วัน 3

เดินไปด้วยพูดไปด้วย

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 3:1-8
พันธสัญญาใหม่ มัทธิว 2:19-3:17
พันธสัญญาเดิม ปฐมกาล 4:17-6:22

เกริ่นนำ

ผมเป็นคนชอบเดิน เห็นชัดว่ามันเป็นหนึ่งในรูปแบบการออกกำลังกายที่ดีที่สุด แน่นอนว่าการเดินยังหมายถึงการเคลื่อนที่สำหรับบางคนเท่านั้นด้วย

การเดินด้วยเหตุผลใดก็ตามจะสนุกมากขึ้นถ้ามีเพื่อนร่วมทาง การเดินและการพูดคุยไปด้วยเป็นวิธีที่ดีในการสื่อสารกับครอบครัว เพื่อนฝูง หรือกับพระเจ้า

สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าเรากำลังทำสองสิ่งในเวลาเดียวกันได้ เราไม่ได้แค่ออกกำลังกายหรือเดินทางอย่างเดียว เพราะในขณะที่เราเดินไปด้วยกันนั้น เรากำลังสร้างความสนิทสนมซึ่งกันและกันอยู่ ทั้งเอโนคและโนอาห์ 'ดำเนินกับพระเจ้า' (ปฐมกาล 5:24, 6:9) พวกเขาไม่เพียงแค่นั่งคุกเข่าหรือยืนอยู่กับที่ (เป็นการกระทำปกติเมื่อเราได้ใช้เวลากับพระเจ้า) แต่พวกเขายังใช้เวลากับพระองค์ในขณะที่ทำอย่างอื่นไปด้วย ดังนั้นในขณะที่คุณทำงาน ทานอาหาร ออกกำลังกาย หรือพักผ่อน คุณเองก็สามารถใช้เวลาร่วมกับพระเจ้าได้ในเวลาเดียวกัน

ส่วนตัวแล้วผมพบว่านี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการอธิษฐาน วิธีการของผมในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาคือหลังจากอ่านพระคัมภีร์เสร็จ ผมจะออกไปเดินเล่นแต่เช้าตรู่รอบ ๆ สวนสาธารณะใกล้บ้านที่เงียบสงัดเอาซะมาก ๆ และผมก็จดบันทึกในสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสกับผมในขณะที่ได้อธิษฐาน คุณสามารถอธิษฐานไปด้วยในขณะเดินไปที่ป้ายรถเมล์หรือเดินไปมาระหว่างการประชุมระหว่างวัน คุยกับพระเจ้าไปด้วยเดินไปด้วย

ในพระคริสตธรรมคัมภีร์กล่าวไว้มากมายเกี่ยวกับการดำเนินกับพระเจ้า เป็นสิ่งที่คุณตั้งใจจะดำเนินชีวิต พระประสงค์ของพระเจ้าคือให้คุณดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ (มีคาห์ 6:8) นี่คือสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำเพื่อให้คุณดำเนินชีวิตเหมือนพระองค์ (1 ยอห์น 2:6) คุณอาจสะดุดเป็นครั้งคราว แต่วันหนึ่งคุณจะเดินร่วมกับพระองค์ 'ในชุดสีขาว' (วิวรณ์ 3:4)

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 3:1-8

คำอธิษฐานเวลาเช้า แสดงความวางใจในพระเจ้า

เพลงสดุดีของดาวิด เมื่อเสด็จหนีจากอับซาโลมโอรสของพระองค์

1ข้าแต่พระยาห์เวห์ คู่อริของข้าพระองค์สรรพนามบุรุษที่หนึ่ง ใช้เมื่อทูลพระเจ้าทวีขึ้นมากเหลือเกิน
 คนมากมายกำลังลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์
2หลายคนกำลังกล่าวถึงข้าพระองค์ว่า
 “ไม่มีการช่วยกู้จากพระเจ้าสำหรับเขา”

3ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นโล่ล้อมรอบตัวข้าพระองค์
 ทรงเป็นศักดิ์ศรีของข้าพระองค์และทรงเป็นผู้ชูศีรษะข้าพระองค์
4ข้าพระองค์ร้องทูลพระยาห์เวห์
 และพระองค์ตรัสตอบข้าพระองค์จากภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์

5ข้าพเจ้าสรรพนามบุรุษที่หนึ่ง ใช้เมื่อพูดกับมนุษย์นอนลงและหลับไป
 ข้าพเจ้าตื่นขึ้น เพราะพระยาห์เวห์ทรงอุปถัมภ์ข้าพเจ้า
6ข้าพเจ้าไม่กลัวคนเป็นหมื่นๆ
 ซึ่งตั้งตนต่อสู้ข้าพเจ้าอยู่รอบด้าน
7ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงลุกขึ้น
 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอด
ขอทรงตบหน้าศัตรูทั้งหลายของข้าพระองค์
 และทรงเลาะฟันของคนอธรรม
8การช่วยกู้เป็นของพระยาห์เวห์
 ขอพระพรของพระองค์อยู่เหนือประชากรของพระองค์เทอญ

อรรถาธิบาย

เดินไปด้วยศีรษะที่ยกชู

ดาวิดดำเนินชีวิตกับพระเจ้า แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบ

พระธรรมสดุดีตอนนี้เขียนขึ้นระหว่างการกบฏของอับซาโลมบุตรชายของดาวิดซึ่งส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการล่วงประเวณีของดาวิด (ดู 2 ซามูเอล 12:11) ดาวิดได้กลับใจจากสิ่งที่เขาทำลงไป และพระเจ้าก็ทรงให้อภัยเขาและความสัมพันธ์ของเขากับพระเจ้าก็กลับคืนมา

ดาวิดไม่ได้มีชีวิตที่เรียบง่าย 'ข้าแต่พระยาห์เวห์ คู่อริของข้าพระองค์ทวีขึ้นมากเหลือเกิน! คนมากมายกำลังลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระองค์! หลายคนกำลังกล่าวถึงข้าพระองค์ว่า “ไม่มีการช่วยกู้จากพระเจ้าสำหรับเขา”' (สดุดี 3:1–2) ดาวิดร้องทูลว่า 'ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พระองค์ทรงเป็นโล่ล้อมข้าพระองค์ไว้องค์ผู้ทรงเกียรติสิริของข้าพระองค์ ผู้ทรงเชิดชูข้าพระองค์ไว้…' (ข้อ3 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เช่นเดียวกับดาวิด จงนำเอาความหวาดกลัวและการร้องทูลของคุณไปยังองค์พระผู้เป็นเจ้า 'ข้าพระองค์ร้องทูลพระยาห์เวห์และพระองค์ตรัสตอบข้าพระองค์จากภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์' (ข้อ 4)

แม้สถานการณ์จะน่าวิตก แต่พระเจ้าก็ทรงยกชูศีรษะของดาวิดขึ้น พระเจ้าไม่ต้องการให้คุณตกต่ำ อย่ามัวแต่มองไปที่ความเศร้าโศกในอดีต ปัญหาต่าง ๆ รอบตัว หรือความบาปภายในตัวคุณ แทนที่จะเงยหน้าขึ้นและแสวงหาความช่วยเหลือจากเบื้องบน ดังนั้นจงเดินไปด้วยศีรษะที่ยกชูแล้วให้สายตาของคุณจับจ้องไปที่พระองค์

ดาวิดสามารถกล่าวว่า 'ข้าพเจ้านอนลงและหลับไปข้าพเจ้าตื่นขึ้น เพราะพระยาห์เวห์ทรงอุปถัมภ์ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่กลัวคนเป็นหมื่น ๆ ซึ่งตั้งตนต่อสู้ข้าพเจ้าอยู่รอบด้าน' (ข้อ 5–6) แม้ปัญหาจะประเดประดังเข้ามา แต่ดูเหมือนว่าเขายังมีสันติสุขอยู่มาก เหมือนกับทะเลสาบที่อาจมีคลื่นลมแรงบนผิวน้ำ แต่ลึกลงไปกลับมีความนิ่งสงบอยู่

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาให้ข้าพระองค์ได้ดำเนินอยู่ในเส้นทางแห่งสันติสุขร่วมกับพระองค์ตลอดทางข้างหน้า ด้วยศีรษะที่ยกชูขึ้น และด้วยการวางใจในทุกสิ่งที่พระองค์จัดเตรียมให้ข้าพระองค์

พันธสัญญาใหม่

มัทธิว 2:19-3:17

 19เมื่อเฮโรดสิ้นพระชนม์แล้ว ทูตสวรรค์องค์หนึ่งขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาปรากฏแก่โยเซฟในความฝันที่ประเทศอียิปต์ สั่งว่า 20“จงลุกขึ้นพาพระกุมารกับมารดามายังแผ่นดินอิสราเอล เพราะพวกที่เป็นภัยต่อชีวิตของพระกุมารนั้นตายแล้ว” 21โยเซฟจึงลุกขึ้นพาพระกุมารกับมารดามายังแผ่นดินอิสราเอล 22แต่เมื่อได้ยินว่าอารเคลาอัสครอบครองแคว้นยูเดียแทนเฮโรดผู้เป็นพระบิดา เขาก็ไม่กล้าไปที่นั่น และเมื่อได้รับคำเตือนในความฝัน จึงเลยไปยังแคว้นกาลิลี 23ไปอาศัยในเมืองหนึ่งชื่อนาซาเร็ธ เพื่อจะสำเร็จตามพระวจนะ ซึ่งตรัสผ่านทางผู้เผยพระวจนะว่าท่านจะได้ชื่อว่าชาวนาซาเร็ธ

มัทธิว 3

การประกาศของยอห์นผู้ให้บัพติศมา

 1ในเวลานั้นยอห์นผู้ให้บัพติศมา มาประกาศในถิ่นทุรกันดารแคว้นยูเดียว่า 2“จงกลับใจใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว” 3ยอห์นผู้นี้แหละที่อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะกล่าวถึงว่า

 “มีเสียงของผู้หนึ่งป่าวร้องในถิ่นทุรกันดารว่า
 จงเตรียมมรรคาแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า
  จงทำหนทาง ของพระองค์ให้ตรงไป”

 4เสื้อผ้าของยอห์นผู้นี้ ทำด้วยขนอูฐและท่านใช้หนังสัตว์คาดเอว อาหารของท่านคือตั๊กแตนและน้ำผึ้งป่า 5ขณะนั้นชาวเมืองเยรูซาเล็ม และคนทั่วแคว้นยูเดีย และคนทั่วลุ่มแม่น้ำจอร์แดนก็ออกไปหายอห์น 6สารภาพบาปของพวกเขา และรับบัพติศมาจากท่านในแม่น้ำจอร์แดน
 7เมื่อยอห์นเห็นพวกฟาริสี และพวกสะดูสีมากันเป็นจำนวนมาก เพื่อจะรับบัพติศมา ท่านจึงกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “พวกชาติงูร้าย ใครเตือนพวกท่านให้หนีจากพระพิโรธที่จะมานั้น 8เพราะฉะนั้นจงเกิดผลให้สมกับการกลับใจ 9อย่าทึกทักว่าตัวเองมีอับราฮัมเป็นบรรพบุรุษ เพราะข้าพเจ้าบอกพวกท่านว่า พระเจ้าทรงสามารถให้บุตรแก่อับราฮัมจากก้อนหินเหล่านี้ได้ 10บัดนี้ขวานวางไว้ที่โคนต้นไม้แล้ว และทุกต้นที่ไม่เกิดผลดีจะต้องถูกตัดแล้วโยนทิ้งในกองไฟ 11ข้าพเจ้าให้ท่านรับบัพติศมาด้วยน้ำ แสดงว่ากลับใจใหม่ก็จริง แต่พระองค์ผู้จะมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงยิ่งใหญ่กว่าข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะถือฉลองพระบาท พระองค์จะทรงให้พวกท่านรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ 12พระองค์ทรงถือพลั่วอยู่ในพระหัตถ์แล้ว และจะทรงชำระลานข้าวของพระองค์ให้ทั่ว พระองค์จะทรงรวบรวมเมล็ดข้าวของพระองค์ไว้ในยุ้งฉาง แต่พระองค์จะทรงเผาแกลบด้วยไฟที่ไม่มีวันดับ”

พระเยซูทรงรับบัพติศมา

 13แล้วพระเยซูเสด็จจากแคว้นกาลิลี มาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดนเพื่อทรงรับบัพติศมาจากท่าน 14แต่ยอห์นทูลห้ามพระองค์ว่า “ข้าพระองค์ต้องการจะรับบัพติศมาจากพระองค์ ควรหรือที่พระองค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์?” 15แต่พระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า “บัดนี้ จงยอมเถิด เพราะสมควรที่พวกเราจะทำความชอบธรรมให้ครบถ้วนทุกประการ” แล้วยอห์นก็ยอม 16เมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้วก็เสด็จขึ้นจากน้ำ และในทันใดนั้นฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาดุจนกพิราบสถิตบนพระองค์ 17และนี่แน่ะ มีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก”

อรรถาธิบาย

เดินทีละก้าวตามพระวิญญาณบริสุทธิ์

ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นผู้จัดเตรียมหนทางให้พระเยซู ในขณะที่การให้บัพติศมาของยอห์นเป็นดั่งสัญลักษณ์ แต่พระเยซูจะ 'ให้พวกท่านรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์' (3:11) จากนั้นคำพยากรณ์นี้ก็สำเร็จเป็นจริงเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมาประทับเหนือพระองค์ขณะรับบัพติศมา (ข้อ 16) แสดงให้เห็นว่าพระองค์เป็นผู้ที่ยอห์นกำลังพูดถึงและพระเยซูสามารถเทพระวิญญาณบริสุทธิ์องค์เดียวกันนี้ให้กับคุณและผมได้เช่นกัน

การรับบัพติศมาของพระเยซูแตกต่างจากของเราในหลาย ๆ วิธี พระองค์ไม่จำเป็นต้องรับบัพติศมา 'เพื่อการกลับใจ' เพราะทรงเต็มเปี่ยมไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว ยอห์นผู้ให้บัพติศมาลังเลที่จะให้บัพติศมาแด่พระองค์ (ข้อ 14) แต่พระเยซูตรัสว่า 'บัดนี้ จงยอมเถิด เพราะสมควรที่พวกเราจะทำความชอบธรรมให้ครบถ้วนทุกประการ' (ข้อ 15)

พระเยซูมุ่งเน้นไปที่มนุษย์คนบาปอย่างเราตั้งแต่เริ่มต้น พระองค์ทรงทำเช่นนี้เพื่อตรึงเอาความผิดบาปของเราบนไม้กางเขน ด้วยเหตุนี้คุณจึงสามารถมีประสบการณ์กับพระวิญญาณบริสุทธิ์ในลักษณะเดียวกันและ 'ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ' (กาลาเทีย 5:25) เรามาดูความหมายของการ 'ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ' ดังนี้

1.\tได้รับการชำระด้วยไฟ

 ยอห์นกล่าวว่าในขณะที่เขาให้บัพติศมาด้วยน้ำ แต่พระเยซูให้บัพติศมา 'ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ' (มัทธิว 3:11) พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้เกิดฤทธิ์อำนาจและความบริสุทธิ์เข้ามาสู่ชีวิต จงทราบไว้ว่า การเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้เราหลุดพ้นจากความหวาดกลัวในไฟพิพากษาเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา (ข้อ 12)

2.\tเต็มล้นด้วยสันติสุข

 เมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้วก็เสด็จขึ้นจากน้ำ 'และในทันใดนั้นฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาดุจนกพิราบสถิตบนพระองค์' (ข้อ 16) นกพิราบเป็นสัญลักษณ์แห่งสันติสุขที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานมาสู่ชีวิตคุณ 'ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือ…สันติสุข' (กาลาเทีย 5:22)

3.\tมั่นใจในฐานะลูกของพระเจ้า

 พระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า 'ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา' (มัทธิว 3:17) พระเยซูทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าด้วยวิธีการที่ไม่เหมือนใคร อย่างไรก็ตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงรับรองเราทุกคนโดยผ่านสิ่งที่พระเยซูทรงกระทำว่าเราเป็นลูกของพระเจ้าด้วยเช่นกัน พระวิญญาณจะทรงให้ท่านมีฐานะเป็นลูกของพระเจ้าและโดยพระวิญญาณนั้นเราจึงร้องเรียกพระเจ้าว่า 'อับบา (พ่อ)' พระวิญญาณนั้นเป็นพยานร่วมกับจิตวิญญาณของเราว่า เราเป็นลูกของพระเจ้า(ดู โรม 8:15-16)

4.\tรู้ว่าคุณเป็นที่รักของพระเจ้า

 พระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า '..บุตรที่รักของเรา..' (มัทธิว 3:17) อัครทูตเปาโลบรรยายไว้ว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว (โรม 5:5)

5.\tเข้าถึงความสุขของพระเจ้า

 พระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า 'เราชอบใจท่านมาก' (มัทธิว 3:17) แน่นอนเป็นความจริงอย่างยิ่งสำหรับพระเยซู และเมื่อคุณก้าวเดินร่วมกับพระวิญญาณคุณก็จะสัมผัสได้ถึงความปิติยินดีและความสุขของพระเจ้าเช่นกัน ผมชอบฉากตอนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องเกียรติยศแห่งชัยชนะ (Chariots of Fire) เมื่ออีริค ลิดเดิล นักวิ่งโอลิมปิกพูดว่า 'เมื่อผมวิ่งผมรู้สึกถึงความสุขของพระเจ้า'

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อชำระข้าพระองค์ให้มีสันติสุขและมั่นใจว่าข้าพระองค์เป็นลูกของพระเจ้า เข้าถึงความรักและความสุขของพระองค์ โปรดทรงเมตตาช่วยข้าพระองค์ได้ 'ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ'

พันธสัญญาเดิม

ปฐมกาล 4:17-6:22

การเริ่มต้นอารยธรรม

 17คาอินมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของเขา นางก็ตั้งครรภ์ และคลอดบุตรชายชื่อเอโนค คาอินสร้างเมืองขึ้นเมืองหนึ่ง ให้ชื่อเมืองนั้นว่า เอโนค ตามชื่อบุตรของเขา 18เอโนคมีบุตรชื่ออิราด อิราดมีบุตรชื่อเมหุยาเอล เมหุยาเอลมีบุตรชื่อเมธูชาเอล และเมธูชาเอลมีบุตรชื่อลาเมค 19ส่วนลาเมคได้ภรรยาสองคน คนหนึ่งชื่ออาดาห์ คนหนึ่งชื่อศิลลาห์ 20นางอาดาห์มีบุตรชื่อยาบาล เขาเป็นบรรพบุรุษของคนที่อาศัยในเต็นท์และมีอาชีพเลี้ยงสัตว์ 21น้องชายของเขาชื่อยูบาล เขาเป็นบรรพบุรุษของคนทั้งปวงที่มีฝีมือดีดพิณเขาคู่และเป่าปี่ 22นางศิลลาห์มีบุตรชายด้วย ชื่อทูบัลคาอิน เป็นช่างทำเครื่องมือทองสัมฤทธิ์ทุกชนิดและเครื่องมือเหล็ก ทูบัลคาอินมีน้องสาวชื่อนาอามาห์ 23ลาเมคพูดกับภรรยาทั้งสองของเขาว่า
“อาดาห์และศิลลาห์จงฟังเสียงของเรา
 ภรรยาทั้งสองของลาเมคเอ๋ย จงสดับฟังถ้อยคำของข้า
เพราะข้าฆ่าชายคนหนึ่ง ที่ทำให้ข้าบาดเจ็บ
 เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ทำร้ายข้า
24ถ้าหากทำร้ายคาอิน ต้องรับโทษคืนเจ็ดเท่าแล้ว
 เมื่อทำร้ายลาเมคก็ต้องรับโทษเจ็ดสิบเจ็ดเท่า”
25อาดัมมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของเขาอีก นางก็ให้กำเนิดบุตรชาย เรียกชื่อว่า เสท เพราะ “พระเจ้าประทานเชื้อสายให้ฉันอีกคนหนึ่งแทนอาเบลเพราะคาอินฆ่าอาเบลเสีย” 26แล้วเสทก็มีบุตรคนหนึ่ง เรียกชื่อว่า เอโนช ตั้งแต่นั้นมามนุษย์เริ่มออกพระนามพระยาห์เวห์

ปฐมกาล 5

เชื้อสายของอาดัมจนถึงโนอาห์

 1ต่อไปนี้เป็นหนังสือลำดับพงศ์พันธุ์ของอาดัม เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์นั้น พระองค์ทรงสร้างตามอย่างของพระองค์ 2พระองค์ทรงสร้างเป็นชายและหญิง แล้วทรงอวยพรแก่พวกเขา และทรงเรียกพวกเขาว่ามนุษย์ในวันที่พระองค์ทรงสร้างนั้น 3เมื่ออาดัมอยู่มาได้ 130 ปี จึงมีบุตรชายคนหนึ่งตามอย่างตามฉายาของเขาและตั้งชื่อว่า เสท 4หลังจากอาดัมมีบุตรคือเสทแล้ว ก็มีอายุอีก 800 ปี มีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 5รวมอายุของอาดัมได้ 930 ปี จึงสิ้นชีวิต
 6เสทอยู่มาได้ 105 ปี จึงมีบุตรชายชื่อ เอโนช 7หลังจากเสทมีบุตรคือเอโนชแล้ว ก็มีชีวิตอีก 807 ปี และมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 8รวมอายุของเสทได้ 912 ปี จึงสิ้นชีวิต
 9เอโนชอยู่มาได้ 90 ปี จึงมีบุตรชื่อเคนัน 10หลังจากเอโนชมีบุตรคือเคนันแล้ว ก็มีชีวิตอีก 815 ปี และมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 11รวมอายุของเอโนชได้ 905 ปีจึงสิ้นชีวิต
 12เคนันอยู่มาได้ 70 ปี จึงมีบุตรชื่อมาหะลาเลล 13หลังจากเคนันมีบุตรคือมาหะลาเลลแล้ว ก็มีชีวิตอีก 840 ปี และมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 14รวมอายุของเคนันได้ 910 ปี จึงสิ้นชีวิต
 15มาหะลาเลลอยู่มาได้ 65 ปี จึงมีบุตรชื่อยาเรด 16หลังจากมาหะลาเลลมีบุตรคือยาเรดแล้ว ก็มีชีวิตอีก 830 ปี และมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 17รวมอายุของมาหะลาเลลได้ 895 ปี จึงสิ้นชีวิต
 18ยาเรดอยู่มาได้ 162 ปี จึงมีบุตรชื่อเอโนค 19หลังจากยาเรดมีบุตรคือเอโนคแล้ว ก็มีชีวิตอีก 800 ปี และมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 20รวมอายุของยาเรดได้ 962 ปี จึงสิ้นชีวิต
 21เอโนคอยู่มาได้ 65 ปี จึงมีบุตรชื่อเมธูเสลาห์ 22หลังจากเอโนคมีบุตรคือเมธูเสลาห์แล้ว ก็ดำเนินกับพระเจ้า 300 ปี และมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 23รวมอายุของเอโนคได้ 365 ปี 24 เอโนคดำเนินกับพระเจ้าแล้วก็หายไปเพราะพระเจ้าทรงรับเขาไป
 25เมธูเสลาห์อยู่มาได้ 187 ปี จึงมีบุตรชายชื่อลาเมค 26หลังจากเมธูเสลาห์มีบุตรคือลาเมคแล้ว ก็มีชีวิตอีก 782 ปี และมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 27รวมอายุของเมธูเสลาห์ได้ 969 ปี จึงสิ้นชีวิต
 28ลาเมคอยู่มาได้ 182 ปี จึงมีบุตรชายคนหนึ่ง 29เขาตั้งชื่อบุตรว่า โนอาห์ กล่าวว่า “คนนี้จะชูใจเราในการงานของเรา การตรากตรำของมือเรา และจากแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์ทรงแช่งสาปไว้”  30หลังจากลาเมคมีบุตรคือโนอาห์แล้ว ก็มีชีวิตอีก 595 ปี และมีบุตรชายหญิงอีกหลายคน 31รวมอายุของลาเมคได้ 777 ปี จึงสิ้นชีวิต
 32โนอาห์มีอายุได้ 500 ปี จึงมีบุตรชายชื่อเชม ฮามและยาเฟท

ปฐมกาล 6

ความชั่วช้าของมนุษยชาติ

 1อยู่มามนุษย์เริ่มทวีมากขึ้นบนแผ่นดินและมีบุตรหญิง 2บุตรชายของพระเจ้าเห็นว่าบุตรหญิงของมนุษย์งามดีก็เลือกและรับไว้เป็นภรรยา 3พระยาห์เวห์จึงตรัสว่า “วิญญาณของเราจะไม่ต่อสู้กับมนุษย์ตลอดกาล เพราะมนุษย์เป็นแต่เนื้อหนัง วันเวลาของเขาคือ 120 ปี” 4เวลานั้นมีคนเนฟิล คือ พวกมนุษย์ยักษ์อยู่บนแผ่นดิน ภายหลังที่บุตรชายของพระเจ้าเข้าหาบุตรหญิงของมนุษย์และมีบุตร คือ พวกที่เป็นเหล่านักรบในโบราณกาล เป็นพวกที่มีชื่อเสียง
 5พระยาห์เวห์ทรงเห็นว่าความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจทั้งหมดของเขาล้วนเป็นเรื่องชั่วร้ายตลอดเวลา 6พระยาห์เวห์เสียพระทัยที่ทรงสร้างมนุษย์ไว้บนแผ่นดินและโทมนัสยิ่งนัก 7พระยาห์เวห์จึงตรัสว่า “เราจะกวาดล้างมนุษย์ที่เราได้สร้างมานี้ไปเสียจากแผ่นดิน ทั้งมนุษย์และสัตว์ใช้งาน กับสัตว์เลื้อยคลานและนกในอากาศด้วย เพราะว่าเราเสียใจที่ได้สร้างพวกเขา” 8แต่โนอาห์เป็นที่โปรดปรานในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์

โนอาห์เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า

 9ต่อไปนี้คือลำดับพงศ์พันธุ์ของโนอาห์ โนอาห์เป็นคนชอบธรรมดีพร้อมในสมัยของเขา โนอาห์ดำเนินกับพระเจ้า 10โนอาห์มีบุตรสามคน ชื่อเชม ฮาม และยาเฟท  11คนทั้งโลกเสื่อมทรามไปเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้า และแผ่นดินก็เต็มด้วยความโหดร้าย 12พระเจ้าทอดพระเนตรแผ่นดินก็ทรงเห็นว่าเสื่อมทราม เพราะมนุษย์ทั้งหมดประพฤติตนเสื่อมทรามบนแผ่นดิน
 13พระเจ้าจึงตรัสแก่โนอาห์ว่า “เราจะให้มนุษย์และสัตว์ทั้งปวงสิ้นสุดต่อหน้าเรา ด้วยเหตุว่า แผ่นดินโลกเต็มด้วยความโหดร้ายเพราะการกระทำของมนุษย์ ดูเถิด เราจะทำลายพวกเขาพร้อมกับแผ่นดินโลก 14เจ้าจงต่อเรือด้วยไม้สนโกเฟอร์ แล้วทำเรือเป็นห้องๆ และยาชันทั้งข้างในข้างนอก 15จงต่อเรือนั้นตามแบบนี้ คือ ยาว 133 เมตร กว้าง 22 เมตร สูง 13 เมตร 16จงทำช่องสำหรับเรือให้เสร็จโดยให้ห่างจากข้างบน 44 เซนติเมตร จงตั้งประตูเรือที่ด้านข้าง และทำดาดฟ้าชั้นล่าง ชั้นที่สองและที่สาม 17เพราะดูเถิด เราเองจะเป็นผู้ทำให้น้ำท่วมแผ่นดิน เพื่อทำลายมนุษย์และสัตว์ใต้ฟ้าที่มีลมปราณ ทุกสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินจะตายสิ้น 18แต่เราจะตั้งพันธสัญญาของเราไว้กับเจ้า เจ้าจะเข้าอยู่ในเรือ ทั้งตัวเจ้า บรรดาบุตรของเจ้า ภรรยาของเจ้า และบรรดาบุตรสะใภ้ของเจ้า 19จงนำสัตว์ตัวผู้และตัวเมียทุกชนิดอย่างละคู่จากสัตว์ที่มีชีวิตทั้งปวงเข้าไปไว้ในเรือ เพื่อให้มีชีวิตรอดอยู่กับเจ้า 20นกตามชนิดของมัน สัตว์ตามชนิดของมัน สัตว์เลื้อยคลานบนแผ่นดินตามชนิดของมัน ทุกชนิดอย่างละคู่จากสัตว์ทั้งปวงต้องมาหาเจ้า เพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้ 21เจ้าจงนำอาหารทุกอย่างที่กินได้ไปกับเจ้า และสะสมเพื่อเป็นอาหารของเจ้าและของบรรดาสิ่งมีชีวิต” 22พระเจ้าทรงบัญชาให้โนอาห์ทำอย่างไร โนอาห์ก็ทำอย่างนั้นทุกประการ

อรรถาธิบาย

เดินในความสัมพันธ์กับพระเยซู

มนุษย์เป็นผลงานชิ้นเอกแห่งการทรงสร้างของพระเจ้า พระเจ้าสร้างเราให้เดินในสัมพันธ์กับพระองค์ 'เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ พระองค์ทรงสร้างตามอย่างของพระองค์ พระองค์ทรงสร้างเป็นชายและหญิง แล้วทรงอวยพรแก่พวกเขา' (5:1-2 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องน่าเศร้าที่มนุษยชาติหลงผิดไป 'ความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน ความคิดในใจทั้งหมดของเขาล้วนเป็นเรื่องชั่วร้าย ชั่วร้ายตั้งแต่เช้าจรดค่ำ…มันทำให้หัวใจของพระเจ้าแตกสลาย' (6:5-6 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ความชั่วร้ายเริ่มต้นในความคิดและจินตนาการของเรา ซึ่งก็คือใจเรา เหมือนกับ 'โยนขยะเข้าไป ก็ได้ขยะออกมา' เราต้องเฝ้าระวังไม่เพียงแต่การกระทำของเรา แต่ยังรวมถึงความคิด ทัศนคติ แรงจูงใจและจินตนาการของเราด้วย

ท่ามกลางความหลอกลวงและความชั่วร้าย แต่มันเป็นไปได้ที่จะแตกต่างและสร้างความแตกต่าง เอโนคและโนอาห์เป็นสองบุคคลตัวอย่างของผู้ที่ไม่ได้คล้อยตามคนหมู่มาก แต่พวกเขา 'ดำเนินชีวิตกับพระเจ้า'

เป็นที่ปรากฏว่า 'หลังจากเอโนคมีบุตรคือเมธูเสลาห์แล้ว' (5:22) เอโนคดำเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อกับพระเจ้าไปตลอดชีวิต มีบางอย่างที่ทรงพลัง น่าทึ่ง และอัศจรรย์มากเกี่ยวกับการได้เห็นการเกิดของลูก ๆ ของเราเอง เพื่อนสนิทคนหนึ่งของผมได้กลายมาเป็นคริสเตียนผ่านประสบการณ์การกำเนิดลูกคนแรกของเขา

'เอโนคดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้า แล้วไม่มีใครพบเขาอีกเลย เพราะพระเจ้าทรงรับเขาไป' (ข้อ 24 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

โนอาห์ดำเนินชีวิตกับพระเจ้า และเขาพบ 'พระคุณ (ความโปรดปราน) ในสายพระเนตรของพระเจ้า' (ข้อ 8 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) แม้จะมีความชั่วร้ายเกิดขึ้นรอบตัวเขา 'โนอาห์เป็นคนชอบธรรม เป็นคนดีพร้อมเมื่อเทียบกับคนในยุคของเขาและดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้า' (6:9 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เขาเชื่อฟังพระเจ้าและสร้างเรือแม้ว่ายังไม่มีฝนหรือน้ำให้เห็นก็ตาม โนอาห์ก็ทำทุกสิ่งตามที่พระเจ้าทรงบัญชา (ข้อ 22)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพระองค์ให้เป็นคนชอบธรรมและไร้ตำหนิทั้งในความคิด คำพูดและการกระทำ ให้ดำเนินชีวิตในความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์ ช่วยข้าพระองค์ให้ทำตามพระประสงค์ของพระองค์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ปฐมกาล 5:18

อายุเฉลี่ยในการเริ่มสร้างครอบครัวดูเหมือนจะช้ากว่าที่เป็นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปัจจุบัน ยาเรดมีลูกคนแรกตอนอายุ 162 นี่คือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นเลย!

เห็นได้ชัดว่าเขาใช้เวลานานในการเตรียมตัวสำหรับการเป็นพ่อคน แต่เขาทำได้ดีมากเพราะเอโนคบุตรชายของเขามีชีวิตที่ดำเนินไปกับพระเจ้า (ปฐมกาล 5:22–24)

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม