เวลาของพระเจ้านั้นสมบูรณ์แบบ
เกริ่นนำ
พระเจ้าทรงรู้จังหวะเวลาของพระองค์เอง ‘คือวันเดียวของพระเจ้าเป็นเหมือนกับพันปี และพันปีก็เป็นเหมือนกับวันเดียว’ (2 เปโตร 3:8) ทรงมีจังหวะเวลาที่สมบูรณ์แบบ ไม่เคยเร็วไปและไม่เคยสายไป พระเจ้าไม่เคยรีบร้อน แต่พระองค์ทันเวลาเสมอ
เราเห็นในเนื้อหาของวันนี้ว่า พระเจ้าทรงปกครองเหนืออนาคต (ดาเนียล 4:32) ‘เราจึงคอยท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่’ (2 เปโตร 3:13) พระเจ้าจะทรงประทานความเป็นธรรมแก่คนของพระองค์ (สดุดี 135:14)
แต่คุณจะทำอย่างไร ในขณะที่คุณกำลังรอให้พระเจ้าทำในสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้?
สดุดี 135:13-21
13ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระนามของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์
ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเกียรติคุณของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์
14เพราะพระยาห์เวห์จะประทานความเป็นธรรมแก่ประชากรของพระองค์
และทรงพระกรุณาแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์
15รูปเคารพของบรรดาประชาชาติเป็นเงินและทองคำ
เป็นผลงานของมือมนุษย์
16รูปเหล่านั้นมีปาก แต่พูดไม่ได้
มีตา แต่ดูไม่ได้
17มีหู แต่ฟังไม่ได้
ทั้งไม่มีลมหายใจในปากของรูปเหล่านั้น
18ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเหล่านั้น
ทุกคนที่วางใจในรูปเหล่านั้นก็เช่นกัน
19วงศ์วานอิสราเอลเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
วงศ์วานอาโรนเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
20วงศ์วานเลวีเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
ท่านผู้ยำเกรงพระยาห์เวห์เอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์
21สาธุการแด่พระยาห์เวห์จากศิโยน
พระองค์ผู้ทรงพำนักอยู่ในเยรูซาเล็ม
สรรเสริญพระยาห์เวห์
อรรถาธิบาย
วางใจในพระเจ้า
เมื่อคำอธิษฐานของคุณดูเหมือนจะไม่ได้รับคำตอบ คุณอาจถูกล่อลวงให้เลิกวางใจพระเจ้าและเริ่มไล่ตาม ‘พระ’ อื่น ๆ
การวางใจในพระเจ้าอาจดูล้าสมัยไปหน่อย แต่ผู้เขียนพระธรรมสดุดีกล่าวว่า ‘พระเจ้า พระนามของพระองค์เป็นนิรันดร์ พระเจ้า พระองค์จะไม่มีวันล้าสมัย’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ความจริงที่ยิ่งใหญ่ในพระคัมภีร์คือคุณเป็นเหมือนสิ่งที่คุณวางความเชื่อทั้งหมดไว้ หากคุณเชื่อและวางใจใน ‘พระอื่น ๆ’ ที่ทำด้วยเงินหรือทอง คุณก็จะเป็นเหมือนพระเหล่านั้นคือไร้ซึ่งชีวิตจิตวิญญาณ ตาบอด และหูหนวก (ข้อ 16–18) แต่หากคุณวางใจในพระเจ้า คุณจะเต็มไปด้วยชีวิตและความปิติเมื่อคุณเป็นเหมือนดั่งพระองค์
จงวางใจในพระเจ้า ‘เพราะพระยาห์เวห์จะประทานความเป็นธรรมแก่ประชากรของพระองค์ และทรงพระกรุณาแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์’ (ข้อ 14) ‘พระเจ้ายืนหยัดเพื่อประชากรของพระองค์ พระเจ้าจับมือประชากรของพระองค์’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ดังนั้น คุณจึงถูกเรียกให้สรรเสริญและถวายเกียรติแด่พระเจ้า (ข้อ 19–21)
พึ่งพาพระเจ้าอย่างเต็มกำลังและมองไปที่พระองค์เพื่อที่พระองค์จะประทานความชอบธรรมให้แก่คุณ เมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นไปตามที่คุณต้องการให้คุณอดทนไว้ อย่าพยายามเกินหน้าพระเจ้า เวลาของพระองค์นั้นสมบูรณ์แบบ ให้เราวางใจในองค์พระองค์
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ผู้เดียว โปรดช่วยให้ข้าพระองค์เป็นเหมือนพระองค์ คือเต็มไปด้วยความรัก ความยินดี และสันติสุข
2 เปโตร 3:1-18
พระสัญญาเรื่องการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้า
1ท่านที่รักทั้งหลาย นี่เป็นจดหมายฉบับที่สองที่ข้าพเจ้าเขียนถึงพวกท่าน และในจดหมายทั้งสองฉบับนั้น ข้าพเจ้าได้สะกิดใจอันซื่อสัตย์ของพวกท่านด้วยการเตือนความจำ 2เพื่อพวกท่านจะระลึกถึงถ้อยคำที่พวกผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์ได้กล่าวไว้เมื่อก่อน และระลึกถึงบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดที่ตรัสทางบรรดาอัครทูตของพวกท่าน 3ก่อนอื่นพึงรู้ข้อนี้คือ ในวาระสุดท้ายพวกที่ชอบเยาะเย้ยจะมาเยาะเย้ย และทำตามตัณหาของตนเอง 4และจะถามว่า “พระสัญญาว่าพระองค์จะเสด็จมานั้นอยู่ที่ไหน? เพราะว่าตั้งแต่บรรพบุรุษล่วงหลับไปแล้ว ทุกสิ่งก็เป็นอยู่เหมือนเดิมตั้งแต่ทรงสร้างโลก” 5เพราะว่าพวกเขาจงใจลืมข้อนี้เสีย คือโดยพระวจนะของพระเจ้า ฟ้าได้อุบัติขึ้นตั้งแต่โบราณ และแผ่นดินได้เกิดออกมาจากน้ำและด้วยน้ำ 6โดยน้ำนั้นเอง โลกในเวลานั้นก็ได้ถูกทำลายไปด้วยน้ำท่วม 7และโดยพระวจนะเดียวกันนั้นเอง ฟ้าและแผ่นดินในปัจจุบัน ก็เก็บรักษาไว้สำหรับไฟ ถูกเก็บไว้จนกว่าจะถึงวันพิพากษาและวันหายนะของบรรดาคนอธรรม
8แต่ท่านที่รักทั้งหลาย อย่ามองข้ามความจริงข้อนี้เสีย คือวันเดียวของพระเจ้าเป็นเหมือนกับพันปี และพันปีก็เป็นเหมือนกับวันเดียว 9องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่ทรงอดทนกับพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่ 10แต่วันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมย และในวันนั้น ฟ้าจะหายลับไปด้วยเสียงดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินกับสิ่งสารพัดที่มีอยู่บนนั้นจะถูกเผาจนหมดสิ้น
11เมื่อเห็นแล้วว่าทุกสิ่งจะต้องสลายไปเช่นนี้ พวกท่านควรจะเป็นคนแบบไหนในการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์และที่ยำเกรงพระเจ้า 12จงเฝ้ารอและเร่งวันของพระเจ้าให้มาถึง ซึ่งวันนั้นท้องฟ้าจะถูกเผาจนสลายไป และโลกธาตุก็จะสลายไปด้วยไฟ 13แต่ว่าตามพระสัญญาของพระองค์นั้น เราจึงคอยท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ ที่ความชอบธรรมจะดำรงอยู่
14เพราะฉะนั้น ท่านที่รักทั้งหลาย เมื่อพวกท่านกำลังคอยและเร่งสิ่งเหล่านี้อยู่ ก็จงให้พระองค์ทรงพบพวกท่านมีใจสงบ ปราศจากมลทินและข้อตำหนิ 15และจงถือว่าความอดทนขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นโอกาสให้คนรอด ดังที่เปาโลน้องที่รักของเราได้เขียนจดหมายถึงพวกท่าน ตามสติปัญญาที่ประทานแก่เขานั้น 16ในจดหมายทุกฉบับของเขาก็ได้กล่าวถึงเหตุการณ์เหล่านี้ไว้แล้ว ในจดหมายเหล่านั้นมีบางอย่างที่เข้าใจยาก ซึ่งคนทั้งหลายที่รู้เท่าไม่ถึงการ และมีใจไม่มั่นคงได้บิดเบือนข้อความเสีย เหมือนอย่างที่เขาได้บิดเบือนข้ออื่นๆ ในพระคัมภีร์ อันเป็นเหตุให้ตนเองพินาศ 17เพราะฉะนั้น ท่านที่รักทั้งหลาย เมื่อพวกท่านรู้เรื่องนี้ก่อนแล้ว พวกท่านก็จงระวังให้ดี เพื่อไม่ให้หลงไปตามการผิดของคนชั่ว และสูญเสียความมั่นคงของพวกท่าน 18แต่ขอพวกท่านจงเจริญขึ้นในพระคุณและในความรู้ของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา ขอพระเกียรติจงมีแด่พระองค์ทั้งในปัจจุบันนี้และตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน
อรรถาธิบาย
หันมาหาพระเจ้า
เมื่อคุณมองไปที่ความชั่วร้ายทั้งหมดในโลก ทั้งสงคราม ความรุนแรง การทรมานเชิงระบบของรัฐ อาชญากรรมที่น่าสยดสยอง และความทุกข์ทรมานนานับประการ คุณอาจสงสัยว่าทำไมพระเยซูไม่เสด็จกลับมาตอนนี้และจัดการทั้งหมดให้สิ้นไป
ทำไมพระเจ้าถึงล่าช้า? ทำไมพระเจ้ายังไม่เสด็จกลับมา?
เปโตรเตือนเราว่าผู้คนจะเยาะเย้ยเราและพูดว่า ‘เกิดอะไรขึ้นกับพระสัญญาถึงการเสด็จมาของพระองค์?’ (ข้อ 4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาบอกว่ามีเหตุผลที่ดีมากสำหรับความล่าช้านี้ เหตุผลที่พระยาห์เวห์ยังไม่เสด็จมา นั่นก็เพื่อให้เวลาผู้คนกลับใจมากขึ้น
พระเจ้าไม่ทรงรีบเร่ง ‘แต่ท่านที่รักทั้งหลาย อย่ามองข้ามความจริงข้อนี้เสีย คือวันเดียวของพระเจ้าเป็นเหมือนกับพันปี และพันปีก็เป็นเหมือนกับวันเดียว’ (ข้อ 8)
พระเจ้าไม่ทรงเชื่องช้าในการรักษาพระสัญญา แต่ความล่าช้านั้นมาจากความอดทนของพระองค์ ‘ทรงอดทนกับพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่’ (ข้อ 9) พระเจ้าไม่ได้มาสายด้วยพระสัญญาของพระองค์ที่บางคนว่าอาจมองว่าสายเกินไป ‘แต่ทรงยับยั้งพระองค์เองไว้เพื่อคุณ ทรงยืดจุดจบไว้เพราะพระองค์ไม่ต้องการให้ใครหลงทางไป ทรงให้พื้นที่และเวลาแก่ทุกคนในการเปลี่ยนแปลง’ (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
การกลับใจเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเปลี่ยนทิศทางในชีวิตคุณ เป็นการหันหลังให้จากสิ่งเลวร้ายทั้งหมดและหันไปหาพระเยซู การให้เวลาผู้คนกลับใจคือการที่พระเจ้าทรงเปิดประตูความรอดด้วยความรัก ‘จงตีความการยับยั้งชั่งใจขององค์เจ้านายของเราว่าคืออะไร นั่นคือ ความรอด’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
หัวข้อเรื่องความรอดนี้ เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญในจดหมายของเปาโล และ ณ จุดนี้เปโตรได้อ้างถึงจดหมายเหล่านั้น ซึ่งผมเองรู้สึกได้รับการหนุนใจที่เขาอธิบายว่าบางครั้ง ‘เข้าใจยาก’ (ข้อ 16) เพราะหากคุณพยายามทำความเข้าใจ แสดงว่าคุณเป็นพวกเดียวกัน!
ที่สำคัญคือ เปโตรเปรียบเทียบข้อพระคัมภีร์เหล่านี้กับพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม (‘ข้ออื่น ๆ ในพระคัมภีร์’, ข้อ 16) ในการทำเช่นนั้น เขาแสดงให้เห็นว่าคริสตจักรยุคแรกและอัครทูตเข้าใจงานเขียนในพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ว่ามีสิทธิอำนาจของพระเจ้าเช่นเดียวกับพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิม
พระเจ้าจะเสด็จมาในเวลาที่เราไม่คาดคิด (‘เหมือนอย่างขโมย’, ข้อ 10) โลกที่เรารู้จักจะ ‘สลายไปด้วยไฟ’ (ข้อ 10) จะมี ‘ท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่’ (ข้อ 13) นิมิตแห่งอนาคตในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ไม่ใช่ผู้คนจำนวนมาก ‘ขึ้นสู่สวรรค์’ แต่จะมี ‘ท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่’ (ข้อ 13)
มีหลายครั้งที่เปโตรชี้ให้เห็นว่าพระเจ้าสัตย์ซื่อต่อพระวจนะและพระสัญญาของพระองค์ (ข้อ 2,5,7,9,13) ความจริงก็คือสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
วิธีเตรียมตัวสำหรับอนาคตที่แน่นอนแต่ล่าช้าคือ ‘ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์’ และ ‘คาดหวังวันของพระเจ้าทุกวัน กระตือรือร้นรอในการมา’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และ ‘ใช้ชีวิตอย่างดีที่สุด ในความบริสุทธิ์และสันติสุข’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และเพื่อ ‘เติบโตในพระคุณและความเข้าใจองค์เจ้านายและพระผู้ช่วยให้รอดของเราคือพระเยซูคริสต์’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พระคุณคือความรักที่เราไม่สมควรได้รับ คุณเติบโตขึ้นในพระคุณเมื่อคุณหันไปหาพระเจ้า พึ่งพาพระองค์ในทุกสถานการณ์ที่คุณเผชิญ นำความต้องการของคุณมาหาพระองค์ทุกวัน ตามที่คุณคาดหวังอย่างกระตือรือร้นว่าพระองค์จะเสด็จกลับมา
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขณะที่ข้าพระองค์รอคอยการเสด็จกลับมาของพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์ให้ดำเนินชีวิตให้บริสุทธิ์และอยู่ในทางของพระองค์ ‘มีใจสงบ (กับพระองค์) ปราศจากมลทินและข้อตำหนิ’ (2 เปโตร 3:14)
ดาเนียล 4:19-5:16
19แล้วดาเนียล ผู้มีชื่อว่าเบลเทชัสซาร์ตะลึงอยู่ประเดี๋ยวหนึ่ง ความคิดของท่านก็ทำให้ท่านตกใจ กษัตริย์ตรัสว่า “เบลเทชัสซาร์เอ๋ย อย่าให้ความฝันหรือคำแก้ความฝันทำให้ท่านตกใจเลย” เบลเทชัสซาร์ทูลตอบว่า “เจ้านายของข้าพระบาท ขอให้ความฝันนั้นเป็นของบรรดาศัตรูของพระองค์เถิด และขอให้คำแก้ความฝันนั้นตกแก่พวกอริของพระองค์ 20ต้นไม้ที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตร ซึ่งเติบโตขึ้นและแข็งแรง จนยอดขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ และแม้จะอยู่ถึงสุดปลายพิภพ ก็ยังมองเห็น 21ใบงดงามและผลก็อุดมสมบูรณ์ และจากต้นไม้นั้น มีอาหารให้แก่สิ่งมีชีวิตทั้งปวง สัตว์ในท้องทุ่งอาศัยอยู่ใต้ร่มของมัน นกบนฟ้าก็ทำรังอยู่ที่กิ่งก้านของมัน 22ข้าแต่พระราชา นี่คือฝ่าพระบาทเอง ผู้ทรงเจริญและเข้มแข็ง ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้เจริญขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ และการครอบครองของพระองค์ไปถึงสุดปลายพิภพ 23และที่พระราชาทอดพระเนตรทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์ลงมาจากฟ้าสวรรค์ และพูดว่า ‘โค่นต้นไม้นี้ลงและทำลายเสีย แต่จงปล่อยให้ตอรากติดอยู่ในดิน มีแถบเหล็กและทองสัมฤทธิ์ล่ามไว้ ให้อยู่ท่ามกลางหญ้าอ่อนในทุ่งนา ให้เปียกน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ ให้อยู่ร่วมกับสัตว์ในท้องทุ่ง และปล่อยให้อยู่อย่างนั้นจนครบเจ็ดวาระ’ 24ข้าแต่พระราชา ต่อไปนี้เป็นคำแก้พระสุบิน เป็นพระราชกฤษฎีกามาจากพระผู้สูงสุด ซึ่งมาถึงพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทว่า 25ฝ่าพระบาทจะทรงถูกขับไล่ไปจากท่ามกลางมนุษย์ และฝ่าพระบาทจะอยู่กับสัตว์ในท้องทุ่ง ฝ่าพระบาทจะต้องเสวยหญ้าอย่างกับโค และต้องเปียกน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ จะเป็นอยู่อย่างนั้นจนครบเจ็ดวาระ จนกว่าฝ่าพระบาทจะทราบว่า พระผู้สูงสุดนั้นทรงปกครองราชอาณาจักรของมนุษย์ และพระองค์จะประทานราชอาณาจักรนั้นแก่ผู้ที่พระองค์พอพระทัย 26และที่ทรงบัญชาให้เหลือตอรากต้นนั้นไว้ก็หมายความว่า ราชอาณาจักรจะยังเป็นของฝ่าพระบาท เมื่อฝ่าพระบาททรงยอมรับว่าการปกครองนั้นเป็นของสวรรค์ 27ข้าแต่พระราชา เพราะฉะนั้นขอทรงรับคำแนะนำของข้าพระบาท ขอฝ่าพระบาททรงเลิกทำบาปเสียโดยการทำความชอบธรรม และเลิกทำบาปชั่วโดยการสำแดงความกรุณาต่อผู้ถูกบีบบังคับ เผื่อว่าความเจริญของฝ่าพระบาทอาจจะยืดยาวไปอีกได้”
ความอัปยศของเนบูคัดเนสซาร์
28สิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นได้เกิดขึ้นแก่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ 29ต่อมาอีกสิบสองเดือน พระองค์ทรงดำเนินอยู่บนดาดฟ้าพระราชวังที่บาบิโลน 30แล้วกษัตริย์ตรัสว่า “นี่เป็นมหาบาบิโลน ซึ่งเราได้สร้างไว้ด้วยอำนาจใหญ่ยิ่งของเรา ให้เป็นพระราชฐานและเพื่อเป็นศักดิ์ศรีอันสูงส่งของเรามิใช่หรือ?” 31เมื่อกษัตริย์ตรัสยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ว่า “โอ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ เราประกาศแก่เจ้าว่า ราชอาณาจักรได้พรากไปจากเจ้าแล้ว 32และเจ้าจะถูกขับไล่ไปจากท่ามกลางมนุษย์ เจ้าจะอยู่กับสัตว์ในท้องทุ่ง จะต้องกินหญ้าอย่างกับโค จะเป็นอยู่อย่างนั้นจนครบเจ็ดวาระ จนกว่าเจ้าจะเรียนรู้ได้ว่า พระผู้สูงสุดทรงปกครองบรรดาราชอาณาจักรของมนุษย์ และประทานราชอาณาจักรเหล่านั้นแก่ผู้ที่พระองค์พอพระทัย” 33ในทันใดนั้นเอง พระดำรัสเกี่ยวกับเนบูคัดเนสซาร์ก็สำเร็จ พระองค์ทรงถูกขับไล่ไปจากท่ามกลางมนุษย์ และเสวยหญ้าอย่างกับโค และพระกายก็เปียกน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ จนขนงอกยาวอย่างกับขนนกอินทรี และเล็บก็เหมือนเล็บนก
เนบูคัดเนสซาร์สรรเสริญพระเจ้า
34เมื่อสิ้นสุดวาระนั้นแล้ว ตัวเราเนบูคัดเนสซาร์ก็แหงนหน้าดูฟ้าสวรรค์ และจิตใจของเราก็กลับคืนเป็นปกติ และเราก็ร้องสาธุการแด่พระผู้สูงสุดนั้น และสรรเสริญถวายพระเกียรติแด่พระองค์ผู้ดำรงอยู่เป็นนิตย์
เพราะการปกครองของพระองค์เป็นการปกครองนิรันดร์
และราชอาณาจักรของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ
35สำหรับพระองค์ ชาวพิภพทั้งสิ้นนับว่าไร้ค่า
พระองค์ทรงทำตามชอบพระทัยท่ามกลางกองทัพแห่งสวรรค์
และท่ามกลางชาวพิภพด้วย
ไม่มีผู้ใดยับยั้งพระหัตถ์ของพระองค์ได้
หรือทูลถามพระองค์ได้ว่า “ทำไมจึงทรงทำเช่นนี้?”
36ในเวลานั้นเองจิตใจของเราก็กลับคืนเป็นปกติ ความสูงส่งและสง่าราศีกลับมาสู่เราอีก เพื่อศักดิ์ศรีแห่งราชอาณาจักรของเรา พระสหายและข้าราชบริพารของเรากลับมาหาเรา และเราก็รับการสถาปนาไว้ในราชอาณาจักรของเรา ความยิ่งใหญ่กลับเพิ่มพูนแก่เราขึ้นอีก 37บัดนี้ตัวเราคือเนบูคัดเนสซาร์ ขอสรรเสริญ ยกย่องและถวายพระเกียรติแด่พระมหาราชาแห่งสวรรค์ เพราะว่าพระราชกิจของพระองค์ถูกต้อง และพระมรรคาของพระองค์ก็เที่ยงธรรม บรรดาผู้ดำเนินอยู่ในความเย่อหยิ่ง พระองค์ก็ทรงสามารถให้ต่ำลง
ดาเนียล 5
งานเลี้ยงของเบลชัสซาร์
1กษัตริย์เบลชัสซาร์ได้ทรงจัดงานเลี้ยงใหญ่แก่เจ้านายหนึ่งพันคน และเสวยเหล้าองุ่นท่ามกลางคนหนึ่งพันนั้น 2เมื่อเบลชัสซาร์เสวยเหล้าองุ่นแล้ว จึงทรงบัญชาให้นำภาชนะทองคำและเงิน ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ราชบิดาได้ทรงกวาดมาจากพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม ออกมาให้พระราชาและบรรดาเจ้านายของพระองค์ทั้งมเหสีและนางสนม เพื่อใช้ใส่เหล้าองุ่นดื่ม 3เขาทั้งหลายจึงนำภาชนะทองคำซึ่งยึดมาจากพระวิหารคือพระนิเวศของพระเจ้าในกรุงเยรูซาเล็มออกมา และพระราชาและบรรดาเจ้านายของพระองค์ทั้งมเหสีและนางสนมก็ได้ดื่มจากภาชนะเหล่านั้น 4เขาทั้งหลายดื่มเหล้าองุ่นและสรรเสริญพระที่ทำด้วยทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้ และหิน
ลายพระหัตถ์บนผนังวัง
5ในทันใดนั้น นิ้วมือคนได้ปรากฏขึ้นและเขียนลงที่ผนังพระราชวังของกษัตริย์หน้าคันประทีป และกษัตริย์ก็ทอดพระเนตรมือที่เขียนนั้น 6แล้วพระพักตร์ของกษัตริย์ก็ซีดไป พระองค์ตกพระทัย จนกระทั่งพระเพลาก็อ่อนเปลี้ย พระชานุก็สั่น 7กษัตริย์มีรับสั่งเสียงดังให้นำหมอดู คนเคลเดีย และหมอดูฤกษ์ยาม เข้ามาเฝ้า และกษัตริย์ตรัสกับพวกนักปราชญ์ของบาบิโลนว่า “ผู้อ่านข้อเขียนนี้และแปลความให้เราได้ เราจะให้ผู้นั้นสวมเสื้อสีม่วงและสวมสร้อยคอทองคำ และเราจะตั้งให้เป็นอุปราชตรีในราชอาณาจักรของเรา” 8แล้วพวกนักปราชญ์ของกษัตริย์ก็เข้ามาทั้งหมด แต่พวกเขาอ่านข้อเขียน หรือแปลความหมายให้กษัตริย์ไม่ได้ 9แล้วกษัตริย์เบลชัสซาร์ก็ตกพระทัยมาก และพระพักตร์ของพระองค์ก็ซีดไป และเจ้านายทั้งหลายของพระองค์ก็สนเท่ห์
10พระราชินีเสด็จเข้ามาในการเลี้ยง เพราะได้ยินถ้อยคำของกษัตริย์และเจ้านายทั้งหลาย และพระราชินีตรัสว่า “ข้าแต่พระราชา ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์ ขอฝ่าพระบาทอย่าได้ตกพระทัย หรือให้พระพักตร์ของพระองค์ซีดไป 11ในราชอาณาจักรของฝ่าพระบาทมีชายคนหนึ่งมีวิญญาณของบรรดาพระผู้บริสุทธิ์ในตัวเขา ในสมัยรัชกาลของพระราชบิดา ความสว่าง ความเข้าใจ และปัญญาเหมือนปัญญาของบรรดาพระทั้งหลายได้มีประจำอยู่ที่ชายคนนี้ และพระราชาเนบูคัดเนสซาร์ พระราชบิดาของฝ่าพระบาท ได้ทรงแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าของพวกโหร หมอดู คนเคลเดีย และหมอดูฤกษ์ยาม 12เขาคือดาเนียล ซึ่งพระราชาประทานนามว่าเบลเทชัสซาร์ เขามีวิญญาณเลิศ มีความรู้และความเข้าใจที่จะแก้ความฝัน แก้ปริศนาและแก้ปัญหาต่างๆ ขอทรงเรียกดาเนียลให้เข้ามาเฝ้าเดี๋ยวนี้ แล้วเขาจะแปลความหมายถวายฝ่าพระบาท”
แปลความคำเขียนบนผนังวัง
13ดาเนียลจึงถูกเรียกให้เข้าเฝ้าพระราชา พระราชาตรัสถามดาเนียลว่า “ท่านคือดาเนียลคนนั้นในพวกที่ถูกกวาดเป็นเชลยมาจากยูดาห์ ที่พระราชาเสด็จพ่อของเรานำมาจากยูดาห์หรือ? 14เราได้ยินว่าท่านมีวิญญาณของบรรดาพระในตัวท่าน และท่านมีความสว่าง ความเข้าใจ และปัญญาเลิศประจำตัว 15พวกนักปราชญ์และพวกหมอดูถูกเรียกมาให้อ่านข้อความนี้ และแปลความหมายให้เรา แต่เขาแปลความหมายของเรื่องราวนี้ไม่ได้
16“แต่เราได้ยินว่าท่านสามารถแปลและแก้ปัญหาได้ บัดนี้ถ้าท่านอ่านข้อความและแปลความหมายให้ได้ ท่านจะได้สวมเสื้อสีม่วงและสวมสร้อยคอทองคำ และเป็นอุปราชตรีในราชอาณาจักร”
อรรถาธิบาย
จงขอบพระคุณพระเจ้า
ความภูมิใจมักเกิดขึ้นก่อนการล้มเหลว อย่างที่ผมได้ค้นพบหลายครั้งในชีวิตของผมเอง ทุกสิ่งที่เรามีมาจากพระเจ้า เราต้องพึ่งพาพระองค์สำหรับลมหายใจของเรา พระองค์เป็นผู้ควบคุมอดีต ปัจจุบัน และอนาคต การขอบพระคุณพระเจ้าทำให้เกิดความถ่อมใจ
‘เมื่อพูดถึงชีวิต สิ่งสำคัญคือคุณจะไม่เห็นคุณค่าสิ่งต่าง ๆ หรือรับไว้ด้วยการขอบคุณ’ เขียนโดย จี. เค. เชสเตอร์ตัน
เป็นเรื่องง่ายที่จะถ่ายทอดข้อความแห่งการหนุนใจจากพระเจ้า และพบว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะถ่ายทอดข้อความกล่าวตำหนิ ดาเนียลพบว่าเป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงและน่าตกใจไม่น้อย แต่กระนั้นเขาก็เชื่อฟังพระเจ้า ในการที่จะถ่ายทอดออกไป (4:19 เป็นต้นไป)
ความผิดพลาดที่เนบูคัดเนสซาร์ทำ และเราทุกคนอาจจะทำเป็นครั้งคราว คือ การคิดว่าสิ่งที่ตนทำสำเร็จนั้นเป็นการกระทำของตัวเองทั้งหมด ‘นี่เป็นมหาบาบิโลน ซึ่งเราได้สร้างไว้ด้วยอำนาจใหญ่ยิ่งของเรา ให้เป็นพระราชฐาน และเพื่อเป็นศักดิ์ศรีอันสูงส่งของเรามิใช่หรือ?’ (ข้อ 30) ระวังการใช้ ‘ตัวฉัน’ และ ‘ของฉัน’ ในลักษณะนี้!
บทเรียนที่พระเจ้าต้องสอนเนบูคัดเนสซาร์และบางครั้งเราก็ได้รับการสอนเช่นนี้ด้วย คือ ทุกสิ่งที่คุณมีคือของประทานจากพระเจ้า ‘พระผู้สูงสุดทรงปกครองบรรดาราชอาณาจักรของมนุษย์ และประทานราชอาณาจักรเหล่านั้นแก่ผู้ที่พระองค์พอพระทัย’ (ข้อ 32)
ของประทานฝ่ายวิญญาณ ร่างกาย ครอบครัว บ้าน สติปัญญา รูปลักษณ์ เงิน ความสามารถด้านกีฬา ล้วนเป็นของประทานจากพระเจ้า ปฏิกิริยาของคุณต่อความสำเร็จไม่ควรเป็นเรื่องของความภาคภูมิใจ การเห็นว่าตนสำคัญ หรือการยินดีกับตนเอง แต่เป็นการสรรเสริญ และขอบพระคุณพระเจ้า ให้เกียรติ เและยกย่องพระองค์ในสิ่งที่พระองค์ประทานแก่คุณ (ข้อ 34–37)
เนบูคัดเนสซาร์ทึกทักเอาเอง และไม่ขอบพระคุณ และถวายเกียรติแด่พระเจ้าในสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทำเพื่อตน แต่ตรงกันข้ามพระองค์กลับเห็นว่าทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากน้ำมือของตนเอง
เมื่อเนบูคัดเนสซาร์กลับคืนเป็นปกติ พระองค์จึงตระหนักว่าทุกสิ่งที่ได้มานั้น มาจากพระเจ้า แทนที่จะรับสง่าราศี เอง ทรงขอบพระคุณและสรรเสริญพระเจ้า ‘ร้องเพลงสรรเสริญกษัตริย์แห่งสวรรค์’ (ข้อ 34–37, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ความถ่อมใจไม่ได้หมายความว่าแสร้งทำเป็นว่าไม่มีในสิ่งที่เรามี แต่หมายถึงการรู้ถึงที่มาของสิ่งที่มีอยู่ และสรรเสริญว่าสิ่งนั้นมาจากที่ใด ‘บัดนี้ตัวเราคือเนบูคัดเนสซาร์ ขอสรรเสริญ ยกย่องและถวายพระเกียรติแด่พระมหาราชาแห่งสวรรค์ เพราะว่าพระราชกิจของพระองค์ถูกต้อง และพระมรรคาของพระองค์ก็เที่ยงธรรม’ (ข้อ 37)
คำพยานของเนบูคัดเนสซาร์สรุปด้วยถ้อยคำเหล่านี้ว่า ‘พระองค์ทรงรู้วิธีเปลี่ยนคนหยิ่งผยองให้กลายเป็นชายหรือหญิงที่ถ่อมใจ’ (ข้อ 37ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ดาเนียลพูดกับเนบูคัดเนสซาร์ว่า ‘โอ องค์กษัตริย์ โปรดรับคำชี้แนะของข้าพระบาท จงชำระบาปของพระองค์และเริ่มต้นดำเนินชีวิตเพื่อผู้อื่น จงละจากชีวิตที่ชั่วร้ายของพระองค์ และดูแลความต้องการของคนยากจน แล้วพระองค์จะมีชีวิตที่ดีต่อไป’ (ข้อ 27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คนรุ่นหลังไม่ได้เรียนรู้บทเรียนจากอดีต กษัตริย์เบลชัสซาร์ฝ่าฝืนคำสั่งให้นมัสการพระเจ้าเพียงผู้เดียวและ ‘สรรเสริญพระที่ทำด้วยทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้ และหิน’ (5:4)
เช่นเดียวกับเนบูคัดเนสซาร์ ภายใต้พื้นผิวมีความหวาดกลัวที่หยั่งรากลึกในชีวิตของเบลชัสซาร์อยู่ ขาดซึ่งสันติสุขกับพระเจ้า ทั้งสองได้รับการเตือนจากพระเจ้าว่าต้องทำอะไร ข้อแตกต่างคือเนบูคัดเนสซาร์กลับใจ ถ่อมใจ ยอมรับและขอบคุณพระเจ้า ในขณะที่เบลชัสซาร์ไม่กลับใจ
ดาเนียลเองเป็น ‘ที่รู้จักกันดีในเรื่องความฉลาดทางปัญญาและสติปัญญาทางจิตวิญญาณของเขา’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ มีการล่อลวงมากมายที่อาจทำให้เขาหยิ่งผยอง แต่ดาเนียลยังคงพึ่งพาพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ ถวายสง่าราศี เกียรติ และการขอบพระคุณทั้งหมดแด่พระเจ้า
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงดูแลจักรวาลนี้ และทุกสิ่งที่ข้าพระองค์มีมาจากพระองค์ ข้าพเจ้าขอยกย่องสรรเสริญ ให้เกียรติ และสง่าราศีแด่พระองค์
เพิ่มเติมโดยพิพพา
2 เปโตร 3:10
‘แต่วันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น จะมาถึงเหมือนอย่างขโมย และในวันนั้น ฟ้าจะหายลับไปด้วยเสียงดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยไฟ และแผ่นดินกับสิ่งสารพัดที่มีอยู่บนนั้นจะถูกเผาจนหมดสิ้น’
‘วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า’ ฟังดูน่ากลัวทีเดียว แต่ข้อ 11 บอกให้เรา ‘ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์และที่ยำเกรงพระเจ้า’ และ ข้อ 12 กล่าวว่าให้ ‘เฝ้ารอ [และไม่ต้องกลัว] และเร่งวันของพระเจ้าให้มาถึง’

App
Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

อีเมล
Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

เว็บไซต์
Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)