วัน 362

ฮาเลลูยา

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 148:1-6
พันธสัญญาใหม่ วิวรณ์ 18:17ข-19:10
พันธสัญญาเดิม เนหะมีย์ 7:4-8:18

เกริ่นนำ

มีผู้คนกว่า 50 ล้านคนได้ดูคลิปวิดีโอยูทูปของเหล่านักช้อปที่ไร้ข้อสงสัยใด ๆ ระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งดูเหมือนกำลังทานอาหารกลางวันอย่างเอร็ดอร่อยที่ศูนย์อาหารลุกขึ้นยืน ดูเหมือนเธอกำลังใช้โทรศัพท์มือถืออยู่ และเธอเริ่มร้องประสานเสียง ‘ฮาเลลูยา’ รอบตัวเธอมีนักร้องโอเปร่ามากกว่า 100 คน (ชัดเจนว่า เป็นการเตรียมการล่วงหน้า) ซึ่งทะยอยลุกขึ้นทีละคนและร่วมร้องเพลง

พระเมสสิยาห์’ เป็นผลงานที่โด่งดังที่สุดของ จอร์จ เฟรเดอริค แฮนเดล ซึ่งเล่าเรื่องราวของพระเยซูผู้ซึ่งเป็นพระเมสสิยาห์ ส่วนที่สองเกี่ยวข้องกับการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน การฟื้นคืนพระชนม์ และการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ จบลงด้วยการร้องประสานเสียง ‘ฮาเลลูยา’ ในฤดูใบไม้ผลิของปีค.ศ. 1742 กษัตริย์จอร์จที่ 2 ทรงยืนขึ้นตั้งแต่โน๊ตแห่งชัยชนะตัวแรกของการร้องเพลงประสานเสียง ‘ฮาเลลูยา’ ดังขึ้น ตามระเบียบราชประเพณีปฏิบัติ หากกษัตริย์ลุกขึ้นยืนเมื่อใดทุกคนที่อยู่ตรงนั้นจะต้องลุกขึ้นยืนด้วยเช่นกัน ดังนั้น ผู้ร่วมการประชุมทุกคนรวมถึงนักดนตรีในวงออเคสตร้าจึงลุกขึ้นยืนด้วย กษัตริย์จอร์จที่ 2 ทรงยอมรับว่าพระองค์ก็ทรงอยู่ภายใต้สิทธิอำนาจแห่งจอมเจ้านายและจอมกษัตรา

คำว่า ‘ฮาเลลูยา’ เป็นการเชื้อเชิญสู่การนมัสการ ความหมายตามตัวอักษรคือ ‘การสรรเสริญ(ฮาลาล)พระเจ้า(ยาห์เวห์)’ ซึ่งปรากฎ 24 ครั้งในพันธสัญญาเดิม (ส่วนใหญ่ในพระธรรมสดุดี) และปรากฎ 4 ครั้งในพันธสัญญาใหม่ ซึ่งแต่ละครั้งนั้นอยู่ในตอนที่เราจะทำความเข้าใจกันวันนี้

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 148:1-6

สรรเสริญพระเจ้า เพราะพระสิริของพระองค์อยู่ทุกหนแห่ง

1สรรเสริญพระยาห์เวห์
 จงสรรเสริญพระยาห์เวห์จากฟ้าสวรรค์
 จงสรรเสริญพระองค์ในที่สูง
2ทูตสวรรค์ทั้งสิ้นของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์
 กองทัพทั้งสิ้นของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์
3ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ จงสรรเสริญพระองค์
 ดาวทั้งสิ้นที่ส่องแสง จงสรรเสริญพระองค์
4ฟ้าสวรรค์ที่สูงสุด จงสรรเสริญพระองค์
 รวมทั้งน้ำทั้งหลายเหนือฟ้าสวรรค์ด้วย
5ให้สิ่งเหล่านั้นสรรเสริญพระนามพระยาห์เวห์
 เพราะพระองค์ทรงบัญชา สิ่งเหล่านั้นก็ถูกเนรมิตขึ้นมา
6และพระองค์ทรงสถาปนาสิ่งเหล่านั้นไว้เป็นนิตย์นิรันดร์
 พระองค์ประทานกฎเกณฑ์ซึ่งจะล่วงละเมิดไม่ได้

อรรถาธิบาย

บทเพลงสดุดีฮาเลลูยา

ในคอนเสิร์ตเพลงร็อค การแข่งขันฟุตบอล และงานกีฬาใหญ่ ๆ เราเห็นภาพที่ไม่ธรรมดาของความกระตือรือร้นอย่างแรงกล้า ทว่าสิ่งเหล่านี้ยังดูไร้ความหมายเมื่อเปรียบเทียบกับการนมัสการอันยิ่งใหญ่แห่งพระเจ้าของเรา

คำที่ใช้เปิดพระธรรมสดุดีตอนนี้ คือ ‘ฮาเลลูยา! สรรเสริญพระเจ้าจากฟ้าสวรรค์’ (ข้อ 1 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ในพระธรรมสดุดี 5 บทสุดท้าย (สดุดี 146-150) ต่างก็เริ่มต้นและจบลงด้วย ‘ฮาเลลูยา’ เช่นเดียวกับพันธสัญญาใหม่และตลอดทั้งเล่ม พระธรรมสดุดีจบลงด้วยการสรรเสริญ พระพร และความชื่นชมยินดี

‘ฮาเลลูยา! สรรเสริญพระเจ้าจากฟ้าสวรรค์ สรรเสริญพระองค์ในที่สูง สรรเสริญพระองค์เถิด เหล่าบรรดาทูตสวรรค์ของพระองค์’ (ข้อ 1ข-2ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Holman Christian Standard Bible โดยผู้แปล)

แม้แต่ทูตสวรรค์ก็ยังสรรเสริญพระเจ้า ดังที่เราเห็นในตอนหนึ่งในพันธสัญญาใหม่สำหรับวันนี้ เมื่อยอห์นพบกับหนึ่งในทูตสวรรค์ เขาก้มลงนมัสการ(ทูตสวรรค์) แต่ทูตสวรรค์นั้นกล่าวแก่เขาว่า ‘อย่าทำแบบนี้ เราเป็นผู้ร่วมรับใช้เช่นเดียวกับท่านและพี่น้องของท่านที่ยึดถือคำพยานของพระเยซู จงนมัสการพระเจ้าเถิด!’ (วิวรณ์ 19:10)

เช่นเดียวกับพระธรรมสดุดีทั้งหมด นี่ย่อมกลายเป็นคำอธิษฐานและการสรรเสริญส่วนตัวของเราได้:

คำอธิษฐาน

‘กองทัพทั้งสิ้นของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ จงสรรเสริญพระองค์ ดาวทั้งสิ้นที่ส่องแสง จงสรรเสริญพระองค์ ฟ้าสวรรค์ที่สูงสุด จงสรรเสริญพระองค์ รวมทั้งน้ำทั้งหลายเหนือฟ้าสวรรค์ด้วย ให้สิ่งเหล่านั้นสรรเสริญพระนามพระยาห์เวห์’ (สดุดี 148:2ข-5ก)

พันธสัญญาใหม่

วิวรณ์ 18:17ข-19:10

17เพราะภายในชั่วโมงเดียว ทรัพย์สมบัติที่มากมายเช่นนี้ก็ยังสูญสิ้นไป”
 และกัปตันเรือทุกคน ผู้โดยสารทั้งหมด พวกกะลาสีและคนทั้งหลายที่มีอาชีพทางทะเลก็ยืนอยู่ห่างๆ 18และส่งเสียงร้องเมื่อเห็นควันไฟที่ไหม้นครนั้น กล่าวว่า “นครใดจะเหมือนมหานครนี้” 19และเขาทั้งหลายก็โปรยผงคลีลงบนศีรษะของตน ส่งเสียงร้องไห้โศกเศร้า กล่าวว่า

“วิบัติแล้ว วิบัติแล้ว นครที่ยิ่งใหญ่
 นครซึ่งทุกคนที่มีเรือเดินทะเลต่างเคยมั่งมีจากความมั่งคั่งของนครนั้น
 เพราะภายในชั่วโมงเดียวนครนั้นก็สูญสิ้น”

20จงรื่นเริงเพราะนครนั้นเถิด เมืองสวรรค์
 ทั้งบรรดาธรรมิกชน อัครทูตทั้งหลายและพวกผู้เผยพระวจนะ
 เพราะพระเจ้าทรงพิพากษาลงโทษนครนั้นให้กับเจ้าทั้งหลายแล้ว

21และทูตสวรรค์องค์หนึ่งที่มีฤทธิ์มาก ก็ยกหินก้อนหนึ่งที่เหมือนอย่างหินโม่ใหญ่ทุ่มลงไปในทะเลแล้วกล่าวว่า

“บาบิโลนนครที่ยิ่งใหญ่
 จะถูกทุ่มลงอย่างแรงเช่นนี้แหละ
 และจะไม่มีใครพบเห็นนครนั้นอีกเลย
22และจะไม่มีใครได้ยินเสียง
 นักดีดพิณ นักดนตรี
นักเป่าขลุ่ยและนักเป่าแตรในตัวเจ้าอีกต่อไป
 และจะไม่มีใครพบเห็น
ช่างแขนงใดๆ ในตัวเจ้าอีกต่อไป
 และจะไม่มีใครได้ยิน
 เสียงโม่แป้งในตัวเจ้าอีกต่อไป
23และจะไม่มีแสงสว่างของประทีป
 ส่องแสงในตัวเจ้าอีกต่อไป
และจะไม่มีใครได้ยิน
 เสียงเจ้าบ่าวเจ้าสาวในตัวเจ้าอีกต่อไป
เพราะพวกพ่อค้าของเจ้าล้วนเป็นคนใหญ่โตบนแผ่นดินโลก
 และเพราะทุกประชาชาติก็ถูกล่อลวงด้วยเวทมนตร์ของเจ้า
24และในตัวเจ้าเขาก็พบโลหิตของบรรดาผู้เผยพระวจนะของพวกธรรมิกชน
 และของทุกคนที่ถูกฆ่าบนแผ่นดินโลก”

วิวรณ์ 19

 1หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงเหมือนกับเสียงของมหาชนที่ดังสนั่นอยู่ในสวรรค์ กล่าวว่า

“ฮาเลลูยา
 ความรอด พระสิริ และฤทธานุภาพเป็นของพระเจ้าของเรา 2เพราะการพิพากษาของพระองค์เที่ยงตรงและยุติธรรม
 พระองค์ทรงพิพากษาหญิงแพศยาตัวเอ้
ผู้ทำให้แผ่นดินโลกเสื่อมทรามด้วยการล่วงประเวณีของนาง
 และพระองค์ทรงแก้แค้นหญิงคนนั้น
 ในเรื่องโลหิตของบรรดาผู้รับใช้ของพระองค์”

3คนเหล่านั้นร้องอีกเป็นครั้งที่สองว่า

“ฮาเลลูยา
 ควันไฟของนครนั้นพลุ่งขึ้นตลอดไปเป็นนิตย์”

4และพวกผู้อาวุโสทั้งยี่สิบสี่คนกับสิ่งมีชีวิตทั้งสี่ ก็ทรุดตัวลงนมัสการพระเจ้าผู้ประทับบนพระที่นั่ง และร้องว่า

“อาเมน ฮาเลลูยา”

 5และมีเสียงออกมาจากพระที่นั่งว่า

“ผู้รับใช้ทุกคนของพระเจ้า
 และบรรดาคนที่เกรงกลัวพระองค์
ทั้งคนเล็กน้อยและคนใหญ่โต
 จงสรรเสริญพระเจ้าของเรา”

 6แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงเหมือนอย่างเสียงมหาชน เหมือนอย่างเสียงน้ำมากหลาย และเหมือนอย่างเสียงฟ้าร้องกึกก้องว่า

“ฮาเลลูยา
 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงครอบครองอยู่
 คือพระเจ้าของเราผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด
7ขอให้เรายินดีและเปรมปรีดิ์
 และถวายพระเกียรติแด่พระองค์
เพราะงานอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกมาถึงแล้ว
 และเจ้าสาวของพระองค์ก็เตรียมตัวพร้อมแล้ว
8และโปรดให้เจ้าสาวสวมใส่
 ผ้าป่านเนื้อละเอียด มันระยับและสะอาด
 เพราะว่าผ้าป่านเนื้อละเอียดนั้นคือการประพฤติอันชอบธรรมของธรรมิกชน”

 9และทูตสวรรค์องค์นั้นบอกข้าพเจ้าว่า “จงเขียนลงไปว่า ความสุขมีแก่คนทั้งหลายที่ได้รับเชิญมาในงานเลี้ยงอภิเษกสมรสของพระเมษโปดก” และท่านบอกอีกว่า “ถ้อยคำเหล่านี้เป็นคำที่สัตย์จริงของพระเจ้า” 10แล้วข้าพเจ้าก็ทรุดตัวลงแทบเท้าของท่านเพื่อจะนมัสการท่าน แต่ท่านกล่าวกับข้าพเจ้าว่า “อย่าทำแบบนี้ เราเป็นผู้ร่วมรับใช้เช่นเดียวกับท่านและพี่น้องของท่านที่ยึดถือคำพยานของพระเยซู จงนมัสการพระเจ้าเถิด” เพราะว่าคำพยานของพระเยซูนั้นเป็นหัวใจของการเผยพระวจนะ

ผู้ทรงม้าสีขาว

 11แล้วข้าพเจ้าเห็นสวรรค์เปิดออก และ นี่แน่ะ มีม้าสีขาวตัวหนึ่ง พระองค์ผู้ทรงม้านั้นมีพระนามว่า “ซื่อสัตย์และสัตย์จริง” พระองค์ทรงพิพากษาและทรงต่อสู้ด้วยความชอบธรรม 12พระเนตรของพระองค์เหมือนอย่างเปลวไฟ และบนพระเศียรของพระองค์มีมงกุฎหลายอัน พระองค์ทรงมีพระนามจารึกไว้ซึ่งไม่มีใครรู้จักเลยนอกจากพระองค์เอง 13พระองค์ทรงฉลองพระองค์ที่ได้จุ่มในเลือด และพระนามที่เรียกพระองค์นั้นคือ “พระวาทะของพระเจ้า” 14กองทัพทั้งหลายในสวรรค์นุ่งห่มผ้าป่านเนื้อละเอียด สีขาวสะอาด ขี่ม้าขาวตามเสด็จพระองค์ไป 15มีพระแสงคมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เพื่อพระองค์จะทรงใช้มันฟาดฟันประชาชาติต่างๆ และพระองค์จะทรงครอบครองเขาทั้งหลายด้วยคทาเหล็ก พระองค์จะทรงย่ำบ่อย่ำองุ่นแห่งพระพิโรธรุนแรงของพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด 16พระองค์ทรงมีพระนามจารึกที่ฉลองพระองค์ และที่ต้นพระอูรุของพระองค์ว่า “กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายและเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย”
 17แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งยืนอยู่บนดวงอาทิตย์ ท่านร้องประกาศเสียงดังแก่นกทั้งหมดที่บินอยู่ในท้องฟ้าว่า “มาเถิด มาชุมนุมกันในงานเลี้ยงใหญ่ของพระเจ้า 18เพื่อจะกินเนื้อกษัตริย์ เนื้อนายทหาร เนื้อคนที่มีกำลังมาก เนื้อม้า เนื้อของคนทั้งหลายที่นั่งบนหลังของมัน และเนื้อของทุกคน ทั้งคนที่เป็นเสรีชนและเป็นทาส ทั้งคนเล็กน้อยและคนใหญ่โต”
 19และข้าพเจ้าเห็นสัตว์ร้าย และบรรดากษัตริย์บนแผ่นดินโลก พร้อมทั้งกองทัพของกษัตริย์เหล่านั้น มาชุมนุมกันเพื่อทำสงครามกับพระองค์ผู้ทรงม้า และกับกองทัพของพระองค์ 20แต่สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมกับผู้เผยพระวจนะเท็จผู้ที่ทำหมายสำคัญต่อหน้ามัน และใช้หมายสำคัญนั้นล่อลวงคนทั้งหลายที่ได้รับเครื่องหมายของสัตว์ร้าย และคนทั้งหลายที่บูชารูปของมัน ทั้งสองถูกโยนลงไปทั้งเป็นในบึงไฟที่ลุกไหม้ด้วยกำมะถัน 21และคนที่เหลืออยู่ก็ถูกฆ่าด้วยพระแสงที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ผู้ทรงม้านั้น และนกทั้งหมดก็อิ่มด้วยเนื้อของคนเหล่านั้น

อรรถาธิบาย

งานฉลองฮาเลลูยา

คุณพ่อของผมเป็นชาวยิวเชื้อสายเยอรมัน สมาชิกหลายคนในครอบครัวของท่านต้องทนทุกข์และตายอยู่ในค่ายกักกันภายใต้การปกครองอันชั่วร้ายของจักรวรรดิไรซ์ที่ 3 และจักรวรรดินี้สิ้นสุดลงแล้ว ไม่นานหลังจากนั้น จักรวรรดิอันชั่วร้ายใหม่ก็ผงาดขึ้น ในสมัยโซเวียตรัสเซียของสตาลิน มีผู้คนอย่างน้อย 20 ล้านคนที่ถูกสังหาร ประชากรของพระเจ้าถูกจองจำในคุก ถูกทรมานและฆ่าตาย ในวันนี้ เรายังพบกลุ่มไอซิส เกาหลีเหนือ และระบอบการปกครองชั่วร้ายที่กระจายอยู่ทั่วโลก

ในพันธสัญญาใหม่ตอนที่เราศึกษากันในวันนี้ เริ่มด้วยการล่มสลายอย่างสมบูรณ์ของนครใหญ่ ‘บาบิโลน’ เราได้แนวทางการบรรยายนี้ว่า ไม่ใช่แค่เพียงการล่มสลายของจักรวรรดิโรมันเท่านั้นที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ แต่รวมไปถึงการล่มสลายของทุก ๆ ‘บาบิโลน’ ที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองตลอดประวัติศาสตร์

‘บาบิโลน’ เปรียบดั่งจักรวรรดิโรมัน, อาณาจักรไรซ์ที่ 3, รัสเซียของสตาลิน, กลุ่มไอซิส และทุกจักรวรรดิอันชั่วร้าย การปกครองแบบเผด็จการและระบบปรัชญาต่าง ๆ ประชาชาติทั้งสิ้นถูกล่อลวงให้หลงไป (18 :23) และประชากรของพระเจ้าถูกข่มเหง ‘พบโลหิตของบรรดาผู้เผยพระวจนะของพวกธรรมิกชน’ (ข้อ 24ก)

นี่คือเหตุผลว่าทำไมจึงโล่งใจเป็นอย่างมากเมื่ออำนาจของพวกเขาจบสิ้นลง มหาชนแห่งฟ้าสวรรค์โห่ร้อง ‘ฮาเลลูยา’

‘หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้ยินเสียงเหมือนกับเสียงของมหาชนที่ดังสนั่นอยู่ในสวรรค์ กล่าวว่า “ฮาเลลูยา!”’ (19: 1) พวกเขาสรรเสริญพระเจ้าเพราะพระองค์ได้ทรงพิพากษาอย่างเที่ยงธรรม การตัดสินของพระเจ้านั้นสัตย์จริงและยุติธรรม ‘โอ้ ฟ้าสวรรค์ จงเฉลิมฉลอง!...พระเจ้าได้ตัดสินเธอ ความไม่ถูกต้องต่างๆที่ท่านเคยทนทุกข์ได้รับการพิพากษาแล้ว’ (ข้อ 20 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ฮาเลลูยา!’ ได้ถูกกล่าวซ้ำ (ข้อ 3) ทั้งคริสตจักรและสรรพสิ่งทั้งปวงทรุดตัวลงนมัสการพระเจ้าผู้ทรงประทับบนพระที่นั่ง (ข้อ 4) และพวกเขาร้องออกมาเป็นครั้งที่ 3 ‘อาเมน ฮาเลลูยา!’ (ข้อ 4)

ครั้งสุดท้าย ครั้งที่ 4:‘แล้วข้าพเจ้าได้ยินเสียงดุจเสียงฝูงชนเป็นอันมาก ดุจเสียงน้ำมากหลาย และดุจเสียงฟ้าร้องสนั่นว่า ฮาเลลูยา!’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

แล้วงานฉลองก็เริ่มขึ้น:

‘ให้เราเฉลิมฉลอง ให้เราชื่นชมยินดี
 ให้เราถวายเกียรติแด่พระองค์!
 การอภิเษกสมรสของพระเมษโปดกมาถึงแล้ว
 มเหสีของพระองค์ได้ตรียมพร้อมแล้ว
 เธอได้สวมชุดเจ้าสาว
 ด้วยผ้าลินินที่สว่างเจิดจ้าสุกใส
 ผ้าลินินคือความชอบธรรมแห่งผู้เชื่อ’ (ข้อ 7-8, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

งานอภิเษกของพระเมษโปดก คือ การแต่งงานของพระคริสต์และคริสตจักรของพระองค์ (อ่าน เอเฟซัส 5: 32, วิวรณ์ 21: 2)

การแต่งงานของมนุษย์เป็นเสียงกระซิบแห่งพระกิตติคุณ การแต่งงานฝ่ายโลกชี้ไปถึงบางอย่างที่น่าอัศจรรย์และเป็นนิรันดรมากกว่า คือความสัมพันธ์ของคุณกับพระเยซูคริสต์ ตรงข้ามกับอาภรณ์อันบาดตาแห่งนครแห่งการล่วงประเวณีและสำส่อนอย่างเมืองบาบิโลน (18 :16) คริสตจักรควรสวมอาภรณ์ ‘ผ้าป่านเนื้อละเอียด มันระยับและสะอาด’ (19:8) คุณได้รับการสวมทับด้วยความชอบธรรมแห่งพระคริสต์และทุกการกระทำที่ชอบธรรม (ข้อ 8ข) จะได้รับการจดจำ ให้คุณค่า และเฉลิมฉลอง

นี่คืองานเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่และนิรันดรแห่ง ‘งานเลี้ยงอภิเษกสมรสของพระเมษโปดก’ (ข้อ 9) การที่ได้รับ “คำเชิญ” (ข้อ 9) เป็นพระพรที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด ๆ ทั้งหมด และในพันธสัญญาใหม่ที่เหลือบอกเราว่า เราได้รับการเชิญแต่คุณต้องเลือกที่จะตอบรับคำเชิญนี้

ไม่น่าประหลาดใจเลยว่ายอห์นอยากจะก้มกราบทูตสวรรค์และนมัสการท่าน แต่คุณเองไม่ต้องนมัสการผู้ส่งสาร แต่นมัสการผู้ที่สารสื่อถึงเท่านั้น คือ ‘นมัสการพระเจ้า’ (ข้อ 10) และคุณจะออกไปและบอกกล่าวแก่ผู้อื่น ‘เพราะว่าคำพยานของพระเยซูนั้นเป็นหัวใจของการเผยพระวจนะ’ (ข้อ 10)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่เรื่องราวแห่งจักรวาลนี้จะจบลงด้วย ‘ฮาเลลูยา’ สรรเสริญ ขอบพระคุณ และนมัสการ ขอบคุณที่เราสามารถตั้งตารอคอยงานอภิเษกของพระเมษโปดก ‘ขอให้เรายินดีและเปรมปรีดิ์และถวายพระเกียรติแด่พระองค์’(ข้อ 7)

พันธสัญญาเดิม

เนหะมีย์ 7:4-8:18

4เมืองนั้นกว้างและใหญ่ แต่คนภายในน้อยและบ้านเรือนก็ยังไม่ได้สร้าง

รายนามเชลยที่กลับ

 5แล้วพระเจ้าทรงดลใจข้าพเจ้าให้เรียกชุมนุมพวกขุนนาง และเจ้าหน้าที่และประชาชนเพื่อจะขึ้นทะเบียนสำมะโนครัวเชื้อสาย ข้าพเจ้าพบหนังสือสำมะโนครัวเชื้อสายของคนที่ขึ้นมาครั้งก่อน ข้าพเจ้าเห็นเขียนไว้ว่า

 6ต่อไปนี้ เป็นประชาชนแห่งมณฑลที่ขึ้นมาจากการเป็นเชลยในพวกที่ถูกกวาดไป ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์พระราชาแห่งบาบิโลนได้กวาดไป เขาทั้งหลายกลับมายังเยรูซาเล็มและยูดาห์ ต่างกลับยังเมืองของตน 7เป็นพวกที่กลับมากับเศรุบบาเบล เยชูอา เนหะมีย์ อาซาริยาห์ ราอามิยาห์ นาหะมานี โมรเดคัย บิลชาน มิสเปเรท บิกวัย เนฮูม บาอานาห์
 จำนวนประชากรอิสราเอล คือ 8พงศ์พันธุ์ปาโรช 2,172 คน 9พงศ์พันธุ์เชฟาทิยาห์ 372 คน 10พงศ์พันธุ์อาราห์ 652 คน 11พงศ์พันธุ์ปาหัทโมอับ คือพงศ์พันธุ์ของเยชูอา และโยอาบ 2,818 คน 12พงศ์พันธุ์เอลาม 1,254 คน 13พงศ์พันธุ์ศัทธู 845 คน 14พงศ์พันธุ์ศักคัย 760 คน 15พงศ์พันธุ์บินนุย 648 คน 16พงศ์พันธุ์เบบัย 628 คน 17พงศ์พันธุ์อัสกาด 2,322 คน 18พงศ์พันธุ์อาโดนีคัม 667 คน 19พงศ์พันธุ์บิกวัย 2,067 คน 20พงศ์พันธุ์อาดีน 655 คน 21พงศ์พันธุ์อาเทอร์ คือเฮเซคียาห์ 98 คน 22พงศ์พันธุ์ฮาชูม 328 คน 23พงศ์พันธุ์เบไซ 324 คน 24พงศ์พันธุ์ฮาริฟ 112 คน 25พงศ์พันธุ์กิเบโอน 95 คน 26คนชาวเบธเลเฮมและเนโทฟาห์ 188 คน 27คนชาวอานาโธท 128 คน 28คนชาวเบธอัสมาเวท 42 คน 29คนชาวคีริยาทเยอาริม เคฟีราห์และเบเอโรท 743 คน 30คนชาวรามาห์และเกบา 621 คน 31คนชาวมิคมาส 122 คน 32คนชาวเบธเอลและอัย 123 คน 33คนชาวเนโบอีกแห่งหนึ่ง 52 คน 34พงศ์พันธุ์เอลามอีกคนหนึ่ง 1,254 คน 35พงศ์พันธุ์ฮาริม 320 คน 36พงศ์พันธุ์ชาวเยรีโค 345 คน 37พงศ์พันธุ์ชาวโลด ชาวฮาดิดและชาวโอโน 721 คน 38พงศ์พันธุ์ชาวเสนาอาห์ 3,930 คน
 39พวกปุโรหิต พงศ์พันธุ์เยดายาห์ คือเชื้อสายของเยชูอา 973 คน 40พงศ์พันธุ์อิมเมอร์ 1,052 คน 41พงศ์พันธุ์ปาชเฮอร์ 1,247 คน 42พงศ์พันธุ์ฮาริม 1,017 คน
43คนเลวีคือ พงศ์พันธุ์เยชูอา คือ ของขัดมีเอลแห่งพงศ์พันธุ์โฮเดวาห์ 74 คน 44พวกนักร้องคือ พงศ์พันธุ์อาสาฟ 148 คน 45คนเฝ้าประตูคือ พงศ์พันธุ์ชัลลูม พงศ์พันธุ์อาเทอร์ พงศ์พันธุ์ทัลโมน พงศ์พันธุ์อักขูบ พงศ์พันธุ์ฮาทิธา พงศ์พันธุ์โชบัย 138 คน
 46บ่าวไพร่ประจำพระวิหารคือ พงศ์พันธุ์ศีหะ พงศ์พันธุ์ฮาสูฟา พงศ์พันธุ์ทับบาโอท 47พงศ์พันธุ์เคโรส พงศ์พันธุ์สีอา พงศ์พันธุ์พาโดน 48พงศ์พันธุ์เลบานาห์ พงศ์พันธุ์ฮากาบาห์ พงศ์พันธุ์ชัลมัย 49พงศ์พันธุ์ฮานัน พงศ์พันธุ์กิดเดล พงศ์พันธุ์กาฮาร์ 50พงศ์พันธุ์เรอายาห์ พงศ์พันธุ์เรซีน พงศ์พันธุ์เนโคดา 51พงศ์พันธุ์กัสซาม พงศ์พันธุ์อุสซา พงศ์พันธุ์ปาเสอาห์ 52พงศ์พันธุ์เบสัย พงศ์พันธุ์เมอูนิม พงศ์พันธุ์เนฟิสิม 53พงศ์พันธุ์บัคบูค พงศ์พันธุ์ฮาคูฟา พงศ์พันธุ์ฮารฮูร 54พงศ์พันธุ์บัสลีท พงศ์พันธุ์เมหิดา พงศ์พันธุ์ฮารชา 55พงศ์พันธุ์บารโขส พงศ์พันธุ์สิเสรา พงศ์พันธุ์เทมาห์ 56พงศ์พันธุ์เนซิยาห์ พงศ์พันธุ์ฮาทิฟา
 57พงศ์พันธุ์ข้าราชการของซาโลมอน พงศ์พันธุ์โสทัย พงศ์พันธุ์โสเฟเรท พงศ์พันธุ์เปรีดา 58พงศ์พันธุ์ยาอาลา พงศ์พันธุ์ดารโคน พงศ์พันธุ์กิดเดล 59พงศ์พันธุ์เชฟาทิยาห์ พงศ์พันธุ์ฮัทธิล พงศ์พันธุ์โปเคเรทหัสซาบาอิม พงศ์พันธุ์อาโมน
 60บ่าวไพร่ประจำพระวิหารทั้งสิ้นและพงศ์พันธุ์ข้าราชการของซาโลมอนมี 392 คน
 61ต่อไปนี้ เป็นบรรดาคนที่ขึ้นมาจากเทลเมลาห์ เทลฮารชา เครูบ อัดโดนและอิมเมอร์ แต่เขาพิสูจน์ตระกูลของเขา หรือเชื้อวงศ์ของเขาไม่ได้ว่าเขาเป็นคนอิสราเอลหรือไม่ 62คือ พงศ์พันธุ์เดลายาห์ พงศ์พันธุ์โทบีอาห์ พงศ์พันธุ์เนโคดา 642 คน 63จากพวกปุโรหิตด้วยคือ พงศ์พันธุ์โฮบายาห์ พงศ์พันธุ์ฮักโขส พงศ์พันธุ์บารซิลลัย (ผู้มีภรรยาเป็นบุตรหญิงคนหนึ่งของบารซิลลัยคนกิเลอาด จึงได้ชื่อตามนั้น) 64คนเหล่านี้หาการลงทะเบียนของเขาในทะเบียนสำมะโนครัวเชื้อสาย แต่หาไม่พบจึงถือว่าเป็นมลทิน และถูกตัดออกจากพวกปุโรหิต 65ผู้ว่าราชการเมืองสั่งเขาไม่ให้รับอาหารบริสุทธิ์ที่สุด จนกว่าจะมีปุโรหิตที่จะปรึกษากับอูริมและทูมมิมเสียก่อน
 66ชุมนุมชนทั้งหมดมีด้วยกัน 42,360 คน 67นอกเหนือจากคนใช้ชายหญิงของเขา ซึ่งมีอยู่ 7,337 คน และเขามีนักร้อง 245 คนทั้งชายและหญิง 68ม้าของเขามี 736 ตัว ล่อ 245 ตัว 69อูฐ 435 ตัว และลา 6,720 ตัว
 70หัวหน้าตระกูลบางคนได้ถวายให้แก่งาน ผู้ว่าราชการถวายเข้าพระคลังเป็นทองคำ 8 กิโลกรัม ชาม 50 ใบ เสื้อปุโรหิต 530 ตัว 71และหัวหน้าตระกูลบางคนถวายให้แก่พระคลังของงานเป็นทองคำ 168 กิโลกรัม เงิน 1,250 กิโลกรัม 72และสิ่งที่ประชาชนส่วนที่เหลือถวายนั้น มีทองคำ 168 กิโลกรัม เงิน 140 กิโลกรัม และเสื้อปุโรหิต 67 ตัว
 73ดังนั้นบรรดาปุโรหิต คนเลวี คนเฝ้าประตู นักร้อง ประชาชนบางคน บ่าวไพร่ประจำพระวิหารและคนอิสราเอลทั้งปวงอาศัยอยู่ในเมืองของตน

เอสรากระตุ้นประชาชนให้เชื่อฟังธรรมบัญญัติ

 เมื่อถึงเดือนที่เจ็ด คนอิสราเอลอยู่ในเมืองของเขาทั้งหลาย

เนหะมีย์ 8

 1ประชาชนทั้งหมดได้ชุมนุมพร้อมหน้ากันที่ลานเมืองหน้าประตูน้ำ และพวกเขาบอกเอสราธรรมาจารย์ ให้นำหนังสือธรรมบัญญัติของโมเสสซึ่งพระยาห์เวห์ทรงบัญชาแก่อิสราเอลนั้นมา 2เอสราปุโรหิตได้นำธรรมบัญญัติมาหน้าชุมนุมชน ทั้งชายและหญิงและบรรดาผู้ที่ฟังเข้าใจได้ ณ วันแรกของเดือนที่เจ็ด 3และท่านหันหน้าไปทางลานเมืองหน้าประตูน้ำ อ่านตั้งแต่เช้าตรู่จนเที่ยงวัน ต่อหน้าผู้ชายผู้หญิงกับผู้ที่ฟังเข้าใจได้ และประชาชนทุกคนก็ตั้งใจฟังหนังสือธรรมบัญญัติ 4เอสราธรรมาจารย์ยืนอยู่บนแท่นไม้ ซึ่งพวกเขาทำไว้เพื่อการนี้ ข้างๆ ท่านมีมัททีธิยาห์ เชมา อานายาห์ อุรียาห์ ฮิลคียาห์และมาอาเสยาห์ยืนอยู่ข้างขวามือของท่าน และมีเปดายาห์ มิชาเอล มัลคิยาห์ ฮาชูม ฮัชบัดดานาห์ เศคาริยาห์และเมชุลลามอยู่ข้างซ้ายมือของท่าน 5และเอสราได้เปิดหนังสือต่อหน้าประชาชนทุกคน เพราะท่านอยู่สูงกว่าประชาชน เมื่อท่านเปิดหนังสือประชาชนทุกคนก็ยืนขึ้น 6เอสราสรรเสริญพระยาห์เวห์ พระเจ้ายิ่งใหญ่ และประชาชนทุกคนตอบว่า “อาเมน อาเมน” พร้อมกับยกมือขึ้นและเขาทั้งหลายโน้มตัวลงนมัสการพระยาห์เวห์ ซบหน้าลงถึงดิน 7และเยชูอา บานี เชเรบิยาห์ ยามีน อักขูบ ชับเบธัย โฮดียาห์ มาอาเสยาห์ เคลิทา อาซาริยาห์ โยซาบาด ฮานัน เปไลยาห์ พวกคนเลวี ได้ช่วยประชาชนให้เข้าใจธรรมบัญญัติ ในขณะที่ประชาชนก็ยังอยู่ในที่ของตน 8และพวกเขาอ่านจากหนังสือ จากธรรมบัญญัติของพระเจ้าอย่างชัดเจน และเขาก็อธิบายความหมาย ประชาชนจึงเข้าใจข้อความที่อ่านนั้น
 9และเนหะมีย์ที่เป็นผู้ว่าราชการและเอสราปุโรหิตและธรรมาจารย์ และคนเลวี ผู้สอนประชาชนได้พูดกับประชาชนทั้งหมดว่า “วันนี้เป็นวันบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านทั้งหลาย อย่าคร่ำครวญหรือร้องไห้” เพราะประชาชนได้ร้องไห้เมื่อเขาได้ยินถ้อยคำของธรรมบัญญัติ 10แล้วท่านพูดกับพวกเขาว่า “ไปเถิด ไปรับประทานไขมันและดื่มน้ำหวาน และส่งส่วนอาหารไปให้คนที่ไม่มีอะไรเตรียมไว้ เพราะว่าวันนี้เป็นวันบริสุทธิ์แด่องค์เจ้านายของเรา อย่าโศกเศร้าเลย เพราะความชื่นบานของตนในพระยาห์เวห์เป็นกำลังของท่าน” 11พวกคนเลวีจึงให้ประชาชนเงียบ กล่าวว่า “จงนิ่งเสีย เพราะวันนี้เป็นวันบริสุทธิ์อย่าทุกข์โศกเลย” 12และประชาชนทั้งหมดจึงไปกินและดื่มและส่งส่วนอาหาร เปรมปรีดิ์กันอย่างยิ่ง เพราะพวกเขาเข้าใจถ้อยคำซึ่งประกาศให้เขาฟังนั้น

การฉลองเทศกาลอยู่เพิง

 13ณ วันที่สอง หัวหน้าตระกูลของประชาชนทั้งหมดพร้อมกับพวกปุโรหิตและคนเลวีมาหาเอสราธรรมาจารย์พร้อมกัน เพื่อจะศึกษาถ้อยคำของธรรมบัญญัติ 14และพวกเขาพบสิ่งที่เขียนไว้ในธรรมบัญญัติว่า พระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาโดยทางโมเสสว่า ประชาชนอิสราเอลควรจะอยู่เพิงระหว่างเทศกาลเลี้ยงในเดือนที่เจ็ด 15และพวกเขาควรจะประกาศและป่าวร้องในทุกเมือง และในเยรูซาเล็มว่า “จงออกไปที่ภูเขาและนำกิ่งมะกอก กิ่งมะกอกป่า กิ่งต้นน้ำมันเขียว ใบอินทผลัมและกิ่งไม้ใบดกอื่นๆ เพื่อทำเพิง ดังที่ได้เขียนไว้” 16ประชาชนจึงออกไป เอากิ่งไม้เหล่านั้นมาและทำเพิงสำหรับตัวต่างอยู่บนหลังคาบ้านของตน และตามลานบ้านของตน และในลานพระนิเวศของพระเจ้า และในลานเมืองที่ประตูน้ำ และในลานเมืองที่ประตูเอฟราอิม 17และชุมนุมชนทั้งหมด ผู้ได้กลับมาจากการเป็นเชลยได้ทำเพิงและพักอยู่ในเพิง เขามีความเปรมปรีดิ์ยิ่งนัก เพราะตั้งแต่สมัยของโยชูวาบุตรนูน ถึงวันนั้นประชาชนอิสราเอลไม่ได้ทำเลย 18และทุกวันท่านอ่านธรรมบัญญัติของพระเจ้า ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย พวกเขาถือเทศกาลเลี้ยงอยู่เจ็ดวัน และในวันที่แปดมีการชุมนุมตามพิธีตามกฎหมาย

อรรถาธิบาย

ประชากรแห่งการสรรเสริญ

อย่างที่เราได้เห็น พระเจ้าทรงเรียกเนหะมีย์และประชากรของพระองค์ให้สร้างกำแพงแห่งกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ พระองค์ทรงเรียกให้เราสร้าง และสร้างคริสตจักรขึ้นใหม่ วิธีหนึ่งที่พระเจ้าจะทรงนำคุณคือการใส่ภาระใจในจิตใจของคุณ เนหะมีย์กล่าวว่า ‘พระเจ้าใส่สิ่งนี้ในจิตใจของข้าพเจ้าที่จะรวบรวมเหล่าขุนนาง เจ้าหน้าที่ และประชาชนทั่วไปให้ได้ขึ้นทะเบียนสำมะโนครัว’ (7:5, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เนหะมีย์จดรายชื่อผู้ที่ถูกกวาดต้อนและได้กลับเข้ามา (ข้อ 6-73)

เมื่อการสร้างกำแพงแห่งกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่เสร็จสมบูรณ์แล้ว ประชากรทั้งหลายก็ได้มารวมตัวกันเพื่อฟังพระวจนะที่กล่าวโดยเอสรา ‘และผู้คนทั้งหมดได้ฟังอย่างตั้งใจในเรื่องพระธรรมวิวรณ์’ (8:3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘เมื่อเขาเปิดหนังสือทุกคนก็ลุกขึ้น’ (8:5 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พวกเขายืนขึ้นเพื่อถวายความเคารพแก่พระวจนะของพระเจ้า

‘แล้วเอสราสรรเสริญพระเจ้า พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ และประชาชนทั้งหลายต่างตอบสนองร่วมกันว่า “ใช่แล้ว! ใช่แล้ว!” ด้วยมือที่ยกสูง แล้วพวกเขาก็คุกเข่าลงในการนมัสการพระเจ้า แล้วก้มกราบหน้าผากจรดพื้น’ (ข้อ 6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ร่างกายของเรานั้นสื่อสารจิตใจของเรา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม เมื่อผมอยู่คนเดียว ผมชอบคุกเข่าอ่านพระคัมภีร์ เพื่อเป็นสิ่งที่แสดงถึงความยำเกรงและความเคารพที่มีต่อพระเจ้า ผมมาเพื่อฟังและนมัสการพระองค์

การชูมือขึ้นในการนมัสการเป็นการแสดงออกโดยทั่วไปของทั้งชาวยิวและคริสเตียนยุคแรกๆ (‘ยกมือขึ้น’, ข้อ 6) ‘การแสดงออกทางกายที่เก่าแก่ที่สุดของการอธิษฐานในคริสเตนคือการเหยียดมืออธิษฐาน’ สมเด็จพระสันตปาปาเบเนดิคท์ได้เขียนไว้ การแสดงออกทางกายนี้เป็น ‘ผลมาจากรูปแบบการนมัสการ’ สื่อถึงการเปิดตัวเราเองให้กับพระเจ้าและในเวลาเดียวกันก็เป็นการเปิดตัวเราเองออกเพื่อที่จะรักผู้อื่น

ทุกการรวมตัวกันเพื่อสรรเสริญและนมัสการพระเจ้านั้น เป็นการคาดการณ์ ถึงการมีส่วนร่วมในการนมัสการอันยิ่งใหญ่แห่งฟ้าสวรรค์ เป็นการร้องประสานเสียงในการสรรเสริญพระเจ้านิรันดร เราได้เห็นตัวอย่างนี้ในพระธรรมซึ่งสะท้อนและคาดหวังถึงการนมัสการอันยิ่งใหญ่ในพระธรรมวิวรณ์บทที่ 19

เนหะมีย์เป็นผู้ว่าราชการ เอสราเป็นปุโรหิตและผู้จัดทำสำเนาดูแลเอกสาร คนเผ่าเลวีเป็นผู้นำประชาชน พวกเขาร้องไห้เมื่อได้ฟังพระวจนะแห่งธรรมบัญญัติ (ข้อ 9)

แต่เนหะมีย์บอกเขาว่ามันเป็นเวลาแห่งความชื่นบาน และการเฉลิมฉลอง ‘เพราะว่าวันนี้เป็นวันบริสุทธิ์แด่องค์เจ้านายของเรา อย่าโศกเศร้าเลย เพราะความชื่นบานของตนในพระยาห์เวห์เป็นกำลังของท่าน’ (ข้อ 10) มีเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและความเปรมปรีดิ์กันอย่างยิ่ง (ข้อ 12)

ดังที่ จอยซ์ ไมเยอร์เขียนไว้ว่า ‘ทุกวันที่พระเจ้าประทานแก่เรานั้นบริสุทธิ์และเป็นของขวัญล้ำค่าจากพระองค์ เราควรที่จะมีความสุขกับสิ่งนั้นอย่างเต็มที่ ความชื่นชมยินดีมีพลังมหาศาล ไม่มีสิ่งใดสามารถปลดปล่อยความชื่นชมยินดีเหนือธรรมชาติในชีวิตของเราได้ยิ่งกว่าการที่เราได้เป็นพระพรต่อผู้อื่น’

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ในการกลับมาของพระคริสต์ในวันคริสต์มาสแรก ขอบคุณที่เราสามารถคาดหวังการกลับมาของพระองค์ได้อีกครั้ง ในงานเลี้ยงอภิเษกอันยิ่งใหญ่แห่งพระเมษโปดกที่จะอุบัติขึ้น และที่การนมัสการ และสรรเสริญแห่งฟ้าสวรรค์จะเป็นอยู่ตลอดไปนิจนิรันดร์ ฮาเลลูยา

เพิ่มเติมโดยพิพพา

เนหะมีย์ 8 :10-18

มันเป็นสิ่งที่ดีในการ ‘ฉลอง’ ‘ชื่นบาน’ และมีความสุขกับการ ‘รับประทานไขมันและดื่มน้ำหวาน’ แต่ถ้าเป็นเพียงการบริโภคเพื่อตัวเราเองเท่านั้น ก็ดูเห็นแก่ตัวและผิวเผินเกินไป พวกเขาผนวกสิ่งนี้เข้ากับการ ‘ส่งส่วนอาหารไปให้คนที่ไม่มีอะไรเตรียมไว้’ และการอ่านพระวจนะของพระเจ้า จึงทำให้เกิดมิติที่แตกต่างและลึกซึ้งกว่า

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม