วัน 302

ทำความดี

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 119:113-120
พันธสัญญาใหม่ ทิตัส 3:1-15
พันธสัญญาเดิม เพลงคร่ำครวญ 1:1-2:6

เกริ่นนำ

มีบางคนในชุมชนของคริสตจักรของเราดูเหมือนว่าจะไม่เคยหยุดทำความดีเลย เมื่อใดก็ตามที่ผมมองดู ผมจะเห็นพวกเขาเสิร์ฟอาหารหรือล้างถ้วยชาม อธิษฐานเผื่อบางคน หนุนใจคนอื่น เสนอตัวนำอาหารไปให้คนเจ็บป่วย หรือทำความดีในแบบอื่น ๆ พวกเขาให้ด้วยใจที่กว้างขวางกับงานของคริสตจักร พวกเขาทำสิ่งเหล่านี้ด้วยความสง่างาม และความกระตือรือร้น ผมมักจะได้การหนุนใจ และถูกท้าทายจากแบบอย่างของพวกเขา พวกเขาเหมือนจะไม่เคยเหนื่อยกับการทำความดีเลย

ในสังคมของเรา คำว่า ‘คนดี’ กลายเป็นถูกใช้ในเชิงหยาบคายหรือเพื่อดูหมิ่น แต่การทำดีไม่ควรถูกมองในแบบนั้น พระเยซู ‘เสด็จไปทำคุณประโยชน์’ (กิจการ 10:38)

อาจารย์เปาโลเขียนถึงทิตัสว่า ‘จงเตือนพวกเขา…ให้พร้อมจะทำการดีทุกอย่าง’ (ทิตัส 3:1) ความปรารถนาของอาจารย์เปาโลคือคนที่วางใจในพระเจ้า ‘จะได้มุ่งทำการดี’ (ข้อ 8, 14)

ผมขออ้างอิงสิ่งที่จอห์น เวสลีย์ กล่าวว่า ‘จงทำความดีทั้งหมดที่คุณทำได้ ด้วยทุกวิธีที่คุณทำได้ ในทุกทางที่คุณทำได้ ในทุกที่ที่คุณทำได้ ในทุกเวลาที่คุณทำได้ กับทุกคนที่คุณทำให้ได้ ตราบเท่าที่คุณจะสามารถทำได้’

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 119:113-120

ס (สาเมค)
113ข้าพระองค์เกลียดคนสองใจ
 แต่ข้าพระองค์รักธรรมบัญญัติของพระองค์
114พระองค์ทรงเป็นที่กำบังและเป็นโล่ของข้าพระองค์
 ข้าพระองค์หวังในพระวจนะของพระองค์
115แน่ะ เจ้าคนทำชั่ว จงไปเสียจากข้า
 เพื่อข้าจะรักษาพระบัญญัติของพระเจ้าของข้า
116ขอทรงค้ำจุนข้าพระองค์ไว้ตามพระสัญญาของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์
  จะมีชีวิตอยู่
 และอย่าให้ข้าพระองค์อับอายในความหวังของข้าพระองค์
117ขอทรงค้ำชูข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะรอด
 และจะนับถือกฎเกณฑ์ของพระองค์เสมอ
118พระองค์ทรงตะเพิดทุกคนที่หลงเจิ่นจากกฎเกณฑ์ของพระองค์
 การหลอกลวงของพวกเขาไร้ผล
119พระองค์ทรงทิ้งคนอธรรมทั้งสิ้นของแผ่นดินโลกเหมือนทิ้งขี้แร่
 เพราะฉะนั้นข้าพระองค์รักพระโอวาทของพระองค์
120ร่างกายข้าพระองค์สั่นเทิ้มเพราะหวาดกลัวพระองค์
 และข้าพระองค์กลัวคำพิพากษาของพระองค์

อรรถาธิบาย

ทำดี ไม่ใช่ทำชั่ว

สิ่งที่ตรงข้ามกับการทำดีคือการทำชั่ว ผู้เขียนสดุดีมุ่งมั่นที่จะทำดี นั่นคือเหตุผลที่เขาพูดว่า ‘เจ้าคนทำชั่ว จงไปเสียจากข้า’ (ข้อ 115ก) คนทำชั่วนั้น ‘สองใจ’ (ข้อ 113) พวกเขาหลงไปจากข้อบังคับของพระเจ้าและหลอกลวง (ข้อ 118)

จงเลือกที่จะหลีกเลี่ยงความชั่วร้าย และทำความดี จงรักพระวจนะของพระเจ้า (ข้อ 113, 119) พระเจ้าทรงเป็นที่กำบังและโล่ของคุณ (ข้อ 114ก) จงวางความหวังของคุณในถ้อยคำของพระองค์ (ข้อ 114ข) ‘ข้าพระองค์ถวายความจงรักภักดีทั้งหมดต่อคำจำกัดความของชีวิตที่พระองค์ตรัสไว้’ (ข้อ 117, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล)

ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า ‘ขอทรงค้ำจุนข้าพระองค์ไว้ตามพระสัญญาของพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่ และอย่าให้ข้าพระองค์อับอายในความหวังของข้าพระองค์’ (ข้อ 116) ความหวังของเราที่หันเหไปก็แย่พอแล้ว พระธรรมสุภาษิตเขียนว่า ‘ความหวังที่ถูกหน่วงไว้ทำให้อ่อนใจ แต่การสมปรารถนาเป็นต้นไม้แห่งชีวิต’ (สุภาษิต 13:12) ขอให้นำความหวังของคุณวางไว้ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าในวันนี้และอธิษฐาน ขอให้ความหวังของคุณไม่พังทลายไป

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์รักพระวจนะของพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ดำเนินตามนั้นและออกห่างจากการทำชั่ว แต่ให้ทำความดี วันนี้ข้าพระองค์นำความหวังมาที่พระองค์อีกครั้ง... และอย่าให้ข้าพระองค์อับอายในความหวังของข้าพระองค์

พันธสัญญาใหม่

ทิตัส 3:1-15

ให้ทำการดีต่อไป

 1จงเตือนพวกเขาให้อยู่ใต้สิทธิอำนาจของบรรดาผู้ปกครองบ้านเมืองและพวกที่มีอำนาจ ให้เชื่อฟังและพร้อมจะทำการดีทุกอย่าง 2อย่าว่าร้ายใคร อย่าทะเลาะวิวาท แต่ให้ผ่อนหนักผ่อนเบาและแสดงความสุภาพอ่อนโยนอย่างยิ่งต่อทุกคน 3เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นเราเองก็โง่เขลา ไม่เชื่อฟัง หลงผิด เป็นทาสของกิเลสตัณหาและความสำราญต่างๆ ใช้ชีวิตอย่างชั่วร้ายและอิจฉาริษยา ถูกชิงชังและเกลียดกัน 4แต่เมื่อความดีเลิศและความรักของพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของเรามาปรากฏ 5พระองค์ก็ทรงช่วยเราให้รอด ไม่ใช่เพราะความชอบธรรมที่เราทำเอง แต่ด้วยพระเมตตาของพระองค์โดยผ่านการชำระให้บังเกิดใหม่และสร้างใหม่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ 6พระวิญญาณองค์นี้แหละที่พระเจ้าประทานให้แก่เราอย่างบริบูรณ์ผ่านทางพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา 7เพื่อว่าเมื่อเราถูกชำระให้ชอบธรรมโดยพระคุณของพระองค์แล้ว ก็จะได้เป็นผู้รับมรดกตามที่หวังไว้คือชีวิตนิรันดร์ 8คำกล่าวนี้สัตย์จริง
 ข้าพเจ้าปรารถนาให้ท่านเน้นเรื่องเหล่านี้ เพื่อพวกที่เชื่อในพระเจ้าแล้วจะได้มุ่งทำการดี การกระทำเหล่านี้ดีและเป็นประโยชน์กับทุกคน 9แต่จงหลีกเลี่ยงจากการทุ่มเถียงที่โง่เขลา การลำดับวงศ์ตระกูล การวิวาทและการทะเลาะกันเรื่องธรรมบัญญัติ เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นไร้ประโยชน์และไร้คุณค่า 10ส่วนคนที่สร้างความแตกแยกนั้น จงเตือนแค่หนึ่งหรือสองครั้ง แล้วอย่าเกี่ยวข้องกับเขาอีก 11เพราะรู้แล้วว่าคนอย่างนั้นเป็นคนนอกลู่นอกทางและเป็นคนทำบาป เขาลงโทษตัวเขาเอง

คำแนะนำส่วนตัวและคำทักทาย

 12เมื่อข้าพเจ้าส่งอารเทมาสหรือทีคิกัสไปหาท่านแล้ว ให้ท่านรีบมาหาข้าพเจ้าที่เมืองนิโคบุรี เพราะข้าพเจ้าตั้งใจแล้วว่าจะค้างอยู่ที่นั่นจนสิ้นฤดูหนาว 13ท่านจงช่วยเศนาสผู้เป็นนักกฎหมายกับอปอลโลเรื่องการเดินทาง อย่าให้พวกเขาขาดสิ่งใด 14และให้คนของเราเรียนรู้ที่จะทำการดีด้วย เพื่อช่วยจัดหาสิ่งที่จำเป็นจริงๆ เพื่อว่าพวกเขาจะได้ไม่เป็นคนที่ไร้ผล
 15ทุกคนที่อยู่กับข้าพเจ้าฝากคำทักทายมายังท่าน ข้าพเจ้าขอฝากคำทักทายมายังทุกคนที่รักเราเพราะความเชื่อเดียวกัน
 ขอพระคุณดำรงอยู่กับพวกท่านทุกคนเถิด

อรรถาธิบาย

พร้อมที่จะทำความดีอยู่เสมอ

มีความแตกต่างอย่างน่าทึ่งระหว่างชีวิตของเปาโลก่อนที่เริ่มมีความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์และชีวิตหลังจากนั้น (และผมเข้าถึงได้ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง) เปาโลเขียนว่า ‘เพราะว่าเมื่อก่อนนั้นเราเองก็โง่เขลา ไม่เชื่อฟัง หลงผิด เป็นทาสของกิเลสตัณหาและความสำราญต่าง ๆ ใช้ชีวิตอย่างชั่วร้ายและอิจฉาริษยา ถูกชิงชังและเกลียดกัน’ (ข้อ 3)

ถึงกระนั้น พระเยซูทรงเปลี่ยนแปลงเราอย่างหมดจด: ‘แต่เมื่อความดีเลิศและความรักของพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอดของเรามาปรากฏ พระองค์ก็ทรงช่วยเราให้รอด ไม่ใช่เพราะความชอบธรรมที่เราทำเอง แต่ด้วยพระเมตตาของพระองค์โดยผ่านการชำระให้บังเกิดใหม่ และสร้างใหม่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์’ (ข้อ 4-5) การทำดีเป็นการตอบสนองต่อพระเมตตาและความรักของพระเจ้าที่มีต่อคุณ เรามักจะคิดถึงความมีเมตตาของครอบครัวหรือเพื่อนของเรา แต่พระเจ้าทรงมีพระเมตตายิ่งกว่านั้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

พระเจ้าไม่เพียงอภัยให้คุณผ่านความเมตตา และความรักของพระองค์ พระองค์ยังประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้แก่คุณ: ‘พระองค์ให้เราได้ชำระล้างตัวอย่างดี เราออกมาเป็นคนใหม่ สะอาดทั้งภายในและภายนอกโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเยซู องค์พระผู้ช่วยให้รอดของเราทรงเทชีวิตของพระองค์ออกมาด้วยพระทัยที่กว้างขวาง ของประทานจากพระเจ้าคือการได้รื้อฟื้นความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์และคืนชีวิตของเราให้กับเรา’ (ข้อ 5-7, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล) พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ที่ช่วยให้คุณสามารถทำความดี และมอบพลังให้กับคุณ

ดังนั้น เปาโลสามารถเขียนถึงชีวิตในแบบที่เราควรจะเป็น ‘จงเตือนประชาชนให้เคารพการปกครองและทำตามกฎหมาย' (ข้อ 1, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล) นี่เป็นหน้าที่พลเรือนของเรา – คือการเชื่อฟังกฎหมายของบ้านเมือง -นอกจากว่ามันขัดแย้งกับบัญญัติของพระเจ้า

แต่ว่าการเชื่อฟังและการจำนนต่อผู้ปกครองและผู้มีอำนาจนั้นไม่เพียงพอ เราจะต้อง ‘พร้อมจะทำการดีทุกอย่าง อย่าว่าร้ายใคร อย่าทะเลาะวิวาท แต่ให้ผ่อนหนักผ่อนเบาและแสดงความสุภาพอ่อนโยนอย่างยิ่งต่อทุกคน’ (ข้อ 1-2) เปาโลปลุกเร้าพวกเขาอีก 2 ครั้งให้อุทิศตนในการทำการดี (ข้อ 8, 14)

น่าทึ่งที่ความสนใจของเปาโลตรงนี้ มุ่งไปที่ความสัมพันธ์ของพวกเขากับผู้อื่น เปาโลหนุนใจให้มีกรอบความคิดที่ ‘จดจ่อไปที่คนอื่น’ ซึ่งหยั่งรากในความถ่อมใจ ความจริงใจ และการเห็นแก่คนอื่น ขณะที่คุณถูกกระตุ้นโดยความรัก บางครั้งผ่านการรับใช้ผู้อื่น คุณเองก็ได้เรียนรู้ที่จะรักพวกเขาด้วยเช่นกัน

แม้หลังจากที่คุณบังเกิดใหม่และถูกฟื้นฟูโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จะมีการทดลองที่ทำให้คุณออกนอกทางและไม่เกิดผลบ้าง แต่อย่ามีส่วนร่วมในการโต้เถียงที่ไม่หยุดหย่อน เปาโลเขียนว่า ‘แต่จงหลีกเลี่ยงจากการทุ่มเถียงที่โง่เขลา การลำดับวงศ์ตระกูล การวิวาทและการทะเลาะกันเรื่องธรรมบัญญัติ เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นไร้ประโยชน์และไร้คุณค่า’ (ข้อ 9)

เปาโลต้องการให้คริสเตียนในเกาะครีตโดดเด่น และแตกต่างจากค่านิยมที่เขาเป็นอยู่ เปาโลเขียนว่า ‘ให้คนของเราเรียนรู้ที่จะทำการดีด้วย เพื่อช่วยจัดหาสิ่งที่จำเป็นจริง ๆ เพื่อว่าพวกเขาจะได้ไม่เป็นคนที่ไร้ผล’ (3:14)

คุณมีชีวิตตามสิ่งที่คุณเชื่อต่อหน้าโลกที่จับตามองอยู่ ถ้าคุณขี้เกียจและไม่เกิดผล ก็จะมีคนสังเกตเห็น คุณจะต้องสะท้อนถึง ‘ความดีเลิศและความรักของพระเจ้า’ (ข้อ 4) ขณะที่คุณ ‘ทำความดี’

การทำดีและการมีชีวิตที่เกิดผลไม่ได้หมายความว่าคุณจำเป็นจะต้องเปลี่ยนอาชีพของคุณ เมื่อผมทำงานเป็นทนายความ ผมจำได้ว่าตัวเองครุ่นคิดว่าพระเจ้าเรียกผมให้อุทิศตัวเข้าไปอยู่ในคริสตจักรแห่งอังกฤษไหม ผมทึ่งมากกับการกล่าวถึง ‘เศนาสผู้เป็นนักกฎหมาย’ (ข้อ 13) ซึ่งเตือนผมว่าถ้าผมจะหยุดทำอาชีพทนาย เหตุผลต้องไม่ใช่เพราะว่าการเป็นทนายคริสเตียนนั้นผิดประการใด ไม่ว่าคุณจะอยู่จุดไหนในชีวิต และไม่ว่างานหรือพันธกิจของคุณคืออะไร คุณยังสามารถออกไปทำความดี

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์อย่างมากสำหรับวิธีที่พระองค์ทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตของข้าพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ดำเนินชีวิตที่เกิดผลและออกไปทำความดีเหมือนอย่างพระเยซู

พันธสัญญาเดิม

เพลงคร่ำครวญ 1:1-2:6

นครที่ถูกทิ้งร้าง

א (อาเลฟ)
1อนิจจา นครที่เคยคับคั่งด้วยพลเมือง
 มานั่งอ้างว้างแล้วหนอ
เธอผู้เคยยิ่งใหญ่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
 มากลายเป็นดั่งหญิงม่ายแล้วหนอ
เธอผู้เป็นดั่งเจ้าหญิงท่ามกลางมณฑลทั้งหลาย
 มากลายเป็นทาสแรงงานแล้วหนอ

ב (เบท)
2เธอร้องไห้อย่างขมขื่นยามค่ำคืน
 และน้ำตาไหลอาบแก้ม
ในท่ามกลางคนที่รักเธอ
 ก็ไม่มีผู้ใดปลอบเธอ
เพื่อนทุกคนได้ทรยศเธอ
 พวกเขากลายเป็นศัตรูของเธอ

ג (กิเมล)
3ยูดาห์ไปเป็นเชลยยังต่างแดน ต้องทุกข์ยาก
 ต้องทำงานหนักอย่างทาส
ต้องพำนักอยู่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
 เธอไม่พบที่พักสงบเลย
ทุกคนที่ไล่ตามเธอก็ไล่ทันเธอ
 เมื่อเธอคับแค้นใจ

ד (ดาเลท)
4ถนนสู่ศิโยนกำลังโศกเศร้า
 เพราะไม่มีผู้สัญจรไปงานเทศกาลเลี้ยง
ประตูเมืองทุกบานของเธอก็ร้างเสียแล้ว
 ปุโรหิตของเธอพากันถอนใจ
สาวพรหมจารีของเธอต้องสลดใจ
 และเธอเองก็ขื่นขมยิ่งนัก

ה (เฮ)
5คู่อริของเธอกลายเป็นหัวหน้า
 ศัตรูของเธอได้จำเริญขึ้น
เพราะพระยาห์เวห์ทรงให้เธอทนทุกข์
 เนื่องด้วยการละเมิดมากมายของเธอ
 ลูกๆ ของเธอไปเป็นเชลยต่อหน้าคู่อริ

ו (วาว)
6ความสง่างามทั้งสิ้น
 ได้พรากไปจากธิดาแห่งศิโยนแล้ว
พวกเจ้านายของเธอก็เป็นดุจฝูงกวาง
 ที่หาทุ่งหญ้าไม่พบ
และหมดแรงหนี  ต่อหน้าผู้ไล่ล่า

ז (ซายิน)
7เยรูซาเล็มในยามทุกข์ยากและยามพลัดบ้าน
 ได้หวนระลึกถึง
ของล้ำค่าทั้งสิ้น
 ที่ตนเคยมีในครั้งกระโน้น
เธอระลึกได้เมื่อพลเมืองของเธอตกอยู่ในมือของคู่อริ
 และหามีผู้ใดจะสงเคราะห์เธอไม่
พวกคู่อริเห็นเธอแล้ว
 ก็เยาะเย้ยความล่มจมของเธอ

ח (เฆท)
8เยรูซาเล็มได้ทำบาปใหญ่หลวง
 ฉะนั้นเธอจึงเป็นมลทิน
ทุกคนที่เคยให้เกียรติเธอกลับลบหลู่เธอ
 เพราะเขาเห็นความเปลือยเปล่าของเธอ
เออ เธอเองได้แต่ถอนใจ
 และหันหน้าไปเสีย

ט (เทท)
9มลทินของเธอเลอะกระโปรงของเธอ
 และเธอหาได้คำนึงถึงอนาคตไม่
ดังนั้นความพินาศของเธอจึงน่ากลัว
 ไม่มีผู้ใดปลอบโยนเธอ
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทอดพระเนตรความทุกข์ยากของข้าพระองค์
 เพราะพวกศัตรูชนะแล้ว”

י (โยด)
10คู่อริได้ยื่นมือออก
 ยึดเอาของล้ำค่าทุกชิ้นของเธอไป
เธอได้เห็นบรรดาประชาชาติ
 บุกเข้ามาในสถานนมัสการของเธอ
คือคนที่พระองค์ได้ทรงห้าม
 ไม่ให้เข้ามาในที่ประชุมของพระองค์

כ (คาฟ)
11พลเมืองทั้งหมดของเธอได้ถอนใจใหญ่
 เมื่อเขาทั้งหลายเสาะหาอาหาร
และพวกเขาเอาของล้ำค่าแลกอาหารกิน
 เพื่อจะได้ประทังชีวิต
“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทอดพระเนตรดู
 เพราะข้าพระองค์ถูกลบหลู่”

ל (ลาเมค)
12“ท่านทั้งหลายที่เดินผ่านไป ท่านไม่รู้สึกอะไรหรือ?
 นี่แน่ะ จงดูซิ
ว่ามีความทุกข์ใดบ้างเหมือนความทุกข์
 ที่มาสู่ข้าพเจ้า
เป็นความทุกข์ซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงทำแก่ข้าพเจ้า
 ในวันแห่งพระพิโรธอันเกรี้ยวกราดนั้น

מ (เมม)
13“พระองค์ได้ทรงส่งเพลิงลงมาจากเบื้องบน
 ให้เข้าไปในกระดูกของข้าพเจ้า
พระองค์ได้ทรงกางตาข่ายไว้ดักเท้าของข้าพเจ้า
 พระองค์ได้ทรงทำให้ข้าพเจ้าต้องหันกลับ
พระองค์ได้ทรงทำให้ข้าพเจ้าสิ้นหวัง
 และอ่อนระอาอยู่วันยังค่ำ

נ (นูน)
14“บรรดาการละเมิดของข้าพเจ้าถูกรวบเข้าเป็นแอก
 โดยพระหัตถ์ พระองค์ทรงรวบมัดไว้
การละเมิดเหล่านั้นรัดรึงรอบคอข้าพเจ้า
 พระองค์ทรงทำให้กำลังข้าพเจ้าอ่อนลง
องค์เจ้านายได้ทรงมอบข้าพเจ้า
 ไว้ในมือของเขาทั้งหลายผู้ที่ข้าพเจ้าไม่สามารถต่อต้านได้

ס (สาเมค)
15“องค์เจ้านายได้ทรงปฏิเสธ
 นักรบทั้งหมดท่ามกลางข้าพเจ้า
พระองค์ทรงประกาศวันเวลาที่จะมาต่อสู้ข้าพเจ้า
 เพื่อขยี้คนหนุ่มของข้าพเจ้าให้แหลกไป
องค์เจ้านายได้ทรงย่ำประชากรของข้าพเจ้า
 ดั่งย่ำผลองุ่นในบ่อย่ำองุ่น

ע (อายิน)
16“เพราะเหตุนี้เอง ข้าพเจ้าจึงร้องไห้
 ดวงตาของข้าพเจ้า เออ ดวงตาของข้าพเจ้ามีน้ำตาไหล
เพราะผู้ปลอบโยนอยู่ห่างไกลจากข้าพเจ้า
 คือผู้ฟื้นฟูจิตใจข้าพเจ้า
บรรดาบุตรของข้าพเจ้าสิ้นหวัง
 เพราะพวกศัตรูได้ชัยชนะ”

פ (เพ)
17เมืองศิโยนกางมือทั้งคู่ออกวิงวอน
 แต่ไม่มีผู้ใดปลอบโยนเธอ
พระยาห์เวห์ทรงบัญชาต่อสู้ยาโคบ
 คือให้เพื่อนบ้านของเขากลายเป็นคู่อริ
เยรูซาเล็มกลายเป็น
 สิ่งโสโครกท่ามกลางเขาทั้งหลาย

צ (ซาเด)
18“พระยาห์เวห์ทรงชอบธรรมแล้ว
 เพราะข้าพเจ้าได้ขัดขืนพระบัญชาของพระองค์
ทุกชนชาติ โปรดฟัง
 และมองดูการทนทุกข์ของข้าพเจ้า
คนหนุ่มและคนสาวของข้าพเจ้า
 ตกไปเป็นเชลยแล้ว

ק (โคฟ)
19“ข้าพเจ้าได้ร้องเรียกบรรดาคนรักของข้าพเจ้า
 แต่เขาทั้งหลายได้หลอกลวงข้าพเจ้า
พวกปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของข้าพเจ้า
 ก็ตายที่กลางเมือง
ขณะออกหาอาหาร
 ประทังชีวิตของตน

ר (เรช)
20“ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทอดพระเนตร เพราะข้าพระองค์มีทุกข์
 จิตข้าพระองค์วุ่นวาย
ใจข้าพระองค์ยุ่งเหยิงอยู่ภายใน
 เพราะข้าพระองค์ดื้อรั้นอย่างยิ่ง
นอกบ้าน คนล้มตายด้วยคมดาบ
 ในบ้าน ก็เหมือนแดนมรณะ

ש (ซิน)
21“เขาทั้งหลายได้ยินว่าข้าพระองค์ถอนใจอย่างไร
 หามีผู้ใดปลอบโยนข้าพระองค์ไม่
บรรดาศัตรูของข้าพระองค์ได้ยินถึงเหตุร้ายที่ตกแก่ข้าพระองค์
 เขาทั้งหลายก็พากันดีใจที่พระองค์ได้ทรงทำอย่างนี้
โปรดนำวาระที่ทรงประกาศไว้นั้นให้มาถึง
 และเขาทั้งหลายจะเป็นอย่างที่ข้าพระองค์เป็นอยู่นี้

ת (ทาว)
22“ขอให้การชั่วทุกอย่างของเขาทั้งหลายปรากฏเฉพาะพระพักตร์พระองค์
 และขอทรงทำแก่เขาทั้งหลาย
เหมือนที่ทรงทำแก่ข้าพระองค์
 เนื่องด้วยการละเมิดทั้งสิ้นของข้าพระองค์เถิด
ด้วยการถอนใจของข้าพระองค์นั้นมากมาย
 และใจข้าพระองค์ก็อ่อนล้า”

เพลงคร่ำครวญ 2

พระดำรัสเตือนของพระเจ้ากลายเป็นจริง

א(อาเลฟ)
1อนิจจา ด้วยพระพิโรธ
 องค์เจ้านายทรงทำให้ธิดาแห่งศิโยนอับอาย
พระองค์ได้ทรงเหวี่ยงศักดิ์ศรีของอิสราเอล
 ให้ตกจากฟ้าถึงดิน
พระองค์มิได้ทรงระลึกถึงแท่นรองพระบาท
 ในวันแห่งพระพิโรธ

ב (เบท)
2องค์เจ้านายทรงทลายที่อยู่ทั้งสิ้นของยาโคบ
 โดยปราศจากพระกรุณา
ด้วยความกริ้ว พระองค์ได้ทรงพัง
 ที่กำบังทั้งหลายของธิดาแห่งยูดาห์
พระองค์ได้ทรงดึงให้ต่ำลงถึงดินและเสื่อมเกียรติ
 คือราชอาณาจักรและเจ้านาย

ג (กิเมล)
3ด้วยพระพิโรธรุนแรง พระองค์ได้ทรงตัด
 เขาของอิสราเอลจนสิ้น
พระองค์หดพระหัตถ์ขวาจากพวกเขา
 ต่อหน้าศัตรู
พระองค์ทรงเผาผลาญยาโคบดุจเปลวเพลิง
 ที่ไหม้ไปโดยรอบ

ד (ดาเลท)
4พระองค์ทรงโก่งคันศรอย่างทรงเป็นศัตรู
 พระองค์ยกพระหัตถ์ขวาอย่างทรงเป็นอริ
และได้ทรงประหารทุกคนที่ดวงตาของเราชมชอบนั้น
 ในกระโจมของธิดาแห่งศิโยน
 พระองค์ได้ทรงระบายพระพิโรธออกมาดุจเพลิง

ה (เฮ)
5องค์เจ้านายทรงเป็นดั่งศัตรู
 พระองค์ทรงทลายอิสราเอล
พระองค์ทรงทลายวังทุกแห่งของเธอ
 พระองค์ทรงทำลายที่กำบังของเธอ
และพระองค์ทรงทวีความเศร้าโศกและการคร่ำครวญ
 ในธิดาแห่งยูดาห์

ו (วาว)
6พระองค์ทรงพังพลับพลาของพระองค์เหมือนเพิงในสวน
 ทรงทำลายสถานที่ประชุมของพระองค์
พระยาห์เวห์ทรงทำให้ทั้งเทศกาลเลี้ยงและวันสะบาโต
 หมดสิ้นไปในศิโยน
ด้วยพระพิโรธเกรี้ยวกราด พระองค์ทรงดูถูก
 กษัตริย์และปุโรหิต

อรรถาธิบาย

อยู่ใกล้ชิดคนที่ออกไปทำความดี

ยูจีน ปีเตอร์สันเขียนในบทนำของเขาก่อนไปต่อที่พระธรรมเพลงคร่ำครวญว่า ‘การเป็นมนุษย์คือการทนทุกข์ ไม่มีใครถูกละเว้น พระธรรมเพลงคร่ำครวญเห็นพ้องกับพยานมากมายในพระคัมภีร์ ซึ่งให้เกียรติกับความทุกข์ยาก โดยยืนยันว่าพระเจ้าเสด็จมาในการทนทุกข์ของเรา และเป็นเพื่อนร่วมทุกข์กับเรา’

พระธรรมนี้ ตรงกับชื่อ คือ เน้นไปที่ความทุกข์ระทม ความโศกเศร้า ความทุกข์ใจ ความเจ็บปวด การสูญเสีย และโศกนาฏกรรมซึ่งประชากรของพระเจ้าประสบในการถูกขับไล่ สถานการณ์ของพวกเราอาจจะแตกต่างออกไป แต่การทนทุกข์ของเราก็เกิดขึ้นจริงเช่นเดียวกัน

ผู้เขียนคร่ำครวญถึงการที่อิสราเอล ชนชาติที่เคยยิ่งใหญ่ ต้องถูกเนรเทศไปเพราะความบาปมากมายของเธอ: ‘เธอติดอยู่ระหว่างก้อนหินและสถานที่ที่ลำบาก’ (ข้อ 1:3, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล) ‘…สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล) ‘…การสังหารหมู่บนท้องถนน ความหิวโหยในบ้านเรือน’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล)

เมื่อเราอ่านข้อพระคำของวันนี้ ดูเหมือนว่าความหวังจะมีอยู่น้อยนิด ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการพิพากษาและการทนทุกข์ ผู้เขียนบอกว่า ‘จงดูซิว่ามีความทุกข์ใดบ้างเหมือนความทุกข์ที่มาสู่ข้าพเจ้า…?’ (ข้อ 12) นี่คงเป็นสิ่งที่เรารู้สึกบ่อยครั้งเมื่อเราผ่านความยากลำบากและการทดสอบ

เขาเขียนว่า ‘บรรดาการละเมิดของข้าพเจ้าถูกรวบเข้าเป็นแอก; โดยพระหัตถ์พระองค์ทรงรวบมัดไว้ การละเมิดเหล่านั้นรัดรึงรอบคอข้าพเจ้า พระองค์ทรงทำให้กำลังข้าพเจ้าอ่อนลง องค์เจ้านายได้ทรงมอบข้าพเจ้าไว้ในมือของเขาทั้งหลายผู้ที่ข้าพเจ้าไม่สามารถต่อต้านได้’ (ข้อ 14)

ภาพคือความบาปของเขาที่เป็นเหมือนแอกหนักอึ้งอยู่รอบคอของเขา ซึ่งดึงให้เขาต่ำลง เขาเหนื่อยล้าและต้องแบกภาระของมัน

นี่เป็นประสบการณ์ของการถูกขับไล่ การพิพากษา และการทนทุกข์อย่างสาหัส การขับไล่ในฝ่ายกายภาพคงอยู่ประมาณ 70 ปี แต่ว่าประสบการณ์ในฝ่ายวิญญาณของการถูกขับไล่นั้นยังคงอยู่ต่อไป

ขอบคุณพระเจ้าที่พระเยซูเสด็จมาเพื่อประกาศว่าการขับไล่จบลงอย่างถาวรแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเดินไปอย่างเหน็ดเหนื่อยกับภาระของบาปอีก พระเยซูตรัสว่า ‘บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายได้หยุดพัก จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา’ (มัทธิว 11:28-30)

นี่เป็นเคล็ดลับในการทำดี: ให้อยู่ใกล้คนที่ออกไปทำความดี มอบภาระของคุณไว้กับพระเยซูและรับการพักสงบจากพระองค์ แบกแอกของพระองค์ไว้บนตัวขณะที่คุณเรียนรู้จากพระองค์ - จากพระทัยที่อ่อนโยนและถ่อมลง -เพราะพระองค์เป็นแหล่งของการทำดี

คำอธิษฐาน

ขอบคุณพระเจ้า องค์เจ้านายและพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพระองค์ ที่พระองค์ทรงรับแอกของความบาปไปจากข้าพระองค์ และถอดภาระหนักของมันไป ขอบคุณที่เมื่อข้าพระองค์วางแอกไว้กับพระองค์ แอกของข้าพระองค์ก็พอเหมาะและภาระของข้าพระองค์ก็เบา โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ใกล้ชิดพระองค์ รับใช้ด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และออกไปทำความดีเหมือนอย่างพระองค์ในวันนี้

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ทิตัส 3:14

‘คนของเรา…จะได้ไม่เป็นคนที่ไร้ผล'

ฉันสงสัยว่าพระเจ้าคิดว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์ในชีวิตของเรา ชีวิตนั้นวุ่นวาย การเลือกสิ่งที่ตัวเองจะทำนั้นยาก แต่ในแผ่นดินของพระเจ้านั้นเป็นอะไรที่กลับกัน สิ่งที่เราคิดว่าไม่สำคัญอาจจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพระเจ้า

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม