วัน 342

พระเจ้าทรงควบคุมอยู่จริงหรือ?

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 139:11-16
พันธสัญญาใหม่ 3 ยอห์น 1:1-14
พันธสัญญาเดิม เศคาริยาห์ 1:1-4:14

เกริ่นนำ

คุณเคยสงสัยบ้างไหมว่า พระเจ้าทรงควบคุมอยู่จริงหรือ? บางทีเกิดบางอย่างที่ผิดปกติกับสุขภาพของคุณ ความสัมพันธ์ของคุณ หน้าที่การงานของคุณ หรือสถานการณ์อื่น ๆ ในชีวิต แล้วคุณก็สงสัยว่า พระเจ้าทรงรู้เรื่องนี้? พระเจ้าทรงสนใจบ้างไหม? พระเจ้าจะสามารถทำอะไรได้บ้างไหมในเรื่องนี้?

สิ่งหนึ่งจากหลาย ๆ สิ่งซึ่งผมจำได้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับบิชอป แซนดี้ มิลลาร์ สมัยที่เป็นศิษยาภิบาลของคริสตจักรโฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตันนั้น เมื่อใดก็ตามที่สิ่งต่าง ๆ ดูผิดปกติไป หรือเมื่อเรากำลังเผชิญกับวิกฤตบางอย่างอยู่ เขาจะเตือนใจเราเสมอว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครองอยู่’ พระเจ้าไม่เพียงแค่รักคุณเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นองค์พระเจ้าผู้รอบรู้ทุกสิ่ง และทรงฤทธานุภาพสูงสุดที่จะควบคุมชีวิตของคุณ พระองค์ยังทรงควบคุมประวัติศาสตร์ และสถานการณ์ต่าง ๆ อีกด้วย

ดังที่ เอ.ดับบลิว. โทเซอร์ เขียนไว้ว่า ‘พระเจ้าเป็นความรักและพระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่ง ความรักของพระเจ้าทำให้พระองค์นั้นปรารถนาให้เรามีสวัสดิภาพนิรันดร์ และอำนาจอธิปไตยของพระองค์นั้น ทำให้พระองค์สามารถปกป้องรักษาทุกสิ่งเอาไว้ได้’ พระเจ้าทรงปกครองอยู่!

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 139:11-16

11ถ้าข้าพระองค์จะว่า “ความมืดจะบังข้าไว้แน่ทีเดียว
 และความสว่างรอบข้าจะเป็นกลางคืน”
12สำหรับพระองค์ แม้ความมืดก็ไม่มืด
 กลางคืนก็สว่างอย่างกลางวัน
 ความมืดเป็นอย่างความสว่าง
13เพราะพระองค์ทรงสร้างชิ้นส่วนภายในข้าพระองค์
 พระองค์ทรงถักทอข้าพระองค์เข้าด้วยกันในครรภ์มารดา
14ข้าพระองค์ขอบพระคุณพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสร้างข้าพระองค์
  อย่างอัศจรรย์น่าครั่นคร้าม
 บรรดาพระราชกิจของพระองค์อัศจรรย์
 ข้าพระองค์ทราบดี
15โครงร่างของข้าพระองค์ไม่ได้ถูกซ่อนไว้จากพระองค์
 เมื่อข้าพระองค์ถูกสร้างอยู่ในที่ลับลี้
 ประดิษฐ์ขึ้นมา ณ ภายในที่ลึกแห่งโลก
16พระเนตรของพระองค์เห็นข้าพระองค์ตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปทรง
 วันทั้งสิ้นที่กำหนดให้ข้าพระองค์นั้น
ถูกบันทึกไว้ในหนังสือของพระองค์
 ตั้งแต่ยังไม่มีวันนั้นเลย

อรรถาธิบาย

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปกครองอยู่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์จวบจนถึงวันตาย

คุณไม่ต้องกังวลหรือกลัวความตาย พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ และแผนการณ์อันดีสำหรับชีวิตของคุณ ตั้งแต่ก่อนคุณจะเกิดมาเสียอีก พระองค์ทรงวางแผนวันทั้งสิ้นของชีวิตคุณ (ข้อ 16) เพราะ ‘ทรงสร้างข้าพระองค์อย่างอัศจรรย์น่าครั่นคร้าม’ (ข้อ 14)

ชีวิตมนุษย์เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ ความรักอันรอบรู้ทุกสิ่งของพระเจ้าครอบคลุมไปถึงมนุษย์ทุกคนที่อยู่ในครรภ์ และที่นี่คือที่ซึ่งประวัติศาสตร์ส่วนตัวของเราเริ่มต้นขึ้น

'พระเนตรของพระองค์เห็นข้าพระองค์ตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปทรง
 วันทั้งสิ้นที่กำหนดให้ข้าพระองค์นั้น กางออกต่อหน้าพระองค์
 วันเวลาในชีวิตของข้าพระองค์ถูกเตรียมไว้
 ตั้งแต่ยังไม่มีวันนั้นเลย’ (ข้อ 16 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเจ้าทรงควบคุมอยู่ตั้งแต่คุณเริ่มอยู่ในครรภ์จวบจนถึงวันตายของคุณและหลังจากนั้น จงวางใจในพระเจ้า

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับความรักอันรอบรู้ทุกสิ่งที่ทรงมีต่อมวลมนุษย์ทุกคน ขอทรงช่วยเราที่จะหยิบยื่นความรัก และการปกป้องในแบบเดียวกันนี้ให้กับทุกคน

พันธสัญญาใหม่

3 ยอห์น 1:1-14

การทักทาย

 1จาก ข้าพเจ้าผู้ปกครอง
 เรียน กายอัสที่รัก ผู้ซึ่งข้าพเจ้ารักอย่างแท้จริง
 2ท่านที่รัก ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขความเจริญทุกอย่าง ดังที่จิตวิญญาณของท่านกำลังเจริญอยู่นั้น 3ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง เมื่อพี่น้องบางคนมาหาและเป็นพยานถึงชีวิตของท่านอย่างจริงจังว่าท่านกำลังประพฤติตามความจริง 4ไม่มีอะไรทำให้ข้าพเจ้ายินดียิ่งไปกว่านี้ คือที่ได้ยินว่าลูกๆ ของข้าพเจ้าประพฤติตามความจริง

การร่วมมือและการขัดขวาง

 5ท่านที่รัก เมื่อท่านทำสิ่งใดให้พี่น้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้แก่แขกแปลกหน้า ก็เป็นการแสดงความซื่อสัตย์ของท่าน 6แขกเหล่านั้นเป็นพยานเรื่องความรักของท่านต่อหน้าคริสตจักรแล้ว ถ้าท่านจะช่วยจัดส่งพวกเขาให้สมกับที่พระเจ้าทรงใช้เขาก็จะเป็นพระคุณยิ่ง 7เพราะพวกเขาเดินทางไปเพื่อรับใช้พระนามนั้น โดยไม่ได้รับสิ่งใดจากคนนอกเลย 8ฉะนั้นเราควรต้อนรับคนอย่างนี้ เพื่อเราจะเป็นผู้ร่วมงานกันเพื่อความจริง
 9ข้าพเจ้าเคยเขียนบางสิ่งบางอย่างถึงคริสตจักร แต่ดิโอเตรเฟส คนที่อยากจะเป็นใหญ่เป็นโตในพวกเขา ไม่ยอมรับเรา 10เพราะเหตุนี้ ถ้าข้าพเจ้ามา ข้าพเจ้าจะเปิดเผยพฤติกรรมของเขาที่กล่าวใส่ความเราด้วยถ้อยคำเลวทราม เท่านั้นยังไม่พอ ตัวเขาเองยังไม่ยอมรับรองพี่น้องเหล่านั้น ทั้งยังกีดกันคนที่ต้องการจะรับรองพวกเขา และไล่ออกจากคริสตจักร
 11ท่านที่รัก อย่าเลียนแบบสิ่งที่ชั่ว แต่จงเลียนแบบสิ่งที่ดี คนที่ทำดีมาจากพระเจ้า คนที่ทำชั่วไม่เคยเห็นพระเจ้า 12ทุกคนก็เป็นพยานให้เดเมตริอัส และสัจจะเองก็เป็นพยานอยู่ในตัว เราก็เป็นพยานด้วย และท่านก็รู้ว่าคำพยานของเราเป็นความจริง

คำทักทายสุดท้าย

 13ข้าพเจ้ามีหลายเรื่องที่จะเขียนถึงท่าน แต่ไม่อยากจะเขียนด้วยปากกาและน้ำหมึก 14ข้าพเจ้าหวังว่าจะได้พบท่านในเร็วๆ นี้ และจะได้พูดกันต่อหน้า

15ขอสันติสุขจงมีแก่ท่าน เพื่อนๆ ฝากคำทักทายมายังท่าน ขอฝากคำทักทายมายังเพื่อนทีละคนทุกคน

อรรถาธิบาย

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปกครองอยู่เหนือทุกด้านในชีวิตของคุณ

พระเจ้าปรารถนาที่จะนำการรื้อฟื้นมาสู่ทุกด้านในชีวิตของคุณในวันนี้ อัครสาวกยอห์นอธิษฐานเพื่อกายอัสเพื่อนรักของเขาแบบองค์รวม ‘ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้..ท่านมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขความเจริญทุกอย่าง ดังที่จิตวิญญาณของท่านกำลังเจริญอยู่นั้น’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ยอห์นนั้นมีความยินดีอย่างยิ่ง เมื่อได้ยินว่ากายอัสเจริญขึ้นในฝ่ายจิตวิญญาณ ‘ไม่มีอะไรที่ทำให้ข้าพเจ้ายินดียิ่งไปกว่านี้ คือที่ได้ยินว่าลูก ๆ ของข้าพเจ้าประพฤติตามความจริง...แขกเหล่านั้นเป็นพยานเรื่องความรักของท่านต่อหน้าคริสตจักรแล้ว’ (ข้อ 4,6)

อย่างไรก็ตาม คำอธิษฐานของยอห์นนั้นขยายไปไกลกว่าแค่เรื่อง ‘ฝ่ายวิญญาณ’ แต่ไปจนถึงความต้องการด้านภายภาพของกายอัส ไม่ผิดอะไรที่จะอธิษฐานให้เพื่อน ๆ ของเราให้มี ‘สุขภาพแข็งแรง’ และที่ ‘มีความสุขความเจริญทุกอย่าง’ (ข้อ 2)

ความรักทำให้มองเห็นความเชื่อได้ ความรักนั้น คือ การลงมือปฏิบัติ การต้อนรับก็เป็นการกระทำแห่งความรัก ในการจัดเตรียม ‘อาหารและที่พักกลายเป็นสิ่งที่ควบคู่ไปกับการเผยแพร่ความจริง’ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เมื่อคุณให้การต้อนรับแขก คุณก็เป็นส่วนหนึ่งของประเพณีที่มีมาอันยาวนานของคริสเตียนในยุคพันธสัญญาใหม่

ยอห์นเตือนกายอัสเกี่ยวกับดิโอเตรเฟสผู้ซึ่ง ‘ไม่ยอมรับรองพี่น้องเหล่านั้น ทั้งยังกีดกันคนที่ต้องการจะรับรองพวกเขา’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขา ‘อยากจะจัดแจงทุกอย่าง’ และไม่ยอมรับยอห์น แต่กล่าว ‘ใส่ความเราด้วยถ้อยคำเลวทราม’ (ข้อ 9-10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แม้อัครสาวกยอห์นผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความรัก และความบริสุทธิ์ในทางพระเจ้า ก็ไม่สามารถทำให้ทุกคนยอมรับได้

เขาเตือนกายอัสว่า 'อย่าเลียนแบบสิ่งที่ชั่ว จงเป็นแบบอย่างสิ่งที่ดี' (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) และเขาอธิษฐานว่า 'ขอสันติสุขจงมีแก่ท่าน' (ข้อ 15)

ยอห์นจงใจไม่เขียนทุกเรื่องลงในจดหมาย (ข้อ 13-14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) บางเรื่องควรถูกเก็บไว้เพื่อการพบกันแบบหน้าต่อหน้า

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า วันนี้ข้าพระองค์อธิษฐานเผื่อครอบครัว และเพื่อน ๆ ของข้าพระองค์ ให้พวกเขามีสุขภาพดี และให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

พันธสัญญาเดิม

เศคาริยาห์ 1:1-4:14

เรียกอิสราเอลให้กลับใจ

 1ในเดือนที่ 8 ปีที่ 2 แห่งรัชกาลดาริอัส พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์ บุตรเบเรคิยาห์ผู้เป็นบุตรอิดโด ตรัสว่า 2“พระยาห์เวห์กริ้วบรรพบุรุษของพวกเจ้าเป็นอย่างยิ่ง 3เพราะฉะนั้น จงกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า จงกลับมาหาเรา พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ แล้วเราจะกลับมาหาเจ้า พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ 4อย่าเป็นเหมือนบรรพบุรุษของพวกเจ้า ซึ่งบรรดาผู้เผยพระวจนะในสมัยก่อนๆ ร้องประกาศกับเขาว่า ‘พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า “จงหันกลับจากทางชั่วของเจ้า และจากการกระทำอันชั่วร้ายของเจ้าเถิด” ’ แต่เขาไม่ได้ยินและไม่เชื่อฟังเรา พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ 5บรรพบุรุษของเจ้าอยู่ที่ไหน? พวกผู้เผยพระวจนะมีชีวิตอยู่เป็นนิตย์หรือ? 6แต่ถ้อยคำของเราและกฎเกณฑ์ของเรา ซึ่งเราได้บัญชาแก่ผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของเรา ก็ได้ติดตามบรรพบุรุษของเจ้าทันไม่ใช่หรือ? จนเขากลับใจแล้วกล่าวว่า ‘พระยาห์เวห์จอมทัพทรงทำแก่เราตามความประพฤติของเราโดยพระประสงค์ของพระองค์’ ”

นิมิตที่หนึ่งเรื่องคนขี่ม้า

 7เมื่อวันที่ 24 เดือนที่ 11 ซึ่งเป็นเดือนเชบัท ในปีที่ 2 แห่งรัชกาลดาริอัส พระวจนะของพระยาห์เวห์มายังผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์ บุตรเบเรคิยาห์ผู้เป็นบุตรอิดโด และเศคาริยาห์กล่าวว่า 8“คืนวันหนึ่ง ข้าพเจ้าได้มองดู และนี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งขี่ม้าสีแดงยืนอยู่ท่ามกลางต้นน้ำมันเขียวที่ลานหุบเขา มีม้าสีแดง สีแสด และสีขาวอยู่ข้างหลังคนนั้น 9แล้วข้าพเจ้าจึงถามว่า ‘นายเจ้าข้า เหล่านี้คืออะไร?’ ทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้าบอกว่า ‘เราจะสำแดงให้เจ้าทราบว่า เหล่านี้คืออะไร’ 10ชายที่ยืนอยู่ท่ามกลางต้นน้ำมันเขียวจึงบอกว่า ‘เหล่านี้คือผู้ที่พระยาห์เวห์ทรงใช้ให้ไปเที่ยวตรวจแผ่นดินโลก’ 11และเขาเหล่านั้นได้ตอบทูตของพระยาห์เวห์ผู้ยืนอยู่ท่ามกลางต้นน้ำมันเขียวว่า ‘เราได้ตรวจแผ่นดินโลกแล้ว นี่แน่ะ ทั้งโลกก็สงบ’ 12แล้วทูตของพระยาห์เวห์กล่าวว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมทัพ อีกนานเท่าใด พระองค์จะไม่ทรงเมตตากรุงเยรูซาเล็มและเมืองอื่นๆ แห่งยูดาห์ ซึ่งพระองค์ก็กริ้วมา 70 ปีแล้วพระเจ้าข้า?’ 13และพระยาห์เวห์ทรงตอบทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนากับข้าพเจ้า เป็นถ้อยคำที่แสดงความเมตตาและชูใจ 14ทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนาอยู่กับข้าพเจ้าจึงกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า ‘จงร้องประกาศว่า พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า เรามีความหวงแหนกรุงเยรูซาเล็ม คือกรุงศิโยนเป็นอย่างยิ่ง 15เราโกรธประชาชาติมากที่อยู่อย่างสบายๆ เพราะเมื่อเราโกรธแต่น้อย เขาทำให้เหตุการณ์ยากลำบากมากขึ้น 16เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์จึงตรัสว่า เราจะกลับมายังกรุงเยรูซาเล็มด้วยความกรุณา พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า เราจะต้องให้มีการสร้างนิเวศของเราขึ้นไว้ในนั้นและขึงเชือกวัดไว้เหนือกรุงเยรูซาเล็ม 17จงร้องประกาศอีกว่า พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า เมืองของเราจะไพบูลย์ท่วมท้นไปด้วยความมั่งคั่งอีก และพระยาห์เวห์จะปลอบศิโยนและเลือกสรรกรุงเยรูซาเล็มอีกครั้งหนึ่ง’ ”

นิมิตที่สองเรื่องเขาสัตว์และช่างเหล็ก

 18“ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นแลเห็น นี่แน่ะ มีเขาสัตว์ 4 เขา 19ข้าพเจ้าจึงถามทูตสวรรค์ที่สนทนาอยู่กับข้าพเจ้าว่า ‘เหล่านี้คืออะไร?’ ท่านจึงตอบข้าพเจ้าว่า ‘เหล่านี้คือเขาสัตว์ที่ขวิดยูดาห์ อิสราเอล และเยรูซาเล็มให้กระจัดกระจายไป’ 20แล้วพระยาห์เวห์จึงทรงสำแดงให้ข้าพเจ้าเห็นช่างเหล็ก 4 คน 21และข้าพเจ้าจึงถามว่า ‘คนเหล่านี้มาทำอะไรกัน?’ พระองค์ทรงตอบว่า ‘เขาสัตว์เหล่านี้มาขวิดยูดาห์ให้กระจัดกระจายไป จนไม่มีใครยกศีรษะขึ้นได้อีก และช่างเหล่านี้มาทำให้เขาสัตว์หวาดกลัว เพื่อจะเหวี่ยงเขาแห่งประชาชาติลง คือชาติทั้งหลายที่ยกเขาของตนมาขวิดแผ่นดินยูดาห์ทำให้กระจัดกระจายไป’

เศคาริยาห์ 2

นิมิตที่สามเรื่องคนที่มีเชือกวัด

 1“ข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นแลเห็น นี่แน่ะ ชายคนหนึ่งมีเชือกวัดอยู่ในมือ 2ข้าพเจ้าจึงถามว่า ‘ท่านจะไปไหน?’ เขาจึงบอกข้าพเจ้าว่า ‘จะไปวัดเยรูซาเล็มดูว่า กว้างเท่าใด ยาวเท่าใด’ 3นี่แน่ะ ทูตสวรรค์ที่ได้สนทนากับข้าพเจ้าก็ก้าวออกไป และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งก็ก้าวออกไปพบกับท่าน 4และบอกท่านว่า ‘วิ่งสิ บอกชายหนุ่มคนนั้นว่า จะมีคนมาอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มเหมือนอย่างหมู่บ้านที่ไม่มีกำแพงล้อม เพราะว่าประชาชนและสัตว์เลี้ยงในนั้นจะมีมากมาย 5เราจะเป็นเหมือนกำแพงเพลิงล้อมเธอไว้ และเราจะเป็นศักดิ์ศรีในเมืองนั้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ’

ทรงเรียกพวกเชลยให้กลับ

 6“พระยาห์เวห์ตรัสว่า เฮ้ เฮ้ จงหนีไปให้พ้นจากดินแดนทางเหนือ พระยาห์เวห์ตรัสว่า เพราะเราได้กระจายพวกเจ้าออกดังลมทั้งสี่ทิศของท้องฟ้า 7เฮ้ เจ้าผู้ที่อยู่กับธิดาของบาบิโลน จงหนีไปยังศิโยน 8พระยาห์เวห์จอมทัพจึงตรัสกับประชาชาติที่ปล้นเจ้าดังนี้ (เมื่อพระสิริใช้ข้าพเจ้าให้ไป) ‘ผู้ใดได้แตะต้องเจ้า ก็ได้แตะต้องแก้วพระเนตรของพระองค์’ 9นี่แน่ะ เราจะสั่นมือของเราเหนือพวกเขา และเขาจะเป็นสิ่งที่ถูกปล้นให้แก่ทาสของเขาเอง ‘แล้วเจ้าจะได้ทราบว่าพระยาห์เวห์จอมทัพใช้ข้าพเจ้ามา’ 10โอ บุตรีแห่งศิโยนเอ๋ย จงโห่ร้องและร่าเริงเถิด เพราะนี่แน่ะเรามาและจะอยู่ท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ 11ประชาชาติจำนวนมากจะสมทบกันเข้าเป็นฝ่ายพระยาห์เวห์ในวันนั้น และจะเป็นประชากรของเรา และเราจะอยู่ท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย ‘และเจ้าจะทราบว่าพระยาห์เวห์จอมทัพได้ใช้ข้าพเจ้ามายังเจ้า’ 12และพระยาห์เวห์จะทรงรับยูดาห์เป็นมรดก เป็นส่วนของพระองค์ในแผ่นดินบริสุทธิ์ และจะเลือกสรรกรุงเยรูซาเล็มอีกครั้งหนึ่ง
 13“บรรดามนุษย์เอ๋ย จงนิ่งสงบอยู่ต่อพระยาห์เวห์ เพราะว่าพระองค์ทรงลุกขึ้นและเสด็จจากที่ประทับอันบริสุทธิ์ของพระองค์แล้ว

เศคาริยาห์ 3

นิมิตที่สี่เรื่องโยชูวามหาปุโรหิตกับซาตาน

 1“แล้วทูตสวรรค์ได้แสดงให้ข้าพเจ้าเห็นโยชูวามหาปุโรหิตซึ่งยืนอยู่หน้าทูตของพระยาห์เวห์ และซาตานยืนอยู่ข้างขวามือของท่าน จะฟ้องท่าน 2และพระยาห์เวห์ตรัสกับซาตานว่า ‘โอ ซาตาน พระยาห์เวห์ทรงว่ากล่าวเจ้าเถอะ พระยาห์เวห์ผู้ทรงเลือกสรรกรุงเยรูซาเล็มทรงว่ากล่าวเจ้า นี่เป็นดุ้นฟืนที่ฉวยออกมาจากไฟไม่ใช่หรือ?’ 3โยชูวาสวมเสื้อตำแหน่งสกปรกยืนอยู่หน้าทูตสวรรค์ 4และทูตสวรรค์บอกพวกที่ยืนอยู่ข้างหน้าท่านว่า ‘จงเปลื้องเสื้อตำแหน่งที่สกปรกออกจากเขาเสีย’ และทูตสวรรค์พูดกับท่านว่า ‘นี่แน่ะ เราได้เอาความผิดบาปออกไปเสียจากเจ้าแล้ว และเราจะประดับตัวเจ้าด้วยเสื้อผ้าดีๆ’ 5และข้าพเจ้าว่า ‘จงให้เขาเอาผ้าสะอาดมาโพกศีรษะของท่าน’ เขาจึงโพกผ้าสะอาดและสวมเสื้อตำแหน่งให้ท่าน ทูตของพระยาห์เวห์ก็ยืนอยู่
 6“และทูตของพระยาห์เวห์จึงกล่าวเตือนโยชูวาว่า 7‘พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้ว่า ถ้าเจ้าดำเนินตามมรรคาของเรา และรักษาคำกำชับของเรา เจ้าจะได้ปกครองนิเวศของเรา และดูแลบริเวณของเรา และเราจะให้เจ้ามีสิทธิที่จะเข้าไปท่ามกลางผู้ที่ยืนอยู่ที่นี่ 8โอ โยชูวามหาปุโรหิต จงฟังเถิด ทั้งเจ้าและพวกสหายของเจ้าผู้ที่นั่งอยู่ข้างหน้าเจ้า เพราะคนเหล่านี้เป็นลางดี นี่แน่ะ เราจะนำผู้รับใช้ของเรามา คือพระอังกูร 9เพราะว่า นี่แน่ะ เราจะสลักข้อความบนศิลาซึ่งเราตั้งไว้หน้าโยชูวา พระยาห์เวห์จอมทัพตรัส เป็นศิลาก้อนเดียวที่มีเจ็ดหน้าและเราจะเปลื้องความผิดบาปของเมืองนี้ออกไปเสียในวันเดียว 10พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า ในวันนั้นเจ้าทุกคนจะเชิญเพื่อนบ้านของเจ้าให้มานั่งใต้เถาองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อของตน’

เศคาริยาห์ 4

นิมิตที่ห้าเรื่องเชิงตะเกียงและต้นมะกอก

 1“และทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้ามาอีก และปลุกข้าพเจ้าเหมือนคนที่เพิ่งตื่นจากการนอนของเขา 2และท่านถามข้าพเจ้าว่า ‘เจ้าเห็นอะไร?’ ข้าพเจ้าตอบว่า ‘ข้าพเจ้าเห็นเชิงตะเกียงทำด้วยทองคำล้วนอันหนึ่งมีชามอยู่ที่ยอด และมีตะเกียงอยู่บนนั้น 7 ดวง และมีท่อ 7 ท่อนำไปยังตะเกียงซึ่งอยู่บนยอดนั้นดวงละท่อ 3และมีต้นมะกอก 2 ต้นอยู่ข้างๆ อยู่เบื้องขวาชามนั้นต้นหนึ่ง อยู่เบื้องซ้ายต้นหนึ่ง’ 4และข้าพเจ้าถามทูตสวรรค์ผู้ที่สนทนากับข้าพเจ้าว่า ‘นายเจ้าข้า นี่คืออะไร?’ 5ทูตสวรรค์ที่สนทนากับข้าพเจ้าตอบข้าพเจ้าว่า ‘นี่คืออะไร? เจ้าไม่ทราบหรือ?’ ข้าพเจ้าตอบว่า ‘นายเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่ทราบ’ 6แล้วท่านจึงตอบข้าพเจ้าว่า ‘นี่เป็นพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่ให้ไว้กับเศรุบบาเบลว่า ไม่ใช่ด้วยกำลัง ไม่ใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสดังนี้แหละ 7โอ ภูเขาใหญ่ เจ้าเป็นอะไรเล่า? ต่อหน้าเศรุบบาเบล เจ้าจะเป็นที่ราบ และเขาจะนำศิลาก้อนที่อยู่ยอดมาท่ามกลางการโห่ร้องว่า “งามจริง งามจริง” ’ 8“ยิ่งกว่านั้นพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังข้าพเจ้ากล่าวว่า 9มือของเศรุบบาเบลได้วางรากฐานของพระนิเวศนี้ และมือของเขาจะสร้างให้สำเร็จ (‘แล้วพวกเจ้าจึงจะทราบว่า พระยาห์เวห์จอมทัพได้ใช้ข้าพเจ้ามาหาเจ้า 10ใครจะดูหมิ่นวันแห่งการเล็กน้อย? เขาจะเปรมปรีดิ์เมื่อได้เห็นสายดิ่งที่อยู่ในมือของเศรุบบาเบล’)
 ‘ทั้งเจ็ดนี้คือบรรดาพระเนตรของพระยาห์เวห์ซึ่งมองอยู่ทั่วพิภพ’ 11แล้วข้าพเจ้าจึงถามท่านว่า ‘ต้นมะกอก 2 ต้นที่อยู่ข้างขวาและข้างซ้ายของเชิงตะเกียงนั้นคืออะไร?’ 12และข้าพเจ้าถามท่านเป็นครั้งที่สองว่า ‘กิ่งทั้งสองของต้นมะกอก ซึ่งอยู่ข้างท่อทองคำทั้งสอง ซึ่งเทน้ำมันออกนั้นคืออะไร?’ 13ท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า ‘เจ้าไม่ทราบหรือว่า เหล่านี้คืออะไร?’ ข้าพเจ้าตอบว่า ‘นายเจ้าข้า ข้าพเจ้าไม่ทราบ’ 14แล้วท่านจึงกล่าวว่า ‘ทั้งสองนี้คือผู้ที่ได้รับการเจิมเป็นผู้ยืนอยู่ข้างองค์เจ้านายของพิภพทั้งสิ้น’

อรรถาธิบาย

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปกครองอยู่เหนือเหตุการณ์ต่าง ๆ และประวัติศาสตร์

ไม่ใช่แค่ชีวิตของคุณเองเท่านั้นที่สิ่งต่างๆ อาจผิดพลาดได้ และคุณอาจสงสัยว่า พระเจ้าทรงควบคุมอยู่จริงๆ ไหม บางครั้งเมื่อเรามองเหตุการณ์ต่าง ๆ หรือประวัติศาสตร์โลก ก็ทำให้เราตั้งคำถามว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พระเจ้าทรง ‘ปกครอง’ อยู่ท่ามกลางความยุ่งเหยิงเหล่านี้จริง ๆ หรือ?

เหล่าผู้ฟังของเศคาริยาห์ในยุคนั้น จำเป็นต้องได้รับการเตือนใจว่า ‘พระเจ้าทรงปกครองอยู่’ เขาเป็นปุโรหิตและผู้เผยพระวจนะ ผู้ซึ่งทำนายว่า ผู้คนที่กลับมาสู่การล่มสลายของกรุงเยรูวาเล็ม หลังจาก ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยอยู่หลายปี เศคาริยาห์ช่วยผู้คนให้มองขึ้นไปที่พระเจ้าด้วยถ้อยคำแห่งความหวังและความรอด พระเจ้าปกครองอยู่ และพระองค์ยังไม่เสร็จพระราชกิจกับประชากรของพระองค์!

หัวใจของความหวังที่ได้รับการรื้อฟื้นขึ้น คือ พระสัญญาแห่งความสัมพันธ์ที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นใหม่กับพระเจ้า ซึ่งสำเร็จอย่างสมบูรณ์ผ่านพระเยซู เราได้เห็นภาพของพระเยซูครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านนิมิตเหล่านี้

  1. พระเจ้าจะเสด็จกลับมา (บทที่ 1) พระธรรมนี้เริ่มต้นด้วยการเรียกให้กลับใจใหม่ เพราะพระเจ้าทรงเรียกให้ประชากรกลับมาหาพระองค์โดยมีพระสัญญามาควบคู่กัน ‘กลับมาหาเรา’ องค์พระผู้เป็นเจ้าจอมทัพประกาศดังนี้ ‘แล้วเราจะกลับมาหาเจ้า’ (1:3) การกลับมาหาพระเจ้าหมายถึงการกลับใจใหม่และสารภาพความผิดของเราต่อพระเจ้า (ข้อ 6)

พระสัญญาของพระเจ้าที่จะเสด็จกลับมา ถูกอธิบายด้วยนิมิตของชายผู้ขี่ม้าสีแดง (ข้อ 8) พระเจ้าทรงสัญญาว่า ‘ทุกอย่างอยู่ในการควบคุม’ (ข้อ 11 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระองค์ทรงห่วงใยพวกเขา (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครองและพระองค์ทรงรักคุณ ดูเหมือนว่า ต้นมะกอกคือภาพของประชากรของพระเจ้า และคริสตจักรในตอนนี้ และเป็นสัญลักษณ์ของพระเยซู (ชายผู้ขี่ม้าสีแดง) ผู้ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางคริสตจักรของพระองค์

หากเป็นกรณีนี้ พระเยซูคือผู้ที่อธิษฐานวิงวอนเพื่อคริสตจักร (ข้อ 12) คำอธิษฐานวิงวอนของพระองค์ได้รับการตอบ ‘เราจะต้องให้มีการสร้างนิเวศของเราขึ้น’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สิ่งนี้เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์แห่งการสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ในกรุงเยรูซาเล็ม และนำมาประยุกต์ใช้ได้ในคริสตจักร

  1. พระเจ้าจะทรงปกป้อง (บทที่ 2) ต่อไป เศคาริยาห์เห็นชายคนหนึ่งมีเชือกวัดอยู่ในมือ (2:1) อีกครั้ง นี่สามารถเป็นพระเยซูได้หรือไม่ พระเจ้าทรงสัญญาว่ากรุงเยรูซาเล็มจะเป็นเมืองที่ไม่มีกำแพงล้อม แต่พระองค์จะทรงสร้างกำแพงแห่งไฟโดยรอบ และเกียรติที่อยู่ภายในนั้น คริสตจักรคือกรุงเยรูซาเล็มใหม่ เมืองที่ไม่มีกำแพงล้อม (ข้อ 4) มันคือ ‘แก้วพระเนตรของพระองค์’ (ข้อ 8) พระวิญญาณของพระเจ้าอยู่ท่ามกลางเรา (ข้อ 10)

พระองค์ให้ความมั่นใจต่อพวกเขาว่า ‘ผู้ใดแตะต้องเจ้า ก็ได้แตะต้องเรา’ (ข้อ 8 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระองค์ทรงสัญญาว่า ‘เราจะมาอยู่ท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย’ (ข้อ 10 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

  1. พระเจ้าจะทรงให้อภัย (บทที่ 3) ผมมีนิสัยชอบเสียบปากกาไว้ที่กระเป๋าข้างหลังกางเกง และนั่งทับมัน ทำให้มีคราบหมึกเปื้อนอยู่ แม้ว่ากางเกงจะถูกซักกี่ครั้งแล้วก็ตาม

คุณไม่สามารถลบร่องรอยแห่งความบาปของคุณเองได้ แต่พระเยซูทรงสามารถทำได้

ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าปรากฏตัวขึ้นเพื่อทำนายถึงพระเยซู การยืนต่อหน้าพระเยซู เศคาริยาห์เห็นโยชูวามหาปุโรหิต และซาตาน ยืนอยู่ทางด้านขวาเพื่อกล่าวหาเขา (3:1) ชื่อ ‘ซาตาน’ แปลว่า ‘ผู้กล่าวหา’ (ดู วิวรณ์ 12:10)

แต่พระเยซูทรงมีฤทธิ์อำนาจมากกว่าซาตาน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงขนาบซาตาน และกล่าวถึงโยชูวาว่า ‘นี่เป็นดุ้นฟืนที่ฉวยออกมาจากไฟมิใช่หรือ?’ (เศคาริยาห์ 3:2) นี่คือภาพที่สามารถนำมาประยุกต์ได้กับทุกคนที่ได้รับการกอบกู้โดยพระเยซู

โยชูวาสวม ‘เสื้อตำแหน่งสกปรก’ ยืนอยู่ต่อหน้าพระเยซู (ข้อ 3) ผู้ซึ่งกล่าวว่า ‘จงเปลื้องเสื้อตำแหน่งที่สกปรกออกจากเขาเสีย...นี่แน่ะ เราได้เอาความผิดบาปออกไปเสียจากเจ้าแล้วและเราจะประดับเจ้าด้วยเสื้อผ้าดี ๆ’ (ข้อ 4) พระเยซูทรงชำระคุณให้สะอาด และใส่เสื้อผ้าใหม่ให้คุณผ่านทางไม้กางเขน

องค์พระผู้เป็นเจ้าองค์จอมทัพตรัสว่า ‘เราจะนำผู้รับใช้ของเรามา’ (ข้อ 8 และดู เยเรมีย์ 23:5จ) และกล่าวต่อไปว่า ‘และเราจะเปลื้องความผิดบาปของเมืองนี้ออกไปเสียในวันเดียว’ (เศคาริยาห์ 3:9) ประเด็นข้อนี้อยู่ในวันศุกร์ประเสริฐแรก เมื่อพระเยซูทรงกำจัดบาปทั้งสิ้นของเราออกไปในวันเดียว

ผลลัพธ์คือ ‘ในวันนั้นเจ้าทุกคนจะเชิญเพื่อนบ้านของเจ้าให้มานั่งใต้เถาองุ่นและใต้ต้นมะเดื่อของตน’ (ข้อ 10) นี่เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ ความมั่นคง และความมั่งมี

  1. พระเจ้าจะทรงประทานพระวิญญาณของพระองค์แก่คุณ (บทที่ 4)

พระวจนะพระเจ้ามาถึงเศรุบบาเบล ‘ไม่ใช่ด้วยกำลัง ไม่ใช่ด้วยฤทธานภาพ แต่ด้วยวิญญาณของเรา’ (4:6) ทั้งพระวิหารและคริสตจักรนั้นไม่ได้สร้างขึ้นด้วยกำลังหรือแรง ‘เจ้าไม่สามารถบังคับสิ่งเหล่านี้ได้ แต่ด้วยวิญญาณของเรา’ (ข้อ 6 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คุณกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้อยู่หรือเปล่า คุณไม่สามารถเอาชนะมันได้ด้วยแค่พลังความตั้งใจ ทูลขอความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

อย่าดูหมิ่น ‘วันแห่งการเล็กน้อย’ (ข้อ 10) อย่ามองความสำเร็จที่ดูเหมือนเล็กน้อยว่าไม่สำคัญ อย่าดูถูก ‘การเริ่มต้น’ เล็ก ๆ อย่างถ่อมใจ ราชอาณาจักรของพระเจ้าเริ่มต้นขึ้นด้วยเมล็ดมัสตาร์ดเพียงเมล็ดเดียว ซึ่งเติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่ จำนวนเพียงเล็กน้อยนั้นสำคัญสำหรับพระเจ้า ไม่มีสิ่งใดเล็กน้อยถ้าพระเจ้าทรงอยู่ในสิ่งนั้น สิ่งยิ่งใหญ่ทั้งสิ้นต่างก็เริ่มต้นมาจากสิ่งเล็ก ๆ ทั้งนั้น ไม่มีสิ่งใดเลยที่คุณทำเพื่อพระเจ้าแล้วพระเจ้าจะไม่เห็นหรือไม่ได้ให้รางวัลแก่คุณ คุณอาจจะยังไม่ได้เห็นผลของมันแต่คุณกำลังทำพระประสงค์ของพระเจ้าให้สำเร็จ อย่าล้มเลิกความฝันของคุณ

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงปกครองอยู่ พระองค์เป็นผู้ควบคุมดูแลประวัติศาสตร์และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในความรักอันทรงฤทธานุภาพของพระองค์ ด้วยพระวิญญาณของพระองค์ จากวันแห่งการเริ่มต้นเล็กๆ พระวิหารถูกสร้างขึ้นใหม่ ตอนนี้ คุณสามารถเชื่อวางใจให้พระองค์ทรงสร้างคริสตจักรของพระองค์ขึ้นใหม่ จากการเริ่มต้นอันเล็กน้อยโดยพระวิญญาณของพระองค์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณที่พระองค์ทรงกำจัดความบาปของข้าพระองค์ทั้งสิ้น และประทานสันติภาพ ความมั่นคง และความมั่งมีในฝ่ายจิตวิญญาณ ข้าพระองค์อธิษฐานที่พระองค์จะเทพระวิญญาณของพระองค์ลงมา และรื้อสร้างคริสตจักรของพระองค์ขึ้นใหม่

เพิ่มเติมโดยพิพพา

3 ยอห์น 2

'ข้าพเจ้าอธิษฐานขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง และมีความสุขความจำเริญทุกอย่าง...’

นี่ดูเป็นคำอธิษฐานที่ดีที่จะใช้อธิษฐานเผื่อครอบครัว และ เพื่อน ๆ ใน คริสตมาสที่จะถึงนี้

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม