วัน 306

จดจ่อที่พระเยซู

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 119:137-144
พันธสัญญาใหม่ ฮีบรู 3:1-19
พันธสัญญาเดิม โยเอล 1:1-2:17

เกริ่นนำ

ถ้าถามคนอังกฤษว่าใครคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในอังกฤษเท่าที่เคยมีมา คำตอบอันดับต้น ๆ คงเป็น วินสตัน เชอร์ชิล ถ้าไปถามชาวอเมริกันว่าใครคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในอเมริกา คำตอบอาจเป็น จอร์จ วอชิงตัน หรือไม่ก็อับราฮัม ลินคอล์น ถ้าไปถามชาวยิวในช่วงเริ่มต้นคริสตศักราช ว่าใครคือชาวยิวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงเวลานั้น หลายคนคงให้คำตอบอย่างไม่น่าสงสัยเลยว่าคือ ‘โมเสส’ โมเสสคือบุคคลที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เขาช่วยชาวยิวจากการเป็นทาสและมอบบัญญัติสิบประการให้

ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูบรรยายถึงคริสเตียนชาวยิวว่าพระเยซูยิ่งใหญ่กว่าโมเสสอย่างไร ข้อโต้แย้งของผู้เขียนคือ ถึงแม้โมเสสจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่แต่พระเยซูนั้นเหนือกว่า พระเยซูเป็นเหมือน ‘แก่นของทุกสิ่งที่เราเชื่อ’ (ฮีบรู 3:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘แต่ถึงกระนั้นพระเยซูก็ทรงสมควรได้รับพระเกียรติมากกว่าโมเสส เช่นเดียวกับผู้สร้างบ้านย่อมมีเกียรติกว่าตัวบ้าน’ (ข้อ 3) ‘โมเสสนั้นซื่อสัตย์’ (ข้อ 5) ‘แต่พระคริสต์นั้นทรงซื่อสัตย์ในฐานะพระบุตร ผู้อยู่เหนือชุมชนของพระเจ้า’ (ข้อ 6)

หัวข้อของวันนี้คือความทุกข์ยากและความตรอมตรม ช่วงเวลาแห่งการทดสอบ การทดลองและความยากลำบาก อย่างไรก็ดี คุณจะเห็นข้อพระคัมภีร์เดียวกันนี้ที่ความลับในการจัดการกับสิ่งเหล่านี้คือ ‘จงพิจาณาดูพระเยซู’ (ข้อ 1)

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 119:137-144

צ (ซาเด)
137ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ชอบธรรม
 และกฎหมายของพระองค์ก็เที่ยงธรรม
138พระโอวาทที่พระองค์ทรงบัญชานั้นชอบธรรม
 และสัตย์จริงทั้งสิ้น
139ความเกรี้ยวกราดของข้าพระองค์ได้ทำลายข้าพระองค์
 เพราะพวกคู่อริของข้าพระองค์ได้ลืมพระวจนะของพระองค์
140พระดำรัสของพระองค์พิสูจน์จนเห็นจริงแล้ว
 และผู้รับใช้ของพระองค์รักพระดำรัสนั้น
141ข้าพระองค์ต่ำต้อยและถูกดูหมิ่น
 แต่ข้าพระองค์ไม่ลืมข้อบังคับของพระองค์
142ความชอบธรรมของพระองค์ชอบธรรมอยู่เป็นนิตย์
 และธรรมบัญญัติของพระองค์เป็นความจริง
143ความทุกข์ยากและความตรอมตรมได้มาสู่ข้าพระองค์
 แต่พระบัญญัติของพระองค์เป็นความปีติยินดีของข้าพระองค์
144พระโอวาทของพระองค์ชอบธรรมเป็นนิตย์
 ขอประทานความเข้าใจแก่ข้าพระองค์เพื่อข้าพระองค์จะมีชีวิตอยู่

อรรถาธิบาย

ความทุกข์ยากและความตรอมตรม

ถึงจุดหนึ่งในชีวิตจะมีบางอย่างเป็นสาเหตุทำให้เรามีความทุกข์ยากและความตรอมตรม อาจจะเป็นบางสิ่งที่คุณกำลังจะเผชิญ เป็นเรื่องคนในครอบครัว เพื่อนสนิท เรื่องงานหรือการรับใช้

ผมจำได้ว่าศิษยาภิบาลชาวอเมริกัน ริค วอเรน เคยเล่าว่าเขาเคยคิดว่าชีวิตเป็นช่วงเวลาแห่งการต่อสู่ ตามมาด้วยการอวยพร ตอนนี้เขาคิดว่าชีวิตตั้งอยู่บนสองทาง นั่นคือการอวยพรและการต่อสู้ โดยทั้งสองทางนี้ต่างเกิดขึ้นพร้อมกัน

ผู้เขียนพระธรรมสดุดีเผชิญช่วงเวลาแห่งสงคราม ‘ความทุกข์ยากและความตรอมตรมได้มาสู่ข้าพระองค์’ (ข้อ 143ก)

เราจะตอบสนองอย่างไร? คำตอบของผู้เขียนพระธรรมสดุดี คือให้ไว้วางใจพระยาห์เวห์ ดาวิดยังคงวางใจในพระบัญญัติของพระเจ้าที่ ‘สัตย์จริงทั้งสิ้น’ (ข้อ 138) ‘ผู้รับใช้ของพระองค์รักพระดำรัสนั้น... พระบัญญัติของพระองค์เป็นความปีติยินดีของข้าพระองค์’ (ข้อ 140, 143)

ดาวิดจดจ่อที่พระยาเวห์ ‘พระองค์ชอบธรรม’ (ข้อ 137ก) การเปิดเผยที่ยิ่งใหญ่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่คือ ‘พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (โรม 10:9) พระองค์คือผู้เดียวที่คุณต้องจดจ่อ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากและตรอมตรม ข้าพระองค์สามารถจดจ่อความคิดของข้าพระองค์ที่พระองค์ และวางใจในพระสัญญาของพระองค์

พันธสัญญาใหม่

ฮีบรู 3:1-19

พระเยซูทรงยิ่งใหญ่กว่าโมเสส

 1เพราะฉะนั้นพี่น้องธรรมิกชนทั้งหลาย ผู้มีส่วนร่วมในการทรงเรียกจากสวรรค์ จงพิจารณาดูพระเยซูผู้ที่พระเจ้าทรงใช้มาและผู้เป็นมหาปุโรหิตที่เราประกาศว่าเชื่อ 2พระองค์ทรงซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าผู้ทรงแต่งตั้งพระองค์ไว้ เหมือนอย่างที่โมเสสซื่อสัตย์ในชุมนุมชนของพระเจ้า 3แต่ถึงกระนั้นพระเยซูก็ทรงสมควรได้รับพระเกียรติมากกว่าโมเสส เช่นเดียวกับที่ผู้สร้างบ้านย่อมมีเกียรติยิ่งกว่าตัวบ้าน 4เพราะว่าบ้านทุกหลังต้องมีคนสร้าง แต่ผู้ที่สร้างสิ่งทั้งปวงคือพระเจ้า 5โมเสสนั้นซื่อสัตย์ในชุมนุมชนทั้งสิ้นของพระเจ้าในฐานะผู้รับใช้ เพื่อเป็นพยานถึงเรื่องต่างๆ ที่พระเจ้าจะตรัสในภายหลัง 6แต่พระคริสต์นั้นทรงซื่อสัตย์ในฐานะพระบุตร ผู้อยู่เหนือชุมนุมชนของพระเจ้า และเราก็เป็นชุมนุมชนนั้น หากเพียงแต่เราจะยึดความมั่นใจและความภูมิใจในความหวังนั้นไว้

การหยุดพักสำหรับประชากรของพระเจ้า

7เพราะฉะนั้น ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสว่า
 “วันนี้ถ้าท่านทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์
8 อย่าให้จิตใจของท่านดื้อรั้นเหมือนอย่างในการกบฏครั้งนั้น
 ในวันที่ทดลองในถิ่นทุรกันดาร
9 ที่ที่บรรพบุรุษของท่านทดลองเราโดยพิสูจน์เรา
 แม้ว่าพวกเขาเห็นกิจการต่างๆ ของเราตลอดสี่สิบปี
10 เพราะฉะนั้นเราจึงโกรธคนในยุคนั้น
 และว่า ‘ใจของพวกเขาหลงผิดอยู่เสมอ
 พวกเขาไม่รู้จักทางของเรา’
11 ตามที่เราปฏิญาณ ด้วยความโกรธว่า
 ‘พวกเขาจะไม่ได้เข้าสู่การหยุดพักของเรา’ ”

 12นี่แน่ะ พี่น้องทั้งหลาย จงระวังให้ดี เพื่อจะไม่มีคนหนึ่งคนใดในพวกท่านมีใจชั่วและไม่เชื่อ คือใจที่พาท่านหลงไปจากพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ 13แต่จงหนุนใจกันและกันทุกวัน ตลอดเวลาที่เรียกกันว่า “วันนี้” เพื่อจะไม่มีใครในพวกท่านมีใจดื้อรั้นไป เพราะการล่อลวงของบาป 14เพราะเรามีส่วนร่วมกับพระคริสต์ ถ้าเราเพียงแต่ยึดความมั่นใจที่เรามีอยู่ในตอนต้นไว้ให้มั่นคงจนถึงที่สุด

15ดังคำกล่าวที่ว่า

*“วันนี้ถ้าท่านทั้งหลายได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์
 อย่าให้จิตใจของท่านดื้อรั้นเหมือนอย่างในการกบฏครั้งนั้น”

 16ใครเล่าที่ได้ยินแล้วแต่ยังกบฏ? ก็คือทุกคนที่โมเสสนำออกจากอียิปต์ไม่ใช่หรือ? 17แล้วใครเล่าที่พระองค์ทรงพระพิโรธตลอดสี่สิบปีนั้น? คือคนเหล่านั้นที่ทำบาป และซากศพของพวกเขาถูกทิ้งในถิ่นทุรกันดารไม่ใช่หรือ? 18และกับใครเล่าที่พระองค์ทรงปฏิญาณว่าจะไม่ได้เข้าสู่การหยุดพักของพระองค์ ก็คนเหล่านั้นที่ไม่เชื่อฟังไม่ใช่หรือ? 19เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นว่าการที่พวกเขาไม่สามารถเข้าไปได้นั้นก็เพราะพวกเขาขาดความเชื่อ

อรรถาธิบาย

ช่วงเวลาแห่งการทดสอบ

ความเชื่อที่ไม่มีการทดสอบก็ไม่สามารถวางใจได้ ไม่ช้าก็เร็ว เราทุกคนต้องผ่านการทดสอบ ในช่วงเวลานี้ความท้าทายคือการที่ยังคงมีความเชื่อในพระเจ้า คือไม่ให้ใจแข็งกระด้างแต่ให้ใจอ่อนสุภาพต่อพระเจ้า วางใจพระเจ้าทั้งที่เผชิญความยากลำบากและมีความท้าทายทางความเชื่อของเรา

ระหว่างช่วงเวลาของการทดสอบ ทุก ๆ ครั้งที่คุณรู้สึกว่ากระทำสิ่งที่ผิดพลาดแต่ก็เลือกทำมันให้ถูกต้อง ก็ถือว่าคุณจำเริญขึ้นในฝ่ายวิญญาณ สติปัญญา อุปนิสัยและความซื่อสัตย์

‘โมเสสซื่อสัตย์’ (ข้อ 2) แต่พระเยซูคือตัวอย่างในเรื่องความซื่อสัตย์ พระองค์ผ่านการฝึกฝนมาหลายต่อหลายปีและผ่านช่วงเวลาแห่งการทดลองอันใหญ่ยิ่ง กระนั้น ท่านก็ 'สัตย์ซื่อในทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้ท่านทำ' (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

จดหมายฝากนี้เขียนถึงคริสตชนที่กำลังเผชิญช่วงเวลาการทดสอบและการข่มเหง เพื่อหนุนใจให้ยึดมั่น ‘ความมั่นใจ’ และ ‘ความหวัง’ (ข้อ 6) ดั่งที่เราได้รับการหนุนใจมาจากพระองค์: ‘จงพิจารณาดูพระเยซู’ (ข้อ 1)

ในบทความตอนนี้ ผู้เขียนอ้างอิงพระธรรมสดุดี 95:7–11 (ฮีบรู 3:7–11) สิ่งที่น่าสนใจคือผู้เขียนไม่ได้เขียนว่า ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ตรัสไปแล้ว’ แต่เขียนว่า ‘พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสว่า’ (ข้อ 7) ผู้เขียนเชื่อว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ยังคงตรัสผ่านพระวจนะ ณ ปัจจุบันกับผู้อ่าน เมื่อคุณอ่านพระคัมภีร์ จงคาดหวังว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะตรัสกับคุณวันนี้

ถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่คือการได้รับการปลดปล่อยออกจากอียิปต์ ประชากรของพระเจ้าก็ทำบาปในช่วงเวลาของการทดสอบที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร (ข้อ 17) นี่เป็นดั่งคำเตือนที่มาถึงพวกเรา ‘นี่แน่ะ พี่น้องทั้งหลาย จงระวังให้ดี เพื่อจะไม่มีคนหนึ่งคนใดในพวกท่านมีใจชั่วและไม่เชื่อ คือใจที่พาท่านหลงไปจากพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ แต่จงหนุนใจกันและกันทุกวัน....เพื่อจะไม่มีใครในพวกท่านมีใจดื้อรั้นไป เพราะการล่อลวงของบาป’ (ข้อ 12–13)

สิ่งหนึ่งที่จะช่วยเยียวยาความไม่เชื่อที่ผู้เขียนเน้นย้ำในพระธรรมตอนนี้ คือ การเป็นชุมชนของพระเจ้าและเขายังกล่าวว่าให้พวกเขา ‘หนุนใจกันและกันทุกวัน’ (ข้อ 13) นี่คือเหตุผลที่สำคัญของการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนคริสเตียน คือต้องใช้เวลาร่วมกันกับคริสเตียนคนอื่น ๆ หนุนใจกันและเสริมสร้างความเชื่อซึ่งกันและกัน

‘การล่อลวงของบาป’ คำนี้น่าสนใจที่ว่า บาปคือตัวล่อลวง ไม่เช่นนั้นเราคงไม่ทำบาป ปกติบาปจะมาพร้อมกับป้ายที่ติดคำล่อลวงว่า ‘นี่จริง ๆ แล้วไม่บาปนะและมันไม่เป็นไรหรอก’ แต่เมื่อเราเข้าไปสู่การทำบาป นิสัยบาปจะก่อตัวขึ้น มโนธรรมของเราจะอ่อนลงและจิตใจของเราก็แข็งกระด้างขึ้น

หัวใจของบาปคือความไม่เชื่อ ตั้งแต่สวนเอเดนการล่อลวงของบาปเป็นเหตุให้เราสงสัยความดีงามของพระเจ้า สงสัยความรักที่พระองค์มีต่อเราและสงสัยในพระวจนะที่ว่า ‘จริงหรือที่พระเจ้าตรัสว่า?’ (ปฐมกาล 3:1) ‘เจ้าจะไม่ตายหรอก’ (3:4) คุณจะกลืนคำโกหกเกี่ยวกับเรื่องของพระเจ้าก่อนที่คุณจะกลืนผลไม้ต้องห้ามเสมอ ปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ ถ้าเราเชื่อว่าพระเจ้ารักเรา เชื่อในความดีของพระองค์ เชื่อในพระวจนะ เราจะไม่ล้มต่อการล่อลวงของบาป

เพราะคนของพระเจ้ายังคงชอบบ่นอยู่ จึงไม่สามารถเข้าสู่การพักสงบในพระองค์ได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ เขาไม่เชื่อในการจัดเตรียมของพระองค์ และเพราะพวกเขา ‘ไม่เชื่อ’ (ฮีบรู 3:12) พวกเขาจึงไม่ได้พักสงบในพระเจ้า ‘เพราะเขาขาดความเชื่อ’ (ข้อ 19) เมื่อเราไม่วางใจพระเจ้าเราได้สูญเสียสันติสุขไป ให้เรามีสันติสุขโดยการที่จดจ่อไปที่พระเยซู วางใจพระองค์ และฟังพระองค์ ขณะที่พระองค์ตรัสกับคุณผ่านพระวจนะ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์วันนี้ให้จดจ่อที่พระเยซู ช่วยให้ข้าพระองค์ไม่อยู่ในความกลัวแต่ให้วางใจ และมีสันติสุข

พันธสัญญาเดิม

โยเอล 1:1-2:17

 1พระวจนะของพระยาห์เวห์ที่มาถึงโยเอล บุตรของเปธุเอล

การคร่ำครวญถึงความหายนะของบ้านเมือง

2ท่านผู้ใหญ่ทั้งหลาย จงฟังเรื่องนี้
 ทุกคนที่อาศัยในแผ่นดิน จงเงี่ยหูฟัง
สิ่งเหล่านี้เคยเกิดขึ้นในสมัยของพวกท่าน
 หรือเกิดขึ้นในสมัยบรรพบุรุษของท่านหรือ?
3จงบอกลูกๆ ของพวกท่านให้รับรู้
 และให้ลูกๆ บอกหลานๆ
 และให้หลานๆ บอกกับคนอีกชั่วอายุหนึ่ง
4สิ่งที่เหลือจากตั๊กแตนวัยเดินกินแล้ว
 ตั๊กแตนวัยบินก็กินเสีย
สิ่งที่เหลือจากตั๊กแตนวัยบินกินแล้ว
 ตั๊กแตนวัยกระโดดก็กินเสีย
สิ่งที่เหลือจากตั๊กแตนวัยกระโดดกินแล้ว
 ตั๊กแตนตัวอ่อนก็กินเสีย
5พวกขี้เมาเอ๋ย จงตื่นขึ้นและร้องไห้
 คอเหล้าทุกคน จงคร่ำครวญ
เนื่องด้วยเหล้าองุ่นหวาน
 เพราะมันจะถูกตัดขาดจากปากของพวกเจ้าแล้ว
6เพราะว่าประชาชาติหนึ่งขึ้นมาสู้กับแผ่นดินของข้าพเจ้า
 มันมีกำลังมากและมีจำนวนนับไม่ถ้วน
ฟันของมันเหมือนฟันสิงโต
 เขี้ยวของมันเหมือนเขี้ยวสิงโตตัวเมีย
7มันทำลายเถาองุ่นของข้าพเจ้า
 และปอกเปลือกต้นมะเดื่อของข้าพเจ้า
มันลอกเปลือกออกและโยนทิ้ง
 กิ่งก้านก็ดูขาวโพลน
8จงโอดครวญเหมือนหญิงพรหมจารีที่คาดผ้ากระสอบไว้ทุกข์
 ให้แก่เจ้าบ่าวของเธอที่ได้เมื่อวัยสาว
9ธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาถูกเอาไป
 จากพระนิเวศของพระยาห์เวห์
ปุโรหิตก็โศกเศร้า  คือผู้ปรนนิบัติพระยาห์เวห์
10นาก็ร้างเปล่า
 พื้นดินก็เศร้าโศก
เพราะข้าวถูกทำลาย
 เหล้าองุ่นใหม่ก็ไม่มี
 น้ำมันก็ขาดมือไป
11ชาวนาทั้งหลายเอ๋ย จงระทดหดหู่
 ผู้แต่งเถาองุ่นเอ๋ย จงคร่ำครวญ
เนื่องด้วยข้าวสาลีและข้าวบาร์เลย์
 เพราะผลผลิตจากนาก็ถูกทำลาย
12เถาองุ่นก็เหี่ยวแห้ง
 ต้นมะเดื่อก็เฉาไป
ทั้งต้นทับทิม และต้นอินทผลัมกับต้นแอปเปิลด้วย
 ต้นไม้ทั้งหมดในนาก็เหี่ยวแห้งไป
ความยินดีก็ห่อเหี่ยวไป
 จากบรรดาบุตรของมนุษย์

การเรียกร้องให้กลับใจและอธิษฐาน

13ปุโรหิตทั้งหลายเอ๋ย จงคาดผ้ากระสอบและโอดครวญ
 ท่านผู้ปรนนิบัติที่แท่นบูชา จงคร่ำครวญ
บรรดาผู้ปรนนิบัติพระเจ้าของข้าพเจ้า
 จงเข้ามาค้างคืนโดยสวมผ้ากระสอบ
เพราะว่าธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา
 ได้ขาดไปจากพระนิเวศพระเจ้าของท่าน
14จงจัดพิธีอดอาหาร
 จงเรียกประชุมทำพิธี
จงรวบรวมพวกผู้ใหญ่
 และทุกคนที่อาศัยในแผ่นดิน
ให้ไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
 และร้องทูลต่อพระยาห์เวห์
15อนิจจา วันนั้น
 เพราะวันแห่งพระยาห์เวห์มาใกล้แล้ว
 วันนั้นจะมาเหมือนการทำลายจากองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
16อาหารก็ถูกเอาไปแล้ว
 ต่อหน้าต่อตาของเราไม่ใช่หรือ?
ความร่าเริงและความยินดี
 ก็ถูกเอาไปจากพระนิเวศพระเจ้าของเราแล้วไม่ใช่หรือ?
17เมล็ดพืชแห้งตายอยู่ในดิน
 ฉางก็ร้างเปล่า
ยุ้งก็พังทลาย
 เพราะว่าข้าวก็ม้านแล้ว
18เหล่าสัตว์เลี้ยงร้องครวญคราง
 ฝูงวัวก็สนเท่ห์
เพราะไม่มีทุ่งหญ้าให้พวกมัน
 ฝูงแพะแกะก็อ่อนระโหยด้วย
19ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์
 เพราะว่าไฟได้เผาผลาญ
ทุ่งหญ้าแห่งถิ่นทุรกันดาร
 และเปลวไฟได้ไหม้
 ต้นไม้ในทุ่งหมดสิ้นแล้ว
20แม้สัตว์ป่าในทุ่งก็ร้องทูลต่อพระองค์ด้วย
 เพราะว่าน้ำในห้วยแห้งไป
และไฟก็เผาผลาญ
 ทุ่งหญ้าของถิ่นทุรกันดาร

โยเอล 2

1จงเป่าเขาสัตว์ในศิโยน
 จงเปล่งเสียงเตือนภัยบนภูเขาบริสุทธิ์ของเรา
ให้ทุกคนที่อาศัยในแผ่นดินตัวสั่น
 เพราะวันแห่งพระยาห์เวห์กำลังมา ใกล้เข้ามาแล้ว
2เป็นวันที่มืดและมัวซัว
 เป็นวันที่มีเมฆและความมืดทึบ
เหมือนยามเช้ามืดที่แผ่คลุมอยู่บนภูเขา
 คือกองทัพที่ใหญ่โตและทรงพลังยิ่ง
ไม่เคยมีเหมือนอย่างนี้ในอดีต
 และหลังจากนี้ไปก็จะไม่มีอีก
 ตลอดปีเดือนในทุกชั่วอายุคน
3ไฟเผาผลาญอยู่ข้างหน้ามัน
 และเปลวไฟไหม้อยู่ข้างหลัง
แผ่นดินนั้นเหมือนสวนเอเดนก่อนหน้ามัน
 แต่ภายหลังมันไปแล้วก็เป็นเหมือนถิ่นทุรกันดารที่ร้างเปล่า
 ไม่มีอะไรรอดพ้นจากมันเลย
4มันมีลักษณะเหมือนลักษณะของม้า
 พวกมันวิ่งเหมือนม้าศึก
5เหมือนเสียงของพวกรถรบ
 พวกมันกระโดดอยู่บนยอดเขา
เหมือนเสียงแตกของเปลวไฟ
 ที่ไหม้ตอข้าว
เหมือนกองทัพอันเกรียงไกร
 ที่แปรกระบวนเข้าสงคราม
6ชนชาติทั้งหลายต่างกลัวลานเมื่อเห็นมัน
 ใบหน้าของทุกคนก็ซีดเซียว
7พวกมันวิ่งเหมือนนักรบ
 และปีนกำแพงเหมือนทหาร
ต่างก็เดินตามทางของตัวเอง
 พวกมันเดินอย่างไม่แตกแถว
8พวกมันไม่ชนกันเลย
 ต่างก็เดินอยู่ในทางของตน
มันตะลุยฝ่าอาวุธ
 และไม่มีอะไรอาจยับยั้งได้
9พวกมันกระโดดเข้าไปในเมือง
 มันวิ่งอยู่บนกำแพง
พวกมันปีนเข้าไปในบ้าน
 มันเข้าไปทางหน้าต่างเยี่ยงโจร
10แผ่นดินโลกสั่นไหวต่อหน้ามัน
 ท้องฟ้าก็สั่นสะเทือน
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ก็มืดไป
 ดวงดาวทั้งหลายก็อับแสง
11พระยาห์เวห์เปล่งพระสุรเสียง
 ต่อหน้ากองทัพของพระองค์
กองทัพของพระองค์ใหญ่โตยิ่งนัก
 ผู้ที่ทำตามคำบัญชาของพระองค์มีจำนวนมหาศาล
เพราะว่าวันแห่งพระยาห์เวห์นั้นยิ่งใหญ่
 และน่ากลัวอย่างยิ่ง ใครเล่าจะทนอยู่ได้?
12พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า “ถึงกระนั้นก็ดี  บัดนี้ พวกเจ้าจงกลับมาหาเราด้วยสุดใจ
 ด้วยการอดอาหาร การร้องไห้ และการโอดครวญ
13จงฉีกใจของพวกเจ้า ไม่ใช่ฉีกเสื้อของเจ้า”
 จงกลับมาหาพระยาห์เวห์พระเจ้าของพวกท่าน
เพราะว่าพระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระคุณและพระกรุณา
 พระองค์กริ้วช้าและบริบูรณ์ด้วยความรักมั่นคง
 และเปลี่ยนพระทัยไม่ลงโทษ
14ใครจะรู้ได้ พระองค์อาจทรงกลับมาและเปลี่ยนพระทัย
 ทั้งทรงเหลือพรไว้ข้างหลัง
คือให้มีธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชา
 ถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน
15จงเป่าเขาสัตว์ในศิโยน
 จงจัดพิธีอดอาหาร
 จงเรียกประชุมทำพิธี
16จงรวบรวมประชาชน
 จงชำระชุมนุมชนให้บริสุทธิ์
จงประชุมพวกผู้ใหญ่  จงรวบรวมเด็กๆ
แม้แต่เด็กที่ยังกินนม
 จงให้เจ้าบ่าวออกจากเรือนหอ
 และเจ้าสาวออกจากห้องของตน
17ให้บรรดาปุโรหิต คือผู้ปรนนิบัติพระยาห์เวห์
 ร้องไห้อยู่ระหว่างเฉลียงกับแท่นบูชา
และให้ทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเวทนาประชากรของพระองค์
 ขออย่าทรงให้มรดกของพระองค์เป็นที่เยาะเย้ย
หรือเป็นคำเปรียบเปรยเย้ยหยันท่ามกลางประชาชาติ
 ควรหรือที่เขาจะกล่าวท่ามกลางชนชาติทั้งหลายว่า
 ‘พระเจ้าของพวกเขาอยู่ที่ไหน?’ ”

อรรถาธิบาย

เมื่อเผชิญกับหายนะ

ยูจีน ปีเตอร์สัน เขียนไว้ว่า ‘เมื่อเผชิญกับหายนะ การจะเข้าใจในองค์พระเจ้าก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงอยู่’ จะมีช่วงเวลาที่เราจะพบกับความเจ็บป่วยหรือการตายที่ไม่ได้คาดคิดของคนที่เรารัก ภัยพิบัติในระดับชาติ ความเปลี่ยนแปลงของสังคมที่มีผลจากเทคโนโลยี เสียทรัพย์สินส่วนตัว ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ หรือความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันนี้โลกกำลังเผชิญกับโคโรนาไวรัสหรือโควิด-19 ปีเตอร์สัน บอกอีกว่า ‘เป็นงานของผู้เผยพระวจนะที่จะยืนขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดหายนะและประกาศให้ชัดเจนเลยว่าพระเจ้าทรงเป็นใครและพระองค์ทรงกระทำกิจอย่างไร’

โยเอลผู้เผยพระวจนะอธิบายช่วงเวลาเมื่อเกิดกับหายนะ คือช่วงเวลาแห่งความพินาศที่เกิดขึ้นจากฝูงตั๊กแตน นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรืออาจเป็นนิมิต มีฝูงตั๊กแตนมากัดกินพืชผลในเยรูซาเล็มในปี 915 ก่อนคริสตกาล ความเสียหายนั้นใหญ่หลวงมาก

ฝูงตั๊กแตน (ตอนนั้นไม่มียาฆ่าแมลง) บินอย่างมุ่งมั่น ไม่มีใครหยุดยั้งหรือสามารถทำอะไรฝูงตั๊กแตนได้ มันทำลายสวนองุ่น ทำลายสวนผลไม้ ทำให้พืชผลทั้งหมดเสียหาย ฝูงปศุสัตว์ก็ไม่มีอะไรจะกิน ตั๊กแตนเป็นเหมือนพายุทอร์นาโดที่เคลื่อนผ่านแผ่นดิน

‘นี่มันวันอะไรเนี่ย! วันโลกาวินาศหรอ! วันที่พิพากษาของพระเจ้ามาถึงแล้ว’ (1:15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ภาพของฝูงตั๊กแตนถูกนำมาจากหนังสือพระธรรมวิวรณ์และใช้บรรยายถึงความยากลำบากของวันพิพากษาครั้งสุดท้าย (วิวรณ์ 9:7–11)

พระเยซูเองใช้ข้อความจากพระธรรมโยเอลบทที่ 2 ‘ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ก็มืดไป ดวงดาวทั้งหลายก็อับแสง’ (โยเอล 2:10; ดูร่วมกับ มัทธิว 24:29) เป็นการบรรยายถึงการพิพากษาที่จะมาถึง

เราจะตอบสนองอย่างไร? ไม่มีใครพอใจกับการยกโทษที่ไม่เต็มใจ พระเจ้าก็เช่นกัน พระองค์ปรารถนาการกลับใจที่แท้จริง:

‘ยังไม่สายเกินไป
 นี่คือถ้อยคำของพระเจ้า!
“กลับมาหาเราและเราหมายความตามที่พูดนั้น!
 จงอดอาหารและร้องไห้ เสียใจในบาปของเจ้า!”
จงเปลี่ยนแปลงชีวิต ไม่ใช่เปลี่ยนแค่เสื้อผ้า
 กลับมาหาพระเจ้า ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้า
และเพราะว่า พระเจ้ามีพระกรุณาและมีพระเมตตา
 พระองค์ยั้งพระทัยและอดกลั้นอย่างยิ่ง
พระเจ้าทรงอดกลั้นพระทัยมากยิ่ง และความรักของพระองค์มีมากมาย’ (โยเอล 2:12–13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ในท่ามกลางการทำนายวันพิพากษาเหล่านี้ ยังมีความหวัง เมื่อเรากลับไปหาพระเจ้าและแสวงหาการอภัยบาป คุณไม่ต้องกลัววันพิพากษาครั้งสุดท้าย โยเอลใช้ภาพการเป่าแตรเพื่อประกาศวันพิพากษานี้ (ข้อ 1)

ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เปาโลใช้ภาพเดียวกันนี้ บรรยายถึงพระเยซูทรงมีชัยเหนือความตายและทำให้ได้รับการยกโทษบาปและความรอด ‘ในชั่วขณะเดียว ในพริบตาเดียว เมื่อเป่าแตรครั้งสุดท้าย เพราะว่าจะมีการเป่าแตร และพวกที่ตายแล้วจะถูกทำให้เป็นขึ้นโดยปราศจากความเสื่อมสลาย แล้วเราจะถูกเปลี่ยนใหม่...ความตายก็ถูกกลืนเข้าในชัยชนะแล้ว...สาธุการแด่พระเจ้า ผู้ประทานชัยชนะแก่เรา โดยพระเยซูคริส์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา’ (1 โครินธ์ 15:52–57)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ทรงมีพระคุณและพระกรุณา ทรงมีพระเมตตา โปรดช่วยข้าพระองค์ ขณะที่ข้าพระองค์รอคอยพระองค์ด้วยความมั่นใจในการเสด็จกลับมาและให้จดจ่อที่องค์พระเยซู

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ฮีบรู 3:1

‘...จงพิจาณาดูพระเยซู...’

การพิจารณาของฉันบางครั้งเหมือนการเลี้ยงแมว ความคิดของฉันมักอยู่ไม่สุข การพิจารณานั้นจำเป็นต้องตั้งใจวาง ‘รายการที่ต้องทำและรับฟัง ‘เสียงที่แผ่วเบา’ ของพระเจ้า

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม