มงกุฎของคุณกำลังมา
เกริ่นนำ
สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 เสด็จขึ้นครองบัลลังก์ในปี ค.ศ. 1952 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในคริสตจักรเวสท์มินสเตอร์ แอบบีย์ พระองค์ได้รับพระคัมภีร์ การเจิมแต่งตั้ง และสวมมงกุฎโดยอาร์คบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี่
พระราชพิธีพัชราภิเษกของพระองค์ เป็นการเฉลิมฉลองข้ามชาติเนื่องในวาระครบรอบหกสิบของการขึ้นครองราชย์ของพระองค์ จุดสำคัญอยู่ที่ช่วงสุดสัปดาห์ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2012 ที่เต็มไปด้วยงานสังสรรค์ตามท้องถนนและการแสดงดนตรี มีรอบนมัสการแห่งการขอบพระคุณ และพิธีเฉลิมฉลองทางแม่น้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 300 ปี ทั่วทั้งประเทศต่างมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลอง วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2017 พระองค์ทรงเป็นพระมหาราชินีแห่งอังกฤษที่ครองราชย์ยาวนานที่สุดถึง 65 ปี
ตามที่ถูกกล่าวถึงในพันธสัญญาใหม่ คริสเตียนทุกคนจะได้รับมงกุฎและครอบครองยาวนานกว่านั้นอีก และจะมีงานเฉลิมฉลองและความชื่นชมยินดีที่ยิ่งใหญ่กว่าของผู้ปกครองทุกคนบนโลกนี้ คุณจะได้ครอบครอบร่วมกับพระคริสต์ (วิวรณ์ 20:4,6) สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร? ใครครอบครองร่วมกับพระองค์? แล้วการครอบครองนี้จะเริ่มขึ้นเมื่อใด?
สดุดี 149:1-9
สรรเสริญพระเจ้าที่ทรงดีต่ออิสราเอล
1สรรเสริญพระยาห์เวห์
จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระยาห์เวห์
ร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ในที่ชุมนุมของผู้จงรักภักดี
2ให้อิสราเอลยินดีในผู้สร้างของเขา
ให้บุตรทั้งหลายของศิโยนเปรมปรีดิ์ในพระราชาของพวกเขา
3ให้พวกเขาสรรเสริญพระนามของพระองค์ด้วยการเต้นรำ
ร้องเพลงสดุดีพระองค์ด้วยรำมะนาและพิณเขาคู่
4เพราะพระยาห์เวห์ทรงปรีดีในประชากรของพระองค์
พระองค์ประทานชัยชนะเป็นมงกุฎแก่คนที่ถ่อมใจ
5ให้ผู้จงรักภักดียินดีในเกียรตินี้
ให้พวกเขาร้องเพลงด้วยความยินดีบนที่นอน
6ให้การสดุดีเทิดทูนพระเจ้าอยู่ในลำคอของพวกเขา
และให้ดาบสองคมอยู่ในมือของพวกเขา
7เพื่อทำการตอบสนองบรรดาประชาชาติ
และทำการลงโทษชนชาติทั้งหลาย
8เพื่อเอาโซ่ล่ามบรรดาพระราชาของพวกเขา
และเอาตรวนเหล็กสวมบรรดาเจ้านายของพวกเขา
9เพื่อจะทำแก่เขาทั้งหลายตามคำพิพากษาที่บันทึกไว้แล้ว
นี่เป็นเกียรติแก่ผู้จงรักภักดีทั้งสิ้นของพระองค์
สรรเสริญพระยาห์เวห์
อรรถาธิบาย
ได้รับเกียรติจากการสวมมงกุฎโดยองค์พระผู้เป็นเจ้า
ประชากรของพระเจ้าถูกเรียกให้เฉลิมฉลองแด่พระผู้สร้างองค์อธิปไตย จอมกษัตริย์ของพวกเขา (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ให้สรรเสริญพระองค์ด้วยการเต้นรำและร้องเพลงบทใหม่ถวายแด่พระองค์ (ข้อ 2-3)
เหตุผลก็คือ 'เพราะพระยาห์เวห์ทรงปรีดีในประชากรของพระองค์ พระองค์ประทานชัยชนะเป็นมงกุฎแก่คนที่ถ่อมใจ ให้ผู้จงรักภักดียินดีในเกียรตินี้ ให้พวกเขาร้องเพลงด้วยความยินดีบนที่นอน' (ข้อ 4-5) 'บรรดาผู้ที่รักพระองค์' ต่างก็ 'อยู่ในที่นั่งแห่งเกียรติ' (ข้อ 9, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) มีคำใบ้ซ่อนอยู่ในที่นี้ ในการสวมมงกุฏของประชากรของพระองค์ แห่งการครอบครองร่วมกับพระคริสต์
พระเจ้าทรงปรีดีในการแบ่งปันพระพรของพระองค์กับคุณ และข้อพระคำเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจคุณได้รับพระพรจากพระองค์มาแล้วมากเพียงใด คุณสามารถปรีดีใน 'มงกุฎ' แห่งความรอดและชื่นชมยินดีในเกียรติในการมีสัมพันธภาพกับพระองค์
ผู้เขียนสดุดีกล่าวต่อไปว่า ประชากรของพระเจ้าจะลงมือพิพากษา ('ดาบสองคมในมือของพวกเขา', ข้อ 6ข) ในพันธสัญญาใหม่ของวันนี้ เราได้เห็นว่าประชากรของพระเจ้าจะร่วมกับพระคริสต์ในการพิพากษา (วิวรณ์ 19:11 เป็นต้นไป) อาวุธยุทโธปกรณ์นั้นไม่ใช่ดาบทั่วไป แต่เป็นดาบสองคมแห่งพระวจนะของพระเจ้า (ฮีบรู 4:12)
ความรับผิดชอบอันน่าทึ่งและทรงเกียรตินี้อาจทำให้หยิ่งได้ อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรง 'ประทานชัยชนะเป็นมงกุฎแก่คนที่ถ่อมใจ' (สดุดี 149:4) เราไม่สมควรได้รับความรอด นี่คือของประทาน เราไม่สมควรได้รับสิทธิ์ในการครอบครองร่วมกับพระคริสต์ นี่ยังเป็นของประทาน สิทธิพิเศษและเกียรติที่ไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่พระองค์สวมมงกุฎแห่งความรอดให้ข้าพระองค์ ขอบคุณที่ทรงเรียกให้เราครอบครองร่วมกับพระองค์ ขอบคุณที่ทรงเป็นกษัตริย์ของข้าพระองค์ และที่ทรงเรียกให้เราได้เป็นทายาทร่วมกับพระคริสต์
วิวรณ์ 20:1-15
พันปี
1แล้วข้าพเจ้าเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งลงมาจากสวรรค์ ท่านถือลูกกุญแจของบาดาลลึก และถือโซ่เส้นใหญ่ในมือของท่าน 2และท่านจับพญานาคที่เป็นงูดึกดำบรรพ์ผู้ซึ่งเป็นมารและซาตาน แล้วมัดมันไว้หนึ่งพันปี 3แล้วโยนมันลงไปในบาดาลลึกนั้น ใส่กุญแจและประทับตราไว้ เพื่อไม่ให้มันล่อลวงประชาชาติต่างๆ ได้อีกต่อไป จนครบหนึ่งพันปี หลังจากนั้นจะต้องปล่อยมันออกมาชั่วระยะเวลาหนึ่ง
4ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และผู้ที่นั่งอยู่บนนั้นได้รับมอบอำนาจในการพิพากษา ข้าพเจ้าเห็นดวงวิญญาณของคนทั้งหลายที่ถูกตัดศีรษะเพราะการเป็นพยานถึงพระเยซู และเพราะพระวจนะของพระเจ้า พวกเขาไม่ได้บูชาสัตว์ร้ายหรือรูปของมัน และไม่ได้รับเครื่องหมายของมันไว้ที่หน้าผากหรือที่มือของเขา เขาทั้งหลายกลับมีชีวิตขึ้นอีกและครอบครองร่วมกับพระคริสต์เป็นเวลาหนึ่งพันปี 5(ส่วนคนอื่นๆ ที่ตายไปแล้วไม่ได้กลับมีชีวิตขึ้นอีกจนกว่าจะครบหนึ่งพันปี) นี่แหละคือการเป็นขึ้นจากตายครั้งแรก 6ใครที่มีส่วนในการเป็นขึ้นจากตายครั้งแรกก็เป็นสุขและบริสุทธิ์ ความตายครั้งที่สองจะไม่มีอำนาจเหนือเขาทั้งหลาย แต่เขาจะเป็นปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์ และจะครอบครองร่วมกับพระองค์หนึ่งพันปี
7เมื่อครบหนึ่งพันปีแล้ว ซาตานจะถูกปล่อยออกจากคุกที่ขังมัน 8และมันจะออกไปล่อลวงประชาชาติต่างๆ ทั้งสี่ทิศของแผ่นดินโลก คือโกกและมาโกก ให้มาชุมนุมกันเพื่อเข้าสู่สงคราม จำนวนของเขาทั้งหลายเหมือนอย่างเม็ดทรายที่ทะเล 9และพวกเขายกขบวนออกไปทั่วแผ่นดินโลก และล้อมกองทัพของพวกธรรมิกชน และนครอันเป็นที่รักนั้นไว้ แต่ไฟลงมาจากสวรรค์เผาผลาญคนเหล่านั้น 10ส่วนมารที่ล่อลวงเขาทั้งหลายก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน ที่ซึ่งสัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเท็จอยู่นั้น และพวกมันจะถูกทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์
การพิพากษาหน้าพระที่นั่งใหญ่สีขาว
11แล้วข้าพเจ้าเห็นพระที่นั่งใหญ่สีขาวและเห็นพระองค์ผู้ประทับบนพระที่นั่งนั้น แผ่นดินโลกและฟ้าสวรรค์ก็หายไปจากพระพักตร์ของพระองค์ และไม่มีใครพบเห็นที่อยู่ของพวกมันอีกเลย 12ข้าพเจ้ายังเห็นบรรดาคนตาย ทั้งคนใหญ่โตและคนเล็กน้อยยืนอยู่หน้าพระที่นั่งนั้น แล้วหนังสือต่างๆ ก็ถูกเปิดออก และหนังสืออีกเล่มหนึ่งก็ถูกเปิดออกด้วย คือหนังสือแห่งชีวิต คนตายก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของเขาทั้งหลายที่เขียนไว้ในหนังสือเหล่านั้น 13ทะเลก็ส่งคืนคนตายที่อยู่ในทะเล ความตายและแดนคนตายก็ส่งคืนคนตายที่อยู่ในนั้น แต่ละคนก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของตน 14แล้วความตายและแดนคนตายก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟ บึงไฟนี่แหละคือความตายครั้งที่สอง 15และถ้าพบว่าใครไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิต เขาก็จะถูกโยนลงไปในบึงไฟ
อรรถาธิบาย
สัมผัสประสบการณ์การครอบครองร่วมกับพระคริสต์ตอนนี้
แม้ว่าราจะตีความเจาะจงพระธรรมตอนนี้ว่าอย่างไร ชัดเจนว่านี่เป็นข่าวดี พระคริสต์จะเสด็จกลับมา ซาตานจะถูกล้มล้าง และคุณจะครอบครองร่วมกับพระเยซูและมีประสบการณ์ในชีวิตนิรันดร์ นี่คือสิ่งที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง!
นี่คือตอนที่ยากที่สุดในพระธรรมวิวรณ์ หนังสือหลาย ๆ เล่ม อรรถาธิบาย และนวนิยายต่างก็พากันเขียนเกี่ยวกับ 'ยุคพันปี' และเมื่อใดที่ 'การรับขึ้นไป' จะอุบัติขึ้น มีแนวคิดที่น่าสนใจในเรื่องนี้ และก็น่าเศร้าที่คริสตจักรแบ่งแยกกันในเรื่องนี้ด้วย ดังนั้น ผมขอแสดงแนวคิดเบื้องต้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยความกังวลใจอยู่บ้าง
ยุคพันปี หรือ millennium (พหูพจน์ของ millennia) คือช่วงเวลาเท่ากับ 1,000 ปี เป็นคำที่ได้มาจากภาษาละติน mille คือ หนึ่งพัน annus คือ ปี มีอยู่สองถึงสามครั้ง ที่ช่วงเวลา “หนึ่งพันปี” ถูกกล่าวไว้ (ข้อ 2-7) ช่วงเวลาพันปีนี้คือเมื่อไหร่?? ถ้ามองกว้าง ๆ มีสามแนวคิดด้วยกัน:
แนวคิดหลังยุคพันปี
นี่คือแนวคิดที่ว่าการกลับมาของพระคริสต์ ที่จะไม่เกิดขึ้นจนกว่าแผ่นดินของพระเจ้าจะถูกสถาปนาโดยคริสตจักรในประวัติศาสตร์มนุษยชาติเป็นเวลาหนึ่งพันปีแนวคิดก่อนยุคพันปี
นี่คือแนวคิดที่ว่าการเสด็จมาของพระคริสต์จะตามมาด้วยการผูกมัดซาตาน และการฟื้นคืนชีพของธรรมิกชนผู้ซึ่งจะถูก 'รับขึ้น' และจะเข้าร่วมกับพระองค์ในอาณาจักรชั่วคราว ที่ซึ่งพระองค์ครอบครองเหนือโลกนี้เป็นเวลาพันปี อาณาจักรพันปีแห่งนี้จะสิ้นสุดลงด้วยการพิพากษาและการกบฎครั้งสุดท้ายแนวคิดที่ไม่มียุคพันปี
นี่คือแนวคิดที่ว่าายุคพันปีเป็นช่วงเวลาระหว่างการเสด็จมาครั้งแรกและครั้งที่สองของพระคริสต์ ตำแหน่งนี้มีช่วงยาวนานหนึ่งพันปี ซึ่งเป็นเพียงภาพเปรียบเทียบ ไม่ใช่ตามตัวอักษรและการรับขึ้นไปจะเกิดขึ้นเมื่อพระคริสต์เสด็จกลับมา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ยังมีช่องว่างสำหรับความคิดเห็นที่แตกต่างระหว่างคริสเตียนด้วยกันในเรื่องนี้ โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่ามีความยากลำบากในทั้งสามแนวคิด อย่างไรก็ตาม เมื่อเราอ่านพระธรรมตอนนี้ในบริบทของพันธสัญญาใหม่ที่เหลือ และมองภาพรวมของพระคัมภีร์ทั้งเล่ม ผมมองว่า ทั้ง ๆ ที่ยังมีการโต้แย้งในสิ่งที่ไม่ตรงกันกัน แนวคิด 'ไม่มียุคพันปี' ดูมีหลักฐานประกอบมากที่สุด
ดังที่เราได้เห็น ภาษาส่วนใหญ่ในพระธรรมวิวรณ์เป็น ภาษาที่ใช้ในการพยากรณ์ถึงวันสิ้นโลก และไม่ได้ตีความออกมาตามตัวอักษร 'หนึ่งพันปี' หมายถึงช่วงเวลาอันยาวนานแต่ไม่ได้ระบุว่าช่วงเวลาเอาไว้ อะไรคือหลักฐานที่แสดงว่าช่วงเวลาหนึ่งพันปีได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว?
ประการแรก ซาตานถูกผูกมัด (ข้อ 2) มารถูกให้คำจำกัดความว่า 'พญานาคที่เป็นงูดึกดำบรรพ์ผู้ซึ่งเป็นมารและซาตาน' (ข้อ 2) โดยการเสด็จมา พระเยซูทรงพิชิตซาตาน พระองค์ทรงผูกมัด 'คนที่มีกำลังมาก' (มาระโก 3:27, มัทธิว 12:29) บนไม้กางเขน ซาตานพ่ายแพ้และถูกโยนลงไป 'ในบาดาลลึก' ซึ่งถูก 'ใส่กุญแจและประทับตราไว้' (วิวรณ์ 20:3)
ประการที่สอง ประชาชาติจะไม่ถูกล่อลวงอีกต่อไปในช่วงเวลานี้ 'เพื่อไม่ให้มันล่อลวงประชาชาติต่าง ๆ ได้อีกต่อไป จนครบหนึ่งพันปี' (ข้อ 3) นี่เป็นยุคของคริสตจักร เมื่อพระกิตติคุณถูกแพร่ออกไปสู่ทุกชนทุกชาติ หลายล้านคน และตอนนี้หลายพันล้านคนจะเอ่ยพระนามของพระคริสต์ ดวงตาของพวกเขาจะถูกเปิดเพื่อข่าวประเสริฐแห่งพระเยซู
ประการที่ 3 ตามที่อัครทูตเปาโลกล่าวไว้ เราได้ครอบครองร่วมกับพระคริสต์แล้ว ผู้ที่ตายเพื่อพระคริสต์แล้วกลับเป็นขึ้นมาและประชากรของพระเจ้าจะได้ร่วมครอบครองกับพระคริสต์เป็นเวลาหนึ่งพันปี 'ข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์หลายบัลลังก์ และผู้ที่นั่งอยู่บนนั้นได้รับมอบอำนาจในการพิพากษา…ครอบครองร่วมกับพระคริสต์เป็นเวลาหนึ่งพันปี' (ข้อ 4) ดังที่เปาโลกล่าวไว้ว่า 'และพระองค์ทรงทำให้เราเป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์ และทรงให้เรานั่งด้วยกันกับพระองค์ในสวรรคสถานในพระเยซูคริสต์' (เอเฟซัส 2:6)
ประการที่ 4 คุณถูกเรียกให้ครอบครองในฐานะ 'ปุโรหิตของพระเจ้าและของพระคริสต์' (วิวรณ์ 20:6) ความเป็นปุโรหิตของผู้เชื่อทุกคนได้เริ่มขึ้นแล้ว เราถูกเรียกให้เป็น 'ปุโรหิตบริสุทธิ์' (1 เปโตร 2:5) เปโตรก็ได้กล่าวว่าเรานั้นเป็น 'ปุโรหิตหลวง' (ข้อ 9)
ในช่วงท้ายสุดของช่วงเวลานี้ ซาตานจะ 'ถูกปล่อยออกจากคุกที่ขังมัน' (วิวรณ์ 20:7) และความขัดแย้งสุดท้ายจะอุบัติขึ้น เราได้เห็นอีกครั้งแล้วว่านี่ไม่ใช่ความขัดแย้งใด ๆ เลย แต่จะเป็นชัยชนะของพระเยซูที่พระองค์ทำสำเร็จแล้ว การทำลายล้างมารจะเสร็จสมบูรณ์ (ข้อ 8-10) จากนั้น การพิพากษาครั้งสุดท้ายจะอุบัติขึ้น (ข้อ 11-15)
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่พระองค์ทำให้พระคริสต์เป็นขึ้นมาใหม่และประทับในสวรรคสถาน ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้ใช้ทุกโอกาสอย่างเต็มกำลังความสามารถที่จะนำข่าวประเสริฐไปสู่ประชาชาติ
เนหะมีย์ 9:38-11:21
ประชาชนทำพันธสัญญา
38ด้วยเหตุนี้ เราทั้งหลายจึงทำพันธสัญญามั่นคงและบันทึกไว้ เจ้านาย คนเลวีและปุโรหิตของเราทั้งหลาย จึงประทับตราของเขาไว้
เนหะมีย์ 10
1บรรดาผู้ที่ประทับตราของเขาไว้คือ เนหะมีย์ผู้ว่าราชการ ผู้เป็นบุตรฮาคาลิยาห์ เศเดคียาห์ 2เสไรยาห์ อาซาริยาห์ เยเรมีย์ 3ปาชเฮอร์ อามาริยาห์ มัลคิยาห์ 4ฮัทธัช เชบานิยาห์ มัลลูค 5ฮาริม เมเรโมท โอบาดีห์ 6ดาเนียล กินเนโธน บารุค 7เมชุลลาม อาบียาห์ มิยามิน 8มาอาซิยาห์ บิลกัย เชไมยาห์ คนเหล่านี้เป็นปุโรหิต 9และคนเลวีคือ เยชูอา ผู้เป็นบุตรอาซันยาห์ บินนุยพงศ์พันธุ์เฮนาดัด ขัดมีเอล 10และพี่น้องของเขา เชบานิยาห์ โฮดียาห์ เคลิทา เปเลยาห์ ฮานัน 11มีคา เรโหบ ฮาชาบิยาห์ 12ศักเกอร์ เชเรบิยาห์ เชบานิยาห์ 13โฮดียาห์ บานี เบนินู 14บรรดาหัวหน้าของประชาชน คือ ปาโรส ปาหัทโมอับ เอลาม ศัทธู บานี 15บุนนี อัสกาด เบบัย 16อาโดนียาห์ บิกวัย อาดีน 17อาเทอร์ เฮเซคียาห์ อัสซูร์ 18โฮดียาห์ ฮาชูม เบไซ 19ฮาริฟ อานาโธท เนบัย 20มักปีอาช เมชุลลาม เฮซีร์ 21เมเชซาเบล ศาโดก ยาดดูวา 22เปลาทีอาห์ ฮานัน อานายาห์ 23โฮเชยา ฮานันยาห์ หัสชูบ 24ฮัลโลเหช ปิลหา โชเบก 25เรฮูม ฮาชับนาห์ มาอาเสยาห์ 26อาหิอาห์ ฮานัน อานัน 27มัลลูค ฮาริม บาอานาห์
สาระสำคัญของพันธสัญญา
28ส่วนประชาชนที่เหลือ บรรดาปุโรหิต คนเลวี คนเฝ้าประตู นักร้อง บ่าวไพร่ประจำพระวิหาร และคนทั้งปวงผู้ได้แยกตัวออกจากชนชาติทั้งหลายของแผ่นดินเหล่านั้น มาถือธรรมบัญญัติของพระเจ้า ทั้งภรรยาของเขาบุตรชายบุตรหญิงของเขา และคนทั้งปวงผู้มีความรู้และความเข้าใจ 29ได้สมทบกับพี่น้องของเขา กับขุนนางของเขาเข้าในการสาบานและปฏิญาณที่จะดำเนินตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า ซึ่งทรงมอบไว้กับโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้า และที่จะรักษาและกระทำตามพระบัญญัติของพระยาห์เวห์องค์เจ้านายของเรา และตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ของพระองค์ 30และที่เราทั้งหลายจะไม่ยกบุตรหญิงของเราให้แก่ชนชาติทั้งหลายของแผ่นดินนั้น และไม่รับบุตรหญิงของเขาทั้งหลายมาให้บุตรชายของเรา 31และถ้าชนชาติทั้งหลายของแผ่นดินนั้นนำเครื่องใช้หรือข้าวอย่างใดๆ มาขายในวันสะบาโตเราจะไม่ซื้อจากเขาในวันสะบาโตหรือในวันบริสุทธิ์ และเราจะไม่เก็บผลของปีที่เจ็ดและไม่เก็บหนี้สินทุกอย่าง
32และเราทั้งหลายกำหนดไว้ว่า จะให้คิดกับตัวเราเป็นรายปี ให้เสียเงินคนละ 5 กรัม เพื่อการปรนนิบัติในพระนิเวศของพระเจ้าของเรา 33คือให้เป็นราคาขนมปังตั้งถวาย ธัญบูชาเนืองนิตย์ เครื่องบูชาเผาทั้งตัวเนืองนิตย์ สำหรับสะบาโตต่างๆ วันขึ้นหนึ่งค่ำ เทศกาลเลี้ยงต่างๆ สิ่งของบริสุทธิ์ และเครื่องบูชาลบล้างบาป เพื่อทำการลบมลทินบาปของพวกอิสราเอล สำหรับงานทุกอย่างในพระนิเวศของพระเจ้าของเราทั้งหลาย 34เราได้จับฉลากด้วย คือบรรดาปุโรหิต คนเลวี และประชาชน เพื่อนำฟืนมาถวาย นำเข้ามาในพระนิเวศของพระเจ้าของเรา ตามครอบครัวบรรพบุรุษของเรา ตามเวลากำหนดเป็นปีๆ ไป เพื่อเผาบนแท่นบูชาแห่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเรา ตามที่บันทึกไว้ในธรรมบัญญัติ 35เราผูกมัดตัวเราไว้ที่จะนำผลแรกแห่งที่ดินของเรา และผลแรกของผลต้นไม้ทั้งสิ้นทุกปี มายังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 36และจะนำบุตรชายหัวปี และสัตว์หัวปีของเรา ตามที่บันทึกไว้ในธรรมบัญญัติและลูกหัวปีแห่งฝูงวัว และฝูงแพะแกะของเรามายังพระนิเวศของพระเจ้าของเรา ยังปุโรหิต ผู้ปรนนิบัติอยู่ในพระนิเวศแห่งพระเจ้าของเรา 37และที่จะนำแป้งอย่างดีของเรา เครื่องถวายของเรา ผลไม้ของต้นไม้ทุกต้น เหล้าองุ่นใหม่และน้ำมัน มายังบรรดาปุโรหิต มายังห้องพระนิเวศของพระเจ้าของเราและที่จะนำทศางค์จากแผ่นดินของเรามาให้คนเลวี เพราะคนเลวีเป็นผู้เก็บทศางค์จากเมืองชนบททั้งสิ้นของเรา 38และปุโรหิต พงศ์พันธุ์ของอาโรน จะอยู่กับคนเลวี เมื่อคนเลวีได้รับทศางค์และคนเลวีจะนำทศางค์ของทศางค์ มายังพระนิเวศของพระเจ้าของเรา มายังห้อง ยังคลังพัสดุ 39เพราะประชาชนอิสราเอลและพงศ์พันธุ์เลวีจะนำเครื่องถวายคือ ข้าว เหล้าองุ่นใหม่และน้ำมัน มายังห้องซึ่งเป็นที่เก็บเครื่องใช้ของสถานนมัสการ และที่อยู่ของปุโรหิตผู้ปรนนิบัติและคนเฝ้าประตูและนักร้อง เราจะไม่เพิกเฉยต่อพระนิเวศของพระเจ้าของเรา
เนหะมีย์ 11
จำนวนประชากรในเยรูซาเล็มมีมากขึ้น
1พวกประมุขของประชาชนอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม และประชาชนที่เหลือนั้นจับฉลากกัน เพื่อจะนำเอาคนส่วนหนึ่งในสิบส่วนให้เข้าไปอยู่ในเยรูซาเล็มเมืองบริสุทธิ์ ฝ่ายอีกเก้าส่วนสิบนั้นให้อยู่ในเมืองต่างๆ 2และประชาชนได้ขอบคุณบรรดาผู้ที่สมัครใจไปอยู่ในเยรูซาเล็ม
3ต่อไปนี้เป็นหัวหน้ามณฑลที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม แต่ในเมืองของประเทศยูดาห์ ต่างคนต่างอาศัยอยู่ในที่ดินของตน ในเมืองของตน อิสราเอล พวกปุโรหิต คนเลวี บ่าวไพร่ประจำพระวิหารและเชื้อสายข้าราชการของซาโลมอน 4บางคนในพงศ์พันธุ์ของยูดาห์และพงศ์พันธุ์ของเบนยามิน อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม พงศ์พันธุ์ของยูดาห์มี อาธายาห์บุตรอุสซียาห์ ผู้เป็นบุตรเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรอามาริยาห์ ผู้เป็นบุตรเชฟาทิยาห์ ผู้เป็นบุตรมาหะลาเลล แห่งพงศ์พันธุ์เปเรศ 5และมาอาเสยาห์ บุตรบารุค ผู้เป็นบุตรคลโฮเซห์ ผู้เป็นบุตรฮาซายาห์ ผู้เป็นบุตรอาดายาห์ ผู้เป็นบุตรโยยาริบ ผู้เป็นบุตรเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรชาวชิโลห์ 6เชื้อสายของเปเรศทั้งสิ้นที่อาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม มีคนเก่งกล้า 468 คน
7และต่อไปนี้ เป็นพงศ์พันธุ์เบนยามินคือ สัลลู บุตรเมชุลลาม ผู้เป็นบุตรโยเอด ผู้เป็นบุตรเปดายาห์ ผู้เป็นบุตรโคลายาห์ ผู้เป็นบุตรมาอาเสยาห์ ผู้เป็นบุตรอิธีเอล ผู้เป็นบุตรเยชายาห์ 8และถัดเขาไปคือ กับบัย สัลลัย มี 928 คน 9โยเอลบุตรศิครีเป็นผู้ดูแลเขาทั้งหลาย และเหนือเมืองนั้น ยูดาห์บุตรหัสเสนูอาห์เป็นที่สอง
10จากบรรดาปุโรหิตคือ เยดายาห์ บุตรโยยาริบ ยาคีน 11เสไรยาห์ บุตรฮิลคียาห์ ผู้เป็นบุตรเมชุลลาม ผู้เป็นบุตรศาโดก ผู้เป็นบุตรเมราโยท ผู้เป็นบุตรอาหิทูบ ผู้ปกครองพระนิเวศของพระเจ้า 12และพี่น้องของเขาที่ทำงานอยู่ในพระนิเวศ มี 822 คน และอาดายาห์บุตรเยโรฮัม ผู้เป็นบุตรเปไลยาห์ ผู้เป็นบุตรอัมซี ผู้เป็นบุตรเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรปาชเฮอร์ ผู้เป็นบุตรมัลคียาห์ 13และพี่น้องของเขา หัวหน้าของตระกูล มี 242 คนและอามาชสัยบุตรอาซาเรล ผู้เป็นบุตรอัคซัย ผู้เป็นบุตรเมชิลเลโมท ผู้เป็นบุตรอิมเมอร์ 14และพี่น้องของเขา เป็นทแกล้วทหารมี 128 คน ผู้ดูแลของเขา คือ ศับดีเอล บุตรฮักเกโดลิม
15จากคนเลวี คือ เชไมยาห์ บุตรหัสชูบ ผู้เป็นบุตรอัสรีคัม ผู้เป็นบุตรฮาชาบิยาห์ ผู้เป็นบุตรบุนนี 16และชับเบธัยกับโยซาบาด จากพวกหัวหน้าของคนเลวี ผู้ควบคุมการงานภายนอกพระนิเวศของพระเจ้า 17และมัทธานิยาห์ บุตรมีคาห์ ผู้เป็นบุตรศับดี ผู้เป็นบุตรอาสาฟ ผู้เป็นหัวหน้าในการเริ่มต้นการขอบพระคุณในการอธิษฐาน และบัคบูคิยาห์เป็นที่สองในหมู่พี่น้องของเขา และอับดาบุตรชัมมุวา ผู้เป็นบุตรกาลาล ผู้เป็นบุตรเยดูธูน 18คนเลวีทั้งหมดในนครบริสุทธิ์มี 284 คน
19คนเฝ้าประตูมีอักขูบ ทัลโมนและพี่น้องของเขา ผู้เฝ้าบรรดาประตูมี 172 คน 20คนอิสราเอลที่เหลือซึ่งเป็นพวกปุโรหิตและคนเลวี อยู่ในเมืองทั้งสิ้นของยูดาห์ ทุกคนอยู่ในที่ดินมรดกของเขา 21แต่บ่าวไพร่ประจำพระวิหารอยู่ที่โอเฟล และศีหะกับกิชปา ควบคุมบ่าวไพร่ประจำพระวิหาร
อรรถาธิบาย
บริหารสิทธิอำนาจที่พระเจ้าประทานให้อย่างรับผิดชอบ
ในพระคัมภีร์เดิมหลายๆ ตอน เราคาดการณ์ได้ล่วงหน้าเกี่ยวกับอนาคต พระเจ้าพอพระทัยในประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงตั้งเราไว้ในตำแหน่งแห่งสิทธิอำนาจในการปกครองและครอบครอง อย่างไรก็ตาม เราก็ถูกเรียกให้บริหารสิทธิอำนาจนี้ด้วยความเชื่อฟัง และรับผิดชอบ (10:35)
ประชากรของพระเจ้าทำข้อตกลงผูกมัดเป็นลายลักษณ์อักษร เหล่าผู้นำ เลวีและปุโรหิตร่วมประทับตรา (9:38) พวกเขาสัญญาว่าจะรักษาธรรมบัญญัติและ 'ปฏิญาณ กับคำแช่งสาปและคำสาบานว่าจะติดตามธรรมบัญญัติของพระเจ้า' (10:29)
ปัญหาของพวกเขาก็เช่นเดียวกับเราคือไม่สามารถรักษาธรรมบัญญัติได้ เราจึงสมควรต้องอยู่ภายใต้คำแช่งสาปของพระเจ้า แต่ความเป็นจริงคือพระเยซูทรงแบกรับเอาคำแช่งสาปไปเพื่อเราทั้งหมดบนไม้กางเขน (กาลาเทีย 3:13)
เราถูกเรียกให้ทำจังหวะชีวิตให้สมดุลกัน ทั้งในด้านการทำงานและการพักผ่อน
ประชากรของพระเจ้าต้องรักษาวันสะบาโต และทุก ๆ ปีที่เจ็ด ให้งดการทำงานทุกอย่างบนผืนดินและยกเลิกหนี้ทั้งหมด (เนหะมีย์ 10:31) พวกเขาต้องถวายเครื่องบูชาลบล้างบาป(ข้อ 33)
พวกประมุขของประชาชนอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็ม (11:1) จากพระธรรมตอนนี้เห็นได้ชัดเจนว่าชุมชนเป็นผู้ให้คำมั่นสัญญา การรักษาธรรมบัญญัติเป็นความรับผิดชอบของทุกคน ไม่ใช่แค่กษัตริย์และเจ้านายเท่านั้น
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่ข้าพระองค์ถูกเรียกให้มีความรับผิดชอบต่อชีวิตของตนเอง และที่จะรับใช้พระองค์ และเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์ ขอบคุณที่ข้าพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องถวายเครื่องบูชาเพื่อลบล้างบาปอีกต่อไป ขอบคุณที่พระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์เป็นขึ้นมาจากความตายร่วมกับพระเยซูคริสต์ รวมถึงมีชัยชนะเหนือซาตานผ่านการสิ้นพระชนม์และฟื้นพระชนม์ของพระเยซู เพื่อที่จะครอบครองร่วมกับพระองค์ในสวรรคสถาน ซึ่งอยู่เหนือทุกกฎ ทุกอำนาจ ทุกลัทธิ และทุกสิทธิอำนาจ และทุก ๆ ตำแหน่งที่ถูกตั้งขึ้นมา ไม่เพียงในยุคนี้เท่านั้น แต่ในยุคที่จะมาถึงด้วย (เอเฟซัส 1:20-21)
เพิ่มเติมโดยพิพพา
วิวรณ์ 20:12ข
'คนตายก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของเขาทั้งหลายที่เขียนไว้ในหนังสือเหล่านั้น'
ฉันค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องวันพิพากษา ฉันคิดไปไกลว่าในหนังสือนั้นจะเขียนถึงฉันไว้ว่าอย่างไรบ้าง...และฉันก็แอบคิดว่า พระเจ้าจะคิดอย่างไรกับปริมาณการกินช็อกโกแลตของฉันนะ!
App
Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)