วัน 303

วิธีทำให้ความคิด จิตใจ และจิตวิญญาณของคุณชื่นบาน

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 119:121-128
พันธสัญญาใหม่ ฟีเลโมน 1-25
พันธสัญญาเดิม เพลงคร่ำครวญ 2:7-3:39

เกริ่นนำ

จิม บัคเคอร์ อดีตผู้ประกาศข่าวประเสริฐทางโทรทัศน์ ในหนังสือชีวประวัติส่วนตัวที่ชื่อว่า* I Was Wrong (ผมเคยพลั้งพลาด)* เล่าถึงการร่วงลงมาสู่ความอัปยศ ความยากจน และการถูกจำคุกเพราะการทุจริตด้านบัญชี เขาสูญเสียอิสรภาพ สุขภาพจิต เกียรติ ความมั่นใจในความเชื่อของเขา และท้ายที่สุดคือภรรยาของเขา นักโทษหมายเลข 07407-058 ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนและผู้ให้คำปรึกษาของประธานาธิบดีหลายคน ได้ตกลงสู่ก้นเหว

ในจุดตกต่ำที่สุดของเขา เจ้าหน้าที่เรือนจำพูดกับเขาว่า 'บิลลี่ เกรเเฮม มาเยี่ยมนาย!’ เขาคิดในใจว่า ‘บิลลี่ เกรแฮมมาที่นี่... ในสถานที่แบบนี้... เพื่อมาหาฉัน’ เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้อง บิลลี่ เกรแฮมหันมาหาเขาและอ้าแขนกว้าง

ในเวลานั้น จิม บัคเคอร์ รู้สึกถึงการยอมรับและความรักอย่างเต็มเปี่ยม: ‘ผมจะไม่มีวันลืมชายคนที่พึ่งถูกโหวตให้เป็นหนึ่งในคนที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกและได้ปรนนิบัติคนนับล้าน ที่ได้สละเวลาจากตารางงานที่ยุ่งมาปรนนิบัตินักโทษเพียงคนเดียว’ เขาบรรยายว่าท่ามกลางอาการซึมเศร้าของเขา ไข้หวัด ความโสโครก และความสิ้นหวัง การมาเยือนของบิลลี่ เกรแฮม ทำให้หัวใจของเขาชุ่มชื่น และวิญญาณจิตของเขามีกำลัง ‘ผมรู้สึกเหมือนกับว่าพระเยซูเสด็จมาเยี่ยมผมเอง’

ความชื่นบานหมายถึงการรื้อฟื้นกำลัง พลังงาน และความแข็งแรง บางครั้งของกินเล่นถูกเรียกว่า ‘อาหารที่ทำให้สดชื่น’ ความสดชื่นด้านร่างกายมาจากการนอนหลับ การพักผ่อน หรือการออกกำลังกาย

เปาโลบอกฟีเลโมนว่า ‘จิตใจของพวกธรรมิกชนแช่มชื่นขึ้นเนื่องจากท่าน’ (ฟีเลโมน 7) ภายหลังในจดหมาย เปาโลขอให้เขาทำ ‘ให้ใจของข้าพเจ้าแช่มชื่นในพระคริสต์’ (ข้อ 20) คุณจะทำให้ความคิด จิตใจ และจิตวิญญาณของตัวเองสดชื่นได้อย่างไร?

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 119:121-128

ע (อายิน)
121ข้าพระองค์ได้ทำสิ่งที่ยุติธรรมและถูกต้อง
 ขออย่าทรงละข้าพระองค์ไว้กับผู้บีบบังคับข้าพระองค์
122ขอทรงรับประกันสวัสดิภาพผู้รับใช้ของพระองค์
 ขออย่าทรงให้คนโอหังบีบบังคับข้าพระองค์
123ดวงตาของข้าพระองค์เมื่อยล้า เพราะคอยการช่วยกู้ของพระองค์
 และคอยพระสัญญาอันชอบธรรมของพระองค์
124ขอทรงทำแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ตามความรักมั่นคงของพระองค์
 และขอทรงสอนกฎเกณฑ์ของพระองค์แก่ข้าพระองค์
125ข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ ขอประทานความเข้าใจแก่ข้าพระองค์
 เพื่อข้าพระองค์จะรู้พระโอวาทของพระองค์
126ถึงเวลาที่พระยาห์เวห์จะทรงจัดการ
 เพราะคนได้ละเมิดธรรมบัญญัติของพระองค์
127เพราะฉะนั้นข้าพระองค์รักพระบัญญัติของพระองค์
 ยิ่งกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองบริสุทธิ์
128เพราะฉะนั้นข้าพระองค์ใช้ข้อบังคับทั้งสิ้นของพระองค์นำย่างเท้าของข้าพระองค์
 ข้าพระองค์เกลียดวิถีเท็จทุกทาง

อรรถาธิบาย

ถ้อยคำของพระเจ้า

ทองคำเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดที่โลกนี้จะซื้อได้ มันไม่อาจถูกทำให้มัวหมอง มันเจิดจ้าด้วยแสงที่ต่างจากเหล็กอื่น ๆ

ถึงกระนั้นพระวจนะของพระเจ้ามีค่ามากยิ่งกว่าทองคำ พระธรรมสดุดี เขียนว่า: ‘เพราะฉะนั้นข้าพระองค์รักพระบัญญัติของพระองค์ ยิ่งกว่าทองคำ ยิ่งกว่าทองบริสุทธิ์’ (ข้อ 127)

แหล่งความชื่นบานของจิตวิญญาณของผู้เขียนสดุดี คือพระวจนะของพระเจ้า เขาเขียนในข้อก่อนหน้านั้นว่า’จิตใจของข้าพระองค์กระตือรือร้นด้วยความปรารถนาในกฎหมายของพระองค์ตลอดเวลา… ข้าพระองค์ร้องไห้ด้วยความโศก ขอทรงเสริมกำลังข้าพระองค์ตามพระวจนะของพระองค์’ (ข้อ 20, 28) จงยอมให้พระวจนะของพระเจ้าทำให้ความคิด จิตใจ และจิตวิญญาณของคุณสดชื่น

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์อย่างมากที่ข้าพระองค์ได้รับความสดชื่นทั้งในด้านอารมณ์และฝ่ายวิญญาณ จากการอ่านพระวจนะของพระองค์ ใคร่ครวญภาวนา และซึมซับเข้ามาในความคิด จิตใจ และจิตวิญญาณของข้าพระองค์ ซึ่งมหัศจรรย์นัก

พันธสัญญาใหม่

ฟีเลโมน 1-25

การทักทาย

 1จาก เปาโลผู้ถูกคุมขังเพื่อพระเยซูคริสต์ และทิโมธีน้องของเรา
 ถึง ฟีเลโมนเพื่อนรักและผู้ร่วมงานของเรา 2และอัปเฟียน้องสาว ทั้งอารคิปปัส ผู้เป็นเพื่อนทหารร่วมกับเรา และคริสตจักรที่อยู่ในบ้านของท่าน
 3ขอพระคุณและสันติสุขจากพระเจ้าพระบิดาของเรา และจากพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ดำรงอยู่กับท่านทั้งหลาย

ความรักและความเชื่อของฟีเลโมน

 4ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าของข้าพเจ้าเสมอ เมื่อระลึกถึงท่านในการอธิษฐานของข้าพเจ้า 5เพราะข้าพเจ้าได้ยินเรื่องความรักและความเชื่อของท่านที่มีต่อพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และต่อธรรมิกชนทุกคน 6ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้การที่ท่านมีส่วนร่วมในความเชื่อจะเกิดผลมากในความรู้ซึ้งถึงสิ่งดีทุกอย่างที่เรามีในพระคริสต์ 7น้องเอ๋ย ความรักของท่านทำให้ข้าพเจ้ามีความยินดีและได้รับการชูใจอย่างมาก เพราะจิตใจของพวกธรรมิกชนแช่มชื่นขึ้นเนื่องจากท่าน

เปาโลขอร้องเรื่องโอเนสิมัส

 8เพราะเหตุนี้ แม้โดยพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้ามีใจกล้าพอจะสั่งให้ท่านทำในสิ่งที่ควรทำ 9แต่โดยความรัก ข้าพเจ้าจะขอร้องท่านดีกว่า ข้าพเจ้าเปาโลผู้เป็นทูตของพระเยซูคริสต์ และขณะนี้ถูกคุมขังเนื่องจากการประกาศพระองค์ 10ข้าพเจ้าขอร้องท่านเรื่องโอเนสิมัสลูกของข้าพเจ้า ผู้ซึ่งได้มาเป็นบุตรระหว่างที่ข้าพเจ้าถูกคุมขังอยู่ 11(เมื่อก่อนนั้นเขาไม่เป็นประโยชน์ต่อท่าน แต่เดี๋ยวนี้เขาเป็นประโยชน์ทั้งต่อท่านและข้าพเจ้า) 12ข้าพเจ้าส่งเขาผู้ซึ่งเป็นดังดวงใจของข้าพเจ้ามายังท่าน 13ข้าพเจ้าอยากจะหน่วงเหนี่ยวตัวเขาไว้เพื่อปรนนิบัติข้าพเจ้าแทนท่าน ในระหว่างที่ข้าพเจ้าถูกคุมขังเพราะข่าวประเสริฐ 14แต่ว่าข้าพเจ้าไม่ต้องการจะทำสิ่งใดลงไปนอกจากท่านจะเห็นชอบด้วย เพื่อว่าความดีของท่านจะไม่เป็นไปด้วยความฝืนใจ แต่เป็นไปด้วยความเต็มใจ
 15อาจจะเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้เขาจากท่านไปชั่วระยะหนึ่ง เพื่อท่านจะได้เขากลับคืนมาตลอดไป 16เขาไม่ได้เป็นทาสอีกต่อไป แต่ดียิ่งกว่าทาส คือเป็นพี่น้องที่รัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับข้าพเจ้า และสำหรับท่านเขาเป็นมากยิ่งกว่านั้นอีก ทั้งในฐานะที่เขาเป็นอยู่ในสังคมและในฐานะที่เป็นคนขององค์พระผู้เป็นเจ้า 17เพราะฉะนั้นหากท่านถือว่าข้าพเจ้าเป็นเพื่อนร่วมงาน ก็จงรับเขาไว้เหมือนที่รับข้าพเจ้า 18ถ้าเขาทำผิดต่อท่านหรือเป็นหนี้อะไรไว้ จงคิดเอาจากข้าพเจ้า 19ข้าพเจ้า เปาโลเขียนด้วยมือของข้าพเจ้าเองว่า ข้าพเจ้าจะชดใช้ให้ ข้าพเจ้าจะไม่พูดเรื่องที่ท่านเป็นหนี้ข้าพเจ้า แม้กระทั่งตัวของท่านเอง 20นี่แน่ะ น้องเอ๋ย ขอให้ข้าพเจ้าได้ประโยชน์จากท่านในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด และให้ใจของข้าพเจ้าแช่มชื่นในพระคริสต์
 21ข้าพเจ้ามั่นใจว่าท่านจะเชื่อฟังจึงได้เขียนจดหมายถึงท่าน เพราะรู้ว่าท่านจะทำยิ่งกว่าที่ข้าพเจ้าขอ 22นอกจากนั้น ขอท่านจัดเตรียมที่พักไว้ให้ข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้าหวังว่าจะกลับไปหาท่านทั้งหลายอีกตามคำอธิษฐานของพวกท่าน

คำทักทายสุดท้าย

 23เอปาฟรัส ผู้ที่ถูกขังร่วมกับข้าพเจ้าเพื่อพระเยซูคริสต์ ฝากคำทักทายมายังท่าน 24มาระโก อาริสทารคัส เดมาส และลูกา ซึ่งเป็นพวกเพื่อนร่วมงานของข้าพเจ้าก็ฝากคำทักทายมายังท่านด้วย
 25ขอพระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่กับจิตวิญญาณของท่านทั้งหลายเถิด

อรรถาธิบาย

ประชากรของพระเจ้า

เปาโลเขียนถึงฟีเลโมน เพื่อนของเขา เพื่อขอร้องให้ทำอะไรบางอย่าง (ข้อ 1) ฟีเลโมนมีทาสชื่อโอเนสิมัสที่หนีไป ระหว่างที่โอเนสิมัสหนี เปาโลได้นำเขามารู้จักพระคริสต์ (ข้อ 10)

ชะตากรรมโดยทั่วไปของทาสที่หลบหนี คือ ความตาย ถูกเฆี่ยนตี หรือการประทับตราบนหน้าผาก แต่ในจดหมายนี้ ซึ่งเต็มไปด้วยพระคุณ ความถ่อมใจ ความรักแท้ และความดึงดูดใจ เปาโลเขียนเพื่อหนุนใจฟีเลโมนให้รับโอเนสิมัสกลับไป โดยไม่ใช่ในฐานะทาส แต่เป็นเหมือนเพื่อนและพี่น้อง (ข้อ 16) หลายศตวรรษต่อมา ผลกระทบของถ้อยคำเหล่านี้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมครั้งใหญ่ ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นได้กลายเป็นประวัติศาสตร์สากล

มันคือคำขอที่เปาโลคาดหวังว่าจะได้รับคำตอบในเชิงบวก เขามั่นใจโดยสิ้นเชิงว่าฟีเลโมนจะทำสิ่งที่เขาขอร้องให้ทำ (ข้อ 21) นี่เป็นแบบอย่างและการท้าทายให้นำความรัก การให้อภัย และการคืนดีไปในทุก ๆ ที่ที่คุณไป

ฟีเลโมนเป็นเพื่อนสนิทของเปาโล เขานำคริสตจักรเข้ามาอยู่ในบ้านของเขาเอง (ข้อ 2) และเขาเป็นชายแห่งความเชื่อและความรัก (ข้อ 5)

เปาโลอธิษฐานที่ฟีเลโมนจะ ‘มีส่วนร่วมในความเชื่อ’ (ข้อ 6) น่าสนใจที่เราสังเกตเห็นว่า เปาโลคิดว่านี่จะป็นวิธีที่เขาจะได้รับ ‘ความรู้ซึ้งถึงสิ่งดีทุกอย่างที่เรามีในพระคริสต์’ (ข้อ 6) ยกตัวอย่างเช่น ผมสังเกตเห็นว่าในหลักสูตรอัลฟ่า ผู้คนเติบโตในความเข้าใจอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาได้เป็นผู้ช่วยกลุ่มย่อย และนำสอนบทเรียน วิธีที่จะเติบโตคือลงมือปฏิบัติในการแบ่งปันความเชื่อของคุณ

ท่านพูดต่อไปว่า ‘ความรักของท่านทำให้ข้าพเจ้ามีความยินดีและได้รับการชูใจอย่างมาก เพราะจิตใจของพวกธรรมิกชนแช่มชื่นขึ้น เนื่องจากท่าน’ (ข้อ 7) และท่านขอฟีเลโมนให้ชูใจเขาในพระคริสต์โดยการกระทำด้วยรัก (ข้อ 20) การวิงวอนทั้งหมดของเขาเพื่อโอเนสิมัสนั้น ‘อยู่บนพื้นฐานของความรัก’ (ข้อ 9)

ฟีเลโมนคือชายที่เป็นที่รู้จักอันเนื่องมาจากความรักของเขาอย่างชัดเจน: ‘ข้าพเจ้าได้ยินเสมอเกี่ยวกับความรักและความเชื่อที่ท่านมีต่อพระเยซู องค์จอมเจ้านาย ซึ่งเอ่อล้นไปยังผู้เชื่อคนอื่น ๆ’ (ข้อ 5 พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล)

เปาโลได้ ‘ขอในเรื่องที่ส่วนตัวมาก ๆ’ (ข้อ 8,9, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล) คือขอร้องให้ฟีเลโมนรับโอเนสิมัสกลับมา ‘ไม่ใช่เป็นเพียงทาส แต่เป็นพี่น้องคริสเตียนอย่างแท้จริง... รับเขากลับมาอย่างที่ท่านรับข้าพเจ้า ถ้าเขาทำสิ่งใดเสียหายหรือติดค้างอะไรท่าน ให้เขียนลงในบัญชีของข้าพเจ้า’ (ข้อ 16-18, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล) เขาเขียนว่า ‘ท่านกำลังทำเพื่อพระคริสต์’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล) แต่มันยังทำ ‘ให้ใจของข้าพเจ้าแช่มชื่น’ (ข้อ 20)

การให้อภัยต้องมีการส่งต่อความรักและความเมตตาไปถึงคนที่ทำผิดต่อคุณหรือทำให้คุณเจ็บปวด มันเปิดทางให้กับการคืนดีและการรื้อฟื้นความสัมพันธ์

เปาโลโหยหาที่จะพบฟีเลโมน เขาเขียนว่า ‘ขอท่านจัดเตรียมที่พักไว้ให้ข้าพเจ้าด้วย เพราะข้าพเจ้าหวังว่าจะกลับไปหาท่านทั้งหลายอีกตามคำอธิษฐานของพวกท่าน’ (ข้อ 22) การใช้เวลากับคนที่คุณรักและคนที่รักคุณ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อน ทำให้จิตใจและจิตวิญญาณของคุณมีชีวิตชีวา

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์อย่างมากสำหรับคริสตจักรและความรักของพี่น้องในพระคริสต์ ขอบคุณที่พวกเขาทำให้หัวใจและจิตวิญญาณของข้าพระองค์สดชื่น

พันธสัญญาเดิม

เพลงคร่ำครวญ 2:7-3:39

ז (ซายิน)
7องค์เจ้านายทรงทิ้งแท่นบูชาของพระองค์
 ทรงเกลียดสถานนมัสการของพระองค์
พระองค์ทรงมอบไว้ในมือศัตรู  คือทรงมอบกำแพงวังทั้งหลายนั้น
เขาทั้งหลายได้ส่งเสียงอึกทึกในพระนิเวศแห่งพระยาห์เวห์
 เหมือนอย่างในวันเทศกาลเลี้ยง

ח (เฆท)
8พระยาห์เวห์ตั้งพระทัยแล้วที่จะทลาย
 กำแพงของธิดาแห่งศิโยน
พระองค์ทรงขึงสายวัดไว้แล้ว
 พระองค์มิได้หดพระหัตถ์จากการทำลาย
พระองค์ทรงทำให้เนินดินและกำแพงนั้นคร่ำครวญ
 ให้ทรุดโทรมร่วงโรยไปด้วยกัน

ט (เทท)
9ประตูทั้งหลายของศิโยนทรุดลงในดินแล้ว
 พระองค์ได้ทรงทำลายและหักดาลประตู
กษัตริย์และบรรดาเจ้านายแห่งศิโยนตกอยู่ท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
 ไม่มีธรรมบัญญัติ
บรรดาผู้เผยพระวจนะแห่งศิโยน
 ก็หาได้รับนิมิตจากพระยาห์เวห์อีกไม่

י (โยด)
10พวกผู้ใหญ่ของธิดาแห่งศิโยน
 นั่งเงียบอยู่บนพื้นแผ่นดิน
เขาเอาผงคลีดินซัดขึ้นบนศีรษะ
 และนุ่งห่มผ้ากระสอบ
บรรดาสาวพรหมจารีแห่งเยรูซาเล็ม
 ค้อมศีรษะลงจดดิน

כ (คาฟ)
11ดวงตาข้าพเจ้าก็ร่วงโรยเพราะร้องไห้
 จิตข้าพเจ้าก็วุ่นวาย
ใจข้าพเจ้าก็ระทม
 เพราะความพินาศแห่งประชาชนของข้าพเจ้า และเพราะเด็กเล็กและเด็กอ่อนเป็นลมสลบ
 อยู่ตามลานเมือง

ל (ลาเมค)
12เด็กๆ ถามแม่ของตัวว่า
 “อาหารและน้ำดื่มอยู่ที่ไหน?”
ขณะเขาเป็นลมสลบดุจคนบาดเจ็บสาหัส  อยู่ตามลานเมือง
เมื่อชีวิตของเขาต้องสิ้นไป
 ที่อกแม่ของเขา

מ (เมม)
13โอ ธิดาแห่งเยรูซาเล็ม
 ข้าจะพูดอะไรเพื่อช่วยเจ้า? ข้าจะเปรียบเจ้ากับอะไร?
โอ ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน
 ข้าจะเทียบเจ้ากับอะไร เพื่อจะปลอบโยนเจ้าได้?
เพราะหายนะของเจ้าใหญ่ดุจทะเล
 ผู้ใดจะเยียวยาเจ้าได้เล่า?

נ (นูน)
14ผู้เผยพระวจนะของเจ้าได้เห็น
 นิมิตลวงและนิมิตหลอกมาบอกเจ้า
แทนที่เขาจะเผยบาปของเจ้า
 เพื่อให้เจ้ากลับสู่สภาพดี
เขากลับเห็นนิมิตสำหรับเจ้า
 อันเป็นเท็จและล่อลวง

ס (สาเมค)
15ทุกคนที่ผ่านทางนั้น
 ก็ตบมือเยาะเจ้า
เขาทั้งหลายได้หยันและสั่นศีรษะ
 เย้ยธิดาแห่งเยรูซาเล็มว่า
“นี่หรือคือนครที่คนทั้งหลายได้ขนานนามว่า
 งามเลิศ
 ว่าเป็นความชื่นชมยินดีของคนทั่วโลก?”

פ (เพ)
16ศัตรูทั้งหมดของเจ้า
 ได้อ้าปากว่าเจ้า
เขาทั้งหลายหยันและขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
 เขาพากันร้องว่า “เราได้ทลายเมืองนี้แล้ว
วันนี้แหละที่เรารอคอย
 เราพบแล้ว เราเห็นแล้ว”

ע (อายิน)
17พระยาห์เวห์ทรงทำตามพระประสงค์แล้ว
 ทรงทำให้พระดำรัสสำเร็จ
ตามที่ทรงบัญชาไว้นานแล้ว
 พระองค์ได้ทรงทำลายลงโดยปราศจากพระกรุณา
ทรงทำให้ศัตรูเปรมปรีดิ์เย้ยเจ้า
 ทรงเสริมกำลังแก่พวกศัตรูของเจ้า

צ (ซาเด)
18ใจของพวกเขาร้องทูลองค์เจ้านายว่า
 โอ กำแพงของธิดาแห่งศิโยนเอ๋ย
จงให้น้ำตาไหลพรั่งพรูดุจสายธาร
 ทั้งกลางวันและกลางคืน
เจ้าอย่าได้หยุดหย่อนเลย
 อย่าให้ดวงตาได้พักเลย

ק (โคฟ)
19จงลุกขึ้นร้องทูลตอนกลางคืนทุกยาม
 จงระบายความในใจของเจ้าออกมาอย่างน้ำ
เฉพาะพระพักตร์องค์เจ้านาย
 จงชูมือทั้งสองของเจ้าขึ้นตรงไปยังพระองค์
เพื่อขอชีวิตลูกเด็กเล็กแดงของเจ้า
 ที่หิวจนเป็นลมสลบไป
 ตามหัวถนนทุกแห่ง

ר (เรช)
20ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทอดพระเนตรเถิดว่า
 พระองค์ได้ทรงทำการเช่นนี้แก่ผู้ใด?
ควรที่ผู้หญิงจะกินลูกของตน
 จะกินทารกที่ยังอุ้มอยู่หรือ?
ปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะควรจะถูกประหาร
 ในสถานนมัสการขององค์เจ้านายหรือ?

ש (ซิน)
21ผู้อ่อนวัยและผู้สูงวัย
 นอนอยู่ตามพื้นดินบนถนน
คนหนุ่มและคนสาวของข้าพระองค์
 ล้มลงด้วยดาบ
พระองค์ทรงประหารพวกเขาในวันแห่งพระพิโรธ
 ทรงสังหารโดยปราศจากพระกรุณา

ת (ทาว)
22พระองค์ทรงเรียกผู้ที่ข้าพระองค์กลัวจากรอบด้าน
 มาอย่างในวันเทศกาลเลี้ยง
พอถึงวันแห่งพระพิโรธของพระยาห์เวห์
 ก็ไม่มีสักคนหนึ่งหนีรอดได้ ผู้ที่ข้าพระองค์ได้อุ้มชูและเลี้ยงดูมานั้น  ศัตรูของข้าพระองค์ได้ทำลายแล้ว

เพลงคร่ำครวญ 3

ความรักมั่นคงของพระเจ้าดำรงอยู่เป็นนิตย์

א (อาเลฟ)
1ข้าพเจ้าเป็นคนที่ได้เห็นความทุกข์ยาก
 โดยไม้เรียวแห่งความกริ้วของพระองค์
2พระองค์ทรงนำและให้ข้าพเจ้าเดิน
 ในความมืดและไม่ใช่ในความสว่าง
3แท้จริง พระองค์พลิกพระหัตถ์ต่อสู้ข้าพเจ้า
 อยู่วันยังค่ำ

ב (เบท)
4พระองค์ทรงทำให้เนื้อและหนังข้าพเจ้าซูบซีดไป
 ทรงหักกระดูกข้าพเจ้า
5พระองค์ทรงล้อมข้าพเจ้า
 ด้วยความขมขื่นและความทุกข์ยาก
6พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าอยู่ในที่มืด
 ดุจคนที่ตายนานแล้ว

ג (กิเมล)
7พระองค์ทรงทำกำแพงล้อมข้าพเจ้าไว้ เพื่อจะออกไปไม่ได้
 พระองค์ทรงตีตรวนหนักล่ามข้าพเจ้าไว้
8แม้เมื่อข้าพเจ้าร้องทูลขอความช่วยเหลือ
 พระองค์มิทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า
9พระองค์ทรงทำกำแพงกั้นทางข้าพเจ้าด้วยก้อนหินที่สกัดแล้ว
 พระองค์ทรงทำให้หนทางข้าพเจ้าคดเคี้ยว

ד (ดาเลท)
10พระองค์ทรงเป็นดุจหมีที่คอยตะครุบข้าพเจ้า
 และดั่งสิงห์แอบซุ่มในที่ลับ
11พระองค์ทรงพาข้าพเจ้าไปจากทางของข้าพเจ้า และฉีกข้าพเจ้าเป็นชิ้นๆ
 พระองค์ทรงทำให้ข้าพเจ้าสิ้นหวัง
12พระองค์ทรงโก่งคันศร
 และเอาข้าพเจ้าเป็นเป้าสำหรับลูกธนู

ה (เฮ)
13พระองค์ทรงเอาลูกธนูในแล่ง
 ยิงเข้าที่หัวใจข้าพเจ้าแล้ว
14ข้าพเจ้ากลายเป็นที่หัวเราะเยาะของทุกคนในชาติ
 เป็นเนื้อเพลงเย้ยหยันของพวกเขาวันยังค่ำ
15พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าขมขื่นเต็มขนาด
 พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าอิ่มด้วยบอระเพ็ด

ו (วาว)
16พระองค์ทรงให้ฟันข้าพเจ้าเคี้ยวก้อนกรวด
 พระองค์ทรงให้ข้าพเจ้าหมอบในกองขี้เถ้า
17ชีวิตข้าพเจ้าขาดสันติสุข
 จนข้าพเจ้าลืมว่าความสุขเป็นอย่างไร
18ข้าพเจ้าจึงว่า “ศักดิ์ศรีของข้าพเจ้าสูญไปแล้ว
 ทั้งความหวังของข้าพเจ้าในพระยาห์เวห์ด้วย”

ז (ซายิน)
19การคิดถึงความทุกข์ยากและการพลัดบ้านของข้าพเจ้า
 เป็นบอระเพ็ดและของขม
20ข้าพเจ้ายังคิดถึงเนืองๆ
 และจิตใจข้าพเจ้าก็หดหู่
21ข้าพเจ้าหวนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้
 เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความหวัง

ח (เฆท)
22ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์ไม่เคยหยุดยั้ง
 และพระกรุณาของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด
23เป็นของใหม่ทุกเวลาเช้า
 ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก
24จิตใจข้าพเจ้าว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นมรดกส่วนของข้าพเจ้า
 เพราะฉะนั้นข้าพเจ้ามีความหวังในพระองค์”

ט (เทท)
25พระยาห์เวห์ทรงดีต่อผู้ที่คอยพระองค์
 และต่อผู้ที่แสวงหาพระองค์
26เป็นการดีที่จะรออย่างเงียบๆ
 คือรอความรอดจากพระยาห์เวห์
27เป็นการดีที่คนเราจะแบก  แอกในปฐมวัย

י (โยด)
28ให้เขานั่งเงียบๆ ตามลำพัง
 เพราะพระองค์ทรงวางแอกนั้นบนเขาเอง
29ให้เขาเอาปากจดผงคลีดิน
 บางทีจะมีหวัง
30ให้เขาเอียงแก้มแก่ผู้ที่ตบเขา
 ให้เขารับความอับอายอย่างเต็มขนาด

כ (คาฟ)
31เพราะว่าองค์เจ้านายจะไม่
 ทรงละทิ้งเป็นนิตย์
32แม้ทรงทำให้เกิดความเศร้าโศก พระองค์จะทรงพระกรุณา
 ตามความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์
33เพราะพระองค์มิได้ตั้งพระทัยทำให้ผู้ใดทุกข์ใจ
 หรือทำให้มนุษย์โศกเศร้า

ל (ลาเมค)
34การบดขยี้เชลยทั้งสิ้นแห่งแผ่นดิน
 ไว้ใต้เท้าก็ดี
35การตัดสิทธิ์ของผู้หนึ่งผู้ใด
 ต่อพระพักตร์องค์ผู้สูงสุดก็ดี
36การบิดเบือนคดีของมนุษย์ก็ดี
 องค์เจ้านายจะไม่ทอดพระเนตรเห็นหรือ?

מ (เมม)
37ผู้ใดจะกล่าว แล้วสิ่งนั้นก็เกิดขึ้น
 นอกจากเมื่อองค์เจ้านายทรงบัญชาให้เป็นไป?
38จากพระโอษฐ์ขององค์ผู้สูงสุดนั้น
 สิ่งดีและสิ่งร้ายก็ออกมามิใช่หรือ?
39มนุษย์ที่มีชีวิตจะบ่นไปทำไม?
 คือคนที่ถูกทำโทษเพราะบาปของตน

อรรถาธิบาย

การทรงสถิตของพระเจ้า

หัวใจของผู้เผยพระวจนะต้องการความชื่นบานอย่างมาก เมื่อเยเรมีย์มองไปที่หายนะของเยรูซาเล็ม เขาถูกล้อมไปด้วยการทนทุกข์ที่สยดสยองที่สุด การทำลายล้างเกิดขึ้นรอบตัว ผู้คนนั้นหิวโหย ถึงจุดต่ำสุด จนมีความเป็นไปได้อย่างน่ากลัวที่ผู้หญิงจะกินลูกของตัวเอง (ข้อ 2:20)

ไม่ใช่แค่การทนทุกข์อยู่รอบตัวเยเรมีย์ แต่มันอยู่ในจิตใจของเขาด้วย เขาเขียนว่า ‘ดวงตาข้าพเจ้าก็ร่วงโรยเพราะร้องไห้ จิตข้าพเจ้าก็วุ่นวาย ใจของข้าพเจ้าถูกเทลงดิน’ (ข้อ 11) หัวใจของเขาถูกทะลวง (ข้อ 3:13) เขารู้สึกถูกล้อมด้วย ‘ความขมขื่นและความทุกข์ยาก’ (ข้อ 5) เขาอยู่ในความมืดมิด (ข้อ 6)

เขารู้สึกถูกทอด‘ทิ้ง… โดยไม่มีใครช่วย’ (ข้อ 11) เขาถูกหัวเราะเยาะและเย้ยหยัน (ข้อ 14) เหนือสิ่งอื่นใดเขา ‘ขาดสันติสุข’ (ข้อ 17)

บางครั้งคำอธิษฐานของเราดูเหมือนจะไม่ได้รับคำตอบเหมือนอย่างเยเรมีย์: ‘แม้เมื่อข้าพเจ้าร้องทูลขอความช่วยเหลือ พระองค์มิทรงฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า พระองค์ทรงทำกำแพงกั้นทางข้าพเจ้าด้วยก้อนหินที่สกัดแล้ว พระองค์ทรงทำให้หนทางข้าพเจ้าคดเคี้ยว’ (ข้อ 8-9)

คำตอบของเขาอยู่ ‘เฉพาะพระพักตร์องค์เจ้านาย’ เขาเขียนว่า ‘จงลุกขึ้นร้องทูลตอนกลางคืนทุกยาม จงระบายความในใจของเจ้าออกมาอย่างน้ำ เฉพาะพระพักตร์องค์เจ้านาย’ (ข้อ 2:19)

เขาพูดต่อว่า ‘ข้าพเจ้ายังคิดถึงเนือง ๆ และจิตใจข้าพเจ้าก็หดหู่
ข้าพเจ้าหวนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความหวัง
ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์ไม่เคยหยุดยั้ง และพระกรุณาของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด
เป็นของใหม่ทุกเวลาเช้า ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก
จิตใจข้าพเจ้าว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นมรดกส่วนของข้าพเจ้า”
เพราะฉะนั้นข้าพเจ้ามีความหวังในพระองค์ พระยาห์เวห์ทรงดีต่อผู้ที่คอยพระองค์ และต่อผู้ที่แสวงหาพระองค์…
แม้ทรงทำให้เกิดความเศร้าโศก พระองค์จะทรงพระกรุณาตามความรักมั่นคงอันอุดมของพระองค์’ (ข้อ 3:20-25, 32)

เวลาของการฟื้นฟู มาจาก ‘การทรงสถิตของพระเจ้า' (กิจการ 3:19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) คุณสามารถรับความสดชื่นนี้ได้ทุก ๆ วัน

พระเมตตาของพระเจ้าสดใหม่ทุกเช้า คุณสามารถเริ่มต้นวันใหม่อย่างชื่นบานได้ ทุกวันคุณสามารถแสวงหาพระองค์ รอคอยพระองค์ในความสงบ มีความหวังในพระองค์ และรับความชื่นบานในการทรงสถิต

เมื่อคุณตระหนักว่าพระเจ้าอภัยให้คุณมากเพียงใด และพระเมตตาของพระองค์ยิ่งใหญ่เพียงใด คุณจะอภัยให้คณที่ทำคุณเจ็บปวดได้ง่ายขึ้นและยื่นความเมตตาไปถึงพวกเขา ซึ่งเป็นกุญแจของความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม

นี่ไม่ใช่ถ้อยคำหนุนใจที่ไร้เดียงสาหรือเป็นเพียงแค่ผิวเผิน แต่มีความเป็นจริงเกี่ยวกับความล้ำลึกและขอบเขตของการทนทุกข์และการต่อสู้ทั้งภายในและภายนอก แต่ท่ามกลางทั้งหมดนี้คุณสามารถยึดมั่นในความดีงามและความรักของพระเจ้า ‘ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์ไม่เคยหยุดยั้ง’ (บทเพลงคร่ำครวญ 3:22)

เราเห็นคำใบ้ว่าความรักนี้เป็นไปได้อย่างไร ผู้เผยพระวจนะเขียนว่า ‘ให้เขาเอียงแก้มแก่ผู้ที่ตบเขา ให้เขารับความอับอายอย่างเต็มขนาด’ (ข้อ 30) พระเยซูหันพระพักตร์ให้คนที่ตบตีพระองค์ (ยอห์น 19:3, มัทธิว 5:29) และแบกความอัปยศของเราบนกางเขน พระโลหิตของพระคริสต์ชำระเราจากความบาปทั้งสิ้น (1 ยอห์น 1:19) โดยการสิ้นพระชนม์คุณได้รับการอภัย ถูกชำระล้าง รื้อฟื้น และได้รับความชื่นบานในจิตใจ และจิตวิญญาณทุก ๆ วัน

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์เทหัวใจออกมาให้พระองค์ในวันนี้ โปรดทำให้ข้าพระองค์สดชื่นด้วยการทรงสถิตของพระองค์ ขอบคุณพระองค์สำหรับความสัตย์ซื่ออันใหญ่ยิ่งและพระเมตตาที่ไม่หยุดยั้ง ซึ่งให้แก่ข้าพระองค์ใหม่ทุกเช้า ผ่านทางพระเยซูคริสต์ องค์เจ้านายของข้าพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

บทเพลงคร่ำครวญ 3:22-23

ไม่ว่าเรากำลังก้าวผ่านอะไรในวันนี้ เราสามารถรับการปลอบโยนจากข้อพระคำเหล่านี้: ‘ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์ไม่เคยหยุดยั้ง และพระกรุณาของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด เป็นของใหม่ทุกเวลาเช้าความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก’

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม