วัน 304

กุญแจสู่ชีวิต

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 119:129-136
พันธสัญญาใหม่ ฮีบรู 1:1-14
พันธสัญญาเดิม เพลงคร่ำครวญ 3:40-5:22

เกริ่นนำ

  • มาดอนน่ากล่าวไว้ว่า ‘ขณะที่ฉันโตขึ้น... พระเยซูคริสต์เป็นเหมือนดาราหนัง เป็นไอดอลคนโปรดของฉัน’
  • นโปเลียน โบนาปาร์ต กล่าวไว้ว่า 'ข้าพเจ้ารู้จักชายหนุ่มมากมาย และข้าพเจ้าบอกได้เลยว่าพระเยซูคริสต์ไม่ใช่ชายธรรมดาทั่วไป’
  • นักเขียนนิยาย เฮช.จี. เวลส์ กล่าวไว้ว่า ‘ผมเป็นนักประวัติศาสตร์ ผมไม่ใช่ผู้เชื่อ แต่นักเทศน์ผู้ไร้เงินทองจากกาลิลีผู้นี้เป็นศูนย์กลางของประวัติศาสตร์อย่างมิอาจต้านทานได้’

แม้แต่คนที่ไม่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ติดตามของ ‘นักเทศน์ผู้ไร้เงินทอง’ ยังตระหนักว่ามีบางอย่างที่พิเศษเกี่ยวกับพระเยซู

ไม่มีใคร แม้แต่ทูตสวรรค์ จะเปรียบเหมือนพระเยซู (ฮีบรู 1:1-14) ถ้าคุณอยากรู้ว่าพระเจ้าเป็นอย่างไร ให้มองไปที่พระเยซู พระองค์ตรัสว่า ‘คนที่ได้เห็นเราก็ได้เห็นพระบิดา’ (ยอห์น 14:9) ทุกอย่างที่คุณได้อ่านและเข้าใจเกี่ยวกับพระเจ้าผ่านทางพระคัมภีร์ คุณจะต้องอ่านผ่านสายตาของพระเยซู พระองค์ทรงเป็นการเปิดเผยสำแดงสูงสุดของพระเจ้า

กุญแจของคุณในการจัดการกับชีวิตของตัวเองคือพระเยซู กุญแจของคุณในการเข้าใจพระวจนะคือพระเยซู กุญแจของคุณในการเข้าใจพระลักษณะของพระเจ้าคือพระเยซู กุญแจของคุณสู่ชีวิตคือพระเยซู

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 119:129-136

פ (เพ)
129พระโอวาทของพระองค์น่าอัศจรรย์
 เพราะฉะนั้นข้าพระองค์จึงรักษาไว้
130การอธิบายพระวจนะของพระองค์ให้ความสว่าง
 ทั้งให้ความเข้าใจแก่คนรู้น้อย
131ข้าพระองค์เหนื่อยหอบจนอ้าปาก
 เพราะข้าพระองค์ปรารถนาพระบัญญัติของพระองค์
132ขอทรงหันมาหาข้าพระองค์และมีพระกรุณาต่อข้าพระองค์
 เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเคยทำต่อผู้ที่รักพระนามของพระองค์
133ขอทรงให้ย่างเท้าของข้าพระองค์มั่นคงอยู่ตามพระสัญญาของพระองค์
 ขออย่าทรงให้ความชั่วใดๆ มีอำนาจเหนือข้าพระองค์
134ขอทรงไถ่ข้าพระองค์ให้พ้นการบีบบังคับของมนุษย์
 เพื่อข้าพระองค์จะปฏิบัติตามข้อบังคับของพระองค์
135ขอทรงให้พระพักตร์ของพระองค์ทอแสงมายังผู้รับใช้ของพระองค์
 และขอทรงสอนกฎเกณฑ์ของพระองค์แก่ข้าพระองค์
136น้ำตาของข้าพระองค์ไหลพรั่งพรู
 เพราะคนไม่ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติของพระองค์

อรรถาธิบาย

พระเยซูทรงชำระล้างบาปของเรา

ในบางมุม การอ่านพระคัมภีร์ก็เป็นเหมือนกับการมองกระจกด้วยแสงที่สว่างจ้า: ‘การอธิบายพระวจนะของพระองค์ให้ความสว่าง’ (ข้อ 130ก) แสงสว่างเปิดเผยสิ่งที่ผิดในชีวิตของเราและสิ่งที่เราต้องทำชำระให้สะอาด สิ่งนี้เปิดเผยว่าอะไรขวางกั้นระหว่างเรากับพระเจ้า

สิ่งกีดขวางนี้ถูกกำจัดไปเมื่อพระเยซูประทานการชำระล้างบาปให้แก่เรา ผ่านทางพระเยซูคุณมั่นใจได้ว่าพระพักตร์ของพระเจ้าจะฉายมาเหนือคุณ (ข้อ 135)

ให้เราอธิษฐานเช่นเดียวผู้เขียนสดุดีว่า:
‘ขอทรงหันมาหาข้าพระองค์และมีพระกรุณาต่อข้าพระองค์
 เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเคยทำต่อผู้ที่รักพระนามของพระองค์
ขอทรงให้ย่างเท้าของข้าพระองค์มั่นคงอยู่ตามพระสัญญาของพระองค์
 ขออย่าทรงให้ความชั่วใด ๆ มีอำนาจเหนือข้าพระองค์
ขอทรงไถ่ข้าพระองค์ให้พ้นการบีบบังคับของมนุษย์
 เพื่อข้าพระองค์จะปฏิบัติตามข้อบังคับของพระองค์
ขอทรงให้พระพักตร์ของพระองค์ทอแสงมายังผู้รับใช้ของพระองค์’ (ข้อ 132-135ก)

คำอธิษฐานของผู้เขียนสดุดีเป็นเงาสะท้อนล่วงหน้าไปถึงการกระทำยิ่งใหญ่ของพระเยซูในการจัดเตรียมการชำระล้างบาป ของเรา พระเยซูจะหันไปหาพระเจ้าเสมอ โดยมั่นใจว่าพระองค์จะทรงเมตตา ‘เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงเคยทำต่อผู้ที่รักพระนามของพระองค์’ (ข้อ 132)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับพระเยซู ขอบคุณสำหรับพระเมตตา ขอให้ไม่มีบาปใดปกครองข้าพระองค์ โปรดปกป้องข้าพระองค์จากความเย่อหยิ่ง ความโกรธ ตัณหา ความโลภ ความริษยา การไม่อธิษฐาน การเป็นศัตรูกัน และการทดลองอื่น ๆ ของชีวิต ข้าพระองค์ทูลขอที่พระองค์จะให้พระพักตร์ทอแสงมาบนข้าพระองค์ในวันนี้

พันธสัญญาใหม่

ฮีบรู 1:1-14

พระเจ้าตรัสทางพระบุตรของพระองค์

 1นานมาแล้วพระเจ้าตรัสกับบรรพบุรุษของเราหลายครั้ง และหลายวิธีผ่านทางพวกผู้เผยพระวจนะ 2แต่ในวาระสุดท้ายนี้พระองค์ตรัสกับเราทางพระบุตร ผู้ที่พระองค์ทรงตั้งให้เป็นทายาทรับสิ่งทั้งปวง พระเจ้าทรงสร้างจักรวาลทางพระบุตร 3พระบุตรทรงเป็นแสงสว่างแห่งพระสิริของพระเจ้า ทรงมีแก่นแท้เดียวกับพระเจ้า ทรงค้ำจุนสิ่งทั้งปวงไว้ด้วยพระวจนะอันทรงฤทธานุภาพของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงชำระบาปทั้งหลายแล้ว ก็ประทับเบื้องขวาของพระเจ้าสูงสุด 4พระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่าพวกทูตสวรรค์มากนัก เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงได้รับพระนามที่ประเสริฐกว่านามของพวกทูตสวรรค์

พระบุตรทรงยิ่งใหญ่กว่าพวกทูตสวรรค์

5เพราะว่ามีใครบ้างในพวกทูตสวรรค์ที่พระเจ้าเคยตรัสกับเขาว่า

*“เจ้าเองเป็นบุตรของเรา
 วันนี้เราให้กำเนิดเจ้า” *

และยังตรัสอีกว่า

“เราเองจะเป็นบิดาของเขา
 และเขาเองจะเป็นบุตรของเรา”

6และอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพระองค์ทรงนำพระบุตรหัวปีนั้นเข้ามาในโลก ก็ตรัสว่า

“ให้ทูตสวรรค์ทั้งหมดของพระเจ้ากราบนมัสการพระบุตร”

7ส่วนพวกทูตสวรรค์นั้น พระองค์ตรัสว่า

“พระองค์ทรงสร้างพวกทูตสวรรค์ของพระองค์ให้เป็นดุจลม
 และทรงสร้างบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ให้เป็นดุจเปลวเพลิง”

8แต่ส่วนพระบุตรนั้น พระองค์ตรัสว่า

“ข้าแต่พระเจ้า พระที่นั่งของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์
 พระคทาแห่งอาณาจักรของพระองค์ก็เป็นพระคทาเที่ยงธรรม
9 พระองค์ทรงรักความชอบธรรม และทรงเกลียดความอธรรม
 เพราะเหตุนี้พระเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าของพระองค์ ทรงเจิมพระองค์ไว้
 ด้วยน้ำมันแห่งความยินดี เหนือบรรดาพระสหายของพระองค์”

10และ

“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ในปฐมกาลพระองค์ทรงสร้างแผ่นดินโลก
 และฟ้าสวรรค์เป็นผลงานแห่งพระหัตถ์ของพระองค์ 11 สิ่งเหล่านี้จะพินาศ แต่พระองค์เองทรงดำรงอยู่  ทุกสิ่งจะเก่าไปเหมือนเครื่องนุ่งห่ม
12 พระองค์จะทรงม้วนสิ่งเหล่านี้เหมือนม้วนผ้าคลุม
 และสิ่งเหล่านั้นจะถูกเปลี่ยน เหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า
แต่พระองค์เองยังทรงเหมือนเดิม
 และปีเดือนของพระองค์จะไม่มีวันสิ้นสุด”

13แต่กับทูตสวรรค์องค์ใดเล่าที่พระองค์เคยตรัสว่า

“จงนั่งที่เบื้องขวาของเรา
 จนกว่าเราจะทำให้ศัตรูของท่านเป็นที่รองเท้าของท่าน”

14ทูตสวรรค์ทั้งปวงเป็นเพียงวิญญาณที่รับใช้พระเจ้า ที่ทรงส่งไปปรนนิบัติบรรดาคนที่จะได้รับความรอดไม่ใช่หรือ?

อรรถาธิบาย

พระเยซูทรงอยู่เหนือทูตสวรรค์

พระเยซูทรงมีเอกลักษณ์เฉพาะ พระองค์เป็นทุกสิ่งที่เราต้องการ ยูจีน ปีเตอร์สัน ได้ชี้ให้เห็นว่าคุณไม่จำเป็นต้องมีพระเยซู-และ-ทูตสวรรค์ คุณไม่จำเป็นต้องมีพระเยซู-และ-โมเสส คุณไม่จำเป็นต้องมีพระเยซู-และ-การเป็นปุโรหิต จดหมายนี้ลบยติภังค์ (-) ออก ทั้งหมดที่คุณต้องการ คือ พระเยซู

พระธรรมฮีบรูนั้น ทั้งหมดเป็นเรื่องพระเยซู ว่าพระองค์เป็นผู้ใด และพระองค์ทรงดีกว่า ยิ่งใหญ่กว่าบุคคลอื่น คำสอนอื่น หรือระบอบศาสนาอื่นอย่างไร พระธรรมตอนนี้เปิดด้วยการเปรียบเทียบระหว่างพระเยซูและผู้เผยพระวจนะในพันธสัญญาเดิม มันอธิบายถึงความจริงอันมหัศจรรย์ว่าพระเจ้าตรัสผ่านผู้เผยพระวจนะอย่างไร แต่หลังจากนั้นก็บรรยายว่าพระเยซูดียิ่งกว่าอย่างไร (ข้อ 1-3) พระองค์เป็น ‘ทายาทของทุกสิ่ง’ พระองค์ทรงมีส่วนในการทรงสร้าง พระองค์ทรงเป็นการเปิดเผยสำแดงสูงสุดของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นผู้ค้ำจุนของคุณและพระผู้ไถ่ของคุณ เหตุผลของสิ่งทั้งปวงนี้อยู่ในความเป็นพระเยซู

พระเยซูทรงเป็น ‘แสงสว่างแห่งพระสิริของพระเจ้า ทรงมีแก่นแท้เดียวกับพระเจ้า’ (ข้อ 3) พระคัมภีร์ฉบับ The Message เขียนว่า พระองค์ ‘สะท้อนพระเจ้าอย่างสมบูรณ์แบบ และถูกประทับตราด้วยธรรมชาติของพระเจ้า’

พระเยซูเสด็จมาเพื่อแก้ไขชีวิตของเรา 'เมื่อพระองค์ทรงชำระบาปทั้งหลายแล้ว ก็ประทับเบื้องขวาของพระเจ้าสูงสุด’ (ข้อ 3ข) การนั่งลงเป็นสัญลักษณ์ของความจริงว่างานของพระองค์สำเร็จแล้ว (ดู ยอห์น 19:30)

จะมีคนที่ไม่อาจยอมรับความจริงนี้ได้เสมอ วันนี้บางคนโต้เถียงว่าพระเยซู ‘เป็นแค่อาจารย์สอนศาสนาที่ยิ่งใหญ่’ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น อย่างเดียวกันในช่วงของจดหมายนี้ บางคนได้โต้เถียงว่าพระเยซู ‘เป็นแค่ทูตสวรรค์’ ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูบอกว่า: ‘พระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่าพวกทูตสวรรค์มากนัก เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงได้รับพระนามที่ประเสริฐกว่านามของพวกทูตสวรรค์’ (ฮีบรู 1:14) จากนั้นเขาโต้ต่อเกี่ยวกับอำนาจของพระองค์ที่อยู่เหนือทูตสวรรค์

ในพระคัมภีร์มีการอ้างอิงถึงทูตสวรรค์เกือบ 300 ครั้ง เรารู้อะไรเกี่ยวกับพวกเขาบ้าง?

ในข้อนี้เราเห็นว่าทูตสวรรค์นมัสการและรับใช้พระเจ้า (ข้อ 6-7) พวกเขาเป็นผู้ส่งสารของพระเจ้า (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตในฝ่ายวิญญาณที่รับใช้คริสเตียน (ข้อ 14) พวกเขาถูก ‘ส่งไปปรนนิบัติบรรดาคนที่จะได้รับความรอด’ (ข้อ 14)

ทูตสวรรค์อยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด พวกเขาคอยคุ้มกันและปกป้องคุณ พระเจ้าประทาน ‘เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์ในเรื่องท่าน’ (สดุดี 91:11) ยกตัวอย่างเช่น ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาเสริมกำลังพระเยซูในสวนเกทเสมนี (ลูกา 22:43) ทุกคริสตจักรก็มีทูตสวรรค์หนึ่งองค์ (วิวรณ์ 1-3)

แต่พระเยซูทรงยิ่งใหญ่กว่ามากนัก ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูกล่าวถึงข้อพระคัมภีร์ 7 ตอนจากพันธสัญญาเดิมเพื่อแสดงถึงอำนาจที่พระเยซูมีเหนือกว่าทูตสวรรค์ (สดุดี 2:7; 2 ซามูเอล 7:14; เฉลยธรรมบัญญัติ 32:43; สดุดี 45:6–7; 102:25–27; 104:4; 110:1)

ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้เป็นคำตอบสำหรับทุกคนที่บอกว่าพระเยซูเป็นเพียงทูตสวรรค์ หรือ ‘อาจารย์สอนศาสนาที่ยิ่งใหญ่’ (ซึ่งในปัจจุบันน่าจะเป็นแบบหลังมากกว่า) จุดสูงสุดของข้อโต้แย้งนี้อยู่ในพระธรรมฮีบรู 1:8 ‘แต่ส่วนพระบุตรนั้น พระองค์ตรัสว่า“ข้าแต่พระเจ้า พระที่นั่งของพระองค์…”’ นี่เป็นการอ้างโดยสมบูรณ์ถึงความเป็นพระเจ้าของพระเยซู พระเยซูทรงเป็นผู้ที่มีตัวตนเป็นพระเจ้า

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่พระองค์ส่งทูตสวรรค์มาคุ้มครองและปกป้องเรา ขอบคุณพระองค์ที่พวกเขารับใช้เรา แต่ขอบคุณพระองค์มากยิ่งกว่าสำหรับพระเยซู ผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าทูตสวรรค์ทั้งปวง

พันธสัญญาเดิม

เพลงคร่ำครวญ 3:40-5:22

נ (นูน)
40ให้เราทดสอบและพิจารณาวิถีของเรา
 และกลับมาหาพระยาห์เวห์เถิด
41ให้เรายกใจและมือขึ้น
 ต่อพระเจ้าในฟ้าสวรรค์ ทูลว่า
42“พวกข้าพระองค์ได้ล่วงละเมิดและขัดขืน
 และพระองค์ยังไม่ได้ทรงอภัยโทษ

ס (สาเมค)
43“พระองค์คลุมพระองค์ด้วยพระพิโรธและทรงไล่ตามพวกข้าพระองค์
 ได้ทรงประหารโดยปราศจากพระกรุณา
44พระองค์คลุมพระองค์ด้วยเมฆ
 เพื่อว่าการอธิษฐานของพวกข้าพระองค์จะไม่ทะลุไปถึงพระองค์ได้
45พระองค์ได้ทรงทำให้พวกข้าพระองค์เป็นเหมือนสิ่งโสโครกและขยะ
 อยู่ท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย

פ (เพ)
46“ศัตรูทั้งสิ้นของพวกข้าพระองค์
 ได้อ้าปากตะโกนว่าพวกข้าพระองค์
47ความสยดสยองและหลุมพรางมาถึงพวกข้าพระองค์
 ทั้งความร้างเปล่าและความพินาศ
48น้ำตาของข้าพระองค์ไหลเป็นสายน้ำ
 เนื่องด้วยความพินาศแห่งประชาชนของข้าพระองค์

ע (อายิน)
49“น้ำตาของข้าพระองค์ไหลไม่หยุด
 และไม่ได้พักเลย
50จนกว่าพระยาห์เวห์จะทอดพระเนตร
 ดูจากฟ้าสวรรค์
51ดวงตาทำให้ข้าพระองค์ระทมใจ
 เพราะเห็นเคราะห์กรรมของบุตรีทั้งสิ้นแห่งนครของข้าพระองค์

צ (ซาเด)
52“พวกที่เป็นศัตรูกับข้าพระองค์โดยไม่มีเหตุนั้น
 ได้ไล่ล่าข้าพระองค์เหมือนไล่ล่านก
53พวกเขาพยายามจบชีวิตข้าพระองค์ในบ่อ
 และขว้างหินใส่ข้าพระองค์
54น้ำท่วมมิดศีรษะข้าพระองค์
 ข้าพระองค์ว่า ‘ข้าตายแน่’

ק (โคฟ)
55“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ร้องออกพระนามของพระองค์
 จากส่วนลึกที่สุดของบ่อ
56พระองค์ทรงสดับเสียงข้าพระองค์ที่ว่า ‘ขออย่าปิดพระกรรณ
 ต่อคำร้องขอการบรรเทาของข้าพระองค์’
57พระองค์ทรงเข้ามาใกล้ในวันที่ข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์
 พระองค์ตรัสว่า ‘อย่ากลัวเลย’

ר (เรช)
58“ข้าแต่องค์เจ้านาย พระองค์ทรงอยู่ฝ่ายข้าพระองค์ในการสู้คดี
 พระองค์ทรงไถ่ชีวิตข้าพระองค์
59ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเห็นความผิดที่เขาทำต่อข้าพระองค์แล้ว
 ขอทรงพิพากษาคดีของข้าพระองค์เถิด
60พระองค์ทรงเห็นความอาฆาตทั้งสิ้นของพวกเขา
 และแผนการร้ายทั้งหมดต่อข้าพระองค์แล้ว

ש (ซิน)
61“ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงได้ยินคำเยาะเย้ยของพวกเขา
 และแผนการร้ายทั้งหมดต่อข้าพระองค์แล้ว
62คือการซุบซิบและการบ่นของปฏิปักษ์ข้าพระองค์
 ต่อสู้ข้าพระองค์อยู่วันยังค่ำ
63ดูเถิด ไม่ว่าเขาจะนั่งหรือลุกขึ้น
 ตัวข้าพระองค์ก็เป็นเนื้อเพลงให้เขาร้องเย้ยหยัน

ת (ทาว)
64“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตอบแทนพวกเขา
 ตามการงานที่มือเขาได้ทำ
65ขอประทานความทุกข์ใจแก่เขา
 และให้คำสาปของพระองค์ตกเหนือเขา
66ขอทรงไล่ตามเขาด้วยพระพิโรธและทำลายเขาเสีย
 จากใต้ฟ้าสวรรค์ของพระยาห์เวห์”

เพลงคร่ำครวญ 4

การทรงลงโทษศิโยน

א (อาเลฟ)
1อนิจจา ทองคำก็หมองสี
 ทองนพคุณก็เปลี่ยนไป
อัญมณีศักดิ์สิทธิ์ถูกทิ้งอยู่เกลื่อนกลาด
 ตามหัวถนนทุกสาย

ב (เบท)
2บุตรทั้งหลายแห่งศิโยนผู้ล้ำค่า
 เปรียบได้กับทองบริสุทธิ์นั้น
อนิจจา ถูกตีราคาเพียงเท่าหม้อดิน
 ที่ทำขึ้นด้วยมือของช่างปั้นหม้อ

ג (กิเมล)
3แม้หมาป่ายังเอานมออก
 ให้ลูกของมันดูด
แต่ประชาชนของข้าพเจ้าใจร้าย
 ดุจนกกระจอกเทศในถิ่นทุรกันดาร

ד (ดาเลท)
4ลิ้นของเด็กอ่อนติดแนบ
 เพดานปากด้วยความกระหาย
พวกเด็กได้ขออาหาร
 แต่ไม่มีผู้ใดให้เขา

ה (เฮ)
5พวกที่เคยรับประทานอาหารชั้นเลิศ
 กลับถูกละทิ้งอยู่ตามถนน
พวกที่เคยสวมเสื้อสีม่วง
 กลับต้องนอนบนกองขยะ

ו (วาว)
6เพราะโทษทัณฑ์ของประชาชนของข้าพเจ้านั้นใหญ่หลวง
 กว่าโทษของเมืองโสโดม
ที่ต้องถูกคว่ำทลายลงในพริบตาเดียว
 โดยไม่มีมือผู้ใดได้แตะต้องเลย

ז (ซายิน)
7พวกเจ้านายนั้นบริสุทธิ์กว่าหิมะ
 และขาวสะอาดกว่าน้ำนม
ผิวพรรณของเขามีเลือดฝาดยิ่งกว่าสีของทับทิม
 เขามีรูปร่างงามดั่งไพลิน

ח (เฆท)
8บัดนี้หน้าของเขาก็ดำกว่าเขม่า
 ไม่มีผู้ใดจำเขาได้ตามถนน
หนังของเขาเหี่ยวหุ้มกระดูก
 และซูบราวกับไม้เสียบ

ט (เทท)
9ผู้ที่ตายด้วยคมดาบยังดีกว่า
 ผู้ที่ตายด้วยความอดอยาก
ซึ่งค่อยๆ ผอมตาย  เพราะขาดพืชผลจากไร่นา

י (โยด)
10มือของหญิงที่ใจเมตตา
 กลับเอาลูกของตัวต้มกิน
ลูกถูกต้มเป็นอาหาร
 ในยามที่ความหายนะมาสู่ประชาชนของข้าพเจ้า

כ (คาฟ)
11พระยาห์เวห์ทรงบันดาลโทโสออกมาแล้ว
 พระองค์ได้เทพระพิโรธอันเกรี้ยวกราด
และได้ทรงจุดไฟขึ้นในศิโยน
 ซึ่งเผาผลาญกระทั่งรากฐานของเมืองนั้น

ל (ลาเมค)
12บรรดากษัตริย์แห่งแผ่นดินโลก
 และชาวพิภพทั้งปวงไม่เชื่อว่า
คู่อริหรือศัตรูจะได้เข้าไป
 ในประตูทั้งหลายแห่งเยรูซาเล็ม

מ (เมม)
13เพราะบาปของพวกผู้เผยพระวจนะของเธอ
 และเพราะบาปผิดของพวกปุโรหิตของเธอ
ที่ได้ทำให้โลหิตของผู้ชอบธรรมไหลออก
 ท่ามกลางนคร

נ (นูน)
14เขาทั้งหลายจึงเดินเปะปะอย่างคนตาบอดไปตามถนน
 ทำให้ตัวเป็นมลทินด้วยโลหิต
จนไม่มีผู้ใดสามารถ
 แตะต้องเสื้อผ้าของเขาได้

ס (สาเมค)
15คนทั้งหลายร้องตะโกนใส่พวกเขาว่า “ไปให้พ้น เจ้าพวกมลทิน
 ไปให้พ้น ไปให้พ้น อย่ามาถูกต้องนะ”
เมื่อเขาเหล่านั้นหนีและพเนจรไป
 ผู้คนท่ามกลางบรรดาประชาชาติก็กล่าวกันว่า
 “พวกเขาจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้”

פ (เพ)
16พระยาห์เวห์เองทรงทำให้เขาทั้งหลายกระจัดกระจายไป
 พระองค์จะไม่สนพระทัยในเขาอีกเลย
พวกเขาจึงไม่นับถือพวกปุโรหิต
 ไม่สำแดงความกรุณาต่อพวกผู้ใหญ่

ע (อายิน)
17ตาของพวกเราอ่อนล้ามองหา
 ความช่วยเหลือที่ไร้ค่า
พวกเราเฝ้าคอยที่หอเฝ้าของเรา
 คอยประชาชาติที่ไม่อาจช่วยเราได้

צ (ซาเด)
18พวกเขาสะกดรอยตามพวกเรา
 จนเราเดินที่ลานเมืองไม่ได้
จุดจบของเราใกล้เข้ามาแล้ว วันเวลาของเราก็ถึงที่สุด
 เพราะจุดจบของเราได้มาถึง

ק (โคฟ)
19พวกที่ไล่จับพวกเราก็เร็วกว่า
 นกอินทรีในท้องฟ้า
พวกเขาไล่กวดเราบนภูเขา
 เขาซุ่มคอยจับเราในถิ่นทุรกันดาร

ר (เรช)
20เจ้าชีวิตของเราคือกษัตริย์ที่พระยาห์เวห์ทรงเจิมไว้นั้น
 ก็ตกหลุมพรางของเขาทั้งหลายแล้ว
คือพระองค์ผู้ที่เรากล่าวถึงว่า “ภายใต้ร่มเงาของพระองค์
 เราจะดำรงชีวิตท่ามกลางบรรดาประชาชาติได้”

ש (ซิน)
21โอ ธิดาแห่งเอโดม จงเปรมปรีดิ์และยินดีเถิด
 คือเธอผู้อาศัยอยู่ในแผ่นดินอูส
ถ้วยนั้นจะผ่านมาถึงเธอด้วย
 เธอจะเมา และจะเปลือยกาย

ת (ทาว)
22โอ ธิดาแห่งศิโยน การลงโทษเพราะบาปผิดของเธอก็ครบแล้ว
 พระองค์จะไม่ทรงพาเธอไปเป็นเชลยอีกต่อไป
โอ ธิดาแห่งเอโดม พระองค์จะทรงลงโทษ เพราะบาปผิดของเธอ
 พระองค์จะทรงเผยบาปของเธอ

เพลงคร่ำครวญ 5

คำร้องขอพระกรุณา

1ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย
 ดูเถิด ขอทรงพิจารณาความอดสูของพวกข้าพระองค์
2มรดกของพวกข้าพระองค์กลับเป็นของพวกต่างชาติ
 บ้านเรือนของพวกข้าพระองค์เป็นของพวกต่างด้าว
3พวกข้าพระองค์เป็นลูกกำพร้าพ่อ
 และแม่ของข้าพระองค์เป็นดั่งหญิงม่าย
4น้ำก็ต้องซื้อเขาดื่ม
 ฟืนก็ต้องซื้อเขาใช้
5พวกข้าพระองค์ถูกไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด
 ทั้งอ่อนเพลียและไม่ได้พักผ่อนเลย
6พวกข้าพระองค์ยอมจำนนต่ออียิปต์และอัสซีเรีย
 เพื่อจะได้อาหารกิน
7บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายทำบาปและตายแล้ว
 พวกข้าพระองค์ต้องรับโทษเพราะบาปของพวกเขา
8พวกทาสปกครองข้าพระองค์ทั้งหลาย
 ไม่มีผู้ใดช่วยพวกข้าพระองค์ให้พ้นมือของพวกเขาได้
9พวกข้าพระองค์ได้อาหารมาโดยเสี่ยงชีวิต
 เพราะผู้ถือดาบในถิ่นทุรกันดาร
10ผิวหนังของพวกข้าพระองค์ก็ร้อนปานเตาอบ
 เพราะความร้อนแผดเผาแห่งการกันดารอาหาร
11ผู้หญิงในศิโยนถูกขืนใจ
 รวมทั้งสาวพรหมจารีในเมืองต่างๆ ของยูดาห์
12เจ้านายต้องถูกมัดมือแขวนไว้
 ไม่มีผู้ใดนับถือพวกผู้ใหญ่
13คนหนุ่มถูกบังคับให้โม่แป้ง
 และเด็กต้องเดินโซเซเพราะแบกฟืนหนัก
14พวกคนแก่หายไปจากประตูเมือง
 คนหนุ่มได้หยุดเล่นดนตรีแล้ว
15ความปลาบปลื้มก็หายไปจากใจของพวกข้าพระองค์
 การเต้นรำของพวกข้าพระองค์กลายเป็นการไว้ทุกข์
16มงกุฎได้ร่วงหล่นจากศีรษะพวกข้าพระองค์แล้ว
 วิบัติแก่พวกข้าพระองค์ เพราะพวกข้าพระองค์ทำบาป
17เพราะเหตุนี้เอง ใจพวกข้าพระองค์จึงอ่อนระอา
 เพราะสิ่งเหล่านี้ ตาข้าพระองค์จึงมัวไป
18เพราะภูเขาศิโยนรกร้าง
 สุนัขป่ามาเดินเพ่นพ่านอยู่ที่นั้น
19ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่พระองค์ทรงครอบครองอยู่เป็นนิตย์
 พระที่นั่งของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์
20ไฉนพระองค์ทรงลืมพวกข้าพระองค์เสียเป็นนิตย์?
 ไฉนทรงทอดทิ้งพวกข้าพระองค์เสียนานดังนี้?
21ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้กลับสู่พระองค์เถิด
  แล้วพวกข้าพระองค์จะกลับสู่พระองค์
 ขอทรงฟื้นวันเวลาของข้าพระองค์ให้เหมือนดังก่อน
22เว้นเสียแต่พระองค์ทรงสลัดพวกข้าพระองค์ทิ้งเสียแล้ว
 และพระองค์กริ้วพวกข้าพระองค์มากยิ่งนัก

อรรถาธิบาย

พระเยซูถูกเจิมตั้งเป็นพระเมสสิยาห์

ผู้เขียนพระธรรมเพลงคร่ำครวญบอกว่า ‘ให้เรายกใจและมือขึ้นต่อพระเจ้า’ (ข้อ 3:41) การยกใจและมือของเราดูจะไปพร้อมกับการอธิษฐาน การชูมือขึ้นอธิษฐานนั้นไม่ได้แปลกหรือประหลาด เป็นวิธีการอธิษฐานดั้งเดิมทั้งในพันธสัญญาเดิม และพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่

ผู้เขียนเรียกประชาชนให้อธิษฐานและกล่าวว่า ‘ขอให้พวกเราตั้งใจดูวิธีที่เราใช้ชีวิตของตนและจัดเรียงชีวิตใหม่ให้อยู่ภายใต้พระเจ้า’ (ข้อ 40, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นี่เป็นวินัยที่สำคัญในชีวิตแห่งความเชื่อ ทูลขอพระเจ้าให้เปิดเผยถ้ามีด้านใดในชีวิตของคุณที่ต้องเปลี่ยนแปลง

หากว่ามี ให้คุณหันกลับไปหาพระเจ้าเพื่อสารภาพและกลับใจใหม่ (ข้อ 42 เป็นต้นไป) ตอนนี้คุณรู้แล้วว่าคุณได้รับการยกโทษและความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้าถูกรื้อฟื้นเพราะสิ่งที่พระเยซูทรงทำเพื่อคุณ ข้อพระคำตอนนี้ชี้ไปที่พระเยซู เหมือนกับข้ออื่น ๆ ในพันธสัญญาเดิม

ผู้เขียนพระธรรมเพลงคร่ำครวญกล่าวว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่พระองค์ทรงครอบครองอยู่เป็นนิตย์ พระที่นั่งของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์’ (5:19)

ผู้เขียนพระธรรมเพลงคร่ำครวญกล่าวถึงพระเยซูว่า: ‘“ข้าแต่พระเจ้า พระที่นั่งของพระองค์ดำรงค์อยู่เป็นนิตย์… เพราะเหตุนี้พระเจ้า ซึ่งเป็นพระเจ้าของพระองค์ ทรงเจิมพระองค์ไว้ ด้วยน้ำมันแห่งความยินดี”’ (ฮีบรู 1:8-9) พระองค์คือผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้ง คือ พระคริสต์ พระเมสสิยาห์

พระองค์คือผู้ที่พระคัมภีร์ทั้งเล่มชี้ไปหา ประชากรของพระเจ้าตั้งตารอผู้ที่พระเจ้าเจิมตั้งไว้ ผู้เขียนพระธรรมเพลงคร่ำครวญพูดถึง ‘กษัตริย์ที่พระยาห์เวห์ทรงเจิมไว้นั้น’ (เพลงคร่ำครวญ 4:20) คำว่าเจิมตั้งในภาษาฮีบรูคือ “Meshiach” ซึ่งเราผวนมาเป็นคำว่า ‘พระเมสสิยาห์’ เขาพูดต่ออีกว่า ‘ถ้วยนั้นจะผ่านมาถึงเธอด้วย’ (ข้อ 21) พระเยซูได้ตรัสถึงถ้วยที่พระองค์จะดื่ม (มาระโก 10:38; ยอห์น 18:11) พระเยซูตรัสเป็นนัยถึงถ้วยแห่งพระพิโรธของพระเจ้าต่อความบาป

ความโกรธของพระเจ้าแตกต่างจากของเรา ไร้ซึ่งองค์ประกอบของเจตนาร้าย ความใจแคบ หรือการเสแสร้ง แต่คือการตอบสนองของพระเจ้าที่เต็มด้วยรักและความบริสุทธิ์ต่อความบาป ข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ช่วยให้เราเข้าใจว่า ความบาปของเราเลวร้ายเพียงใดในสายพระเนตรของพระเจ้า และอัศจรรย์เพียงใดที่พระเยซูแบกรับพระพิโรธของพระเจ้าบนกางเขนเพื่อคุณกับผม

ผู้เผยพระวจนะมองเห็นว่าพวกเขาถูกตัดขาดจากพระเจ้าเพราะบาปของตัวเอง: ‘พระองค์คลุมพระองค์ด้วยเมฆเพื่อว่าการอธิษฐานของพวกข้าพระองค์จะไม่ทะลุไปถึงพระองค์ได้’ (เพลงคร่ำครวญ 3:44) นี่เป็นสิ่งกีดขวางที่พระเยซูกำจัดไปเมื่อพระองค์ดื่มแก้วแห่งพระพิโรธของพระเจ้าและประทานการชำระล้างบาปของเรา นี่เป็นคำตอบสำหรับคำอธิษฐานของผู้เขียนพระธรรมเพลงคร่ำครวญเมื่อเขาอธิษฐานว่า ‘ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้กลับสู่พระองค์เถิด แล้วพวกข้าพระองค์จะกลับสู่พระองค์ ขอทรงฟื้นวันเวลาของข้าพระองค์ให้เหมือนดังก่อน’ (5:21)

โดยพระเยซู ผู้ที่ถูกเจิมตั้งและผู้ที่ดื่มจากแก้วนั้น การทรงสถิตของพระเจ้าไม่ถูกคลุมด้วยเมฆอีกต่อไปและคำอธิษฐานของคุณสามารถผ่านไปถึงพระองค์ คุณสามารถยกหัวใจและมือของคุณไปที่พระองค์ พระองค์จะรื้อฟื้นคุณและสร้างคุณใหม่

ถึงแม้ว่าพระคัมภีร์จะมีถ้อยคำมากมายเกี่ยวกับการพิพากษา เราสามารถอ่านมันผ่านสายตาของพระเยซู ผู้ทรงเปิดเผยพระลักษณะที่แท้จริงของพระเจ้า และประทานการชำระล้างบาปให้แก่คุณ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับพระเยซู ขอบคุณที่ข้าพระองค์สามารถรู้และเข้าใจว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ใดผ่านทางพระเยซู ขอบคุณที่กุญแจสู่ชีวิตอยู่ในพระเยซูคริสต์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ฮีบรู 1:7,14

‘ส่วนพวกทูตสวรรค์นั้น พระองค์ตรัสว่า “พระองค์ทรงสร้างพวกทูตสวรรค์ของพระองค์ให้เป็นดุจลม และทรงสร้างบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ให้เป็นดุจเปลวเพลิง”’ (ข้อ 7)

‘ทูตสวรรค์ทั้งปวงเป็นเพียงวิญญาณที่รับใช้พระเจ้า ที่ทรงส่งไปปรนนิบัติบรรดาคนที่จะได้รับความรอดไม่ใช่หรือ?’ (ข้อ 14)

ฉันได้ยินเรื่องราวที่อธิบายไม่ได้เกี่ยวกับการช่วยกู้หรือการแทรกแซงอย่างน่าทึ่ง ที่อาจเป็นทูตสวรรค์(ทำ) มันหนุนใจมาก ๆ ที่ได้รู้ว่ามีทูตสวรรค์ลงมาจากสวรรค์ คอยบินไปช่วยเหลือคนที่ต้องการพระเจ้าอย่างมากมาย

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม