25 วิธีในการเป็นคนที่พระเจ้าใช้การได้
เกริ่นนำ
เขาเป็นหนึ่งในฮีโร่ทางความเชื่อของผม เขาเป็นต้นแบบของการติดตามพระเจ้า ความเชื่อและความถ่อมใจ พระเจ้าทรงใช้เขาอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อเขาเสียชีวิตในปีค.ศ. 1982 คนที่ประหารเขาไม่สามารถแกะรอยสมาชิกในครอบครัวของเขาได้สักคนเดียว ไม่มีใครมาอ้างตัวเป็นญาติห่าง ๆ ของเขาด้วยซ้ำ
ถึงกระนั้น ข่าวมรณะของเขาใน นิตยสารไทม์ส The Times ระบุอย่างถูกต้องว่าผลกระทบของเขาภายในคริสตจักรแห่งอังกฤษตลอดระยะเวลา 50 ปี ก่อนหน้าคงจะยิ่งใหญ่กว่าคนในยุคเดียวกัน จอห์น สต๊อต เป็นหนึ่งในผู้นำคริสเตียนที่มีอิทธิพล หลายคนที่บุคคลนี้นำมารู้จักพระเยซูคริสต์ กล่าวถึงเขาว่า ‘ใครก็ตามที่รู้จักเขาและได้ทำงานร่วมกับเขาคงไม่คาดคิดว่าจะเจอใครที่เหมือนเขาได้อีก เพราะยากที่จะมีคน ๆ หนึ่งที่มีความสำคัญกับคนมากมายเท่ากับชายที่มีถ้อยคำที่สุขุม สุภาพ และมีจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง’
ทำไมชายผู้นี้ ถึงเป็นคนที่พระเจ้าใช้การได้ ดังเช่นศาสนาจารย์ อี.เจ.เฮช. แนช? แล้วตัวคุณจะเป็นคนที่พระเจ้าใช้การได้อย่างไร?
อัครทูตเปาโลบรรยายว่า ‘จงเป็นภาชนะที่มีเมตตาที่พระเจ้าสามารถใช้ให้แขกทุกคนและคนทุกรูปแบบเพื่อเป็นพรกับพวกเขา’ (2 ทิโมธี 2:20-21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
จอห์น สต๊อตต์เขียนว่า ‘ไม่มีเกียรติใดสูงส่งไปกว่าการเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระเยซูคริสต์ ให้พระองค์จัดการเพื่อก้าวไปข้างหน้าตาม พระประสงค์ และใช้ประโยชน์ได้เมื่อเป็นที่ต้องการในงานรับใช้ของพระองค์’ ซึ่ง ‘เหมาะที่เจ้าของจะใช้เป็นประโยชน์ และพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง’ (ข้อ 21) เริ่มด้วยการอุทิศชีวิตของคุณแด่พระองค์ และอุทิศอีกครั้งเพื่อรับใช้พระองค์อย่างสม่ำเสมอ
สุภาษิต 25:21-26:2
21ถ้าศัตรูของเจ้าหิว จงให้อาหารเขากิน
และถ้าเขากระหาย จงให้น้ำเขาดื่ม
22เพราะเจ้าจะสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา
และพระยาห์เวห์จะประทานบำเหน็จแก่เจ้า
23ลมเหนือนำฝนมาฉันใด
ลิ้นที่นินทาลับหลังก็นำใบหน้าบูดบึ้งมาฉันนั้น
24อยู่ที่มุมบนหลังคา
ดีกว่าอยู่ร่วมบ้านกับหญิงขี้ทะเลาะ
25ข่าวดีจากแดนไกล
ก็เหมือนน้ำเย็นที่ให้แก่คนกระหาย
26คนชอบธรรมที่ยอมแพ้คนอธรรม
ก็เหมือนน้ำพุมีโคลนหรือเหมือนน้ำบ่อที่สกปรก
27กินน้ำผึ้งมากไม่ดีฉันใด
แสวงหาเกียรติร่ำไปก็ไม่ดีฉันนั้น
28คนที่ควบคุมตนเองไม่ได้
ก็เหมือนเมืองที่ถูกทำลายและไม่มีกำแพง
สุภาษิต 26
1เกียรติไม่คู่ควรกับคนโง่
ดังหิมะในฤดูร้อนและฝนในฤดูเกี่ยว
2นกกระจอกย่อมโผผินและนกนางแอ่นย่อมโบยบินฉันใด
คำแช่งสาปอย่างไม่สมควรย่อมไม่เกิดผลฉันนั้น
อรรถาธิบาย
1.รักศัตรูของคุณ
‘ถ้าท่านเห็นศัตรูของท่านหิว จงไปซื้อข้าวกลางวันให้เขากิน ถ้าเขาหิวน้ำ จงไปหาน้ำให้เขาดื่ม ใจกว้างขวางของท่านจะทำให้เขาประหลาดใจด้วยความดีนั้น และพระยาห์เวห์จะดูแลเจ้า’ (ข้อ 25:21-22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล; ดูโรม 12:20)
2. ระวังลิ้นของคุณ
‘ลมจากทิศเหนือนำพายุมา ฅและลิ้นที่นินทาดูรุนแรงดุจพายุ’ (สุภาษิต 25:23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนการกระทำของคุณ ให้เริ่มจากความคิดและถ้อยคำของคุณ ‘จงหลีกเลี่ยงคำพูดที่ไร้คุณธรรมและโง่เขลา เพราะคำพูดอย่างนั้นจะนำคนไปสู่ความอธรรมมากยิ่งขึ้น’ (2 ทิโมธี 2:16)
3. หลีกเลี่ยงการทะเลาะวิวาท
‘อยู่ที่มุมบนหลังคา ดีกว่าอยู่ร่วมบ้านกับหญิงขี้ทะเลาะ’ (สุภาษิต 25:24)
เปาโลบรรยายในบริบทเดียวกันว่า ‘และกำชับเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ไม่ให้โต้แย้งกันเรื่องถ้อยคำซึ่งไม่เป็นประโยชน์เลย แต่กลับทำลายพวกคนฟัง’ (2 ทิโมธี 2:14) เขากล่าวต่อว่า ‘อย่ายุ่งเกี่ยวกับการทุ่มเถียงที่โง่เขลาและไม่เป็นสาระ เขาก็รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นทำให้เกิดการทะเลาะกัน ส่วนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องไม่เป็นคนที่ชอบทะเลาะ’ (ข้อ 23-24)
4. นำข่าวดีมา
‘ข่าวดีจากแดนไกล ก็เหมือนน้ำเย็นที่ให้แก่คนกระหาย’ (สุภาษิต 25:25) เรามีโอกาสอย่างดีที่จะนำข่าวดีเรื่องพระเยซู มันก็เหมือนกับ ‘น้ำเย็นที่ให้แก่คนกระหาย’
5. ยืนหยัดมั่นคง
‘คนชอบธรรมที่ยอมแพ้คนอธรรม ก็เหมือนน้ำพุมีโคลนหรือเหมือนน้ำบ่อที่สกปรก’ (ข้อ 26) บางครั้งมันก็จำเป็นที่คุณจะไม่สั่นคลอน
6. อย่าแสวงหาเกียรติ
ถ้าคุณแสวงหาเกียรติของตัวเอง คุณจะพบว่าเกียรติที่แท้จริงหลบหนีจากคุณ ‘กินน้ำผึ้งมากไม่ดีฉันใด แสวงหาเกียรติร่ำไปก็ไม่ดีฉันนั้น’ (ข้อ 27)
7. ควบคุมตัวเอง
‘คนที่ไม่มีการควบคุมตัวเองก็เหมือนบ้านที่ประตูและหน้าต่างที่พังลงมา’ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) อย่าพยายามควบคุมคนอื่น คนเดียวที่คุณควรจะพยายามควบคุมคือตัวคุณเอง การบังคับตนเป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่เป็นผลของพระวิญญาณ (กาลาเทีย 5:22-23)
8. อย่ากังวลเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นพูด
คุณไม่ต้องกลัวการเผยแพร่ที่ไม่ดีหรือการใส่ร้ายป้ายสี ‘นกกระจอกย่อมโผผินและนกนางแอ่นย่อมโบยบินฉันใด คำแช่งสาปอย่างไม่สมควรย่อมไม่เกิดผลฉันนั้น’ (สุภาษิต 26:2)
คำอธิษฐาน
2 ทิโมธี 2: 1-26
ทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์
1เพราะฉะนั้นบุตรของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้มแข็งขึ้นด้วยพระคุณซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์ 2จงมอบคำสอนเหล่านั้นซึ่งท่านได้ยินจากข้าพเจ้าต่อหน้าพยานหลายๆ คนไว้กับบรรดาคนซื่อสัตย์ที่สามารถสอนคนอื่นได้ด้วย 3จงมีส่วนร่วมในความทุกข์ยากเหมือนทหารที่ดีของพระเยซูคริสต์ 4ทหารประจำการย่อมไม่ไปพัวพันกับการงานฝ่ายพลเรือน เพราะเขามุ่งที่จะทำให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ 5และนักกีฬาย่อมไม่ได้รางวัลถ้าเขาไม่แข่งขันตามกติกา 6กสิกรที่ตรากตรำย่อมสมควรได้รับผลิตผลเป็นคนแรก 7จงใคร่ครวญถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าพูด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานความเข้าใจแก่ท่านในทุกๆ สิ่ง
8จงระลึกถึงพระเยซูคริสต์ ผู้ที่พระเจ้าทรงทำให้เป็นขึ้นจากตาย ทรงสืบเชื้อสายจากดาวิด ตามข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศ 9และเพราะข่าวประเสริฐนี้ ข้าพเจ้าจึงทนทุกข์กระทั่งถูกล่ามโซ่เหมือนกับผู้ร้าย แต่พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่อาจถูกล่ามโซ่ไว้ได้ 10เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงยอมสู้ทนทุกอย่าง เพราะเห็นแก่พวกที่ทรงเลือกไว้นั้น เพื่อเขาทั้งหลายจะได้รับความรอดที่มีอยู่ในพระเยซูคริสต์พร้อมทั้งศักดิ์ศรีนิรันดร์
11คำกล่าวนี้สัตย์จริง
คือถ้าเราตายกับพระองค์แล้ว เราก็จะมีชีวิตอยู่กับพระองค์
12ถ้าเราสู้ทน เราก็จะได้ครองร่วมกับพระองค์
ถ้าเราไม่ยอมรับพระองค์ พระองค์ก็จะไม่ทรงยอมรับเราเช่นกัน
13ถ้าเราไม่มีความสัตย์จริง พระองค์ก็ยังทรงไว้ซึ่งความสัตย์จริง
เพราะพระองค์จะไม่ทรงเป็นพระองค์เองไม่ได้
คนงานที่พระเจ้าพอพระทัย
14จงให้เขาทั้งหลายระลึกถึงข้อนี้ และกำชับเขาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า ไม่ให้โต้แย้งกันเรื่องถ้อยคำซึ่งไม่เป็นประโยชน์เลย แต่กลับทำลายพวกคนฟัง 15จงอุตส่าห์ถวายตัวท่านเองที่พระเจ้าทรงรับรองแล้วแด่พระองค์ เป็นคนงานที่ไม่อับอาย สอนพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง 16จงหลีกเลี่ยงคำพูดที่ไร้คุณธรรมและโง่เขลา เพราะคำพูดอย่างนั้นจะนำคนไปสู่ความอธรรมมากยิ่งขึ้น 17และคำพูดของพวกเขาจะแพร่ออกไปเหมือนแผลเนื้อร้าย คนพวกนั้นมีฮีเมเนอัสกับฟีเลทัสรวมอยู่ด้วย 18ทั้งสองคนนั้นหลงไปจากความจริงโดยกล่าวว่าการเป็นขึ้นจากตายนั้นผ่านไปแล้ว เขากำลังทำให้ความเชื่อของบางคนไขว้เขวไป 19แต่ว่ารากฐานอันแข็งแกร่งของพระเจ้าตั้งมั่นอยู่และปรากฏคำจารึกดังนี้ “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักบรรดาคนของพระองค์” และ “ให้ทุกคนที่ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าละทิ้งความชั่ว”
20ในบ้านหลังใหญ่ไม่ได้มีแต่ภาชนะทองและภาชนะเงินเท่านั้น แต่มีภาชนะไม้และภาชนะดินด้วย บางอย่างนั้นเป็นภาชนะพิเศษ บางอย่างก็เป็นภาชนะธรรมดา 21ถ้าใครชำระตัวเองให้พ้นจากความชั่วเหล่านี้ เขาก็จะเป็นภาชนะพิเศษ ซึ่งชำระให้บริสุทธิ์แล้ว เหมาะที่เจ้าของจะใช้เป็นประโยชน์ และพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง 22เพราะฉะนั้นท่านจงหลีกหนีจากตัณหาของคนหนุ่ม และจงมุ่งมั่นในความชอบธรรม ความเชื่อ ความรัก และสันติสุขร่วมกับพวกที่ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์ 23อย่ายุ่งเกี่ยวกับการทุ่มเถียงที่โง่เขลาและไม่เป็นสาระ ท่านก็รู้ว่าสิ่งเหล่านั้นทำให้เกิดการทะเลาะกัน 24ส่วนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องไม่เป็นคนที่ชอบทะเลาะ แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นอาจารย์ที่เหมาะสมและมีความอดทน 25แก้ไขความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้ามด้วยความสุภาพอ่อนโยน เพราะพระเจ้าอาจโปรดให้พวกเขากลับใจ และมาถึงความรู้ในความจริง 26และหลุดพ้นจากบ่วงของมาร ผู้ซึ่งดักจับพวกเขาไว้ให้ทำตามความประสงค์ของมัน
อรรถาธิบาย
9. ส่งต่อ
มันสำคัญที่คุณจะส่งข้อความต่อและลงทุนลงแรงกับคนอื่น อาจารย์เปาโลวาง 4 ขั้นตอนของการลงทุนในคนอื่น ใน 2 ทิโมธี 2:
- ‘จงมอบคำสอนเหล่านั้น’
- ‘ซึ่งท่านได้ยินจากข้าพเจ้า’
- ‘ไว้กับบรรดาคนซื่อสัตย์’
- ‘ที่สามารถสอนคนอื่นได้ด้วย’
10. ทนต่อความยากลำบาก
เปาโลเปรียบเทียบสิ่งนี้กับการเป็นทหาร (ข้อ 4) ทหารจะต้องทนต่อความยากลำบาก เขาอธิบายว่า ‘เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงยอมสู้ทนทุกอย่าง เพราะเห็นแก่พวกที่ทรงเลือกไว้นั้น เพื่อเขาทั้งหลายจะได้รับความรอดที่มีอยู่ในพระเยซูคริสต์พร้อมทั้งศักดิ์ศรีนิรันดร์’ (ข้อ 10) เปาโลหนุนใจเราโดยการพูดต่อไปว่า ‘ถ้าเราสู้ทน เราก็จะได้ครองร่วมกับพระองค์’ (ข้อ 12)
11. หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน
‘ทหารประจำการย่อมไม่ไปพัวพันกับการงานฝ่ายพลเรือน’ (ข้อ 4ก) ให้เราจดจ่อ มีสมาธิ และไม่ถูกสิ่งรบกวนทำให้เสียเวลา ในฐานะทหาร คุณคงจะต้องจดจ่อไว้และมุ่งที่จะทำให้ผู้บังคับบัญชาพอใจ (ข้อ 4ข)
12. รักษากฎเกณฑ์
เปาโลขยับจากการเปรียบเทียบทหารไปยังนักกีฬา ‘นักกีฬาที่ไม่ยอมเล่นตามกฎจะไปได้ไม่ไกล’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
13. ทำงานหนัก
จากทหารและนักกีฬา เปาโลขยับไปเปรียบเทียบกับชาวนา ‘กสิกรที่ตรากตรำย่อมสมควรได้รับผลิตผลเป็นคนแรก’ (ข้อ 6)
14. ใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้า
พระเจ้าเท่านั้นสามารถประทานความเข้าใจ แต่คุณก็มีส่วนที่ต้องทำด้วย ‘จงใคร่ครวญถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าพูด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะประทานความเข้าใจแก่ท่านในทุก ๆ สิ่ง’ (ข้อ 7)
15. จดจ่อที่พระเยซู
‘จงระลึกถึงพระเยซูคริสต์ ผู้ที่พระเจ้าทรงทำให้เป็นขึ้นจากตาย ทรงสืบเชื้อสายจากดาวิด ตามข่าวประเสริฐที่ข้าพเจ้าประกาศ’ (ข้อ 8) ข่าวประเสริฐนั้นเกี่ยวกับพระเยซู และความรอด ‘อยู่ในพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 10)
16. รับพระวจนะของพระเจ้าอย่างถูกต้อง
‘จงอุตส่าห์ถวายตัวท่านเองที่พระเจ้าทรงรับรองแล้วแด่พระองค์ เป็นคนงานที่ไม่อับอาย สอนพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง’ (ข้อ 15)
17. หันจากความชั่วร้าย
‘ให้ทุกคนที่ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าละทิ้งความชั่ว’ (ข้อ 19) การกลับใจใหม่ไม่ใช่ทำครั้งเดียวจบ แต่เป็นท่าทีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการ ‘ละทิ้งความชั่ว’ (ข้อ 19) และ ‘หลีกหนีจากตัณหาของคนหนุ่ม’ (ข้อ 22ก)
18. เป็นผู้สร้างสันติ
เปาโลปลุกเร้าทิโมธีให้ ‘มุ่งมั่น...ในสันติ’ เหนือสิ่งอื่นใด ‘อย่าเข้าไปมีส่วนในการพูดคุยที่โง่เขลา เพราะมันมักจะลงเอยด้วยการทะเลาะ ผู้รับใช้ของพระเจ้าต้องไม่ชอบการโต้เถียง’ (ข้อ 23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
จอยซ์ ไมเยอร์ เขียนไว้ว่า ‘ความขัดแย้งคือการทะเลาะ การโต้เถียง การไม่เห็นด้วยอย่างดุเดือด และกระแสใต้น้ำที่ฉุนเฉียว ความขัดแย้งนั้นอันตรายและสร้างความเสียหาย’ การเอาความขัดแย้งออกไปจากชีวิตของเรา ‘ต้องเต็มใจในการสื่อสารอย่างต่อเนื่องและเผชิญหน้ากับประเด็นต่าง ๆ... ขอความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้คุณเป็นคนที่หลีกเลี่ยงความขัดแย้งและนำสันติสุขกลับคืน ทุกที่ ๆ คุณไป’
19. มีเมตตากับทุกคน
‘ส่วนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า...จะต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน’ (ข้อ 24) ทุกคนหมายถึงทุกคน ไม่ใช่แค่กลุ่มเพื่อนหรือคนที่คุณชื่นชม แต่ทุก ๆ คนที่คุณพบปะระหว่างวัน (โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยถูกชื่นชม เช่นแคชเชียร์ในห้าง คนขับรถเมล์ คนต้อนรับ หรือคนที่บริการด้านมือถือ…)
20. เรียนรู้การสอน
‘ส่วนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้อง...เป็นอาจารย์ที่เหมาะสม’ และ ‘แก้ไขความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้ามด้วยความสุภาพอ่อนโยน’ (ข้อ 24-25) การสอนเป็นพันธกิจของผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็เป็นหน้าที่ของคริสเตียนทุกคน ลักษณะสำคัญคือความอ่อนโยน ‘ผู้รับใช้ของพระเจ้าจะต้องเป็นผู้ฟังที่อ่อนโยนและเป็นครูที่ใจเย็น ทำงานจริงจังแต่อดทนกับคนที่ไม่ยอมเชื่อฟัง’ (ข้อ 24-25, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
21. อย่าขุ่นเคืองใจ
‘ส่วนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องไม่เป็นคนที่ชอบทะเลาะ’ (ข้อ 24) ความขุ่นเคืองใจนั้นทำให้ความสัมพันธ์เป็นพิษ
คำอธิษฐาน
เยเรมีย์ 49:7-50:10
การพิพากษาเอโดม
7เกี่ยวกับเอโดม พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า
“สติปัญญาไม่มีในเทมานอีกแล้วหรือ?
คำปรึกษาสูญสิ้นไปจากผู้เฉลียวฉลาดแล้วหรือ?
สติปัญญาของเขาหายสูญไปเสียแล้วหรือ?
8ชาวเมืองเดดานเอ๋ย
จงหนี จงหันกลับ จงอาศัยในถ้ำลึก
เพราะว่าเราจะนำภัยพิบัติของเอซาวมาเหนือเขา
เวลาเมื่อเราลงโทษเขา
9ถ้าคนเก็บองุ่นมาหาเจ้า
เขาจะไม่ทิ้งองุ่นตกค้างไว้บ้างหรือ?
ถ้าขโมยมาเวลากลางคืน
เขาจะไม่ปล้นเอาเฉพาะที่เขาพอใจหรือ?
10แต่เราได้ทำให้เอซาวเปลือยเปล่า
เราได้เปิดเผยที่ซ่อนของเขา
และเขาไม่สามารถซ่อนตัวได้
ลูกหลานของเขาถูกทำลาย รวมทั้งพี่น้องของเขา
และเพื่อนบ้านของเขา ไม่มีเขาอีกต่อไปแล้ว
11จงทิ้งเด็กกำพร้าของเจ้าไว้เถิด เราจะให้เขามีชีวิตอยู่
และให้แม่ม่ายของเจ้าวางใจในเราเถิด”
12เพราะพระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ถ้าคนที่ยังไม่สมควรจะดื่มจากถ้วยนั้นยังต้องดื่ม เจ้าจะพ้นโทษไปได้หรือ? เจ้าจะพ้นโทษไปไม่ได้ เจ้าจะต้องดื่มด้วย 13พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราได้ปฏิญาณโดยนามของเราแล้วว่า เมืองโบสราห์จะต้องกลายเป็นความหวาดหวั่น เป็นคำตำหนิ เป็นที่ทิ้งร้าง และเป็นคำสาปแช่ง และบรรดาเมืองทั้งสิ้นของเขาจะเป็นที่ทิ้งร้างเป็นนิตย์”
14ข้าพเจ้าได้ยินข่าวจากพระยาห์เวห์
ทูตคนหนึ่งถูกส่งไปท่ามกลางบรรดาประชาชาติ บอกว่า
“จงรวบรวมพวกเจ้าเข้ามาต่อสู้เมืองนั้น
และลุกขึ้นทำสงครามเถิด”
15เพราะว่านี่แน่ะ เราจะทำให้เจ้าเล็กท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
ให้เป็นที่ดูหมิ่นท่ามกลางมนุษย์
16ความหวาดกลัวของเจ้า
ทั้งความเห่อเหิมแห่งใจของเจ้า
ได้หลอกลวงเจ้า เจ้าผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในซอกหิน
ผู้ยึดยอดภูเขาไว้
แม้เจ้าทำรังของเจ้าสูงเหมือนอย่างรังนกอินทรี
เราจะฉุดเจ้าลงมาจากที่นั่น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
17“เอโดมจะกลายเป็นความหวาดหวั่น ทุกคนที่ผ่านมันไปจะหวาดหวั่น และจะเยาะเย้ยเพราะความหายนะทั้งสิ้นของมัน 18อย่างเมื่อเมืองโสโดม เมืองโกโมราห์ และเมืองใกล้เคียงของมันถูกทำลาย พระยาห์เวห์ตรัสว่า ไม่มีใครจะพำนักอยู่ที่นั่น ไม่มีใครจะอาศัยในเมืองนั้น 19นี่แน่ะ เราจะทำให้พวกเขาหนีไปจากมันอย่างฉับพลัน เหมือนอย่างสิงโตขึ้นมาจากดงลุ่มแม่น้ำจอร์แดนกระโจนสู่ทุ่งหญ้าที่เขียวสด เราจะแต่งตั้งผู้ที่เราเลือกสรรไว้เหนือมัน ใครเป็นอย่างเราเล่า? ใครจะฟ้องเราเล่า? ผู้เลี้ยงแกะคนใดจะทนยืนอยู่ต่อหน้าเราได้? 20เพราะฉะนั้น จงฟังแผนงานซึ่งพระยาห์เวห์ทรงกระทำไว้ต่อสู้เมืองเอโดม และพระประสงค์ซึ่งพระองค์ทรงดำริขึ้นต่อสู้ชาวเมืองเทมาน คือถึงแม้ตัวเล็กๆ ที่อยู่ในฝูงก็ต้องถูกลากเอาไป คอกของเขานั้นจะหวาดหวั่นเพราะเคราะห์กรรมของตน 21แผ่นดินโลกจะสั่นสะเทือนเพราะเสียงที่มันล้ม เสียงคร่ำครวญของเขาจะได้ยินถึงทะเลแดง 22ดูเถิด ผู้หนึ่งจะเหาะขึ้นและโฉบลงเหมือนนกอินทรี และกางปีกของมันออกสู้โบสราห์ และจิตใจของนักรบแห่งเอโดมในวันนั้นจะเป็นเหมือนจิตใจของหญิงปวดท้องคลอดบุตร”
การพิพากษาดามัสกัส
23เกี่ยวกับเมืองดามัสกัส ว่า
“เมืองฮามัทและเมืองอารปัดต้องอับอาย
เพราะมันทั้งหลายได้ยินข่าวร้าย
มันก็กลัวลาน มันกังวลใจเหมือนทะเล
ซึ่งสงบลงไม่ได้
24เมืองดามัสกัสก็อ่อนแรง มันหันเพื่อจะหนี
และความกลัวจนตัวสั่นจับมันไว้
ความแสนระทมและความเศร้ายึดมันไว้
อย่างผู้หญิงกำลังคลอดบุตร
25เมืองที่มีชื่อเสียงถูกทอดทิ้งได้อย่างไร?
คือเมืองแห่งความชื่นบานนั้น
26เพราะฉะนั้น คนหนุ่มๆ ของเมืองนั้นจะล้มลงตามลานเมือง
และบรรดาทหารของเมืองนั้นจะถูกทำลายในวันนั้น พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ
27และเราจะก่อไฟขึ้นที่กำแพงเมืองดามัสกัส
และไฟนั้นจะเผาผลาญวังของเบนฮาดัดเสีย”
การพิพากษาเผ่าเคดาร์ และราชอาณาจักรฮาโซร์
28เกี่ยวกับเผ่าเคดาร์และราชอาณาจักรฮาโซร์ ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนโจมตี
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า
“จงลุกขึ้น ไปสู้เผ่าเคดาร์
จงทำลายประชาชนแห่งตะวันออกเสีย
29เต็นท์และฝูงแพะแกะของพวกเขาจะถูกริบเสีย
ทั้งม่านและข้าวของทั้งสิ้นของเขา
อูฐของเขาจะถูกนำเอาไปจากเขา
และคนจะร้องแก่เขาว่า ‘ความสยดสยองมีอยู่ทุกด้าน’
30พระยาห์เวห์ตรัสว่า ชาวเมืองฮาโซร์เอ๋ย
จงหนีไป จงไปให้ไกล ไปอาศัยในถ้ำลึก
เพราะเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน
ทรงคิดแผนการต่อสู้เจ้า
และทรงตั้งเป้าหมายต่อสู้เจ้า”
31พระยาห์เวห์ตรัสว่า “จงลุกขึ้น ไปสู้ประชาชาติหนึ่งที่อยู่สบาย
ซึ่งอาศัยอยู่อย่างมั่นคง
ไม่มีประตูเมืองและไม่มีดาลประตู
อยู่แต่ลำพัง
32อูฐของพวกเขาจะกลายเป็นของที่ปล้นมาได้
และฝูงโคของเขาจะเป็นของที่ริบมา
พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราจะกระจายเขาไปทุกทางลม
คือเขาที่โกนผมจอนหูของเขา
และเราจะนำภัยพิบัติ
มาจากทุกด้านของเขา
33เมืองฮาโซร์จะเป็นที่อาศัยของหมาป่า
เป็นที่ทิ้งร้างอยู่เป็นนิตย์
ไม่มีใครจะพักที่นั่น
ไม่มีมนุษย์คนใดจะอาศัยในนั้น”
การพิพากษาเมืองเอลาม
34พระวจนะของพระยาห์เวห์ ซึ่งมายังเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะเกี่ยวกับเมืองเอลาม ในตอนต้นรัชกาลเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์
35พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า “นี่แน่ะ เราจะหักคันธนูของเอลาม ซึ่งเป็นขุมพลังของพวกเขา 36และเราจะนำลมทั้งสี่ทิศจากฟ้าทั้งสี่ส่วนมาสู้เอลาม และเราจะกระจายเขาไปตามลมเหล่านั้น จะไม่มีประเทศใดซึ่งผู้ถูกขับไล่ออกจากเอลามจะไปไม่ถึง 37เราจะทำให้เอลามสยดสยองต่อหน้าศัตรูของพวกเขา และต่อหน้าผู้ที่แสวงเอาชีวิตของเขา พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราจะนำเหตุร้ายมาถึงเขาทั้งหลาย คือความพิโรธอันแรงกล้า เราจะใช้ให้ดาบไล่ตามเขาจนกว่าเราจะได้เผาผลาญเขาเสีย 38และเราจะตั้งพระที่นั่งของเราในเอลาม และทำลายกษัตริย์ และบรรดาเจ้านายของเขาทั้งหลาย” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
39พระยาห์เวห์ตรัสว่า “แต่ในเวลาต่อไปเราจะให้เอลามกลับสู่สภาพเดิม”
เยเรมีย์ 50
การพิพากษาบาบิโลน
1พระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับบาบิโลน เกี่ยวกับแผ่นดินของชาวเคลเดีย โดยเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ ว่า
2“จงประกาศและป่าวร้องท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
จงตั้งธงขึ้นและป่าวร้อง
อย่าปิดบังไว้เลย จงกล่าวว่า
‘บาบิโลนถูกยึดแล้ว
พระเบลต้องอับอาย
พระเมโรดัคก็ครั่นคร้าม
รูปเคารพทั้งหลายของเมืองนั้นก็ถูกทำให้อับอาย
และรูปปั้นทั้งหลายก็ครั่นคร้าม’
3“เพราะประชาชาติหนึ่งจากทิศเหนือได้มาต่อสู้เมืองนั้น ทำให้แผ่นดินของเธอเป็นที่ร้างเปล่า และไม่มีใครอาศัยในนั้น ทั้งมนุษย์และสัตว์จะหนีไปหมด
4“พระยาห์เวห์ตรัสว่า ในวันเหล่านั้นและในเวลานั้น ประชาชนอิสราเอลและประชาชนยูดาห์จะมารวมกัน และเขาทั้งหลายจะเดินร้องไห้มาแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา 5พวกเขาจะถามหาทางไปศิโยนโดยหันหน้าตรงไปเมืองนั้น กล่าวว่า ‘มาเถิด ให้เรามาผูกพันกับพระยาห์เวห์โดยทำพันธสัญญานิรันดร์ซึ่งจะไม่ลืมเลย’
6“ประชากรของเราเป็นแกะหลง บรรดาผู้เลี้ยงของพวกเขาได้พาเขาหลงไป หันเขาทั้งหลายไปเสียบนภูเขา เขาได้เดินจากภูเขาไปหาเนินเขา เขาลืมคอกของเขาเสียแล้ว 7บรรดาผู้ที่พบเขาก็กินเขา และศัตรูของเขาได้กล่าวว่า ‘เราไม่มีความผิด เพราะพวกเขาได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์ผู้ทรงเป็นที่อยู่อันแท้จริงของเขา คือพระยาห์เวห์ผู้ทรงเป็นความหวังของบรรพบุรุษของเขา’
8“จงหนีจากบาบิโลน จงออกไปจากแผ่นดินเคลเดีย และเป็นเหมือนแพะผู้นำหน้าฝูง 9เพราะ นี่แน่ะ เราจะเร้าและนำบรรดาประชาชาติใหญ่หมู่หนึ่งจากประเทศเหนือมาต่อสู้บาบิโลน และเขาทั้งหลายจะเรียงรายกันมาต่อสู้กับเธอ จากที่นั่นเธอจะถูกยึด ลูกธนูของพวกเขาเหมือนของนักรบที่มีฝีมือผู้ไม่เคยกลับมือเปล่า 10พระยาห์เวห์ตรัสว่า เคลเดียจะถูกปล้น บรรดาผู้ที่ปล้นเขาจะอิ่มหนำ
อรรถาธิบาย
22. ฟังพระวจนะของพระเจ้า
พระเจ้าทรงใช้เยเรมีย์อย่างยิ่งใหญ่เพราะเขาพูดว่า ‘ข้าพเจ้าได้ยินข่าวจากพระยาห์เวห์’ (49:14)
23. ยอมให้พระเจ้าพูดผ่านคุณ
เยเรมีย์ไม่เพียงได้ยินถ้อยคำของพระเจ้า เขาพร้อมจะพูดออกไปและพระเจ้าได้ตรัสผ่านเขา ‘พระวจนะซึ่งพระยาห์เวห์ตรัสโดยเยเรมีย์’ (ข้อ 50:1)
24. เดินเคียงข้างพระเจ้า
เยเรมีย์พยากรณ์ถึงวันที่ ‘ประชาชนอิสราเอลและประชาชนยูดาห์จะมารวมกัน และเขาทั้งหลายจะเดินร้องไห้มาแสวงหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา’ (ข้อ 4)
นี่เป็นความสัมพันธ์ที่พระเจ้าปรารถนาให้เรามีกับพระองค์ ผูกพันกัน เดินเคียงข้างพระองค์ตลอดเวลา (เยเรมีย์ 50:5) และ ‘ยึดพระเจ้าเอาไว้ให้มั่น’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
25. พักสงบในพระเจ้า
‘ประชากรของเราเป็นแกะหลง บรรดาผู้เลี้ยงของพวกเขาได้พาเขาหลงไป หันเขาทั้งหลายไปเสียบนภูเขา เขาได้เดินจากภูเขาไปหาเนินเขา เขาลืมคอกของเขาเสียแล้ว’ (ข้อ 6) พระเจ้าทรงเป็นที่พักพิงของคุณ เป็นที่ ๆ คุณสามารถพักใจ (ดู ข้อ 6:16)
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อยากเป็นคนที่ใช้การได้ของพระองค์ องค์เจ้านาย เป็นเครื่องมือสำหรับเป้าประสงค์ที่สง่างาม พร้อมสำหรับทำการดีทุกอย่าง ข้าพระองค์อยากจะแสวงหาพระพักตร์และผูกพันกับพระองค์ ข้าพระองค์ขอมอบถวายชีวิตให้พระองค์อีกครั้งในวันนี้
โปรดช่วยให้เราในฐานะคริสตจักร เป็นที่พระองค์สามารถใช้การได้ โปรดช่วยให้เราเป็นชุมชนที่ผู้คนจะพบความเมตตา ความเชื่อ ความรัก และสันติสุข โปรดช่วยให้เรานำข่าวดีของพระเยซูไปให้ทุกคนที่อยู่รอบตัว เปลี่ยนแปลงสังคม และเปลี่ยนโลกของเราโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์
เพิ่มเติมโดยพิพพา
สุภาษิต 25:21-22
‘ถ้าศัตรูของเจ้าหิว จงให้อาหารเขากิน และถ้าเขากระหาย จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะเจ้าจะสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา และพระยาห์เวห์จะประทานบำเหน็จแก่เจ้า’
ถ้าใครทำให้คุณเจ็บปวดหรือสะดุด การตอบสนองด้วยความเมตตาหรือใจกว้างขวางนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่รู้เถิดว่าพระเจ้าจะให้บำเหน็จกับคุณ เช่นเดียวกับ ‘ถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา!’
App
Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)