วัน 192

มองไม่เห็นแต่ล้ำค่า

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 83:1-18
พันธสัญญาใหม่ กิจการอัครทูต 28:1-16
พันธสัญญาเดิม 2 พงศ์กษัตริย์ 19:14-20:21

เกริ่นนำ

ทุกเช้าวันจันทร์ เขาโทรศัพท์มาที่สำนักงานของเรา เขามักจะถามเกี่ยวกับงานและพันธกิจประจำสัปดาห์ และผู้ที่มีส่วนร่วม เป็นเวลาหลายทศวรรษที่ชาร์ลส์และกลุ่มอธิษฐานของเขาสนับสนุนคริสตจักรด้วยคำอธิษฐานอย่างสัตย์ซื่อ พวกเขาเป็นแบบอย่างของคนมากมายในคริสตจักรของเราซึ่งอธิษฐานวิงวอนเพื่อเรา คำอธิษฐานของพวกเขาอาจมองไม่เห็นแต่ก็ลำ้ค่าเช่นกัน

คำว่า ‘ทูลขอ’ โดยทั่วไปหมายถึงการอธิษฐานเพื่อผู้อื่น (ทั้งยังใช้อธิษฐานเพื่อตัวเองก็ได้) เราทุกคนล้วนถูกเรียกมาเพื่ออธิษฐานวิงวอน อัครสาวกเปาโลเขียนถึงทิโมธีว่า ‘เพราะฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านให้วิงวอน อธิษฐาน ทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อทุกคน เพื่อกษัตริย์ทั้งหลายและทุกคนที่มีตำแหน่งสูง’ (1 ทิโมธี 2:1–2)

พระเยซูทรงเป็นผู้ร้องทูลที่ยิ่งใหญ่ พระองค์ทรง ‘อ้อนวอนเพื่อพวกคนทรยศ’ (อิสยาห์ 53:12) พระองค์ ‘สถิต ณ เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า และทรงอธิษฐานขอเพื่อเราด้วย’ (โรม 8:34 ดูร่วมกับ ฮีบรู 7:25 ) พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทูลขออ้อนวอนแทนเราและผ่านเรา ‘แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทน ด้วยการคร่ำครวญซึ่งไม่อาจกล่าวเป็นถ้อยคำ...เพราะว่าพระวิญญาณทรงอธิษฐานขอเพื่อธรรมิกชนตามพระประสงค์ของพระเจ้า’ (โรม 8:26–27)

เนื้อหาในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมสำหรับวันนี้ เราจะเห็นบทบาทของอิสยาห์ในฐานะผู้ทูลขอ การอธิษฐานทุลขอเพื่อผู้อื่นเป็นหนึ่งในหน้าที่ของผู้เผยพระวจนะ การอธิษฐานทูลขอยังทำโดยผู้เป็นกษัตริย์ เช่น ดาวิด โซโลมอน และเฮเซคียาห์ คุณเองก็ถูกเรียกมาสู่พันธกิจที่มองไม่เห็นแต่ล้ำค่านี้ด้วยเช่นกัน

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 83:1-18

คำอธิษฐานขอทรงพิพากษาศัตรูของอิสราเอล

บทเพลงสดุดีของอาสาฟ

1ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงนิ่งอยู่
 ข้าแต่พระเจ้า ขออย่าทรงเงียบและขออย่าทรงเฉยอยู่
2เพราะนี่แน่ะ ศัตรูของพระองค์กำลังอลหม่าน
 บรรดาผู้ที่ชังพระองค์ได้ยกศีรษะของเขาขึ้นยกศีรษะของเขาขึ้น
3เขาทั้งหลายวางแผนแยบคาย ต่อสู้ประชากรของพระองค์
 พวกเขาคบคิดกันต่อสู้ผู้ที่พระองค์ทรงทะนุถนอม
4เขาทั้งหลายพูดว่า “มาเถิด ให้เรากวาดพวกเขาออกจากการเป็นประชาชาติ
 อย่าให้ชื่ออิสราเอลเป็นที่ระลึกถึงอีกต่อไป”
5เออ เขาทั้งหลายคบคิดเป็นใจเดียวกัน
 พวกเขาทำพันธสัญญาต่อสู้พระองค์
6คือ เต็นท์ของเอโดมและคนอิชมาเอล
 โมอับและคนฮาการ์คนฮาการ์
7เกบาล อัมโมน และอามาเลข
 ฟีลิสเตียกับชาวเมืองไทระ
8อัสซีเรียก็สมทบพวกเขาด้วย
 พวกเขาเป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งของลูกหลานของโลท
9ขอพระองค์ทรงทำแก่พวกเขาอย่างที่ทรงทำแก่มีเดียน
 อย่างที่ทรงทำแก่สิเสราและยาบินที่แม่น้ำคีโชน
10ผู้ถูกทำลายที่เมืองเอนโดร์
 ผู้กลายเป็นซากเน่าบนดิน
11ขอทรงทำให้ขุนนางของพวกเขาเป็นเหมือนโอเรบและเศเอบ
 ขอทรงทำให้เจ้านายทั้งสิ้นของพวกเขาเป็นเหมือนเศบาห์และศัลมุนนา
12ผู้ที่กล่าวว่า “ให้เราเอาทุ่งหญ้าของพระเจ้า
 มาเป็นกรรมสิทธิ์ของเราเถิด”
13ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
 ขอทรงทำให้พวกเขาเหมือนผงคลีที่วนเวียน เหมือนแกลบต่อหน้าลม
14อย่างไฟเผาผลาญป่าไม้
 อย่างเปลวเพลิงที่ให้ภูเขาลุกโพลง
15ขอทรงติดตามเขาทั้งหลายไปด้วยพายุของพระองค์
 และทรงทำให้พวกเขาคร้ามกลัวด้วยพายุหมุน
16ขอทรงให้เขาทั้งหลายขายหน้ายิ่งนัก
 ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพื่อพวกเขาจะได้แสวงหาพระนามของพระองค์
17ขอให้เขาทั้งหลายอับอาย และกลัวอยู่เป็นนิตย์
 ให้พวกเขาอดสูและพินาศไป
18ให้เขาทั้งหลายทราบว่าพระองค์ผู้เดียว
 ผู้ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์
 ทรงเป็นผู้สูงสุดเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น

อรรถาธิบาย

ทูลขอเพื่อผู้แสวงหา

พระธรรมสดุดีตอนนี้เป็นคำอธิษฐานขอ เป็นการทูลขอเพื่อให้ผู้คนมีความรู้เกี่ยวกับการช่วยไถ่ครั้งสุดท้ายของพระเจ้า และสำหรับสิ่งนี้จะส่งผลให้เกิดการกลับใจใหม่ก่อนวันสุดท้ายนั้น

ประชาชาติโดยรอบต้องการทำลายประชากรของพระเจ้า (ข้อ 4) กระนั้น ผู้เขียนพระธรรมสดุดีมองว่าสิ่งนี้เป็นการต่อสู้กับพระเจ้าเองมากกว่า เขาเรียกพวกนั้นว่าเป็น ‘ศัตรูของพระองค์’ ( ข้อ 2) ที่ ‘ทำพันธสัญญาต่อสู้พระองค์’ ( ข้อ 5) นี่เป็นเครื่องเตือนใจว่าการต่อสู้คนของพระเจ้าเป็นการต่อสู้พระเจ้าในท้ายที่สุด

คำอธิษฐานของพระธรรมสดุดี คือ ศัตรูของพระเจ้าจะถูกทำลาย (ข้อ 9–15) อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นการร้องทูลให้กลับใจใหม่ด้วย ‘ขอทรงให้เขาทั้งหลายขายหน้ายิ่งนัก ข้าแต่พระยาห์เวห์ เพื่อพวกเขาจะได้แสวงหาพระนามของพระองค์’ (ข้อ 16) นี่คือความปรารถนาที่จะเห็นผู้อื่นจะแสวงหาพระเจ้าเที่ยงแท้แต่องค์เดียว: ‘ให้เขาทั้งหลายทราบว่าพระองค์ผู้เดียวผู้ทรงพระนามว่าพระยาห์เวห์ทรงเป็นผู้สูงสุดเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น’ (ข้อ 18)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์อธิษฐานเผื่อผู้เข้าร่วมหลักสูตรอัลฟ่า ให้แสวงหาพระนามของพระองค์ และทูลขอที่พระองค์จะกระทำ ไม่นิ่งเงียบ เพื่อที่ผู้คนจะรู้ว่าพระองค์ผู้เดียวคือพระเจ้าสูงสุดเหนือทั้งโลก

พันธสัญญาใหม่

กิจการอัครทูต 28:1-16

เปาโลบนเกาะมอลตา

 1หลังจากรอดตายกันแล้วเราถึงรู้ว่าเกาะนั้นชื่อมอลตา 2พวกชาวพื้นเมืองกรุณาเราเป็นพิเศษ เขาทั้งหลายก่อไฟรับรองเราเพราะฝนตกและหนาว 3เปาโลเก็บกิ่งไม้แห้งมัดหนึ่งมาใส่ไฟ แต่มีงูพิษตัวหนึ่งออกมาเพราะถูกความร้อน และกัดมือของเปาโลคาอยู่อย่างนั้น 4เมื่อชาวพื้นเมืองเหล่านั้นเห็นงูห้อยคาอยู่ที่มือของเปาโล จึงพูดกันว่า “คนนี้ต้องเป็นผู้ฆ่าคนแน่นอน แม้จะหนีรอดจากทะเลแล้ว เจ้าแม่แห่งความยุติธรรมยังไม่ยอมให้เขามีชีวิตรอด” 5แต่เปาโลสะบัดมือให้งูตกลงไปในไฟ และไม่ได้เป็นอะไร 6พวกเขาคาดว่าท่านคงจะบวมหรือล้มตายทันที แต่หลังจากเขารออยู่นานและเห็นว่าไม่มีสิ่งผิดปกติเกิดกับท่าน เขาก็เปลี่ยนความคิดและกล่าวว่าท่านเป็นเทพเจ้า
 7หัวหน้าของเกาะนั้นชื่อปูบลิอัส มีที่ดินอยู่ใกล้บริเวณนั้น ท่านต้อนรับเลี้ยงดูเราอย่างดีเป็นเวลาสามวัน 8แต่บิดาของปูบลิอัสนอนป่วยเป็นไข้และเป็นบิดอยู่ เปาโลจึงเข้าไปหาท่าน รักษาด้วยการอธิษฐานและวางมือบนตัวท่าน 9เมื่อทำอย่างนั้น คนอื่นๆ บนเกาะที่เจ็บป่วยก็พากันมาหา และได้รับการรักษา 10เขาทั้งหลายจึงให้เกียรติเรามากมายหลายอย่าง และเมื่อเราจะแล่นเรือออกจากที่นั่น เขาก็นำของที่จำเป็นสำหรับเรามาใส่ไว้ในเรือ

เปาโลถึงกรุงโรม

 11พอผ่านไปได้สามเดือน เราลงเรือที่มาจอดพักตลอดฤดูหนาวที่เกาะนั้น เป็นเรือที่แล่นมาจากเมืองอเล็กซานเดรีย ที่โขนเรือเป็นรูปปั้นคู่แฝด 12เราแวะที่เมืองไซราคิ้วส์และจอดอยู่ที่นั่นสามวัน 13เมื่อออกจากที่นั่นเราไปยังเมืองเรยีอูม วันรุ่งขึ้นมีลมทิศใต้พัดมา พอวันที่สองก็มาถึงเมืองปูทีโอลี 14ที่นั่นเราพบกับพี่น้องและได้รับเชิญให้พักอาศัยกับพวกเขาเจ็ดวัน จากนั้นเรามายังกรุงโรม 15เมื่อพี่น้องในกรุงโรมได้ยินข่าว พวกเขาจึงออกมารับเราถึงตลาดอัปปีอัสและบ้านสามโรงแรม เมื่อเปาโลเห็นเขาทั้งหลายแล้ว จึงขอบพระคุณพระเจ้าและมีกำลังใจดีขึ้น 16เมื่อเรามาถึงกรุงโรม เปาโลได้รับอนุญาตให้พักอาศัยตามลำพังโดยมีทหารคนหนึ่งคุมไว้

อรรถาธิบาย

ทูลขอเพื่อการเยียวยารักษา

บางครั้งผมเคยได้ยินคำแนะนำว่า คริสเตียนไม่ควรอธิษฐานขอการรักษาอย่างอัศจรรย์ทางกายภาพอีกต่อไป เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าการอัศจรรย์แห่งการรักษานั้นมีเฉพาะเจาะจงใรพันธกิจขององค์พระเยซูคริสต์ และหลังจากการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ บางคนถึงกับแนะว่าในช่วงพระธรรมกิจการ การอัศจรรย์กำลังจะหมดไป อย่างไรก็ตาม ชัดเจนว่า ไม่ใช่กรณีนี้แน่นอน

เมื่องูพิษตัวหนึ่งกัดและติดที่มือของเปาโล เขาสะบัดงูนั้นเข้าไปในกองไฟและไม่ได้เป็นอะไร (ข้อ 3–5) เราอยู่ในบทสุดท้ายของพระธรรมกิจการ และเราเห็นว่า เปาโลเป็นแบบอย่างของคำพยากรณ์ของพระเยซูเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่เชื่อในพระองค์ว่า ‘พวกเขาจะจับงูได้ด้วยมือเปล่า’ (มาระโก 16:18)

เมื่ออาจารย์เปาโลและคนที่อยู่กับเขาบนเกาะมอลตาได้พบกับปูบลิอัส หัวหน้าของเกาะ: ‘ท่านต้อนรับเลี้ยงดูเราอย่างดีเป็นเวลาสามวัน แต่บิดาของปูบลิอัสนอนป่วยเป็นไข้และเป็นบิดอยู่ เปาโลจึงเข้าไปหาท่าน รักษาด้วยการอธิษฐานและวางมือบนตัวท่าน’ (กิจการ 28:7–8)

นี่เป็นตัวอย่างที่เรียบง่ายที่เราสามารถทำตามได้ ประการแรก เมื่อเปาโลได้ยินว่าบิดาของปูบลิอัสป่วย เขากระทำด้วยความเชื่อว่า พระเจ้าสามารถรักษาได้ ดังนั้น ‘(เขา) จึงเข้าไปหาท่าน’ (ข้อ 8)

ประการที่สอง เขากระทำด้วยความกล้าหาญ บิดาของปูบลิอัสน่าจะไม่ใช่คริสเตียน ถึงกระนั้น เปาโลก็กล้าพอที่จะขออธิษฐานเผื่อเขา และอธิษฐานต่อหน้าผู้คนแล้ววางมือบนเขา นั่นอาจทำให้เกิดความคิดขึ้นมาได้ว่า ‘แล้วถ้าเขาไม่หายโรคล่ะ ?’ ‘ฉันจะดูล้มเหลวไหม ?’ ‘นี่จะทำให้ข่าวประเสริฐเสื่อมเสียหรือไม่ ?’ แต่เปาโลยอมเสี่ยง เขากระทำด้วยความเชื่อ อธิษฐาน วางมือบนตัวเขา และพระเจ้ารักษาก็เขา ‘เมื่อทำอย่างนั้น คนอื่น ๆ บนเกาะที่เจ็บป่วยก็พากันมาหา และได้รับการรักษา’ (ข้อ 7–9)

นี่ช่างห่างไกลจากความตาย มีการเยียวยารักษาอันอัศจรรย์เกิดขึ้นขณะที่พระธรรมกิจการมาถึงตอนจบ ลูกาเห็นชัดเจนว่า นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่องในชีวิตของคริสตจักร คำถามที่แท้จริงไม่ใช่ว่า ‘พระเจ้าทรงเยียวยารักษาในทุกวันนี้หรือไม่?’ แต่คือ ‘ในทุกวันนี้ พระเจ้าตอบคำอธิษฐานหรือไม่?’ ถ้าพระองค์ตอบ ทำไมเราจึงตัดสิ่งที่สำคัญ อย่างเช่นเรื่องสุขภาพออกไป? การอธิษฐานเพื่อการเยียวยารักษาเป็นส่วนสำคัญของการทูลขอ

พิพพาและผมได้อธิษฐานเผื่อผู้คนมากมายตลอดหลายปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ได้รับการรักษาให้หายดี เราไม่ได้อธิษฐานให้คนที่เจ็บป่วยเพราะพวกเขาทุกคนจะหายดี เราอธิษฐานเผื่อพวกเขาเพราะพระเยซูบอกให้เราทำเช่นนั้น ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ บางครั้งเราได้เห็นการเยียวยารักษาอย่างอัศจรรย์ อย่าท้อแท้ ให้เราอธิษฐานต่อไปด้วยความเชื่อและความกล้าหาญ ความรักและการไวต่อความรู้สึก

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงช่วยเราให้มีความกล้าหาญที่จะใช้ทุกโอกาสเพื่อวางมือผู้เจ็บป่วยและอธิษฐานเพื่อให้พวกเขาหายจากโรค ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเป็นพระเจ้าแห่งการรักษาในวันนี้

พันธสัญญาเดิม

2 พงศ์กษัตริย์ 19:14-20:21

คำอธิษฐานของเฮเซคียาห์

 14เฮเซคียาห์ทรงรับจดหมายจากมือของผู้สื่อสารและทรงอ่าน และเสด็จขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และเฮเซคียาห์ทรงคลี่จดหมายนั้นออกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 15และเฮเซคียาห์ทรงอธิษฐานเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ประทับเหนือเหล่าเครูบ พระองค์แต่องค์เดียวทรงเป็นพระเจ้าแห่งบรรดาราชอาณาจักรของแผ่นดินโลก พระองค์ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก 16ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเงี่ยพระกรรณสดับ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเบิกพระเนตรมองดู และขอทรงฟังถ้อยคำของเซนนาเคอริบซึ่งเขาได้ส่งมาเย้ยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ 17ข้าแต่พระยาห์เวห์ เป็นความจริงที่พระราชาแห่งอัสซีเรียได้ทำให้ประชาชาติและแผ่นดินของพวกเขาร้างเปล่า 18และได้เหวี่ยงพระของพวกเขาลงในกองไฟ เพราะสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่พระเจ้า เป็นแต่ผลงานของมือมนุษย์ เป็นไม้และหิน เพราะฉะนั้นจึงถูกทำลาย 19ฉะนั้นบัดนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้พ้นมือของเขา เพื่อราชอาณาจักรทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระองค์คือพระยาห์เวห์ ทรงเป็นพระเจ้าแต่องค์เดียว”
 20แล้วอิสยาห์บุตรอามอสได้ใช้คนไปเฝ้าเฮเซคียาห์ทูลว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าเรื่องเซนนาเคอริบ พระราชาแห่งอัสซีเรียแล้ว’ 21ต่อไปนี้เป็นพระวจนะที่พระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับท่านนั้นหมายถึง เซนนาเคอริบว่า

‘ธิดาพรหมจารีแห่งศิโยน ดูถูกเจ้า และเย้ยเจ้า
ธิดาแห่งเยรูซาเล็มสั่นศีรษะตามหลังใส่เจ้า
 22เจ้าเย้ยและกล่าวหยาบช้าต่อผู้ใด?
 เจ้าขึ้นเสียงของเจ้าต่อผู้ใด?
แล้วเบิ่งตาของเจ้าอย่างเย่อหยิ่งต่อผู้ใด?
 ต่อองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอลน่ะซิ
 23เจ้าได้เย้ยองค์เจ้านายด้วยผู้สื่อสารของเจ้า
 และเจ้าได้ว่า “ด้วยรถรบมากมายของข้า
ข้าได้ขึ้นไปที่สูงของภูเขา
 ถึงที่ไกลสุดของเลบานอน
ข้าโค่นต้นสนสีดาร์ที่สูงที่สุดของมันลง
 ทั้งต้นสนสามใบที่ดีที่สุดของมัน
ข้าเข้าไปยังที่พักไกลลิบที่สุดของมัน
 ที่ป่าไม้ที่ทึบที่สุดของมัน
 24ข้าขุดบ่อ
 และดื่มน้ำในดินแดนต่างด้าว
ข้าเอาฝ่าเท้าของข้า  ทำให้ธารน้ำทั้งสิ้นของอียิปต์แห้งไป”
 25‘เจ้าไม่ได้ยินหรือ?
 เราได้จัดไว้นานแล้ว
เราได้กะแผนงานไว้แต่ดึกดำบรรพ์
 ณ บัดนี้เราให้เป็นไปแล้ว
คือเจ้าจะทำเมืองที่มีป้อมให้พังลง
 ให้เป็นกองสิ่งปรักหักพัง
 26ส่วนชาวเมืองนั้นก็หมดอำนาจ
 ตกตะลึงและอับอาย
กลายเป็นเหมือนต้นไม้ที่ทุ่งนา
 และเหมือนหญ้าอ่อน
เหมือนหญ้าบนหลังคาเรือน
 แห้งไปก่อนที่จะงอกงาม
 27‘แต่เราได้รู้จักการที่เจ้านั่งลง
 การที่เจ้าออกไปและการที่เจ้าเข้ามา
 และการเกรี้ยวกราดของเจ้าต่อเรา
 28เพราะการเกรี้ยวกราดของเจ้าต่อเรา
 และความจองหองของเจ้าได้มาเข้าหูของเรา
ฉะนั้นเราจะเอาขอของเราเกี่ยวจมูกเจ้า
 และเอาบังเหียนของเราใส่ปากเจ้า
แล้วเราจะหันเจ้ากลับไปตามทาง ซึ่งเจ้ามานั้น

 29‘และนี่จะเป็นหมายสำคัญแก่เจ้า คือ ปีนี้เจ้าจะกินสิ่งที่งอกขึ้นเอง และในปีที่สองสิ่งที่ผลิจากเดิม แล้วในปีที่สามจงหว่านและเกี่ยวและทำสวนองุ่น และกินผลของมัน 30คนที่เหลืออยู่แห่งเชื้อวงศ์ของยูดาห์จะหยั่งรากลงล่าง และเกิดผลขึ้นบน 31เพราะคนที่รอดจะออกจากเยรูซาเล็ม และคนที่เหลืออยู่จะออกจากภูเขาศิโยน ความกระตือรือร้นของพระยาห์เวห์ จะทำการนี้’
 32“เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ตรัสเกี่ยวกับพระราชาแห่งอัสซีเรียดังนี้ว่า ‘เขาจะไม่เข้าในเมืองนี้ หรือยิงลูกธนูไปที่นั่น หรือถือโล่เข้ามาหน้าเมือง หรือสร้างเชิงเทินสู้มัน 33เขามาทางไหน เขาจะกลับไปทางนั้น เขาจะไม่เข้าเมืองนี้ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ 34เพราะเราจะป้องกันเมืองนี้ไว้ให้รอด เพื่อเห็นแก่เราเอง และเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา’ ”

เซนนาเคอริบแพ้และสิ้นพระชนม์

 35และอยู่มาในคืนนั้น ทูตของพระยาห์เวห์ได้ออกไป และได้ประหารคนในค่ายอัสซีเรียเสีย 185,000 คน และเมื่อคนลุกขึ้นในเวลาเช้ามืด ดูสิ พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นศพ 36ดังนั้นเซนนาเคอริบพระราชาแห่งอัสซีเรียจึงยกกลับไป และอยู่ในกรุงนีนะเวห์ 37และอยู่มาเมื่อท่านนมัสการในนิเวศของพระนิสโรครูปเคารพในกรุงนีนะเวห์ มีตัวเป็นคนแต่หัวเป็นนกอินทรีพระของท่าน อัดรัมเมเลคและชาเรเซอร์ พระราชโอรสของท่านก็ประหารท่านด้วยดาบ และหนีไปยังแผ่นดินอารารัต และเอสารฮัดโดนพระราชโอรสของท่านก็ขึ้นครองราชย์แทน

2 พงศ์กษัตริย์ 20

เฮเซคียาห์ประชวร

 1ในเวลานั้น เฮเซคียาห์ประชวรใกล้จะสิ้นพระชนม์ และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์บุตรอามอสเข้ามาเฝ้าพระองค์ และทูลพระองค์ว่า “พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ว่า ‘จงจัดการบ้านเมืองของเจ้าให้เรียบร้อย เจ้ากำลังจะตายและไม่ฟื้น’ ” 2แล้วเฮเซคียาห์หันพระพักตร์เข้าข้างฝา และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์ว่า 3“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงระลึกว่า ข้าพระองค์ดำเนินอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ด้วยความซื่อสัตย์และด้วยความเต็มใจ และได้ทำสิ่งดีในสายพระเนตรของพระองค์” แล้วเฮเซคียาห์ทรงกันแสงมาก 4และก่อนที่อิสยาห์จะออกไปถึงลานกลาง พระวจนะของพระยาห์เวห์มาถึงท่านว่า 5“จงกลับไปบอกเฮเซคียาห์ผู้นำประชากรของเราว่า พระยาห์เวห์พระเจ้าของดาวิดบรรพบุรุษของเจ้า ตรัสดังนี้ว่า เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว เราได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว ดูสิ เราจะรักษาเจ้า ในวันที่สาม เจ้าจะขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ 6และเราจะเพิ่มชีวิตของเจ้าอีก 15 ปี เราจะช่วยกู้เจ้าและเมืองนี้จากมือของพระราชาแห่งอัสซีเรีย และจะป้องกันเมืองนี้ไว้เพื่อเห็นแก่เราเอง และเพื่อเห็นแก่ดาวิดผู้รับใช้ของเรา” 7และอิสยาห์บอกว่า “พวกท่านจงเอาขนมมะเดื่อมาอันหนึ่ง” พวกเขาก็เอามาวางไว้บนพระยอดคำราชาศัพท์หมายถึง ฝีนั้น แล้วเฮเซคียาห์ก็ทรงหายเป็นปกติ
 8และเฮเซคียาห์ตรัสกับอิสยาห์ว่า “อะไรเป็นหมายสำคัญที่แสดงว่าพระยาห์เวห์จะทรงรักษาข้าพเจ้า และที่แสดงว่าข้าพเจ้าจะได้ขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ในวันที่สาม” 9และอิสยาห์ทูลว่า “นี้เป็นหมายสำคัญสำหรับฝ่าพระบาทจากพระยาห์เวห์ ที่พระยาห์เวห์จะทรงทำตามที่พระองค์ตรัสไว้ คือจะให้เงาคืบหน้าไปสิบขั้น หรือจะให้ย้อนกลับมาสิบขั้นดี?” 10เฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า “เป็นเรื่องง่ายที่เงาจะยาวออกไปอีกสิบขั้น แต่ขอให้เงาย้อนกลับมาสิบขั้น” 11และอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะได้ร้องทูลพระยาห์เวห์ และพระองค์ทรงนำเงาซึ่งเลยไปในนาฬิกาแดดของอาหัสย้อนกลับมาสิบขั้น

คณะทูตจากกรุงบาบิโลน

 12คราวนั้น เมโรดัคบาลาดัน พระราชโอรสของบาลาดัน พระราชาแห่งบาบิโลน ทรงส่งพระราชสารและเครื่องบรรณาการมายังเฮเซคียาห์ เพราะพระองค์ทรงได้ยินว่าเฮเซคียาห์ประชวร 13และเฮเซคียาห์ได้ทรงต้อนรับพวกเขา และทรงพาพวกเขาชมคลังทรัพย์ทั้งหมดของพระองค์ ให้ชมเงิน ทองคำ เครื่องเทศ น้ำมันอย่างดี และคลังพระแสงคำราชาศัพท์หมายถึง คลังอาวุธของพระองค์ และทุกอย่างซึ่งมีในท้องพระคลัง ไม่มีสิ่งใดในพระราชวังหรือในราชอาณาจักรทั้งสิ้นของพระองค์ ซึ่งเฮเซคียาห์ไม่ได้สำแดงแก่เขา 14แล้วอิสยาห์ผู้เผยพระวจนะก็เข้าเฝ้ากษัตริย์เฮเซคียาห์ และทูลพระองค์ว่า “คนเหล่านี้ทูลอะไรบ้าง? และเขามาเฝ้าพระองค์จากที่ไหน?” และเฮเซคียาห์ตรัสว่า “เขามาจากเมืองไกลคือจากบาบิโลน” 15ท่านทูลว่า “พวกเขาเห็นอะไรในพระราชวังของพระองค์บ้าง?” และเฮเซคียาห์ตรัสตอบว่า “เขาเห็นทุกอย่างในวังของเรา ไม่มีสิ่งใดในพระคลังของเราที่เราไม่ได้สำแดงแก่เขา”
 16แล้วอิสยาห์ทูลเฮเซคียาห์ว่า “จงฟังพระวจนะของพระยาห์เวห์ 17นี่แน่ะ วันเวลากำลังมาถึงเมื่อทุกสิ่งในวังของเจ้า และสิ่งที่บรรพบุรุษของเจ้าได้สะสมมาจนถึงทุกวันนี้ จะต้องถูกเอาไปยังบาบิโลน และไม่มีสิ่งใดเหลือเลย พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ 18และลูกบางคนซึ่งถือกำเนิดจากเจ้า ผู้ซึ่งเกิดแก่เจ้า จะถูกนำเอาไป และพวกเขาจะไปเป็นขันทีในพระราชวังของพระราชาแห่งบาบิโลน” 19แล้วเฮเซคียาห์ตรัสกับอิสยาห์ว่า “พระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งท่านกล่าวนั้นดีแล้ว” ที่ตรัสอย่างนี้เพราะทรงคิดว่า “ก็ดีแล้วมิใช่หรือ? ในเมื่อมีความอยู่เย็นเป็นสุขและความปลอดภัยในสมัยของเรา”

เฮเซคียาห์สิ้นพระชนม์

 20ส่วนพระราชกิจอื่นๆ ของเฮเซคียาห์ และพระราชอำนาจทั้งสิ้นของพระองค์ และการที่พระองค์ทรงสร้างสระและรางระบายน้ำ นำน้ำเข้ามาในกรุงอย่างไร ได้บันทึกไว้ในหนังสือพงศาวดารกษัตริย์แห่งยูดาห์ไม่ใช่หรือ? 21และเฮเซคียาห์ทรงล่วงหลับไปอยู่กับบรรพบุรุษ และมนัสเสห์พระราชโอรสของพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์แทน

อรรถาธิบาย

วิงวอนเพื่อการปลดปล่อย

บางครั้งในชีวิตของคุณ คุณอาจประสบปัญหาที่ดูจะท่วมท้น นี่คือตัวอย่างที่ดีในการจัดการกับปัญหาต่าง ๆ เฮเซคียาห์ไม่ได้สิ้นหวัง เขาไม่ได้ตื่นตระหนก ไม่ยอมแพ้ แต่เข้าเฝ้าพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน

คำอธิษฐานของเฮเซคียาห์และการปลดปล่อยของพระเจ้ามีบันทึกไว้สามครั้งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม ( อิสยาห์ 36–39 และ 2 พงศาวดาร 32 ) นอกจากนี้ เหตุการณ์ในช่วงเวลานี้ ได้รับการยืนยันโดยบันทึกของชาวบาบิโลน

เมื่อเฮเซคียาห์ได้รับจดหมายข่มขู่และเผชิญปัญหาที่ท่วมท้น ‘เสด็จขึ้นไปยังพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และเฮเซคียาห์ทรงคลี่จดหมายนั้นออกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์’ (2 พงศ์กษัตริย์ 19:14) เฮเซคียาห์อธิษฐานต่อพระเจ้าว่า ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์...พระองค์แต่องค์เดียวทรงเป็นพระเจ้าแห่งบรรดาราชอาณาจักรของแผ่นดินโลก พระองค์ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเงี่ยพระกรรณสดับ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอเบิกพระเนตรมองดู...ฉะนั้นบัดนี้ ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์ให้พ้นมือของเขา เพื่อราชอาณาจักรทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระองค์คือพระยาห์เวห์ ทรงเป็นพระเจ้าแต่องค์เดียว’ (ข้อ 15–19)

การทูลขอของเฮเซคียาห์เริ่มต้นด้วยการรับรู้อย่างดีว่าพระเจ้าเป็นใคร เมื่อเราอธิษฐานขอ เรากำลังพูดกับพระองค์ผู้ซึ่งเป็น ‘พระเจ้าแห่งบรรดาราชอาณาจักรของแผ่นดินโลก’ (ข้อ 15) พระเจ้ามีอำนาจในการแก้ไขปัญหาที่ดูเหมือนจะท่วมท้นเช่นนี้

คำอธิษฐานของเฮเซคียาห์มีขึ้นเพื่อถวายเกียรติและสง่าราศีแด่พระเจ้า ‘เพื่อราชอาณาจักรทั้งสิ้นแห่งแผ่นดินโลกจะทราบว่า พระองค์คือพระยาห์เวห์ ทรงเป็นพระเจ้าแต่องค์เดียว’ (ข้อ 19) พระเยซูทรงสอนเราให้เริ่มคำอธิษฐานว่า ‘ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่’ (มัทธิว 6:9–10)

ผมชอบประโยคที่ว่า ‘ทรงคลี่จดหมายนั้นออกเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์’ (2 พงศ์กษัตริย์ 19:14) เฮเซคียาห์พูดถึงปัญหาให้พระเจ้าทรงฟัง ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ส่งข้อความถึงเฮเซคียาห์ว่า พระเจ้าทรงสดับฟังคำอธิษฐานของเขาแล้ว พระองค์ได้ทรงช่วยประชากรให้พ้นจากการคุกคามของชาวอัสซีเรีย เพื่อตอบคำอธิษฐานขอของเฮเซคียาห์

เฮเซคียาห์อธิษฐานขอให้หายโรคด้วย เขาป่วยจนใกล้จะเสียชีวิต (20:1) และอธิษฐานขอเพื่อตัวเอง ‘แล้วเฮเซคียาห์หันพระพักตร์เข้าข้างฝา และอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์’ (ข้อ 2) อีกครั้งหนึ่งที่ พระเจ้าตอบคำร้องทูลของเขา ‘เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้าแล้ว เราได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว ดูสิ เราจะรักษาเจ้า...และเราจะเพิ่มชีวิตของเจ้าอีก 15 ปี’ (ข้อ 5–6)

เฮเซคียาห์มีประสบการณ์ในพระพรอันน่าอัศจรรย์จากพระเจ้าการตอยคำร้องทูล อย่างไรก็ตาม ข้อพระคัมภีร์ตอนนี้จบลงด้วยข้อความคำเตือน เมื่อมีทูตมาจากบาบิโลน เฮเซคียาห์แสดงทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตน (ข้อ 12–15) ดูเหมือนว่าเขาจะให้เกียรติตัวเองสำหรับทุก ๆ สิ่งที่พระเจ้าประทานให้ อิสยาห์บอกเขาว่าด้วยเหตุนี้จะ ‘ไม่มีสิ่งใดเหลือเลย’ (ข้อ 17) หากเราขโมยเกียรติในสิ่งที่พระเจ้าทำเพื่อเรา นั่นก็จะเป็นภัยต่อตัวเราเอง

คำอธิษฐาน

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อเรามองไปรอบ ๆ เมือง ประเทศชาติ และโลกของเรา เราต้องการการช่วยกู้จากพระองค์ พระองค์เท่านั้นที่เป็นพระเจ้าเหนืออาณาจักรทั้งหมดในโลก พระองค์ทรงสร้างสวรรค์และโลก ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเงี่ยพระกรรณ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงทอดพระเนตรดูเถิด ขอทรงเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์อีกครั้ง ขอให้เราได้เห็นผู้คนแสวงหาพระนามของพระองค์อีกครั้ง ขอให้เราได้เห็นการอัศจรรย์แห่งการเยียวยารักษา ขอให้เราได้เห็นการประกาศพระกิตติคุณในประเทศของเรา การฟื้นฟูของคริสตจักร และการเปลี่ยนแปลงของสังคม เพื่อว่าอาณาจักรทั้งหมดบนแผ่นดินโลกจะได้รู้ว่า ข้าแต่พระเจ้า พระองค์เท่านั้นที่ทรงเป็นพระเจ้า

เพิ่มเติมโดยพิพพา

กิจการ 28:15

อาจารย์เปาโลได้เดินทางไปกรุงโรมอันยาวนานและน่าเจ็บปวด ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะยินดีที่ได้เห็นชุมชนคริสเตียนรอคอยการมาถึงของเขา แม้ว่าการเดินทางในปัจจุบันจะง่ายขึ้นมาก แต่ฉันและนิคกี้ก็ซาบซึ้งใจจริง ๆ กับผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใสที่มาพบเราที่สนามบิน ขับรถพาเราไปยังจุดหมายและดูแลเราอย่างดี ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใดในโลก ชุมชนคริสเตียนได้ดูแลเราอย่างน่าอัศจรรย์

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม