วัน 72

มั่นใจในอนาคตของคุณ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 33:1-11
พันธสัญญาใหม่ มาระโก 16:1-20
พันธสัญญาเดิม เลวีนิติ 25:1-26:13

เกริ่นนำ

อะไรรอคุณอยู่ในอนาคต?

นักอนาคตวิทยาทำนายว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้ในอนาคต ตัวอย่างเช่น มีการทำนายว่าทารกบางคนที่เกิดในวันนี้จะมีอายุถึง 150 ปี นักอนาคตวิทยาบางคนก็ทำนายได้ถูกต้องแม่นยำแต่บางคนก็ไม่

  • ในปี 1962 บริษัท บันทึกเสียง Decca ได้ปฏิเสธวงดนตรีอย่าง The Beatles พวกเขากล่าวว่า ‘เราไม่ชอบเสียงเพลงของพวกเขา และวงดนตรีที่เล่นด้วยกีตาร์ก็กำลังจะล้าสมัยแล้ว'

  • ในปี 1977 เคน โอลสัน ประธานบริษัท Digital Equipment Co. กล่าวว่า ‘ไม่มีเหตุผลใดที่ใครจะต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ที่บ้าน

มีบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับอนาคตที่เราไม่รู้และที่เราไม่ควรจะรู้ อย่างไรก็ตามก็ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ คุณสามารถรู้ได้เกี่ยวกับอนาคตและนั่นก็สร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงให้กับชีวิตของคุณในตอนนี้ วันนี้เราเห็นเหตุผล 3 ประการว่าหากคุณวางใจในพระเจ้า คุณสามารถมั่นใจในอนาคตของคุณได้

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 33:1-11

ความยิ่งใหญ่และความดีของพระเจ้า

1ท่านทั้งหลายผู้ชอบธรรมจงร้องเพลงด้วยความยินดีในพระยาห์เวห์
 และเป็นการสมควรที่คนเที่ยงธรรมจะสรรเสริญพระองค์
2จงยกย่องพระยาห์เวห์ด้วยพิณเขาคู่
 จงร้องเพลงสดุดีแปลได้อีกว่า จงเล่นดนตรีสดุดีพระองค์ด้วยพิณสิบสาย
3จงร้องเพลงบทใหม่ถวายพระองค์
 จงเล่นดนตรีอย่างคล่องแคล่วพร้อมกับโห่ร้องยินดี
4เพราะพระวจนะของพระยาห์เวห์นั้นเที่ยงธรรม
 และพระราชกิจทั้งสิ้นสำแดงความซื่อสัตย์ของพระองค์
5พระองค์ทรงรักความชอบธรรมและความยุติธรรม
 แผ่นดินโลกเต็มด้วยความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์
6โดยพระวจนะของพระยาห์เวห์ ฟ้าสวรรค์ก็ถูกสร้างขึ้นมา
 กับบริวารทั้งปวง ก็ด้วยลมพระโอษฐ์ของพระองค์
7พระองค์ทรงรวบรวมน้ำทะเลเหมือนอย่างทำนบ
 และทรงเก็บที่ลึกไว้ในคลัง
8ให้แผ่นดินโลกทั้งสิ้นยำเกรงพระยาห์เวห์
 ให้ชาวพิภพทั้งปวงเกรงกลัวพระองค์
9เพราะพระองค์ตรัส โลกก็เกิดขึ้นมา
 พระองค์ทรงบัญชา มันก็ตั้งมั่นคง
10พระยาห์เวห์ทรงทำลายแผนการของบรรดาประชาชาติ
 พระองค์ทรงให้แผนงานของชนชาติทั้งหลายไร้ผล
11แผนการของพระยาห์เวห์ตั้งมั่นคงเป็นนิตย์
 แผนงานในพระทัยของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์

อรรถาธิบาย

แผนการของพระเจ้า

แผนการของพระยาห์เวห์ตั้งมั่นคงเป็นนิตย์’ (ข้อ 11) พระเจ้าทรงมีแผนการที่ดีสำหรับชีวิตของคุณ พระองค์ทรงมี ‘แผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทำร้ายเจ้า เพื่อจะให้อนาคตและความหวังแก่เจ้า’ (เยเรมีย์ 29:11)

ความมั่นใจของผู้เขียนพระธรรมสดุดีเกี่ยวกับอนาคตมาจากการมองย้อนกลับไปในอดีต เขาสะท้อนถึงสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงกระทำผ่าน ‘พระวจนะของพระยาห์เวห์’ (สดุดี 33:6ก)

เมื่อเราอ่านพระธรรมสดุดีนี้ผ่านมุมมองของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เราจะเห็นว่าโลกทั้งโลกเกิดขึ้นโดยพระเยซู (พระวจนะของพระยาห์เวห์) (ข้อ 6–9) พระองค์คือผู้ที่เป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่งที่ ‘เที่ยงธรรม’ (ข้อ 4ก) พระองค์ ‘ซื่อสัตย์’ (ข้อ 4ข) พระองค์ ‘รักความชอบธรรมและความยุติธรรม แผ่นดินโลกเต็มด้วยความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์’ (ข้อ 5)

บนพื้นฐานนี้ผู้เขียนพระธรรมสดุดีจึงมั่นใจได้ว่า ‘แผนการของพระยาห์เวห์ตั้งมั่นคงเป็นนิตย์ แผนงานในพระ ทัยของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วชาติพันธุ์’ (ข้อ 11) แผนงานของบรรดาประชาชาติก็สามารถล้มเหลวลงได้ (ข้อ 10) แต่คุณสามารถมั่นใจในแผนการที่ดีของพระเจ้าสำหรับคุณและสำหรับชีวิตของคุณ

การตอบสนองที่เหมาะสมสำหรับสิ่งเหล่านี้คือการนมัสการด้วยการร้องเพลงด้วยความครื้นเครงแด่พระเจ้า และสรรเสริญพระองค์ด้วยเครื่องดนตรีต่าง ๆ ถวายเพลงบทใหม่โดยใช้ทักษะและความสามารถทางดนตรีทุกอย่างหรือแม้แต่การเปล่งเสียง (!) (‘โห่ร้องยินดี’, ข้อ 3ข)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้าขอบคุณพระองค์ที่ทรงมีแผนการที่ดีสำหรับข้าพระองค์ ขอบคุณที่ทรงควบคุมทุกสิ่งรวมถึงอนาคตและชีวิตของข้าพระองค์ได้อย่างยอดเยี่ยม

พันธสัญญาใหม่

มาระโก 16:1-20

การคืนพระชนม์

 1เมื่อวันสะบาโตผ่านพ้นไปแล้ว มารีย์ชาวมักดาลา มารีย์มารดาของยากอบพร้อมกับนางสะโลเม ไปซื้อเครื่องหอมเพื่อจะนำไปชโลมพระศพของพระองค์ 2เวลารุ่งเช้าวันอาทิตย์ พอดวงอาทิตย์ขึ้น พวกนางก็มาที่อุโมงค์ 3และกำลังพูดกันอยู่ว่า “ใครจะช่วยกลิ้งก้อนหินออกจากปากอุโมงค์” 4เพราะเป็นหินก้อนใหญ่ แต่เมื่อพวกนางมองดูก็เห็นหินก้อนนั้นกลิ้งออกไปแล้ว 5เมื่อพวกนางเข้าไปในอุโมงค์ ก็เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งใส่เสื้อคลุมยาวสีขาวนั่งอยู่ทางขวามือ พวกนางก็ตกตะลึง 6ชายหนุ่มคนนั้นบอกพวกนางว่า “อย่ามัวตะลึงอยู่เลย พวกท่านมาหาพระเยซูชาวนาซาเร็ธผู้ทรงถูกตรึงที่กางเขนซินะ พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว พระองค์ไม่ได้อยู่ที่นี่ จงดูที่ที่วางพระศพของพระองค์เถิด 7พวกท่านจงไปบอกพวกสาวกของพระองค์รวมทั้งเปโตรด้วยว่า พระองค์จะเสด็จไปที่แคว้นกาลิลีก่อนพวกท่าน พวกท่านจะเห็นพระองค์ที่นั่น ดังที่พระองค์ตรัสกับพวกท่านไว้แล้ว” 8หญิงเหล่านั้นจึงออกจากอุโมงค์แล้วรีบหนีไป เพราะพิศวงงงงวยและตกใจจนตัวสั่น พวกนางไม่ได้พูดกับใครเพราะกลัว

การทรงปรากฏแก่มารีย์ชาวมักดาลา

[ 9หลังจากพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาในวันเวลารุ่งเช้าวันอาทิตย์ พระองค์ทรงปรากฏแก่มารีย์ชาวมักดาลาก่อน คือมารีย์คนที่พระองค์ทรงขับผีออกเจ็ดตน 10มารีย์จึงไปบอกบรรดาคนที่เคยอยู่กับพระองค์มาก่อน ขณะที่พวกเขากำลังร้องไห้เป็นทุกข์ 11เมื่อพวกเขาได้ยินว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และมารีย์ได้เห็นพระองค์แล้ว พวกเขายังไม่เชื่อ

การทรงปรากฏแก่สาวกสองคน

 12ภายหลังเหตุการณ์เหล่านี้ พระองค์ปรากฏพระกายอีกรูปหนึ่งแก่สาวกสองคน ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางออกไปนอกเมือง 13สาวกสองคนนั้นจึงกลับมาบอกสาวกคนอื่นๆ แต่พวกเขาไม่เชื่อ

การประทานพระบัญชาแก่อัครทูต

 14หลังจากนั้นพระองค์ทรงปรากฏกับสาวกสิบเอ็ดคน ขณะพวกเขากำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ พระองค์ทรงตำหนิพวกเขาในเรื่องความสงสัยและใจดื้อดึง เพราะว่าพวกเขาไม่เชื่อคนที่ได้เห็นพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้ว 15พระองค์ตรัสสั่งพวกสาวกว่า “พวกท่านจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน 16ใครเชื่อและรับบัพติศมาก็จะรอด แต่ใครไม่เชื่อจะต้องถูกลงโทษ 17มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะเกิดขึ้นที่นั้น คือพวกเขาจะขับผีออกโดยนามของเรา พวกเขาจะพูดภาษาแปลกๆ 18พวกเขาจะจับงูได้ด้วยมือเปล่า ถ้าพวกเขากินยาพิษใดๆ มันจะไม่ทำอันตรายแก่พวกเขา และพวกเขาจะวางมือบนคนเจ็บคนป่วย แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค”

การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์

 19หลังจากพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งพวกเขาแล้ว พระเจ้าก็ทรงรับพระองค์ขึ้นสู่ฟ้าสวรรค์ ประทับที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า 20พวกสาวกจึงออกไปเทศนาสั่งสอนทุกแห่งหน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงร่วมงานกับพวกเขาและทรงสนับสนุนคำสอนของพวกเขา ด้วยการให้มีหมายสำคัญประกอบคำสอน]

อรรถาธิบาย

พลังแห่งการฟื้นคืนพระชนม์

การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูเกิดขึ้นจริง เมื่อพวกผู้หญิงมาถึงหลุมฝังศพก็พบหินว่าก้อนใหญ่ปิดทางเข้าอุโมงค์กลิ้งออกมา พระเยซูทรงเป็นขึ้นแล้ว และพระองค์ก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว พวกนางเห็นด้วยตาตัวเองว่าอุโมงค์นั้นว่างเปล่า (ข้อ 6–8)

พระเยซูทรงประทานเสรีภาพและรองรับกับผู้หญิงเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า พระองค์ปฏิบัติต่อชายและหญิงอย่างเท่าเทียมกัน ผู้หญิงเหล่านั้นเป็นคนสุดท้ายที่กางเขน และเป็นคนแรกที่อุโมงค์ฝังศพเป็นพวกแรกที่ได้รับมอบหมายในการบอกข่าวการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู

เป็นเรื่องสำคัญที่พยานกลุ่มแรกของการฟื้นคืนพระชนม์ที่ถูกบันทึกไว้ในพระกิตติคุณทั้งหมดนั้นเป็นสตรีเหล่านี้ คำพยานของผู้หญิงถูกมองอย่างกว้างขวางว่าไม่น่าเชื่อถือ (ในศาลของชาวยิวส่วนใหญ่ไม่อนุญาตด้วยซ้ำ) แต่ในการปรากฏตัวครั้งแรกของพระองค์ต่อพวกนาง พระเยซูทรงยืนยันถึงความสำคัญและบทบาทของสตรีในชุมชนใหม่ของพระองค์

สิ่งนี้ยังทำให้คำพยานของผู้เห็นเหตุการณ์ดูจะกลายเป็นความจริง และคริสตจักรในยุคแรกไม่เคยกุเรื่องขึ้น

ความจริงก็คือการเป็นขึ้นจากตายนั้นดูไม่น่าเชื่อสำหรับสาวกกลุ่มแรกเช่นเดียวกับหลายคนในปัจจุบัน เมื่อสาวกคนอื่น ๆ ได้รับข่าวการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซู พวกเขาไม่เชื่อ (ข้อ 11,13) จนกระทั่งพวกเขาจะได้เห็นพระเยซูด้วยตัวเอง แต่ไม่ว่าพวกเขาจะได้เห็นการเป็นขึ้นจากตายของพระองค์ที่อุโมงค์ฝังศพหรือที่อื่น (ข้อ 12,14) ชีวิตของพวกเขาก็ได้รับการเปลี่ยนแปลง พวกเขาเปลี่ยนจากความกลัวไปสู่ความเชื่อ จากการตื่นตระหนกไปสู่การกระทำ และจากความสิ้นหวังไปสู่ความหวัง

ผลของการฟื้นคืนพระชนม์ คุณสามารถเผชิญกับอนาคตด้วยความมั่นใจ อันได้แก่

1.\tมั่นใจในอนาคตนิรันดร์ของคุณ

ชีวิตนี้ไม่ใช่จุดจบ มีชีวิตหลังความตาย เมื่อพระเยซูทรงฟื้นขึ้นจากความตาย ในพระคริสต์คุณจะเป็นขึ้นกับพระองค์ (ดู 1 โครินธ์ 15)

ดังที่ ทิม เคลเลอร์ เขียนไว้ว่า ‘ทำไมการทำในสิ่งที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องยากถ้าคุณรู้ว่ามันต้องเสียเงิน ชื่อเสียงหรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตของคุณ? ทำไมการเผชิญกับความตายของคุณเอง หรือความตายของคนที่คุณรักจึงเป็นเรื่องยากมาก? มันยากมากเพราะเราคิดว่าโลกที่แตกสลายนี้เป็นโลกเดียวที่เรามี... แต่ถ้าพระเยซูเป็นขึ้นมาอนาคตของคุณก็สวยงามกว่านั้นมากและมั่นคงแน่นอนกว่า’

2.\tมั่นใจในชีวิตในอนาคตของคุณ

พระเยซูยังมีทรงพระชนม์อยู่ พระองค์ทรงอยู่กับคุณ ขณะที่คุณ ‘ออกไปทั่วโลกและประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน’ (มาระโก 16:15) เช่นเดียวกับสาวกได้รับมอบหมายให้ออกไปประกาศข่าวดีแก่คนทั้งโลก คุณสามารถมั่นใจได้ว่าพลังอำนาจของพระเจ้าจะอยู่กับคุณ คุณสามารถคาดหวังว่าจะมีหมายสำคัญอันทรงพลังที่พร้อมกับการประกาศของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการขับผีออก พูดภาษาแปลก ๆ และรักษาคนป่วย นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น (ข้อ 20) และนี่คือสิ่งที่เราควรคาดหวังในวันนี้

ตัวอย่างเช่น การรักษาโรคไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ที่มีของประทานในการรักษาเท่านั้น แต่มีไว้สำหรับ ‘คนเชื่อ’ ทุกคน (ข้อ 17) พระเจ้าเป็นผู้ที่รักษา แต่พระองค์ทรงให้คุณมีส่วนในแผนการของพระองค์ ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงร่วมงานกับพวกเขา และทรงสนับสนุนคำสอนของพวกเขาด้วยการให้มีหมายสำคัญประกอบคำสอน’ (ข้อ 20)

มีตัวอย่างมากมายในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ แต่มันมักจะเรียบง่ายเสมอ การรักษามา ‘ในนามของ [พระเยซู]’ (ข้อ17) ตัวอย่างที่พบบ่อยที่สุดคือแบบที่พระเยซูตรัสไว้ นั่นคือ การวางมือ ‘พวกเขาจะวางมือบนคนเจ็บคนป่วยแล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค’ (ข้อ 18)

คำอธิษฐาน

ขอบคุณพระเจ้า สำหรับการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู ขอบคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์สามารถเผชิญกับอนาคตด้วยความหวังและความมั่นใจเพราะพระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่และสถิตกับข้าพระองค์

พันธสัญญาเดิม

เลวีนิติ 25:1-26:13

ปีสะบาโต

 1พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสที่ภูเขาซีนายว่า 2“จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เมื่อเจ้าทั้งหลายเข้าแผ่นดินที่เราให้เจ้านั้น ให้แผ่นดินนั้นถือสะบาโตแด่พระยาห์เวห์ 3จงหว่านพืชในไร่นาของเจ้าหกปี และจงลิดแขนงสวนองุ่นของเจ้าและเก็บผลหกปี 4แต่ในปีที่เจ็ดนั้นเป็นปีสะบาโต จงให้แผ่นดินหยุดพักสงบ เป็นปีสะบาโตแด่พระยาห์เวห์ ห้ามหว่านพืชในไร่นาของเจ้า หรือลิดแขนงสวนองุ่นของเจ้า 5สิ่งใดที่งอกขึ้นมาเอง เจ้าห้ามเก็บเกี่ยว องุ่นอันเกิดอยู่ที่เถาซึ่งเจ้าไม่ได้ตกแต่งก็ห้ามเก็บ ให้เป็นปีที่แผ่นดินหยุดพักสงบ 6แผ่นดินในปีสะบาโตนั้นจะยังให้พืชผลแก่เจ้าทั้งหลาย คือแก่ตัวเจ้าเอง แก่ทาสชาย ทาสหญิงของเจ้า แก่ลูกจ้างของเจ้าและแก่คนต่างด้าวที่อยู่กับเจ้า 7พืชผลแห่งแผ่นดินทั้งสิ้น จะเป็นอาหารของสัตว์เลี้ยงของเจ้าและของสัตว์ป่าในนั้นด้วย

ปีอิสรภาพ

 8“จงนับปีสะบาโตเจ็ดปีคือเจ็ดคูณเจ็ดปี เวลาปีสะบาโตเจ็ดปีจึงเป็นสี่สิบเก้าปีแก่เจ้า 9จงให้เป่าเขาสัตว์ดังสนั่นในวันที่สิบเดือนที่เจ็ด เจ้าจงให้เป่าเขาสัตว์ทั่วแผ่นดินในวันลบมลทิน 10จงถือปีที่ห้าสิบไว้เป็นปีบริสุทธิ์ และประกาศอิสรภาพแก่บรรดาคนที่อาศัยอยู่ทั่วแผ่นดินของเจ้า ให้เป็นปีอิสรภาพหรือ ปีเสียงเขาสัตว์แก่เจ้า ให้ทุกคนกลับไปยังภูมิลำเนาอันเป็นทรัพย์สินของตน และกลับไปสู่ครัวเรือนของตน 11ปีที่ห้าสิบนั้นเป็นปีอิสรภาพของเจ้า ในปีนั้นเจ้าอย่าหว่านพืชหรือเกี่ยวเก็บผลที่เกิดขึ้นมาเอง หรือเก็บองุ่นจากเถาที่ไม่ได้ตกแต่ง 12เพราะเป็นปีอิสรภาพ จะเป็นปีบริสุทธิ์แก่เจ้า เจ้าจงรับประทานพืชผลที่งอกขึ้นเองในปีนั้น
 13“ในปีอิสรภาพปีอิสรภาพนี้ให้ทุกคนกลับไปสู่ภูมิลำเนาอันเป็นทรัพย์สินของตน 14ถ้าเจ้าจะขายไร่นาให้เพื่อนบ้านก็ดี หรือซื้อจากเพื่อนบ้านก็ดี เจ้าอย่าโกงกัน 15ตามจำนวนปีหลังจากปีอิสรภาพ เจ้าจงซื้อไร่นาจากเพื่อนบ้านของเจ้า และให้เขาขายแก่เจ้าตามจำนวนปีที่ปลูกพืชได้ 16ถ้ามากปีก็ต้องเพิ่มราคาสูงขึ้น ถ้าน้อยปีเจ้าจงลดราคาให้ต่ำลง เพราะที่เขาขายนั้นเขาก็ขายตามจำนวนปีที่ปลูกพืช 17ห้ามโกงกัน แต่จงยำเกรงพระเจ้าของเจ้า เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
 18“เพราะฉะนั้นเจ้าจงทำตามกฎเกณฑ์ของเรา และจงรักษากฎหมายของเรา และจงปฏิบัติตามทุกอย่าง เพื่อเจ้าจะอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นอย่างปลอดภัย 19แผ่นดินจะอำนวยผลให้เจ้าได้รับประทานอย่างอิ่มหนำ และอาศัยอยู่อย่างปลอดภัย 20ถ้าเจ้าจะพูดว่า ‘ถ้าเราทั้งหลายไม่หว่านหรือเกี่ยวพืชผลของเรา ในปีที่เจ็ดเราจะเอาอะไรรับประทาน?’ 21เราจะบัญชาพรของเราให้มาเหนือเจ้าในปีที่หก เพื่อจะมีพืชผลพอสำหรับสามปี 22เมื่อเจ้าหว่านในปีที่แปด เจ้าจะรับประทานของเก่าของเจ้าจนปีที่เก้า เมื่อเจ้าได้พืชผลใหม่เข้ามา เจ้าก็ยังรับประทานพืชผลเก่าของเจ้าอยู่ 23ส่วนที่ดินนั้นเจ้าห้ามขายขาด เพราะว่าที่ดินนั้นเป็นของเรา พวกเจ้าเป็นเพียงคนต่างด้าวและแขกเมืองที่อาศัยอยู่กับเรา 24ตลอดทั่วแผ่นดินที่พวกเจ้ายึดถืออยู่ เจ้าจงให้มีการไถ่ถอนที่ดินคืน
 25“ถ้าพี่น้องของเจ้ายากจนลง และต้องขายที่ดินส่วนหนึ่งของเขาไป จงให้ญาติสนิทของเขามาไถ่ถอนไร่นาที่พี่น้องของเขาขายไปนั้น 26ถ้าชายคนนั้นไม่มีญาติมาไถ่ถอนให้ แต่ต่อมาเขามั่งมีขึ้น และมีทรัพย์พอจะไถ่ถอนได้ 27ให้เขานับปีย้อนกลับไปถึงปีที่เขาขายให้ แล้วจงนับเงินที่ควรจ่ายกลับคืนนั้นให้แก่คนที่ตนขายให้ แล้วจึงกลับเข้าอยู่ในที่ดินของตนเองได้ 28ถ้าเขาไม่มีทรัพย์พอจะไถ่คืน ที่ดินที่เขาได้ขายไปจะคงอยู่ในมือของผู้ซื้อจนถึงปีอิสรภาพ ให้ผู้ซื้อคืนกลับให้เจ้าของในปีอิสรภาพนี้ และเจ้าของเดิมจะกลับเข้ามาอยู่ในที่เดิมของเขาได้
 29“ถ้าผู้ใดขายบ้านซึ่งอยู่ในเมืองที่มีกำแพง เมื่อขายไปแล้วให้เขาไถ่ถอนคืนได้ภายในหนึ่งปีแรก ให้เขามีสิทธิ์ไถ่คืนได้หนึ่งปีเต็ม 30ถ้าในเวลาหนึ่งปีเต็มเขาไม่ไถ่ถอน ก็ให้จัดการเสียให้แน่นอนว่า ผู้ซื้อมีสิทธิ์เหนือบ้านที่อยู่ในเมืองที่มีกำแพงนั้นตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเขา ในปีอิสรภาพเขาก็ไม่ต้องคืนให้ 31แต่บ้านในชนบทที่ไม่มีกำแพงล้อม ให้นับเข้าเป็นพวกเดียวกับท้องทุ่งในประเทศนั้น คือไถ่ถอนคืนได้ และจะต้องคืนกลับให้เจ้าของเดิมในปีอิสรภาพ 32แต่อย่างไรก็ตาม เมืองของคนเลวี หรือบ้านในเมืองที่พวกเขาถือกรรมสิทธิ์ คนเลวีจะไถ่ถอนคืนได้ทุกเวลา 33คือบ้านของคนเลวีที่อยู่ในเมืองที่พวกเขาถือกรรมสิทธิ์ซึ่งถูกขายไปจะต้องคืนให้เจ้าของเดิมในปีอิสรภาพ เพราะบ้านในเมืองของคนเลวี เป็นกรรมสิทธิ์ของพวกเขาท่ามกลางคนอิสราเอล 34แต่ที่ดินสาธารณะที่อยู่รอบเมืองจะซื้อขายกันไม่ได้ เพราะเป็นกรรมสิทธิ์ถาวรของเขาทั้งหลาย
 35“ถ้าพี่น้องของเจ้ายากจนลงและเลี้ยงตนเองท่ามกลางพวกเจ้าไม่ได้ เจ้าจะต้องเลี้ยงดูเขาให้เขาอยู่กับเจ้าอย่างคนต่างด้าวและแขกเมือง 36อย่าเอาดอกเบี้ยหรือเงินเพิ่มอะไรจากเขา แต่จงยำเกรงพระเจ้า เพื่อว่าพี่น้องของเจ้าจะอยู่ใกล้ชิดกับเจ้าได้ 37ห้ามให้เขายืมเงินโดยคิดดอกเบี้ย หรือขายอาหารโดยเอากำไรจากเขา 38เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ซึ่งนำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อยกแผ่นดินคานาอันให้แก่เจ้า และเพื่อเป็นพระเจ้าของเจ้า
 39“ถ้าพี่น้องของเจ้ายากจนลงและอยู่ใกล้ชิดเจ้าและขายตัวให้แก่เจ้า ห้ามใช้เขาทำงานเป็นทาส 40ให้เขาอยู่กับเจ้าอย่างลูกจ้างหรือแขกเมือง ให้เขาปรนนิบัติเจ้าไปจนถึงปีอิสรภาพ 41แล้วเขาและลูกหลานของเขาจะออกไปจากเจ้า กลับไปสู่ครัวเรือนของเขา และกลับไปอยู่ในที่ดินของบิดาของเขา 42เพราะว่าเขาทั้งหลายเป็นผู้รับใช้ของเราที่เราพาออกจากอียิปต์ พวกเขาจะถูกขายเป็นทาสไม่ได้ 43ห้ามปกครองพวกเขาด้วยความรุนแรง แต่จงยำเกรงพระเจ้าของเจ้า 44ส่วนทาสชายหญิงซึ่งจะมีได้นั้น เจ้าจะซื้อทาสชายหญิงจากประชาชาติต่างๆ ที่อยู่ล้อมรอบเจ้าก็ได้ 45เจ้าจะซื้อจากคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในหมู่พวกเจ้าทั้งครอบครัวของเขา ซึ่งเป็นคนเกิดในแผ่นดินของเจ้า และพวกเขาจะตกเป็นทรัพย์สินของเจ้าก็ได้ 46เจ้าจะทำพินัยกรรมยกเขาให้แก่บุตรหลานของเจ้าให้เป็นมรดกแก่พวกเขาเป็นกรรมสิทธิ์เป็นนิตย์ก็ได้ เจ้าใช้เขาได้อย่างทาส แต่เจ้าทั้งหลายห้ามปกครองพี่น้องคนอิสราเอลด้วยความรุนแรง
 47“ถ้าคนต่างด้าวหรือแขกเมืองของเจ้ามั่งมีขึ้น และพี่น้องของเจ้าที่อยู่กับเขายากจนลง และขายตัวให้แก่คนต่างด้าวหรือแขกเมืองที่อยู่กับเจ้านั้น หรือขายตัวให้แก่ญาติคนหนึ่งคนใดของคนต่างด้าวนั้น 48เมื่อเขาขายตัวแล้วก็ให้มีการไถ่ถอน คือพี่น้องคนหนึ่งคนใดของเขาไถ่ถอนเขาได้ 49หรือลุงหรือลูกพี่ลูกน้องจะไถ่ถอนเขาก็ได้ หรือญาติสนิทของตระกูลของเขาจะไถ่ถอนเขาก็ได้ หรือถ้าเขามั่งมีขึ้นเขาจะไถ่ถอนตัวเองก็ได้ 50ให้ผู้ที่ขายตัวคิดกับผู้รับซื้อตัวเขาไปว่า เขาได้ขายตัวกี่ปีจึงจะถึงปีอิสรภาพ ค่าตัวของเขานับค่าตามจำนวนปี เวลาที่เขาอยู่กับเจ้าของนั้นคิดตามเวลาของลูกจ้าง 51ถ้ามีเวลาอีกหลายปี เขาต้องชำระเงินคืนตามมูลค่าของจำนวนปีที่เหลืออยู่ นับเป็นค่าไถ่ถอนตัวเขา 52ถ้ายังเหลือน้อยปีจึงจะถึงปีอิสรภาพ ก็ให้ผู้ขายตัวคิดกับผู้ซื้อตัวไว้เป็นเงินตามจำนวนปีที่เขาควรจะรับใช้คืนเป็นเงินค่าไถ่เขา 53ให้เขาเป็นลูกจ้างรายปีอยู่กับนาย ห้ามนายปกครองข่มขี่เขาอย่างรุนแรงท่ามกลางพวกเจ้า 54ถ้าเขาไม่ไถ่ถอนตามที่กล่าวมานี้ ก็ให้ปล่อยเขาในปีอิสรภาพ ทั้งเขาพร้อมกับลูกของเขา 55ต่อเรานั้น คนอิสราเอลเป็นผู้รับใช้ เขาเป็นผู้รับใช้ของเราที่เราพาออกจากแผ่นดินอียิปต์ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า

เลวีนิติ 26

พระพรของการเชื่อฟัง

 1“ห้ามเจ้าทั้งหลายทำรูปเคารพสำหรับตัว หรือตั้งรูปแกะสลัก หรือเสาศักดิ์สิทธิ์ และห้ามตั้งรูปศิลาแกะสลักไว้ในแผ่นดินของเจ้าเพื่อจะกราบไหว้ เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า 2จงรักษาสะบาโตทั้งหลายของเรา และเคารพต่อสถานนมัสการของเรา เราคือยาห์เวห์
 3“ถ้าเจ้าทั้งหลายดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา รักษาบัญญัติของเรา และทำตาม 4เราจะประทานฝนตามฤดูแก่เจ้า แผ่นดินจะเกิดพืชผล ต้นไม้ในทุ่งจะบังเกิดผล 5เวลานวดข้าวจะยาวนานถึงฤดูเก็บผลองุ่น ฤดูเก็บผลองุ่นจะยาวนานไปถึงฤดูหว่าน พวกเจ้าจะรับประทานอาหารอย่างอิ่มหนำ และอยู่ในแผ่นดินของเจ้าอย่างปลอดภัย 6เราจะให้เกิดสันติภาพในแผ่นดิน เจ้าทั้งหลายจะนอนลง และไม่มีใครทำให้เจ้ากลัว เราจะขจัดสัตว์ร้ายจากแผ่นดิน และดาบจะไม่ผ่านแผ่นดินของพวกเจ้าเลย 7พวกเจ้าจะขับไล่ศัตรูของเจ้าทั้งหลาย เขาทั้งหลายจะล้มลงต่อหน้าพวกเจ้าด้วยดาบ 8พวกเจ้าห้าคนจะขับไล่ศัตรูร้อยคน พวกเจ้าร้อยคนจะขับไล่ศัตรูหมื่นคน ศัตรูของพวกเจ้าจะล้มลงด้วยดาบต่อหน้าเจ้าทั้งหลาย 9และเราจะคิดถึงพวกเจ้า จะทำให้พวกเจ้ามีพงศ์พันธุ์มากยิ่งขึ้น และรักษาพันธสัญญาซึ่งมีไว้กับเจ้าทั้งหลาย 10พวกเจ้าจะได้รับประทานของที่สะสมไว้นาน และจะต้องเอาของเก่าออกไปเพื่อจะมีที่สำหรับเก็บของใหม่ 11เราจะตั้งที่ประทับของเราในหมู่พวกเจ้า เราจะไม่เกลียดชังเจ้า 12เราจะดำเนินในหมู่พวกเจ้า จะเป็นพระเจ้าของเจ้า และเจ้าจะเป็นประชากรของเรา 13เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้นำเจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเจ้าจะมิได้เป็นทาสของเขา เราได้หักไม้ที่เป็นแอกของเจ้าออกเสียเพื่อให้เจ้าเดินตัวตรงได้

อรรถาธิบาย

พระสัญญาของพระเจ้า

แม้ว่าคุณจะไม่สามารถรู้รายละเอียดของอนาคตได้ แต่คุณสามารถมั่นใจได้ถึงพระพรของพระเจ้าที่มีต่ออนาคตของคุณ ในบทที่ 26 พระเจ้าทรงสัญญาว่าหากคุณเชื่อฟังพระองค์คุณจะเกิดผล (ข้อ 4) อิ่มหนำและปลอดภัย (ข้อ 5) มีสันติภาพ (ข้อ 6) ไม่กลัว (ข้อ 6) เติบโต (ข้อ 9) ) ได้รับการทรงสถิตของพระเจ้า (ข้อ 12) และมั่นใจในการ ‘เดินตัวตรงได้’ (ข้อ 13)

พระเจ้าตรัสว่า ‘ถ้าเจ้าดำเนินชีวิตตามคำบัญชาของเรา... เจ้าจะมี... สถานที่แห่งสันติสุข เจ้าจะนอนหลับสบายตลอดคืนได้โดยไม่ต้องกลัว... เราจะทำให้เจ้าประสบความสำเร็จ... เติบโตและเกิดผลมาก ... เราคือพระเจ้าส่วนตัวของเจ้า...เราฉีกการถูกพันธนาการจองจำจากการเป็นทาสของเจ้าออกแล้ว เพื่อที่เจ้าจะได้มีอิสระและเสรีภาพ’ (ข้อ 3–13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

นี่คือแผนการระยะยาวของพระเจ้าสำหรับอนาคตของคุณ คุณจะเผชิญกับการทดลองและความยากลำบากในชีวิตขณะที่คุณพยายามแสวงหาและเชื่อฟังพระเจ้า แต่โดยทางพระเยซู คุณได้รับพระพรบางประการแม้ในขณะนี้

ในบทที่ 25 เราจะเห็นบางสิ่งที่เราต้องทำเพื่อที่จะเชื่อฟังพระเจ้า แน่นอนว่าบางอย่างเป็นเรื่องเฉพาะของชาวอิสราเอลโบราณ แต่บางอย่างก็นำมาปรับใช้ได้ทุกเวลา

ผมชอบสิ่งที่ จอยซ์ ไมเยอร์ เขียนเกี่ยวกับปีอิสรภาพ (เลวีนิติ 25) ซึ่งหนี้ทั้งหมดได้รับการปลอดปล่อย และลูกหนี้ทุกคนได้รับการอภัยโทษและปล่อยให้เป็นอิสระ: ‘ในพระคริสต์ ทุกวันอาจเป็นปีอิสรภาพ เราสามารถได้รับการอภัยบาปของเราเองได้อย่างต่อเนื่องผ่านการกลับใจใหม่และเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์ เราสามารถเพลิดเพลินกับปีอิสรภาพอันต่อเนื่องได้ ปัญหาของเราอาจเกิดจากการที่เราพยายามจะจ่ายหนี้ให้ กับพระเจ้าหรือว่าเรายังพยายามทวงหนี้จากผู้อื่น เช่นเดียวกับที่พระเจ้าทรงยกหนี้ของเราและยกโทษให้เรา เพื่อที่เราจะได้ยกหนี้ของผู้อื่นและยกโทษให้พวกเขาในสิ่งที่พวกเขาเป็นหนี้เรา’

กุญแจสำคัญของบทนี้คือ ‘ห้ามโกงกัน’ (ข้อ 14,17) ไม่เพียงแค่ความซื่อสัตย์ แต่เราต้องมีน้ำใจต่อผู้อื่นด้วย

สิ่งนี้แตกต่างจากมุมมองของโลกอย่างสิ้นเชิง โลกชื่นชมบุคคลที่ทำเงินไม่ว่าจะใช้วิธีที่ไร้ความปรานี หรือโหดร้ายเพียงไร พวกเขาอาจประสบความสำเร็จในแง่หนึ่ง แต่พระเจ้าทรงสนพระทัยว่าเราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไรมากกว่าสิ่งที่เราเป็นเจ้าของและโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์ทรงห่วงใยว่าเราปฏิบัติต่อคนยากจนแบบไหน (ข้อ 25,35,39)

เราเป็นเพียงผู้ดูแลอารักขาเท่านั้น พระเจ้าตรัสว่า ‘ที่ดินนั้นเป็นของเรา พวกเจ้าเป็นเพียงคนต่างด้าวและแขกเมืองที่อาศัยอยู่กับเรา’ (ข้อ 23) นี่คือวิธีที่เราควรคำนึงถึงทรัพย์สินและทรัพย์สมบัติ พวกมันเป็นของพระเจ้า คุณแค่เป็นผู้อารักขา พระเจ้ากำลังสอนประชาชนของพระองค์ว่าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความมั่งคั่งถาวร คุณเป็นเจ้าของสิ่งที่คุณเป็นเจ้าของอยู่นั้นแค่ช่วงฤดูกาลนึง มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่เป็นเจ้าของอย่างถาวร

คำอธิษฐาน

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระสัญญาทุกข้อของพระองค์ ขอบคุณที่พระองค์ทรงมีแผนการระยะยาวสำหรับอนาคตของข้าพระองค์ ขอบคุณพระองค์ที่วันหนึ่งข้าพระองค์จะฟื้นขึ้นมาพร้อมกับองค์พระคริสต์เพื่อมีชีวิตที่ครบบริบูรณ์และมีชีวิตนิรันดร์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ในช่วงอัลฟ่าสุดสัปดาห์ มักจะเกิดความรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของพระเจ้าที่ดำเนินอยู่ท่ามกลางผู้คนของพระองค์และการสำแดงพระ องค์เองต่อพวกเขา (เลวีนิติ 26:12) ในข้อ 13 กล่าวว่า ‘เราได้หักไม้ที่เป็นแอกของเจ้าออกเสียเพื่อให้เจ้าเดินตัวตรงได้’ เมื่อเร็ว ๆ นี้ในสุดสัปดาห์หนึ่ง หญิงสาวคนหนึ่งพูดกับฉันว่าความกลัวของเธอหายไป และเรื่องที่หนักใจก็เบาลง และเธอดูสดใสเปล่งประกาย

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม