียมกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่จะต้องยึดไว้ 7แต่ทรงสละพระองค์เองและทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และทรงปรากฏอยู่ในสภาพมนุษย์ 8พระองค์ทรงถ่อมตัวลง ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งมรณาบนกางเขน 9เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงยกพระองค์ขึ้นสูงสุด และประทานพระนามเหนือนามทั้งหมดแก่พระองค์ 10เพื่อที่ว่าเพราะพระนามของพระเยซูนั้น ทุกชีวิตภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ทุกเข่าในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก และใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกเข่าลงกราบพระองค์ 11และเพื่อที่ว่าทุกลิ้นจะยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา

อรรถาธิบาย

วิธีถวายเกียรติพระเจ้า

เปาโลอธิบายวิธีที่คุณสามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้า ด้วยการเปลี่ยนแปลงมาเป็นเหมือนพระเยซู ‘คิดถึงตัวเองอย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงคิดเกี่ยวกับตัวพระองค์เอง' (2:5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ให้เรามีท่าที่เหมือนพระเยูเพราะเห็นแก่ ‘พระนามของพระเยซู’ (ข้อ 10) และ ‘การถวายพระเกียรติ’ (ข้อ 11)

ดำเนินชีวิต ‘สมกับข่าวประเสริฐของพระคริสต์’ (1:27) ไม่เพียงแต่ที่จะเชื่อในพระเยซูเท่านั้น แต่ยังต้องทนทุกข์และดิ้นรนเพื่อพระองค์ด้วย (ข้อ 29-30)

เมื่อเผชิญการต่อต้านจากคนหรือเหตุการณ์ใดก็ตาม ให้เรา ‘ยืนหยัด' (ข้อ 27) ในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเพื่อต้านการต่อสู้และการจู่โจมทั้งหมดที่คุณต้องเผชิญ ภาษาที่เปาโลใช้เป็นดั่ง phalanx คือการตั้งกระบวนทัพ ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการทหารที่น่าเกรงขามที่สุดในสมัยโบราณ ด้วยโล่และหอกด้านหน้า ทหารยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ในกระบวนท่าแถวตอนลึกแปดคน ตราบใดที่พวกเขาไม่ทำลายตำแหน่งการยืน พวกเขาก็แทบจะอยู่ยงคงกระพัน

'ยืนหยัด เป็นหนึ่งเดียวในนิมิต ต่อสู้เพื่อความไว้วางใจของผู้คนในพระคำ ในข่าวประเสริฐ ไม่สะดุ้งหรือหลบเลี่ยงแม้แต่น้อยต่อหน้าผู้คัดค้าน ความกล้าหาญและความสามัคคีของท่านจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าพวกท่านกำลังต่อสู้กับอะไร พ่ายแพ้เพื่อพวกเขา ชัยชนะสำหรับตัวท่าน และทั้งสองอย่างก็เพราะพระเจ้า’ (ข้อ 27–28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ท่าทีที่เหมือนกับพระคริสต์เป็นกุญแจสู่ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความแตกแยกในคริสตจักรจะเบี่ยงเบนจาก ‘ความยินดี’ ของอาจารย์เปาโล (2:2) ความแตกแยกมักมาจาก ‘การชิงดีหรือถือดี’ (ข้อ 3ก) สิ่งสำคัญคือต้องพิจารณาผู้อื่นดีกว่าตัวเอง (ข้อ 3ข) ไม่เพียงแต่คำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเองเท่านั้น แต่ให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้อื่นด้วย (ข้อ 4)

‘อย่าดันเอาวิธีการของท่านไปด้านหน้า อย่าพูดจาไพเราะในแบบของท่านเพื่อไปอยู่เหนือกว่า วางตัวเองไว้ข้างหนึ่งและช่วยให้ผู้อื่นก้าวไปข้างหน้า อย่าหมกมุ่นกับการทำให้ตัวเองได้เปรียบ ลืมตัวเองให้นานพอที่จะยื่นมือช่วยเหลือ’ (ข้อ 3–4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณต้องมีท่าทีแบบเดียวกับพระเยซู ผู้ทรงละทิ้งสถานภาพของพระองค์จริง ๆ สถานภาพทางกฎหมาย และทางสังคม พระองค์ทรง ‘สละพระองค์เอง’ พระองค์ทรงรับ ‘ทรงรับสภาพทาส… พระองค์ทรงถ่อมตัวลง’ และ ‘ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งมรณาบนกางเขน’ (ข้อ 7–8) พระองค์เดินบนเส้นทางของการเคลื่อนตัวต่ำลงไป การปรนนิบัติอย่างถ่อมตน และรักอย่างไม่เห็นแก่ตัว หากคุณกังวลเกี่ยวกับสถานะต่าง ๆ นานาของคุณ จำไว้ว่าพระเยซูทรงทำให้พระองค์เองต่ำต้อยเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้

และในที่สุด ‘เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงยกพระองค์ขึ้นสูงสุด และประทานพระนามเหนือนามทั้งหมดแก่พระองค์ เพื่อที่ว่าเพราะพระนามของพระเยซูนั้น ทุกชีวิตในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก และใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกเข่าลงกราบพระองค์ และเพื่อที่ว่าทุกลิ้นจะยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา’ (ข้อ 9–11)

นี่คือวิธีที่คุณสามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้า โดยการติดตามพระคริสต์ในปรนนิบัติอย่างถ่อมตนและรักอย่างไม่เห็นแก่ตัว

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์มีท่าทีแบบเดียวกับพระเยซู ช่วยข้าพระองค์ไปตามทางที่นำพระสิริมาสู่พระเจ้า พระบิดา ช่วยข้าพระองค์เสมอเพื่อถวายเกียรติกลับมาหาพระองค์

พันธสัญญาเดิม

เยเรมีย์ 1:1-2:30

 1ถ้อยคำของเยเรมีย์บุตรของฮิลคียาห์ เยเรมีย์เป็นหนึ่งในหมู่ปุโรหิต อยู่เมืองอานาโธทในแผ่นดินของเผ่าเบนยามิน 2พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงเยเรมีย์ในรัชกาลของโยสิยาห์ โอรสของอาโมน กษัตริย์แห่งยูดาห์ในปีที่ 13 แห่งการครองราชย์ของพระองค์ 3และมีมาในรัชกาลของเยโฮยาคิม โอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ จนถึงสิ้นปีที่ 11 แห่งรัชกาลเศเดคียาห์ โอรสของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ เมื่อมีการกวาดชาวกรุงเยรูซาเล็มไปเป็นเชลยในเดือนที่ห้า

การทรงเรียกและพระบัญชามาถึงเยเรมีย์

4พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงข้าพเจ้าว่า
5“เราได้รู้จักเจ้าก่อนที่เราได้ก่อร่างตัวเจ้าขึ้นในครรภ์
 และก่อนที่เจ้าคลอดจากครรภ์ เราก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้
 เราได้แต่งตั้งเจ้าเป็นผู้เผยพระวจนะแก่บรรดาประชาชาติ”
 6แล้วข้าพเจ้าก็กราบทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย ดูเถิด ข้าพระองค์พูดไม่เป็นเพราะข้าพระองค์เป็นเด็ก” 7แต่พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อย่าพูดว่าเจ้าเป็นเด็ก
 เพราะเจ้าต้องไปหาทุกคนที่เราใช้ให้เจ้าไป
 และทุกสิ่งที่เราบัญชาเจ้า เจ้าต้องพูด
8อย่ากลัวพวกเขาเลย
 เพราะเราอยู่กับเจ้า เพื่อช่วยกู้เจ้า”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
9แล้วพระยาห์เวห์เหยียดพระหัตถ์สัมผัสปากข้าพเจ้า และพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า
 “นี่แน่ะ เราเอาถ้อยคำของเราใส่ในปากของเจ้า
10ดูสิ วันนี้เราได้ตั้งเจ้าไว้เหนือบรรดาประชาชาติ และเหนือราชอาณาจักรทั้งหลาย
 ให้ถอนรากและให้รื้อลง
ให้ทำลายและให้ล้มล้าง
 ให้สร้างและให้ปลูก”
 11และพระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงข้าพเจ้าว่า “เยเรมีย์เอ๋ย เจ้าเห็นอะไร?” ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าพระองค์เห็นกิ่งของต้นอัลมอนด์” 12แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเห็นถูกต้องแล้ว เพราะเราเฝ้าดูถ้อยคำของเรา เพื่อจะทำให้สำเร็จ”
 13พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงข้าพเจ้าครั้งที่สองว่า “เจ้าเห็นอะไร?” ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าพระองค์เห็นหม้อใบหนึ่งกำลังเดือดอยู่ ปากหม้อเทมาจากทางทิศเหนือ” 14แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เหตุร้ายจะปะทุจากทิศเหนือมาเหนือชาวแผ่นดินนี้ทั้งสิ้น 15เพราะนี่แน่ะ เรากำลังร้องเรียกทุกตระกูลแห่งบรรดาราชอาณาจักรทิศเหนือ” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “พวกเขาจะมา และต่างก็จะวางบัลลังก์ของตนไว้ตรงทางเข้าประตูกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อสู้กับกำแพงที่ล้อมรอบ และสู้กับเมืองทั้งสิ้นของยูดาห์ 16และเราจะกล่าวคำพิพากษาของเราต่อคนในเมืองเหล่านั้น เพราะความชั่วร้ายของพวกเขาที่ได้ทอดทิ้งเรา และได้เผาเครื่องหอมบูชาพระอื่นๆ และนมัสการสิ่งที่มือของตนได้ทำไว้ 17ส่วนเจ้าจงคาดเอวของเจ้า แล้วลุกขึ้นไปบอกพวกเขาถึงทุกสิ่งที่เราบัญชาเจ้าไว้นั้น อย่าตกใจกลัวพวกเขา มิฉะนั้นเราจะทำให้เจ้าตกใจกลัวต่อหน้าพวกเขา 18ส่วนเรา นี่แน่ะ วันนี้เราทำให้เจ้าเป็นเมืองมีป้อมเป็นเสาเหล็ก และเป็นกำแพงทองสัมฤทธิ์ เพื่อจะสู้กับแผ่นดินทั้งหมด สู้กับบรรดากษัตริย์แห่งยูดาห์ สู้กับเจ้านาย สู้กับปุโรหิต และสู้กับราษฎรในแผ่นดิน 19พวกเขาจะต่อสู้กับเจ้า แต่จะไม่ชนะเจ้า เพราะเราอยู่กับเจ้า เพื่อจะช่วยกู้เจ้าไว้” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ

เยเรมีย์ 2

พระเจ้าทรงเรียกร้องอิสราเอลให้กลับใจ

1พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงข้าพเจ้าว่า 2“จงไปประกาศกรอกหูชาวกรุงเยรูซาเล็มว่า
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
เรายังจำความจงรักภักดีในวัยสาวของเจ้าได้
 ความรักของเจ้าตอนเป็นเจ้าสาว
เจ้าตามเราไปในถิ่นทุรกันดาร
 ในดินแดนที่ไม่ได้หว่านพืช
3อิสราเอลนั้นบริสุทธิ์ต่อพระยาห์เวห์
 คือเป็นผลิตผลรุ่นแรกของพระองค์
ทุกคนที่กินผลนั้นก็ผิด
 เหตุร้ายจึงมาถึงพวกเขา
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ”
4จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ เชื้อสายของยาโคบและทุกตระกูลในเชื้อสายของอิสราเอลเอ๋ย 5พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
 “บรรพบุรุษของเจ้าพบความผิดอะไรในเราเล่า?
เขาจึงห่างเหินจากเรา
 และไปติดตามสิ่งไร้ค่า และได้กลายเป็นสิ่งไร้ค่า
6เขาทั้งหลายไม่ได้กล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ทรงอยู่ที่ไหน
 ผู้ได้ทรงพาเราขึ้นมาจากแผ่นดินอียิปต์
ผู้ได้ทรงนำเราในถิ่นทุรกันดาร
 ในดินแดนแห้งแล้งและหลุมบ่อ
ในแดนที่แห้งแล้งและมืดทึบ
 ในแผ่นดินที่ไม่มีใครผ่านไปได้
 และไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ที่นั่น?’
7และเราได้พาพวกเจ้าเข้ามาในแผ่นดินที่มีเรือกสวนไร่นา
 เพื่อรับประทานผลไม้และบรรดาสิ่งที่ดี
แต่เมื่อเจ้าเข้ามา เจ้าได้ทำให้แผ่นดินของเราเป็นมลทิน
 และทำให้มรดกของเราเป็นสิ่งน่ารังเกียจ
8พวกปุโรหิตไม่ได้กล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ทรงอยู่ที่ไหน?’
 คนเหล่านั้นที่เชี่ยวชาญธรรมบัญญัติไม่รู้จักเรา
บรรดาผู้ปกครองก็ทรยศต่อเรา
 พวกผู้เผยพระวจนะได้เผยพระวจนะโดยพระบาอัล
และติดตามสิ่งไร้ประโยชน์
9“เพราะฉะนั้น เราจึงยังคงโต้แย้งกับเจ้า”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
“เราจะโต้แย้งกับลูกหลานของเจ้า
10จงข้ามไปยังฝั่งเกาะไซปรัสแล้วมองดู
 หรือใช้คนไปยังเมืองเคดาร์ แล้วให้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน
 ดูว่าเคยมีอย่างนี้บ้างไหม
11มีชนชาติใดเคยเปลี่ยนพระของตน
 แม้ว่าพระเหล่านั้นไม่ได้เป็นพระ?
แต่ประชากรของเราได้เอาศักดิ์ศรีของเขา
 แลกกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
12โอ ฟ้าสวรรค์
 จงตกตะลึงด้วยสิ่งนี้ จงสยดสยองและจงร้างเปล่า”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
13“เพราะว่าประชากรของเราได้ทำความชั่วถึงสองประการ
 เขาได้ทอดทิ้งเรา
ซึ่งเป็นน้ำพุที่มีน้ำแห่งชีวิต
 แล้วสกัดบ่อน้ำไว้สำหรับตนเอง
 เป็นบ่อแตกที่ขังน้ำไม่ได้
14“อิสราเอลเป็นทาสเขาหรือ? หรือเป็นทาสที่เกิดมาในบ้าน?
 เหตุใดเขาจึงตกเป็นของปล้น?
15เหล่าสิงห์หนุ่มคำรามใส่เขา
 มันแผดเสียงดังมาก
และพวกมันได้ทำให้แผ่นดินของเขาร้างเปล่า
 เมืองทั้งหลายของเขาก็ถูกไฟเผา ไม่มีคนอาศัยอยู่
16ยิ่งกว่านั้นอีก ประชาชนเมืองเมมฟิสและเมืองทาปานเหส
 ได้โกนกระหม่อมของเจ้าแล้ว
17เจ้าหาเรื่องเหล่านี้มาใส่ตัวเจ้าเองไม่ใช่หรือ
 โดยการทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า เมื่อพระองค์ทรงนำเจ้าไปตามทาง?
18ดังนั้นเจ้าได้อะไรจากการลงไปยังอียิปต์
 เพื่อดื่มน้ำในแม่น้ำไนล์?
หรือเจ้าได้อะไรจากการลงไปยังอัสซีเรีย
 เพื่อดื่มน้ำในแม่น้ำยูเฟรติส?
19ความชั่วร้ายของเจ้าจะตีสอนเจ้าเอง
 และความไม่ซื่อสัตย์ของเจ้าจะตำหนิเจ้า
เจ้าจงรู้และเห็นเถิดว่ามันเป็นความชั่วและความขมขื่น
 ที่ทอดทิ้งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
และความยำเกรงเราไม่ได้อยู่ในเจ้าเลย”
 พระยาห์เวห์องค์เจ้านายผู้ทรงเป็นจอมทัพตรัสดังนี้แหละ
20“เพราะว่านานมาแล้วเจ้าหักแอกของเจ้า
 และทำลายโซ่ตรวนของเจ้าเสีย
และเจ้าได้กล่าวว่า ‘ข้าจะไม่ปรนนิบัติ’
 เพราะเจ้าได้นอนลงเล่นชู้
บนเนินเขาสูงทุกแห่ง
 และใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น
21แต่เราได้ปลูกเจ้าไว้เป็นเถาองุ่นอย่างดี
 เป็นพันธุ์แท้ทั้งนั้น
แล้วทำไมเจ้าเสื่อมทรามลง
 จนกลายพันธุ์ไปได้?
22ถึงแม้ว่าเจ้าชำระตัวด้วยน้ำด่าง
 และใช้สบู่มาก
แต่รอยเปื้อนความผิดบาปของเจ้าก็ยังปรากฏอยู่ต่อหน้าเรา”
 พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ
23“เจ้าจะพูดได้อย่างไรว่า ‘ข้าไม่เป็นมลทิน
 ข้าไม่ได้ติดตามบรรดาพระบาอัลไป’
จงมองดูท่าทางของเจ้าที่ในหุบเขาสิ
 จงสำนึกว่าเจ้าได้ทำอะไรไป
 เหมือนอูฐสาวคะนองอยู่ไม่สุข
24เหมือนลาป่าที่คุ้นเคยกับถิ่นทุรกันดาร
 ได้สูดลมหายใจด้วยความอยากอันรุนแรงของมัน
ใครจะระงับความใคร่ของมันได้
 ทุกคนที่แสวงหามันจะไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย
 เมื่อถึงเดือนที่กำหนดของมันจะพบมันเอง
25อย่าไปเท้าเปล่า
 และอย่าให้คอแห้ง
แต่เจ้ากล่าวว่า ‘เหลวไหล
 เพราะข้าได้รักพระอื่น
 และข้าจะติดตามไป’
26“เมื่อโจรถูกจับมีความอับอายอย่างไร
 เชื้อสายของอิสราเอลก็จะอับอายอย่างนั้น
ทั้งตัวเขา กษัตริย์ เจ้านาย
 ปุโรหิต และผู้เผยพระวจนะของเขา
27ผู้กล่าวแก่ต้นไม้ว่า ‘ท่านเป็นบิดาของข้าพเจ้า’
 และกล่าวแก่ศิลาว่า ‘ท่านคลอดข้าพเจ้ามา’ เพราะพวกเขาได้หันหลังให้เรา
 ไม่ใช่หันหน้ามา
แต่เมื่อถึงเวลาลำบากเขากล่าวว่า
 ‘ขอทรงลุกขึ้นช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้น’
28แต่บรรดาพระของเจ้าอยู่ที่ไหนเล่า
 ซึ่งเป็นพระที่เจ้าสร้างไว้สำหรับตัวเอง?
ถ้ามันช่วยเจ้าให้พ้นได้ ก็ให้มันลุกขึ้นช่วย
 เมื่อถึงเวลาลำบากของเจ้า
ยูดาห์เอ๋ย เจ้ามีเมืองต่างๆ มากเท่าใด
 เจ้าก็มีพระมากเท่านั้น
29“เจ้าทั้งหลายจะมาโต้แย้งเราทำไม?
 เจ้าได้กบฏต่อเราหมดทุกคนแล้ว”
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
30“เราได้โบยตีลูกหลานของเจ้าเสียเปล่า
 พวกเขาก็ไม่รับการสั่งสอน
ดาบของเจ้าเองได้กลืนผู้เผยพระวจนะของเจ้า
 เหมือนอย่างสิงห์ช่างทำลาย

อรรถาธิบาย

ควรถวายเกียรติพระเจ้าเมื่อใด

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อปัญหา ความยากลำบาก และการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเข้ามาในชีวิตของคุณและชีวิตของคนรอบข้างคุณ?

เยเรมีย์อาศัยอยู่ในช่วงที่มีปัญหามากทีสุดช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล การล่มสลายของกรุงเยรูซาเล็มใน 587 ปีก่อนคริสตกาล และการถูกกวาดต้อนเป็นเชลยในบาบิโลน เขาได้รับข้อความที่สร้างความลำบากใจแก่ผู้คน เขาทำด้วยความกล้าหาญอย่างยิ่งเมื่อต้องเผชิญกับความเกลียดชังและการกดขี่ข่มเหง

บทเริ่มต้นของเยเรมีย์แสดงให้เห็นอีกสองวิธีที่คุณสามารถถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเมื่อใดที่คุณสามารถทำเช่นนั้นได้

วิธีแรก ให้คุณถวายเกียรติพระเจ้าในการตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระเจ้า อายุไม่ใช่อุปสรรคต่อการเป็นผู้นำ เยเรมีย์น่าจะเป็นคนหนุ่มตอนที่พระเจ้าทรงเรียกเขา ประมาณปี 627 ก่อนคริสตกาล เขาสามารถอธิบายได้ว่าเป็นทั้ง ‘เกิดมาเป็นผู้นำ’ และ ‘เกิดมาเป็นผู้เผยพระวจนะ’ ก่อนเกิดเขาถูกกำหนดให้เป็นผู้เผยพระวจนะ พระเจ้าตรัสว่า ‘ก่อนที่เราจะก่อร่างสร้างเจ้าในครรภ์ เรารู้จัก [และ] ยอมรับในตัวเจ้า... และก่อนที่เจ้าเกิด เราได้แยกเจ้าและตั้งเจ้าไว้ต่างหาก... เราได้แต่งตั้งเจ้าเป็นผู้เผยพระวจนะแก่บรรดาประชาชาติ’ (1:5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล)

พระเจ้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ ทั้งความดีและความชั่ว ความรู้ของพระองค์ไม่ได้บกพร่องสิ่งใดเลย พระองค์รักคุณ พระองค์ไม่จำเป็นต้องเห็นชอบกับทุกสิ่งที่คุณทำ แต่พระองค์ต้องการให้คุณดำเนินชีวิตเหมือนกับเยเรมีย์ ด้วยอิสระที่จะรับรู้ถึงความรักและการเห็นชอบจากพระองค์

พระเจ้าตรัสกับคุณตามที่พระองค์ทรงตรัสเยเรมีย์ ให้ไปทุกที่ที่พระองค์ทรงนำคุณไปและพูดอะไรก็ตามที่พระองค์ให้คุณพูด (ข้อ 7) สิ่งนี้ทำให้คุณไม่ต้องแบกความรับผิดชอบสูงสุดเอาไว้ การถวายเกียรติพระเจ้าไม่ได้หมายความว่าต้องพยายามกอบกู้โลกทั้งใบ (นั่นคือความรับผิดชอบของพระเจ้า) แต่เป็นการทำในสิ่งที่พระเจ้าตรัสให้คุณทำ สิ่งนี้จะไม่ง่ายเลย พระเจ้าเตือนว่าจะมีการต่อต้าน (ข้อ 17–19)

วิธีที่สอง ให้คุณถวายเกียรติพระเจ้าในการตอบสนองต่อการแก้ไขให้ถูกต้องของพระเจ้า พระเจ้าขอให้เยเรมีย์เตือนผู้คนไม่ให้บูชารูปเคารพที่ไร้ค่าและเรียกพวกเขากลับมานมัสการพระองค์

เยเรมีย์กล่าวว่า 'แต่ประชากรของเราได้เอาศักดิ์ศรีของเขา แลกกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์’ (2:11ข) สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการปฏิเสธพระเกียรติที่สมควรเป็นของพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำลายตนเองอีกด้วย เมื่อเราหันหนีจากพระเจ้า เราจะสูญเสียพระพรของความสัมพันธ์กับพระองค์ และแทนที่ความสัมพันธ์ด้วยสิ่งที่ไร้ประโยชน์ พระเจ้าคร่ำครวญว่า ‘ประชากรของเราได้ทำความชั่วถึงสองประการ เขาได้ทอดทิ้งเรา ซึ่งเป็นน้ำพุที่มีน้ำแห่งชีวิต แล้วสกัดบ่อน้ำไว้สำหรับตนเอง เป็นบ่อแตกที่ขังน้ำไม่ได้’ (ข้อ 13)

โดยเจาะจง พวกเขากำลัง ‘ตามล่าหาเรื่องทางเพศ เรื่องทางเพศ และเรื่องทางเพศมากขึ้น ไม่รู้จักพอ ไม่เลือกปฏิบัติ สำส่อน’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขา ‘เสพติด’ และไม่สามารถ ‘เลิก’ (ข้อ 25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

อีกครั้งที่เราเห็นว่าคุณกลายเป็นเหมือนสิ่งที่คุณเคารพบูชา คนเหล่านั้นที่ติดตาม ‘รูปเคารพที่ไร้ค่า’ จะกลายเป็น ‘สิ่งไร้ค่า’ (ข้อ 5) ถ้าคุณติดตามพระเยซู คุณจะเป็นเหมือนพระองค์ หากเราพยายามค้นหาความพึงพอใจ ความหมาย และจุดประสงค์ ผ่านความทะเยอทะยานและความอยากได้ใคร่มีที่มีตนเองเป็นศูนย์กลาง ชีวิตของเราก็ไม่มีคุณค่า

เยเรมีย์สิ้นหวังที่ประชาชนของพระเจ้าไม่ตอบสนองต่อการแก้ไขสิ่งผิดให้ถูกของเขา (ข้อ 30) คนเหล่านั้นละทิ้งพระพรของพระองค์ และไม่ได้ถวายเกียรติแด่พระองค์ ขอบคุณพระเจ้าที่หนทางแก้ไขเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในตัวของพระเยซู ผู้ทรงละทิ้งสง่าราศีของพระองค์เพื่อช่วยชีวิตเรา จงถวายเกียรติแด่พระองค์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์เพ่งมองดูที่พระเยซู น้ำพุแห่งชีวิต และหันหน้าข้าพระองค์ไปทางพระองค์ ขอให้ข้าพระองค์กลายมาเป็นเหมือนพระคริสต์และประทานสง่าราศีทั้งหมดแก่พระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

เยเรมีย์ 1:11–12

‘พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงข้าพเจ้าว่า “เยเรมีย์เอ๋ย เจ้าเห็นอะไร?” ข้าพเจ้ากราบทูลว่า “ข้าพระองค์เห็นกิ่งของต้นอัลมอนด์” แล้วพระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “เจ้าเห็นถูกต้องแล้ว เพราะเราเฝ้าดูถ้อยคำของเรา เพื่อจะทำให้สำเร็จ”’

พระเจ้าทรงใช้ภาพนิมิตมากมายเพื่อตรัสผ่านเราและตรัสกับเรา ซึ่งเป็นได้ทั้ง คำปลอบโยน หนุนใจและสิ่งที่น่าจดจำ ฉันค้นพบว่านี่เป็นเรื่องที่น่าสะพรึงเล็กน้อยถ้าฉันเห็นภาพเหล่านั้น มันเป็นเรื่องง่ายที่จะด้อยค่า ด้วยการคิดว่าบางทีอาจจะมีใครสักคนที่ได้รับสิ่งที่ดีกว่าเราหรือฉันอาจจะคิดมากไปเอง

แต่ถ้าจะให้พูดตามจริง พระเจ้าอาจจะทรงใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อเปลี่ยนแปลงวันวันหนึ่งของใครบางคน หรือแม้แต่เปลี่ยนทั้งชีวิตของเขาเลยก็ได้

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม