วัน 58

ชีวิตที่บริสุทธิ์ 6 ลักษณะ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 27:1-6
พันธสัญญาใหม่ มาระโก 9:33-10:22
พันธสัญญาเดิม เลวีนิติ 1:-3:17

เกริ่นนำ

คุณพยายามจัดเวลาให้พระเยซูเข้ากับตารางชีวิตของคุณหรือไม่? หรือคุณทำตารางชีวิตเข้ากับพระเยซู?

‘พระเจ้าไม่สามารถเชื่อมโยงเข้ากับแผนการของเราได้ เราต่างหากที่ต้องเชื่อมโยงเข้ากับแผนการของพระองค์’ ยูจีน ปีเตอร์สัน เขียนว่า ‘เราใช้พระเจ้าไม่ได้ พระเจ้าไม่ใช่เครื่องมือหรือเครื่องใช้หรือบัตรเครดิต ความบริสุทธิ์ของพระวจนะทำให้พระเจ้าแตกต่างและอยู่เหนือความพยายามของเราที่จะจำกัดพระองค์เพียงแค่ในจินตนาการแห่งความปรารถนาที่สมหวังหรือแผนการแห่งความสมบูรณ์แบบของเรา เพื่อสร้างชื่อเสียงในโลกนี้ บริสุทธิ์หมายความว่าพระเจ้ามีชีวิตอยู่บนเงื่อนไขของพระองค์ ซึ่งเกินกว่าประสบการณ์และจินตนาการของเรา บริสุทธิ์หมายถึงชีวิตที่ลุกโชนด้วยความบริสุทธิ์ที่รุนแรงซึ่งเปลี่ยนทุกสิ่งที่สัมผัสให้เป็นตัวของมันเอง’

คำว่า ‘บริสุทธิ์’ (คาโดช qadosh) ในภาษาฮีบรู อาจหมายถึง ‘แยก’ หรือ ‘แยกออกจากกัน’ มันถูกนำมาใช้เพื่ออธิบายถึง ‘ความเป็นอื่น’ ของพระเจ้า อุปนิสัยและพระลักษณะของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยมกว่า บุคคลหรือสิ่งอื่นใด สำหรับสิ่งอื่นที่จะ ‘บริสุทธิ์’ หมายถึงการอุทิศให้พระเจ้า คุณบริสุทธิ์ถึงขนาดที่อุทิศชีวิตให้กับพระองค์ และการกระทำของคุณสะท้อนให้เห็นถึงพระลักษณะของพระองค์ ความบริสุทธิ์และความสมบูรณ์มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดและพระเจ้าต้องการตลอดชีวิตของคุณ

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 27:1-6

บทเพลงแห่งความมั่นใจในชัยชนะ

ของดาวิด

1พระยาห์เวห์ทรงเป็นความสว่างและความรอดของข้าพเจ้า
 ข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใดเล่า?
พระยาห์เวห์ทรงเป็นที่กำบังอันแข็งแกร่งแห่งชีวิตข้าพเจ้า
 ข้าพเจ้าจะเกรงผู้ใดเล่า?
2เมื่อพวกคนชั่วมาหาข้าพเจ้า
 เพื่อจะกินเนื้อข้าพเจ้า
คือบรรดาคู่อริและศัตรูของข้าพเจ้า
 พวกเขาจะสะดุดและล้มลง
3แม้กองทัพตั้งค่ายสู้ข้าพเจ้า
 ใจข้าพเจ้าจะไม่กลัว
แม้สงครามถาโถมใส่ข้าพเจ้า
ข้าพเจ้ายังวางใจพระเจ้าอยู่
4ข้าพเจ้าทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระยาห์เวห์
 ซึ่งข้าพเจ้าจะเสาะแสวงหา
คือที่ข้าพเจ้าจะได้อยู่ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์
 ตลอดวันคืนแห่งชีวิตของข้าพเจ้า
เพื่อจะดูความงามของพระยาห์เวห์
 และเพื่อจะพินิจพิจารณาอยู่ในพระวิหารของพระองค์
5เพราะพระองค์จะทรงซ่อนข้าพเจ้าไว้ในที่ประทับของพระองค์
 ในยามยากลำบาก
พระองค์จะทรงกำบังข้าพเจ้าไว้ในที่กำบังแห่งพลับพลาของพระองค์
 พระองค์จะทรงตั้งข้าพเจ้าไว้สูงบนศิลา
6และบัดนี้ศีรษะของข้าพเจ้าจะเชิดขึ้น
 เหนือบรรดาศัตรูของข้าพเจ้าที่อยู่รอบข้าง
และข้าพเจ้าจะถวายเครื่องสัตวบูชาในพลับพลาของพระองค์ด้วยการโห่ร้องยินดี
 ข้าพเจ้าจะร้องเพลงและเล่นดนตรีสดุดีพระยาห์เวห์

อรรถาธิบาย

นมัสการพระเจ้าในความบริสุทธิ์ที่งดงาม

คุณจะใช้ชีวิตอย่างไรโดยปราศจากความกลัว?

ดาวิดมีเหตุผลมากมายที่ต้องกลัว เขาถูกล้อมรอบด้วย ‘คนป่าเถื่อน’ ‘คู่อริ’ และ ‘ศัตรูที่แข็งแกร่ง’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) แต่เขาบอกว่า ‘เราไม่กลัว ไม่มีใครและไม่มีอะไรต้องกลัว (ข้อ 1, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘เราใจเย็นเหมือนเด็กทารก ... สงบใจและใจเย็น’ (ข้อ 3, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คุณจะมั่นใจได้อย่างไรเมื่อเผชิญกับการต่อต้านและการโจมตี?

จุดสำคัญในชีวิตของเขาคือการนมัสการ เขามุ่งเน้นไปที่ ‘สิ่งหนึ่ง’ (ข้อ 4) นี่เป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งของเขา อย่าพยายามปรับให้พระเจ้าเข้ากับแผนการของคุณ วางแผนของคุณเกี่ยวกับลำดับความสำคัญของการนมัสการ

ดาวิดบรรยายถึงการนมัสการที่ยอดเยี่ยม สิ่งที่เขาต้องการทำมากกว่าสิ่งใดก็คือ ‘ดูความงามของพระยาห์เวห์ และเพื่อจะพินิจพิจารณาอยู่ในพระวิหารของพระองค์’ (ข้อ 4ข) ที่นั่นดาวิดจะ ‘ถวายเครื่องสัตวบูชาใน พลับพลาของพระองค์ด้วยการโห่ร้องยินดี (ท่าน) จะร้องเพลงและเล่นดนตรีสดุดีพระยาห์เวห์’ (ข้อ 6ข)

ผมชอบสำนวน ‘ความงามของพระยาห์เวห์’ (ข้อ 4ข) คำภาษากรีกสำหรับ ‘ความงาม’ (kalos) เป็นคำที่ใช้อธิบายทุกสิ่งที่พระเยซูทรงทำ (มาระโก 7:37) ดอสโตเอฟสกี้บรรยายว่าพระเยซู ‘งดงามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด’ พระเยซูมิได้มีแต่ความงามภายนอกที่ให้พวกเราได้เห็น (อิสยาห์ 53:2–3) แต่พระองค์มีความงามที่แตกต่างออกไป เป็นความงามในความบริสุทธิ์

เมื่อคุณแสวงหาพระเจ้าและจ้องมองความงามของพระองค์ในขณะนมัสการ พระองค์จะทรงยกคุณให้อยู่เหนือสิ่งรบกวนความกลัวและการล่อลวงทั้งหมด ดังที่ดาวิดกล่าวไว้ว่า ‘นั่นเป็นสถานที่ที่เงียบสงบและ ปลอดภัยเพียงแห่งเดียวท่ามกลางโลกที่มีเสียงดังอึกทึก... พระเจ้าทรงตั้งศีรษะและบ่าของข้าพระองค์ไว้เหนือผู้ที่พยายามฉุดข้าพระองค์ลง’ (สดุดี 27:5–6, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ ขอให้ข้าพระองค์ได้พักอาศัยอยู่ในพระนิเวศของพระองค์ตลอดชีวิตของข้าพระองค์เพื่อมองดูความงามของพระองค์

พันธสัญญาใหม่

มาระโก 9:33-10:22

ใครยิ่งใหญ่ที่สุด

 33พระองค์จึงเสด็จมายังเมืองคาเปอรนาอุม และเมื่อเข้าไปในบ้านแล้ว พระองค์ตรัสถามพวกสาวกว่า “ระหว่างทางพวกท่านโต้แย้งกันเรื่องอะไร?” 34พวกสาวกก็นิ่งอยู่ เพราะในระหว่างทางพวกเขาเถียงกันว่า ใครจะเป็นใหญ่กว่ากัน 35เมื่อพระองค์ทรงนั่งลงแล้ว ทรงเรียกสาวกสิบสองคนนั้นมาและตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าใครต้องการจะเป็นคนแรก ก็ให้คนนั้นเป็นคนสุดท้าย และเป็นคนปรนนิบัติคนทั้งหลาย” 36แล้วพระองค์จึงทรงเอาเด็กเล็กๆ คนหนึ่งมายืนท่ามกลางพวกสาวก และทรงอุ้มเด็กคนนั้นไว้ ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า 37“ใครก็ตามที่ยอมรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้คนหนึ่งในนามของเรา คนนั้นยอมรับเรา และใครก็ตามที่ยอมรับเรา คนนั้นก็ไม่เพียงแต่ยอมรับเราเท่านั้น แต่ยอมรับพระองค์ผู้ทรงใช้เรามาด้วย”

ผู้ที่ไม่ได้ต่อสู้พวกเราก็อยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเรา

 38ยอห์นทูลพระองค์ว่า “พระอาจารย์ พวกข้าพระองค์เห็นคนหนึ่งขับผีออกโดยพระนามของพระองค์ และพวกข้าพระองค์ห้ามเขา เพราะเขาไม่ได้ตามพวกเรามา” 39พระเยซูจึงตรัสว่า “อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าไม่มีใครทำการอัศจรรย์ในนามของเราแล้วเพียงชั่วครู่ก็จะสามารถพูดให้ร้ายเรา 40ใครก็ตามที่ไม่ได้ต่อสู้พวกเราย่อมอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเรา41เพราะเราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ใครก็ตามที่เอาน้ำถ้วยหนึ่งให้พวกท่านดื่มเพราะท่านทั้งหลายเป็นฝ่ายพระคริสต์ คนนั้นจะไม่ขาดบำเหน็จอย่างแน่นอน

การทดลองให้ทำบาป

 42“ถ้าใครทำให้ผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่งที่วางใจในเราหลงผิด ให้เอาหินโม่ก้อนใหญ่ผูกคอคนนั้นและโยนเขาลงในทะเลก็จะดีกว่า 43ถ้ามือของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดทิ้งเสีย การที่จะเข้าสู่ชีวิตด้วยมือด้วน ยังดีกว่ามีทั้งสองมือแต่ต้องลงไปสู่นรกในไฟที่ไม่มีวันดับ 45ถ้าเท้าของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดทิ้งเสีย การที่จะเข้าสู่ชีวิตด้วยเท้าด้วนยังดีกว่ามีเท้าทั้งสองข้างแต่ต้องถูกทิ้งลงนรก 47ถ้าตาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงควักออกทิ้งเสีย การที่จะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าด้วยตาข้างเดียวยังดีกว่ามีตาสองข้างแต่ต้องถูกทิ้งลงนรก 48ซึ่งเป็นที่ตัวหนอนไม่เคยตายและไฟไม่เคยดับเลย 49เพราะว่าทุกคนจะต้องถูกคลุกเคล้าด้วยไฟอย่างกับคลุกด้วยเกลือ 50เกลือเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหมดรสเค็มแล้วจะทำให้เค็มอีกได้อย่างไร ท่านทั้งหลายจงมีเกลือในตัวและจงอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข”

มาระโก 10

การตรัสสอนเรื่องการหย่าร้าง

 1พระเยซูทรงลุกขึ้นเสด็จออกจากที่นั่นไปยังเขตแดนแคว้นยูเดีย และเลยไปอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำจอร์แดน และฝูงชนพากันมาหาพระองค์อีก พระองค์จึงตรัสสั่งสอนพวกเขาตามที่พระองค์ทรงทำอยู่เสมอ
2พวกฟาริสีบางคนมาทดลองพระองค์ทูลถามว่า “การที่ผู้ชายจะหย่าภรรยาของตัวเองนั้นถูกต้องตามธรรมบัญญัติหรือไม่?” 3พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “โมเสสบัญญัติไว้ว่าอย่างไร?” 4พวกเขาทูลตอบว่า “โมเสสอนุญาต ให้ทำหนังสือหย่า แล้วปล่อยเธอไป แปลได้อีกว่า แล้วหย่าเธอ ” 5พระเยซูจึงตรัสตอบพวกเขาว่า “โมเสสเขียนบัญญัติข้อนั้นเพราะใจของพวกท่านดื้อดึง 6แต่เดิมเมื่อสร้างโลกนั้น พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์เป็นชายและหญิง 7เพราะเหตุนี้ผู้ชายจึงต้องละบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยา 8และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจะไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน 9เพราะฉะนั้นสิ่งที่พระเจ้าทรงผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์พรากออกจากกันเลย”
 10เมื่อเข้าไปในบ้านแล้ว พวกสาวกทูลถามพระองค์อีกถึงเรื่องนั้น 11พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าใครหย่าภรรยาของตนแล้วไปมีภรรยาใหม่ คนนั้นก็ทำผิดประเวณีต่อภรรยาเดิม 12และถ้าผู้หญิงจะหย่าสามีของตนแล้วไปมีสามีใหม่ นางก็ทำผิดประเวณี”

การทรงอวยพรเด็กเล็กๆ

 13ขณะนั้นมีบางคนพาเด็กเล็กๆ มาหาพระองค์เพื่อจะให้พระองค์สัมผัสตัวเด็กเหล่านั้น แต่พวกสาวกห้ามไว้ 14เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นอย่างนั้นก็ไม่พอพระทัย ตรัสกับพวกสาวกว่า “จงยอมให้เด็กเล็กๆ เข้ามาหาเรา อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้าเป็นของคนอย่างพวกเขา 15เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ใครที่ไม่ยอมรับแผ่นดินของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆ จะเข้าในแผ่นดินนั้นไม่ได้” 16แล้วพระองค์ทรงอุ้มเด็กเล็กๆ เหล่านั้น วางพระหัตถ์บนตัวพวกเขา แล้วทรงอวยพรให้พวกเขา

เศรษฐีคนหนึ่ง

 17เมื่อพระองค์กำลังจะเสด็จออกไปนั้น มีคนหนึ่งวิ่งมาหาพระองค์ คุกเข่าลงทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์ผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าจะทำอย่างไร ถึงจะได้ชีวิตนิรันดร์?” 18พระเยซูตรัสกับคนนั้นว่า “ท่านใช้คำว่าประเสริฐทำไม? ไม่มีใครประเสริฐนอกจากพระเจ้าองค์เดียว 19ท่านก็รู้จักบัญญัติแล้วที่ว่า ‘ห้ามฆ่าคน ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา ห้ามลักทรัพย์ ห้ามเป็นพยานเท็จ ห้ามโกงเขา จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า’ ” 20คนนั้นจึงทูลพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ บัญญัติเหล่านั้นข้าพเจ้าถือรักษาไว้ตั้งแต่เด็ก” 21พระเยซูทอดพระเนตรดูคนนั้น ทรงเอ็นดูภาษากรีกแปลตรงตัวว่า ทรงรักเขาแล้วตรัสว่า “ท่านยังขาดอยู่อย่างหนึ่ง จงไปขายบรรดาสิ่งของที่ท่านมีอยู่ แจกจ่ายให้กับคนยากจน ท่านจึงจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ แล้วจงกลับมาติดตามเรา” 22`เมื่อเขาได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของเขาก็สลด แล้วออกไปเป็นทุกข์ เพราะเขามีทรัพย์สิ่งของจำนวนมาก

อรรถาธิบาย

รับใช้พระเจ้าด้วยชีวิตที่บริสุทธิ์

ทัศนคติของเราที่มีต่อพันธกิจคริสเตียนและคริสตจักรอื่น ๆ ควรเป็นอย่างไร?

ความแตกแยกในหมู่สาวกของพระเยซูเริ่มต้นอย่างรวดเร็ว! เหล่าสาวกเริ่มโต้เถียงกันว่าใครคือผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด (9:33–34) ในบริบทนี้พระเยซูตรัสกับพวกเขาเกี่ยวกับคุณลักษณะของชีวิตแห่งความบริสุทธิ์

1. ความถ่อมตัว

พระเยซูบอกพวกเขาว่าอย่าแข่งขันเพื่อเป็นที่หนึ่ง สิ่งนี้มักเป็นการทดลองใจให้เปรียบเทียบกันและกัน ความอิจฉาและการชิงดีชิงเด่นกันเป็นอันตรายที่ใหญ่หลวง พระเยซูตรัสว่าถ้าคุณจะแข่งขันก็ควรจะได้ที่โหล่ ‘ถ้าใครต้องการจะเป็นคนแรก ก็ให้คนนั้นเป็นคนสุดท้าย และเป็นคนปรนนิบัติคนทั้งหลาย’ (ข้อ 35) ผู้นำถูกเรียกให้รับใช้ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน

2. ความรัก

‘พระองค์ทรงเอาเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งมายืนท่ามกลางพวกสาวก พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ใครก็ตามที่ยอมรับเด็กเล็กๆ เช่นนี้คนหนึ่งในนามของเรา คนนั้นยอมรับเรา”’ (ข้อ 36–37) จงรักและต้อนรับทุกคนแม้แต่คนที่ไม่สามารถทำอะไรคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กน้อย คนอ่อนแอ คนยากจน ในการทำเช่นนั้นคุณกำลังสำแดงความรักและต้อนรับพระเยซู

3. ความอดทน

พระเยซูทรงบอกสาวกว่าอย่าห้ามหรือตัดสินผู้อื่นที่ทำสิ่งต่าง ๆ ‘โดยพระนามของพระองค์’ เพียงเพราะพวกเขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มของคุณ (ข้อ 38–39,41) หรือทำสิ่งต่าง ๆ ในลักษณะที่แตกต่างจากสิ่งที่คุณทำ เป็นความผิดพลาดที่จะห้ามคริสเตียนคนอื่น นิกายอื่นหรือองค์กรอื่น ๆ เพราะพวกเขาไม่ได้ ‘ตามพวกเรามา’ (ข้อ 38)

4. วินัย

บางครั้งเราอดทนต่อบาปในชีวิตของเราเอง แต่ไม่อดทนต่อบาปของคนอื่น พระเยซูสอนให้เราอดทนอดกลั้นต่อผู้อื่น แต่ไม่อดทนต่อความบาปในชีวิตของเราเอง (ข้อ 42–49)

แน่นอนว่าพระเยซูไม่ได้พูดถึงการเข้าใจผิดตามตัวอักษร แต่พระองค์ใช้ภาษาเปรียบเปรยเกี่ยวกับสิ่งที่เราทำ (ด้วยมือของเรา ข้อ 43) สถานที่ที่เราไป (ด้วยเท้าของเรา ข้อ 45) และสิ่งที่เรามอง (ด้วยตาของเรา ข้อ 47) จงมีวินัยแน่วแน่และไม่อะลุ่มอล่วย และการเอาจริงเอาจังต่อความบาป เพราะความบาปมักนำไปสู่ความแตกแยก พระเยซูทรงเรียกเราให้ไม่ผ่อนปรนในการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์

5. สงบสุข

พระเยซูบอกพวกเขาว่าอย่าโต้เถียง แต่จงอยู่อย่างสงบสุข พระเยซูทรงปรารถนาให้สาวกของพระองค์ที่อยู่ร่วมกันเลิกโต้เถียงและ ‘อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข’ (ข้อ 50) ต่อมาพระองค์อธิษฐานขอให้สาวกเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อให้โลกเชื่อ (ยอห์น 17:21)

6. ความซื่อสัตย์

พระเยซูทรงเรียกเราให้ซื่อสัตย์ในชีวิตสมรส พระองค์ชี้ให้เห็นว่าการอนุญาตให้หย่าร้างของโมเสสเป็นเพียงการยินยอมและไม่ใช่คำสั่ง ความตั้งใจของพระเจ้าสำหรับการแต่งงานคือความซื่อสัตย์ตลอดชีวิต สามีภรรยาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันอย่างใกล้ชิดจน กลายเป็นเนื้อเดียวกัน ‘เขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจะไม่เป็นสองอีกต่อไป แต่เป็นเนื้อเดียวกัน’ (มาระโก 10:8) นี่คือที่มาของคำพูดที่ยอดเยี่ยมในการรับใช้ การแต่งงานซึ่งเกิดจากการร่วมมือกันและการปฏิญาณต่อกันและกัน ‘เพราะฉะนั้นสิ่งที่พระเจ้าทรงผูกพันกันแล้ว อย่าให้มนุษย์พรากออกจากกันเลย’ (ข้อ 9)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยข้าพระองค์ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ในการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์และพัฒนาคุณลักษณะของความอ่อนน้อมถ่อมตน ความรัก ความอดทนอดกลั้น ความมีระเบียบวินัย ความสงบ และความซื่อสัตย์

พันธสัญญาเดิม

เลวีนิติ 1:-3:17

เครื่องบูชาเผาทั้งตัว

 1พระยาห์เวห์ทรงเรียกโมเสส ตรัสกับท่านจากเต็นท์นัดพบว่า 2“จงพูดกับคนอิสราเอล และกล่าวแก่พวกเขาว่า เมื่อใครในพวกท่านนำเครื่องบูชามาถวายพระยาห์เวห์ ให้นำสัตว์เลี้ยงที่เป็นเครื่องบูชาของท่านมาจากฝูงโคหรือฝูงแพะแกะ
 3“ถ้าเครื่องบูชานี้เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวจากฝูงโค ก็ให้เขานำสัตว์ตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิมาที่ประตูเต็นท์นัดพบ และถวายสัตว์นั้นเพื่อเขาจะเป็นที่โปรดปรานต่อพระยาห์เวห์ 4ให้เขาเอามือวางบนหัวสัตว์ซึ่งเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว และเครื่องบูชาเผาทั้งตัวนั้นจะเป็นที่โปรดปรานเพื่อลบมลทินของเขา 5แล้วให้เขาฆ่าโคตัวผู้จากฝูงโคเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ส่วนบรรดาบุตรของอาโรนผู้เป็นปุโรหิตจะถวายเลือด และเอาเลือดมาประพรมแท่นบูชาทุกด้านซึ่งอยู่ตรงประตูเต็นท์นัดพบ 6ให้เขาถลกหนังเครื่องบูชาเผาทั้งตัวนั้นออก แล้วสับเป็นท่อนๆ 7แล้วบรรดาบุตรของอาโรนผู้เป็นปุโรหิตจะก่อไฟที่แท่น และเรียงฟืนบนไฟ 8แล้วจึงวางท่อนเนื้อ หัว และไขมันตามลำดับ ไว้บนฟืนเหนือไฟที่แท่นบูชา 9แต่ให้ผู้นำสัตว์มาถวายเอาน้ำล้างเครื่องในและขาสัตว์ให้เรียบร้อย แล้วปุโรหิตจึงเผาของทั้งหมดบนแท่นเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นพอพระทัยแด่พระยาห์เวห์
 10“ถ้าของถวายของเขามาจากฝูงแกะหรือฝูงแพะ ให้ผู้นั้นเลือกตัวผู้ที่ไม่มีตำหนิเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวมาถวาย 11ให้เขาฆ่าสัตว์นั้นที่ข้างแท่นบูชาด้านเหนือเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และบรรดาบุตรของอาโรนผู้เป็นปุโรหิตจะเอาเลือดสัตว์ประพรมแท่นบูชาทุกด้าน 12ให้ผู้ถวายสับสัตว์นั้นเป็นท่อนๆ และให้ปุโรหิตคนหนึ่งเรียง หัว ไขมัน และส่วนต่างๆ ไว้บนฟืนเหนือไฟบนแท่นบูชา 13แต่เครื่องในกับขานั้นให้ผู้ถวายบูชาล้างด้วยน้ำ และให้ปุโรหิตนำทั้งหมดเหล่านี้เผาบูชาด้วยกันบนแท่น เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นพอพระทัยแด่พระยาห์เวห์
 14“ถ้าเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์ของเขาเป็นนก ก็ให้ผู้นั้นนำนกเขาหรือนกพิราบมาถวาย 15ให้ปุโรหิตนำนกนั้นมาที่แท่นบูชา บิดหัวแล้วเผาบูชาบนแท่น ให้เลือดไหลออกมาข้างๆ แท่น 16และให้ดึงกระเพาะและฉีกเอาอาหารในกระเพาะออก ลงริมแท่นด้านตะวันออกในที่ที่ทิ้งมูลเถ้า 17และให้เขาจับปีกฉีกตัวนก โดยไม่ให้ขาดเป็นสองท่อน และปุโรหิตจะเผานกนั้นที่แท่นบนกองฟืนเหนือไฟ เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว คือเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นพอพระทัยแด่พระยาห์เวห์

เลวีนิติ 2

ธัญบูชา

 1“เมื่อใครนำธัญบูชามาเป็นเครื่องบูชาถวายแด่พระยาห์เวห์ ก็ให้เขานำแป้งอย่างดีมาถวาย ให้เขาเทน้ำมันลงบนแป้งและวางกำยานบนแป้งด้วย 2แล้วนำมาให้บรรดาบุตรของอาโรนผู้เป็นปุโรหิต ผู้ถวายบูชาจะหยิบแป้งอย่างดีเคล้าน้ำมันกำมือหนึ่งกับกำยานทั้งหมดออกมา และปุโรหิตจะเผาเครื่องบูชาส่วนนี้เป็นส่วนอนุสรณ์บนแท่น คือเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นพอพระทัยแด่พระยาห์เวห์ 3ส่วนธัญบูชาที่เหลือนั้นจะเป็นของอาโรนและของบรรดาบุตรของท่าน เป็นส่วนบริสุทธิ์อย่างยิ่งจากเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์vv 4“เมื่อท่านนำธัญบูชาที่เป็นขนมอบในเตาอบมาถวายเป็นเครื่องบูชา ให้เป็นขนมไร้เชื้อทำด้วยแป้งอย่างดีเคล้าน้ำมัน หรือขนมแผ่นไร้เชื้อทาน้ำมัน 5และถ้าเครื่องบูชาของท่านเป็นธัญบูชาปิ้งบนเหล็ก ก็ให้ทำด้วยแป้งอย่างดีไร้เชื้อเคล้าน้ำมัน 6ท่านจงหักขนมนั้นเป็นชิ้นเล็กๆ เทน้ำมันราดเป็นธัญบูชา 7ถ้าเครื่องบูชาของท่านเป็นธัญบูชาทอดในกระทะ ให้ทำด้วยแป้งอย่างดีเคล้าน้ำมัน 8จงนำธัญบูชาซึ่งทำจากสิ่งเหล่านี้มาถวายแด่พระยาห์เวห์ เมื่อนำมาให้ปุโรหิตแล้ว ปุโรหิตจะนำมายังแท่นบูชา 9และปุโรหิตจะหยิบส่วนอนุสรณ์ออกจากธัญบูชา และเผาบนแท่นเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นพอพระทัยแด่พระยาห์เวห์ 10ส่วนธัญบูชาที่เหลืออยู่นั้นให้เป็นของอาโรนและบรรดาบุตรของท่าน เป็นส่วนบริสุทธิ์อย่างยิ่งจากเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์
 11“บรรดาธัญบูชาซึ่งนำมาถวายแด่พระยาห์เวห์นั้น ห้ามมีเชื้อหมายถึง เชื้อขนมห้ามเผาเชื้อหรือน้ำผึ้งเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์ 12ถ้าพวกท่านจะนำทั้งสองอย่างนี้เป็นผลรุ่นแรกมาถวายแด่พระยาห์เวห์ก็ได้ แต่ห้ามเผาถวายบนแท่น เพื่อให้เป็นกลิ่นที่พอพระทัย 13ท่านจงปรุงบรรดาธัญบูชาโดยใส่เกลือ ห้ามให้เกลือแห่งพันธสัญญากับพระเจ้าของท่านขาดเสียจากธัญบูชาของท่าน จงถวายเกลือพร้อมกับบรรดาเครื่องบูชาของท่าน
 14“ถ้าท่านนำธัญบูชาที่เป็นผลรุ่นแรกมาถวายแด่พระยาห์เวห์ ท่านจงถวายรวงใหม่ๆ ย่างไฟให้แห้ง บดเมล็ดให้ละเอียดเป็นธัญบูชาที่เป็นผลรุ่นแรก 15ท่านจงใส่น้ำมันและวางเครื่องกำยานไว้บนนั้นเป็นธัญบูชา 16ปุโรหิตจะเอาส่วนอนุสรณ์ของเมล็ดที่บดคลุกน้ำมันวางบนกำยานทั้งหมดเผาถวายเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์

เลวีนิติ 3

ศานติบูชา

 1“ถ้าเครื่องบูชาของคนหนึ่งเป็นศานติบูชา ให้เขาถวายโคตัวผู้หรือโคตัวเมียจากฝูง ให้เขาถวายสัตว์ตัวที่ไม่มีตำหนิแด่พระยาห์เวห์ 2ให้เขาเอามือวางบนหัวของสัตว์ตัวที่จะถวาย และจงฆ่าที่ประตูเต็นท์นัดพบ บรรดาบุตรของอาโรนผู้เป็นปุโรหิตจะเอาเลือดประพรมแท่นบูชาทุกด้าน 3ให้เขานำไขมันของศานติบูชามาถวาย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์ คือไขมันที่หุ้มเครื่องในและไขมันทั้งหมดที่อยู่บนเครื่องใน 4และให้เขาตัดไตทั้งสองพร้อมไขมันที่หุ้มอยู่ซึ่งอยู่ที่บั้นเอวนั้น และให้เขาตัดไขที่อยู่เหนือตับนั้นออกพร้อมกับไต 5บรรดาบุตรของอาโรนจะเผาสิ่งเหล่านี้ที่แท่นบูชาบนเครื่องบูชาเผาทั้งตัวซึ่งอยู่บนฟืนเหนือไฟ เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นพอพระทัยแด่พระยาห์เวห์
 6“ถ้าเครื่องบูชาของเขามาจากฝูงแพะแกะเพื่อเป็นศานติบูชาแด่พระยาห์เวห์ให้เขาถวายสัตว์ตัวผู้หรือตัวเมีย ที่ไม่มีตำหนิ 7ถ้าเขาจะถวายลูกแกะเป็นเครื่องบูชา ก็ให้นำมาถวายแด่พระยาห์เวห์ 8ให้เขาเอามือวางบนหัวของสัตว์และฆ่าที่หน้าเต็นท์นัดพบ และบรรดาบุตรของอาโรนจะเอาเลือดของสัตว์ประพรมที่แท่นและทุกด้านของแท่นบูชา 9ให้เขานำไขมันของศานติบูชามาถวายเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟแด่พระยาห์เวห์ คือหางอ้วนใหญ่ทั้งหางแกะพันธุ์ที่นำมาถวายบูชานี้เป็นพันธุ์ที่มีหางใหญ่และมีไขมันบริเวณหางมากที่ติดกระดูกสันหลัง และไขมันที่หุ้มเครื่องในและไขมันทั้งหมดที่อยู่บนเครื่องใน 10ส่วนไตทั้งสองและไขมันที่ติดอยู่กับไตซึ่งอยู่ที่บั้นเอว และให้เขาตัดไขที่อยู่เหนือตับนั้นออกพร้อมกับไต 11และปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นเป็นอาหาร เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์
 12“ถ้าเครื่องบูชาของเขาเป็นแพะก็ให้นำมาถวายเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 13ให้เขาเอามือวางบนหัวของสัตว์ และฆ่าที่หน้าเต็นท์นัดพบ และบรรดาบุตรของอาโรนจะเอาเลือดของสัตว์ประพรมที่แท่นและทุกด้านของแท่นบูชา 14แล้วให้เขานำสิ่งเหล่านี้จากเครื่องบูชา เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์ คือไขมันที่หุ้มเครื่องใน และไขมันทั้งหมดที่อยู่บนเครื่องใน 15ส่วนไตทั้งสองและไขมันที่ติดอยู่กับไตซึ่งอยู่ที่บั้นเอว และให้เขาตัดไขที่อยู่เหนือตับนั้นออกพร้อมกับไต 16และปุโรหิตจะเผาสิ่งเหล่านี้บนแท่นเป็นอาหาร เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟ เป็นกลิ่นพอพระทัย ไขมันทั้งหมดเป็นของพระยาห์เวห์ 17ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรตลอดชั่วชาติพันธุ์ของท่านทั้งหลาย และทุกแห่งที่ท่านอาศัยอยู่ว่า ห้ามท่านทั้งหลายรับประทานไขมันหรือเลือด”

อรรถาธิบาย

จงบริสุทธิ์เหมือนองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์

คุณจะมีชีวิตที่บริสุทธิ์ได้อย่างไรเมื่อโลกรอบตัวไม่บริสุทธิ์?

ในขณะที่ประชากรของพระเจ้ากำลังจะเข้าสู่ดินแดนแห่งพันธสัญญา ยูจีน ปีเตอร์สัน ได้อธิบายตอนหนึ่งว่าเป็น ‘การหยุดเล่าเรื่อง’ ‘การเว้นระยะเวลาจากการเรียนการสอนที่ยาวนาน การจัดเตรียมอย่างละเอียดและพิถีพิถันเพื่อดำเนินชีวิตที่ “บริสุทธิ์” ในวัฒนธรรมที่ไม่มีความคิดที่ชัดเจนที่สุดว่า “บริสุทธิ์” คืออะไร’

‘ประการแรก’ เขาเขียนว่า ‘ทุกรายละเอียดในชีวิตของเราได้รับผลกระทบจากการทรงสถิตของพระเจ้าผู้ทรงบริสุทธิ์นี้’ คุณได้รับเรียกให้เข้าสู่ความบริสุทธิ์ในทุกแง่มุมของชีวิตในแบบวันต่อวัน ประการที่สองเขากล่าวต่อว่า ‘พระเจ้าทรงจัดเตรียมหนทาง (เครื่องบูชาและงานเลี้ยงฉลองและวันสะบาโต) เพื่อนำทุกสิ่งที่เข้ามาและเกี่ยวกับเราไปสู่ที่ประทับอันบริสุทธิ์ของพระองค์เปลี่ยนเป็นเปลวไฟอันร้อนแรงของผู้บริสุทธิ์’

ภาษาที่เขียนในพระธรรมเลวีนิติฟังดูแปลกมากสำหรับเราในปัจจุบัน ในข้อกำหนดนั้นจำเป็นต้องใช้เครื่องบูชาที่สมบูรณ์ ‘ไม่มีตำหนิ’ (1:3) ผ่านการเผาทั้งตัวเพื่อ ‘ลบมลทิน’ ถูกกำหนดขึ้น (ข้อ 4) ในเชิงสัญลักษณ์ โดยการวางมือบนหัวของวัว แพะและลูกแกะ (ตัวอย่างเช่น 3:2,8) บาปได้ส่งผ่านไปยังผู้แทนที่ซึ่งจะถูกถวายเป็นเครื่องบูชาในนามของมนุษย์ ดังนั้นเลือดของเครื่องบูชามีความสำคัญอย่างยิ่ง (1:5, 3:2,8,13)

ทั้งหมดนี้สามารถเข้าใจได้อย่างสมบูรณ์ในแง่ของพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เท่านั้น ผู้เขียนชาวฮีบรูบอกเราว่า ‘ถ้าไม่มีโลหิตไหลออกแล้ว ก็จะไม่มีการยกโทษบาปเลย’ (ฮีบรู 9:22) เขาบอกเราว่าธรรมบัญญัติคือ ‘แบบจำลอง’ (ข้อ 23) และ ‘เงา’ (10:1) กล่าวอีกนัยหนึ่งนี่เป็นเพียงการคาดเดาและภาพของสิ่งที่ยิ่งใหญ่และยอดเยี่ยมมากขึ้น

เขาเขียนว่า ‘เพราะเหตุที่ธรรมบัญญัติเป็นเพียงเงาของสิ่งประเสริฐทั้งหลายที่จะมาในภายหลัง ไม่ใช่ตัวจริง ... เพราะเลือดวัวผู้และเลือดแพะไม่มีทางชำระบาปให้หมดสิ้นไปได้เลย’ (ข้อ 1,4)

ทั้งหมดนี้นำไปสู่ ‘การถวายพระกายของพระเยซูคริสต์เพียงครั้งเดียวเพื่อทุกคน’ (ข้อ 10) ‘โดยการถวายบูชาเพียงครั้งเดียว พระองค์ก็ทรงทำให้คนทั้งหลายที่ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้วนั้นถึงความสมบูรณ์ตลอดไป’ (ข้อ 14) เราได้รับการให้อภัยทั้งหมด ‘เมื่อมีการยกโทษบาปแล้ว ก็ไม่มีการถวายเครื่องบูชาเพื่อลบบาปอีกต่อไป’ (ข้อ 18)

ดังนั้น พระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่จึงบอกเราว่าไม่จำเป็นต้องเสียสละอะไรอีกต่อไป อย่างไรก็ตามพวกเขาสร้างพื้นหลังของการเสียสละของพระเยซู และช่วยให้เราเข้าใจว่ามันน่าอัศจรรย์เพียงใด ความบริสุทธิ์ เริ่มต้นด้วยการให้ความเชื่อของคุณในสิ่งที่พระเยซูทรงทำเพื่อคุณ และขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์เข้ามาในชีวิตของคุณเพื่อช่วยให้คุณเริ่มดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์

เพื่อเป็นการขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งที่พระเจ้าได้ทำเพื่อคุณโดยการเสียสละของพระเยซูในนามของคุณ จงถวายร่างกายของคุณเป็น ‘เครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน’ (โรม 12:1–2 )

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้าผู้เต็มไปด้วยการขอบพระคุณและการสรรเสริญ ข้าพระองค์ขอมอบร่างกายของข้าพระองค์ให้เป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต โปรดช่วยลูกด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ ผู้ที่ประทับอยู่ในข้าพระองค์ให้บริสุทธิ์เหมือนพระองค์ผู้ทรงบริสุทธิ์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

พระเยซูตรัสว่า ‘จงอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข’ (มาระโก 9:50) นั่นจะช่วยแก้ปัญหาส่วนใหญ่ในโลกได้!

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม