วัน 320

เหตุผลและวิธีการนมัสการพระเจ้า

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 126:1-6
พันธสัญญาใหม่ ฮีบรู 12:14-29
พันธสัญญาเดิม เอเสเคียล 28:1-29:21

เกริ่นนำ

ทำไมการนมัสการจึงสำคัญ? คุณทำอะไรเมื่อคุณนมัสการพระเจ้า?

ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูหนุนใจให้เรา ‘นมัสการอย่างที่ชอบพระทัยของพระเจ้า ด้วยความเคารพและด้วยความยำเกรง เพราะว่า “พระเจ้าของเรานั้นทรงเป็นเพลิงที่เผาผลาญ”’ (ฮีบรู 12:28–29)

หัวข้อในทั้งสามข้อพระคัมภีร์สำหรับวันนี้คือ ภูเขาศิโยน (สดุดี 126:1) ‘นครเยรูซาเล็มแห่งสวรรค์ ...นครของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่’ (ฮีบรู 12:22) ‘ภูเขาบริสุทธิ์ของพระเจ้า’ (เอเสเคียล 28:14,16) นี่คือที่ทรงสถิตของพระเจ้า ที่ซึ่งพระเจ้าได้รับการนมัสการทั้งในพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ อย่างไรก็ตามมีความแตกต่างระหว่างทั้งสองแห่งนี้

คุณไม่จำเป็นต้องไปที่สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งเพื่อสัมผัสกับทรงสถิตของพระเจ้าอีกต่อไป เพราะพระเยซูทรงเป็น ‘คนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่’ (ฮีบรู 12:24ก) คุณจึงสามารถนมัสการได้ทุกที่ พระเยซูคือผู้ที่ทำให้ความสัมพันธ์ใหม่กับพระเจ้าเป็นไปได้ ผ่านการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขนเพื่อคุณ และผม

‘ภูเขาศักดิ์สิทธิ์’ ของคุณ ที่ซึ่งคุณสามารถนมัสการพระเยซูได้ก็คือทั้งแผ่นดินโลกนี้ และสิ่งนี้คาดการณ์ถึง ‘เยรูซาเล็มแห่งสวรรค์’ ที่เราได้อ่านในข้อพระคัมภีร์จากพระธรรมฮีบรูซึ่งอธิบายไว้ในวิวรณ์บทที่ 21 เกี่ยวกับสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่

ซี.เอช. สเปอร์เจียน กล่าวว่าเมื่อคุณเข้าใกล้พระเยซูในการนมัสการพระองค์ จะบังเกิดผลแห่งการใกล้ชิดพระองค์อยู่ 3 ประการ นั่นคือ ความสุข ความบริสุทธิ์และความถ่อมใจ

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 126:1-6

การเก็บเกี่ยวด้วยความชื่นบาน

บทเพลงใช้แห่ขึ้น
1เมื่อพระยาห์เวห์ทรงให้ศิโยนกลับสู่สภาพดี
 เราก็เป็นเหมือนคนที่ฝันไป
2ปากของเราได้หัวเราะเต็มที่
 และลิ้นของเราได้เปล่งเสียงโห่ร้องยินดี
แล้วมีการพูดกันท่ามกลางบรรดาประชาชาติว่า
 “พระยาห์เวห์ทรงกระทำการมโหฬารให้พวกเขา”
3พระยาห์เวห์ทรงกระทำการมโหฬารให้เรา
 เราจึงมีความยินดี
4ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกลับสู่สภาพดี
 อย่างทางน้ำไหลที่ในเนเกบ
5ผู้ที่หว่านด้วยน้ำตา
 จะได้เก็บเกี่ยวด้วยเสียงโห่ร้องยินดี
6ผู้ที่ร้องไห้ออกไป
 โดยหอบเมล็ดพืชเพื่อจะหว่าน
จะกลับบ้านด้วยเสียงโห่ร้องยินดี
 โดยหอบฟ่อนข้าวมาด้วย

อรรถาธิบาย

1.ความสุข

เด็ก ๆ หัวเราะเฉลี่ย 150 ครั้งต่อวัน ผู้ใหญ่หัวเราะโดยเฉลี่ย เพียงแค่ 6 ครั้งต่อวัน พระเยซูบอกเราให้เป็นเหมือนอย่างเด็กเหล่านั้น

ความเชื่อของคริสเตียนผสมผสานเป็นพิเศษระหว่างการหัวเราะและน้ำตา ความปีติยินดีและความเคร่งขรึมเข้าไว้ด้วยกัน ‘เราหัวเราะ เราร้องเพลง... พระเจ้าอัศจรรย์สำหรับเรา เราเป็นผู้หนึ่งที่มีความสุข’ (ข้อ 2–3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระธรรมสดุดีนี้เฉลิมฉลองให้กับการกลับมาสู่ศิโยนของผู้คนที่เคยตกเป็นเชลย พวกเขาต่างมีความสุขมาก ‘เมื่อพระยาห์เวห์ทรงให้ศิโยนกลับสู่สภาพดี เราก็เป็นเหมือนคนที่ฝันไป’ (ข้อ 1)

พวกเขาเหล่านั้นต่างเดินทางกลับไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์คือ ภูเขาศิโยน ที่นั่นคือพระวิหารของพระเจ้า ความรอดของแผ่นดินโลกนี้ เป็นดั่งเงาสะท้อนล่วงหน้าถึงความรอดที่ยิ่งใหญ่กว่า ที่คุณได้มีประสบการณ์ผ่านทางพระเยซู

เช่นเดียวกับคนเหล่านั้น การตอบสนองของคุณควรเป็นการนมัสการ ‘ปากของเราได้หัวเราะเต็มที่ และลิ้นของเราได้เปล่งเสียงโห่ร้องยินดี แล้วมีการพูดกันท่ามกลางบรรดาประชาชาติว่า“พระยาห์เวห์ทรงกระทำการมโหฬารให้พวกเขา” พระยาห์เวห์ทรงกระทำการมโหฬารให้เรา เราจึงมีความยินดี’ (ข้อ 2-3)

มีน้ำตามากมายในชีวิตคริสเตียนหลายคน หากตอนนี้ชีวิตคุณระทมไปด้วยความทุกข์ ให้เราอธิษฐานขอพระเจ้าที่จะทรงให้คุณกลับคืนสู่สภาพดี หากตอนนี้คุณกำลังหว่านไปด้วยน้ำตา ก็ถึงเวลาที่คุณจะเริ่มเก็บเกี่ยวด้วยบทเพลงแห่งความยินดี (ข้อ 5–6)

คำอธิษฐาน

ขอทรงให้ข้าพระองค์กลับสู่สภาพดี ขอให้ข้าพระองค์พบความสุข เสียงหัวเราะ และความปีติยินดีในการทรงสถิตของพระองค์

พันธสัญญาใหม่

ฮีบรู 12:14-29

คำเตือนไม่ให้ปฏิเสธพระคุณพระเจ้า

 14จงมุ่งมั่นที่จะได้อยู่อย่างสงบสุขกับทุกคนและที่จะได้ความบริสุทธิ์ เพราะถ้าปราศจากความบริสุทธิ์แล้ว ก็จะไม่มีใครได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเลย 15จงระวังให้ดี อย่าให้ใครขาดจากพระคุณของพระเจ้า และอย่าให้มีรากขมขื่นงอกขึ้นมา ก่อความยุ่งยากให้และทำให้หลายคนเป็นมลทิน 16อย่าให้ใครเป็นคนที่ประพฤติผิดทางเพศ หรือเป็นคนไม่นับถือพระเจ้าเหมือนอย่างเอซาว ผู้ขายสิทธิของบุตรหัวปี เพราะเห็นแก่อาหารเพียงมื้อเดียว 17เพราะพวกท่านก็รู้อยู่แล้วว่า ต่อมาภายหลังเมื่อเอซาวอยากได้รับพรนั้นเป็นมรดก เขาก็ถูกปฏิเสธ และไม่พบหนทางแก้ไข แม้ว่าเขาได้แสวงหาพรนั้นจนน้ำตาไหล
 18พวกท่านไม่ได้มาถึงภูเขาที่จะถูกต้องด้วยมือได้ หรือมาถึงไฟที่ไหม้ หรือมาถึงความมืด หรือมาถึงที่มืดมิด หรือมาถึงลมพายุ 19หรือมาถึงเสียงแตร หรือมาถึงพระสุรเสียงตรัส ที่คนเหล่านั้นเมื่อได้ยินแล้วก็อ้อนวอนขอไม่ให้ตรัสกับพวกเขาอีก 20เพราะพวกเขาทนข้อความที่ทรงบัญญัติไว้นั้นไม่ได้ คือที่ว่า “แม้แต่สัตว์ที่แตะต้องภูเขานั้นก็จะถูกขว้างด้วยก้อนหินจนตาย” 21สิ่งที่เห็นนั้นน่ากลัวจริงๆ จนโมเสสเองก็กล่าวว่า “ข้าพเจ้ากลัวจนตัวสั่น”
 22แต่ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านทั้งหลายมาถึงภูเขาศิโยน และมาถึงนครของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ คือนครเยรูซาเล็มแห่งสวรรค์ และมาถึงที่ชุมนุมรื่นเริงของทูตสวรรค์มากมายเหลือที่จะนับได้ 23และมาถึงคริสตจักรของบรรดาบุตรหัวปีผู้มีชื่อจารึกไว้ในสวรรค์แล้ว และมาถึงพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาทุกคน และมาถึงจิตวิญญาณของคนชอบธรรมซึ่งถึงความสมบูรณ์แล้ว 24และมาถึงพระเยซูคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ และมาถึงพระโลหิตประพรมที่กล่าวถึงสิ่งที่ดีกว่าเสียงโลหิตของอาเบล
 25จงระวังให้ดี อย่าปฏิเสธพระองค์ผู้ตรัสอยู่นั้น เพราะถ้าเขาเหล่านั้นไม่พ้นโทษเพราะปฏิเสธพระองค์ผู้ทรงเตือนพวกเขาบนโลก พวกเราผู้เมินหน้าจากพระองค์ผู้ทรงเตือนจากสวรรค์ ก็จะไม่พ้นโทษมากกว่านั้นอีก 26พระสุรเสียงของพระองค์ในเวลานั้นทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน แต่บัดนี้พระองค์ตรัสสัญญาว่า “อีกครั้งหนึ่งเราจะทำให้แผ่นดินไหว อีกทั้งฟ้าสวรรค์ด้วย” 27และพระดำรัสที่ตรัสว่า “อีกครั้งหนึ่ง”นั้น แสดงว่าสิ่งที่สั่นสะเทือนอันได้แก่สิ่งที่ทรงสร้างแล้วนั้นจะถูกเอาออกไป เพื่อให้สิ่งที่ไม่สั่นสะเทือนดำรงอยู่ 28เหตุฉะนั้นเมื่อเราได้รับอาณาจักรที่ไม่สั่นสะเทือนแล้ว ก็ให้เรามีใจขอบพระคุณ โดยเหตุนี้เราจึงนมัสการอย่างที่ชอบพระทัยของพระเจ้า ด้วยความเคารพและด้วยความยำเกรง 29เพราะว่าพระเจ้าของเรานั้นทรงเป็นเพลิงที่เผาผลาญ

อรรถาธิบาย

2. ความบริสุทธิ์

เอ.ดับเบิลยู. โทเซอร์ เขียนไว้ว่า ‘การเติบโตทางฝ่ายจิตวิญญาณสามารถเกิดขึ้นได้มากในช่วงเวลาสั้น ๆ ในการนิ่งสงบต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าด้วยความยำเกรง กว่าการใช้เวลาหลายปีในการศึกษาเรียนรู้’

การนมัสการ คือ การเข้ามา ‘ต่อเบื้องพระพักตร์พระเจ้าด้วยความยำเกรง’ พระเจ้าผู้บริสุทธิ์บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ พระเจ้าของเราเป็น ‘เพลิงที่เผาผลาญ’ (ข้อ 29) คุณถูกเรียกให้เป็นเหมือนพระองค์ ‘จงมุ่งมั่น…ที่จะได้ความบริสุทธิ์ เพราะถ้าปราศจากความบริสุทธิ์แล้ว ก็จะไม่มีใครได้เห็นองค์พระผู้เป็นเจ้า’ (ข้อ 14) ความบริสุทธิ์เกี่ยวข้องกับความมุมานะ ดังที่แม่ชีเทเรซากล่าวว่า ‘การเติบโตในความบริสุทธิ์ของเราขึ้นอยู่กับพระเจ้าและตัวเราเอง คือ ขึ้นอยู่กับพระคุณของพระเจ้าและความตั้งใจของเราที่จะเป็นคนบริสุทธิ์’ คุณสามารถตัดสินใจให้พระเยซูเปลี่ยนแปลงคุณให้บริสุทธิ์ได้

ความสัมพันธ์มีความสำคัญมาก ‘จงมุ่งมั่นที่จะได้อยู่อย่างสงบกับทุกคน’ (ข้อ 14ก) อย่าทำสิ่งที่อาจทำให้คุณพลาดพระคุณของพระเจ้า (พลาดการทรงสถิตที่บริสุทธิ์ของพระองค์) ‘จงระวังวัชพืชแห่งความไม่พอใจที่ขมขื่น พืชหนามหนึ่งหรือสองต้นที่เพาะเมล็ดสามารถทำลายสวนทั้งสวนได้ในเวลาไม่นาน’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) จงดึงรากแห่งความขมขื่นออกมาทันทีเมื่อคุณตรวจพบ

เรามีความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อผู้อื่น ‘อย่าให้ใครเป็นคนที่ประพฤติผิดทางเพศ’ หรือ ‘ไม่ยำเกรงพระเจ้าอย่างเอซาว’ ซึ่งช่วงเวลาแห่งความโมโหหิวได้ละทิ้งสิ่งต่าง ๆ มากมายเพื่อตอบสนองความพึงพอใจเพียงชั่วประเดี๋ยว นั่นถือเป็นการ ‘แลกของประทานตลอดชีวิตของพระเจ้า เพื่อสนองความอยากอาหารระยะสั้น’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ดูความแตกต่างระหว่างภูเขาทางกายภาพซึ่งธรรมบัญญัติมอบไว้ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม กับภูเขาศิโยนแห่งสวรรค์ ซึ่งบัดนี้คุณได้มาเพื่อนมัสการพระเจ้า ลองนึกถึงการสำแดงความบริสุทธิ์ของพระเจ้าอันอัศจรรย์ ควบคู่ไปกับธรรมบัญญัติที่ประทานไว้ ซึ่งแม้แต่โมเสสเองก็เกรงกลัวจนตัวสั่น (ข้อ 18–21)

ทุกครั้งที่คุณนมัสการ คุณจะถูกห้อมล้อมด้วยทูตสวรรค์นับพัน (ข้อ 22ข) รวมถึงการทรงสถิตของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ (ข้อ 23ข) ทุกคนที่ล่วงลับไปในพระคริสต์ก็เข้าร่วมการนมัสการในสวรรค์ (ข้อ 23ค) คุณเองก็ได้เข้าร่วมกับคริสเตียนหลายพันล้านคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้ และในสวรรค์ด้วยเช่นเดียวกัน

สำคัญที่สุดคือทุกครั้งที่คุณนมัสการ ‘ท่านมาพบพระเยซู’ (ข้อ 23, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ผู้ที่ทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้ (ข้อ 24ข) ‘การปลงพระชนม์พระเยซูถือเป็นการประกาศซึ่งพระคุณ ซึ่งแตกต่างจากอาเบลเป็นการฆาตกรรมที่ร้องหาการแก้แค้น’ (ข้อ 24, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระโลหิตของพระคริสต์นำแห่งการชำระ การให้อภัย และสันติสุขกับพระเจ้ามาสู่ทุกคนที่เชื่อในพระองค์

เมื่อคุณมานมัสการพระเยซู ‘ท่านเห็นไหมว่าเราต้องขอบคุณมากแค่ไหน? ไม่เพียงแต่ขอบคุณ แต่ยังเต็มไปด้วยการนมัสการ ยำเกรงอย่างสุดซึ้งต่อพระพักตร์พระเจ้า’ (ข้อ 28, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ข้าพระองค์สามารถเข้ามาที่ทรงสถิตย์ของพระองค์ ผ่านการหลั่งพระโลหิตเพื่อข้าพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์บริสุทธิ์ และนมัสการพระองค์ด้วยความเคารพ และยำเกรงในองค์พระผู้เป็นเจ้า

พันธสัญญาเดิม

เอเสเคียล 28:1-29:21

เผยพระวจนะต่อสู้กษัตริย์ไทระ

 1พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 2“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวแก่เจ้าผู้ครองไทระว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า

เพราะใจของเจ้าผยองขึ้น
 และเจ้าได้กล่าวว่า ‘ข้าเป็นพระเจ้า
ข้านั่งบนที่นั่งของพระเจ้า
 ในใจกลางของทะเล’
แต่เจ้าเป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า
 แม้เจ้าถือว่าความคิดเจ้าเหมือนความคิดพระเจ้า
3ดูสิ เจ้าฉลาดกว่าดาเนียลหรือ?
 ไม่มีความลับใดซ่อนพ้นจากเจ้าได้หรือ?
4ด้วยสติปัญญาและความเข้าใจของเจ้า
 เจ้าหาทรัพย์สมบัติมาสำหรับตน
และเจ้าได้รวบรวมทองคำและเงิน
 มาไว้ในคลังของเจ้า
5ด้วยปัญญามากมายในการค้าขายของเจ้า
 เจ้าได้เพิ่มพูนทรัพย์สมบัติของเจ้าขึ้น
 และใจของเจ้าก็ผยองขึ้นในทรัพย์สมบัติของเจ้า
6ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า
 เพราะเจ้าถือว่าความคิดเจ้า
 เป็นเหมือนความคิดพระเจ้า
7ดังนั้น ดูสิ เราจะนำคนต่างด้าวมาต่อสู้เจ้า
 เป็นพวกทารุณที่สุดในบรรดาประชาชาติ
เขาจะชักดาบออกสู้กับความงามแห่งปัญญาของเจ้า
 และลบหลู่สง่าราศีของเจ้า
8พวกเขาจะผลักเจ้าลงไปในหลุมมรณะ
 แล้วเจ้าจะตายอย่างคนถูกฆ่าที่ใจกลางทะเล
9เจ้ายังจะกล่าวอีกหรือว่า ‘ข้าเป็นพระเจ้า’
 ต่อหน้าคนที่ฆ่าเจ้า?
และเจ้าจะเป็นเพียงมนุษย์ ไม่ใช่พระเจ้า
 ในมือของคนที่แทงเจ้า
10เจ้าจะตายอย่างการตายของคนไม่เข้าสุหนัต
 ด้วยมือของพวกคนต่างด้าว
 เพราะเราได้ลั่นวาจาแล้ว” พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ

บทคร่ำครวญเรื่องกษัตริย์ไทระ

 11พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 12“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงกล่าวบทคร่ำครวญเพื่อกษัตริย์ไทระ และจงกล่าวกับเขาว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า

เจ้าเป็นแบบอย่างของความสมบูรณ์
 เต็มด้วยสติปัญญาและมีความงามพร้อม
13เจ้าอยู่ในสวนเอเดน พระอุทยานของพระเจ้า
 อัญมณีทุกอย่างเป็นเครื่องแต่งกายของเจ้า
คือคาร์เนเลียน เพอริโด เพชร
 เบริล โอนิกซ์ และแจสเพอร์
ไพลิน เทอร์คอยซ์ และมรกต
 อัญมณีเหล่านี้ฝังในทองคำ
ที่แกะสลักเป็นลวดลาย
 สิ่งเหล่านั้นจัดเตรียมไว้แล้ว
 ในวันที่เจ้าถูกสร้างขึ้นมา
14เราแต่งตั้งเจ้าไว้โดยมีเครูบเป็นผู้พิทักษ์
 เจ้าอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์ของพระเจ้า
 และเจ้าเดินอยู่ท่ามกลางศิลาเพลิง
15เจ้าปราศจากตำหนิในวิถีทางของเจ้า
 ตั้งแต่วันที่เจ้าถูกสร้างขึ้น
 จนเมื่อพบบาปชั่วในตัวเจ้า
16ในการค้ามากมายของเจ้านั้น
 เจ้าเต็มไปด้วยการทารุณ และเจ้าทำบาป เราขับเจ้าไปจากภูเขาของพระเจ้าอย่างไร้เกียรติ
 และเครูบผู้พิทักษ์นั้นก็ขับเจ้าออกไป
 จากท่ามกลางศิลาเพลิง
17ใจเจ้าผยองขึ้นเพราะความงามของเจ้า
 เจ้าทำให้ปัญญาของเจ้าวิปริตไป เนื่องด้วยความสง่างามของเจ้า
เราเหวี่ยงเจ้าลงบนดินแล้ว
 เราให้เจ้าถูกกษัตริย์ทั้งหลายมองอย่างดูแคลน
18เจ้าทำให้สถานนมัสการของเจ้าเสื่อมเกียรติ
 ด้วยความผิดบาปมากมายในการค้าอธรรมของเจ้า
เราจึงนำไฟมาจากท่ามกลางเจ้า
 ไฟก็เผาผลาญเจ้า
เราทำให้เจ้ากลายเป็นเถ้าถ่านบนพื้นโลก
 ในสายตาของทุกคนที่เห็นเจ้า
19ทุกคนที่รู้จักเจ้าท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย
 ต่างก็ตกตะลึงเพราะเจ้า
เจ้าสูญสิ้นไปอย่างน่าครั่นคร้าม
 และจะไม่ดำรงต่อไปเป็นนิตย์”
 การเผยพระวจนะต่อสู้เมืองไซดอน

 20พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 21“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมุ่งหน้าของเจ้าต่อสู้ไซดอน และเผยพระวจนะต่อสู้เมืองนั้น 22และกล่าวว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า

นี่แน่ะ ไซดอน เราเป็นปฏิปักษ์กับเจ้า
 เราจะรับเกียรติท่ามกลางเจ้า
และพวกเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์
 เมื่อเรานำการพิพากษามายังเมืองนั้น
 และสำแดงความบริสุทธิ์ของเราในเมืองนั้น
23และเราจะส่งโรคระบาดมาในเมืองนั้น
 และส่งโลหิตเข้ามาในถนนของเมืองนั้น
คนที่ถูกฆ่าจะล้มลงในเมืองนั้น
 ด้วยดาบที่ต่อสู้เมืองนั้นจากทุกด้าน
 แล้วพวกเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์
24“ส่วนพงศ์พันธุ์อิสราเอลนั้น จะไม่มีหนามที่แทง หรือหนามใหญ่ที่ทิ่มให้ปวดอีก ซึ่งมาจากพวกที่อยู่รอบๆ พวกเขาทั้งหมดซึ่งเคยดูหมิ่นเขา แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือยาห์เวห์องค์เจ้านาย”

การอวยพรอิสราเอลในอนาคต

 25พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า “เมื่อเรารวบรวมพงศ์พันธุ์อิสราเอลจากท่ามกลางชนชาติทั้งหลายที่พวกเขาถูกกระจายไปอยู่นั้น เราจะสำแดงความบริสุทธิ์ของเราท่ามกลางพวกเขาต่อหน้าต่อตาประชาชาติทั้งหลาย แล้วพวกเขาจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินของเขาเอง ซึ่งเราได้ให้แก่ยาโคบผู้รับใช้ของเรา 26เขาทั้งหลายจะอาศัยอยู่ที่นั่นอย่างปลอดภัย เออ เขาจะสร้างบ้านเรือนและปลูกสวนองุ่น พวกเขาจะอาศัยอยู่อย่างปลอดภัยเมื่อเราทำการพิพากษาทุกคนที่อยู่รอบๆ เขาและได้ดูหมิ่นเขา แล้วเขาทั้งหลายจะรู้ว่า เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเขา”

เอเสเคียล 29

การเผยพระวจนะต่อสู้อียิปต์

 1ในวันที่ 12 เดือนที่ 10 ปีที่ 10 พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 2“บุตรมนุษย์เอ๋ย จงมุ่งหน้าต่อสู้ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์ จงเผยพระวจนะต่อสู้กษัตริย์และต่อสู้อียิปต์ทั้งหมด 3พูดไปเถิดและกล่าวว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า

นี่แน่ะ เราเป็นปฏิปักษ์กับเจ้า
 ฟาโรห์กษัตริย์แห่งอียิปต์
ผู้เป็นจระเข้ยักษ์ที่ยิ่งใหญ่
 นอนอยู่กลางลำธารทั้งหลายของมัน
ผู้กล่าวว่า ‘แม่น้ำไนล์ของข้าก็เป็นของข้าเอง
 ข้าสร้างมันขึ้นเพื่อตัวเอง’
4แต่เราจะเอาเบ็ดเกี่ยวขากรรไกรเจ้า
 และทำให้ปลาในลำธารของเจ้าติดกับเกล็ดของเจ้า
แล้วเราจะลากเจ้าขึ้นมาจากกลางลำธารทั้งหลายของเจ้า
 พร้อมกับปลาในลำธารทั้งหลายของเจ้า
 ซึ่งติดอยู่กับเกล็ดของเจ้า
5เราจะเหวี่ยงเจ้าเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร
ทั้งตัวเจ้าและปลาในลำธารทั้งหลายของเจ้า
 เจ้าจะตกลงไปบนพื้นทุ่ง
เจ้าจะไม่ถูกเก็บหรือรวบรวมไว้
 เรามอบเจ้าไว้ให้เป็นอาหาร
 ของสัตว์บนดินและนกในอากาศ
6แล้วคนที่อยู่ในอียิปต์ทั้งหมดจะรู้ว่า
 เราคือยาห์เวห์ เพราะเจ้าเป็นไม้เท้าจากต้นอ้อ
 สำหรับพงศ์พันธุ์อิสราเอล
7เมื่อพวกเขาเอามือของเขายึดเจ้า เจ้าก็แตกออก
 และบาดบ่าของเขาทุกคน
และเมื่อเขาทั้งหลายพิงเจ้า เจ้าก็หัก
 เมื่อพยุงให้พวกเขายืน เอวก็ยอก

 8“ดังนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะนำดาบมาเหนือเจ้าและฟันมนุษย์และสัตว์ให้ขาดจากเจ้าเสีย 9แผ่นดินอียิปต์จะเป็นที่ร้างเปล่าและเป็นซากปรักหักพัง แล้วเขาทั้งหลายจะทราบว่า เราคือยาห์เวห์ เพราะเจ้ากล่าวว่า ‘แม่น้ำไนล์เป็นของข้า และข้าสร้างมัน’ 10เพราะฉะนั้น ดูสิ เราเป็นปฏิปักษ์กับเจ้าและลำธารทั้งหลายของเจ้า เราจะทำให้แผ่นดินอียิปต์ย่อยยับหมดและร้างเปล่า ตั้งแต่มิกดลถึงสิเอเน ไกลไปจนถึงพรมแดนของคูช 11จะไม่มีเท้ามนุษย์ข้ามแผ่นดินนั้น และไม่มีเท้าสัตว์ข้ามแผ่นดินนั้น จะไม่มีใครอาศัยอยู่ถึง 40 ปี 12และเราจะทำให้แผ่นดินอียิปต์เป็นที่รกร้างท่ามกลางประเทศร้างเปล่าทั้งหลาย และเมืองต่างๆ ของอียิปต์จะร้างเปล่าอยู่ 40 ปีท่ามกลางเมืองที่รกร้างทั้งหลาย เราจะให้คนอียิปต์กระจัดกระจายไปท่ามกลางประชาชาติ และกระจายพวกเขาไปตามประเทศต่างๆ
 13“ถึงกระนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า เมื่อสิ้น 40 ปีแล้ว เราจะรวบรวมคนอียิปต์จากท่ามกลางชนชาติทั้งหลาย ซึ่งเขากระจัดกระจายไปอยู่นั้น 14และเราจะให้อียิปต์กลับจากการถูกกวาดเป็นเชลยและนำพวกเขากลับมายังแผ่นดินปัทโรสซึ่งเป็นแผ่นดินดั้งเดิมของเขา และเขาทั้งหลายจะเป็นอาณาจักรต่ำต้อยที่นั่น 15จะเป็นอาณาจักรที่ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรทั้งหลาย และจะไม่อาจยกตนขึ้นเหนือประชาชาติทั้งหลายอีกเลย และเราจะทำให้พวกเขาเป็นอาณาจักรเล็กจนไม่สามารถปกครองประชาชาติอื่นได้ 16และจะไม่เป็นที่วางใจของพงศ์พันธุ์อิสราเอลอีก ซึ่งจะทำให้สำนึกถึงความผิดบาปของพวกเขาที่หันไปพึ่งพาอียิปต์ แล้วพวกเขาจะรู้ว่า เราคือยาห์เวห์องค์เจ้านาย”

บาบิโลนจะปล้นอียิปต์

 17เมื่อวันที่ 1 เดือนที่ 1 ในปีที่ 27 พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้าว่า 18“บุตรมนุษย์เอ๋ย เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลน ได้ขับเคลื่อนกองทัพมาต่อสู้กับไทระอย่างหนัก ศีรษะทุกศีรษะก็ล้าน และบ่าทุกบ่าก็ถลอก ถึงกระนั้นเขาเองหรือกองทัพของเขาก็ไม่ได้อะไรไปจากไทระ เป็นค่าแรงที่เขาได้ต่อสู้กับเมืองนั้น 19เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า นี่แน่ะ เราจะมอบแผ่นดินอียิปต์แก่เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์บาบิโลน แล้วเขาจะขนทรัพย์สมบัติไป ปล้นของปล้น และริบเอาของริบไป และสิ่งเหล่านี้จะเป็นค่าแรงกองทัพของเขา 20เราได้มอบแผ่นดินอียิปต์แก่เขาเพื่อเป็นค่าจ้างในการต่อสู้ซึ่งเขาทั้งหลายได้ทำให้เรา พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสดังนี้แหละ
 21“ในวันนั้นเราจะทำให้เขาสัตว์งอกขึ้นมาแก่พงศ์พันธุ์อิสราเอล และเราจะให้เจ้าอ้าปากพูดท่ามกลางเขาทั้งหลาย แล้วเขาจะรู้ว่าเราคือยาห์เวห์”

อรรถาธิบาย

3. ความถ่อมใจ

ความบริสุทธิ์และความถ่อมใจมีความเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก พระเยซูทรงสำแดงให้เราเห็นว่าหัวใจของความบริสุทธิ์คือความถ่อมใจ ในทางกลับกัน ความจองหองคือรากเหง้าของความบาปทั้งหมด เป็นความเย่อหยิ่งที่นำไปสู่ความหายนะของซาตาน

จากมุมมองในพระคัมภีร์ ซาตานอยู่เบื้องหลังความชั่วร้ายทั้งหมดในโลกนี้ คำภาษากรีกสำหรับซาตาน คือ diablos แปลมาเป็นภาษาฮีบรูว่า ซาตาน ไม่มีใครเล่าให้เราฟังมากเกี่ยวกับที่มาของซาตานในพระคัมภีร์ แต่พระคัมภีร์ตอนนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ข้อ ที่อาจบอกใบ้ถึงที่มาของซาตาน

ถึงแม้ว่าบริบทดั้งเดิมคือการล่มสลายของกษัตริย์เมืองไทระผู้ที่ครอบครองโลกนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นซาตาน (2 โครินธ์ 4:4) ที่อยู่เบื้องหลังกษัตริย์ของเมืองไทระ

ให้อ่านควบคู่ไปกับอิสยาห์ 14:12–23 และวิวรณ์ 12 ดูเหมือนว่าทั้งมนุษย์และซาตานได้รับการสร้างมาเป็นอย่างดี ‘เจ้าเป็นแบบอย่างของความสมบูรณ์ เต็มด้วยสติปัญญาและมีความงามพร้อม เจ้าอยู่ในสวนเอเดน พระอุทยานของพระเจ้า’ (เอเสเคียล 28:12–13) สิ่งปรากฏให้เห็นว่าซาตานเคยเป็นทูตสวรรค์มาก่อน ‘เราแต่งตั้งเจ้าไว้โดยมีเครูบเป็นผู้พิทักษ์ เจ้าอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์ของพระเจ้า’ (ข้อ 14) ครั้งหนึ่งซาตานเข้าถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณและการประทับอยู่ของพระเจ้า และปราศจากตำหนิในวิถีทางของมัน (ข้อ 15)

แทนที่จะนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าบนภูเขา ‘ใจของเขาก็หยิ่งผยองและพูดว่า "ข้าเป็นพระเจ้า ข้านั่งบนบัลลังก์ของพระเจ้า ปกครองท้องทะเล”’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) มันกำลัง ‘พยายามจะเป็นพระเจ้า’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘ด้วยปัญญามากมายในการค้าขายของเจ้าเจ้าได้เพิ่มพูนทรัพย์สมบัติของเจ้าขึ้น และใจของเจ้าก็ผยองขึ้นในทรัพย์สมบัติของเจ้า’ (ข้อ 5)

ไม่ว่าจะเป็นทักษะ และความมั่งคั่ง ต่างสามารถนำไปสู่ความเย่อหยิ่งได้ รวมถึงการมีรูปลักษณ์ที่ดีก็เช่นกัน ‘ใจเจ้าผยองขึ้นเพราะความงามของเจ้า เจ้าทำให้ปัญญาของเจ้าวิปริตไป เนื่องด้วยความสง่างามของเจ้า’ (ข้อ 17)

นี่คือคำอธิบายของการบูชาตัวเอง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเราวางความสำเร็จของเราลงไปที่สติปัญญา ทักษะ และความสามารถของเราเอง (ข้อ 4) โดยไม่ทราบว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้และเราควรนมัสการพระองค์เพียงผู้เดียว สิ่งล่อลวงคือการบูชาความสำเร็จ ความมั่งคั่ง และความงาม แทนที่เราจะนมัสการพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ นั่นเป็นดั่งพระแห่งวัฒนธรรมของเรา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็น ‘สิ่งเสแสร้งว่าเป็นพระเจ้า’ (ข้อ 7,พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้านำคนเย่อหยิ่งลงมาและยกย่องผู้ต่ำต้อย ผลของความเย่อหยิ่งและบาป ซาตานจึงถูกขับออกจากที่ประทับของพระเจ้า ‘เจ้าทำบาป เราขับเจ้าไปจากภูเขาของพระเจ้าอย่างไร้เกียรติ’ (ข้อ 16) ‘เราเหวี่ยงเจ้าลงบนดินแล้ว’ (ข้อ 17; ดูอิสยาห์ 14:12; ลูกา 10:18) ความพินาศสุดท้ายของซาตานนั้นเป็นที่แน่นอน (เอเสเคียล 28:18ข–19) พระเยซูเอาชนะซาตานด้วยการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์

ท่าทีของพระเยซูตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับท่าทีของซาตาน พระองค์ใช้เส้นทางตรงกันข้าม ‘ผู้ทรงสภาพเป็นพระเจ้า... ไม่ทรงถือว่า... พระองค์ทรงถ่อมตัวลง ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งมรณาบนไม้กางเขน! เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงยกพระองค์ขึ้นสูงสุด และประทานพระนามเหนือนามทั้งหมดแก่พระองค์ เพื่อที่ว่าเพราะพระนามของพระเยซูนั้น ทุกชีวิตในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก และใต้พื้นแผ่นดินโลก และเพื่อที่ว่าทุกลิ้นจะยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา’ (ฟีลิปปี 2:6-11)

จงนมัสการพระเยซูในวันนี้ ขณะที่คุณได้ใกล้ชิดพระองค์ตลอดชีวิตของคุณ คุณจะได้รับประสบการณ์แห่งผลดีเหล่านี้ นั่นคือความสุข ความบริสุทธิ์ และความถ่อมใจ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ ข้าพระองค์คุกเข่านมัสการพระองค์ และยอมรับว่าพระองค์ทรงเป็นพระยาห์เวห์ แด่พระสิริของพระเจ้า พระบิดา

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ฮีบรู 12:14

‘จงมุ่งมั่นที่จะอยู่อย่างสงบกับทุกคนและที่จะได้ความบริสุทธิ์เพราะถ้าปราศจากความบริสุทธิ์แล้ว ก็จะไม่มีใครได้เห็นพระเจ้าเลย’

เราต้องพยายามมุ่งมั่นที่จะอยู่อย่างสงบกับทุกคน ความไม่มั่นคง ความไม่เข้าใจ และความผิดพลาดบ่อยครั้งจะเป็นอุปสรรค และเพื่อการมีชีวิตบริสุทธิ์นั้น เป็นอะไรที่ช่างท้าท้ายจริง ๆ!

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม