วัน 316

ยืนหยัดต่อไป

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 123:1-4
พันธสัญญาใหม่ ฮีบรู 10:19-39
พันธสัญญาเดิม เอเสเคียล 20:45-22:22

เกริ่นนำ

มาเรียม และมาร์ซีเย่ห์ ถูกจับในอิหร่านในปี 2009 ความผิดของพวกเธอ คือ การเป็นคริสเตียน พวกเธอถูกปิดตา สอบปากคำ และทั้งคู่ต่างก็ป่วยระหว่างอยู่ในคุก พวกเธอถูกนำตัวขึ้นศาล คุณฮัดเดด ทนายฝ่ายโจทก์ได้ถามหญิงทั้งสองคนว่า พวกเธอเป็นคริสเตียนหรือไม่ ทั้งสองตอบว่า ‘เรารักพระเยซู’ เขาถามคำถามซ้ำอีก และพวกเธอตอบว่า ‘ใช่ค่ะ เราเป็นคริสเตียน’

คุณฮัดเดดถามว่า พวกเธอเสียใจที่มาเป็นคริสเตียนหรือไม่ ซึ่งทั้งคู่ต่างตอบว่า ‘เราไม่เสียใจเลยค่ะ’ จากนั้นเขาก็พูดย้ำอีกว่า ‘พวกคุณควรละทิ้งความเชื่อของพวกคุณด้วยวาจา และเป็นลายลักษณ์อักษร’ หญิงสาวทั้งสองคนยืนกราน และตอบว่า ‘เราจะไม่ปฏิเสธความเชื่อของเราค่ะ’

เมื่อคุณฮัดเดด บอกให้หญิงทั้งสองกลับไปคุกเพื่อกลับไปคิดทบทวนทางเลือกใหม่และกลับมาหาเขาเมื่อพวกเธอพร้อม (ที่จะปฏิบัติตาม) แมเรียม และ มาซียาห์ ตอบว่า ‘เราได้คิดดีแล้วค่ะ’

ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูเขียนถึงคริสเตียนที่ถูกกดขี่ข่มเหงว่า: ‘พวกท่านได้สู้ทนต่อความยากลำบากอย่างใหญ่หลวง’ (ฮีบรู 10:32) เช่นเดียวกับ แมเรียม และ มาซียาห์ ที่อยู่ต่อหน้าอัยการ (ขอบคุณพระเจ้าที่พวกเขาได้รับการปล่อยตัวแล้ว เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์ทั้งคู่ในตอนหนึ่งใน: Alpha Film Series: https://alpha.org/watch/alpha-film-series

ความตั้งใจที่จะทรหดอดทน มักจะเป็นเรื่องของความแตกต่างระหว่างความสำเร็จ และความล้มเหลว นี่เป็นเรื่องจริงในการเรียนรู้ทักษะหรือกีฬาใหม่ ๆ หรือประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ดังที่ได้คำกล่าวไว้ว่า ‘สังเกตตราไปรษณียากร ประโยชน์ของมันขึ้นอยู่กับความสามารถในการยึดติดกับสิ่งหนึ่งจนกว่าจะไปถึงที่นั่น’ ‘ความเหนียว’ ก็เป็นกุญแจสำคัญในชีวิตคริสเตียนเช่นกัน หากคุณต้องการเรียนรู้ที่จะอ่านพระคัมภีร์ เรียนรู้ที่จะอธิษฐาน เรียนรู้ที่จะต้านทานความชั่วร้ายหรืออะไรก็ตาม ให้เราเรียนรู้ที่จะอดทน ผู้เขียนฮีบรูหนุนใจผู้อ่านให้ไม่ ‘เลิกล้ม’ แต่ ‘อดทน’ (ข้อ 34–39, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 123:1-4

คำอธิษฐานขอพระกรุณา

บทเพลงใช้แห่ขึ้น

1ข้าแต่พระองค์ผู้ประทับในฟ้าสวรรค์
 ข้าพระองค์เงยหน้าดูพระองค์
2ดูเถิด ดวงตาของบรรดาผู้รับใช้มองดูมือนายของตนฉันใด
 และดวงตาของสาวใช้มองดูมือนายหญิงของตนฉันใด
ดวงตาของเรามองดูพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา
 จนกว่าพระองค์จะมีพระกรุณาต่อเราฉันนั้น
3ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงพระกรุณาต่อพวกข้าพระองค์ ขอทรงพระกรุณา
  ต่อพวกข้าพระองค์เถิด
 เพราะพวกข้าพระองค์ทนมากแล้วต่อการหมิ่นประมาท
4ข้าพระองค์ทั้งหลายทนมากแล้วต่อการเยาะเย้ยของคนที่อยู่อย่างสบาย
 คือทนต่อการหมิ่นประมาทของคนเย่อหยิ่ง

อรรถาธิบาย

จดจ่อที่พระเจ้าเพื่อทูลขอการช่วยเหลือ

‘ข้าพเจ้ามองไปที่พระเจ้า เงยหน้าไปหาพระองค์เพื่อขอความช่วยเหลือ’ (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เช่นเดียวกับ ผู้เขียนพระธรรมสดุดี รอคอยความช่วยเหลือจากพระเจ้าด้วยความอดทนยืนหยัดต่อหน้าศัตรู ‘พวกข้าพระองค์ทนมากแล้วต่อการหมิ่นประมาท ข้าพระองค์ทั้งหลายทนมากแล้วต่อการเยาะเย้ยของคนที่อยู่อย่างสบาย คือทนต่อการหมิ่นประมาทของคนเย่อหยิ่ง’ (ข้อ 3ข–4)

การตอบสนองของเขาคือการหันจากศัตรูไปจดจ่อที่พระเจ้า เขาเขียนไว้ว่า ‘ข้าพระองค์เงยหน้าดูพระองค์... ดวงตาของเรามองดูพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา’ (ข้อ 1–2) การจดจ่อถูกสร้างจากการระลึกว่าพระเจ้าทรงเป็นใคร คือ ‘ผู้ประทับในฟ้าสวรรค์’ (ข้อ 1) และจากความสัมพันธ์ของเขากับพระเจ้า

พระเจ้าทรงเป็น ‘พระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา’ จงขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ‘เหมือนคนรับใช้ที่คอยรับคำสั่งของนาย เหมือนหญิงสาวเฝ้าดูนายหญิง พวกข้าพระองค์เฝ้าดูและรออยู่ กลั้นหายใจรอพระดำรัสแห่งพระกรุณาของพระองค์’ (ข้อ 2–3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น โปรดช่วยข้าพระองค์ ให้อดทน มุมานะ และจดจ่อที่พระองค์

พันธสัญญาใหม่

ฮีบรู 10:19-39

คำกำชับและคำเตือน

 19เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย เมื่อเรามีใจกล้าที่จะเข้าไปในสถานศักดิ์สิทธิ์โดยพระโลหิตของพระเยซู 20ตามทางใหม่และเป็นทางที่มีชีวิต ซึ่งพระองค์ทรงเปิดให้เราผ่านเข้าไปทางม่านนั้น คือทางพระกายของพระองค์ 21และเมื่อเรามีปุโรหิตใหญ่เหนือหมู่คนของพระเจ้าแล้ว 22ก็ให้เราเข้าไปใกล้ด้วยใจจริง ด้วยความไว้ใจเต็มที่ มีใจที่ได้รับการประพรมให้พ้นจากมโนธรรมที่ไม่ดี และมีกายที่ล้างชำระด้วยน้ำสะอาด 23ขอให้เรายังคงยึดมั่นในความหวังที่ประกาศรับไว้นั้นโดยไม่หวั่นไหว เพราะว่าพระองค์ผู้ประทานพระสัญญานั้นทรงซื่อสัตย์ 24และขอให้เราพิจารณาดูเพื่อจะปลุกใจกันและกันให้มีความรักและทำความดี 25อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนทำเป็นนิสัย แต่จงหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกท่านก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว
 26เพราะถ้าเรายังจงใจทำบาปอยู่เรื่อยๆ หลังจากได้รับความรู้เรื่องความจริงแล้ว ก็จะไม่มีเครื่องบูชาลบบาปเหลืออยู่เลย 27แต่จะมีความหวาดกลัวในการรอคอยการพิพากษาและไฟอันร้ายแรง ซึ่งจะเผาผลาญบรรดาศัตรู 28ส่วนคนที่ละเมิดธรรมบัญญัติของโมเสสนั้น ถ้ามีพยานสักสองหรือสามปาก ก็จะต้องตายโดยปราศจากความปรานี 29แล้วพวกท่านคิดดูซิว่าคนที่เหยียบย่ำพระบุตรของพระเจ้า และถือว่าพระโลหิตแห่งพันธสัญญา ซึ่งชำระเขาให้บริสุทธิ์นั้นเป็นมลทิน และดูหมิ่นพระวิญญาณแห่งพระคุณ สมควรจะถูกลงโทษหนักกว่าสักเท่าใด 30เพราะว่าเรารู้จักพระองค์ผู้ตรัสว่า

“การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบสนอง”
และตรัสอีกว่า
“องค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงพิพากษาประชากรของพระองค์”

31การตกอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์นั้นเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัว
 32แต่ท่านทั้งหลายจงระลึกถึงคราวก่อนนั้น หลังจากที่ได้รับความสว่างแล้ว พวกท่านได้สู้ทนต่อความยากลำบากอย่างใหญ่หลวง 33บางทีท่านก็ถูกประจานให้อับอายขายหน้าและถูกข่มเหง บางทีท่านก็ร่วมทุกข์กับคนที่ถูกกระทำเช่นนั้น 34เพราะว่าท่านทั้งหลายมีใจเมตตาต่อผู้ที่ถูกคุมขังเหล่านั้น และเมื่อมีคนปล้นชิงเอาทรัพย์สิ่งของของท่านไป ท่านก็ยอมให้ด้วยใจยินดี เพราะท่านรู้แล้วว่าท่านมีทรัพย์สมบัติที่ดีกว่าและถาวรกว่านั้นอีก 35เพราะฉะนั้น อย่าละทิ้งความไว้วางใจของท่าน อันจะนำมาซึ่งบำเหน็จยิ่งใหญ่ 36ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องมีความทรหดอดทน เพื่อท่านจะสามารถทำตามพระทัยของพระเจ้าได้ แล้วท่านก็จะได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้นั้น

37เพราะอีก เพียงไม่นาน
 พระองค์ผู้จะเสด็จมาก็จะเสด็จมาและจะไม่ทรงชักช้า 38 แต่คนชอบธรรมของเรานั้นจะดำรงชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อ
 และถ้าเขาหันกลับ  เราจะไม่มีความพอใจในคนนั้นเลย

 39แต่พวกเราเองไม่ใช่พวกที่หันกลับ และถึงซึ่งความพินาศ แต่เป็นพวกที่เชื่อมั่น จึงทำให้ชีวิตปลอดภัย

อรรถาธิบาย

ยืนหยัดอยู่ได้

คริสเตียนหลายล้านคนทั่วโลกทุกวันนี้ยังคงถูกข่มเหงเพราะความเชื่อของพวกเขา จดหมายของพระธรรมฮีบรูเขียนถึงคริสเตียนผู้ถูกกดขี่ข่มเหง (อาจอยู่ในมือของเนโรในกรุงโรม) จุดประสงค์หลักประการหนึ่งของพระธรรมเล่มนี้คือเพื่อหนุนใจให้ผู้อ่านมีความทรหดอดทน ผู้เขียนจบการอธิบายหลักคำสอนโดยเรียกร้องมีความทรหดอดทนเพิ่มขึ้นอีก และในพระธรรมนี้ผู้เขียนยังให้เหตุผลอื่น ๆ บอกถึงบำเหน็จที่จะได้ และหนุนใจให้ยึดมั่นในเรื่องนี้

  1. คุณสามารถรู้สึกมั่นใจได้
    จงหดอดทนเพราะสิ่งที่พระคริสต์ทรงได้กระทำแล้ว และทรงทำเพื่อคุณ คุณได้รับอิสระครั้งใหม่ มีความกล้าหาญ และความมั่นใจ คุณได้รับการต้อนรับเข้าสู่ที่ทรงสถิตของพระเจ้าผ่านการสละพระชนม์ชีพของพระเยซู ‘ตอนนี้เราสามารถเดินเข้ามาหาพระเจ้า โดยไม่ลังเล “มายังสถานศักดิ์สิทธิ์” พระเยซูทรงทำทางผ่านพระโลหิตของพระองค์ในการถวายเป็นเครื่องบูชา’ (ข้อ 19–20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  2. คุณไม่ได้อยู่เพียงลำพัง
    เราต้องทรหดอดทนเพราะเรามีกันและกันที่จะช่วยเหลือกัน ในขณะที่ผู้เขียนหนุนใจให้เรา ‘ยึดมั่นในความหวังที่ประกาศรับไว้นั้นโดยไม่หวั่นไหว’ (ข้อ 23) เขาทำเช่นนั้นในบริบทของชุมชน รวมตัวกันบ่อย ๆ ‘พิจารณาดูเพื่อจะปลุกใจกันและกันให้มีความรักและทำความดี อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนทำเป็นนิสัย แต่จงหนุนใจกัน’ (ข้อ 24–25)

  3. เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
    เขาเตือนไม่ให้จงใจทำบาปต่อไป (ข้อ 26) สิ่งนี้หมายถึงการทำบาปด้วย ‘การท้าทาย’ เขาเตือนถึง ‘การพิพากษาอันรุนแรง... ถ้าท่านหันจากพระบุตรของพระเจ้า ถ่มน้ำลายใส่เครื่องบูชาที่ทำให้ท่านได้รับการไถ่... พระเจ้าได้เตือนเราว่าพระองค์จะทรงสนองตอบและให้เราชดใช้... ไม่มีใครรอดพ้นไปได้’ (ข้อ 26–31, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เรื่องนี้มักใช้กับคนนอกคริสตจักร แต่จริง ๆ แล้วมันถูกเขียนขึ้นในบริบทที่พระเจ้าทรงพิพากษาคนของพระองค์เอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อ่านได้เคยทำ และยังเตือนพวกเขาให้ระลึกถึงช่วงเวลาที่ ‘ พวกท่านได้สู้ทนต่อความยากลำบาก’ (ข้อ 32)

  1. บำเหน็จที่ยิ่งใหญ่
    ผู้เขียนหนุนใจให้พวกเขา ‘จำวันแรกที่เห็นแสงสว่างครั้งแรก? ช่วงเวลาที่ยากลำบาก! ถูกเตะในที่สาธารณะ ตกเป็นเป้าของการล่วงละเมิดทุกประเภท บางวันเป็นท่าน บางวันก็เป็นเพื่อน ถ้าเพื่อนบางคนติดคุก ท่านก็ติดอยู่กับพวกเขา หากศัตรูบางคนบุกเข้ามาและยึดสินค้าของท่าน ท่านให้พวกเขาไปด้วยรอยยิ้ม แล้วรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถเอาสมบัติที่แท้จริงของท่านไปได้’ (ข้อ 32–34, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  2. จงอดทน
    ชีวิตช่างยาวและชีวิตช่างสั้น อีกนัยหนึ่ง ชีวิตนั้นยาว และในช่วงเวลาหนึ่งจะมีการทดสอบ การทดลองและความยากลำบาก ซึ่งต้องมีความยืนหยัด คือ ความอดทน อดกลั้นและความเพียรพยายาม ‘ความอดทนอดกลั้นคือสิ่งที่ท่านต้องการตอนนี้ เพื่อท่านจะทำยังคงทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า แล้วท่านจะได้รับสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้’ (ข้อ 36, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก New Living Translation โดยผู้แปล)

อีกนัยหนึ่ง ชีวิตนั้นสั้น ในช่วงเวลาที่สั้นนั้นคือเราตายแล้วและพระเยซูเสด็จมาแล้ว

‘ในชั่วขณะหนึ่ง
 การเสด็จมาของพระองค์จะมาถึงและไม่มาช้าแน่’ (ข้อ 37, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก New Living Translation โดยผู้แปล)

ผู้เขียนมีความมั่นใจมากว่าผู้อ่านจะเพียรพยายาม ‘แต่พวกเราเองไม่ใช่พวกที่หันกลับ และถึงซึ่งความพินาศ แต่เป็นพวกที่เชื่อมั่น จึงทำให้ชีวิตปลอดภัย’ (ข้อ 39)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ ให้ทรหดอดทน และหนุนใจคนด้วยความรัก และประพฤติดีต่อกันเมื่อเราพบกัน

พันธสัญญาเดิม

เอเสเคียล 20:45-22:22

คำเผยพระวจนะกล่าวโทษถิ่นใต้

 45และพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 46“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงหันหน้ามุ่งไปยังทางใต้และเทศนากล่าวโทษถิ่นใต้ จงเผยพระวจนะต่อแดนป่าไม้ในทิศใต้ 47จงกล่าวกับป่าไม้ทางใต้ว่า จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะก่อไฟขึ้นในเจ้า มันจะเผาผลาญต้นไม้เขียวและต้นไม้แห้งทุกต้นที่อยู่ในเจ้าเสีย และจะไม่สามารถดับเปลวเพลิงอันลุกโพลงนั้นได้ และใบหน้าทุกหน้าตั้งแต่ทิศใต้จนถึงทิศเหนือจะถูกไฟลวก 48แล้วมนุษย์ทุกคนจะเห็นว่า เรายาห์เวห์เป็นผู้ก่อไฟนั้น และไฟนั้นจะดับไม่ได้” 49แล้วข้าพเจ้าจึงทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์องค์เจ้านาย เขาทั้งหลายกำลังกล่าวถึงข้าพระองค์ว่า ‘เขาเป็นนักแต่งอุปมาไม่ใช่หรือ?’ ”

เอเสเคียล 21

ดาบของพระเจ้าที่ชักออก

 1พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 2“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมุ่งหน้าต่อสู้เยรูซาเล็ม และเทศนาต่อสู้สถานศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงเผยพระวจนะต่อสู้แผ่นดินอิสราเอล 3และกล่าวแก่แผ่นดินอิสราเอลว่า พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะต่อสู้เจ้า และเราจะชักดาบออกจากฝัก และเราจะตัดทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรมออกจากเจ้าเสีย 4เพราะเราจะตัดทั้งคนชอบธรรมและคนอธรรมออกจากเจ้าเสีย เพราะฉะนั้น ดาบของเราจะออกจากฝักไปต่อสู้มนุษย์ทั้งหมดจากทิศใต้ถึงทิศเหนือ 5แล้วมนุษย์ทุกคนจะรู้ว่า เราคือยาห์เวห์และเราได้ชักดาบของเราออกจากฝักแล้ว และจะไม่คืนใส่ฝักอีก 6บุตรมนุษย์เอ๋ย จงถอนหายใจด้วยความระทมใจและความขมขื่น จงถอนหายใจต่อหน้าต่อตาเขาทั้งหลาย 7และเมื่อเขาทั้งหลายถามเจ้าว่า ‘ทำไมท่านถอนหายใจ?’ เจ้าจงกล่าวว่า ‘เพราะเรื่องข่าวนั้น เมื่อข่าวนั้นมาถึงแล้ว มันจะทำให้ทุกหัวใจสลายไป ทำให้ทุกมืออ่อนเปลี้ย ทำให้ทุกวิญญาณจิตสลบไสล และทำให้ทุกหัวเข่าอ่อนเปลี้ยดั่งน้ำ ดูสิ ข่าวนั้นกำลังจะมาถึงและจะต้องสำเร็จ’ ” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ

 8พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 9“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะและกล่าวว่า องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า

ดาบเล่มหนึ่ง ดาบเล่มหนึ่งที่ถูกลับให้คม
 และถูกขัดมันด้วย
10ถูกลับให้คมเพื่อการเข่นฆ่า
 ขัดมันเพื่อให้แวบวาบเหมือนฟ้าแลบ
พวกเราจะร่าเริงได้หรือ?
 บุตรของเราเอ๋ย เจ้าได้ประมาทไม้ทัณฑกร และไม้เรียวทุกอย่าง
11ดาบจึงถูกมอบไว้ให้ขัดมัน
 เพื่อจะถือไว้ในฝ่ามือ
ดาบนั้นถูกลับให้คมและขัดมัน
 เพื่อจะมอบไว้ในมือของผู้ฆ่า
12บุตรมนุษย์เอ๋ย จงร้องไห้และคร่ำครวญ
 เพราะจะเป็นการต่อสู้ประชากรของเรา
และต่อสู้บรรดาเจ้านายของอิสราเอล
 พวกเขาถูกโยนให้แก่ดาบพร้อมประชากรของเรา
 เพราะฉะนั้น จงตีอกชกหัวของเจ้า
13ฉะนั้น จงใคร่ครวญ ถ้าคทาถูกดูหมิ่นแล้วเรื่องนั้นจะไม่เกิดขึ้นหรือ?” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ

14“ส่วนเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะ
 จงตบมือ
แล้วปล่อยดาบให้ตกลงมาสองครั้ง เออถึงสามครั้ง
 คือดาบที่จะฆ่าคน
ดาบที่จะฆ่ากันอย่างมากมาย
 มันล้อมพวกเขาไว้
15ดังนั้น หัวใจสลาย
 คนมากมายสะดุดล้ม
เราได้ตั้งดาบเพื่อการฆ่าไว้
 ที่ประตูเมืองทุกแห่งของเขา
แวบวาบเหมือนฟ้าแลบ
 ดาบถูกขัดมันเพื่อจะเข่นฆ่า
16ลับให้คมแล้วโจมตีทางขวา
 และหันไปทางซ้าย
 คือที่ใดก็ตามที่ด้านคมของเจ้ามุ่งไป
17แล้วเราจะตบมือของเราด้วย
 และให้ความโกรธของเราที่มีต่อเขาออกมาจนหมด
 เราคือยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาแล้ว”

 18พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าอีกว่า 19“ส่วนเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย จงขีดเส้นทางไว้สองเส้นทางให้ดาบของกษัตริย์บาบิโลนเข้ามา ทั้งสองเส้นทางให้ออกมาจากแผ่นดินเดียวกัน และจงทำป้ายบอกทางไว้ตรงหัวถนนที่แยกเข้าเมือง 20ขีดเส้นทางหนึ่งให้ดาบมายังเมืองรับบาห์ของคนอัมโมน และอีกเส้นทางมายังยูดาห์ถึงกรุงเยรูซาเล็มเมืองที่มีกำแพง 21เพราะว่ากษัตริย์บาบิโลนยืนอยู่ตรงทางแพร่งของหัวถนนทั้งสองเพื่อเสี่ยงทาย เขาเขย่าลูกธนู และปรึกษารูปเคารพ ทั้งมองดูก้อนตับ 22เขามีฉลากเสี่ยงทายของเยรูซาเล็มอยู่ในมือขวา เพื่อตั้งเครื่องทะลวง เพื่ออ้าปากสั่งให้ทำลายล้าง เพื่อส่งเสียงตะโกนให้รบ เพื่อตั้งเครื่องทะลวงที่ประตูเมือง เพื่อสร้างเชิงเทินและก่อกำแพงล้อม 23แต่สำหรับคนพวกนั้นที่เคยสาบานกับกษัตริย์บาบิโลน การเสี่ยงทายนี้เหมือนเป็นเรื่องไม่จริงในสายตาของพวกเขา แต่กษัตริย์บาบิโลนจะทำให้พวกเขาระลึกถึงความผิดบาป เพื่อพวกเขาจะถูกจับตัวไป
 24“เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เพราะว่าพวกเจ้าได้ทำให้เราระลึกถึงการละเมิดของเจ้า ทำให้การทรยศของเจ้าถูกเผยออก และบาปของเจ้าได้ปรากฏในการกระทำทั้งหมดของเจ้า เพราะเจ้าทำให้เราระลึกขึ้นมาได้ เจ้าจึงต้องถูกจับไปด้วยมือของศัตรู”
25“และเจ้า โอ เจ้านายอิสราเอลที่ชั่วร้ายและเลวทราม
 วันกำหนดของเจ้ามาถึงแล้ว
 คือเวลาแห่งการลงโทษครั้งสุดท้าย
26พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า
 จงปลดผ้าโพกศีรษะ และถอดมงกุฎออก
สิ่งต่างๆ จะไม่คงอยู่อย่างที่เคยเป็น
 ให้ยกชูสิ่งที่ต่ำขึ้น
 และกดสิ่งที่สูงให้ต่ำลง 27พังทลาย พังทลาย พังทลาย
 เราจะทำให้เป็นเช่นนี้
แต่นี่ก็จะไม่เกิดขึ้นด้วยจนกว่าผู้พิพากษาจะมา
 และเราจะมอบให้แก่ผู้นั้น
28“ส่วนเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย จงเผยพระวจนะและกล่าวว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้เกี่ยวกับคนอัมโมนและเกี่ยวกับการเยาะเย้ยของเขาทั้งหลายว่า  ดาบเล่มหนึ่ง ดาบที่ถูกชักออกเพื่อการเข่นฆ่า
ถูกขัดมันให้ดื่มเลือด และขัดให้แวบวาบเหมือนฟ้าแลบ
29เขาให้นิมิตปลอมแก่เจ้า
 และให้คำทำนายเท็จแก่เจ้า
เพื่อจะวางเจ้าไว้บนคอ
 ของผู้ชั่วร้ายและเลวทราม
ผู้ซึ่งวันกำหนดมาถึงแล้ว
 คือเวลาแห่งการลงโทษครั้งสุดท้าย
30จงให้ดาบกลับเข้าฝัก
 ณ สถานที่ที่เจ้าถูกสร้าง
เราจะพิพากษาเจ้า  ในแผ่นดินดั้งเดิมของเจ้า 31เราจะเทความโกรธกริ้วของเราเหนือเจ้า  และเราจะพ่นบนตัวเจ้า ด้วยไฟแห่งความพิโรธของเรา  และเราจะมอบเจ้าไว้ในมือของคนใจโหด  ผู้มีฝีมือในการทำลายล้าง 32เจ้าจะเป็นเชื้อเพลิงไว้ใส่ไฟ  โลหิตของเจ้าจะอยู่ในแผ่นดิน จะไม่มีใครจดจำเจ้าไว้อีก  เพราะเราคือยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาแล้ว”

เอเสเคียล 22

เมืองที่เปื้อนเลือด

 1พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าอีกว่า 2“และเจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจะพิพากษาหรือ? เจ้าจะพิพากษาเมืองที่แปดเปื้อนด้วยโลหิตนั้นหรือ? ดังนั้นเจ้าจงให้เมืองนั้นรับรู้ถึงสิ่งน่าสะอิดสะเอียนทั้งหมดของมัน 3เจ้าจงกล่าวว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า นี่เป็นเมืองที่ทำให้โลหิตตกอยู่ในเมืองนั้น เวลากำหนดของเมืองนั้นมาถึงแล้ว เมืองที่สร้างรูปเคารพทำให้ตัวเองเป็นมลทิน 4เจ้ามีความชั่วด้วยโลหิตที่เจ้าทำให้ตกนั้น และเจ้าเป็นมลทินเพราะรูปเคารพที่เจ้าสร้างขึ้น และเจ้าได้นำวันเวลาของเจ้าเข้ามาใกล้ กำหนดปีของเจ้าก็มาถึง เพราะฉะนั้น เราจึงทำให้เจ้าเป็นที่เยาะเย้ยท่ามกลางบรรดาประชาชาติ และเป็นที่ดูหมิ่นของประเทศทั้งหลาย 5ผู้ที่อยู่ใกล้และไกลเจ้าจะดูหมิ่นเจ้า เจ้าเป็นเมืองที่เสียชื่อและเต็มด้วยความโกลาหล
 6“นี่แน่ะ เจ้านายของอิสราเอลซึ่งอยู่ในเจ้า แต่ละคนก็โน้มไปในทางที่ทำให้โลหิตตกด้วยอำนาจของเขา 7บิดามารดาถูกเหยียดหยามอยู่ในเจ้า คนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ก็ถูกเบียดเบียนอยู่ท่ามกลางเจ้า ลูกกำพร้าและหญิงม่ายก็ถูกข่มเหงอยู่ในเจ้า 8เจ้าได้ดูหมิ่นของบริสุทธิ์ของเรา และทำให้สะบาโตของเราถูกลบหลู่ 9มีคนกล่าวร้ายเพื่อจะทำให้โลหิตตกอยู่ในเจ้า และในเจ้ามีคนที่กินบนภูเขา และมีคนทำตัวมักมากในกามท่ามกลางเจ้า 10อยู่ในเจ้ามีชายบางคนล่วงประเวณีกับภรรยาบิดาเขา ในเจ้ามีคนที่ข่มขืนผู้หญิงที่ยังมีมลทินประจำเดือน 11คนหนึ่งทำการน่าสะอิดสะเอียนกับภรรยาเพื่อนบ้าน อีกคนหนึ่งทำให้ลูกสะใภ้ของตนเป็นมลทินอย่างน่าอุจาด และในเจ้ามีอีกคนหนึ่งข่มขืนน้องสาวคือลูกบิดาของตน 12มีคนรับสินบนเพื่อทำให้โลหิตตกอยู่ในเจ้า เจ้าเอาดอกเบี้ยและเอาเงินเพิ่ม ทั้งเอากำไรอธรรมจากเพื่อนบ้านของเจ้าด้วยการบีบบังคับ และเจ้าได้ลืมเราเสีย พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ
 13“นี่แน่ะ เรายื่นกำปั้นเนื่องจากผลกำไรอธรรมที่เจ้าได้มา และเนื่องจากโลหิตที่อยู่ในท่ามกลางพวกเจ้า 14ใจของเจ้าจะทนได้หรือ? และมือของเจ้าจะแข็งแรงพอหรือ? ในวันที่เราจะจัดการกับเจ้า เราคือยาห์เวห์ได้ลั่นวาจาแล้ว และเราจะทำตามนั้น 15เราจะกระจายเจ้าไปในหมู่ประชาชาติ และให้เจ้ากระจัดพลัดพรากไปตามประเทศต่างๆ และเราจะขจัดมลทินออกจากเจ้าจนหมดสิ้น 16ในสายตาของประชาชาติต่างๆ เจ้าเป็นมลทินไปเพราะตัวเจ้าเอง แล้วเจ้าจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์” 17และพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 18“บุตรมนุษย์เอ๋ย สำหรับเราแล้วพงศ์พันธุ์อิสราเอลกลายเป็นขี้โลหะ พวกเขาทั้งหมดเป็นทองสัมฤทธิ์ ดีบุก เหล็ก และตะกั่วในเตาหลอม พวกเขาคือขี้เงิน 19เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เพราะว่าพวกเจ้าทั้งหมดกลายเป็นขี้โลหะไปแล้ว เพราะฉะนั้น ดูเถิด เราจะรวบรวมเจ้าทั้งหลายไว้ในเยรูซาเล็ม 20คนรวบรวมเงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ตะกั่ว และดีบุกไว้ในเตาหลอม เพื่อเป่าไฟเผาให้มันละลายอย่างไร เราก็จะรวบรวมเจ้าด้วยความกริ้วและด้วยความโกรธของเรา เราจะใส่เจ้าไว้แล้วทำให้เจ้าละลายอย่างนั้น 21เราจะรวมพวกเจ้า และเอาไฟแห่งความพิโรธของเราเป่าเจ้าและเจ้าจะถูกละลายอยู่ในนั้น 22เงินละลายอยู่ในเตาหลอมอย่างไร เจ้าทั้งหลายจะละลายอยู่ในไฟอย่างนั้น แล้วเจ้าจะรู้ว่า เราคือยาห์เวห์ได้ระบายความโกรธของเราออกเหนือพวกเจ้า”

อรรถาธิบาย

เผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้าย

ส่วนตัวผมพบว่าการเผชิญหน้าจะไม่ง่าย แต่บางครั้งมันเป็นสิ่งที่จำเป็น เอเสเคียลได้รับคำสั่งให้เผชิญหน้ากับความชั่วร้าย (22:2)

พระเจ้าเรียกเขาให้ไปเทศนาและเผยพระวจนะ (20:46) งานของเขาไม่ใช่เรื่องง่าย ข้อความที่จะพูดเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องการต่อต้านวัฒนธรรม แต่เขาก็ยังทรหดอดทน เขาไม่ยอมแพ้ เขายึดมันไว้ เขายังคงเทศนาต่อไป พระวจนะของพระเจ้ามาถึงเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และเขาประกาศอย่างสัตย์ซื่อ

พระเจ้าทรงรู้ว่ามันไม่ง่าย พระองค์หนุนใจเอเสเคียล ‘จงหันหน้า’ (20:46; 21:2) ‘จงหันหน้าต่อสู้เยรูซาเล็ม และเทศนาต่อสู้สถานศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงเผยพระวนะต่อสู้แผ่นดินอิสราเอล และกล่าวแก่แผ่นดินอิสราเอลว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า เราจะต่อสู้เจ้า”’ (ข้อ 2-3) มันคงเป็นเรื่องยากจริง ๆ

บาปที่พระองค์ตรัสเกี่ยวข้องกับเราเช่นเดียวกับชาวอิสราเอล การปฏิบัติต่อพ่อแม่ด้วยการดูถูกเหยียดหยาม การปฏิบัติที่โหดร้ายต่อคนยากจนและคนที่อ่อนแอ (รวมถึงผู้อพยพ หญิงม่าย และเด็กกำพร้า) การล่วงละเมิดทางเพศ การร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง การข่มขืน การติดสินบน ความโลภ และการกรรโชก (22:7–12)

พวกเขาลืมพระเจ้าแล้ว ‘เจ้าได้ลืมเราเสีย พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ’ (ข้อ 12) พวกที่อาศัยอยู่ในทางตะวันตกอยู่ในสังคมที่ตกอยู่ในอันตรายจากการลืมพระเจ้า เมื่อเรามองไปรอบ ๆ ตัวเราในโลกที่มีสิ่งผิดปกติมากมาย อาจเป็นเรื่องง่ายที่จะคิดว่าพระเจ้าคงลืมเราไปแล้ว แม้ว่าการพิพากษาเช่นนี้จะขัดแย้งกัน แต่จริง ๆ แล้วแสดงให้เราเห็นว่าพระเจ้าทรงห่วงใยเรามากเพียงใด พระเจ้าใส่ใจในความอยุติธรรมและความทุกข์ยาก นั่นคือเหตุผลที่พระองค์ทรงพระพิโรธต่อผู้ที่ทำร้ายผู้อื่น และเหตุผลที่พระองค์ปฏิเสธที่จะเพิกเฉยต่อผู้ที่ทุกข์ทรมาน

มีมิติฝ่ายวิญญาณกับเรื่องทั้งหมดนี้ด้วย ความกังวลของเราไม่ได้เป็นเพียงการต่อต้านความอยุติธรรมเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนหันกลับมาหาพระเจ้าด้วย เนื้อหาที่น่าอัศจรรย์ในช่วงครึ่งหลังของเอเสเคียล (และจากพระคัมภีร์ทั้งเล่ม) ก็คือการพิพากษานี้ไม่ใช่คำพูดที่เด็ดขาด แต่พระเจ้าจะทรงกระทำด้วยพระคุณ เพื่อไถ่ และช่วยชีวิตประชากรของพระองค์

ความห่วงใยที่พระเจ้าทรงมีต่อคนยากจน คนถูกกดขี่ และผู้หลงทาง นั้นเป็นแรงบันดาลใจต่อเอเสเคียลคริสเตียนทั้งหลายตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา นายพลวิลเลียม บูธ ผู้ก่อตั้ง Salvation Army ได้เป็นแบบอย่างของการยืนหยัดที่น่าทึ่ง เขากล่าวว่า ‘ในขณะที่ผู้หญิงร้องไห้อย่างที่พวกเขาร้องไห้อยู่ตอนนี้ ผมจะสู้ ขณะที่เด็ก ๆ หิวโหยเหมือนตอนนี้ผมจะสู้ ขณะที่ผู้ชายเข้าคุก เข้าและออก เข้าและออกอีก ผมจะต่อสู้ ขณะที่มีหญิงสาวที่น่าสงสารหลงทางอยู่บนถนน ผมจะสู้ ขณะที่ยังมีวิญญาณที่มืดดวงหนึ่งที่ไม่มีแสงสว่างจากพระเจ้า ผมจะสู้ ผมจะต่อสู้จนถึงที่สุด’

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ข้าพระองค์หันหน้าด้วยความมุ่งมั่น ไม่ให้ล้มเลิกเมื่อเจอการต่อต้าน การดูหมิ่น การเยาะเย้ย โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ยืนหยัด เผชิญหน้ากับความชั่วร้ายและประกาศข่าวดีเกี่ยวกับพระเยซูจนถึงที่สุด

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ฮีบรู 10:23–25

ฉันอดคิดไม่ได้เกี่ยวกับความทุกข์ทรมานอันเลวร้ายในซีเรีย เยเมน และสถานที่อื่น ๆ ที่ผู้บริสุทธิ์ถูกสังหาร ซึ่งโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือถูกหมายหัว และคริสเตียนกำลังถูกข่มเหงและถูกฆ่า ยากเพียงใดที่จะยึดมั่นในความหวังเมื่อคริสตจักรและเพื่อน ๆ ถูกโจมตีและถูกฆ่า

การอธิษฐานอาจดูเหมือนไม่มากแต่ ‘มีฤทธิ์อำนาจและเกิดผล’ และเราต้องใช้ทุกโอกาสของเสรีภาพที่เรามีเพื่อนำมาใช้เพื่ออาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม