วัน 340

พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับคุณ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี. 139:1-10
พันธสัญญาใหม่ 1 ยอห์น 5:1-21
พันธสัญญาเดิม ดาเนียล 11:36-12:13

เกริ่นนำ

เป้าหมายในชีวิตนั้นมีความสำคัญกว่าทรัพย์สิน หรือข้าวของมากนัก การมีมากเพื่อใช้ชีวิต ไม่สามารถทดแทนการมีมากเพื่อใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย ในชีวิตของคุณมีวันที่ยิ่งใหญ่อยู่ 2 วัน คือวันที่คุณเกิดมา และวันที่คุณรู้ว่าคุณเกิดมาทำไม’¹

พระเจ้ามีพระประสงค์อย่างเจาะจงสำหรับคุณ และพระประสงค์ทั่วไป ที่พระเจ้ามีไว้สำหรับเราทุกคน ได้รับการเปิดเผยไว้ในในพระคัมภีร์ ในพระธรรมของวันนี้ เราจะได้เห็นสิ่งที่พระเจ้าปรารถนาเพื่อคุณ และเพื่อทุกคน

ปัญญานิพนธ์

สดุดี. 139:1-10

พระเจ้าผู้สถิตทุกหนแห่ง

ถึงหัวหน้านักร้อง เพลงสดุดีของดาวิด
1ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงตรวจสอบข้าพระองค์
 และทรงรู้จักข้าพระองค์
2เมื่อข้าพระองค์นั่งลงและลุกขึ้น พระองค์ทรงทราบ
 พระองค์ทรงเข้าใจความคิดของข้าพระองค์ได้แต่ไกล
3พระองค์ทรงตรวจตราวิถีและการนอนของข้าพระองค์
 และทรงคุ้นเคยกับทางทั้งสิ้นของข้าพระองค์
4ข้าแต่พระยาห์เวห์ แม้ก่อนที่ลิ้นของข้าพระองค์จะพูด
 พระองค์ก็ทรงทราบความเสียหมดแล้ว
5พระองค์ทรงล้อมข้าพระองค์อยู่ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง
 และวางพระหัตถ์บนข้าพระองค์
6ความรู้อย่างนี้อัศจรรย์เกินข้าพระองค์
 สูงนักจนข้าพระองค์เอื้อมไม่ถึง
7ข้าพระองค์จะไปไหนให้พ้นพระวิญญาณของพระองค์ได้?
 หรือข้าพระองค์จะหนีไปไหนให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์?
8ถ้าข้าพระองค์ขึ้นไปยังสวรรค์ พระองค์ก็สถิตที่นั่น
 ถ้าข้าพระองค์จะทำที่นอนไว้ในแดนคนตาย พระองค์ทรงอยู่ที่นั่น
9ถ้าข้าพระองค์จะบินไปไกลถึงที่ตะวันออก
 หรือถ้าข้าพระองค์อาศัยอยู่สุดขอบทะเลตะวันตก
10แม้ที่นั่น พระหัตถ์ของพระองค์จะจูงข้าพระองค์
 และพระหัตถ์ขวาของพระองค์จะฉวยข้าพระองค์ไว้

อรรถาธิบาย

เพื่อเป็นที่รู้จัก และรู้จักพระองค์

การทรงเรียกของพระเจ้าสำหรับเราทุกคนนั้น คือ เพื่อที่พระองค์จะได้รู้จักเรา และเพื่อให้เรารู้จักพระองค์ ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ได้ทรงตรวจสอบข้าพระองค์ และทรงรู้จักข้าพระองค์’ (ข้อ 1)

บางทีนี่คือสิ่งที่กษัตริย์ดาวิดได้สะท้อนออกมาในวัยชรา ถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงนำเขามาตลอดทั้งชีวิต ‘พระองค์ทรงล้อมข้าพระองค์อยู่ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง และวางพระหัตถ์บนข้าพระองค์’ (ข้อ 5) นี่คือการพูดถึงการที่พระหัตถ์อันเปี่ยมไปด้วยความรัก และความอ่อนโยนที่ทรงนำในทางที่เขาได้เลือกเอง

คุณไม่สามารถหนีจากการทรงสถิตของพระเจ้าได้ พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่ง (ข้อ 2) และพระองค์ทรงอยู่ทุกที่ (ข้อ 7-10) จงแสวงหาทิศทางและการทรงนำจากพระองค์ ‘พระหัตถ์ของพระองค์จะจูงข้าพระองค์ และพระหัตถ์ขวาของพระองค์จะฉวยข้าพระองค์ไว้’ (ข้อ 10)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ต้องการทรงนำของพระองค์ยิ่งนัก ขอบพระคุณสำหรับพระสัญญานี้ว่าพระหัตถ์ของพระองค์จะจูงข้าพระองค์ และพระหัตถ์ขวาของพระองค์จะฉวยข้าพระองค์ไว้

พันธสัญญาใหม่

1 ยอห์น 5:1-21

ความเชื่อมีชัยเหนือโลก

 1คนที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์ ก็เกิดจากพระเจ้า และคนที่รักพระองค์ผู้ทรงให้กำเนิด ก็รักคนที่เกิดจากพระองค์ด้วย 2โดยข้อนี้ เราจึงรู้ว่าเรารักคนทั้งหลายที่เป็นลูกของพระเจ้า คือเมื่อเรารักพระเจ้า และประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ 3เพราะว่าความรักต่อพระเจ้าเป็นอย่างนี้ คือเมื่อเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ และพระบัญญัติของพระองค์นั้นไม่เป็นภาระหนักเกินไป 4เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยเหนือโลก และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่มีชัยเหนือโลก 5ใครล่ะที่มีชัยเหนือโลก? ไม่ใช่ใครอื่น คือคนที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้านั่นเอง

พยานเกี่ยวกับพระบุตร

 6นี่แหละคือผู้ที่ได้มาด้วยน้ำและพระโลหิต คือพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ด้วยน้ำเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยน้ำและพระโลหิต และพระวิญญาณทรงเป็นพยาน เพราะพระวิญญาณทรงเป็นความจริง 7มีพยานอยู่สามอย่างด้วยกัน 8คือพระวิญญาณ น้ำ และพระโลหิต และพยานทั้งสามอย่างนี้สอดคล้องกัน 9ถ้าเรายอมรับพยานหลักฐานของมนุษย์ พยานหลักฐานของพระเจ้าก็ยิ่งใหญ่กว่า เพราะว่าเป็นพยานหลักฐานที่พระเจ้าทรงเป็นพยานอ้างถึงพระบุตรของพระองค์ 10คนที่เชื่อพระบุตรของพระเจ้าก็มีพยานอยู่ในตัว คนที่ไม่เชื่อพระเจ้าก็ทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา เพราะเขาไม่ได้เชื่อคำพยานที่พระเจ้าทรงเป็นพยานอ้างถึงพระบุตรของพระองค์ 11และพยานหลักฐานนั้นก็คือ พระเจ้าประทานชีวิตนิรันดร์แก่เรา และชีวิตนี้มีอยู่ในพระบุตรของพระองค์ 12คนที่มีพระบุตรก็มีชีวิต คนที่ไม่มีพระบุตรก็ไม่มีชีวิต

ความรู้เรื่องชีวิตนิรันดร์

 13ข้อความเหล่านี้ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านทั้งหลายที่วางใจในพระนามของพระบุตรของพระเจ้า เพื่อให้ท่านรู้ว่าท่านมีชีวิตนิรันดร์ 14และนี่เป็นความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟัง 15และถ้าเรารู้ว่าพระองค์ทรงฟังเมื่อเราทูลขอสิ่งใด เราก็รู้ว่าเราได้รับสิ่งที่ทูลขอนั้นจากพระองค์ 16ถ้าใครเห็นพี่น้องของตนทำบาปชนิดที่ไม่นำไปสู่ความตาย ก็ให้คนนั้นทูลขอ และพระองค์ก็จะประทานชีวิตแก่คนที่ทำบาปซึ่งไม่นำไปสู่ความตาย บาปที่นำไปสู่ความตายก็มี ข้าพเจ้าไม่ได้บอกว่าให้อธิษฐานในเรื่องบาปอย่างนั้น 17การอธรรมทุกอย่างเป็นบาป แต่บาปที่ไม่นำไปสู่ความตายก็มีอยู่
 18เรารู้ว่าทุกคนที่เกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป แต่พระองค์ผู้ทรงบังเกิดจากพระเจ้าทรงคุ้มครองรักษาเขา และมารร้ายไม่แตะต้องเขา
 19เรารู้ว่าเราเกิดจากพระเจ้า แต่โลกทั้งหมดอยู่ในมือของมารร้าย
 20และเรารู้ว่าพระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาแล้ว และประทานสติปัญญาแก่เรา เพื่อให้เรารู้จักพระองค์ผู้ทรงสัตย์จริง และเราอยู่ในพระองค์นั้นโดยอยู่ในพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ พระองค์นี่แหละเป็นพระเจ้าแท้และเป็นชีวิตนิรันดร์ 21ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงรักษาตัวให้พ้นจากรูปเคารพ

อรรถาธิบาย

เพื่อเป็นที่รัก และเพื่อที่จะรักตลอดไป

ณ เวลาที่คุณได้วางความเชื่อของคุณไว้ในพระเยซูคริสต์ คุณได้ ‘เกิดจากพระเจ้า’ (ข้อ 1) ได้กลายมาเป็นบุตรที่พระเจ้าทรงรักยิ่ง ผู้ซึ่ง ‘ถูกรัก’ พระเจ้ารักคุณยิ่งกว่าพ่อแม่คนไหน ๆ ที่รักลูกของเขาเอง

เรารักพระบิดาในสวรรค์ ดังนั้น เราควรรักบุตรของพระเจ้าทุกคน ในหลายปีที่ผ่านมา ผมและพิพพาสังเกตเห็นว่า เรามีความรักที่พิเศษให้กับลูก ๆ ของเพื่อนของเราตั้งแต่พวกเขาเกิดมา นี่เป็นเพราะความรักที่เรามีให้ต่อพ่อแม่ของพวกเขา ยอห์นเขียนไว้ว่า ‘คนที่รักพระองค์ผู้ทรงให้กำเนิด ก็รักคนที่เกิดจากพระองค์ด้วย’ (ข้อ 1)

พ่อแม่ทุกคนที่รักลูกของตนต่างก็ปรารถนาให้ลูกนั้นมีความมั่นใจในอนาคตของเขา เช่นเดียวกับพระเจ้า พระองค์ปรารถนาให้คุณมีความมั่นใจในอนาคตเช่นกัน

ณ เวลาที่คุณได้วางความเชื่อของคุณไว้ในพระเยซูคริสต์ คุณได้ “เกิดจากพระเจ้า” (ข้อ 1) และได้รับ “ชีวิตนิรันดร์” (ข้อ 12) แต่คุณจะมั่นใจในสิ่งนี้ได้อย่างไร ยอห์นบอกเราว่า นี่คือจุดประสงค์ของจดหมายของเขา “ข้อความเหล่านี้ข้าพเจ้าเขียนถึงท่านทั้งหลายที่วางใจในพระนามของพระบุตรของพระเจ้า เพื่อให้ท่านรู้ว่าท่านมีชีวิตนิรันดร์” (ข้อ 13)

ในบทนี้ เราได้เห็น 3 บทสอบแห่งการเป็นคริสเตียนแท้:

  1. ความเชื่อ
    ‘ทุกคนผู้เชื่อว่าพระเยซูคือพระคริสต์เกิดจากพระเจ้า...ก็มีชัยเหนือโลก และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่มีชัยเหนือโลก ใครล่ะที่มีชัยเหนือโลก? ไม่ใช่ใครอื่น คือคนที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้านั่นเอง’ (ข้อ 1ก,4-5)

คริสเตียนคือผู้ที่วางความเชื่อของเขาไว้ในพระเยซู ด้วยการกระทำดังกล่าวนั้น คุณได้เป็นพระบุตรของพระเจ้า

  1. ความรัก
    ‘คนที่รักพระองค์ผู้ทรงให้กำเนิด ก็รักคนที่เกิดจากพระองค์ด้วย’ (ข้อ 1ข)

หลักฐานของความเชื่อแท้คือความรัก ความรักที่มีต่อพระเจ้า พระเยซู ต่อผู้อื่น ความเชื่อสำแดงออกมาทางความรัก

  1. ความเชื่อฟัง
    ‘โดยข้อนี้ เราจึงรู้ว่า เรารักคนทั้งหลายที่เป็นลูกของพระเจ้า คือเมื่อเรารักพระเจ้า และประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ เพราะว่าความรักของพระเจ้าเป็นอย่างนี้ คือเมื่อเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์’ (ข้อ 2–3)

ความรักนี้ ไม่ใช่แค่เพียงความรู้สึกเท่านั้น แต่รวมไปถึงการลงมือทำด้วย นั่นก็คือ การเชื่อฟังประพฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้า

ยอห์นกล่าวต่อไปเกี่ยวกับพยานทั้ง 3 แต่คุณจะเชื่อได้อย่างไร ว่าพระเยซูคือ พระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้า? พระเจ้าทรงมีพยาน 3 อย่างด้วยกัน (ข้อ 6-8):

  1. น้ำ
    ที่การรับบัพติศมาน้ำของพระเยซู พระเจ้าทรงยืนยันว่า ‘ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก’ (มัทธิว 3:17) ความศักดิ์สิทธิ์ของศีลบัพติศมา เน้นที่ ‘น้ำ’

  2. โลหิต
    พระโลหิตพระเยซูได้หลั่งไหลออกที่ไม้กางเขนเพื่อเรานี้เป็นพยานที่ 2 พระเยซู ‘ผู้ที่ได้มาด้วยน้ำ และพระโลหิต...พระองค์ไม่ได้มาด้วยน้ำเพียงอย่างเดียว แต่ด้วยน้ำและพระโลหิต’ (1 ยอห์น 5:6) ความศักดิ์สิทธิ์ของศีลมหาสนิท เน้นที่ ‘พระโลหิต

  3. พระวิญญาณ
    พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพยานในใจเราว่า พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า (ข้อ 6,10) พระวิญญาณนั้นคือพระวิญญาณแห่งความจริง (ข้อ 6) “และเราอยู่ในพระองค์นั้นโดยอยู่ในพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ พระองค์นี่แหละเป็นพระเจ้าแท้และเป็นชีวิตนิรันดร์” (ข้อ 20)

ยกตัวอย่างเช่น ที่หลักสูตรอัลฟ่าสุดสัปดาห์ แขกทุกท่านจะได้โอกาสในการรับการอธิษฐานเผื่อ และที่จะขอรับการเต็มล้นจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ สำหรับหลายคนแล้วนี่คือช่วงเวลาที่สำคัญของอัลฟ่า และเพราะพวกเขาเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ จึงมีประสบการณ์แห่งการมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าที่แท้จริง และได้รับการยืนยันถึงความรักของพระองค์ที่มีต่อพวกเขา ประสบการณ์นี้เองที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อยืนยัน และก่อร่างสร้างความเชื่อขึ้นในพวกเขา

พระเจ้าปรารถนาให้คุณมั่นใจว่าพระเยซู คือ พระคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าอย่างแท้จริง พระองค์ปรารถนาให้คุณรู้ว่าคุณมีชีวิตในพระบุตรของพระองค์ (ข้อ 11) แน่นอนว่า คุณมี ‘ชีวิตนิรันดร์’ (ข้อ 13)

พระองค์ทรงปรารถนาให้คุณมั่นใจในการเข้าหาพระเจ้า: ‘และนี่เป็นความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงฟัง และถ้าเรารู้ว่าพระองค์ทรงฟังเมื่อเราทูลขอสิ่งใด เราก็รู้ว่าเราได้รับสิ่งที่ทูลขอนั้นจากพระองค์’ (ข้อ 14-15)

บางครั้งคุณรู้ว่าน้ำพระทัยของพระเจ้าคืออะไร เพราะมีการอธิบายอย่างละเอียดไว้ในพระวจนะของพระเจ้า บางครั้งคุณอาจจะไม่มั่นใจนัก แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม คุณสามารถเพิ่มข้อความนี้เข้าไปในคำอธิษฐานของคุณได้ ‘ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์’

ถ้าคำตอบคือ ‘ใช่’ พระองค์อาจจะเพิ่มความเชื่อของคุณขึ้น แต่ถ้าคำตอบคือ ‘รอก่อน’ พระองค์อาจจะกำลังเพิ่มความอดทนของคุณ และถ้าคำตอบคือ ‘ไม่’ พระองค์อาจมีสิ่งที่ดีกว่าสำหรับคุณ จงไว้วางใจว่าน้ำพระทัยของพระองค์นั้น ‘จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม’ (โรม 12:2)

ยอห์นท้าทายเราว่าผู้ที่ “เกิดจากพระเจ้า (หมายถึง ผู้เชื่อคริสเตียน) ไม่ทำบาป” (1 ยอห์น 5:18ก) หรืออาจกล่าวได้ว่า เราไม่ควรเต็มใจที่จะทำบาปเหมือนอย่างที่เคยทำมาก่อนที่จะหันมาหาพระคริสต์ อย่างไรก็ตาม ยอห์นยังเตือนใจเราถึงพระสัญญาอันงดงามของพระเจ้าที่ว่า “แต่พระองค์ (พระเยซู) ผู้ทรงบังเกิดจากพระเจ้าทรงคุ้มครองรักษาเขา และมารร้ายไม่แตะต้องเขา” (ข้อ 18ข) คุณปลอดภัยอยู่ในอ้อมแขนแห่งรักของพระเยซู

  • การงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการยืนยัน และเสริมกำลังความเชื่อของเรา เป็นที่ยอมรับในคริสตจักรที่มีระเบียบพิธีการนมัสการที่สืบทอดต่อกันมา ในคริสตจักรแองกลิกันในรวมทั้งคริสตจักรอื่น ๆ พิธีของศีลกำลัง เน้นที่ องค์พระวิญญาณบริสุทธิ์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์และคุ้มครองข้าพระองค์ให้ปลอดภัยในอ้อมแขนแห่งรักของพระเยซู ของทรงช่วยให้ข้าพระองค์รักลูกทุกคนของพระองค์

พันธสัญญาเดิม

ดาเนียล 11:36-12:13

 36“และพระราชาจะทำตามความพอใจของเขา เขาจะยกตนขึ้น และพองตัวขึ้นเหนือพระทุกองค์ และจะพูดสิ่งที่น่าเกลียดต่อสู้พระเจ้าแห่งพระทั้งหลาย เขาจะเจริญขึ้นจนกว่าพระพิโรธจะครบถ้วนเพราะสิ่งใดที่ทรงกำหนดไว้จะต้องสำเร็จ 37เขาจะไม่เชื่อฟังพระแห่งบรรพบุรุษของเขา หรือพระที่ผู้หญิงปรารถนา เขาจะไม่เชื่อพระองค์ใดเลย เพราะเขาจะถือว่าตัวเองใหญ่กว่าทุกสิ่งทุกอย่าง 38เขาจะยกย่องพระของบรรดาป้อมปราการแทนสิ่งเหล่านี้ พระอีกองค์หนึ่งที่บรรพบุรุษของเขาไม่รู้จัก เขาก็จะให้เกียรติด้วยทองคำและเงิน ด้วยเพชรนิลจินดาและของถวายอันมีค่า 39เขาจะสู้รบกับป้อมปราการที่แข็งแรงที่สุดด้วยความช่วยเหลือของพระต่างด้าว ใครๆ ที่นับถือเขา เขาก็พอกพูนศักดิ์ศรีให้ เขาจะแต่งตั้งให้ครอบครองคนเป็นอันมาก และเขาจะแบ่งที่ดินให้เป็นสิ่งตอบแทน

วาระสุดท้าย

 40“พอถึงวาระสุดท้าย พระราชาแห่งถิ่นใต้จะมาสู้กับเขา และพระราชาแห่งถิ่นเหนือจะพุ่งเข้าใส่ท่านอย่างลมบ้าหมู พร้อมด้วยรถรบ พลม้า และเรือรบเป็นอันมาก เขาจะเข้าประเทศต่างๆ แล้วไหลผ่านเหมือนน้ำท่วม 41เขาจะเข้ามาในแผ่นดินอันรุ่งโรจน์ และประชาชนจะตายเป็นหมื่นๆ แต่เอโดม โมอับ และส่วนใหญ่ของคนอัมโมนจะพ้นจากมือของเขา 42เขาจะยืดมือออกต่อประเทศต่างๆ และแผ่นดินอียิปต์ก็จะพ้นไปไม่ได้ 43เขาจะครอบครองทรัพย์สมบัติที่เป็นทองและเงิน และสิ่งมีค่าทั้งหลายของอียิปต์ คนลิเบีย และคนคูชก็จะตามเขาด้วย 44แต่ข่าวจากทิศตะวันออกและทิศเหนือจะทำให้เขาตกใจ และเขาจะยกออกไปด้วยความเคียดแค้นอย่างยิ่ง มุ่งจะทำลายและล้างผลาญคนเป็นอันมากอย่างสิ้นซาก 45และเขาจะกางเต็นท์หลวงระหว่างทะเลและภูเขาบริสุทธิ์รุ่งโรจน์ แล้วก็จะสิ้นชีวิตโดยไม่มีใครช่วยเขาเลย

ดาเนียล 12

การเป็นขึ้นของบรรดาคนตาย

 1“ในครั้งนั้น มีคาเอลเจ้าผู้ครอบครองยิ่งใหญ่ ผู้คุ้มกันชนชาติของท่านจะลุกขึ้น และจะมีเวลายากลำบากอย่างไม่เคยมีมาตั้งแต่ครั้งมีประชาชาติจนถึงสมัยนั้น แต่ในครั้งนั้นชนชาติของท่านจะได้รับการช่วยกู้ คือทุกคนที่มีชื่อบันทึกไว้ในหนังสือ 2และคนเป็นอันมากในพวกที่หลับในผงคลีแห่งแผ่นดินโลกจะตื่นขึ้น บ้างก็จะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ บ้างก็เข้าสู่ความอับอายและความขายหน้านิรันดร์ 3และบรรดาคนฉลาดจะส่องแสงเหมือนแสงท้องฟ้า และบรรดาผู้ที่ได้นำคนเป็นอันมากมาสู่ความชอบธรรมจะส่องแสงเหมือนอย่างดาวเป็นนิตย์นิรันดร์ 4แต่ตัวเจ้าดาเนียลเอ๋ย จงปิดถ้อยคำเหล่านั้นไว้และประทับตราหนังสือนั้นเสียจนถึงวาระสุดท้าย คนเป็นอันมากจะวิ่งไปวิ่งมา และความรู้จะทวีขึ้น”
 5แล้วข้าพเจ้าคือดาเนียลก็มองดู และ นี่แน่ะ มีอีกสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำข้างนี้ อีกคนหนึ่งยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำข้างโน้น 6และคนหนึ่งก็พูดกับชายที่สวมเสื้อผ้าป่าน ผู้ซึ่งอยู่เหนือน้ำแห่งแม่น้ำนั้นว่า “ยังอีกนานเท่าไรจึงจะถึงที่สุดปลายของสิ่งน่าอัศจรรย์เหล่านี้?” 7ชายที่สวมเสื้อผ้าป่าน ผู้ซึ่งอยู่เหนือน้ำแห่งแม่น้ำนั้น ได้ยกมือขวาและมือซ้ายของท่านสู่ฟ้าสวรรค์ ข้าพเจ้าได้ยินท่านปฏิญาณอ้างพระผู้ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์ว่า ยังอีกวาระหนึ่ง สองวาระ และครึ่งวาระ และเมื่อการทำลายอำนาจของชนชาติบริสุทธิ์สิ้นสุดลงแล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จะสำเร็จไปด้วย 8ข้าพเจ้าได้ยินแต่ไม่เข้าใจ แล้วข้าพเจ้าจึงพูดว่า “นายเจ้าข้า สิ่งเหล่านี้จะลงเอยอย่างไร?” 9ท่านพูดว่า “ดาเนียลเอ๋ย ไปเถอะ เพราะว่าถ้อยคำเหล่านั้นก็ถูกปิดไว้แล้ว และถูกประทับตราไว้จนถึงวาระสุดท้าย 10คนเป็นอันมากจะชำระตนเอง ทำให้ตนเองสะอาดหมดจดและถูกถลุง แต่คนชั่วจะยังทำการชั่วอยู่ และไม่มีคนชั่วสักคนหนึ่งจะเข้าใจ แต่บรรดาคนฉลาดจะเข้าใจ 11และตั้งแต่เวลาเลิกเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์นั้น และการตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน ซึ่งทำให้เกิดการร้างเปล่าขึ้น จะเป็นเวลา 1,290 วัน 12ความสุขจะมีแก่ผู้ทนอยู่ได้ถึง 1,335 วัน 13ส่วนเจ้าจงดำเนินไปจนถึงที่สุดเถิด แล้วจะได้พักสงบ และจะยืนขึ้นรับมรดกของเจ้าเมื่อสิ้นสุดวันทั้งหลายนั้น”

อรรถาธิบาย

เพื่อที่จะได้รับการอวยพร และเป็นพระพร

พระเจ้าทรงอวยพระพรคุณเพื่อที่คุณจะเป็นพระพรต่อผู้อื่น

โดยการเริ่มต้นของบทนี้ ในใจของผู้เขียนได้เปลี่ยนจากช่วงเวลาของกษัตริย์แอนติโอคัสที่ 4 เอพิเฟเนส (215-164 ปีก่อนคริสตกาล) ผู้ซึ่งเป็นกษัตริย์ผู้ที่จะทำในสิ่งที่ตนพึงพอใจเท่านั้น (11:36ก) ไปสู่ยุคสุดท้าย

เรามีสิ่งยืนยันถึงชีวิตหลังความตายที่ชัดเจนในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมตอนนี้ ‘แต่ในครั้งนั้นชนชาติของท่านจะได้รับการช่วยกู้ คือทุกคนที่มีชื่อบันทึกไว้ในหนังสือ และคนเป็นอันมากในพวกที่หลับในผงคลีดินแห่งแผ่นดินโลกจะตื่นขึ้น บ้างก็จะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ บ้างก็เข้าสู่ความอับอายและความขายหน้านิรันดร์ และบรรดาคนที่ฉลาดจะส่องแสงเหมือนแสงแห่งฟ้าสวรรค์ และบรรดาผู้ที่ได้นำคนเป็นอันมากมาสู่ความชอบธรรมจะส่องแสงเหมือนอย่างดาวเป็นนิตย์นิรันดร์’ (12:1ข-3)

คุณมีชีวิตนิตย์นิรันดร์ วันหนึ่งคุณจะส่องแสงเหมือนอย่างดาวตลอดไป ในระหว่างนี้ กระบวนการชำระบริสุทธิ์จำเป็นต้องเกิดขึ้น ‘คนเป็นอันมากจะชำระตนเอง ทำให้ตนเองสะอาดหมดจดและถูกถลุง’ (ข้อ 10) คุณจะนำผู้อื่นเฉกเช่นเดียวกับที่ได้นำตัวคุณเอง ‘สู่ทางแห่งความถูกต้องชอบธรรมของชีวิต’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับคุณนั้นไม่ใช่ให้นั่งรอการเสด็จกลับมาของพระเยซูเพื่อไถ่โลก พระองค์ปรารถนาให้คุณทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในตอนนี้ คุณถูกเรียกให้เป็นพระพรต่อผู้คนรอบข้างคุณ

พวกเราได้รับการทรงเรียกมาให้ช่วยกันและกัน ในการสร้างสาวกของเรา ผมซาบซึ้งมากต่อการหนุนน้ำใจ การสนับสนุน และความท้าทายตลอดหลายปีที่ผ่านมากของบรรดาเพื่อนสนิทคริสเตียน เช่นเดียวกับพี่เลี้ยงที่แก่กว่า และฉลาดกว่า มีประโยชน์อย่างยิ่งในการมีพี่เลี้ยง และที่จะเต็มใจช่วยคนที่เด็กกว่าเราในความเชื่อ เพราะว่าเมื่อเราได้ท้าทายกันและกัน รวมถึงช่วยกันและกัน เราทุกคนจะเติบโตในการเป็นสาวกของเรา

ดาเนียลถูกบอกว่า ‘ส่วนเจ้า? จงดำเนินไปจนถึงที่สุดเถิด แล้วจะได้พักสงบ และจะยืนขึ้นรับมรดกของเจ้าเมื่อสิ้นสุดวันทั้งหลายนั้น’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ช่างเป็นพระสัญญาที่งดงาม และเจาะจงเพื่อดาเนียล เขาได้ตรากตรำทำงานอย่างหนักไม่ว่าจะในชีวิตการงาน และในบทบาทการเป็นผู้เผยพระวจนะ ตอนนี้ การได้พักมาถึงเขาแล้ว และพระเจ้าทรงจัดเตรียมมรดกไว้สำหรับเขา

คุณเองก็ได้รับพระสัญญาแห่งชีวิตนิตย์นิรันดร์นี้เช่นกัน และคุณจะส่องแสงดั่งดวงดาวตลอดไปเป็นนิตย์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่ทรงอวยพระพรข้าพระองค์อย่างมากมาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้นำพระพรเหล่านี้ไปสู่ผู้อื่น เพราะข้าพระองค์นั้นได้ดำเนินในทางแห่งความถูกต้องของชีวิต

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ฉันชอบสดุดีบทที่ 139 มากที่สุดในพระธรรมสดุดี เป็นจุดแรกในพระคัมภีร์ที่ฉันจะเปิดหาเมื่อฉันรู้สึกว่าฉันมีปัญหา ไม่ว่าฉันจะอยู่แห่งหนใดบนโลกนี้ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลบ้าน ไม่ว่าฉันจะรู้สึกอย่างไร ฉันพบการปลอบประโลมใจในข้อ 10 ‘แม้ที่นั่น พระหัตถ์ของพระองค์จะจูงข้าพระองค์ และพระหัตถ์ขวาของพระองค์จะฉวยข้าพระองค์ไว้’

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

¹บ่อยครั้งนี่คำกล่าวนี้ถูกอ้างว่ามาร์ค ทเวนเป็นคนกล่าว แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่คำพูดของเขาเอง ปรากฎว่า คำพูดต้นตอนั้นไม่ได้ระบุผู้พูด

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม