วัน 349

การทำสิ่งที่ยากในทางที่ถูกต้อง

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 30:11-23
พันธสัญญาใหม่ วิวรณ์​ 5:1-14
พันธสัญญาเดิม เอสเธอร์ 9:1-10:3

เกริ่นนำ

การทำสิ่งที่ยากทำให้เราต้องเป็นเหมือนอย่างสิงโต คือ ต้องชัดเจน ดุดัน และกล้าหาญ ส่วนการทำสิ่งต่าง ๆ ในทางที่ถูกต้อง หมายถึง การเป็นเหมือนลูกแกะ คือ อ่อนโยน ถ่อมตน และยอมรับต่อสิทธิอำนาจ เราควรเป็นส่วนผสมตามแนวทางของพระเจ้า จากคุณลักษณะทั้งสองอย่างนื้ คือ สิงโต และลูกแกะ

แต่คน ๆ หนึ่งจะเป็นทั้ง ‘สิงโต' และ ‘ลูกแกะ’ ได้อย่างไร?

ในหนังสือนาร์เนียของซี.เอส. ลูอิส สิงโตที่ชื่ออัสลานเป็นตัวแทนของพระเยซู หนึ่งเล่มที่โด่งดังที่สุดในหนังสือชุดนี้ คือตอน ราชสีห์ แม่มด กับตู้พิศวง ซึ่งอัสลานถูกสังหาร :

“มัดมันไว้” นางแม่มดร้องสำทับอีกครั้งหนึ่ง... “โกนขนมันเสียก่อน” …ใบหน้าที่ถูกกล้อนโกนของเขายิ่ง… ทวีความกล้าหาญ ความงาม, และความอดกลั้นอดทนยิ่งกว่าเดิมเสียอีก “ใส่ขลุมปากไว้!” นางแม่มดร้องลั่น … ลูกสมุนชั้นเลว ทั้งหมดกลุ้มรุมเข้ามาเตะ ทุบถอง ถ่มน้ำลายรด และส่งเสียงเย้ยหยันเขา…ทุกตัวต้องออกแรงเต็มที่จึงยกสิงโตที่ร่างถูกมัดและปากใส่ขลุมนั้นขึ้นไปบนโต๊ะได้”

จากนั้น ‘มีเสียงดังขึ้นทางด้านหลัง เหมือนบางสิ่งบางอย่างแตกทำลาย..โต๊ะหินแตกออกเป็นสองส่วน มีรอยแยกจากกันตลอดแผ่นจากหัวจรดเท้า ที่ยืนอยู่กลางแสงอาทิตย์จนเห็นเรืองรองไปทั้งตัว ดูตัวใหญ่กว่าเดิม เขาสบัดแผงคอ (ซึ่งคงจะงอกขึ้นใหม่) อย่างสง่างาม’ อัสลานบอกกับพวกเขาว่า ‘หากเชลยซึ่งมิได้ทรยศ แต่ยอมถูกฆ่าด้วยความสมัครใจของตนแทนผู้ทรยศแล้ว โต๊ะนั้นก็จะหักออกเป็นสองส่วน และความตายก็จะย้อนกลับ’

ในพระธรรมวิวรณ์ เราเห็นพระเยซูยืนขึ้นที่ศูนย์กลางแห่งพระบัลลังก์แห่งฟ้าสวรรค์ พระองค์ทรงเป็นสิงห์และลูกแกะ พระองค์ทรงเป็นทั้งชัยชนะ (‘ทรงมีชัยชนะแล้ว’ 5:5) และถูกปลงพระชนม์ (‘พระองค์ถูกปลงพระชนม์’, ข้อ 9) ในทางที่สร้างสรรค์และเต็มไปด้วยอำนาจ ซี.เอส. ลูอิส แสดงให้เห็นว่า พระเยซูสามารถเป็นได้ทั้ง ‘สิงห์แห่งเผ่ายูดาห์’ (วิวรณ์ 5:5) และ ‘พระเมษโปดกทรงยืนอยู่ เหมือนดังถูกปลงพระชนม์แล้ว’ (ข้อ 6)

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 30:11-23

13มีคนที่ดวงตาแสดงความยโส
 และหนังตาแสดงความถือดี
14มีคนที่ฟันของเขาเป็นดาบ
 ฟันกรามของเขาเป็นมีด
เพื่อจะทำลายคนยากจนเสียจากแผ่นดิน
 และคนขัดสนเสียจากมนุษย์
15ปลิงมีลูกตัวเมียสองตัว
 พวกมันร้องว่า “ให้ฉัน ให้ฉัน”
มีสามสิ่งที่ไม่เคยอิ่ม
 สี่สิ่งไม่เคยพูดว่า “พอแล้ว”
16คือแดนคนตาย ครรภ์ของหญิงหมัน
 แผ่นดินโลกที่ไม่อิ่มน้ำ
 และไฟที่ไม่เคยพูดว่า “พอแล้ว”
17ดวงตาที่เยาะเย้ยบิดา
 และดูถูกไม่ฟังมารดา
จะถูกฝูงกาแห่งหุบเขาจิกออก
 และลูกนกแร้งจะกินเสีย
18มีสามสิ่งที่ประหลาดล้ำสำหรับข้า
 สี่สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ
19คือ ท่าทางของนกอินทรีบนท้องฟ้า
 ท่าทางของงูบนหิน
ท่าทางของเรือในท้องทะเล
 และท่าทางของชายหนุ่มต่อหญิงสาว
20นี่เป็นท่าทางของหญิงผู้ล่วงประเวณี
 คือ นางรับประทาน และนางเช็ดปาก
 และนางพูดว่า “ฉันไม่ได้ประพฤติชั่ว”
21แผ่นดินสะเทือนภายใต้สามสิ่ง
 มันไม่อาจทนอยู่ใต้สี่สิ่ง
22คือ ทาสเมื่อได้เป็นพระราชา
 คนโง่เขลาเมื่อกินอิ่ม
23หญิงที่ไม่มีใครรักเมื่อได้สามี
 และสาวใช้เมื่อขึ้นมาแทนที่นายหญิงของตน

อรรถาธิบาย

จงรับการชำระโดยพระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์

เราจำเป็นต้องได้รับการชำระจากความบาปของเรา - จาก ‘ความโสโครก’ ของเรา ดังที่ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตบรรยายไว้ (ข้อ 12) ‘ความโสโครก’ ของความบาปนี้ปลอมตัวมาในแบบต่าง ๆ และแฝงมากับ:

  • \tการล้มเหลวในการอวยพรบิดามารดาของเรารวมไปถึงการเชื่อฟัง(ข้อ 11-12,17)
  • \tความหยิ่ง ที่สามารถปรากฏในรูปของ ‘ความยโส’ แห่งดวงตาและหนังตาที่แสดง ‘ความถือดี’ (ข้อ 13) ‘อย่ามัวติดอยู่ และคิดว่าท่านนั้นดีกว่าผู้อื่น’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
  • \tล้มเหลวในการดูแล ‘คนยากจน' และ ‘คนขัดสน’ (ข้อ 14)
  • \tบาปทางเพศ ที่ทำให้เข้าข้างตัวเองโดยการกล่าวว่า ‘ฉันไม่ได้ประพฤติชั่ว’ (ข้อ 20)

ภาวะที่เลวร้ายที่สุด คือ การไม่รู้ตัวว่าจำเป็นต้องได้รับการชำระบาป (ข้อ 12) เป็นสิ่งดีที่จะได้รับการชำระจากบาปของเรา

ในพันธสัญญาใหม่สำหรับวันนี้ เราเห็นสิ่งทรงสร้างทั้งปวงของพระเจ้านมัสการพระเมษโปดกที่ถูกนำไปปลงพระชนม์ เพราะ ‘ด้วยพระโลหิตเพื่อ “ถวายพระเจ้า” คือคนจากทุกเผ่า ทุกภาษา ทุกชนชาติและทุกประชาชาติ’ (วิวรณ์ 5:9) พระโลหิตของพระเยซูคือสิ่งที่ ‘ชำระเราให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น’ (1 ยอห์น 1:7)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์นั้นไม่เป็นผู้ที่ ‘คิดว่า’ ตนเอง ‘บริสุทธิ์’ (สุภาษิต 30:12) ขอโปรดชำระข้าพระองค์ด้วยพระโลหิตแห่งพระเมษโปดก ผู้ทรงซื้อข้าพระองค์ด้วยราคาสูงเพื่อพระเจ้า

พันธสัญญาใหม่

วิวรณ์​ 5:1-14

หนังสือม้วนและพระเมษโปดก

 1และในพระหัตถ์ขวาของพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น ข้าพเจ้าเห็นหนังสือม้วนหนึ่งซึ่งเขียนไว้ทั้งข้างในและข้างนอก และมีตราผนึกอยู่เจ็ดดวง 2และข้าพเจ้าได้เห็นทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์องค์หนึ่ง ประกาศด้วยเสียงดังว่า “ใครเป็นผู้ที่สมควรเปิดหนังสือม้วนและแกะตราของมันออก?” 3และไม่มีใครในสวรรค์ หรือบนแผ่นดินโลก หรือใต้แผ่นดินโลกที่สามารถเปิดหนังสือม้วนหรือดูหนังสือนั้น 4แล้วข้าพเจ้าก็ร้องไห้อย่างมาก เพราะไม่พบใครที่สมควรจะเปิดหนังสือม้วนหรือดูหนังสือนั้น 5แล้วมีคนหนึ่งในพวกผู้อาวุโสบอกกับข้าพเจ้าว่า “อย่าร้องไห้เลย นี่แน่ะ สิงโตแห่งเผ่ายูดาห์ ซึ่งเป็นรากเหง้าของดาวิดทรงมีชัยชนะแล้ว พระองค์จึงทรงสามารถเปิดหนังสือและแกะตราทั้งเจ็ดดวงได้”
 6และระหว่างพระที่นั่งกับสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้น และท่ามกลางพวกผู้อาวุโส ข้าพเจ้าเห็นพระเมษโปดกทรงยืนอยู่ เหมือนดังถูกปลงพระชนม์แล้ว พระองค์ทรงมีเขาเจ็ดเขาและมีดวงตาเจ็ดดวง ซึ่งเป็นพระวิญญาณทั้งเจ็ดของพระเจ้า ที่พระเจ้าทรงส่งออกไปทั่วแผ่นดินโลกแล้ว 7และพระเมษโปดกทรงเข้ามา และทรงรับม้วนหนังสือจากพระหัตถ์ขวาของพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น 8เมื่อพระองค์ทรงรับหนังสือนั้นแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งสี่และผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนนั้น ก็ทรุดตัวลงเฉพาะพระพักตร์พระเมษโปดก แต่ละคนถือพิณและถือชามทองคำบรรจุเครื่องหอม ซึ่งเป็นคำอธิษฐานของบรรดาธรรมิกชน 9และเขาทั้งหลายก็ร้องเพลงบทใหม่ ว่า

“พระองค์ทรงเป็นผู้ที่สมควรจะรับม้วนหนังสือ
 และทรงแกะตราหนังสือนั้นออก
เพราะพระองค์ถูกปลงพระชนม์และทรงไถ่คนด้วยพระโลหิตเพื่อถวายพระเจ้า
 คือคนจากทุกเผ่า ทุกภาษา ทุกชนชาติและทุกประชาชาติ
10พระองค์ทรงทำให้เขาเป็นอาณาจักรและเป็นปุโรหิตของพระเจ้าของเรา
 และพวกเขาจะครอบครองบนแผ่นดินโลก”

 11แล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นและได้ยินเสียงของทูตสวรรค์มากมายนับจำนวนเป็นแสนๆ เป็นล้านๆ ที่อยู่รอบพระที่นั่ง รอบพวกสิ่งมีชีวิต และรอบบรรดาผู้อาวุโส 12ร้องเสียงดังว่า

“พระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์แล้วนั้นทรงสมควรได้รับ
 ฤทธานุภาพ ทรัพย์สมบัติ พระปัญญา พระกำลัง
 พระเกียรติ พระสิริ และคำสดุดี”

 13แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงสิ่งที่ทรงสร้างทั้งหมด ทั้งในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก ใต้แผ่นดินโลก ในมหาสมุทร และทุกสิ่งซึ่งอยู่ในที่เหล่านั้น ร้องว่า

“ขอให้คำสดุดี พระเกียรติ พระสิริและอานุภาพ
 จงมีแด่พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งและแด่พระเมษโปดก
 ตลอดไปเป็นนิตย์”

 14และสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้นก็ร้องว่า “อาเมน” และบรรดาผู้อาวุโสก็ทรุดตัวลงและนมัสการ

อรรถาธิบาย

นมัสการพระเมษโปดกผู้ทรงเป็นสิงห์ด้วย

บางครั้ง ผมพบว่าตนเองทำตัวเหมือนอย่างลูกแกะ ในขณะที่ควรเป็นสิงโต ผมทำตัวเองว่าง่ายทั้ง ๆ ที่ผมควรชัดเจน ดุดัน และกล้าหาญ และในครั้งอื่นๆ ที่ผมทำตัวเหมือนสิงโตทั้ง ๆ ที่ควรเป็นลูกแกะมากกว่า ผมดุดันมากเกินไปทั้ง ๆ ที่ผมควรจะอ่อนโยน ถ่อมตน และยอมรับในสิทธิอำนาจ

พระเยซูทรงต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามที่ทรงอำนาจด้วยความกล้าดุจสิงห์ ตัวอย่างเช่น เมื่อทรงไล่คนแลกเงินออกจากพระวิหาร ในอีกด้านหนึ่งหญิงที่ถูกจับด้วยข้อหาล่วงประเวณี (ยอห์น 8:1-11) พระองค์กลับเต็มไปด้วยพระคุณและความอ่อนสุภาพดั่งลูกแกะ ทั้ง ๆ ที่ทรงสามารถดุดันได้ สิ่งที่ท้าทายสำหรับเราคือ การทำตามแบบอย่างผู้ที่เรานมัสการ

เกิดอะไรขึ้นในสวรรค์ตอนนี้? ยอห์นบอกเราว่าเมื่อเขามองเข้าไปในสวรรค์ เขาเห็นคนนับล้านนมัสการพระเยซู ‘สิงห์’ ผู้ซึ่งเป็น ‘ลูกแกะ’ อีกด้วย พระเยซูคือกุญแจในการทำความเข้าใจประวัติศาสตร์และความรอด

บนโลกนี้ เราพบว่ามันยากที่จะเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น แผนการของพระเจ้าและวัตถุประสงค์ของพระองค์ต่อประวัติศาสตร์และความรอดคืออะไร? แผนการของพระเจ้าและวัตถุประสงค์ของพระองค์ต่อชีวิตของผมและของคุณคืออะไร? หนังสือม้วน ‘ตราผนึกอยู่เจ็ดดวง’ (วิวรณ์ 5:1) อาจจะเป็นตัวแทนของแผนการณ์และวัตถุประสงค์ของพระเจ้า

ไม่มีใครในสวรรค์ หรือบนแผ่นดินโลก หรือใต้ผืนแผ่นดินโลกที่คู่ควรที่สามารถเปิดหนังสือม้วน หรือดูหนังสือนั้นนั้น มีเพียงพระเยซูเท่านั้น ‘สิงโตแห่งเผ่ายูดาห์’ ผู้ที่มีชัยชนะ (ข้อ 2-5)

พระเยซูทรงยืน ณ จุดนี้ในสง่าราศีและความเป็นกษัตริย์ มีเพียงพระเยซูเท่านั้นที่สามารถเปิดความลับแห่งประวัติศาสตร์ แผนการของพระเจ้าแห่งความรอดและวัตถุประสงค์ของพระองค์ต่อชีวิตของเราแต่ละคน

สิงห์ยังเป็นลูกแกะอีกด้วย ‘พระเมษโปดก ทรงยืนอยู่ เหมือนดังถูกปลงพระชนม์แล้ว...ทรงเข้ามาและทรงรับม้วนหนังสือจากพระหัตถ์ขวาของพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น เมื่อพระองค์ทรงรับหนังสือนั้นแล้ว สิ่งมีชีวิตทั้งสี่และผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนนั้นก็ทรุดตัวลงนมัสการเฉพาะพระพักตร์พระเมษโปดก’ (ข้อ 6-7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเมษโปดกได้รับการนมัสการจากทุกสรรพสิ่งที่ทรงสร้างไปตามระเบียบและทั้งคริสตจักรก็ทรุดตัวลงต่อหน้าพระองค์

นี่คือความจริงอันน่าทึ่ง คำอธิษฐานบนโลกนี้ของคุณมีผลต่อการนมัสการในสวรรค์ ‘แต่ละคนถือพิณและถือชามทองคำบรรจุเครื่องหอม ซึ่งเป็นคำอธิษฐานของบรรดาธรรมิกชน’ (ข้อ 8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คำอธิษฐานของคุณนั้นเติมชามทองคำแห่งสวรรค์ คำอธิษฐานของคุณทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

‘เขาทั้งหลายร้องเพลงบทใหม่ว่า... “ทรงไถ่คนด้วยพระโลหิตเพื่อถวายพระเจ้า คือคนจากทุกเผ่า ทุกภาษา ทุกชนชาติและทุกประชาชาติ พระองค์ทรงทำให้เขาเป็นอาณาจักรและเป็นปุโรหิตของพระเจ้าของเรา และพวกเขาจะครอบครองบนแผ่นดินโลก”’ (ข้อ 9-10)

‘แล้วข้าพเจ้าก็ได้เห็นและได้ยินเสียงของทูตสวรรค์เป็นจำนวนมากมายนับจำนวนเป็นแสน ๆ เป็นล้าน ๆ’ (ข้อ 11ก) มีทูตสวรรค์มากกว่าหนึ่งร้อยล้านองค์ที่นมัสการพระเยซู:

‘พระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์แล้วนั้นทรงสมควรได้รับการสรรเสริญ!  ฤทธานุภาพ ทรัพย์สมบัติ พระปัญญา พระกำลัง!
 พระเกียรติ พระสิริ และคำสดุดี!’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

มีบางสิ่งที่ทรงพลังอย่างไม่ธรรมดาเกี่ยวกับมหาชนที่ร่วมนมัสการพระเยซูด้วยกัน

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมผมรักการประชุมผู้นำ และสัปดาห์อัลฟ่าจากทั่วโลก เมื่อผู้คนกว่า 100 ชนชาติและภาษามารวมกัน ประชาชนและทุกเผ่ามารวมกัน นมัสการพระเยซู นี่ถือเป็นการลิ้มลองสวรรค์ล่วงหน้า

จุดนี้เราได้เห็นกิจกรรมแห่งฟ้าสวรรค์คือการนมัสการพระเยซู คุณจะร้องบทเพลงแห่งการช่วยกู้ ทั่วทั้งสวรรค์จะดังกึกก้องไปด้วยคำสรรเสริญ (ข้อ 13) มีวงดนตรีออเคสตร้าที่ยิ่งใหญ่และคณะนักร้องประสานเสียงที่ยิ่งใหญ่ รวมถึงดนตรีทุกประเภทที่บรรเลงพร้อมกันอย่างกลมเกลียว คุณถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการนมัสการแห่งพระสิริของพระเจ้า ซึ่งถูกเปิดเผยในพระเยซูคริสต์ สิงโตผู้ซึ่งเป็นลูกแกะ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์นมัสการพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นสิงห์แห่งเผ่ายูดาห์ผู้มีชัยชนะและพระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์ พระเจ้าข้า ข้าพระองค์อยากจะเป็นเหมือนพระเยซู และรู้ว่าเมื่อใดควรจะกล้าหาญ และมั่นใจดั่งสิงโต และเมื่อไรที่ควรถ่อมตนและอ่อนสุภาพดั่งลูกแกะ

พันธสัญญาเดิม

เอสเธอร์ 9:1-10:3

ศัตรูของพวกยิวพินาศ

 1ในวันที่สิบสามเดือนสิบสองคือเดือนอาดาร์ วันที่จะปฏิบัติตามพระบัญชาและกฤษฎีกาของกษัตริย์ ในวันนั้นเองที่ศัตรูของพวกยิวหวังจะมีอำนาจเหนือพวกยิว แต่กลับกลายเป็นวันที่พวกยิวได้มีอำนาจเหนือพวกที่เกลียดชังพวกเขา 2พวกยิวได้ชุมนุมกันตามเมืองต่างๆ ในทุกมณฑลของกษัตริย์อาหสุเอรัส เพื่อจะฆ่าบรรดาคนที่หาทางทำร้ายพวกเขา ไม่มีใครต่อต้านพวกเขาได้ เพราะความกลัวพวกยิวครอบงำชนทุกชาติ 3เจ้านายทั้งปวงของมณฑลและสมุหเทศาภิบาล และพวกข้าหลวงและเจ้าหน้าที่โครงการหลวง ก็ช่วยพวกยิวด้วย เพราะความกลัวโมรเดคัยครอบงำพวกเขา 4เพราะโมรเดคัยเป็นใหญ่อยู่ในพระราชวัง และชื่อเสียงของท่านเลื่องลือไปทั่วทุกมณฑล เพราะชายที่ชื่อโมรเดคัยนั้นมีอำนาจมากยิ่งขึ้นทุกที 5พวกยิวจึงโจมตีศัตรูทั้งหมดของตนด้วยดาบ ฆ่าและทำลาย และทำแก่ผู้ที่เกลียดชังพวกเขาตามใจชอบ 6ในสุสาเมืองป้อม พวกยิวได้ฆ่าและทำลายล้างเสีย 500 คน 7ได้ฆ่าปารชันดาธา ดาลโฟน อัสปาธา 8และโปราธา อาดัลยา อารีดาธา 9และปารมัชทา อารีสัย อารีดัยและไวซาธา 10คือพวกเขาได้ฆ่าบุตรชายทั้งสิบของฮามานบุตรฮัมเมดาธา ศัตรูของพวกยิว แต่ไม่ได้ปล้นข้าวของ
 11ในวันนั้นจำนวนคนที่ถูกฆ่าในสุสาเมืองป้อมก็ถูกนำมาเสนอกษัตริย์ 12กษัตริย์จึงตรัสกับพระราชินีเอสเธอร์ว่า “พวกยิวได้ฆ่าเสีย 500 คนในสุสาเมืองป้อม รวมทั้งบุตรชายทั้งสิบคนของฮามานด้วย ในมณฑลที่เหลืออยู่ของกษัตริย์ พวกเขาได้ทำอะไรกัน? บัดนี้เธอจะร้องขออะไร? เราจะให้เธอ คำทูลขอของเธอจะทูลขออะไรอีก? เราก็จะทำให้สำเร็จ” 13พระนางเอสเธอร์ทูลว่า “ถ้าเป็นที่พอพระทัยกษัตริย์ ในวันพรุ่งนี้ ขอให้พวกยิวที่อยู่ในสุสา ได้ทำตามกฤษฎีกาของวันนี้ และขอให้แขวนคอบุตรชายทั้งสิบของฮามานบนตะแลงแกง” 14กษัตริย์จึงทรงบัญชาให้ทำเช่นนั้น มีกฤษฎีกาออกในสุสา และพวกเขาแขวนคอบุตรทั้งสิบคนของฮามาน 15พวกยิวที่อยู่ในสุสาชุมนุมกันในวันที่สิบสี่ เดือนอาดาร์ด้วย และได้ฆ่า 300 คนในสุสา แต่พวกเขาไม่ได้ปล้นเอาข้าวของ
 16ส่วนพวกยิวอื่นๆ ซึ่งอยู่ในมณฑลต่างๆ ของกษัตริย์ก็ชุมนุมกันเพื่อปกป้องชีวิตให้พ้นจากศัตรู และฆ่าผู้ที่เกลียดชังพวกเขาเสีย 75,000 คน แต่ไม่ได้ปล้นข้าวของ 17เหตุนี้เกิดขึ้นในวันที่สิบสามเดือนอาดาร์ และในวันที่สิบสี่พวกเขาหยุดพัก และทำวันนั้นให้เป็นวันกินเลี้ยงและวันยินดี

เริ่มต้นเทศกาลปูริม

 18แต่พวกยิวที่อยู่ในสุสาชุมนุมกันในวันที่สิบสามและวันที่สิบสี่ และหยุดพักในวันที่สิบห้า ทำวันนั้นให้เป็นวันกินเลี้ยงและวันยินดี 19เพราะฉะนั้น พวกยิวในชนบทที่อยู่ตามเมืองรอบนอกได้ทำวันที่สิบสี่ของเดือนอาดาร์ให้เป็นวันยินดีและวันกินเลี้ยง และเป็นวันรื่นเริง และเป็นวันที่ส่งของขวัญไปให้กันและกัน
 20และโมรเดคัยบันทึกเหตุการณ์เหล่านี้และส่งจดหมายไปยังพวกยิวทั้งหมด ผู้อยู่ในมณฑลทั้งปวงของกษัตริย์อาหสุเอรัส ทั้งใกล้และไกล 21ชักชวนพวกเขาให้ถือวันที่สิบสี่เดือนอาดาร์ และวันที่สิบห้าเดือนเดียวกันทุกๆ ปี 22เป็นวันที่พวกยิวพ้นจากศัตรู และเป็นเดือนที่เปลี่ยนความโศกเศร้าเป็นความยินดี และการคร่ำครวญเป็นวันรื่นเริงให้แก่พวกเขา และให้พวกเขาถือเป็นวันเลี้ยงฉลองและวันยินดี เป็นวันที่ส่งของขวัญแก่กันและกัน และให้ของขวัญแก่คนจน
 23พวกยิวจึงตกลงทำตามที่พวกเขาเริ่มต้นไว้แล้ว และตามที่โมรเดคัยเขียนไปถึงพวกเขา 24เพราะฮามานบุตรฮัมเมดาธา คนอากัก ศัตรูของพวกยิวทั้งปวง ได้ปองร้ายต่อพวกยิวเพื่อทำลายพวกเขาและได้ทอดสลาก เพื่อล้างผลาญและทำลายพวกเขา 25แต่เมื่อพระนางเอสเธอร์เข้าเฝ้ากษัตริย์ พระองค์รับสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรให้แผนการร้ายซึ่งฮามานได้คิดต่อพวกยิวนั้นกลับตกลงบนศีรษะของเขาเอง และให้ตัวเขากับบุตรของเขาถูกแขวนบนตะแลงแกง 26เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงเรียกวันเหล่านี้ว่าปูริม ตามคำ “ปูร์” ดังนั้น เพราะทุกอย่างที่เขียนไว้ในจดหมายนี้ และเพราะสิ่งที่พวกยิวพบเห็นในเรื่องนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา 27พวกยิวจึงกำหนดและสัญญาว่าตัวพวกเขาเอง เชื้อสายของพวกเขา และทุกคนที่เข้าจารีตยิว จะถือสองวันนี้ดังที่บันทึกไว้ และตามวันเวลาที่กำหนดไว้ทุกปีไม่เว้นเลย 28และสัญญาว่าจะจดจำวันดังกล่าวนี้ และถือตลอดทุกชั่วอายุคน ทุกตระกูล ทุกมณฑลและทุกเมือง วันเทศกาลปูริมนี้จะไม่เลิกถือในท่ามกลางพวกยิว หรือการระลึกถึงวันเหล่านี้จะไม่สิ้นสุดไปในเชื้อสายของพวกเขาเลย
 29แล้วพระราชินีเอสเธอร์บุตรหญิงของอาบีฮาอิล พร้อมกับโมรเดคัยคนยิว ได้เขียนรับรองจดหมายฉบับที่สองนี้เรื่องเทศกาลปูริมอย่างหนักแน่น 30โมรเดคัยก็ส่งจดหมายไปถึงยิวทั้งปวงใน 127 มณฑลของอาหสุเอรัสเป็นคำอวยพรให้อยู่เย็นเป็นสุข 31และให้ถือเทศกาลปูริมตามกำหนดเวลา ดังที่โมรเดคัยคนยิวและพระราชินีเอสเธอร์มีรับสั่งพวกยิว และตามที่พวกเขาตั้งไว้สำหรับตนเองและสำหรับเชื้อสายของพวกเขาเกี่ยวกับการอดอาหารและการคร่ำครวญของพวกเขา 32พระเสาวนีย์ของพระนางเอสเธอร์กำหนดระเบียบการของเทศกาลปูริมไว้ และมีบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร

เอสเธอร์ 10

 1กษัตริย์อาหสุเอรัส มีรับสั่งให้เก็บส่วยทั่วแผ่นดิน และหมู่เกาะในทะเล 2พระราชกิจทั้งสิ้นอันทรงพลานุภาพกับเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของโมรเดคัย ซึ่งกษัตริย์ทรงยกท่านขึ้น ไม่ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งมีเดียและเปอร์เซียหรือ? 3เพราะโมรเดคัยคนยิว มีตำแหน่งรองจากกษัตริย์อาหสุเอรัส และท่านเป็นใหญ่ท่ามกลางพวกยิว และเป็นที่นิยมชมชอบของมวลญาติพี่น้องของท่าน เพราะท่านแสวงหาสิ่งดีให้ชนชาติของท่าน และพูดให้เกิดสันติสุขแก่พงศ์พันธุ์ทั้งสิ้นของท่าน

อรรถาธิบาย

เฉลิมฉลองชัยชนะของสิงห์แห่งเผ่ายูดาห์

พระเยซูทรงเป็นสิงห์ผู้ที่พลิกสถานการณ์ศัตรูฝ่ายวิญญาณของคุณ ทรงเป็นผู้ที่ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ ทรงเป็นเหตุแห่งเทศกาลความชื่นชมยินดี และการเฉลิมฉลอง ที่สุดแล้ว พระองค์ทรงเป็นเหตุผลที่เราให้ของขวัญแก่กันในวันคริสต์มาส นั่นก็เพื่อ ฉลองการเสด็จมาและชัยชนะของพระองค์

เอสเธอร์เป็น ‘ประเภทหนึ่ง’ ของพระคริสต์ คือที่ชีวิตของเธอเป็นเหมือนเงาสะท้อนล่วงหน้าของพระเยซู ถ้าพูดอย่างมนุษย์ ถ้าไม่ใช่เพราะการแทรกแซงของเธอ ชนชาติยิวคงถูกทำลายล้างสิ้นแล้ว การกระทำของเธอทำให้คนชั่วร้ายต้องพ่ายแพ้ นั่นคือ ฮามาน และนำอิสรภาพ ความชื่นชมยินดี และชัยชนะมาสู่ประชากรของพระเจ้า ‘กลับกลายเป็นวันที่พวกยิวได้มีอำนาจเหนือพวกที่เกลียดชังพวกเขา..ไม่มีใครต่อต้านพวกเขาได้’ (9:1-2)

จงวางใจพระเจ้าว่า ในตอนท้าย ความชั่วร้ายใด ๆ ที่ถูกวางแผนไว้เพื่อต่อต้านคุณจะไม่สำเร็จ พระเจ้าทรงสัญญาไว้ในพระเยซู ว่าจะให้ชัยชนะแก่คุณในท้ายที่สุด

ในระหว่างนี้ ให้คุณกล้าหาญดั่งสิงโตเช่นเดียวกับเอสเธอร์และโมรเดคัย และความเต็มใจดั่งลูกแกะ ที่จะมอบถวายชีวิตของพวกเขา เพื่อที่จะเชื่อฟังพระประสงค์ของพระเจ้า

สิ่งนี้นำให้ประชากรของพระเจ้า ‘ปลดปล่อยตนเองจากการถูกกดขี่ข่มเหง’ พวกเขา ‘เฉลิมฉลองด้วยการกินเลี้ยง และเสียงหัวเราะ…วันรื่นเริงและเป็นวันที่ส่งของขวัญไปให้กันและกัน’ (ข้อ 17-19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เหตุการณ์เหล่านี้เป็นเงาสะท้อนล่วงหน้าของเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่แห่งชัยชนะของ ‘สิงโตแห่งเผ่ายูดาห์ ซึ่งเป็นรากเหง้าของดาวิด’ (วิวรณ์ 5:5) ผ่านทางการมีชีวิตอยู่ การสิ้นพระชนม์ และการฟื้นคืนกลับมาของพระเยซู

ทรงนำ ‘ความโศกเศร้ากลับกลายเป็นความยินดี และการคร่ำครวญเป็นวันรื่นเริงให้แก่พวกเขา และให้พวกเขาถือเป็นวันเลี้ยงฉลองและวันยินดี เป็นวันที่ส่งของขวัญแก่กันและกัน และให้ของขวัญแก่คนยากจน’ (เอสเธอร์ 9:22, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) สิ่งนี้ควรเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองของเรา

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณสำหรับชัยชนะอันยิ่งใหญ่สูงสุดแห่งสิงห์ผู้ซึ่งเป็นพระเมษโปดกผู้ถูกปลงพระชนม์ ‘ขอให้คำสดุดี พระเกียรติ พระสิริ และอานุภาพ จงมีแด่พระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่ง และแด่พระเมษโปดกตลอดไปเป็นนิตย์’ (วิวรณ์ 5:13)

เพิ่มเติมโดยพิพพา

วิวรณ์ 5:8ข

‘แต่ละคนถือพิณและถือชามทองคำบรรจุเครื่องหอม ซึ่งเป็นคำอธิษฐานของธรรมิกชน’

ฉันชอบความจริงที่ว่าชามเหล่านั้นทำมาจากทอง มันทำให้เรารู้ว่าคำอธิษฐานของเรานั้นมีค่า และทุกคำอธิษฐานของเรา แม้แต่ของฉันเอง ได้เข้าไปอยู่ในนั้น

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม