ความลับของอิสรภาพที่น่าประหลาดใจ
เกริ่นนำ
รพินทรนาถ ฐากูร เขียนว่า ‘ผมมีสายไวโอลินอยู่บนโต๊ะ มันสามารถขยับไปทิศทางไหนก็ได้ตามที่ผมต้องการ ถ้าผมกระตุกฝั่งหนึ่งของสายมันก็ตอบสนอง มันดูเป็นอิสระ แต่มันกลับไม่มีอิสระที่จะสร้างเสียงเพลงใด ๆ ผมจึงเอามันใส่เข้าในไวโอลินของผม ผมยึดสายเอาไว้และเมื่อสายนั้นถูกยึด มันก็มีอิสระที่สร้างเสียงเพลงครั้งแรก’
อิสรภาพที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อเราผูกพันตัวเราไว้กับพระเยซู และจับจ้องสายตาไปที่พระองค์ ขณะที่สายไวโอลินมีชีวิตเมื่อมันผูกเข้ากับไวโอลิน เราก็ได้มีชีวิตในพระคริสต์ พระเยซูเป็นผู้ปลดปล่อยเราเป็นไท
หัวใจของคริสเตียนคือความสัมพันธ์กับพระเยซู พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อคุณ พระเยซูฟื้นคืนพระชนม์และดำรงอยู่ในวันนี้ คุณไม่สามารถมองเห็นพระองค์ในฝ่ายกายภาพ แต่คุณสามารถเห็นพระองค์ด้วยสายตาแห่งความเชื่อ
ในข้อพระคัมภีร์ของวันนี้ ผู้เขียนพระธรมมฮีบรูกล่าวว่า ‘เราก็เห็นว่าพระเยซู’ (ฮีบรู 2:9) ภายหลังเขาเขียนว่า ‘โดยจับตามองที่พระเยซูผู้เบิกทางความเชื่อ และผู้ทรงทำให้ความเชื่อนั้นสมบูรณ์’ (ข้อ 12:2) พระองค์ทรงเป็นทั้งผู้เบิกทางความเชื่อและผู้เบิกทางสู่ความรอดของพวกเรา (ข้อ 2:10) ซึ่งถูกกล่าวถึงก่อนหน้านี้ว่า ‘ความรอดอันยิ่งใหญ่’ (ข้อ 3)
ความรอดนี้เกี่ยวข้องกับอะไร? เราเป็นอิสระจากอะไร?
สุภาษิต 26:13-22
13คนเกียจคร้านพูดว่า “มีราชสีห์อยู่ที่ถนน
มีสิงโตอยู่ที่ลานเมือง”
14ประตูหันไปมาด้วยบานพับของมันฉันใด
คนเกียจคร้านก็ทำอย่างนั้นบนที่นอนของเขาฉันนั้น
15คนเกียจคร้านฝังมือของตนในชาม
เขาเหนื่อยที่จะเอามือกลับมาที่ปากของตน
16คนเกียจคร้านเห็นว่าตัวเองมีปัญญากว่า
คนเจ็ดคนที่ตอบได้อย่างหลักแหลม
17คนที่ผ่านไปยุ่งเรื่องทะเลาะวิวาทซึ่งไม่ใช่เรื่องของตน
ก็เหมือนคนดึงหูสุนัข
18คนบ้าขว้างดุ้นไฟ ลูกธนู และความตายฉันใด
19คนที่ล่อลวงเพื่อนบ้านของตน
และกล่าวว่า “ข้าล้อเล่น” ก็ฉันนั้น
20เพราะขาดฟืน ไฟก็ดับ
และที่ไหนไม่มีคนซุบซิบนินทา การทะเลาะวิวาทก็หยุดไป
21ถ่านเป็นเชื้อเพลิง และฟืนเป็นเชื้อไฟฉันใด
คนที่ชอบทะเลาะก็เป็นเหตุให้การวิวาทลุกลามฉันนั้น
22ถ้อยคำของผู้ซุบซิบนินทาก็เหมือนชิ้นอาหารอร่อย
มันลงไปยังส่วนต่างๆ ในร่างกาย
อรรถาธิบาย
อิสระจากความกลัว
ในฐานะคริสเตียน เราควรจะปราศจากความกลัว เราต้องไม่ยอมให้การหวาดกลัวศัตรูทำให้เราช้าลง
ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตกล่าวว่า ‘คนเกียจคร้านพูดว่า “มีราชสีห์อยู่ที่ถนนมีสิงโตอยู่ที่ลานเมือง”’ (ข้อ 13) ทุกพันธกิจคริสเตียนต้องเจอกับ ‘สิงโตดุร้าย’ อย่าให้ความกลัวทำให้เราท้อ ซึ่งนำไปสู่ความเฉื่อยชาและการขาดการกระทำ (ข้อ 14-15) พระเยซูทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระที่จะก้าวไปข้างหน้าโดยที่ปราศจากความกลัว
เสรีภาพเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความเฉื่อยชา ต่อจากนี้ผู้เขียนเตือนไม่ให้มีความเกียจคร้านทุกประเภท เขาเตือนเราไม่ให้มีส่วนในการโต้แย้งของผู้อื่น (ข้อ 17) เขาเตือนเราอีกเรื่องการล้อเล่นที่มีส่วนของคำโกหก (ข้อ 19)
ทางที่ดีที่สุดในการเยียวยาการทะเลาะวิวาทคือให้หยุดซุบซิบนินทา ถ้าปราศจากการนินทา การทะเลาะก็จะหยุดไป เหมือนกับไฟที่มอดเมื่อไม่มีฟืน (ข้อ 20) มันน่าดึงดูดที่จะฟังการนินทาเพราะ ‘ถ้อยคำของผู้ซุบซิบนินทาก็เหมือนชิ้นอาหารอร่อย มันลงไปยังส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย’ (ข้อ 22) แต่การฟังคำนินทาก็แย่เหมือนกับการนินทา เช่นเดียวกับการรับของที่ขโมยมาก็แย่พอ ๆ กับการขโมย
นี่คือปัญญาในการรักษาการทะเลาะวิวาท: อย่าเติมเชื้อเพลิงเข้ากับไฟ แต่จงเป็นคนสร้างสันติ
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่โดยทางพระเยซู ข้าพระองค์เป็นอิสระจากความกลัวต่าง ๆ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์กล้าหาญและจะไม่ยอมให้ความกลัวทำให้ข้าพระองค์ช้าลง
ฮีบรู 2:1-18
ความรอดอันยิ่งใหญ่
1เพราะเหตุนี้ เราจะต้องเอาใจใส่ในสิ่งต่างๆ ที่เราได้ยินให้มากขึ้นอีก เพื่อเราจะไม่ห่างไกลไปจากข้อความเหล่านั้น 2เพราะหากพระดำรัสซึ่งบรรดาทูตสวรรค์กล่าวไว้นั้นปรากฏเป็นความจริง และการล่วงละเมิดกับการไม่เชื่อฟังทุกอย่างได้รับโทษตามที่ควรแล้ว 3เราจะรอดพ้นได้อย่างไร? ถ้าเราละเลยความรอดอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ความรอดนั้นได้เริ่มขึ้นโดยการประกาศขององค์พระผู้เป็นเจ้า และบรรดาผู้ที่ได้ยินพระองค์ก็รับรองกับเราว่าเป็นความจริง 4ทั้งนี้พระเจ้าก็ทรงเป็นพยานด้วยโดยหมายสำคัญ การอัศจรรย์ และการอิทธิฤทธิ์ต่างๆ นานา และโดยของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามพระประสงค์ของพระองค์
ผู้เบิกทางไปสู่ความรอด
5พระองค์ไม่ได้ทรงให้โลกใหม่ซึ่งเรากล่าวถึงนั้นอยู่ใต้อำนาจของพวกทูตสวรรค์ 6แต่มีคนกล่าวเป็นพยานในบางแห่งว่า
“มนุษย์เป็นใครเล่าที่พระองค์ทรงระลึกถึงเขา
และบุตรมนุษย์เป็นใครเล่าที่พระองค์ทรงห่วงใยเขา?
7 พระองค์ทรงทำให้เขาต่ำกว่าเหล่าทูตสวรรค์เพียงชั่วระยะหนึ่ง
และพระองค์ทรงสวมมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีและเกียรติให้แก่เขา
8 พระองค์ทรงทำให้ทุกสิ่งอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา”
ในเรื่องที่พระองค์ประทานทุกสิ่งให้อยู่ใต้อำนาจของเขานั้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่ไม่อยู่ใต้อำนาจของเขา ที่จริง ขณะนี้เรายังไม่เห็นว่าทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจของเขา 9แต่เราก็เห็นว่าพระเยซู ผู้ทรงถูกทำให้ต่ำกว่าพวกทูตสวรรค์เพียงชั่วระยะหนึ่งนั้น ทรงได้รับพระสิริและพระเกียรติเป็นมงกุฎ เพราะพระองค์สิ้นพระชนม์ด้วยความทุกข์ทรมาน ทั้งนี้โดยพระคุณของพระเจ้า พระองค์จึงได้วายพระชนม์เพื่อทุกคน 10ในเรื่องที่พระเจ้าทรงนำบุตรจำนวนมากไปสู่ศักดิ์ศรีนั้น ก็เป็นการเหมาะสมแล้ว ที่พระเจ้าผู้ซึ่งทุกสิ่งดำรงอยู่เพื่อพระองค์และโดยพระองค์ จะทรงทำให้ผู้เบิกทางสู่ความรอดของพวกเขาสมบูรณ์โดยความทุกข์ทรมานต่างๆ 11เพราะทั้งผู้ชำระให้บริสุทธิ์และคนเหล่านั้นที่ได้รับการชำระ ก็มีพระบิดาองค์เดียวกัน ด้วยเหตุนี้ พระเยซูจึงไม่ทรงละอายที่จะเรียกเขาเหล่านั้นว่าพี่น้อง 12ดังที่พระองค์ตรัสว่า
“เราจะประกาศพระนามของพระองค์แก่พี่น้องของเรา
เราจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชุมนุมชน”
13และตรัสอีกว่า
“เราเองจะไว้วางใจในพระองค์ท่าน
ทั้งยังตรัสอีกว่า
ตัวเรากับบรรดาบุตรที่พระเจ้าประทานแก่เราอยู่นี่แล้ว”
14บุตรทั้งหลายมีเลือดและเนื้อเช่นกันอย่างไร พระองค์ก็ทรงมีส่วนเช่นนั้นด้วยอย่างนั้น เพื่อโดยทางความตายนั้น พระองค์จะทรงทำลายมารผู้มีอำนาจแห่งความตาย 15และจะทรงปลดปล่อยบรรดาคนเหล่านั้นที่ตกเป็นทาสมาตลอดชีวิตเนื่องจากความกลัวตาย 16เพราะความจริง พระองค์ไม่ได้ทรงช่วยบรรดาทูตสวรรค์ แต่ทรงช่วยพงศ์พันธุ์ของอับราฮัม 17เพราะเหตุนี้พระองค์จึงต้องเป็นเหมือนกับพี่น้องทุกอย่าง เพื่อจะได้เป็นมหาปุโรหิต ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตาและความซื่อสัตย์ ในการกระทำกิจต่อพระเจ้าเพื่อลบล้างบาปของประชาชน 18เพราะพระองค์เองได้ทรงทนทุกข์และถูกทดลอง พระองค์จึงทรงสามารถช่วยผู้ที่ถูกทดลองได้
อรรถาธิบาย
อิสระจากความบาปและความตาย
จดหมายฮีบรูถูกเขียนเพื่อเตือนสติไม่ให้ออกห่างไกล (ข้อ 1) คนส่วนใหญ่ไม่เลิกเป็นคริสเตียนในทันที แต่พวกเขาสามารถออกห่าง ผู้เขียนฮีบรูรวมตัวเองในคำเตือนนี้ด้วย: ‘เพราะเหตุนี้ เราจะต้องเอาใจใส่ในสิ่งต่าง ๆ ที่เราได้ยินให้มากขึ้นอีก เพื่อเราจะไม่ห่างไกลไปจากข้อความเหล่านั้น เพราะหากพระดำรัสซึ่งบรรดาทูตสวรรค์กล่าวไว้นั้นปรากฏเป็นความจริง และการล่วงละเมิดกับการไม่เชื่อฟังทุกอย่างได้รับโทษตามที่ควรแล้ว เราจะรอดพ้นได้อย่างไร? ถ้าเราละเลยความรอดอันยิ่งใหญ่เช่นนี้’ (ข้อ 1-3ก)
ในบทแรกของพระธรรมฮีบรู ผู้เขียนได้สถาปนาความเป็นพระเจ้าของพระเยซู ในบทนี้เขาสถาปนาความเป็นมนุษย์ของพระเยซู: ‘พระองค์ต้องเข้าไปในทุกลายละเอียดของชีวิตมนุษย์’ (ข้อ 17, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระเยซูทรงเป็นเหมือนเราในการที่พระองค์:
- ถูกทำให้ต่ำกว่าพวกทูตสวรรค์เพียงชั่วระยะหนึ่ง (ข้อ 9)
- มาจากครอบครัวเดียวกัน (ข้อ 11)
- เรียกเราว่าพี่น้อง (ข้อ 11)
- มีส่วนในความเป็นมนุษย์ของเรา (ข้อ 14)
- ต้องเป็นเหมือนกับเราในทุกทาง (ข้อ 17)
- ทนทุกข์เมื่อถูกทดลอง (ข้อ 18)
แต่ผู้เขียนเพิ่มเติมว่า ถึงแม้พระเยซูจะถูกทดลองในทุกทางเหมือนกับเรา พระองค์ ‘ปราศจากบาป’ (ข้อ 4:15) นี่แสดงให้เห็นว่าการทดลองไม่ใช่ความบาป อย่ายอมให้มารกล่าวโทษคุณเพียงเพราะว่าคุณถูกทดลอง การที่พระเยซูเองถูกทดลองหมายความว่าพระองค์ทรงสามารถช่วยคุณได้เมื่อคุณถูกทดลอง (ข้อ 17)
พระองค์ทรงเป็นเหมือนเรา แต่ต่างจากเราในเรื่องความบาป สิ่งนี้หนุนใจอย่างมากที่เรารู้ว่าพระเยซูเคยมีประสบการณ์กับการเป็นมนุษย์เต็มรูปแบบและมีอารมณ์ความรู้สึก เพราะพระองค์ทรงเข้าใจและเห็นใจร่วมกับคุณ ถึงกระนั้นมันสำคัญที่พระองค์ปราศจากบาป เราไม่ต้องการแค่เพื่อนที่เห็นใจเรา เราต้องการพระผู้ช่วยให้รอด
พระเยซูทรงเป็นพระเจ้าเต็มร้อยและเป็นมนุษย์เต็มร้อย ซึ่งทำให้พระองค์สามารถทำให้ความรอดยิ่งใหญ่เกิดขึ้นผ่านการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์สามารถเชื่อมช่องว่างระหว่างคุณกับพระเจ้า
ในพระคำตอนนี้ ผู้เขียนบอกเราถึงเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับความตายของพระเยซูบนกางเขน พระองค์ได้:
- ลิ้มรสความตายเพื่อทุกคน (ข้อ 2:9)
- ทำลายมารซาตาน (ข้อ 14)
- ปลดปล่อยเราจากการกลัวความตาย (ข้อ 15)
- ลบมลทินจากบาปของเรา (ข้อ 17)
- เบิกทางสู่ความรอดของเรา (ข้อ 10)
- ถูกทำให้สมบูรณ์แบบผ่านการทนทุกข์ (ข้อ 10)
คนที่เป็นอิสระแล้วไม่กลัวที่จะคิดเรื่องความตาย มีคำกล่าวว่าท้ายที่สุดความกลัวทั้งหมดของเราเกี่ยวข้องกับการกลัวตาย โดยการปลดปล่อยคุณจากความตายและการกลัวความตาย พระเยซูได้ช่วยให้คุณเป็นไทจากความกลัวอื่น ๆ
ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูกล่าวว่าพระเยซูได้ลิ้มรสความตาย ‘เพื่อทุกคน’ (ข้อ 19) เพื่อว่าโดย ‘การโอบความตาย รับไว้ที่พระองค์เอง พระองค์ได้ทำลายการยึดกุมความตายของมารและปลดปล่อยทุกคนที่หวาดกลัวตลอดชีวิต ที่หวาดกลัวความตายจนถึงตาย’ (ข้อ 14-15, พระคัมภีร์ตอนนี้จากThe Message โดยผู้แปล)
พระเจ้าทรงเป็นพยานถึงสิ่งที่พระเยซูได้ทำ คือความรอดยิ่งใหญ่นี้ โดย ‘หมายสำคัญ การอัศจรรย์ และการอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ นานา และโดยของประทานจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามพระประสงค์ของพระองค์’ (ข้อ 4) ถ้าของประทานของพระวิญญาณมีสำหรับคนอื่น ๆ นอกจากพวกอัครทูต แน่นอนว่าหมายสำคัญและการอัศจรรย์ก็เช่นกัน เรายังต้องคาดหวังสิ่งเหล่านี้ในวันนี้ ให้ไปควบคู่กับการประกาศเรื่องของพระเยซู และการช่วยให้รอดอันใหญ่ยิ่งของพระองค์
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเยซู ขอบคุณที่พระองค์ทรงเต็มใจทุกข์ทรมานและลิ้มรสความตายเพื่อข้าพระองค์ ขอบคุณที่ทรงปลดปล่อยข้าพระองค์เป็นอิสระและทำให้ข้าพระองค์สามารถชื่นชมยินดีกับเสรีภาพจากผลของบาปและการกลัวความตาย
โอบาดีห์ 1-21
เอโดมผู้เย่อหยิ่งถูกทำให้ต่ำต้อย
1นิมิตของโอบาดีห์
พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสเรื่องเอโดมดังนี้ว่า
พวกเราได้ยินข่าวจากพระยาห์เวห์
ทูตคนหนึ่งถูกส่งไปท่ามกลางบรรดาประชาชาติให้พูดว่า
“จงลุกขึ้นเถิด ให้พวกเราลุกขึ้นทำสงครามกับเอโดม”
2ดูเถิด เราจะทำเจ้าให้เล็กท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
ให้เจ้าเป็นที่ดูหมิ่นอย่างมาก
3ใจหยิ่งจองหองของเจ้าได้ล่อลวงเจ้าเอง
เจ้าผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในซอกหิน
ที่อาศัยของเจ้าอยู่สูง
เจ้ารำพึงอยู่ในใจว่า
“ผู้ใดจะทำให้เราลงมายังพื้นดิน”
4แม้ว่าเจ้าเหินขึ้นไปสูงเหมือนนกอินทรี
แม้ว่ารังของเจ้าอยู่ในหมู่ดวงดาว
เราจะฉุดเจ้าลงมาจากที่นั่น
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
การปล้นฆ่าจะตอบสนองความโหดร้ายของเอโดม
5ถ้าขโมยเข้ามาหาเจ้า
ถ้าพวกปล้นมาในเวลากลางคืน
(เจ้าจะถูกทำลายย่อยยับเพียงใด)
เขาจะขโมยแค่เพียงพอแก่ตัวมิใช่หรือ?
ถ้าคนเก็บองุ่นมาหาเจ้า
เขาจะเก็บโดยเหลือไว้บ้างมิใช่หรือ?
6เอซาวจะถูกปล้นจนหมดตัว
สมบัติที่ซ่อนไว้ก็ถูกค้นออกมา
7เพื่อนร่วมสาบานทั้งสิ้นของเจ้าได้ล่อลวงเจ้า
พวกเขาขับไล่เจ้าไปถึงพรมแดน
พันธมิตรของเจ้าสู้ชนะเจ้าแล้ว
ผู้ที่กินอาหารของเจ้าก็วางกับดักเจ้า
เรื่องนี้ไม่มีใครทราบเลย
8ในวันนั้น
เราเองจะขจัดคนมีปัญญาให้สิ้นไปจากเอโดม
และจะเอาความเข้าใจไปจากภูเขาเอซาว
พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
9โอ เทมานเอ๋ย นักรบของเจ้าจะขยาด
ดังนั้นแหละ ทุกคนที่มาจากภูเขาเอซาวจะถูกตัดชีวิตด้วยการสังหาร
เอโดมปฏิบัติไม่ดีกับน้อง
10เพราะความทารุณที่ทำแก่ยาโคบน้องของเจ้า
ความอับอายจะคลุมเจ้าไว้
เจ้าจะถูกตัดขาดเป็นนิตย์
11ในวันที่เจ้ายืนอยู่ห่างๆ อย่างเฉยเมย
ในวันที่คนต่างด้าวขนทรัพย์สมบัติของน้องเจ้าไป
และคนต่างชาติเข้ามาทางประตูเมือง
พวกเขาจับฉลากเอากรุงเยรูซาเล็มกัน
เจ้าก็เหมือนคนเหล่านั้นคนหนึ่ง
12เจ้าไม่ควรมองดูด้วยความพอใจ
ในวันที่น้องของเจ้ารับเคราะห์ในเวลานั้น
เจ้าไม่ควรเปรมปรีดิ์เย้ยประชาชนยูดาห์
ในวันที่พวกเขาถูกทำลาย
เจ้าไม่ควรหัวเราะเยาะหยัน
ในวันที่เขาตกทุกข์ได้ยาก
13เจ้าไม่ควรเข้าประตูเมืองแห่งประชากรของเรา
ในวันนั้น เมื่อเขาถูกทำลาย
เจ้าไม่ควรมองดูด้วยความพอใจในเรื่องภัยพิบัติของเขา
ในวันนั้น เมื่อเขาถูกทำลาย
เจ้าไม่ควรจะเข้าปล้นทรัพย์สินของเขาไป
ในวันนั้น เมื่อเขาถูกทำลาย
14เจ้าไม่ควรยืนสกัดทางแยกของเขา
เพื่อจะสังหารพวกหลบหนีของเขา
เจ้าไม่ควรมอบผู้รอดมาได้ให้แก่ศัตรูของเขา
ในวันที่เขาตกทุกข์ได้ยาก
15เพราะวันแห่งพระยาห์เวห์มาใกล้เพื่อต่อสู้ประชาชาติทั้งสิ้นแล้ว
เจ้าทำกับเขาอย่างไร ก็จะมีผู้มาทำกับเจ้าอย่างนั้น
การกระทำของเจ้าจะกลับมาตกบนศีรษะของเจ้าเอง
16พวกเจ้าเคยดื่มอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์ของเราฉันใด
ประชาชาติทั้งสิ้นก็จะดื่มไม่หยุดหย่อนฉันนั้น
พวกเขาจะดื่มแล้วกลืนลงไป
และจะเป็นอย่างที่ไม่เคยเป็น
ชัยชนะสุดท้ายของอิสราเอล
17แต่จะมีคนลี้ภัยในภูเขาศิโยน
และที่นั้นจะบริสุทธิ์
และพงศ์พันธุ์ของยาโคบจะได้ครอบครอง
ดินแดนอันเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา
18พงศ์พันธุ์ของยาโคบจะเป็นไฟ
พงศ์พันธุ์ของโยเซฟจะเป็นเปลวไฟ
และพงศ์พันธุ์ของเอซาวจะเป็นตอข้าว
ไฟและเปลวไฟจะเผาผลาญตอนั้น
พงศ์พันธุ์ของเอซาวจะไม่รอดชีวิตเลย เพราะว่าพระยาห์เวห์ตรัสแล้ว
19คนเหล่านั้นที่อยู่ในเนเกบจะได้ภูเขาเอซาวเป็นกรรมสิทธิ์
คนเหล่านั้นที่อยู่ในเนินเชเฟลาห์จะได้แผ่นดินฟีลิสเตียเป็นกรรมสิทธิ์
พวกเขาจะยึดแผ่นดินเอฟราอิมและแผ่นดินสะมาเรียเป็นกรรมสิทธิ์
และเบนยามินจะได้กิเลอาดเป็นกรรมสิทธิ์
20พวกเชลยอิสราเอล
ผู้อยู่คานาอันไปจนถึงศาเรฟัท
และพวกเชลยชาวเยรูซาเล็มที่อยู่ในเสฟาราด
จะได้เมืองต่างๆ ในเนเกบเป็นกรรมสิทธิ์
21พวกกู้ชาติจะขึ้นไปที่ภูเขาศิโยน เพื่อปกครองภูเขาเอซาว
และอำนาจอธิปไตยนั้นจะตกเป็นของพระยาห์เวห์
อรรถาธิบาย
อิสระจากความอยุติธรรม
เราอยู่ในโลกแห่งความอยุติธรรมที่เลวร้าย ยกตัวอย่างเช่น ยังมีประชากรกว่า 24 ล้านคนถูกบังคับเป็นแรงงานทั่วโลก เด็กกว่า 2 ล้านคนถูกค้ามนุษย์ทุกปี มีคนที่ตกเป็นทาสในวันนี้มากกว่าในประวัติศาสตร์ 350 ปี ของการค้าทาสข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
พระธรรมโอบาดีห์สัญญาถึงโลกที่จะไม่เป็นอย่างนี้ วันหนึ่งเมื่อแผ่นดินของพระเจ้ามาในความสมบูรณ์ จะมีความยุติธรรมสำหรับทุกคน
ชื่อโอบาดีห์แปลว่า ‘ผู้ที่รับใช้และนมัสการพระยาห์เวห์’ ในพระธรรมเล่มที่สั้นที่สุดในพันธสัญญาเดิมนี้ โอบาดีห์ ซึ่งเป็นคนที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ได้บอกล่วงหน้าถึงการล่มสลายของศัตรูพวกหนึ่งของประชากรของพระเจ้า
ประชาชนเอโดมเป็นลูกหลานของเอซาว แฝดของยาโคบ พวกเขารู้สึกว่าตนเป็นญาติที่แท้จริงของคนอิสราเอลมาตลอด ถึงกระนั้นมักจะแสดงออกเป็นการกล่าวหาที่เป็นปฏิปักษ์และการทรยศมากกว่าการเป็นมิตรช่วยเหลือกัน ทั้งอิสราเอลและเอโดม ประชากรที่เป็นเพื่อนบ้านกันนี้ กลับมีประวัติศาสตร์ของสงครามและการชิงดีอย่างยาวนาน
ความเย่อหยิ่งนั้นเป็นหายนะของเอโดม: ‘เจ้าคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่นัก... โดยคิดในใจว่า “ไม่มีใครจัดการฉันได้! ไม่มีใครแตะต้องฉันได้!”’ (ข้อ 2-3, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล) ความเย่อหยิ่งตรงข้ามกับความรัก ความรักนั้นไม่หยิ่งยโส มันไม่อวดตัว (1 โครินธ์ 13:4)
โอบาดีห์บอกว่าเมื่อเยรูซาเล็มตกในมือของกองทัพบาบิโลนในปี 587 ก่อนคริสต์ศักราช คนเอโดมไม่ได้ทำสิ่งใดเพื่อช่วยเหลือ และพวกเขาอาจจะฉวยเอาผลประโยชน์จากชะตาธรรมของยูดาห์ด้วยซ้ำ
โอบาดีห์เขียนว่า ‘เจ้าไม่ควรเยาะเย้ยพี่ชายของเจ้าเมื่อเขาหมดแรง’ (โอบาดีห์ ข้อ 12, พระคัมภีร์ฉบับ The Message โดยผู้แปล) เขาพูดต่อว่า ‘เจ้าทำกับเขาอย่างไร ก็จะมีผู้มาทำกับเจ้าอย่างนั้น การกระทำของเจ้าจะกลับมาตกบนศีรษะของเจ้าเอง’ (ข้อ 15) เราไม่ควรเยาะเย้ยเมื่อศัตรูของเราล้มลง แต่เราควรยื่นความเมตตากรุณาเดียวกับที่พระเจ้าหยิบยื่นให้เรา
โอบาดีห์พูดถึงการปลดปล่อยครั้งยิ่งใหญ่ (ข้อ 17, 21) ที่จะเกิดในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 8, 15) เขาเขียนว่า ‘เพราะวันแห่งพระยาห์เวห์มาใกล้’ (ข้อ 15) ในวันนั้นการปลดปล่อยครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้น:
‘คนที่เหลือรอดบนภูเขาศิโยน จะไปยังหุบเขาของเอซาว และจะปกครองอย่างยุติธรรมและเที่ยงธรรม เป็นการปกครองที่ถวายเกียรติแก่อาณาจักรของพระเจ้า’ (ข้อ 21, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
วันหนึ่ง คนของพระเจ้าจะรับบังเหียนของการปกครอง และบริหารตามความยุติธรรมของพระเจ้า พวกเขาจะเป็นตัวแทนของการปกครองของพระเจ้าในแผ่นดินของพระองค์
โดยการเสด็จมาของพระเยซู แผ่นดินของพระเจ้าได้ทะลวงเข้ามาในประวัติศาสตร์ เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาเราจะได้เห็นอาณาจักรของพระเจ้าอย่างเต็มขนาด ในวันนั้นคำเผยพระวจนะทั้งหมดของโอบาดีห์ และผู้เผยพระวจนะคนอื่น ๆ จะสำเร็จ เราจะเป็นอิสระจากความอยุติธรรมทุกอย่าง
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่วันหนึ่งความยุติธรรมจะมาเพื่อทุกคน ในระหว่างนี้ โปรดช่วยให้เราต่อสู้กับความอยุติธรรมในที่ใดก็ตามที่เรามองเห็นมัน
เพิ่มเติมโดยพิพพา
สุภาษิต 26:20
'เพราะขาดฟืน ไฟก็ดับ และที่ไหนไม่มีคนซุบซิบนินทา การทะเลาะวิวาทก็หยุดไป’
เมื่อเราได้ยินการซุบซิบนินทา เรามีทางเลือกในแต่ละครั้งว่าจะเติมเชื้อเพลิงหรือเทน้ำลงไปเพื่อดับไฟ
App
Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)