แผนภูมิลำดับวงศ์ตระกูลของคุณ
เกริ่นนำ
พ่อของผมไม่เคยพูดถึงชีวิตของเขาก่อนที่มาประเทศอังกฤษ และแต่งงานกับแม่ของผม ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับภูมิหลังของพ่อเลย ไม่กี่ปีมานี้เอง The Judaica Museum พิพิธภัณฑ์ยิวในเมืองเบอร์ลินได้ติดต่อผมมา พวกเขาได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับครอบครัวกัมเบล และได้ส่งสำเนาลำดับวงศ์ตระกูลเครือญาติของผมมาให้ ผมพบว่าบรรพบุรุษของผมชื่อว่าอับราฮัม กัมเบล ส่วนปู่ทวดของผมชื่ออิสอัค และน้องชายของเขาชื่อโมเสส!
พ่อของผมเป็นคนยิว เขาเป็นทนายความที่มีคุณวุฒิและกลายเป็นนิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตที่มหาวิทยาลัยทูบิงเงนใน ค.ศ. 1927 ภายหลังเขาได้อ่านแถลงการณ์ชีวประวัติของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคนอย่างเขา ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม ‘Israelitisch’ (คนอิสราเอล) เขาจึงย้ายมาประเทศอังกฤษและได้รับตำแหน่งทนายความที่นี่ สุดท้ายพี่น้องและพ่อแม่ของเขาก็ย้ายตามมาเช่นกัน แต่คนอื่น ๆ ในครอบครัวของผมในฝั่งพ่อถูกฆ่าตายในค่ายกักกันดัคเคา ค่ายกักกันริกา และค่ายกักกันอื่น ๆ
การกระทำต่อชาวยิวตลอดหลายศตวรรษนั้นซับซ้อนและเป็นช่วงเวลาที่น่าสลดหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ข้อพระคัมภีร์ก็ถูกตีความผิด ๆ และถูกใช้ผิด ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการข่มเหงชาวยิว
ประชากรของพระเจ้าในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมคือชนชาติอิสราเอล และประชากรของพระเจ้าในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่คือทุกคนที่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ เรามีประวัติศาสตร์และลำดับญาติเดียวกัน เรานมัสการพระเจ้าองค์เดียวกัน และอย่างที่อัครสาวกเปาโลกล่าวไว้ว่า มีหนทางแห่งความรอดเดียวกันสำหรับเราทุกคน
สดุดี 89:14-18
14ความชอบธรรมและความยุติธรรมเป็นรากฐานแห่งบัลลังก์ของพระองค์
ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์เดินนำหน้าพระองค์
15ชนชาติที่รู้จักการโห่ร้องอย่างชื่นบานก็เป็นสุข
ข้าแต่พระยาห์เวห์ คือบรรดาผู้ที่เดินในแสงสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์
16พวกเขาเปรมปรีดิ์ในพระนามของพระองค์เสมอ
และยืนขึ้นในความชอบธรรมของพระองค์
17เพราะพระองค์ทรงเป็นเกียรติและกำลังของเขาทั้งหลาย
แต่โดยความโปรดปรานของพระองค์ของข้าพระองค์ทั้งหลายจึงถูกยกขึ้น
18เพราะโล่ของเราเป็นของพระยาห์เวห์
พระราชาของเราเป็นขององค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล
อรรถาธิบาย
พระเจ้าของคุณคือพระเจ้าของอิสราเอล
องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ซึ่งเรานมัสการ เป็นองค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล ทั้งหมดที่เราเป็นและมีอยู่ เราเป็นหนี้พระองค์ พระเจ้าแห่งอิสราเอล องค์กษัตริย์ของเรา!’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ผู้เขียนพระธรรมสดุดีบอกกับพระเจ้าว่า ‘ความชอบธรรมและความยุติธรรมเป็นรากฐานการปกครองของพระองค์ ความรักและความจริงนั้นคือผลของมัน’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) การที่พระเจ้าทรงเลือกประชากรอิสราเอลไม่ได้ทำให้พระองค์ไร้ความยุติธรรมหรือไร้ความชอบธรรม พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรักและความสัตย์ซื่อ พระองค์ทรงรักประชากรของพระองค์ทุกคน ฐานของพระบัลลังก์คือความชอบธรรมและความยุติธรรม พระองค์กระทำด้วยวิธีการที่ชอบธรรม และการปฏิบัติต่อชนชาติอื่น ๆ จะไม่มีวันอยุติธรรม
พระเจ้าประสงค์ให้ทุกประชาชาติได้รับพรผ่านการที่พระองค์ทรงเลือกชนชาติอิสราเอล (ปฐมกาล 12:3) ซึ่งตอนนี้เป็นไปได้ผ่านทางพระเยซู คุณเองก็สามารถเดินในความสัมพันธ์ที่ถูกต้องกับพระเจ้าและมีประสบการณ์กับพระพรที่สดุดีข้อนี้พูดถึง ‘ชนชาติที่รู้จักการโห่ร้องอย่างชื่นบานก็เป็นสุข...คือบรรดาผู้ที่เดินในแสงสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์ พวกเขาเปรมปรีดิ์ในพระนามของพระองค์เสมอ และยืนขึ้นในความชอบธรรมของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นเกียรติและกำลังของเขาทั้งหลาย’ (สดุดี 89:15-17) ด้วยเหตุนี้ ‘เราจึงเดินอยู่บนอากาศ!’ (ข้อ 17 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอโปรดทรงช่วยให้ข้าพระองค์เดินในแสงสว่างแห่งการทรงสถิตของพระองค์และชื่นชมยินดีในพระนามของพระองค์ตลอดวันนี้
โรม 9:22-10:4
22เป็นไปได้ไหมที่พระเจ้าทรงประสงค์จะแสดงพระพิโรธ และให้ฤทธิ์เดชของพระองค์ปรากฏ แต่พระองค์ทรงอดทนมากต่อคนเหล่านั้นที่เป็นภาชนะแห่งพระพิโรธ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับความพินาศ? 23เพื่อจะได้ทรงให้ศักดิ์ศรีอันอุดมของพระองค์ปรากฏแก่บรรดาผู้ที่เป็นภาชนะแห่งพระเมตตา ซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้ก่อนให้สมกับศักดิ์ศรีนั้น? 24คือเราที่พระองค์ได้ทรงเรียกมาแล้ว ไม่ใช่จากพวกยิวเท่านั้น แต่จากพวกต่างชาติด้วย 25ดังที่พระองค์ตรัสไว้ในพระคัมภีร์โฮเชยาว่า
“เราจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าเป็นชนชาติของเรา ซึ่งเมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นชนชาติของเรา
และจะเรียกเขาว่าเป็นที่รัก ซึ่งเมื่อก่อนเขาไม่ได้เป็นที่รัก
26 และในสถานที่ซึ่งทรงกล่าวแก่เขาว่า ‘เจ้าทั้งหลายไม่ใช่ชนชาติของเรา’
ในที่นั้นเองเขาทั้งหลายจะได้ชื่อว่า บุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่”
27และท่านอิสยาห์ได้ร้องประกาศเรื่องพวกอิสราเอลว่า “แม้พวกอิสราเอลจะทวีมากขึ้นเหมือนเม็ดทรายที่ทะเล แต่ผู้ที่จะรอดนั้นมีน้อย 28เพราะว่าองค์พระผู้เป็นเจ้า จะทรงให้เป็นไปตามพระดำรัสของพระองค์โดยเร็วพลันบนแผ่นดินโลก” 29และตามที่ท่านอิสยาห์ได้กล่าวไว้ก่อนว่า
“ถ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าจอมทัพไม่ได้ทรงเหลือพงศ์พันธุ์ไว้ให้เราบ้าง
เราก็จะเป็นเหมือนเมืองโสโดม
และเมืองโกโมราห์”
ชนชาติอิสราเอลและข่าวประเสริฐ
30ถ้าอย่างนั้น เราจะว่าอย่างไร? จะว่าพวกต่างชาติที่ไม่ได้ใฝ่หาความชอบธรรม ก็ยังได้รับความชอบธรรม คือความชอบธรรมที่เกิดขึ้นโดยความเชื่อ 31แต่พวกอิสราเอลซึ่งใฝ่หาความชอบธรรมตามธรรมบัญญัติ ก็ยังไม่ได้บรรลุตามธรรมบัญญัตินั้น 32เพราะอะไร? เพราะเขาไม่ได้แสวงหาโดยความเชื่อ แต่แสวงหาโดยการประพฤติ เขาสะดุดก้อนหินที่ให้สะดุดนั้น 33ดังที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
“นี่แน่ะ เราวางศิลาก้อนหนึ่งไว้ในศิโยน ที่จะทำให้สะดุด และหินก้อนหนึ่งที่จะทำให้ล้ม
แต่ผู้ที่เชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย”
โรม 10
1พี่น้องทั้งหลาย ความปรารถนาในจิตใจของข้าพเจ้าและคำวิงวอนขอต่อพระเจ้าเพื่อคนอิสราเอลนั้น คือขอให้เขาได้รับความรอด 2ข้าพเจ้าเป็นพยานให้เขาว่า พวกเขามีความกระตือรือร้นที่จะปรนนิบัติพระเจ้า แต่ไม่ได้เป็นตามปัญญา 3เพราะว่าเขาไม่รู้จักความชอบธรรมของพระเจ้า แต่อุตส่าห์ตั้งความชอบธรรมของตนขึ้น พวกเขาจึงไม่ยอมอยู่ในความชอบธรรมของพระเจ้า 4เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบแปลได้อีกว่า เป้าหมายของธรรมบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม
อรรถาธิบาย
ความรอดของคุณเริ่มจากอิสราเอล
แผนการแห่งความรอดของพระเจ้าเริ่มต้นที่ชนชาติอิสราเอล แผนการของพระองค์สำหรับชนชาติอิสราเอล (คนยิว) และชนชาติอื่น (คนต่างชาติ) นั้นเชื่อมโยงกัน สิ่งนั้นมีความหมายสำหรับคุณอย่างไรในตอนนี้?
พระเจ้ามีแผนการ ‘เพื่อจะได้ทรงให้ศักดิ์ศรีอันอุดมของพระองค์ปรากฎแก่บรรดาผู้ที่เป็นภาชนะแห่งพระเมตตา ซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้ก่อนให้สมกับศักดิ์ศรีนั้นคือ เราที่พระองค์ได้ทรงเรียกมาแล้ว ไม่ใช่จากพวกยิวเท่านั้น แต่จากพวกต่างชาติด้วย’ (9:23-24) แผนการแห่งความรอดของพระองค์นั้นกว้างไกลมากกว่าแค่ชนชาติอิสราเอล
ความรอดขึ้นอยู่กับ
- ความเชื่อ ไม่ใช่การทำดีของคุณ
- ความเมตตา ไม่ใช่สิ่งที่คุณคู่ควรได้รับ
- ศรัทธา ไม่ใช่สถานที่ ๆ คุณเกิด
เปาโลแสดงให้เห็นด้วยการดึงคำพูดของโฮเชยามา พระเจ้าได้ตรัสว่าพระองค์จะเรียกคนที่ ‘ไม่ใช่ชนชาติของเรา’ คือคนต่างชาติ ว่า ‘ชนชาติของเรา’ ‘ที่รัก’ ‘บุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่’ (ข้อ 25-26)
เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากกับการที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของชนชาติของพระเจ้า ได้เป็นที่รักของพระเจ้า การที่ได้ถูกเรียกว่าเป็นบุตรของพระองค์ การที่ได้อยู่ใต้ร่มพระคุณของพระเจ้า ทรงให้ศักดิ์ศรีอันอุดมของพระองค์ปรากฎแก่บรรดาผู้ที่เป็นภาชนะแห่งพระเมตตา ซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดเตรียมไว้ก่อนให้สมกับศักดิ์ศรีนั้น (ข้อ 23-24)
ภายใต้พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ ไม่มีใครถูกตัดออก ทุกคนสามารถได้รับความรอด พระเจ้าทรงทำให้เป็นไปได้โดยทางพระเยซู คือความชอบธรรมที่เกิดขึ้นโดยความเชื่อ (ข้อ 30)
พระเยซูทรงเป็นทางสู่ความรอด บางคนอาจสะดุดในตัวพระองค์ ‘แต่ผู้ที่เชื่อในพระองค์จะไม่ได้รับความอับอาย’ (ข้อ 33)
เปาโลรักชนชาติอิสราเอล พวกเขาคือพี่น้อง เปาโลปรารถนาให้พวกเขารอด เขาอธิษฐานอย่างร้อนรนเพื่อความรอดของคนอิสราเอล ‘สหายของข้าพเจ้า โปรดเชื่อด้วยว่าสิ่งเดียวที่ข้าพเจ้าหวังเพื่ออิสราเอลเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับอิสราเอล คือความรอด ไม่น้อยไปกว่านั้นเลย ข้าพเจ้าหวังด้วยสุดใจและอธิษฐานทูลขอต่อพระเจ้าทุกเวลา’ (10:1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
มีทางเดียวที่พวกเขาจะรอดได้ คือโดยความเชื่อ ผ่าน ‘ความชอบธรรมของพระเจ้า’ (ข้อ 3) ความชอบธรรมนี้มาโดยพระคริสต์ ‘เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม’ (ข้อ 4)
‘พระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ’ เป็นประโยคที่ยิ่งใหญ่ ทะลุทะลวง เปลี่ยนแปลงชีวิต และสร้างประวัติศาสตร์ มีการโต้เถียงใหญ่ถึงความหมายที่เปาโลต้องการจะสื่อสาร อย่างไรก็ตาม บางสิ่งก็ชัดเจน คือ
‘พระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ’ คือ พระองค์ทำให้ธรรมบัญญัติสมบูรณ์ทุกประการ พระเยซูเคยพูดถึงพระองค์เองว่ามาเพื่อทำให้ธรรมบัญญัติสมบูรณ์ทุกประการ (มัทธิว 5:17) จุดประสงค์ของธรรมบัญญัติคือชี้ไปที่พระเยซู (กาลาเทีย 3:24) ตอนนี้พระเยซูได้เสด็จมาแล้ว หน้าที่ของธรรมบัญญัติจึงสมบูรณ์
‘พระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ’ คือ พระองค์ทรงรับโทษตามธรรมบัญญัติกำหนดไว้ พระเยซูเป็นผู้เดียวที่รักษาธรรมบัญญัติทุกข้ออย่างครบถ้วน ผ่านทางกางเขนคุณได้รับประโยชน์จากการเชื่อฟังของพระองค์
‘พระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ’ คือ พระองค์ปลดปล่อยให้คุณเป็นอิสระจากภาระ และการกล่าวโทษของธรรมบัญญัติ ขณะที่เราล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง เราก็มีชีวิตอยู่ใต้เมฆดำแห่งการกล่าวโทษ แต่โดยพระเยซู ‘ไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์’ (โรม 8:1)
พระเยซูปลดปล่อยคุณเป็นอิสระจากการแสวงหาความรอดผ่านธรรมบัญญัติ ไม่มีใครสามารถรอดโดยธรรมบัญญัติได้ ไม่มีใครสามารถรักษาธรรมบัญญัติทุกข้อนอกจากพระเยซู ‘พระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ’ คือพระองค์ทรงปลดปล่อยคุณจากการพยายามสร้างความชอบธรรมของตนเอง แต่ว่าตอนนี้คุณได้รับ ‘ความชอบธรรมของพระเจ้า’ (10:3)
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณสำหรับความรอดที่มีสำหรับคนทั้งปวงผ่านทางความเชื่อในพระเยซู ข้าพระองค์อธิษฐานในวันนี้เผื่อชนชาติอิสราเอล ‘ความปรารถนาในจิตใจของข้าพเจ้าและคำวิงวอนขอต่อพระเจ้า...คือขอให้เขาได้รับความรอด’ (10:1)
1 พงศาวดาร 1:1-2:17
เชื้อสายของอาดัม
1อาดัม เสท เอโนช 2เคนัน มาหะลาเลล ยาเรด 3เอโนค เมธูเสลาห์ ลาเมค 4โนอาห์ เชม ฮาม ยาเฟท
เชื้อสายของบุตรโนอาห์
5บุตรของยาเฟทชื่อโกเมอร์ มาโกก มาดัย ยาวาน ทูบัล เมเชค และทิราส 6บุตรของโกเมอร์ชื่ออัชเคนัส ดีฟัท และโทการมาห์ 7บุตรของยาวานชื่อเอลีชาห์ ทารชิช คิทธิม และโรดานิม
8บุตรของฮามชื่อคูช อียิปต์ พูต และคานาอัน 9บุตรของคูชชื่อเส-บา ฮาวิลาห์ สับทา ราอามา และสับเทคา บุตรของราอามาชื่อเชบา และเดดาน 10คูชเป็นบิดาของนิมโรดผู้เป็นคนแรกที่เป็นนักรบในแผ่นดินโลก
11อียิปต์เป็นบิดาของลูดิม อานามิม เลหะบิม นัฟทูฮิม 12ปัทรุสิม คัสลูฮิม (เป็นต้นตระกูลคนฟีลิสเตีย) และคนคัฟโทร์
13คานาอันเป็นบิดาของไซดอนบุตรหัวปี และเฮท 14และคนเยบุส คนอาโมไรต์ คนเกอร์กาชี 15คนฮีไวต์ คนอารคี และคนสินี 16คนอารวัด คนเศเมอร์ และคนฮามัท
17บุตรของเชมชื่อเอลาม อัสชูร อารปัคชาด ลูด อารัม อูส ฮูล เกเธอร์ และเมเชค 18อารปัคชาดเป็นบิดาของเช-ลาห์ และเช-ลาห์เป็นบิดาของเอเบอร์ 19เอเบอร์เป็นบิดาของบุตรชายสองคน คนหนึ่งชื่อ เปเลก (มีการแบ่งดินแดนกันในสมัยของเขา) และน้องชายของเขาชื่อโยกทาน 20โยกทานเป็นบิดาของอัลโมดัด เชเลฟ ฮาซารมาเวท และเยราห์ 21ฮาโดรัม อุซาล และดิคลาห์ 22เอบาล อาบีมาเอล เชบา 23โอฟีร์ ฮาวิลาห์ และโยบับ เหล่านี้เป็นบุตรโยกทาน
เชื้อสายของเชม
24เชม อารปัคชาด เช-ลาห์ 25เอเบอร์ เปเลก เรอู 26เสรุก นาโฮร์ เท-ราห์ 27อับรามคืออับราฮัม
เชื้อสายของอิชมาเอลและเคทูราห์
28บุตรของอับราฮัมชื่ออิสอัค และอิชมาเอล 29ต่อไปนี้เป็นลำดับพงศ์ของพวกเขา บุตรหัวปีของอิชมาเอลคือเนบาโยท และเคดาร์ อัดเบเอล มิบสัม 30มิชมา ดูมาห์ มัสสา ฮาดัด เทมา 31เยทูร์ นาฟิช และเคเดมาห์ เหล่านี้เป็นบุตรของอิชมาเอล 32บุตรของเคทูราห์ภรรยาน้อยของอับราฮัม คือมีศิมราน โยกชาน เมดาน มีเดียน อิชบาก และชูอาห์ และพวกบุตรของโยกชานชื่อเชบา และเดดาน 33บุตรของมีเดียนชื่อเอฟาห์ เอเฟอร์ ฮาโนค อาบีดา และเอลดาอาห์ ทั้งสิ้นเหล่านี้เป็นบุตรของเคทูราห์
เชื้อสายของเอซาว
34อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค บุตรของอิสอัคชื่อเอซาว และอิสราเอล 35บุตรของเอซาวชื่อ เอลีฟัส เรอูเอล เยอูส ยาลาม และโคราห์ 36บุตรของเอลีฟัสชื่อเทมาน โอมาร์ เศโฟหรือ เศฟี กาทาม เคนัส ทิมนา และอามาเลข 37บุตรของเรอูเอลชื่อนาหัท เศ-ราห์ ชัมมาห์ และมิสซาห์
38บุตรของเสอีร์ชื่อโลทาน โชบาล ศิเบโอน อานาห์ ดีโชน เอเซอร์ และดีชาน 39บุตรของโลทานชื่อโฮรี และโฮมัม และน้องสาวของโลทานคือทิมนา 40บุตรของโชบาลชื่อเอลียัน มานาฮาท เอบาล เชฟี และโอนัม บุตรของศิเบโอนชื่ออัยยาห์ และอานาห์ 41บุตรอานาห์คือดีโชน บุตรของดีโชนชื่อฮัมราน เอชบาน อิธรานและเคราน 42บุตรของเอเซอร์ชื่อบิลฮาน ศาวาน และยาอาคาน บุตรของดีโชนชื่ออูส และอารัน
43ต่อไปนี้เป็นพระราชาผู้ทรงครองราชย์อยู่ในแผ่นดินเอโดม ก่อนที่มีพระราชาครองราชย์เหนือพงศ์พันธุ์อิสราเอลคือเบ-ลาบุตรเบโอร์ เมืองของท่านชื่อดินฮาบาห์ 44เมื่อเบ-ลาสิ้นพระชนม์ โยบับบุตรเศ-ราห์จากเมืองโบสราห์ขึ้นครองราชย์แทนท่าน 45เมื่อโยบับสิ้นพระชนม์ หุชามจากแผ่นดินคนเทมาน ก็ขึ้นครองราชย์แทนท่าน 46เมื่อหุชามสิ้นพระชนม์ ฮาดัดบุตรเบดัดผู้รบชนะมีเดียน ในดินแดนโมอับ ขึ้นครองราชย์แทนท่าน และเมืองของท่านชื่ออาวีท 47เมื่อฮาดัดสิ้นพระชนม์สัมลาห์แห่งเมืองมัสเรคาห์ ก็ขึ้นครองราชย์แทนท่าน 48เมื่อสัมลาห์สิ้นพระชนม์ ชาอูลแห่งเมืองเรโหโบทที่แม่น้ำยูเฟรติสขึ้นครองราชย์แทนท่าน 49เมื่อชาอูลสิ้นพระชนม์ บาอัลฮานันบุตรอัคโบร์ขึ้นครองราชย์แทนท่าน 50เมื่อบาอัลฮานันสิ้นพระชนม์ ฮาดัดคือ ฮาดาร์ ขึ้นครองราชย์แทนท่าน และเมืองของท่านชื่อปาอี และมเหสีของท่านมีพระนามว่าเมเหทาเบล ธิดาของมัทเรด ธิดาของเมซาหับ 51และฮาดัดก็สิ้นพระชนม์
บรรดาเจ้านายของเอโดมคือเจ้านายทิมนา เจ้านายอาลียาห์ เจ้านายเยเธท 52เจ้านายโอโฮลีบามาห์ เจ้านายเอลาห์ เจ้านายปิโนน 53เจ้านายเคนัส เจ้านายเทมาน เจ้านายมิบซาร์ 54เจ้านายมักดีเอล เจ้านายอิราม เหล่านี้เป็นเจ้านายของเอโดม
1 พงศาวดาร 2
บุตรอิสราเอล
1ต่อไปนี้เป็นบุตรของอิสราเอลคือรูเบน สิเมโอน เลวี ยูดาห์ อิสสาคาร์ เศบูลุน 2ดาน โยเซฟ เบนยามิน นัฟทาลี กาด และอาเชอร์
เชื้อสายของยูดาห์
3บุตรยูดาห์ชื่อเอร์ โอนัน และเช-ลาห์ ทั้ง 3 คนนี้บุตรสาวของชูวาคนคานาอันมีให้แก่ท่าน เอร์บุตรหัวปีของยูดาห์นั้นชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์ พระองค์จึงทรงประหารเขาเสีย 4ทามาร์บุตรสะใภ้ของท่านก็คลอดเปเรศ และเศ-ราห์ให้ท่านด้วย ยูดาห์มีบุตรชายทั้งหมด 5 คนด้วยกัน
5บุตรเปเรศชื่อเฮสโรน และฮามูล 6บุตรเศ-ราห์คือศิมรี เอธาน เฮมาน คาลโคล์ และดารา รวมทั้งหมด 5 คน 7บุตรคารมีชื่ออาคาร์ ผู้ก่อความเดือดร้อนต่ออิสราเอล ผู้ละเมิดในเรื่องสิ่งที่ต้องทำลายถวายนั้น 8และบุตรเอธานชื่ออาซาริยาห์
9บุตรของเฮสโรนคือเยราเมเอล ราม และเคลุบัย 10รามเป็นบิดาของอัมมีนาดับ และอัมมีนาดับเป็นบิดาของนาโชน ผู้เป็นผู้นำ ท่ามกลางบุตรของยูดาห์ 11นาโชนเป็นบิดาของสัลมาฉบับกรีกว่า สัลโมน (นรธ. 4:21) สัลมาเป็นบิดาของโบอาส 12โบอาสเป็นบิดาของโอเบด โอเบดเป็นบิดาของเจสซี 13เจสซีเป็นบิดาของเอลีอับบุตรหัวปีของท่าน อาบีนาดับเป็นบุตรที่สอง ชิเมอาที่สาม 14นาธันเอลที่สี่ รัดดัยที่ห้า 15โอเซมที่หก ดาวิดที่เจ็ด 16และพี่สาวของพวกเขาคือนางเศรุยาห์ และอาบีกายิล บุตรของนางเศรุยาห์คืออาบีชัย โยอาบ และอาสาเฮล รวม 3 คน 17นางอาบีกายิลมีบุตรคืออามาสา และบิดาของอามาสาชื่อเยเธอร์ คนอิชมาเอล
อรรถาธิบาย
ประวัติศาสตร์ของคุณผูกอยู่กับอิสราเอล
ในข้อพระคัมภีร์ของวันนี้ เรายังได้เห็นลำดับวงศ์ตระกูลอีกอย่าง นั่นคือลำดับวงศ์ตระกูลของผม และของคุณด้วย
ยูจีน ปีเตอร์สัน เขียนว่า ‘ชื่อต่าง ๆ ได้เริ่มเรื่องราวนี้ ชื่อเป็นร้อยเป็นพัน รายการของชื่อมากมายหลายหน้ากระดาษ ชื่อของบุคคล... ประวัติศาสตร์อันบริสุทธิ์ไม่ได้ถูกสร้างโดยอำนาจที่ไม่ได้มาจากบุคคลหรือความคิดเชิงนามธรรม แต่ถูกร้อยเรียงจากชื่อของคนมากมาย แต่ละชื่อพิเศษเฉพาะ บันทึกพงศาวดารตั้งกำแพงที่แข็งแกร่งขึ้นมาไม่ให้เกิดความเชื่อที่เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง’
มีวิธีการเล่าเรื่องราวมากกว่าหนึ่งวิธี พระธรรมพงศาวดารทั้ง 2 เล่มพูดถึงยุคสมัยเดียวกับพระธรรมซามูเอลและพงษ์กษัตริย์ ผู้เขียนคนใหม่ (น่าจะเป็นเอสรา) ได้เขียนในอีก 100 ปีต่อมาถึงร่องรอยประวัติศาสตร์ของอิสราเอลจากยุคของอาดัมมาจนถึงการกลับจากการถูกกวาดต้อนเป็นเชลย
เราได้เห็นในบทต่าง ๆ เหล่านี้ว่าประวัติศาสตร์ของอิสราเอลคือประวัติศาสตร์ของเราด้วย ประวัติศาสตร์ของเราย้อนกลับไปที่อาดัม (ข้อ 1:1) และปฐมกาลของมนุษยชาติ
คริสตจักรย้อนกลับไปที่อับราฮัม ‘อับราฮัมเป็นบิดาของอิสอัค บุตรของอิสอัคชื่อเอซาว และอิสราเอล’ (ข้อ 34) ทั้งอิสราเอลและคริสตจักรของพระคริสต์มองไปยังอับราฮัมในฐานะบิดาของพวกเขา
ในบทที่ 2 ผู้เขียนพงศาวดารได้ติดตามประวัติศาสตร์ของอิสราเอลผ่านบุตรชายของอิสราเอลลงไปจนถึงดาวิด (2:15) อีกครั้งหนึ่ง ประวัติศาสตร์ของอิสราเอลคือประวัติศาสตร์ของคุณ คริสตจักรเริ่มจากการที่พระเจ้าทรงเรียกอับราฮัมและต่อเนื่องมาตามยุคสมัยจนถึงปัจจุบัน
ไม่ว่าคริสตจักรจะมีชื่อเสียงหรือไม่เป็นที่รู้จักก็ตาม ไม่ว่าจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่ก็ตาม นั่นไม่สำคัญ ไม่ว่าคริสตจักรจะเป็นที่นิยมหรือไม่เป็นที่นิยม ใหญ่หรือเล็กไม่สำคัญนัก ผู้คนพูดถึงคริสตจักรราวกับเป็นปรากฎการณ์ที่ร่อแร่ ที่ดูจะสนใจเฉพาะการเป็นที่รู้จักเท่านั้น คำถามเดียวที่สื่อมักถามคือที่นั่นเป็นที่นิยมหรือไม่
แต่บิชอป เลสลี่ นิวบิกิน กล่าวว่าสิ่งนี้ช่างไร้สาระ คริสตจักรอยู่ยาวนานกว่าจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ ระบบปรัชญา และระบบการปกครองแบบเผด็จการ สิ่งต่าง ๆ ที่ดูเหมือนจะครอบคลุมขอบเขตความคิดของสังคม ตอนนี้เป็นเพียงภาพลวงตา ซึ่งถูกจดจำจากอดีตเพียงครึ่งเดียว ในอีก 20 ปีข้างหน้า แต่คริสตจักรจะยังคงอยู่ ความเป็นจริงนี้จะต้องเป็นศูนย์กลางของความคิดของเราในฐานะคริสเตียน
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับแผนภูมิลำดับวงศ์ตระกูลของเรากับของคนอิสราเอลที่เป็นอันเดียวกัน ขอบคุณสำหรับสิทธิพิเศษของการเป็นส่วนหนึ่งของประชากรของพระเจ้าผู้ย้อนประวัติศาสตร์ของเรากลับไปยังจุดเริ่มต้นของมนุษยชาติ ผ่านทางอาดัม อับราฮัม และอิสราเอล มาจนถึงปัจจุบันนี้
เพิ่มเติมโดยพิพพา
สดุดี 89:14
‘ความชอบธรรมและความยุติธรรมเป็นรากฐานแห่งบัลลังก์ของพระองค์ ความรักมั่นคงและความซื่อสัตย์เดินนำหน้าพระองค์’
ท่ามกลางความไม่สงบทางการเมืองและการเปลี่ยนรัฐบาลทั่วโลก ความชอบธรรมและความยุติธรรมจะต้องเป็นรากฐานของการปกครองทุกรูปแบบ ขอให้เราอย่าหยุดอธิษฐานเผื่อผู้นำทั่วโลก
App
Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)