วัน 299

สมบัติที่มีค่าที่สุดของคุณ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 119: 97-104
พันธสัญญาใหม่ 2 ทิโมธี 4:1-22
พันธสัญญาเดิม เยเรมีย์ 51: 15-64

เกริ่นนำ

ขณะที่เซอร์ วอลเตอร์ สก็อต (1771-1832) นักแต่งนิยาย นักประวัติศาสตร์และกวี นอนรอความตาย เขาหันไปหาเพื่อนที่ดีและเป็นหลานเขยของเขา เจ.จี. ล็อคฮาร์ต ซึ่งจะเป็นคนเขียนเรื่องราวชีวิตของเขาในภายหลัง และพูดว่า ‘คุณจะช่วยอ่านหนังสือเล่มนั้นให้หน่อยได้ไหม?’ ล็อคฮาร์ตสงสัยว่าในกองหนังสือมากมาย เขาหมายถึงเล่มไหน เนื่องจากเขาเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ ล็อคฮาร์ตจึงถามว่า ‘เล่มไหนครับ?’

‘เล่มไหนรึ?’ สก็อตตอบกลับ ‘มีอยู่เพียงเล่มเดียว ไปเอาพระคัมภีร์มา’ ในช่วงเวลาสุดท้ายบนโลก สก็อตได้รับการปลอบประโลมและกำลังใจจากสิ่งที่พระเจ้าอยากบอกกับเขา คำพูดสุดท้ายของเขานั้นเกี่ยวกับสมบัติที่มีค่าที่สุดของเขา

ในกรณีของอัครทูตเปาโล เราไม่รู้แน่ชัดว่าคำพูดสุดท้ายของเขาคืออะไร แต่เรารู้ถ้อยคำสุดท้ายที่บันทึกไว้ ซึ่งอยู่ในข้อพระคำของเราในวันนี้ ขณะที่เปาโลมาถึงตอนจบของจดหมาย ซึ่งเขียนว่า ‘และถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะต้องจากไป ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้วิ่งแข่งจนครบถ้วน ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว’ (2 ทิโมธี 4:6ข-7) เราได้เห็นความร้อนรนของอาจารย์เปาโลเพื่อพระคริสต์และพระวจนะของพระองค์ ตลอดชีวิตซึ่งได้บอกผู้คนถึงข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซู ถ้อยคำสุดท้ายของอาจารย์เปาโลได้ปลุกเร้าให้ทิโมธีทำแบบเดียวกัน

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 119: 97-104

מ (เมม)
97โอ ข้าพระองค์รักธรรมบัญญัติของพระองค์จริงๆ
 เป็นคำภาวนาของข้าพระองค์เสมอ
98พระบัญญัติของพระองค์ทำให้ข้าพระองค์ฉลาดกว่าศัตรูของข้าพระองค์
 เพราะพระบัญญัตินั้นอยู่กับข้าพระองค์เป็นนิตย์
99ข้าพระองค์ฉลาดกว่าครูทั้งหมดของข้าพระองค์
 เพราะพระโอวาทของพระองค์เป็นคำภาวนาของข้าพระองค์
100ข้าพระองค์เข้าใจมากกว่าผู้อาวุโส
 เพราะข้าพระองค์รักษาข้อบังคับของพระองค์
101ข้าพระองค์รั้งเท้าไว้จากวิถีชั่วทุกอย่าง
 เพื่อปฏิบัติตามพระวจนะของพระองค์
102ข้าพระองค์มิได้หันไปจากกฎหมายของพระองค์
 เพราะพระองค์ได้ทรงสอนข้าพระองค์
103พระดำรัสของพระองค์นั้น ข้าพระองค์ชิมแล้วหวานจริงๆ
 หวานกว่าน้ำผึ้งเมื่อถึงปากข้าพระองค์
104ข้าพระองค์ได้ความเข้าใจจากข้อบังคับของพระองค์
 เพราะฉะนั้นข้าพระองค์เกลียดชังวิถีเท็จทุกอย่าง

อรรถาธิบาย

รักพระวจนะของพระเจ้า

ถ้าปราศจากพระเจ้า ชีวิตของเราไม่มีความหมาย เมื่อเราอ่านพระวจนะของพระองค์ เราได้เข้าใจความหมายและเป้าประสงค์ของชีวิต ‘ด้วยคำสั่งสอนของพระองค์ ข้าพระองค์เข้าใจถึงชีวิต’ (ข้อ 104, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ไม่มีสิ่งใดสำคัญไปกว่าหรือมีค่ามากกว่านี้อีกแล้ว

ในพิธีครองราชย์ ราชินีอลิซาเบธได้รับสำเนาพระคัมภีร์ที่มีถ้อยคำว่า ‘เราถวายพระคัมภีร์นี้ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดที่โลกนี้จะสามารถหาได้ ให้กับพระองค์’

ผู้เขียนสดุดีเขียนว่า ‘โอ ข้าพระองค์รักธรรมบัญญัติของพระองค์จริง ๆ!’ (ข้อ 97ก) เขาพูดว่า ‘ข้าพระองค์เฝ้าใคร่ครวญพระคำด้วยความยำเกรงตลอดทั้งวัน’ (ข้อ 97ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พร้อมกับเขียนว่า ‘พระวจนะของพระองค์นั้นชั้นดีและเลิศรส ข้าพระองค์ปรารถนามันยิ่งกว่าอาหารทำจากบ้านที่อร่อยที่สุด’ (ข้อ 103, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ผลกระทบของการรักพระวจนะของพระเจ้าและการใคร่ครวญก็เพื่อให้เกิดสติปัญญา (ข้อ 98) การเข้าใจอย่างถ่องแท้ (ข้อ 99) และความเข้าใจ (ข้อ 100,104) ‘ข้าพระองค์กลายเป็นฉลาดกว่าบรรดาครูของข้าพระองค์’ (ข้อ 99, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) มันทำให้คุณมุ่งมั่นในการเอาเท้าออกห่างจากความชั่วร้ายทั้งปวงและเส้นทางที่ผิด (ข้อ 101,104)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่พระวจนะของพระองค์ให้สติปัญญา การเข้าใจอย่างถ่องแท้ และความเข้าใจ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์รัก ใคร่ครวญ และเชื่อฟังพระวจนะของพระองค์

พันธสัญญาใหม่

2 ทิโมธี 4:1-22

 1ข้าพเจ้าขอเตือนท่านอย่างจริงจังเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าและพระเยซูคริสต์ผู้จะทรงพิพากษาคนเป็นและคนตาย และขอเตือนโดยอ้างถึงการมาปรากฏของพระองค์และราชอาณาจักรของพระองค์ว่า 2จงประกาศพระวจนะ จงทำอย่างขะมักเขม้นทั้งในขณะที่คนสนใจและไม่สนใจ จงชักชวน ตักเตือน และหนุนใจ ด้วยความอดทนและด้วยการสั่งสอนอย่างเต็มที่ 3เพราะจะถึงเวลาที่คนจะทนต่อคำสอนที่ถูกต้องไม่ได้ แต่พวกเขาจะรวบรวมบรรดาอาจารย์ไว้สำหรับตน ตามความอยากของตัวเองเพื่อสนองหูที่คัน 4พวกเขาจะเลิกฟังความจริงและหันไปฟังนิยายต่างๆ 5แต่ท่านจงหนักแน่นมั่นคงทุกเรื่อง จงอดทนต่อความทุกข์ยาก จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงทำพันธกิจของท่านให้ครบบริบูรณ์
 6เพราะว่าข้าพเจ้าถูกเทลงเหมือนดั่งเครื่องดื่มบูชาแล้ว และถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะต้องจากไป 7ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้วิ่งแข่งจนครบถ้วน ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว 8ตั้งแต่นี้ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้พิพากษาที่ชอบธรรมจะประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น และไม่ใช่แก่ข้าพเจ้าผู้เดียวเท่านั้น แต่จะประทานแก่ทุกคนที่รักการเสด็จมาของพระองค์

คำแนะนำส่วนตัว

 9จงพยายามมาพบข้าพเจ้าโดยเร็ว 10เพราะว่าเดมาสหลงรักโลกนี้ และทิ้งข้าพเจ้าไปยังเมืองเธสะโลนิกาแล้ว ส่วนเครสเซนส์ไปที่แคว้นกาลาเทีย ทิตัสไปที่แคว้นดาลมาเทีย 11มีเพียงลูกาคนเดียวที่อยู่กับข้าพเจ้า จงไปตามมาระโกและพาเขามาด้วย เพราะเขาเป็นประโยชน์ต่อข้าพเจ้าในพันธกิจ 12ข้าพเจ้าส่งทีคิกัสไปที่เมืองเอเฟซัสแล้ว 13เมื่อท่านมา จงเอาเสื้อคลุมซึ่งข้าพเจ้าฝากไว้กับคารปัสที่เมืองโตรอัสมาด้วย รวมทั้งหนังสือทั้งหลายโดยเฉพาะที่เขียนบนแผ่นหนัง 14อเล็กซานเดอร์ช่างทองแดงคนนั้นทำร้ายข้าพเจ้าอย่างมากมาย องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลงโทษเขาให้สมกับการกระทำของเขา 15ท่านจงระวังเขาให้ดีด้วย เพราะเขาคัดค้านคำสอนของเราอย่างรุนแรง 16ในการแก้คดีเบื้องต้นของข้าพเจ้านั้น ไม่มีใครอยู่เคียงข้างข้าพเจ้าสักคนเดียว พวกเขาทิ้งข้าพเจ้าไปหมด ขออย่าให้พวกเขาต้องรับโทษเลย 17อย่างไรก็ดีองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่ใกล้และประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อว่าข่าวประเสริฐจะได้รับการประกาศออกไปอย่างเต็มที่ผ่านทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทั้งหมดจะได้ยิน แล้วข้าพเจ้าจะได้รับการช่วยให้รอดจากปากสิงโต 18และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะโปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการร้ายทุกอย่าง และจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ของพระองค์ ขอพระสิริมีแด่พระองค์สืบๆ ไปชั่วนิตย์นิรันดร์ อาเมน

คำทักทายสุดท้าย

 19ขอฝากคำทักทายมายังนางปริสคากับอาควิลลาและคนในครอบครัวของโอเนสิโฟรัสด้วย 20เอรัสทัสยังค้างอยู่ที่เมืองโครินธ์ ส่วนโตรฟีมัสนั้นนอนป่วยอยู่ขณะที่ข้าพเจ้าออกจากเมืองมิเลทัส 21ขอให้ท่านพยายามมาถึงก่อนฤดูหนาว ยูบูลัส ปูเดนส์ ลีนัส คลาวเดีย และพวกพี่น้องก็ฝากคำทักทายมายังท่านด้วย 22ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับวิญญาณของท่าน

ขอพระคุณดำรงอยู่กับพวกท่านเถิด

อรรถาธิบาย

ประกาศพระวจนะของพระเจ้า

อัครทูตเปาโลปลุกเร้าให้ ‘ประกาศพระวจนะนั้น’ (ข้อ 2ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ข้อพระคำตอนนี้เต็มไปด้วยคำแนะนำที่ปฏิบัติได้เกี่ยวกับวิธีการทำเช่นนั้น

1. มีส่วนร่วม
เปาโลเขียนถึงทิโมธีว่า ‘ข้าพเจ้าขอเตือนท่านอย่างจริงจัง’ (ข้อ 1) การมอบหมายของเปาโล คือ ให้ทิโมธีเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และนักเทศน์ นี่เป็นหน้าที่ของคริสเตียนทุกคนตามที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่

2. พูดถึงพระเยซู
เปาโลบอกว่า ‘จงประกาศพระวจนะ’ (ข้อ 2ก) คำนี้ในภาษากรีกคือ logos (โลโกส) ซึ่งถูกใช้บรรยายถึงพระเยซูในยอห์น 1:1 ข่าวดีนั้นทั้งหมดเป็นเรื่องพระเยซู

เมื่อเราได้ยินคำว่า ‘เทศนา’ เรามักจะคิดถึงคนที่สวมเสื้อคลุมยาว พูดต่อหน้ากลุ่มผู้เชื่อภายในคริสตจักร คำที่เปาโลใช้ หมายถึงผู้ส่งสารที่มาถ่ายทอดข้อความที่กษัตริย์บอกกับพวกเขา ซึ่งเป็นข้อความสำคัญอย่างทันท่วงที คุณอาจจะไม่ใช่ 'นักเทศน์' แต่คุณสามารถเป็นผู้ส่งข่าวดีเรื่องพระเยซูได้

3. เตรียมตัวให้พร้อม
สำคัญที่คุณจะเตรียมตัวและพร้อมฉวยทุกโอกาสที่พระเจ้าประทานให้คุณพูดเกี่ยวกับความเชื่อของคุณ เปาโลเขียนว่า ‘จงทำอย่างขะมักเขม้นทั้งในขณะที่คนสนใจและไม่สนใจ' (2 ทิโมธี 4:2) นั่นคือ เมื่อคุณสะดวกและเมื่อไม่สะดวกที่จะทำ คำที่ใช้ ‘อย่างขะมักเขม้น’ มีความหมายแฝงในด้านการทหาร และกำลังบอกว่าให้อยู่ประจำฐานของคุณ ปฏิบัติหน้าที่ เฝ้าระวัง และพร้อมรับมือ

4. พูดกับทั้งตัวของบุคคล
ถ้อยคำของเปาโลนั้นเป็นแบบองค์รวม:

  • ดึงดูดความคิด (ข้อ 5) เปาโลใช้คำว่า ‘ตักเตือน’ (ข้อ 2) ซึ่งแปลได้ว่า ‘ชักชวน’ เราจะต้องสอนข่าวประเสริฐ ‘ด้วยการสั่งสอนอย่างเต็มที่’ (ข้อ 2) การถ่ายทอดข่าวประเสริฐของเราจะต้องไม่ขาดจากบริบท ข้อความของเปาโลอิงกับหลักฐานและเหตุผล แน่นอนเปาโลบอกให้ทิโมธี 'หนักแน่นมั่นคงทุกเรื่อง' (ข้อ 5)

  • ดึงดูดจิตใจและจิตสำนึก เปาโลบอกว่า ‘ตักเตือน’ (ข้อ 2) เหตุผลนั้นไม่เพียงพอ แต่จำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงจิตใจ

  • สุดท้ายแล้ว จะต้องดึงดูดเจตนา คือ ‘หนุนใจ’ เราจะต้องเข้าใจคนอื่นๆ และช่วยพวกเขาด้วย ‘ความอดทนอย่างสูง' (ข้อ 2) นี่คือจิตวิญญาณที่ไม่มีวันรำคาญใจ ไม่ท้อแท้ และไม่ถือว่าใครก็ตามยากเกินจะได้รับความรอด

5. พูดความจริงต่อไป
คุณอาจจะถูกทดลองให้เปลี่ยนเนื้อหาตามสิ่งที่ผู้ฟังของคุณอยากจะฟัง หรือสิ่งที่คุณคิดว่าพวกเขาจะตอบสนอง แต่ขอให้ถ่ายทอดข้อความเดียวกันกับที่ส่งมาถึงคุณ ถึงแม้ว่าบางคนจะต้องการ 'อาหารขยะฝ่ายวิญญาณ คือความคิดเห็นที่ตามใจพวกเขา’ มากกว่า ‘คำสอนที่มั่นคง’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) จงป่าวประกาศความจริงแห่งข่าวประเสริฐต่อไป

6. มุ่งไปต่อ
เปาโลเขียนถึงทิโมธีว่า ‘จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงทำพันธกิจของท่านให้ครบบริบูรณ์’(ข้อ 5ค) การบอกกับคนอื่นเป็นหน้าที่ของคุณต่อหน้าพระเจ้า พระเยซูจะเสด็จมาเพื่อพิพากษาและปกครอง (ข้อ 1) สิ่งที่คุณทำในตอนนี้มีผลที่ตามมานิรันดร์ คุณจะต้องคำนึงถึงสิ่งนี้ด้วย

ดังนั้น ขอให้อดทนต่อความทุกข์ยาก (ข้อ 5) ถ้าคุณส่งต่อข่าวประเสริฐนั้น คุณอาจจะถูกเข้าใจผิด ถูกตีความผิด หรือถูกบิดเบือนความจริง เปาโลถูกเดมาสทอดทิ้ง (ข้อ 10) ถูกต่อต้านอย่างรุนแรงโดยอเล็กซานเดอร์ ช่างทองแดง คนที่ทำร้ายท่านอย่างมากมาย (ข้อ 14) ไม่มีใครอยู่เคียงข้างสักคนเดียวในช่วงเวลาที่ท่านต้องการมากที่สุด (ข้อ 16)

แต่อย่าล้มเลิก ขอให้ฟังคำพูดของเปาโลที่บอกทิโมธี เหมือนว่าคำพูดนั้นสำหรับเรา คือ ‘ทำให้การเผยแพร่ข่าวประเสริฐเป็นงานชีวิตของคุณ’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ฉบับ J.B. Phillips โดยผู้แปล) นี่คือสิ่งที่เปาโลทำ โดยเต็มใจถูกเทลงเหมือนดั่งเครื่องดื่มบูชา (ข้อ 6)

ตอนนี้ท่านพูดกับทิโมธีว่า 'เจ้าจงรับช่วงต่อเถิด ข้าพเจ้ากำลังจะตาย ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นเครื่องบูชาบนแท่นบูชาของพระเจ้า นี่เป็นการแข่งขันเดียวที่คู่ควรแก่การวิ่ง ข้าพเจ้าได้วิ่งอย่างหนักเพื่อไปถึงเส้นชัย คงความเชื่อตลอดเส้นทาง ทั้งหมดที่เหลืออยู่ในตอนนี้คือการตะโกน เป็นเสียงปรบมือของพระเจ้า ขอให้ยึดไว้ว่าพระองค์ทรงเป็นกรรมการที่ซื่อสัตย์ พระองค์จะกระทำอย่างชอบธรรมไม่ใช่แค่สำหรับข้าพเจ้า แต่ทุกคนที่ตั้งตารอการเสด็จกลับมาของพระองค์’ (ข้อ 6-8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

7. รู้ไว้ว่าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายคุณ
ท่ามกลางการต่อต้านและความยากลำบาก มีสิ่งเดียวที่แตกต่างออกไป ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่ใกล้และประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า’ (ข้อ 17) และเช่นกัน 'เพื่อว่าข่าวประเสริฐจะได้รับการประกาศออกไปอย่างเต็มที่ และคนต่างชาติทั้งหมดจะได้ยิน' (ข้อ 17) เปาโลมั่นใจเรื่องอนาคตของตน ถึงแม้ว่าต้องเผชิญกับความตายที่คุกคามในทันที (ข้อ 18) ความปรารถนาสูงสุดของเขาคือทิโมธีและผู้เชื่อคนอื่น ๆ จะติดสนิทกับพระเยซู คำสุดท้ายของเปาโลคือ ‘ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตกับวิญญาณของท่าน ขอพระคุณดำรงอยู่กับพวกท่านเถิด’ (ข้อ 22)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์ไม่ได้อยู่ตามลำพังขณะที่บอกคนอื่นเรื่องข่าวดีของพระเยซู พระองค์เสด็จไปกับข้าพระองค์โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ที่จะทำอย่างสัตย์ซื่อ ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ไปถึงเส้นชัย และรักษาความเชื่อเอาไว้

พันธสัญญาเดิม

เยเรมีย์ 51: 15-64

15ผู้ทรงสร้างโลกด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์
 ผู้ทรงสถาปนาพิภพไว้ด้วยพระปัญญา
 และทรงคลี่ท้องฟ้าออกด้วยความเข้าใจของพระองค์
16เมื่อพระองค์เปล่งพระสุรเสียงก็มีเสียงน้ำคะนองในท้องฟ้า
 และทรงทำให้หมอกลอยขึ้นจากปลายพิภพ
ทรงทำฟ้าแลบเพื่อฝน
 และทรงนำลมมาจากพระคลังของพระองค์
17มนุษย์ทุกคนโง่เขลาและไม่มีความรู้
 ช่างทองทุกคนจะต้องอับอายเพราะรูปเคารพของตน
เพราะรูปหล่อของเขาเป็นของเท็จ
 และมันไม่มีลมหายใจ
18สิ่งเหล่านั้นเป็นของไร้ค่า และเป็นผลงานที่น่าเยาะเย้ย
 มันจะต้องพินาศเมื่อถึงเวลาการลงโทษ
19พระองค์ผู้ทรงเป็นส่วนมรดกของยาโคบไม่เหมือนสิ่งเหล่านี้
 เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ที่ก่อร่างทุกสิ่งขึ้น
และอิสราเอลเป็นเผ่าที่เป็นมรดกของพระองค์
 พระยาห์เวห์จอมทัพคือพระนามของพระองค์
 อิสราเอลเป็นเครื่องมือของพระผู้สร้าง
20“เจ้าเป็นค้อนและยุทโธปกรณ์ของเรา
 เราใช้เจ้าทุบบรรดาประชาชาติเป็นชิ้นๆ
 เราใช้เจ้าทำลายราชอาณาจักรทั้งหลาย
21เราใช้เจ้าทุบม้าและคนขี่เป็นชิ้นๆ
 เราใช้เจ้าทุบบรรดารถรบและคนขับให้เป็นชิ้นๆ
22เราใช้เจ้าทุบผู้ชายและผู้หญิงเป็นชิ้นๆ
 เราใช้เจ้าทุบคนแก่และคนหนุ่มเป็นชิ้นๆ
 เราใช้เจ้าทุบคนหนุ่มและหญิงสาวเป็นชิ้นๆ
23เราใช้เจ้าทุบผู้เลี้ยงแกะและฝูงแกะเป็นชิ้นๆ
 เราใช้เจ้าทุบชาวนาและโคคู่แอกของเขาเป็นชิ้นๆ
 เราใช้เจ้าทุบพวกข้าหลวงและเจ้าหน้าที่เป็นชิ้นๆ”

การพิพากษาบาบิโลน

 24พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เราจะตอบสนองบาบิโลนและบรรดาคนเคลเดียต่อหน้าต่อตาของเจ้า เพราะบรรดาความชั่วร้ายซึ่งเขาได้ทำในศิโยน”
25พระยาห์เวห์ตรัสว่า “ภูเขาผู้ทำลายเอ๋ย
 นี่แน่ะ เราต่อสู้เจ้า
เจ้าผู้ทำลายแผ่นดินโลกทั้งสิ้น
 เราจะเหยียดมือของเราออกต่อสู้เจ้า
และกลิ้งเจ้าลงมาจากหน้าผา
 และทำให้เจ้าเป็นภูเขาที่ลุกไหม้
26เขาจะไม่เอาหินจากเจ้าไปทำศิลาหัวมุม
 และไม่เอาไปทำรากฐาน
 แต่เจ้าจะเป็นของทิ้งร้างเป็นนิตย์” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้
27“จงตั้งธงไว้บนแผ่นดินโลก
 จงเป่าเขาสัตว์ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลาย
จงเตรียมประชาชาติทั้งหลายไว้ทำสงครามกับมัน
 จงเรียกราชอาณาจักรต่อไปนี้มาสู้กับมัน
อารารัต มินนี และอัชเคนัส
 จงตั้งแม่ทัพไว้ต่อสู้มัน
 จงนำม้าขึ้นมาเหมือนฝูงตั๊กแตนเกลื่อนกลาด
28จงเตรียมบรรดาประชาชาติมาทำสงครามกับมัน
 คือเตรียมบรรดากษัตริย์แห่งมีเดียพร้อมทั้งพวกข้าหลวงและเจ้าหน้าที่ทั้งหมด
 และทุกแผ่นดินที่ขึ้นแก่มีเดีย
29แผ่นดินสะเทือนสะท้านและบิดตัวอย่างเจ็บปวด  เพราะบรรดาพระประสงค์ของพระยาห์เวห์ต่อบาบิโลนก็ตั้งมั่นอยู่
ที่จะทำให้แผ่นดินบาบิโลนเป็นที่ร้างเปล่า
 ปราศจากคนอาศัย
30นักรบแห่งบาบิโลนหยุดรบแล้ว
 พวกเขาค้างอยู่ในที่กำบังเข้มแข็งของเขา
กำลังของเขาถอยเสียแล้ว
 เขาทั้งหลายกลายเป็นเหมือนผู้หญิง
ที่อาศัยของมันก็กำลังลุกไหม้
 และดาลประตูของมันก็หัก
31นักวิ่งคนหนึ่งวิ่งไปพบนักวิ่งอีกคนหนึ่ง
 ทูตคนหนึ่งวิ่งไปพบทูตอีกคนหนึ่ง
เพื่อทูลกษัตริย์แห่งบาบิโลนว่า
 เมืองของพระองค์ถูกยึดไว้ทุกด้านแล้ว
32ท่าลุยข้ามก็ถูกยึดแล้ว
 เครื่องป้องกันก็ถูกไฟไหม้
 และบรรดาทหารก็ระส่ำระสาย
33เพราะพระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า
 ประชากรแห่งบาบิโลนก็เหมือนลานนวดข้าว
ณ เวลาที่มันถูกเหยียบย่ำ
 อีกสักประเดี๋ยว
 เวลาเกี่ยวก็จะมาถึงมันแล้ว”
34ให้ชาวเมืองศิโยนพูดว่า
 “เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ทรงกลืนกินข้าเสียแล้ว
พระองค์ทรงขย้ำข้า
 พระองค์ทรงทำให้ข้าเป็นภาชนะว่างเปล่า
พระองค์ทรงกลืนข้าดั่งมังกร
 พระองค์เสวยของอร่อยของข้าจนเต็มท้อง
 และพระองค์ทรงไล่ข้าออกไป”
35ให้ชาวศิโยนกล่าวว่า
 “ความทารุณที่ได้ทำแก่ข้าและแก่ญาติของข้า จงตกเหนือบาบิโลน”
ให้เยรูซาเล็มกล่าวว่า
 “ให้คนเคลเดียรับผิดชอบที่ทำให้โลหิตของข้าตก”
36เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า  “นี่แน่ะ เราจะแก้คดีของเจ้า
และทำการแก้แค้นเพื่อเจ้า
 เราจะทำให้ทะเลของมันแห้ง
 และทำน้ำพุของมันให้เหือด
37และบาบิโลนจะกลายเป็นสิ่งปรักหักพัง
 เป็นที่ที่หมาป่าอยู่
เป็นความหวาดหวั่นและเป็นที่เยาะเย้ย
 ปราศจากผู้คนอาศัย”
38พระยาห์เวห์ตรัสว่า
 “พวกเขาจะคำรามใส่กันอย่างสิงห์หนุ่ม
 เขาจะร้องอย่างลูกสิงห์
39ขณะที่เขาเร่าร้อน เราจะเตรียมการเลี้ยงให้
 และทำให้พวกเขามึนเมา เขาจะร่าเริงยินดี
และนอนหลับไปเป็นนิตย์
 ไม่ตื่นอีกเลย
40เราจะนำเขาทั้งหลายลงมาดุจลูกแกะไปยังการฆ่า
 เหมือนแกะผู้และแพะผู้
41“เชชักถูกยึด
 ความภูมิใจของแผ่นดินโลกถูกจับไปได้อย่างไรเล่า
บาบิโลนกลายเป็น
 ความหวาดหวั่นท่ามกลางบรรดาประชาชาติได้อย่างไรกัน
42ทะเลขึ้นมาเหนือบาบิโลน
 คลื่นสนั่นท่วมมันมิด
43เมืองต่างๆ ของมันกลายเป็นที่ร้างเปล่า
 เป็นแผ่นดินที่แห้งแล้งและเป็นทะเลทราย
เป็นแผ่นดินที่ไม่มีใครอาศัยอยู่
 และไม่มีมนุษย์คนใดข้ามไป
44และเราจะลงโทษพระเบลในบาบิโลน
 เขากลืนอะไรเข้าไปแล้ว เราจะเอาออกจากปากเขาเสีย
บรรดาประชาชาติจะไม่หลั่งไหลไปหาเขาอีก
 กำแพงแห่งบาบิโลนก็จะล้มลง
45“ประชากรของเราเอ๋ย จงออกไปเสียจากท่ามกลางมัน
 ให้ทุกคนเอาชีวิตของตนรอด
 จากความพิโรธอันร้อนแรงของพระยาห์เวห์เถิด
46อย่าให้ใจของเจ้าวิตกและอย่ากลัว
 ข่าวลือซึ่งได้ยินในแผ่นดินนั้น
เมื่อมีข่าวมาในปีหนึ่ง
 ต่อมาอีกปีหนึ่งก็มีข่าวมา
คือข่าวลือเรื่องความทารุณในแผ่นดิน
 และเรื่องที่ผู้ครอบครองต่อสู้กับผู้ครอบครอง
47“เพราะฉะนั้น นี่แน่ะ วันเวลาจะมาถึง
 เมื่อเราจะลงโทษรูปเคารพแห่งบาบิโลน
แผ่นดินทั้งสิ้นของมันจะอับอาย
 และบรรดาชาวบาบิโลนซึ่งถูกฆ่าจะล้มลงท่ามกลางมัน
48แล้วฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก
 และสรรพสิ่งที่มีอยู่ในนั้น
จะร้องเพลงด้วยความชื่นบานเหนือบาบิโลน
 เพราะว่าผู้ทำลายจะมาจากทิศเหนือต่อสู้กับมัน
 พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้
49บาบิโลนจะต้องล้มลง เนื่องด้วยคนอิสราเอลที่ถูกฆ่า
 ดังคนแห่งแผ่นดินโลกทั้งสิ้นที่ถูกฆ่า ได้ล้มลงเพราะบาบิโลน
50“เจ้าทั้งหลายผู้ที่รอดจากดาบ
 รีบไปเถิด อย่ายืนนิ่งอยู่
จงระลึกถึงพระยาห์เวห์จากที่ไกล
 และให้กรุงเยรูซาเล็มเข้ามาในจิตใจของเจ้า
51‘เราอับอาย เพราะเราได้ยินคำเยาะเย้ย
 ความอัปยศคลุมหน้าเราไว้
เพราะคนต่างชาติได้เข้าในสถานนมัสการ
 แห่งพระนิเวศของพระยาห์เวห์’ ”
52พระยาห์เวห์ตรัสว่า “เพราะฉะนั้น ดูสิ วันเวลาจะมาถึง
 เมื่อเราจะลงโทษรูปเคารพของมัน
และคนที่บาดเจ็บจะคร่ำครวญ
 อยู่ทั่วแผ่นดินทั้งสิ้นของมัน
53พระยาห์เวห์ตรัสว่า
 ถึงแม้บาบิโลนจะขึ้นไปบนสวรรค์
และถึงแม้มันจะสร้างป้อมกันที่สูงอันเข้มแข็งของมันไว้
 บรรดาผู้ทำลายจากเราก็จะมาสู้มัน
54“มีเสียงร้องมาจากบาบิโลน
 การทำลายอย่างใหญ่หลวงจากแผ่นดินของคนเคลเดีย
55เพราะพระยาห์เวห์กำลังทรงทำให้บาบิโลนเป็นที่ทิ้งร้าง
 และทำให้เสียงอันดังของมันเงียบลง
คลื่นของเขาทั้งหลายคะนองเหมือนน้ำมาก
 เสียงอึกทึกของเขาก็เปล่งออกมา
56เพราะว่าผู้ทำลายได้มาสู้กับมัน
 คือสู้กับบาบิโลน
บรรดานักรบของมันถูกยึดแล้ว
 คันธนูของพวกเขาถูกหักเป็นชิ้นๆ
เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งการตอบแทน
 พระองค์จะทรงตอบสนองเป็นแน่
57เราจะทำให้เจ้านายของมันและนักปราชญ์ของมันมึนเมา
 พวกข้าหลวงของมัน เจ้าหน้าที่ของมัน และนักรบของมัน
พวกเขาจะนอนหลับอยู่เป็นนิตย์ไม่ตื่นอีกเลย
 พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระนามว่า พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้
58“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า
 กำแพงอันกว้างขวางของบาบิโลน
จะถูกปราบลงให้ราบเสมอพื้นดิน
 และประตูเมืองสูงของมัน
จะถูกเผาด้วยไฟ
 บรรดาประชาชนจะทำงานอย่างไร้ผล
 และชนชาติทั้งหลายจะเหน็ดเหนื่อยก็เพื่อเผาไฟเสียเท่านั้น”

คำบัญชาของเยเรมีย์ต่อเสไรยาห์

 59ถ้อยคำซึ่งเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ ได้บัญชาแก่เสไรยาห์บุตรเนริยาห์ ผู้เป็นบุตรมัคเสยาห์ เมื่อเขาไปยังบาบิโลนกับเศเดคียาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ในปีที่ 4 แห่งรัชกาลของพระองค์นั้น เสไรยาห์เป็นหัวหน้าจัดที่พัก 60เยเรมีย์ได้เขียนโทษทั้งสิ้นซึ่งจะมาถึงบาบิโลนนั้นไว้ในหนังสือม้วน ถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำที่เขียนไว้เกี่ยวกับบาบิโลน 61และเยเรมีย์พูดกับเสไรยาห์ว่า “เมื่อท่านมาถึงบาบิโลนแล้ว ท่านจงอ่านถ้อยคำเหล่านี้ทั้งหมด 62และกล่าวว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ตรัสกับสถานที่นี้ว่า “พระองค์จะทรงตัดออกเสีย เพื่อจะไม่มีอะไรอาศัยอยู่ในนั้น ไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ และจะเป็นที่ร้างเปล่าอยู่เป็นนิตย์” 63เมื่อท่านอ่านหนังสือนี้จบแล้ว จงเอาหินก้อนหนึ่งมัดติดมันไว้และโยนมันทิ้งไปกลางแม่น้ำยูเฟรติส 64และจงกล่าวว่า “บาบิโลนจะจมลงอย่างนี้แหละ ไม่ลอยขึ้นอีกเลยเพราะโทษซึ่งเราจะนำมาเหนือมัน” ’ ” ถ้อยคำของเยเรมีย์มีเพียงเท่านี้

อรรถาธิบาย

ป่าวประกาศพระวจนะของพระเจ้า

คุณเคยรู้สึกไม่มีอำนาจที่จะทำบางอย่างกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไหม? บางครั้งดูเหมือนว่าการต่อต้านพระเจ้าและคนของพระองค์จะมีพลังมากกว่าเรา นี่เป็นสถานการณ์ในยุคของเยเรมีย์ เมื่อคนของพระเจ้าเผชิญหน้ากับอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดในเวลานั้น คือ เมืองบาบิโลน

ในช่วงเวลาของความทุกข์ยาก เยเรมีย์ป่าวประกาศถ้อยคำของพระเจ้าต่อไปจนเขาจบชีวิตลง (ข้อ 25–26,39,48,52–53,57–58) เราได้อ่านถ้อยคำสุดท้ายของอัครทูตเปาโล ตอนนี้เราได้เห็นคำสุดท้ายของเยเรมีย์ ‘ถ้อยคำของเยเรมีย์มีเพียงเท่านี้’ (ข้อ 64)

ถ้อยคำของเยเรมีย์บอกว่าพระเจ้าทรงฤทธานุภาพสูงสุด ‘พระองค์ทรงสร้างโลกนี้ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ ปัญญาของพระองค์ทำให้โลกก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง พระองค์ทรงประดิษฐ์จักรวาลด้วยฝีพระหัตถ์’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุดผู้นี้อยู่เคียงข้างคุณ ‘เราอยู่ฝ่ายเจ้า และรับเรื่องของเจ้าไว้’ (ข้อ 36, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ดังนั้นเยเรมีย์บอกว่า ‘อย่าสูญเสียความหวัง อย่ายอมแพ้’ (ข้อ 46, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

อาณาจักรบาบิโลน ซึ่งดูเหมือนทรงอำนาจที่สุดในเวลานั้น กำลังจะล่มสลายเหมือนกับอาณาจักรอื่น ๆ ก่อนหน้า แต่ประชากรของพระเจ้าไม่เพียงแต่รอดชีวิต พวกเขาได้เติบโตและรุ่งเรืองต่อไป

เยเรมีย์เขียนถ้อยคำลงบนหนังสือม้วน ‘ท่านจงอ่านถ้อยคำเหล่านี้ทั้งหมด’ (ข้อ 61) เยเรมีย์เป็นผู้เผยพระวจนะที่สัตย์ซื่อ เขาได้ยินถ้อยคำจากพระเจ้าและบอกถ้อยคำนั้นกับคนอื่น ๆ ตลอดชีวิตของเขา

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ถ้อยคำของพระเยซูเปลี่ยนแปลงชีวิตของข้าพระองค์ ขอบคุณที่ข้าพระองค์มีสิทธิพิเศษในการเห็นสิ่งนั้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนมากมาย โปรดช่วยให้ข้าพระองค์กล่าวถ้ยคำของพระองค์ต่อไปอย่างกล้าหาญจวบจนช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต

เพิ่มเติมโดยพิพพา

2 ทิโมธี 4:6-8

‘เพราะว่าข้าพเจ้าถูกเทลงเหมือนดั่งเครื่องดื่มบูชาแล้ว และถึงเวลาที่ข้าพเจ้าจะต้องจากไป ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้วิ่งแข่งจนครบถ้วน ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว ตั้งแต่นี้ไปมงกุฎแห่งความชอบธรรมก็จะเป็นของข้าพเจ้า ซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้พิพากษาที่ชอบธรรมจะประทานเป็นรางวัลแก่ข้าพเจ้าในวันนั้น’

สามสิ่งที่ฉันหวังว่าจะได้ทำก่อนจบชีวิต:

ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง

ไปถึงเส้นชัย

รักษาความเชื่อเอาไว้

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม