อย่าอ่อนล้าในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
เกริ่นนำ
มาร์ติน ลูเธอร์ คิง กล่าวว่า ‘ในบางตำแหน่ง ความขี้ขลาดก็ตั้งคำถามว่า “มันปลอดภัยหรือไม่?” ความสะดวก ถามคำถามว่า “เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่?” และความฟุ้งเฟ้อก็เข้ามาถามว่า “เป็นที่นิยมหรือไม่?” แต่มโนธรรมถามคำถามว่า “มันถูกต้องหรือไม่?”
‘ตัวชี้วัดขั้นสูงสุดของบุคคล ไม่ใช่ในช่วงเวลาที่พวกเขาสะดวกสบาย แต่เป็นจุดที่พวกเขายืนอยู่ในช่วงเวลาแห่งความท้าทาย ช่วงเวลาแห่งวิกฤตครั้งใหญ่ และท่ามกลางการโต้เถียง’
การทำสิ่งที่ถูกต้องในสถานการณ์ที่ยากลำบากถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ ในหนังสือ God at Work ของ เคน คอสตา เขียนว่า ‘ตัวเลือกมีทั้งที่ถูกและผิด... คำศัพท์ที่ถูกคิดค้นขึ้น เช่น "ไม่เหมาะสม" และ “การต่อต้าน” เป็นความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงข้อเท็จจริงทางจริยธรรมที่เรียบง่ายว่ามีเหตุผลของการกระทำที่ถูกและผิด’
เมื่อเผชิญกับสถานการณ์การอภิบาลที่ยากลำบาก พวกเราที่เป็นผู้นำคริสตจักรจำเป็นต้องเตือนตัวเองเสมอคำถามแรกที่เราต้องถามคือ ‘อะไรคือสิ่งที่ถูกต้องที่ควรทำ?’ และต่อมาคำถามที่สองคือ ‘วิธีการอภิบาลที่ควรทำมากที่สุดคืออะไร?’
แน่นอนว่าไม่มีใครที่ทำถูกต้องตลอดเวลา เราทุกคนทำผิดพลาด ดังที่เคน คอสตาเขียนไว้ว่า ‘เราจะเติบโตในสติปัญญาก็ต่อเมื่อเราได้เรียนรู้จากความผิดพลาดที้เกิดขึ้น’ ซิกมุนด์ วาร์เบิร์ก (เจ้านายคนแรกของเคน) กล่าวในเรื่องนี้ว่า “บางคนบอกว่ามันคือความผิดหวังและทำให้กลายเป็นคนที่ตกต่ำลง แต่บางคนกลับบอกว่า มันคือประสบการณ์และทำให้พวกเขาเติบโตขึ้น”’
ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ อาจารย์เปาโลเขียนถึงชาวเธสะโลนิกาว่า ‘ท่านอย่าอ่อนใจที่จะทำความดีเลย’ (2 เธสะโลนิกา 3:13) พระเยซูไม่ได้เลือกวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายหรือเป็นที่นิยม แต่พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ นี่เป็นหลักการสำคัญที่ดำเนินไปตลอดทั้งพระคัมภีร์
สุภาษิต 25:1-10
ถ้อยคำแห่งสติปัญญาของซาโลมอน
1ต่อไปนี้เป็นบรรดาสุภาษิตของซาโลมอนด้วยเหมือนกัน
ซึ่งคนของเฮเซคียาห์ กษัตริย์ยูดาห์ได้คัดลอกไว้
2ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าคือการซ่อนสิ่งต่างๆ ไว้
แต่ความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์คือการค้นสิ่งนั้นให้ปรากฏ
3ฟ้าสูงและแผ่นดินลึกฉันใด
พระทัยของพระราชาก็เหลือจะหยั่งรู้ฉันนั้น
4จงไล่ขี้แร่ออกจากเงิน
แล้วจะมีวัสดุสำหรับช่างเงิน
5จงไล่คนอธรรมออกไปเสียจากพระพักตร์พระราชา
แล้วพระที่นั่งของพระองค์จะสถาปนาไว้ด้วยความชอบธรรม
6อย่ายกย่องตัวเองเฉพาะพระพักตร์พระราชา
และอย่ายืนอยู่ในที่ของคนใหญ่คนโต
7เพราะให้เขากล่าวกับเจ้าว่า “เชิญขึ้นมาที่นี่”
ก็ดีกว่าถูกไล่ลงไปที่ต่ำต่อหน้าเจ้านาย
สิ่งที่ดวงตาของเจ้าเห็น
8อย่าด่วนนำเข้ามายังโรงศาล
มิฉะนั้นในที่สุดเจ้าจะทำอย่างไร
หากเพื่อนบ้านของเจ้าทำให้เจ้าขายหน้า
9จงถกเรื่องของเจ้ากับเพื่อนบ้าน
และอย่าเผยความลับของอีกฝ่ายหนึ่ง
10เกรงว่าผู้ที่ได้ยินจะประณามเจ้า
และเจ้าจะเสียชื่อตลอดไป
อรรถาธิบาย
การทำความดีนั้นนำไปใช้ได้จริง
การทำสิ่งที่ถูกต้องหมายถึงการกำจัดทุกสิ่งที่ไม่ถูกต้องออกจากชีวิต ‘จงไล่ขี้แร่ออกจากเงินแล้วจะมีวัสดุสำหรับช่างเงิน จงไล่คนอธรรมออกไปเสียจากพระพักตร์พระราชา แล้วพระที่นั่งของพระองค์จะสถาปนาไว้ด้วยความชอบธรรม’ (ข้อ 4–5) ต่อไปนี้คือตัวอย่างบางส่วนของการใช้ชีวิตอย่างชอบธรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริง:
1. กระทำด้วยความถ่อม
คุณไม่จำเป็นต้องผลักดันตัวเองไปข้างหน้า สิ่งที่ถูกต้องคือกระทำด้วยความถ่อมใจ ‘อย่าทำตัวเป็นที่สนใจ อย่ารุกล้ำเข้าไปในสถานที่อันโดดเด่น ได้รับการยกชูในที่ที่มีเกียรติก็ดีกว่าเผชิญความอัปยศด้วยการถูกลดเกียรติ’ (ข้อ 6–7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่คือประเด็นที่พระเยซูทรงอธิบายไว้ในอุปมาเรื่องหนึ่งของพระองค์ (ลูกา 14:8–11)
2. ถือว่าดีที่สุดเสมอ
‘อย่าด่วนสรุป อาจมีคำอธิบายที่ดีสำหรับสิ่งที่คุณเพิ่งเห็นไป’ (สุภาษิต 25:8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
3. อย่าทำลายความเชื่อใจ
ทำสิ่งที่ถูกต้องกับเพื่อนบ้านของคุณ อย่ารีบร้อนขึ้นศาล (ข้อ 8) ถ้าคุณต้องขึ้นศาล ให้ทำและพูดในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ ‘ในการโต้เถียงอย่าหักหลังความเชื่อใจ’ (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำอธิษฐาน
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงโปรดช่วยให้ชุมชนคริสตจักรของเรากำจัดสิ่งที่ไม่ถูกต้องในจิตใจ กระทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความถ่อมใจต่อกัน และแสวงหาการกระทำที่ถูกต้องอยู่เสมอ
2 เธสะโลนิกา 3:1-18
จงอธิษฐานเพื่อเรา
1พี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดจงอธิษฐานเพื่อเรา เพื่อคำสอนเรื่องขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะได้แผ่ไปอย่างรวดเร็วจะได้แผ่ไปอย่างรวดเร็ว และรับเกียรติอย่างที่เป็นไปในหมู่พวกท่านแล้ว 2และเพื่อเราจะได้พ้นจากคนพาลชั่วร้าย เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนเชื่อ 3แต่ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์ จะทรงเสริมกำลังของท่าน และทรงป้องกันท่านไว้ให้พ้นจากมารร้าย 4เราก็มั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าท่านกำลังทำ และจะทำสิ่งที่เรากำชับท่านต่อไป 5ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำใจของท่านทั้งหลายให้เข้าถึงความรักซึ่งมาจากพระเจ้า และถึงความทรหดอดทนซึ่งมาจากพระคริสต์
คำเตือนไม่ให้เกียจคร้าน
6พี่น้องทั้งหลาย เราขอกำชับท่านในพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราว่า จงปลีกตัวออกห่างพี่น้องทุกคนที่อยู่อย่างเกียจคร้าน และไม่ประพฤติตามคำสอนซึ่งเขาได้รับจากเรา 7เพราะตัวท่านเองก็รู้อยู่ว่า ควรจะเอาอย่างเรา เราไม่ได้เกียจคร้านเลยเมื่ออยู่ท่ามกลางพวกท่าน 8และเราไม่เคยกินอาหารของใครโดยไม่จ่ายเงิน แต่เราได้ทำงานหนักด้วยความพากเพียรทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อจะไม่เป็นภาระแก่ใครในพวกท่าน 9ไม่ใช่เพราะเราไม่มีสิทธิ์ แต่เพื่อทำตัวเป็นแบบอย่างให้ท่านทำตาม 10แม้เมื่อเราอยู่กับพวกท่าน เราก็ได้กำชับอย่างนี้ว่า ถ้าใครไม่ยอมทำงาน ก็อย่าให้เขากิน 11เพราะเราได้ยินว่ามีบางคนในพวกท่านอยู่อย่างเกียจคร้าน ไม่ทำงานอะไรเลย แต่ชอบยุ่งกับธุระของคนอื่น 12เรากำชับและเตือนสติคนเช่นนั้นในพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าว่า ให้เขาทำงานด้วยใจสงบและหาเลี้ยงชีพเอง 13พี่น้องทั้งหลาย ท่านอย่าอ่อนใจที่จะทำความดีเลย
14ถ้าใครไม่เชื่อฟังถ้อยคำของเราในจดหมายฉบับนี้ จงหมายหัวคนนั้นไว้ อย่าสมาคมกับเขาเลยเพื่อเขาจะได้รู้สึกอาย 15อย่าถือว่าเขาเป็นศัตรู แต่จงเตือนเขาในฐานะพี่น้อง
คำอวยพร
16ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสันติสุข ประทานสันติสุขให้แก่ท่านทั้งหลายทุกเวลาและในทุกสถานการณ์ ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่กับท่านทุกคนเถิด
17คำทักทายนี้เป็นลายมือของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าลงชื่อไว้ว่า เปาโล เป็นเครื่องหมายในจดหมายทุกฉบับ ข้าพเจ้าเขียนอย่างนี้ 18ขอให้พระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราดำรงอยู่กับท่านทุกคน
อรรถาธิบาย
ประกาศข่าวประเสริฐอย่างถูกต้อง
การเอาชนะความกังวลในแบบของเปาโลคือการที่ทำให้พระกิตติคุณเผยแพร่สู่ผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ข่าวประเสริฐจะ ‘กระจายไปทั่วแผ่นดินอย่างรวดเร็วและได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น พวกเขาจึงอธิษฐานเพื่อให้พวกเขายังคงทำสิ่งที่ถูกต้องต่อไป ‘เราก็มั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่าท่านกำลังทำ และจะทำสิ่งที่เรากำชับท่านต่อไป’ (ข้อ 4) เปาโลกล่าวกับพวกเขาว่า ‘เพราะตัวท่านเองก็รู้อยู่ว่า ควรจะเอาอย่างเรา’ (ข้อ 7) เปาโลดำเนินชีวิตในลักษณะที่ ‘เพื่อทำตัวเป็นแบบอย่างให้ท่านทำตาม’ (ข้อ 9) ท่านเรียกร้องให้ ‘อย่าอ่อนใจที่จะทำความดีเลย’(ข้อ 13)
1. อธิษฐานเผื่อผู้นำของคุณ
ผู้นำต้องการคำอธิษฐานจากคุณ ‘และเพื่อเราจะได้พ้นจากคนพาลชั่วร้าย เพราะว่าไม่ใช่ทุกคนเชื่อ แต่ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงซื่อสัตย์ จะทรงเสริมกำลังของท่าน และทรงป้องกันท่านไว้ให้พ้นจากมารร้าย’ (ข้อ 2-3)
2. เดินตามเส้นทางแห่งความรัก
เปาโลอธิษฐานว่า ‘ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำใจของท่านทั้งหลายให้เข้าถึงความรักซึ่งมาจากพระเจ้า’ (ข้อ 5ก)
3. อย่ายอมแพ้
เขาอธิษฐานว่าขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงนำใจของท่านทั้งหลายให้เข้าถึงความรักซึ่งมาจากพระเจ้า ‘และถึงความทรหดอดทนซึ่งมาจากพระคริสต์’ (ข้อ 5)
การทำสิ่งที่ถูกต้องเป็นครั้งคราวหรือเมื่อคุณต้องการนั้นไม่เพียงพอ จงยืนหยัด อดทน และดำเนินต่อไปจนถึงที่สุด
4. ทุ่มเททำงาน
อย่าทำอะไรเพื่อให้ข่าวประเสริฐเสื่อมเสีย อย่านั่งเฉย ๆ มองชีวิตผ่านไป เปาโลเป็นตัวอย่างของการทำงานหนัก ‘เราแสดงให้ท่านเห็นถึงความทุ่มเทเมื่อเราอยู่กับท่าน ดังนั้นจงลงมือทำเลย เราไม่ได้นั่งอยู่เฉย ๆ โดยคาดหวังว่าคนอื่นจะดูแลเรา อันที่จริงเราทำงานอย่างหนักตลอดเวลา... เราเพียงต้องการยกตัวอย่างของความขยันหมั่นเพียร โดยหวังว่าท่านจะทำตาม’ (ข้อ 7–9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
เราต้องฝึกวินัย เมื่อมีคนทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อย่าถือว่าเขาเป็นศัตรู แต่จงเตือนเขาในฐานะพี่น้อง (ข้อ 15)
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงประทานสติปัญญาและความเพียรแก่ข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้ทำสิ่งที่ถูกต้องเสมอ ขอให้สันติสุข และพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราอยู่กับเราทุกคน (ข้อ 16, 18)
เยเรมีย์ 31:15-32:25
15พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
“ได้ยินเสียงในเมืองรามาห์
เป็นเสียงโอดครวญและร่ำไห้
นางราเชลร้องไห้คร่ำครวญ เพราะบุตรทั้งหลายของตน
นางไม่รับคำปลอบโยนในเรื่องบุตรทั้งหลายของตน
เพราะว่าบุตรทั้งหลายนั้นไม่มีแล้ว”
16พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
“ระงับเสียงร้องไห้คร่ำครวญไว้เสียเถิด
และระงับน้ำตาจากตาของเจ้าเสีย
เพราะว่าการงานของเจ้าจะได้รับรางวัล
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
และเขาทั้งหลายจะกลับมาจากแผ่นดินของศัตรู”
17พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เรื่องอนาคตของเจ้ายังมีหวัง
และพวกลูกของเจ้าจะกลับมายังประเทศของเขาเอง
18“เราได้ยินเอฟราอิมคร่ำครวญว่า
‘พระองค์ทรงตีสอนข้าพระองค์ และข้าพระองค์ก็ถูกตีสอน
อย่างลูกโคที่ยังไม่เชื่อง
ขอทรงนำข้าพระองค์กลับ เพื่อข้าพระองค์จะได้กลับสู่สภาพเดิม
เพราะพระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์
19เพราะหลังจากที่ข้าพระองค์หันกลับ ข้าพระองค์ก็กลับใจ
และหลังจากที่ข้าพระองค์รับคำสั่งสอนแล้ว
ข้าพระองค์ก็ตีขาตัวเองด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง
ข้าพระองค์อับอาย และขายหน้า
เพราะข้าพระองค์ต้องทนรับความเสื่อมเสีย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อยังหนุ่มอยู่นั้น’
20เอฟราอิมเป็นบุตรชายที่รักของเรา
เป็นลูกที่เราชื่นชมไม่ใช่หรือ?
เพราะเราจะพูดกล่าวโทษเขาตราบใด
เราก็ยังระลึกถึงเขาอยู่ตราบนั้น
เพราะฉะนั้น จิตใจของเราจึงถวิลหาเขา
เราจะมีความเมตตาต่อเขาแน่”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
21“จงปักป้ายชี้ทางไว้สำหรับตน
จงทำป้ายนำทางไว้สำหรับตัว
จงพิจารณาให้ดีถึงทางหลวง
คือทางซึ่งเจ้าดำเนินไปนั้น
อิสราเอลพรหมจารีเอ๋ย จงกลับเถิด
จงกลับมายังเมืองเหล่านี้ของเจ้า
22ลูกสาว ผู้กลับสัตย์เอ๋ย
เจ้าจะเถลไถลอยู่อีกนานสักเท่าใด?
เพราะพระยาห์เวห์ทรงสร้างสิ่งใหม่บนพิภพ คือ
ผู้หญิงล้อมผู้ชาย”
23พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า “เมื่อเราให้เขากลับสู่สภาพเดิม เขาจะใช้ถ้อยคำต่อไปนี้ในแผ่นดินของยูดาห์ และในเมืองทั้งหลายอีกครั้งหนึ่ง คือ
‘โอ ที่อยู่แห่งความชอบธรรมเอ๋ย ภูเขาบริสุทธิ์เอ๋ย
ขอพระยาห์เวห์ทรงอวยพรเจ้า’
24ยูดาห์และเมืองทั้งสิ้นนั้น ทั้งบรรดาชาวนา บรรดาผู้ที่ท่องเที่ยวไปมาพร้อมกับฝูงแกะของเขา จะอาศัยอยู่ด้วยกันที่นั่น 25เพราะเราจะให้จิตใจที่อ่อนแรงนั้นอิ่ม และทุกจิตใจที่อ่อนระอาเราจะให้อิ่มบริบูรณ์”
26เมื่อนั้น ข้าพเจ้าตื่นขึ้นและมองดู และการนอนหลับของข้าพเจ้าก็เป็นที่ชื่นใจข้าพเจ้า
การตอบแทนรายบุคคล
27พระยาห์เวห์ตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง เมื่อเราจะหว่านเมล็ดพันธุ์ทั้งของคนและของสัตว์ในเชื้อสายของอิสราเอลและเชื้อสายของยูดาห์ 28และเมื่อเราเฝ้าดูเขาเพื่อจะถอนออก พังลง คว่ำเสีย ทำลาย และนำเหตุร้ายมาอย่างไร เราจะเฝ้าดูเขาเพื่อจะสร้างขึ้นและปลูกฝังอย่างนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
29“ในสมัยนั้น เขาจะไม่กล่าวต่อไปอีกว่า
‘พ่อกินองุ่นเปรี้ยวแล้วลูกก็เข็ดฟัน’
30แต่ทุกคนจะต้องตายเพราะความผิดบาปของตนเอง มนุษย์ทุกคนที่รับประทานองุ่นเปรี้ยว ก็จะเข็ดฟัน”
พันธสัญญาใหม่
31พระยาห์เวห์ตรัสว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง ซึ่งเราจะทำพันธสัญญาใหม่กับเชื้อสายของอิสราเอลและเชื้อสายของยูดาห์ 32ไม่เหมือนกับพันธสัญญาซึ่งเราได้ทำกับบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย เมื่อเราจูงมือเขาเพื่อนำเขาออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งเขาฝ่าฝืน ถึงแม้ว่าเราได้เป็นสามีของเขา” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ 33“แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเชื้อสายของอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เราจะบรรจุธรรมบัญญัติไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขาฮบ.10:16 และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา 34และทุกคนจะไม่สอนเพื่อนบ้านและพี่น้องของตนแต่ละคนอีกว่า ‘จงรู้จักพระยาห์เวห์’ เพราะเขาทุกคนจะรู้จักเราตั้งแต่คนเล็กน้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุด” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เพราะเราจะให้อภัยความผิดบาปของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาอีกต่อไป”
35พระยาห์เวห์ผู้ทรงให้ดวงอาทิตย์เป็นแสงสว่างตอนกลางวัน
และทรงให้กฎเกณฑ์แก่ดวงจันทร์ และทรงให้บรรดาดวงดาวเป็นแสงสว่างตอนกลางคืน
ผู้ทรงกวนทะเลให้คลื่นกำเริบ
พระนามของพระองค์ คือพระยาห์เวห์จอมทัพ ตรัสดังนี้ว่า
36“หากระเบียบตายตัวนี้จะพรากไปจากหน้าเรา
แล้วเชื้อสายของอิสราเอลจึงจะสิ้นสุด จากการเป็นชนชาติหนึ่งต่อหน้าเราเป็นนิตย์” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
37พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
“หากฟ้าสวรรค์เบื้องบนเป็นที่วัดได้ และรากฐานของพิภพเบื้องล่างเป็นที่ให้สำรวจได้
แล้วเราจึงจะปลดเชื้อสายทั้งสิ้นของอิสราเอลทิ้งไปเสีย เพราะทุกสิ่งซึ่งเขาได้ทำนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
เยรูซาเล็มจะถูกขยายออกไป
38พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึงที่เมืองนี้จะถูกสร้างขึ้นใหม่เพื่อพระยาห์เวห์ ตั้งแต่หอคอยฮานันเอลไปถึงประตูมุม 39และเชือกวัดจะไปไกลกว่านั้นตรงไปถึงเนินเขากาเรบ แล้วจะเลี้ยวไปถึงตำบลโกอาห์ 40และทั่วทั้งหุบเขาแห่งซากศพและขี้เถ้า และทุ่งนาทั้งหมดไกลไปจนถึงลำธารขิดโรน จนถึงมุมประตูม้าไปทางตะวันออก จะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์แด่พระยาห์เวห์ จะไม่ถูกถอนรากหรือคว่ำอีกต่อไปเป็นนิตย์”
เยเรมีย์ 32
เยเรมีย์ซื้อนาในช่วงถูกปิดล้อม
1พระวจนะมาจากพระยาห์เวห์ถึงเยเรมีย์ในปีที่ 10 แห่งเศเดคียาห์ กษัตริย์ของยูดาห์ ซึ่งเป็นปีที่ 18 ของเนบูคัดเนสซาร์ 2ครั้งนั้น กองทัพของกษัตริย์แห่งบาบิโลนกำลังล้อมกรุงเยรูซาเล็มอยู่ และเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะถูกขังอยู่ในบริเวณทหารรักษาพระองค์ ซึ่งอยู่ในพระราชวังของกษัตริย์แห่งยูดาห์ 3เพราะเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ได้จำคุกท่านไว้ ตรัสว่า “ทำไมท่านจึงเผยพระวจนะโดยกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะมอบเมืองนี้ไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลน และเขาจะยึดเมืองนี้ 4เศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์จะหนีไปไม่พ้นจากมือของคนเคลเดีย แต่จะถูกมอบไว้ในมือของกษัตริย์แห่งบาบิโลนเป็นแน่ และจะได้พูดกันปากต่อปาก และเห็นกันตาต่อตา 5และเขาจะนำเศเดคียาห์ไปยังบาบิโลน และท่านจะอยู่ที่นั่นจนกว่าเราจะไปเยี่ยมท่าน พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ ถ้าเจ้าจะต่อสู้กับชาวเคลเดีย เจ้าจะทำไม่สำเร็จ’ ”
6เยเรมีย์กล่าวว่า “พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 7‘นี่แน่ะ ฮานัมเอลบุตรชัลลูมอาของเจ้าจะมาหาเจ้าและกล่าวว่า “จงซื้อนาของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ที่อานาโธท เพราะว่าสิทธิของการไถ่ด้วยการซื้อนั้นเป็นของท่าน” 8แล้วฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้าก็มาหาข้าพเจ้าที่บริเวณของทหารรักษาพระองค์ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ และพูดกับข้าพเจ้าว่า “จงซื้อนาของข้าพเจ้าซึ่งอยู่ที่อานาโธทในแผ่นดินเบนยามิน เพราะสิทธิของการถือกรรมสิทธิ์และการไถ่เป็นของท่าน จงซื้อไว้เถิด” แล้วข้าพเจ้าจึงทราบว่า นี่เป็นพระวจนะของพระยาห์เวห์
9“และข้าพเจ้าก็ซื้อนาที่อานาโธทจากฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้า และได้ชั่งเงินให้แก่เขา 17 เชเขลหนักประมาณ 200 กรัม 10ข้าพเจ้าก็ลงนามในโฉนดประทับตราไว้ให้พยานรับรองและเอาตาชั่งชั่งเงิน 11แล้วข้าพเจ้าก็รับโฉนดของการซื้อที่ประทับตราแล้ว ซึ่งมีข้อตกลงและเงื่อนไขและฉบับที่เปิดอยู่ 12และข้าพเจ้าก็มอบโฉนดของการซื้อให้แก่บารุคบุตรเนริยาห์ ผู้เป็นบุตรของมัคเสยาห์ ต่อหน้าฮานัมเอลลูกพี่ลูกน้องของข้าพเจ้า ต่อหน้าพยานผู้ลงนามในโฉนดของการซื้อ และต่อหน้าพวกยูดาห์ ผู้ซึ่งนั่งอยู่ในบริเวณทหารรักษาพระองค์ 13ข้าพเจ้าได้กำชับบารุคต่อหน้าพวกเขาว่า 14‘พระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “จงเอาโฉนดเหล่านี้ไปเสีย ทั้งโฉนดของการซื้อที่ประทับตรากับฉบับที่เปิดนี้ และบรรจุไว้ในภาชนะดินเพื่อจะทนอยู่ได้นาน” 15เพราะพระยาห์เวห์จอมทัพพระเจ้าแห่งอิสราเอล ตรัสดังนี้ว่า “บ้านเรือนและไร่นาและสวนองุ่นจะมีการซื้อขายกันอีกในแผ่นดินนี้” ’
เยเรมีย์อธิษฐานขอความเข้าใจ
16“หลังจากข้าพเจ้ามอบโฉนดของการซื้อให้แก่บารุคบุตรเนริยาห์แล้ว ข้าพเจ้าได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า 17‘ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย นี่แน่ะ พระองค์ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกด้วยฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ของพระองค์ และด้วยพระหัตถ์ซึ่งเหยียดออกของพระองค์ สำหรับพระองค์ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกิน 18พระองค์ทรงสำแดงความรักมั่นคงต่อคนเป็นพันๆ แต่ทรงตอบสนองความผิดบาปของบิดาให้ตกถึงลูกหลานสืบต่อมา พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่และทรงฤทธิ์ พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์จอมทัพ 19ทรงยิ่งใหญ่ในคำปรึกษา ทรงฤทธานุภาพในพระราชกิจ พระเนตรของพระองค์เห็นทุกวิถีทางของมนุษย์ ประทานรางวัลแก่ทุกคนตามวิถีทางของเขาและตามผลแห่งการกระทำของเขา 20ทรงเป็นผู้สำแดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ในแผ่นดินอียิปต์ และจนถึงสมัยนี้ก็ทรงสำแดงในอิสราเอล และท่ามกลางมนุษยชาติ และทรงทำให้พระนามเลื่องลือไปอย่างทุกวันนี้ 21พระองค์ได้ทรงนำอิสราเอลประชากรของพระองค์ออกจากแผ่นดินอียิปต์ ด้วยหมายสำคัญและการอัศจรรย์ และด้วยพระหัตถ์เข้มแข็งและพระกรที่เหยียดออกและด้วยความน่ากลัวอย่างยิ่ง 22และพระองค์ประทานแผ่นดินนี้แก่พวกเขา ซึ่งทรงปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของพวกเขาว่าจะประทานแก่เขา คือแผ่นดินซึ่งมีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ 23และพวกเขาก็ได้เข้าไปและถือกรรมสิทธิ์แผ่นดินนั้น แต่พวกเขาไม่ได้เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์ หรือดำเนินตามธรรมบัญญัติของพระองค์ สิ่งซึ่งพระองค์ทรงบัญชาเขาให้ทำนั้น พวกเขาไม่ได้ทำเลย เพราะฉะนั้นพระองค์ทรงให้เหตุร้ายทั้งสิ้นนี้มาถึงเขา 24ดูสิ เชิงเทินที่ล้อมอยู่ได้มาถึงกรุงเพื่อจะยึดเอาแล้ว และเนื่องด้วยดาบ การกันดารอาหาร และโรคระบาด เมืองนี้ก็ได้ถูกมอบไว้ในมือของคนเคลเดียผู้กำลังต่อสู้อยู่นั้น สิ่งที่พระองค์ตรัสก็เกิดขึ้นแล้ว และนี่แน่ะ พระองค์ทอดพระเนตรเห็น 25ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย พระองค์ตรัสกับข้าพระองค์ว่า “จงเอาเงินซื้อนาและหาพยานเสีย” แม้ว่าเมืองนั้นจะถูกมอบไว้ในมือของคนเคลเดีย’ ”
อรรถาธิบาย
พระวิญญาณช่วยให้คุณทำสิ่งที่ถูกต้อง
ในคำพยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งในพันธสัญญาเดิม เยเรมีย์พยากรณ์ถึงพันธสัญญาใหม่ (31:31) พันธสัญญาใหม่จะแตกต่างจากพันธสัญญาเดิม (ข้อ 32)
‘“แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเชื้อสายของอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
“เราจะบรรจุธรรมบัญญัติไว้ในเขาทั้งหลาย
และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขา
และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา
และเขาจะเป็นประชากรของเรา
และทุกคนจะไม่สอนเพื่อนบ้าน
และพี่น้องของตนแต่ละคนอีกว่า ‘จงรู้จักพระยาห์เวห์’
เพราะเขาทุกคนจะรู้จักเรา
ตั้งแต่คนเล็กน้อยที่สุดถึงคนใหญ่โตที่สุด”
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
“เพราะเราจะให้อภัยความผิดบาปของเขา
และจะไม่จดจำบาปของเขาอีกต่อไป”’ (ข้อ 33–34)
ในข้อพระธรรมสองสามข้อได้ถูกอ้างถึงครั้งแล้วครั้งเล่าในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ (ตัวอย่างเช่น ลูกา 22:20; 2 โครินธ์ 3:5–18 และฮีบรู 8:8–12) พวกเขาเน้นไปที่สัญญาที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับ ‘พันธสัญญาใหม่’ ซึ่งชี้ไปที่พระเยซู:
1. พระเจ้าให้อภัยคุณสำหรับความล้มเหลวในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
พันธสัญญาใหม่นี้เกิดขึ้นได้โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ในอาหารมื้อสุดท้ายก่อนถูกตรึงที่กางเขน พระองค์ทรงหยิบถ้วยแล้วตรัสว่า ‘ถ้วยนี้ที่เทออกเพื่อท่านทั้งหลาย เป็นพันธสัญญาใหม่โดยโลหิตของเรา’ (ลูกา 22:20)
พันธสัญญาใหม่ระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ที่เยเรมีย์พูดถึงทำให้คุณมีความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้า มันเกิดขึ้นโดยทางโลหิตของพระเยซูที่หลั่งบนไม้กางเขน
บาปทั้งหมดของคุณได้รับการอภัยแล้ว ‘กระดานถูกล้างให้สะอาดแล้ว’ (เยเรมีย์ 31:34, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ผ่านทางพระโลหิตของพระคริสต์ ดังที่ จอยซ์ ไมเยอร์ กล่าวว่า ‘ไม่ว่าคุณจะทำบาปหรือล้มเหลวอะไรก็ตาม คุณต้องสารภาพต่อพระเจ้าแล้วปล่อยมันไป หยุดโทษตัวเองในสิ่งที่เป็นอดีต ปฏิเสธที่จะจำบางสิ่งที่พระเจ้าได้เลือกที่จะลืม’
2. พระวิญญาณของพระเจ้าจะช่วยให้คุณทำสิ่งที่ถูกต้อง
เรามีสิทธิพิเศษในการดำเนินชีวิตในยุคของพระวิญญาณ ธรรมบัญญัติของพระเจ้าไม่ได้เขียนไว้บนแผ่นศิลาเพียงอย่างเดียว แต่พระเจ้าทำงานในตัวคุณโดยพระวิญญาณของพระองค์ เพื่อให้คุณมีความปรารถนาที่จะทำให้พระองค์พอพระทัย (‘เราจะบรรจุธรรมบัญญัติไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขา’ ข้อ 33ข) และเพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ของความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระองค์ (‘เราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา’ ข้อ 33ค) เราทุกคนสามารถรู้จักพระเจ้าได้ (ข้อ 34)
พระเจ้าเรียกให้คุณทำสิ่งที่ถูกต้องแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องง่าย การทำสิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องนำไปสู่ชีวิตที่เรียบง่าย เยเรมีย์ถูกขังอยู่ในคุกในพระราชวัง เศเดคียาห์ขังเขาไว้เพราะเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง (32:1–3)
เราเห็นอีกตัวอย่างหนึ่งของเยเรมีย์ในการทำสิ่งที่ถูกต้อง (ข้อ 6–8) พระเจ้าบอกให้เขาซื้อที่หนึ่ง แม้ว่าชาวบาบิโลนกำลังจะยึดกรุงเยรูซาเล็ม ทุ่งนาจะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าโดยสิ้นเชิง แต่เยเรมีย์ก็ไม่ได้กังวลเรื่องเงิน การทำสิ่งที่ถูกต้องสำคัญกว่าผลประโยชน์ทางการเงินหรือโอกาสในการประสบความสำเร็จ
การเชื่อฟังของเยเรมีย์ในการทำสิ่งที่ถูกต้องเป็นที่จดจำตลอดไป ในพระกิตติคุณของมัทธิว เราอ่านว่าการซื้อ ‘ทุ่งช่างหม้อ’ ด้วยเงินที่จ่ายให้ยูดาสสำหรับการทรยศต่อพระเยซูเป็นความสําเร็จของการพยากรณ์ของเยเรมีย์ (มัทธิว 27:5–10)
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์ให้ทำในสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ ขอบคุณที่พระองค์ทรงอภัยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ขอบคุณที่ข้าพระองค์รู้จักพระองค์ ขอบคุณที่พระองค์ใส่วิญญาณของพระองค์เข้ามาในหัวใจของข้าพระองค์ ชี้นำให้ข้าพระองค์ทำสิ่งที่ถูกต้องในวันนี้และในอนาคต
เพิ่มเติมโดยพิพพา
เยเรมีย์ 31:34
‘เพราะเราจะให้อภัยความผิดบาปของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาอีกต่อไป’
ไม่ใช่เพราะว่าพระเจ้ามีความจำที่ไม่ดี (เหมือนอย่างฉัน) แต่พระเจ้าเลือกที่จะลืมบาปของเรา เมื่อเราสารภาพบาปและขอการอภัย ศัตรูพยายามเตือนเราถึงบาปเหล่านั้น แต่เราต้องเลือกที่จะลืมมัน… และลืมบาปของคนอื่นด้วย!
App
Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)