วัน 300

ถ้ายังไม่ลงตัวเรียบร้อย แปลว่ายังไม่จบ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี  119: 105-112
พันธสัญญาใหม่ ทิตัส 1:1-16
พันธสัญญาเดิม เยเรมีย์ 52:1-34

เกริ่นนำ

มีประโยคหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง The Best Exotic Marigold Hotel (โรงแรมสวรรค์ อัศจรรย์หัวใจ) บอกว่า ‘ทุกอย่างจะลงตัวในตอนจบ... ถ้ายังไม่ลงตัวเรียบร้อย แปลว่ายังไม่จบ’ ถ้อยคำเหล่านี้สื่อถึงความจริงในเชิงศาสนศาสตร์ที่ลึกซึ้งมากยิ่งกว่าบริบทในภาพยนตร์

ปัญญานิพนธ์

สดุดี  119: 105-112

נ (นูน)
105พระวจนะของพระองค์เป็นตะเกียงแก่เท้าของข้าพระองค์
 และเป็นความสว่างแก่ทางของข้าพระองค์
106ข้าพระองค์ได้สาบานและยืนยันว่า
 จะปฏิบัติตามกฎหมายอันชอบธรรมของพระองค์
107ข้าพระองค์ทุกข์ยากยิ่งนัก
 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงรักษาชีวิตของข้าพระองค์ไว้ตามพระวจนะของพระองค์
108ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงรับคำสรรเสริญจากปากของข้าพระองค์ ที่ถวายด้วยความสมัครใจ
 และขอทรงสอนกฎหมายของพระองค์แก่ข้าพระองค์
109ชีวิตของข้าพระองค์อยู่ในอันตรายเสมอ
 แต่ข้าพระองค์ไม่ลืมธรรมบัญญัติของพระองค์
110คนอธรรมวางกับดักข้าพระองค์
 แต่ข้าพระองค์ไม่หลงเจิ่นจากข้อบังคับของพระองค์
111ข้าพระองค์รับพระโอวาทของพระองค์ไว้เป็นมรดกเป็นนิตย์
 พระโอวาทเป็นความชื่นบานแก่ใจข้าพระองค์
112ข้าพระองค์โน้มใจทำตามกฎเกณฑ์ของพระองค์
 เป็นนิตย์จนอวสาน

อรรถาธิบาย

วิ่งไปถึงเส้นชัย

ขอให้เรามุ่งมั่นที่จะสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต เหมือนที่ผู้เขียนสดุดีบอกว่า ‘ข้าพระองค์โน้มใจทำตามกฎเกณฑ์ของพระองค์เป็นนิตย์จนอวสาน’ (ข้อ 112)

ในบางมุม ชีวิตของคุณเป็นเหมือนการแข่งขันที่มีอุปสรรค มีกับดักตลอดเส้นทาง (ข้อ 110ก) มีการทดลองให้หลงเจิ่น (ข้อ 110ข) และมีความทุกข์ยาก (ข้อ 107)

คุณจะเลี่ยงการหกล้มหรือการทำให้ชีวิตยุ่งเหยิงได้อย่างไร? การพเนจรในความมืดนั้นน่ากลัวและอันตราย คำตอบของผู้เขียนสดุดีคือท่ามกลางความมืดมิดของโลกรอบตัวเรา พระวจนะของพระเจ้านำมาซึ่ง:

1. การทรงนำ
พระวจนะของพระเจ้าส่องสว่างในความมืด: ‘พระวจนะของพระองค์เป็นตะเกียงแก่เท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่ทางของข้าพระองค์’ (ข้อ 105) ซึ่งช่วยให้คุณมองเห็นอุปสรรคในเส้นทาง และหวังใจว่าจะหลีกเลี่ยงจากการสะดุดล้ม ขอให้ศึกษาพระวจนะของพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอและพระองค์จะทรงนำคุณไปทีละก้าว ‘โดยพระวจนะของพระองค์ ข้าพระองค์มองเห็นทางที่กำลังเดินไป พระวจนะเป็นแสงที่ส่องมาบนทางที่มืดมิดของข้าพระองค์’ (ข้อ 105, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

2. การหล่อเลี้ยง
คุณต้องการการหล่อเลี้ยงฝ่ายวิญญาณเพื่อจะไปต่อได้ พระวจนะของพระเจ้า ‘หวานกว่าน้ำผึ้งเมื่อถึงปากข้าพระองค์’ (ข้อ 103)

3. สติปัญญา
คุณจำเป็นต้องมีสติปัญญาเมื่อคุณเจอกับสถานการณ์และการตัดสินใจที่กดดัน พระวจนะของพระเจ้าให้ ‘ความเข้าใจจากข้อบังคับของพระองค์’ (ข้อ 104)

4. หนุนจิตชูใจ
มันไม่ง่ายเลย เขาเขียนว่า 'ชีวิตของข้าพระองค์อยู่ในอันตรายเสมอ' (ข้อ 109) คุณต้องการหนุนใจเพื่อจะไปต่อ พระวจนะของพระเจ้าเป็น 'มรดกเป็นนิตย์' และเป็น 'ความชื่นบานแก่ใจข้าพระองค์' (ข้อ 111)

พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อและจะทรงช่วยคุณ ผู้เขียนสดุดีเขียนว่า 'ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงรับคำสรรเสริญจากปากของข้าพระองค์ ที่ถวายด้วยความสมัครใจ’ (ข้อ 108) เขามุ่งมั่นโดยการช่วยกู้จากพระองค์ที่จะไปต่อ ‘เป็นนิตย์จนอวสาน’ (ข้อ 112ข)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า มีเรื่องมากมายให้เราสรรเสริญพระองค์ ขอโปรดรับคำสรรเสริญจากปากของข้าพระองค์ ถ้อยคำของพระองค์เป็น 'ความชื่นบานแก่ใจข้าพระองค์' (ข้อ 111) ข้าพระองค์ตั้งใจที่จะรักษาไว้จนถึงที่สุด

พันธสัญญาใหม่

ทิตัส 1:1-16

การทักทาย

 1จาก เปาโล ซึ่งเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าและอัครทูตของพระเยซูคริสต์ เพื่อความเชื่อของคนที่พระเจ้าทรงเลือกและความรู้ในความจริงตามทางพระเจ้า 2ซึ่งอยู่บนความหวังของชีวิตนิรันดร์ ที่พระเจ้าผู้ไม่ตรัสมุสาทรงสัญญาไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นของกาลเวลา 3และในเวลาที่ทรงกำหนด ก็ทรงสำแดงพระวจนะของพระองค์ด้วยการประกาศที่ข้าพเจ้ารับมอบไว้ ตามพระบัญชาของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเรา
 4ถึง ทิตัสผู้เป็นบุตรที่แท้จริงของข้าพเจ้าในความเชื่อเดียวกัน
 ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดา และจากพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเราดำรงอยู่กับท่านเถิด

งานของทิตัสที่เกาะครีต

 5เหตุที่ข้าพเจ้าละท่านไว้ที่เกาะครีตนั้นก็เพื่อให้ท่านแก้ไขสิ่งที่ยังบกพร่องให้เรียบร้อย และแต่งตั้งบรรดาผู้ปกครองไว้ทุกเมืองตามที่ข้าพเจ้ากำชับท่าน 6คือคนที่ไม่มีข้อตำหนิ เป็นสามีของหญิงคนเดียว มีลูกๆ ที่เชื่อและไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นนักเลงหรือเป็นคนดื้อด้าน 7เพราะว่าผู้ปกครองดูแล ซึ่งเป็นผู้รับมอบฉันทะของพระเจ้า ต้องไม่มีข้อตำหนิ ไม่เย่อหยิ่ง ไม่อารมณ์ร้อน ไม่ดื่มสุรามึนเมา ไม่ชอบความรุนแรง และไม่เป็นคนโลภมักได้ 8แต่มีอัธยาศัยต้อนรับแขก รักความดี มีสติสัมปชัญญะ ชอบธรรม บริสุทธิ์ รู้จักบังคับใจตนเอง 9และยึดมั่นในพระวจนะอันสัตย์จริงตามคำสอน เพื่อจะสามารถหนุนใจด้วยคำสอนที่ถูกต้องและชี้แจงต่อพวกคนที่คัดค้าน 10เพราะว่ามีคนจำนวนมากที่ดื้อด้าน พูดแต่เรื่องไม่มีประโยชน์และหลอกลวง โดยเฉพาะพวกที่เข้าสุหนัต 11จำเป็นต้องให้เขาสงบปากสงบคำ เนื่องจากพวกเขาคว่ำทั้งครัวเรือน โดยสอนสิ่งที่ไม่ควรจะสอนเพราะโลภมักได้ 12ผู้ทำนายคนหนึ่งจากพวกเขาเองเคยกล่าวว่า “ชาวครีตชอบพูดปด โหดร้ายเหมือนสัตว์ เกียจคร้านและตะกละ” 13คำพยานของเขาเป็นความจริง เพราะฉะนั้นท่านจงว่ากล่าวเขาให้แรงๆ เพื่อให้พวกเขามีความเชื่อที่ถูกต้อง 14ไม่สนใจนิยายของพวกยิวหรือกฎบัญญัติของคนทั้งหลายที่ไม่รับสัจจะ 15สำหรับบรรดาคนที่บริสุทธิ์นั้นทุกสิ่งก็บริสุทธิ์ แต่สำหรับคนที่ชั่วช้าและไม่มีความเชื่อนั้นก็ไม่มีสิ่งใดบริสุทธิ์เลย แต่จิตใจและมโนธรรมของพวกเขาเสื่อมทราม 16เขาพูดว่ารู้จักพระเจ้า แต่ในการกระทำนั้นปฏิเสธพระองค์ พวกเขาน่าเกลียดน่าชัง ไม่เชื่อฟัง และไม่เหมาะกับการดีใดๆ เลย

อรรถาธิบาย

ส่งต่อไม้ผลัดให้คนรุ่นต่อไป

การเป็นผู้นำเป็นเหมือนการวิ่งผลัด การรับช่วงต่อคือกุญแจ จงส่งไม้ผลัดให้ชนรุ่นต่อไปเพราะบทบาทของคุณในการแข่งขันยังไม่จบ

ชีวิตของอัครทูตเปาโลเปลี่ยนไปเมื่อเขาพบกับพระเยซูบนถนนไปดามัสกัส เขาตระหนักในตอนนั้นว่าพระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย ดังนั้นความตาย (การจบลงของชีวิตนี้) จึงไม่ใช่จุดจบ

ทั้งยังมองตัวเองว่าเป็น ‘ตัวแทนของพระคริสต์เพื่อส่งเสริมความเชื่อ’ (ข้อ 1ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเยซูส่งท่านไปประกาศข่าวประเสริฐ และ ‘นำพระวจนะของพระเจ้าที่ถูกต้องออกไปและวิธีการตอบสนองอย่างถูกต้อง’ (ข้อ 1ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

วันหนึ่งพระเยซูจะเสด็จกลับมา นั่นจะเป็นจุดสิ้นสุดของโลกอย่างที่เรารู้ แต่ว่าจะไม่ใช่จุดจบ เป้าหมายของเปาโลคือ ‘ยกชูความหวังโดยการชี้ทางไปสู่ชีวิตที่ไม่มีสิ้นสุด’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ข่าวดีอันมหัศจรรย์นี้เป็นแรงบัลดาลใจและพลักดันพันธกิจของอาจารย์เปาโล

นี่เป็นรากฐานความเชื่อของคุณ นี่คือความจริง คุณสามารถมั่นใจถึงอนาคตของคุณ เพราะความหวังในชีวิตนิรันดร์ พระเจ้าทรงสัญญาถึงความหวังนี้ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของกาลเวลา (ข้อ 2) ซึ่งคุณสามารถมั่นใจได้เพราะ ‘พระเจ้า...ไม่เคยผิดคำสัญญา’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่คือสารที่อาจารย์เปาโล ‘ถูกมอบหมายให้ป่าวประกาศ... โดยบัญชาขององค์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

สุดท้ายแล้ว คุณมีความหวังที่มั่นคงในชีวิตนิรันดร์ ในขณะเดียวกันหน้าที่ของคุณก็ยังไม่สำเร็จ หรือคือ ‘สิ่งที่ยังบกพร่อง’ (ข้อ 5) เปาโลให้คำสั่งกับทิตัส ผู้ที่เขานำมารู้จักพระคริสต์เช่นเดียวกับทิโมธี (ข้อ 4)

เปาโลกำลังมาถึงจุดจบของการแข่งขันในส่วนของตน แต่จุดจบในบทบาทของเขาไม่ใช่จุดจบของการแข่งขัน ท่านกำลังส่งไม้ผลัดให้ทิตัส ‘เพื่อท่านจะทำงานที่ข้าพเจ้าทำเสร็จเพียงครึ่งเดียวให้สำเร็จ’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ในขณะเดียวกันเปาโลกำลังหนุนใจให้ทิตัสส่งไม้ผลัดไปยังคนอื่น ๆ โดยการแต่งตั้ง ‘ผู้นำในทุก ๆ เมือง’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

กุญแจของการสืบทอดคือการหาผู้นำที่เหมาะสม เปาโลได้ให้รายการคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับที่เราได้เห็นแล้วในพระธรรมทิโมธี (ข้อ 5-9)

โดยเปรียบเทียบผู้นำที่นับถือพระเจ้าและมีความสามารถสูงเหล่านี้กับบรรดาผู้ที่ ‘อ้างว่ารู้จักพระเจ้า แต่การกระทำของพวกเขาปฏิเสธพระองค์’ (ข้อ 16) คนเหล่านี้ปลอมตัวเป็น ‘อาจารย์ที่เคร่งศาสนา’ ที่ทำลายคนทั้งครัวเรือน พวกเขาทำเพื่อผลประโยชน์ที่ไม่สุจริต พวกเขาไม่ถูกตัดสินลงโทษเพราะบาปของเขา พวกเขาไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำคือความชั่วร้าย (ข้อ 10-16)

หน้าที่ของผู้นำคริสตจักรที่ดีไม่ใช่เพียง ‘สามารถหนุนใจด้วยคำสอนที่ถูกต้อง’ แต่ ‘ชี้แจงต่อพวกคนที่คัดค้าน’ ด้วย (ข้อ 9) นี่ไม่ควรเป็นข้ออ้างเพื่อจะวิจารณ์และตัดสินคริสเตียนคนอื่นหรือคริสตจักรอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างจากเราบ้าง แต่ข้อ 10-16 แสดงถึงการประพฤติในแบบที่ผู้นำคริสตจักรถูกเรียกให้ปฏิเสธ เช่น ‘ทำให้ทั้งครอบครัวสับสนวุ่นวายด้วยคำสอนของพวกเขา เพียงเพื่อจะได้เงินมาอย่างง่ายดาย’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้ The Message โดยผู้แปล)

เป้าประสงค์สูงสุดของความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งคือเพื่อปกป้องคนของพระเจ้าจากการหันเหไปจากทาง นิมิตของเปาโลในตอนแรกเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์ควรจะดำรงอยู่ในความคิดของเรา เพราะมันแสดงให้เราเห็นว่าทำไมจึงสำคัญมากที่จะ ‘มีความเชื่อที่ถูกต้อง’ ต่อไป (ข้อ 13) ความหวังในชีวิตนิรันดร์คือเป้าหมายของเรา สารของเรา และแรงบันดาลใจของเรา

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ชีวิตนี้ไม่ใช่จุดจบเพราะทุกสิ่งที่พระเยซูทรงทำเพื่อเราบนกางเขนและผ่านการฟื้นคืนพระชนม์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์นำอย่างดีและส่งไม้ผลัดต่อให้ผู้นำที่ดี เพื่ออนาคต

พันธสัญญาเดิม

เยเรมีย์ 52:1-34

ทบทวนการทำลายเยรูซาเล็ม

 1เศเดคียาห์มีพระชนมายุ 21 พรรษา เมื่อทรงขึ้นเป็นกษัตริย์ พระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 11 ปี พระมารดามีพระนามว่าฮามุทาล เป็นบุตรหญิงของเยเรมีย์ชาวลิบนาห์ 2พระองค์ทรงทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ ตามทุกอย่างที่เยโฮยาคิมทรงกระทำนั้น 3และเนื่องด้วยพระพิโรธของพระยาห์เวห์ต่อเยรูซาเล็มและยูดาห์ พระองค์จึงทรงเหวี่ยงทั้งคู่ไปพ้นพระพักตร์ของพระองค์ และเศเดคียาห์ได้กบฏต่อกษัตริย์แห่งบาบิโลน 4และในปีที่ 9 แห่งรัชกาลของพระองค์ ในวันที่ 10 ของเดือนที่ 10 เนบูคัดเนสซาร์แห่งบาบิโลน พร้อมกับกองทัพทั้งสิ้นของพระองค์ได้ต่อสู้กับกรุงเยรูซาเล็มและล้อมเมืองไว้ และสร้างเครื่องล้อมไว้รอบ 5กรุงนั้นจึงถูกล้อมอยู่ถึงปีที่ 11 แห่งรัชกาลกษัตริย์เศเดคียาห์ 6เมื่อถึงวันที่ 9 ของเดือนที่ 4 เกิดการกันดารอาหารรุนแรงในกรุงนั้น ไม่มีอาหารให้แก่ประชาชนของแผ่นดิน 7แล้วกรุงนั้นก็แตก และทหารทั้งสิ้นหนีออกไปในเวลากลางคืน ตามทางประตูเมืองระหว่างกำแพงทั้งสอง ซึ่งอยู่ริมพระราชอุทยาน ส่วนคนเคลเดียก็ล้อมอยู่รอบกรุง และเขาทั้งหลายไปทางที่ราบ 8แต่กองทัพของคนเคลเดียได้ไล่ตามกษัตริย์ไป และไปทันเศเดคียาห์ในที่ราบเมืองเยรีโค และกองทัพของพระองค์ก็กระจัดกระจายไปจากพระองค์ 9และเขาก็จับพระองค์ นำขึ้นมาถวายกษัตริย์แห่งบาบิโลนที่เมืองริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท และกษัตริย์ก็ทรงพิพากษาโทษพระองค์ 10กษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงประหารบรรดาพระราชโอรสของเศเดคียาห์ต่อพระพักตร์พระองค์ และทรงประหารเจ้านายทั้งสิ้นแห่งยูดาห์เสียที่เมืองริบลาห์ 11พระองค์ทรงทำให้พระเนตรของเศเดคียาห์บอดและตีตรวนไว้ แล้วกษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงนำพระองค์ไปยังบาบิโลน และทรงขังพระองค์ไว้ในคุกจนวันที่พระองค์สิ้นพระชนม์
 12เมื่อวันที่ 10 ในเดือนที่ 5 ซึ่งเป็นปีที่ 19 ของรัชกาลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ผู้ปรนนิบัติกษัตริย์บาบิโลนได้เข้าไปในกรุงเยรูซาเล็ม 13และเขาได้เผาพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และพระราชวัง และบ้านเรือนทั้งสิ้นของกรุงเยรูซาเล็มเสีย ท่านเผาบ้านใหญ่ๆ เสียหมดทุกหลัง 14และกองทัพทั้งสิ้นของคนเคลเดีย ผู้อยู่กับผู้บังคับบัญชาทหารรักษาพระองค์ ได้ทลายกำแพงทั้งหมดที่อยู่รอบกรุงเยรูซาเล็มลง 15และเนบูซาระดานผู้บังคับบัญชาทหารรักษาพระองค์ ได้จับประชาชนยากจนที่สุดบางคน ประชาชนที่เหลืออยู่ผู้อยู่ในนคร ผู้หลบหนีผู้ได้หนีไปหากษัตริย์แห่งบาบิโลน และช่างที่เหลืออยู่ไปเป็นเชลย 16แต่เนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้ละคนยากจนที่สุดในแผ่นดินไว้บ้าง เพื่อให้เป็นคนทำสวนองุ่นและเป็นคนทำไร่ไถนา
 17บรรดาเสาทองสัมฤทธิ์ซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ อีกทั้งแท่นและอ่างสาครทองสัมฤทธิ์ ซึ่งอยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์นั้น คนเคลเดียได้ทุบเสียเป็นชิ้นๆ และขนเอาทองสัมฤทธิ์ทั้งหมดไปยังบาบิโลน 18และเขาได้ขนเอาหม้อ พลั่ว ตะไกรตัดไส้ตะเกียง อ่าง ชามเครื่องหอม และภาชนะทองสัมฤทธิ์ ซึ่งใช้ในพิธีกรรมของพระวิหาร 19ทั้งชามอ่างเล็ก กระถางไฟ อ่าง หม้อ เชิงตะเกียง ชามเครื่องหอม และขันเครื่องดื่มบูชา อะไรที่ทำด้วยทองคำ ผู้บังคับบัญชาทหารรักษาพระองค์ก็เอาไปเป็นทองคำ อะไรที่ทำด้วยเงินก็เอาไปเป็นเงิน 20ส่วนเสาใหญ่สองต้น และอ่างสาครหนึ่งใบ กับวัวทองสัมฤทธิ์สิบสองตัว ซึ่งอยู่ใต้อ่างสาคร และเชิงทั้งหลาย ซึ่งกษัตริย์ซาโลมอนได้สร้างไว้สำหรับพระนิเวศของพระยาห์เวห์ ทองสัมฤทธิ์ของสิ่งของเหล่านี้ก็ชั่งกันไม่ไหว 21ส่วนเสานั้น เสาต้นหนึ่งสูง 8 เมตร วัดรอบได้ 5.3 เมตร และหนา 75 มิลลิเมตร ตรงกลางกลวง 22บนเสานี้มีบัวคว่ำทองสัมฤทธิ์ บัวคว่ำอันหนึ่งสูง 2.2 เมตร มีลายไขว้และลูกทับทิม ทั้งหมดทำด้วยทองสัมฤทธิ์อยู่รอบบัวคว่ำ และเสาที่สองก็มีเหมือนกัน ทั้งลูกทับทิมด้วย 23ข้างๆ มีลูกทับทิม 96 ลูก บนลายไขว้โดยรอบนั้นมีลูกทับทิมทั้งหมด 100 ลูก 24ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ได้จับเสไรยาห์มหาปุโรหิต เศฟันยาห์ปุโรหิตรอง และผู้เฝ้าธรณีประตู 3 คน 25และจากกรุงนั้นท่านจับข้าราชสำนักซึ่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพ และที่ปรึกษาของกษัตริย์ 7 คน ซึ่งพบอยู่ในกรุงนั้น และอาลักษณ์ของผู้บัญชาการกองทัพผู้ซึ่งเกณฑ์ราษฎร และราษฎรอีก 60 คนซึ่งพบอยู่ท่ามกลางกรุงนั้น 26และเนบูซาระดานผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ ได้จับคนเหล่านี้นำไปถวายกษัตริย์แห่งบาบิโลนที่ริบลาห์ 27และกษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงตีเขา และประหารชีวิตเขาทั้งหลายเสียที่ริบลาห์ในแผ่นดินฮามัท ยูดาห์จึงถูกกวาดไปเป็นเชลยจากแผ่นดินของตน
 28ต่อไปนี้เป็นจำนวนประชาชนซึ่งเนบูคัดเนสซาร์จับไปเป็นเชลย ในปีที่ 7 พวกยิว 3,023 คน 29ในปีที่ 18 แห่งรัชกาลเนบูคัดเนสซาร์ ท่านขนเชลยจากกรุงเยรูซาเล็ม 832 คน 30ในปีที่ 23 แห่งรัชกาลเนบูคัดเนสซาร์ เนบูซาระดานผู้บังคับบัญชาทหารรักษาพระองค์จับยิวเป็นเชลย 745 คน รวมคนทั้งหมดเป็น 4,600 คน

เยโฮยาคีนได้รับความกรุณาขณะเป็นเชลย

 31และในปีที่ 37 แห่งการเป็นเชลยของเยโฮยาคีนกษัตริย์แห่งยูดาห์นั้น เมื่อวันที่ 25 ในเดือนที่ 12 ในปีที่ขึ้นครองราชย์ เอวิลเมโรดักกษัตริย์แห่งบาบิโลนทรงพระกรุณาต่อเยโฮยาคีนกษัตริย์แห่งยูดาห์ และทรงนำพระองค์ออกมาจากเรือนจำ 32พระองค์ตรัสอย่างเมตตาต่อเยโฮยาคีน และประทานที่นั่งที่มีเกียรติกว่ากษัตริย์ทั้งหลายที่อยู่ในบาบิโลน 33ดังนั้นเยโฮยาคีนจึงทรงถอดเครื่องแต่งกายนักโทษออกเสีย และได้เสวยที่โต๊ะเสวยของกษัตริย์ทุกวันตลอดชีวิต 34ส่วนค่าใช้จ่ายนั้นก็ได้รับพระราชทานจากกษัตริย์ตามความต้องการรายวันตลอดชีวิต จนถึงวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์

อรรถาธิบาย

อย่าหมดหวัง

บางครั้งสถานการณ์ในชีวิตของเราอาจจะดูสิ้นหวังมาก ทุกอย่างแย่ไปหมด ความมืดคืบคลานเข้ามา แต่ถึงกระนั้น... พระเจ้าไม่เคยปล่อยเราไว้โดยไร้ซึ่งแสงแห่งความหวัง ถ้ายังไม่ลงตัวเรียบร้อย แปลว่า ยังไม่จบ

เยเรมีย์มีหน้าที่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการประกาศคำพิพากษา ชื่อของเขาที่เห็นในภาษาอังกฤษแปลว่า ‘คนที่คร่ำครวญหรือบ่นอย่างโศกเศร้า ผู้ประณามของยุค ผู้เผยพระวจนะที่หดหู่ใจ’ ถึงกระนั้น...แม้แต่พระธรรมเยเรมีย์ก็จบลงด้วยประกายแห่งความหวัง

ถ้อยคำของเยเรมีย์เกี่ยวกับการล่มสลายของเยรูซาเล็มถูกทำให้สำเร็จ นี่เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับคนของพระเจ้า เศเดคียาห์ กษัตริย์ของพวกเขา ถูกจับกุม ทำให้ตาบอด และถูกกักขัง (ข้อ 11) ‘การสังหารบุตรชายของเขาเป็นสิ่งสุดท้ายที่เศเดคียาห์เห็น เพราะพวกนั้นควักลูกตาของเขา...กษัตริย์บาบิโลนโยนเขาลงในคุก ซึ่งเป็นที่ ๆ เขาอยู่ไปจนถึงวันตาย’ (ข้อ 10-11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระวิหารถูกทำลายด้วยไฟเผา รวมทั้งพระราชวังและอาคารสำคัญทั้งหมด (ข้อ 13-14) คนส่วนใหญ่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย

หลังจากนั้นใน 562 ปีก่อนคริสตกาล คือในปีที่ 37 ของการเป็นเชลยของเยโฮยาคีนกษัตริย์แห่งยูดาห์ กษัตริย์องค์ใหม่ผงาดขึ้นในบาบิโลน ผู้ซึ่งปล่อยตัวเยโฮยาคีนออกจากคุก (ข้อ 31)

‘กษัตริย์ปฏิบัติต่อเขาด้วยความนอบน้อมอย่างที่สุดและให้สิทธิพิเศษกับเขาเหนือสิ่งอื่นใดที่นักโทษทางการเมือง ซึ่งถูกคุมขังในบาบิโลนได้รับ เยโฮยาคีนถอดชุดนักโทษของเขา และภายหลังเขาได้รับประทานอาหารร่วมกับกษัตริย์ กษัตริย์ได้จัดเตรียมทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับเขาเพื่อจะมีชีวิตอย่างสุขสบายไปตลอดชีวิตของเขา’ (ข้อ 32-34, พระคัมภีร์ตอนนี้ The Message โดยผู้แปล)

ยังมีประกายแห่งความหวังเล็ก ๆ ซึ่งเป็นบทส่งท้ายของพระธรรมเยเรมีย์ มันยังไม่ใช่จุดจบสำหรับประชากรของพระเจ้า เยเรมีย์ได้พยากรณ์ถึงการรื้อฟื้น (บทที่ 24) รวมถึงคำเผยพระวจนะว่าวันหนึ่งผู้ที่ถูกเนรเทศจะกลับมายังดินแดนนั้น พระธรรมนี้จบลงด้วยความหวัง ซึ่งเป็นสัญญาณแรกของการรื้อฟื้น นี่เป็นการลิ้มรสถึงการกลับมาจากถูกกวาดต้อนเป็นเชลย ซึ่งได้เกิดขึ้นในปี 537 ก่อนคริสตกาล

สิ่งนี้โดยตัวมันเองเป็นดั่งเงาสะท้อนล่วงหน้าถึงการฟื้นฟูและการเริ่มต้นใหม่ที่กำลังมาถึงในแผ่นดินของพระเจ้าโดยการเสด็จมาของพระเยซูและการเทลงมาของพระวิญญาณบริสุทธิ์

แม้ในพระธรรมเยเรมีย์ จุดจบ (การล่มสลายของเยรูซาเล็มและการเนรเทศ) ก็ไม่ใช่จุดจบ ประชากรของพระเจ้ารอดชีวิตมาได้และกลับไปยังแผ่นดิน สร้างพระวิหารขึ้นใหม่ และฟื้นฟูเมือง แต่นี่เองเป็นภาพของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่ามาก พระเยซูประกาศถึงจุดจบของการเนรเทศ ในพระองค์เรามีพระวิหารหลังใหม่และเยรูซาเล็มใหม่ พระเจ้าทรงทำให้พระเยซูเป็นขึ้นจากความตาย คุณมีความหวังใหม่เหนือความตายนั้น

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา ขอบคุณสำหรับความหวังในการเสด็จกลับมาของพระเยซูและในชีวิตนิรันดร์ ขอบคุณพระองค์สำหรับความหวังในโลกใหม่และฟ้าสวรรค์ใหม่ ขอบคุณพระองค์ที่ตอนจบนั้นไม่ใช่จุดจบ

เพิ่มเติมโดยพิพพา

สดุดี 119:105 (พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

‘โดยพระวจนะของพระองค์ ข้าพระองค์มองเห็นทางที่กำลังเดินไป พระวจนะเป็นแสงส่องมาบนทางที่มืดมิดของข้าพระองค์’

ฉันจะต้องอ่านพระคัมภีร์มากขึ้น แล้วฉันคงจะรู้ว่าตัวเองกำลังไปที่ไหน!

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม