ดีกว่าอยู่คนเดียว
เกริ่นนำ
ผมไม่ถนัดในการใช้สื่อการสอนมากนักเพราะผมไม่ได้ใช้มันบ่อย ๆ ในทางกลับกัน นิคกี้ ลี เพื่อนที่ดีของผม (เขาเป็นผู้บุกเบิกหลักสูตรคู่สมรสและหลักสูตรอื่น ๆ สำหรับคู่แต่งงานและผู้ปกครองร่วมกับซีล่าภรรยา ของเขา) เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้สื่อและมักใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่ออธิบายให้เกิดความเข้าใจได้อย่างดี
ครั้งหนึ่งในการให้โอวาทในพิธีแต่งงาน นิคกี้ใช้สื่อเพื่ออธิบายพระธรรมปัญญาจารย์ บทที่ 4 ตอนหนึ่ง ซึ่งเขียนว่า ‘สองคนดีกว่าคนเดียว...เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้’ (ข้อ 9,12)
เพื่ออธิบายภาพของการแต่งงาน นิคกี้พันเชือกขนสัตว์ที่มีสีต่างกัน 2 เส้นเข้าด้วยกัน เมื่อพันเสร็จแล้วมันดูแข็งแรงขึ้น แต่ก็ฉีกขาดได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเขานำเชือกเส้นที่ 3 ซึ่งมีขนาดเล็กมากจนแทบจะมองไม่เห็น ด้วยเชือกเส้นนี้ทำให้ไม่สามารถฉีกเชือกอีก 2 เส้นได้ (ผมเคยลองใช้ภาพประกอบนี้ครั้งหนึ่ง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ผมจำไม่ได้ และมันผิดพลาดอย่างมาก!)
ประเด็นที่เขาอธิบายพระธรรมปัญญาจารย์คือ ขณะที่ความสัมพันธ์และการแต่งงานเป็นของขวัญที่ยอดเยี่ยม แต่การมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางของความสัมพันธ์หรือการแต่งงานเป็นเหมือนเส้นใยอันแข็งแกร่งที่มองไม่เห็น
ในวันนี้เราจะเห็นว่าสองคนเข้มแข็งกว่าคนเดียวในชีวิตสมรส ในพันธกิจรับใช้และในองค์กรอย่างไร
สุภาษิต 5:15-23
15จงดื่มน้ำจากถังเก็บน้ำของเจ้า
ดื่มน้ำไหลจากบ่อของเจ้าเอง
16ควรหรือที่จะให้น้ำพุของเจ้าไหลเพรื่อออกไปนอกบ้าน?
และให้ธารน้ำนั้นไหลไปที่ลานเมือง?
17จงให้มันเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว
และไม่ใช่สำหรับคนแปลกหน้าด้วย
18จงให้น้ำพุของเจ้าได้รับพร
และจงเปรมปรีดิ์อยู่กับภรรยาคนที่เจ้าได้เมื่อหนุ่มนั้น
19เหมือนนางกวางที่น่ารัก และเหมือนแม่เลียงผาที่งามสง่า
จงให้ถันของภรรยาเจ้าเป็นที่หนำใจเจ้าอยู่ทุกเวลา
จงดื่มด่ำอยู่กับความรักของนางเสมอ
20ลูกเอ๋ย เจ้าจะเคลิบเคลิ้มอยู่กับหญิงแพศยาทำไมเล่า?
หรือโอบกอดอกของหญิงสำส่อนอยู่ทำไม?
21เพราะว่าทางของคนก็อยู่ในสายพระเนตรพระยาห์เวห์
และพระองค์ทรงเฝ้าดูหนทางทั้งสิ้นของเขา
22ความบาปชั่วของคนอธรรมดักตัวเขาเอง
และเขาก็ติดอยู่กับตาข่ายบาปของเขา
23เขาจะตายเพราะขาดวินัยในชีวิต
และเพราะความโง่อย่างยิ่งของเขา เขาจึงหลงเจิ่นไป
อรรถาธิบาย
การแต่งงาน: สองคนเป็นหนึ่งเดียว
นี่คือภาพที่ยอดเยี่ยมของการแต่งงานอันเป็นบ่อเกิดแห่งพระพร (ข้อ 18ก) ความชื่นชมยินดี (ข้อ 18ข) ความรัก (ข้อ 19ก) ความสง่างาม (ข้อ 19ก) ความพึงพอใจ (ข้อ 19ข) และความโรแมนติก (ข้อ 19ค)
เป็นคำอธิบายที่สวยงามของการแต่งงานที่คนสองคน ‘เป็นเนื้อเดียวกัน’ (ปฐมกาล 2:24) ส่วนหนึ่งของความงามอยู่ที่ความพิเศษเฉพาะตัว ผู้เขียนใช้ภาพบ่อน้ำหรือน้ำพุเพื่ออธิบายความสุขของการมีเพศสัมพันธ์ซึ่งเป็น สิ่งที่น่ายินดีอย่างเฉพาะเจาะจง และเน้นย้ำเรื่องนี้ถึง 4 ครั้ง (สุภาษิต 5:15–18)
ความยิ่งใหญ่ของความรักทางอารมณ์และทางกายระหว่างสามีภรรยา (‘ความใกล้ชิดที่ยั่งยืน’ ข้อ 19, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) นั้นตรงข้ามกับ ‘ความตื่นเต้นที่ฉาบฉวย’ ของ ‘การคบหากับคนสำส่อน’ (ข้อ 20, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
นั่นคือเหตุผลที่ผู้เขียนตักเตือนอย่างหนักแน่นว่าอย่าเล่นชู้ จงระวังในสิ่งที่เขาพูดว่าพระเจ้ากำลังเฝ้าดูอยู่ (ข้อ 21) และเส้นทางที่นำไปสู่การล่วงประเวณีเป็น ‘ความบาปชั่ว’ ‘อธรรม’ บาปหนา โง่เขลาและนำไปสู่ความตาย (ข้อ 22–23) เราเห็นตัวอย่างนี้ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ซึ่งกล่าวถึงการล่วงประเวณีของเฮโรดนำไปสู่การประหาร ยอห์นผู้ให้บัพติศมา (มาระโก 6:14–29)
แม้ว่า ‘เพราะว่าทางของคนก็อยู่ในสายพระเนตรพระยาห์เวห์’ (สุภาษิต 5:21) เป็นคำเตือนเรื่องการล่วงประเวณี แต่ก็เป็นเครื่องเตือนใจถึงความเข้มแข็งที่มาจากการที่ ‘พระเจ้า’ เข้ามามีส่วนร่วมในการแต่งงาน เช่นเดียวกับเชือกเกลียวที่สาม
ความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดและเป็นหลักชี้นำว่าเราควรรักผู้อื่นอย่างไร
คำอธิษฐาน
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการทรงสถิตของพระเยซูที่เปรียบได้กับสิ่งที่เชือกเกลียวที่สาม ซึ่งสร้างความแตกต่างในความสัมพันธ์ ขอบคุณพระองค์ที่สองคนดีกว่าคนเดียว และเชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้
มาระโก 6:6ข-29
พันธกิจของอัครทูตสิบสองคน
แล้วพระองค์จึงเสด็จไปทรงสั่งสอนตามหมู่บ้านโดยรอบ 7พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนมา แล้วทรงใช้พวกเขาออกไปเป็นคู่ๆ และประทานสิทธิอำนาจให้พวกเขาขับผีร้ายออกได้ 8พระองค์ตรัสกำชับพวกเขาไม่ให้เอาอะไรไปใช้ตามทาง เว้นแต่ไม้เท้า ไม่ให้เอาอาหารหรือย่าม หรือเงินใส่เข็มขัดไป 9แต่ให้สวมรองเท้าและไม่ให้สวมเสื้อสองตัว 10แล้วพระองค์ตรัสสั่งพวกเขาว่า “เมื่อเข้าอาศัยในบ้านไม่ว่าที่ไหน ให้อาศัยในบ้านนั้นจนกว่าจะออกจากเมืองนั้น 11ถ้าที่ไหนไม่ต้อนรับและไม่ฟังพวกท่าน เมื่อจะออกจากที่นั่น จงสะบัดผงคลีใต้ฝ่าเท้าของพวกท่านออก ส่อให้เห็นความผิดของพวกเขา” 12พวกสาวกก็ออกไปประกาศให้ทุกคนกลับใจใหม่ 13พวกเขาขับผีออกหลายตน และเอาน้ำมันชโลมคนเจ็บป่วยหลายคนให้หายโรค
การตายของยอห์นผู้ให้บัพติศมา
14กษัตริย์เฮโรดทรงทราบเรื่องของพระองค์ เพราะว่าพระนามของพระเยซูเป็นที่เลื่องลือ บางคนพูดว่า “ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นขึ้นมาจากตายแล้ว เพราะเหตุนี้เขาถึงทำการอัศจรรย์ได้” 15แต่บางคนว่า “เขาเป็นเอลียาห์” ส่วนคนอื่นๆ ว่า “เขาเป็นผู้เผยพระวจนะเหมือนคนหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะในอดีต” 16เมื่อเฮโรดทรงได้ยินจึงตรัสว่า “ยอห์นคนที่เราตัดศีรษะเป็นขึ้นมาจากตายแล้ว” 17เพราะว่าเฮโรดทรงใช้คนไปจับยอห์นมาล่ามโซ่ขังคุกไว้เพื่อเห็นแก่นางเฮโรเดียสชายาของฟีลิปพระอนุชาของพระองค์ เนื่องจากเฮโรดอภิเษกสมรสกับนาง 18เพราะยอห์นเคยทูลเฮโรดว่า “ท่านไม่มีสิทธิ์รับชายาของพระอนุชามาเป็นพระชายาของตัวเอง” 19นางเฮโรเดียสจึงผูกพยาบาทยอห์นและปรารถนาจะประหารท่านเสีย แต่ประหารไม่ได้ 20เพราะเฮโรดทรงเกรงกลัวยอห์น เนื่องจากทรงทราบว่าท่านเป็นคนชอบธรรม และบริสุทธิ์ เฮโรดจึงทรงปกป้องท่านไว้ เมื่อเฮโรดทรงได้ยินคำสั่งสอนของท่านก็ทรงฉงนสนเท่ห์ แต่ก็ยังทรงยินดีที่จะฟัง 21อยู่มาวันหนึ่งเป็นโอกาสเหมาะ คือเป็นวันฉลองการประสูติของเฮโรด เฮโรดทรงจัดงานเลี้ยงขุนนางกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่และคนสำคัญๆ ทั้งหลายในแคว้นกาลิลี 22เมื่อบุตรีของเฮโรเดียสเข้ามาเต้นรำ ทำให้กษัตริย์เฮโรดและแขกทั้งปวงชอบใจ กษัตริย์จึงตรัสกับหญิงสาวว่า “เจ้าจะขอสิ่งใดเราจะให้สิ่งนั้น” 23และกษัตริย์ทรงปฏิญาณว่า “เจ้าจะขอสิ่งใดๆ ก็ตาม เราจะให้สิ่งนั้นแก่เจ้าจนถึงกึ่งราชสมบัติ” 24นางจึงออกไปถามมารดาว่า “ลูกจะขอสิ่งใดดี?” มารดาจึงตอบว่า “จงขอศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมาเถิด” 25นางจึงรีบเข้าไปเฝ้ากษัตริย์ทันทีทูลว่า “หม่อมฉันขอศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมา ใส่ถาดมาให้หม่อมฉันเดี๋ยวนี้เลยเพคะ” 26กษัตริย์ก็ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่เพราะทรงปฏิญาณไว้แล้ว และเพราะเห็นแก่หน้าแขกจึงขัดไม่ได้ 27กษัตริย์จึงรับสั่งให้เพชฌฆาตไปตัดศีรษะของยอห์นมาทันที เพชฌฆาตก็ไปตัดศีรษะยอห์นในคุก 28แล้วใส่ถาดมาให้หญิงสาว หญิงสาวนั้นก็เอาไปให้แก่มารดาของตน 29เมื่อพวกศิษย์ของยอห์นรู้เรื่อง ก็มารับศพของท่านไปฝังไว้ในอุโมงค์
อรรถาธิบาย
ภารกิจ: สองต่อสอง
การแต่งงานไม่ใช่คำตอบเดียวสำหรับความโดดเดี่ยว แม้ว่าการแต่งงานจะเป็นพรอันยิ่งใหญ่ แต่เราได้รับคำเน้นย้ำว่าการแต่งงานไม่จำเป็นต่อการรู้จักชุมชนหรือความสมบูรณ์ พระเยซูไม่ได้แต่งงานและพระองค์เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ที่สุดที่เคยดำเนินชีวิตบนโลกนี้ พระองค์ทรงเป็นแบบจำลองของความสมบูรณ์
พระเยซูเสด็จไปทรงสั่งสอนตามหมู่บ้านโดยรอบ ‘กระทำการหลายสิ่ง’ (วลีนี้ถูกคิดโดยจอห์น วิมเบอร์) จากนั้นพระองค์ทรงส่งสาวกออกไปทำแบบเดียวกัน พวกเขาออกไปประกาศขับไล่ผีร้ายและรักษาคนเจ็บป่วย (ข้อ 12–13)
เป็นเรื่องสำคัญที่พระองค์ส่งพวกเขาออกไปเป็นคู่ ‘ออกไปเป็นคู่ ๆ' (ข้อ 7) ภารกิจแบบนี้จะเหงามากถ้าคุณทำ ทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว การออกไปเป็นคู่จะดีกว่ามาก
ต้องเป็นเรื่องสนุกและน่าพอใจอย่างยิ่งในการออกไปประกาศพระกิตติคุณ การขับไล่ผีร้ายและการชโลมน้ำมัน รักษาคนเจ็บป่วยและเห็นว่าพวกเขาหายเป็นปกติ (ข้อ 13)
‘พวกเขาเทศน์ด้วยความยินดียิ่งว่า ชีวิตอาจแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง พวกเขาขับไล่ผีร้ายออกไป พวกเขาทำให้ คนป่วยหายดี เจิมร่างกาย รักษาวิญญาณ’ (ข้อ 13–14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
พวกเขาออกไปทำพระราชกิจด้วยกัน ในทางกลับกันยอห์นผู้ให้บัพติศมาผู้น่าสงสารที่ยอมถูกจำคุกด้วยตัวเอง ยอห์นเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของความกล้าหาญทางจริยธรรมในการพูดความจริงกับผู้มีอำนาจ เขาเคยพูดกับ เฮโรดว่า ‘ท่านไม่มีสิทธิ์รับชายาของพระอนุชามาเป็นพระชายาของตัวเอง’ (ข้อ 18) เขาไม่ลังเลที่จะรับเอาความโกรธเกรี้ยวของผู้ที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจถ้ามันจำเป็น
เฮโรดชอบฟังยอห์น (ข้อ 20) เขารู้สึกดีขึ้นหลังจากฟังเทศนาจนจบ! แต่มีสิ่งหนึ่งในชีวิตของเฮโรดที่เขาปฏิเสธ นั่นคือความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางเฮโรเดียส สิ่งนี้ทำให้เขาบกพร่องด้านศีลธรรมและทำให้เขาไม่มีความสุขในความสัมพันธ์กับพระเจ้า
ในเหตุการณ์ของเฮโรดกับยอห์นผู้ให้บัพติศมีความคล้ายกับเหตุการณ์ของปีลาตกับพระเยซู เฮโรดบ่ายเบี่ยง ที่จะสั่งประหารยอห์น จนกระทั่งเฮโรดยื่นข้อเสนอที่โง่เขลาต่อหน้าฝูงชนและค้นพบว่าตัวเองจะเสียหน้าหาก เขาไม่ทำตามข้อเสนอ จึงเป็นเหตุให้ยอห์นผู้ให้บัพติศมาถูกประหารชีวิต
เมื่อยอห์นผู้ให้บัพติศมามีสาวกที่ติดตามอยู่หลายคน (ยอห์น 1:35) แต่เขาต้องเผชิญกับความลำบากในคุกและการรอวันประหารเพียงลำพัง ขณะที่พระเยซูทรงส่งสาวกออกไปทีละ ‘สองคน’
จาโก้ วินน์ ผู้เขียนหนังสือ ทำงานอย่างไรไม่ให้เหี่ยวแห้ง พูดถึงการจัดกลุ่มสามัคคีธรรมกลางสัปดาห์สำหรับคนวัยทำงานในกรุงลอนดอน เขาบอกว่าสมาชิกกลุ่มที่เป็นคริสเตียนคนเดียวในที่ทำงานจะดูเหนื่อยล้าและต่อสู้กับความกดดันในชีวิตการทำงาน
ในทางกลับกันผู้ที่ได้พบเพื่อนร่วมงานที่เป็นคริสเตียนคนอื่น ๆ และผู้ที่มารับบริการเป็นกลุ่มตั้งแต่สองคนขึ้นไปนั้นแทบจะเป็นคนอารมณ์ดีและร่าเริงแจ่มใสมากกว่าคนทั่วไป
จาโก้เขียนว่า ‘ถ้าเราเป็นคริสเตียนคนเดี่ยวในสภาพแวดล้อมแต่ละวัน ไม่ว่าในสถานที่ทำงาน โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย หรือที่บ้าน เป็นการดีที่เราจะอธิษฐานให้พระเจ้าจัดเตรียมพี่น้องในพระคริสต์ให้เรา แม้แต่การปรากฏตัวของพี่น้องก็สามารถเป็นกำลังใจที่จะรับใช้พระเจ้าต่อไปในชีวิตและในงานพันธกิจ’
ดังที่ผู้เขียนท่านผู้ประกาศกล่าวว่า ‘สองคนดีกว่าคนเดียว ... เพราะว่าถ้าพวกเขาล้มลง คนหนึ่งจะได้พยุงเพื่อน ของตนให้ลุกขึ้น แต่วิบัติแก่คนนั้นที่อยู่คนเดียวเมื่อเขาล้มลง และไม่มีใครพยุงเขาให้ลุกขึ้น! …และถ้าคนหนึ่งเอาชนะคนคนเดียวได้ คนสองคนย่อมต่อต้านเขาได้แน่ เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้’ (ปัญญาจารย์ 4:9–12) ข้อนี้มักใช้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของมิตรภาพและความเป็นหนึ่งเดียวในชีวิตสมรส แต่บริบทดั้งเดิมของข้อนี้คือมิตรภาพ
คำอธิษฐาน
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับมิตรภาพ ขอบคุณที่พระองค์ไม่ได้ส่งข้าพระองค์ออกไปโดยลำพัง ขอบคุณที่ถึงแม้เราออกไปทีละเส้นสองเส้น เรารู้ว่ามีเส้นที่สามด้วยเพราะพระองค์ตรัสว่า ‘ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็น สาวกของเรา ... และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค’ (มัทธิว 28: 19–20)
อพยพ 29:1-30:38
การแต่งตั้งปุโรหิต
1“ต่อไปนี้คือสิ่งที่เจ้าจะทำเพื่อชำระตัวพวกเขาให้บริสุทธิ์ เพื่อพวกเขาจะเป็นปุโรหิตปรนนิบัติเรา คือจงเอาโคหนุ่มตัวหนึ่งและแกะตัวผู้สองตัวซึ่งปราศจากตำหนิ 2ขนมปังไร้เชื้อ ขนมไร้เชื้อคลุกน้ำมัน และขนมแผ่นบางไร้เชื้อทาน้ำมัน ขนมเหล่านี้จงทำด้วยแป้งข้าวสาลีอย่างดี 3แล้วจงใส่ขนมเหล่านี้ไว้ในกระบุงเดียวกัน จงนำมาพร้อมกับโคตัวผู้ และลูกแกะตัวผู้สองตัว 4จงนำอาโรนและบรรดาบุตรของเขาไปที่ประตูเต็นท์นัดพบ แล้วจงชำระตัวเขาทั้งหลายด้วยน้ำ 5จงสวมเสื้อตำแหน่งของปุโรหิตให้อาโรน คือเสื้อยาวกรอมเท้า เสื้อคลุมที่เข้ากับเอโฟด เสื้อเอโฟดและทับทรวง และผูกสายของเอโฟดที่ทออย่างประณีตให้แน่น 6จงโพกผ้ามาลาที่ศีรษะของอาโรน และจงสวมมงกุฎบริสุทธิ์ทับผ้ามาลา 7จงเอาน้ำมันเจิมเทลงบนศีรษะของเขา และเจิมตั้งเขาไว้ 8จงนำบรรดาบุตรชายของเขามาและสวมเสื้อยาวกรอมเท้าให้ 9แล้วจงคาดเอวอาโรนและบรรดาบุตรของเขาด้วยสายรัดเอว และจงคาดหมวกให้พวกเขา แล้วเขาก็จะเป็นปุโรหิตตามกฎเกณฑ์เนืองนิตย์ ดังนี้แหละ เจ้าจงสถาปนาอาโรนและบรรดาบุตรชายของเขาไว้
10“เจ้าจงนำโคตัวผู้มาที่หน้าเต็นท์นัดพบ ให้อาโรนกับบรรดาบุตรของเขาวางมือลงบนหัวโคนั้น 11แล้วจงฆ่าโคตัวนั้นเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ที่ประตูเต็นท์นัดพบ 12จงเอานิ้วมือจุ่มเลือดโคนั้น ทาที่เชิงงอนของแท่นบูชาบ้าง ส่วนเลือดที่เหลือทั้งหมดจงเทที่ฐานแท่นบูชา 13เจ้าจงเอาไขมันทั้งหมดที่หุ้มเครื่องใน เอาไขเหนือตับ และเอาไตทั้งคู่กับไขมันที่ติดไตนั้นมาเผาบนแท่นบูชา 14แต่เนื้อกับหนัง และมูลของโคนั้น จงเผาไฟเสียนอกค่าย นี่เป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป
15“เจ้าจงนำแกะผู้ตัวหนึ่งมา แล้วให้อาโรนกับบรรดาบุตรของเขาวางมือบนหัวแกะนั้น 16แล้วจงฆ่าแกะตัวนั้น และเอาเลือดพรมไปรอบๆ แท่น 17จงสับแกะตัวนั้นออกเป็นท่อนๆ และจงล้างเครื่องในกับขาของมัน แล้ววางไว้กับส่วนอื่นๆ และส่วนหัวของมัน 18แล้วจงเผาแกะตัวนั้นทั้งตัวบนแท่นบูชา เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวถวายแด่พระยาห์เวห์ เป็นกลิ่นพอพระทัย และเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์
19“เจ้าจงนำแกะตัวผู้อีกตัวหนึ่งมา (เป็นแกะที่ใช้สำหรับการสถาปนา) แล้วให้อาโรนกับบุตรของเขาวางมือบนหัวแกะนั้น 20แล้วจงฆ่าแกะตัวนั้น เอาเลือดส่วนหนึ่งทาที่ปลายใบหูข้างขวาของอาโรน และของบุตรชายของเขา และที่หัวแม่มือข้างขวา และที่หัวแม่เท้าข้างขวาของพวกเขา แล้วจงพรมเลือดรอบๆ แท่นบูชา 21จงเอาเลือดที่อยู่บนแท่นบูชากับน้ำมันเจิมนั้นประพรมอาโรนและเสื้อตำแหน่งของเขา จงประพรมบรรดาบุตรของเขา และเสื้อตำแหน่งของพวกเขาด้วย อาโรนและเสื้อตำแหน่งของเขาจะบริสุทธิ์ รวมทั้งบุตรของเขาและเสื้อตำแหน่งของพวกเขาด้วย
22“เจ้าจงเอาไขมันแกะตัวผู้ หางอ้วนใหญ่แกะพันธุ์ที่นำมาถวายบูชานี้เป็นพันธุ์ที่มีหางใหญ่และมีไขมันบริเวณหางมาก ไขมันที่ติดเครื่องใน ไขของตับ อีกทั้งไตทั้งคู่กับไขมันที่ติดอยู่ รวมทั้งโคนขาขวาด้วย (เพราะเป็นแกะที่ใช้สำหรับการสถาปนา) 23กับขนมปังก้อนหนึ่งและขนมคลุกน้ำมันแผ่นหนึ่ง และขนมปังบางแผ่นหนึ่งจากกระบุงขนมปังไร้เชื้อ ซึ่งอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 24แล้วจงวางทุกอย่างนี้ในมือทั้งคู่ของอาโรนและของบรรดาบุตรของเขา และจงโบกถวายของเหล่านั้นเป็นเครื่องโบกถวายแด่พระยาห์เวห์ 25แล้วจงรับสิ่งเหล่านี้จากมือของพวกเขา แล้วนำไปเผาร่วมกับเครื่องบูชาเผาทั้งตัวบนแท่นบูชา เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระยาห์เวห์ เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์
26“จงเอาเนื้อส่วนอกจากแกะตัวผู้ซึ่งเป็นแกะสำหรับสถาปนาอาโรนมาโบกถวายเป็นเครื่องโบกถวายแด่พระยาห์เวห์ และมันจะเป็นส่วนแบ่งของเจ้า 27และจงแยกเอาเนื้ออกของแกะตัวผู้ที่โบกถวายกับเนื้อโคนขาที่ถวาย ออกจากแกะที่ใช้สำหรับสถาปนาปุโรหิต ซึ่งเป็นส่วนของอาโรนและบุตรของเขา 28สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนที่อาโรนและบุตรของเขาจะได้รับจากชนชาติอิสราเอล มันเป็นกฎเนืองนิตย์ เพราะเป็นส่วนที่ชนชาติอิสราเอลจะให้ปุโรหิตจากเครื่องศานติบูชา คือจากเครื่องถวายที่พวกเขาถวายแด่พระยาห์เวห์
29“เสื้อตำแหน่งบริสุทธิ์ของอาโรนจะเป็นของเชื้อสายของเขาสืบต่อไป ให้พวกเขาสวมเมื่อรับการเจิมและรับการสถาปนา 30จงให้บุตรซึ่งจะเป็นปุโรหิตแทนอาโรนสวมเสื้อตำแหน่งนั้นครบเจ็ดวัน ขณะที่เขามายังเต็นท์นัดพบเพื่อปรนนิบัติในวิสุทธิสถาน
31“จงเอาเนื้อแกะตัวผู้สำหรับสถาปนาปุโรหิตมาต้มในสถานศักดิ์สิทธิ์ 32แล้วให้อาโรนกับบุตรของเขากินเนื้อแกะนั้นกับขนมปังในกระบุงที่ประตูเต็นท์นัดพบ 33ให้พวกเขากินของซึ่งนำมาบูชาลบมลทิน เพื่อจะสถาปนาและชำระพวกเขาให้บริสุทธิ์ แต่คนอื่นๆ จะกินไม่ได้ เพราะเป็นของบริสุทธิ์ 34และถ้าเนื้อที่ใช้ในพิธีสถาปนาปุโรหิต และขนมปังนั้นยังเหลืออยู่จนรุ่งเช้า ก็ให้เผาไฟเสีย ห้ามกินเพราะเป็นของบริสุทธิ์
35“ดังนั้น จงทำกับอาโรนและบุตรของเขาตามทุกสิ่งที่เราได้บัญชาเจ้า จงทำพิธีสถาปนาพวกเขาตลอดเจ็ดวัน 36โดยแต่ละวัน จงนำโคผู้ตัวหนึ่งมาถวายเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป และจงถวายเครื่องบูชาลบมลทินของแท่นบูชา จงเจิมแท่นนั้นเพื่อให้มันบริสุทธิ์ 37จงลบมลทินแท่นนั้นทั้งเจ็ดวัน และชำระให้มันบริสุทธิ์ แล้วแท่นนั้นจะบริสุทธิ์ที่สุด สิ่งใดๆ ที่ถูกต้องแท่นนั้นก็จะบริสุทธิ์ด้วย
การถวายบูชาประจำวัน
38“ต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เจ้าต้องถวายบนแท่นบูชานั้นทุกวันตลอดไป คือลูกแกะสองตัว อายุหนึ่งปี 39จงนำลูกแกะตัวหนึ่งมาบูชาเวลาเช้า และอีกตัวหนึ่งมาบูชาเวลาเย็น 40พร้อมกับลูกแกะตัวที่หนึ่งนั้น จงถวายแป้งอย่างดีหนึ่งกิโลกรัม เคล้าน้ำมันที่สกัดไว้นั้นหนึ่งลิตร และเหล้าองุ่นหนึ่งลิตรเป็นเครื่องดื่มบูชา 41จงถวายลูกแกะอีกตัวหนึ่งในเวลาเย็น และจงถวายเครื่องธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาคู่กันด้วย เหมือนอย่างในเวลาเช้า ให้เป็นกลิ่นพอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟแด่พระยาห์เวห์ 42นี่จะเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวเสมอไป ตลอดชาติพันธุ์ของเจ้าที่ประตูเต็นท์นัดพบเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เป็นที่ที่เราจะพบเจ้าทั้งหลายและจะพูดกับเจ้าที่นั่น 43เราจะพบกับชนชาติอิสราเอล ณ ที่นั่น และพลับพลานั้นจะรับการชำระให้บริสุทธิ์ด้วยพระสิริของเรา 44เราจะชำระเต็นท์นัดพบและแท่นบูชาให้บริสุทธิ์ และเราจะชำระอาโรนและบุตรของเขาให้บริสุทธิ์ด้วย เพื่อให้เป็นปุโรหิตปรนนิบัติเรา 45เราจะอยู่ท่ามกลางชนชาติอิสราเอล และจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา 46เขาทั้งหลายจะรู้ว่า เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเขา ผู้ได้นำพวกเขาออกจากแผ่นดินอียิปต์ เพื่อเราจะอยู่ท่ามกลางเขาทั้งหลาย เราคือยาห์เวห์ พระเจ้าของพวกเขา
อพยพ 30
แท่นเผาเครื่องหอม
1“เจ้าจงสร้างแท่นบูชาสำหรับเผาเครื่องหอม จงทำแท่นนั้นด้วยไม้กระถินเทศ 2ให้ยาว 45 เซนติเมตร กว้าง 45 เซนติเมตร เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส และสูง 90 เซนติเมตร เชิงงอนที่มุมแท่นนั้นให้เป็นไม้ชิ้นเดียวกับแท่น 3และจงหุ้มแท่นด้วยทองคำบริสุทธิ์ ทั้งด้านบนและด้านข้างทุกด้าน และเชิงงอนด้วย และจงทำขอบด้วยทองคำล้อมรอบแท่น 4จงทำห่วงทองคำสองห่วง ติดใต้ขอบด้านละห่วงตรงข้ามกัน ห่วงนั้นสำหรับใส่ไม้คานหาม 5ไม้คานหามนั้นจงทำด้วยไม้กระถินเทศหุ้มด้วยทองคำ 6จงตั้งแท่นนั้นไว้นอกม่าน ซึ่งอยู่ใกล้หีบแห่งสักขีพยานข้างหน้าพระที่นั่งกรุณา ซึ่งอยู่เหนือหีบแห่งสักขีพยาน ที่ที่เราจะพบกับเจ้า 7จงให้อาโรนเผาเครื่องหอมบนแท่นนั้น ทุกๆ เช้าเมื่อเขาดูแลตะเกียง เขาก็จะเผาเครื่องหอมด้วย 8และในเวลาเย็นเมื่ออาโรนจุดตะเกียง เขาจะเผาเครื่องหอมบนแท่นนั้นเป็นเครื่องหอมเสมอไปเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า 9แต่ห้ามเผาเครื่องหอมต้องห้ามหรือเครื่องบูชาเผาทั้งตัว หรือเครื่องธัญบูชา และห้ามเทเครื่องดื่มบูชาบนแท่นนั้น 10ให้อาโรนทำพิธีลบบาปที่เชิงงอนปีละครั้ง ให้เขาลบมลทินแท่นนั้นปีละครั้งด้วยเลือดของเครื่องบูชาลบล้างบาปตลอดชั่วชาติพันธุ์ของพวกเจ้า แท่นนั้นจะบริสุทธิ์ที่สุดแด่พระยาห์เวห์”
เงินครึ่งเชเขลสำหรับสถานนมัสการ
11พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 12“เมื่อเจ้าจะจดสำมะโนครัวชนชาติอิสราเอล จงให้แต่ละคนนำค่าไถ่ชีวิตของตนมาถวายพระยาห์เวห์เมื่อเจ้านับจำนวนพวกเขา เพื่อจะไม่มีภัยพิบัติเกิดขึ้นในพวกเขาเมื่อเจ้านับจำนวนพวกเขา 13ทุกคนที่ขึ้นทะเบียนสำมะโนครัวจะต้องถวายดังนี้ คือเงินหนักครึ่งเชเขลเงินหนึ่งเชเขลมีค่าเท่ากับเงินหนักประมาณ 12 กรัม เงินครึ่งเชเขลนี้คือเงินภาษีที่คนอิสราเอลจะต้องถวายแด่พระเจ้าเป็นจำนวนเท่ากันทุกคน ตามเชเขลของสถานนมัสการ (เชเขลหนึ่งมียี่สิบเก-ราห์) ครึ่งเชเขลเป็นเครื่องถวายแด่พระยาห์เวห์ 14ทุกคนที่ขึ้นทะเบียนสำมะโนครัว อายุยี่สิบปีขึ้นไป ให้นำของมาถวายพระยาห์เวห์ 15เมื่อพวกเจ้านำของมาถวายพระยาห์เวห์ เพื่อจะไถ่ชีวิตของตนนั้น คนมั่งมีก็ห้ามถวายเกินครึ่งเชเขล และคนจนก็ห้ามถวายน้อยกว่านั้น 16จงเก็บเงินค่าไถ่จากชนชาติอิสราเอล และใช้จ่ายในงานของเต็นท์นัดพบ เพื่อพระยาห์เวห์จะทรงระลึกถึงชนชาติอิสราเอลสำหรับการไถ่ชีวิตพวกเจ้า”
อ่างทองสัมฤทธิ์
17พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 18“เจ้าจงทำอ่างและฐานรองอ่างด้วยทองสัมฤทธิ์ สำหรับล้างชำระ จงตั้งอ่างนั้นไว้ระหว่างเต็นท์นัดพบและแท่นบูชา แล้วจงตักน้ำใส่อ่างนั้น 19ให้อาโรนและบุตรชายของเขาใช้ล้างมือและเท้า 20เมื่อพวกเขาจะเข้าไปในเต็นท์นัดพบ หรือเข้ามาใกล้แท่นบูชาเพื่อปรนนิบัติ โดยถวายเครื่องบูชาด้วยไฟแด่พระยาห์เวห์ เขาต้องชำระด้วยน้ำเพื่อจะไม่ตาย 21จงให้พวกเขาล้างมือและเท้าเพื่อจะไม่ตาย และนี่จะเป็นกฎเกณฑ์เนืองนิตย์สำหรับพวกเขา คือสำหรับอาโรนและเชื้อสายของเขาตลอดชั่วชาติพันธุ์ของพวกเขา”
น้ำมันเจิมและเครื่องหอม
22พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 23“จงเอาเครื่องเทศพิเศษคือมดยอบน้ำซึ่งหนัก 6 กิโลกรัม และอบเชยหอมหนักครึ่งหนึ่งคือ 3 กิโลกรัม และตะไคร้หนัก 3 กิโลกรัม 24และการบูร 6 กิโลกรัม ตามมาตราการชั่งน้ำหนักของสถานนมัสการ และน้ำมันมะกอก 4 ลิตร 25เจ้าจงเอาสิ่งเหล่านี้มาทำเป็นน้ำมันเจิมอันศักดิ์สิทธิ์ ผสมเป็นน้ำหอมปรุงตามวิธีการของช่างปรุง น้ำมันนั้นจะเป็นน้ำมันเจิมอันศักดิ์สิทธิ์ 26แล้วจงเอาน้ำมันนั้นเจิมเต็นท์นัดพบ หีบแห่งสักขีพยาน 27โต๊ะและเครื่องใช้ทุกอย่างสำหรับโต๊ะ คันประทีปกับเครื่องใช้ประจำคันประทีป และแท่นเผาเครื่องหอม 28แท่นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและเครื่องใช้ทุกอย่างสำหรับแท่น ทั้งอ่างและฐานรองนั้น 29จงชำระของเหล่านี้ให้บริสุทธิ์ เพื่อจะได้บริสุทธิ์ที่สุด สิ่งใดๆ มาถูกของเหล่านี้ก็จะบริสุทธิ์ไปด้วย 30แล้วเจ้าจงเจิมและชำระอาโรนกับบุตรของเขาให้บริสุทธิ์ เพื่อพวกเขาจะได้เป็นปุโรหิตปรนนิบัติเรา 31จงกล่าวแก่ชนชาติอิสราเอลว่า ‘นี่เป็นน้ำมันเจิมอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเรา ตลอดชั่วชาติพันธุ์ของพวกเจ้า 32ห้ามเจิมคนสามัญด้วยน้ำมันนี้ และห้ามทำน้ำมันอื่นให้มีส่วนผสมเหมือนน้ำมันนี้ น้ำมันนี้บริสุทธิ์ มันจะบริสุทธิ์สำหรับพวกเจ้า 33ผู้ใดผสมน้ำมันหอมอย่างนี้ หรือผู้ใดใช้ชโลมคนอื่น ผู้นั้นจะถูกตัดออกจากการเป็นประชากรของเรา’ ”
34พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงเอาเครื่องเทศคือ กำยาน ชะมด และมหาหิงคุ์ ผสมกับกำยานบริสุทธิ์ในอัตราส่วนเท่าๆ กัน 35จงผสมเครื่องหอมปรุงตามวิธีการของช่างปรุง เจือด้วยเกลือให้เป็นของบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ 36จงเอาส่วนหนึ่งมาตำให้ละเอียด และวางไว้หน้าหีบแห่งสักขีพยานในเต็นท์นัดพบที่เราจะพบกับเจ้า เครื่องหอมนั้นพวกเจ้าจงถือว่าบริสุทธิ์ที่สุด 37เครื่องหอมที่เจ้าทำตามส่วนที่ผสมนั้น ห้ามทำใช้เอง ให้ถือว่านี่เป็นของศักดิ์สิทธิ์แด่พระยาห์เวห์ 38ผู้ใดทำเครื่องหอมเช่นนี้ไว้ใช้เป็นน้ำหอม ผู้นั้นต้องถูกตัดออกจากการเป็นประชากรของเรา”
อรรถาธิบาย
พันธกิจรับใช้: ลูกแกะสองตัว
พิธีการโดยละเอียดที่เราอ่านจากพระธรรมตอนนี้เน้นย้ำถึงความเอาใจใส่อย่างพิถีพิถันในการเข้าเฝ้าพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ เป็นการประดับประดาภายนอกที่ทำให้ปุโรหิตมีสง่าราศี ความงามและความศักดิ์สิทธิ์ ในพระคัมภีร์ ภาคพันธสัญญาใหม่เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายดังกล่าวนำไปสู่ความงดงามภายในและความศักดิ์สิทธิ์มาจากพระวิญญาณของพระเจ้าผู้สถิตในใจคุณ
ในพิธีการสมัยพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมนี้ทุกอย่างจะต้องทวีคูณ นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาต้องการแกะสองตัว (29:1,3) แหวนทองคำสองวง (30:4) และที่สำคัญที่สุดคือลูกแกะสองตัว (29:38) การเพิ่มจำนวนเครื่องใช้และการเสียสละเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พวกเขาชี้ให้เห็นว่าการถวายเครื่องสัตว์บูชาหรือพิธีกรรมใด ๆ ไม่เพียงพอที่จะนำเราไปถึงพระเจ้าอย่างแท้จริงสองตัวดีกว่าตัวเดียวแต่ก็ยังไม่เพียงพอ
ผู้เขียนพระธรรมฮีบรูบอกเราว่ากฎระเบียบเหล่านี้ทั้งหมดถูกกำหนดไว้ ‘บัญญัติเดิมนั้นก็ได้ยกเลิกไปเพราะมีจุดอ่อนและไร้ประสิทธิภาพ’ (ฮีบรู 7:18) แทนที่จะมีลูกแกะสองตัว ลูกแกะที่สมบูรณ์ตัวหนึ่งถูกบูชายัญเพื่อเรา พระเยซู ‘พระองค์ทรงถวายเครื่องบูชาครั้งเดียวเป็นพอ เมื่อพระองค์ทรงถวายพระองค์เอง’ (ข้อ 27) เครื่องบูชาแบบทวีคูณจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป
การชดใช้เป็นสิ่งที่จำเป็น (อพยพ 29:33,37, 30:10,16) และต้องการ ‘เลือดของเครื่องบูชาไถ่บาป’ (30:10)
พระเยซูทรงหลั่งเลือดของพระองค์เองเพื่อเรา อาจารย์เปาโลอธิบายการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขนว่าเป็น ‘เครื่องบูชาไถ่บาป’ (โรม 3:25)
โดยการถวายเครื่องบูชาเท่านั้นที่ปุโรหิตจะสามารถเข้าใกล้แท่นบูชา ‘เพื่อปรนนิบัติ’ ได้ (อพยพ 30:20) ‘พันธกิจ’ หมายถึง การรับใช้พระเจ้า เป็นการเสียสละอย่างหนึ่งของพระเยซูบนไม้กางเขนที่ช่วยให้คุณสามารถมีส่วนร่วมในงานรับใช้ (การรับใช้พระเจ้าและผู้อื่น)
คำอธิษฐาน
ขอบคุณพระเยซูที่พระองค์เป็นลูกแกะที่สมบูรณ์แบบเพียงหนึ่งเดียวผู้ทรงยอมเสียสละพระองค์เพราะบาปของข้าพระองค์ครั้งแล้วครั้งเล่า ขอบคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์ไม่ต้องเสียสละแบบทวีคูณอีกต่อไป ขอบคุณที่บทเพลงสรรเสริญที่ยิ่งใหญ่กล่าวว่าข้าพระองค์ ‘ได้รับการไถ่ การรักษา การฟื้นฟูและการให้อภัย’
เพิ่มเติมโดยพิพพา
มาระโก 6:26
‘กษัตริย์ก็ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง แต่เพราะทรงปฏิญาณไว้แล้ว และเพราะเห็นแก่หน้าแขกจึงขัดไม่ได้’
มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะกลับไปบนบานศาลกล่าว แต่สิ่งที่ดีกว่าการทำอะไรผิด ๆ เฮโรดควรเตรียมพร้อมที่จะยอมรับความอับอายต่อหน้าแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำและทำลายคำสาบานของเขาหรือหาทางหลีกเลี่ยง คุณเคยถูกล่อลวงให้ทำสิ่งที่ผิดเพื่อรักษาหน้าไหม?
App
Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)