วัน 69

อะไรอยู่ในใจคุณ?

ปัญญานิพนธ์ สุภาษิต 6:30-35
พันธสัญญาใหม่ มาระโก 14:43-72
พันธสัญญาเดิม เลวีนิติ 19:1-20:27

เกริ่นนำ

เจ้าของรางวัลโนเบลและนักเขียนวรรณกรรมคนสำคัญชาวรัสเซียในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 อเล็กซานเดอร์ โซลเซนิตซิน (1918-2008) เขาถูกจำคุกเป็นเวลา 8 ปีเนื่องจากการวิพากษ์วิจารณ์สตาลิน เขาเขียนไว้ว่า ‘เส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วนั้น ไม่ได้แบ่งด้วยสถานะ หรือชนชั้น หรือพรรคการเมือง แต่แบ่งด้วยหัวใจของมนุษย์ทุกคน’

พวกเราทุกคนถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาของพระเจ้า มนุษย์มีความสามารถในการแสดงความรัก ความกล้าหาญ และความเป็นผู้กล้า แต่ไม่มีพวกเราสักคนเดียว (นอกจากพระเยซู) ที่ปราศจากความบาป คุณรู้หรือไม่ว่าคุณมีอะไรอยู่ในใจ?

ปัญญานิพนธ์

สุภาษิต 6:30-35

30คนเขาไม่ดูหมิ่นขโมย
 ถ้าขโมยเข้าลัก เพื่อบรรเทาความอยากเมื่อเขาหิว
31ถ้าเขาถูกจับได้ เขาต้องชำระคืนเจ็ดเท่า
 เขาจะต้องให้สิ่งของทั้งสิ้นในบ้านของเขา
32ชายที่ล่วงประเวณี ย่อมไม่มีสามัญสำนึก
 ใครทำอย่างนั้นก็ทำลายตนเอง
33เขาจะได้แผลและความอัปยศ
 และความอดสูของเขาจะลบล้างไม่ได้เลย
34เพราะความหวงแหนทำให้สามีเกรี้ยวกราด
 ในวันที่เขาแก้แค้น เขาจะไม่เพลามือ
35เขาจะไม่รับค่าทำขวัญใดๆ
 ถึงเจ้าจะทวีของกำนัล เขาก็ไม่ยอมสงบ

อรรถาธิบาย

ใจของคุณและความอ่อนแอของตัวมันเอง

ความบาปทั้งสิ้นล้วนละเมิดธรรมบัญญัติของพระเจ้า ดังนั้นความบาปจึงเป็นสิ่งที่ร้ายแรงมาก แต่ความบาปนั้นมีลำดับในตัวมันเอง ความบาปบางอย่างนั้นเลวร้ายกว่าบาปอื่น ๆ มากนัก

ผู้เขียนพระธรรมสุภาษิตชี้ให้เห็นถึงประเด็นนี้โดยการใช้ตัวอย่างของชายคนหนึ่งที่เป็นขโมยเพราะเขาหิว ใช่แล้ว แม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่ผิดและมีการจ่ายราคา (ข้อ 30-31)

แต่ผู้เขียนกล่าวว่าการล่วงประเวณีนั้นร้ายแรงกว่ามาก มันนำไปสู่ ‘ความอัปยศ’ (ข้อ 33ข) ‘ความหวงแหน’ (ข้อ 34ก) ‘แก้แค้น’ (ข้อ 34ข) และเป็นการทำลายชีวิต โดยเฉพาะชีวิตของผู้ที่ล่วงประเวณีเอง: ‘ทำลายจิตวิญญาณ ทำลายตนเอง... ทำลายชื่อเสียงชั่วนิรันดร์’ (ข้อ 32-33, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

ผู้เขียนกล่าวว่า ‘เพราะความหวงแหนทำให้สามีเกรี้ยวกราด ในวันที่เขาแก้แค้น เขาจะไม่เพลามือ’ (ข้อ 34) ธรรมชาติของมนุษย์นั้นไม่เปลี่ยนแปลงนานนับหลายพันปี

ไม่มีอะไรผิดในเรื่องเพศหรือเรื่องเงิน แต่มีการทดลองมากมายอยู่รอบ ๆ ทั้งสองสิ่งนี้ ธรรมบัญญัติหลาย ๆ ข้อในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมในวันนี้ได้ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อจำกัดขอบเขตคุ้มครองการใช้อย่างเหมาะสม

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับของขวัญซึ่งพระองค์ทรงประทานให้แก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย และขอบเขตที่พระองค์ทรงให้ไว้เพื่อการใช้อย่างเหมาะสม ขอพระองค์อย่าทรงนำข้าพระองค์ไปสู่การทดลอง แต่ปลดปล่อยข้าพระองค์จากสิ่งชั่วร้าย

พันธสัญญาใหม่

มาระโก 14:43-72

การทรยศและการจับกุมพระเยซู

 43พระองค์ตรัสยังไม่ทันขาดคำ ทันใดนั้นยูดาสซึ่งเป็นคนหนึ่งในพวกสาวกสิบสองคนนั้น ก็มาหาพระองค์พร้อมกับฝูงชนที่ถือดาบถือไม้ตะบอง ซึ่งเป็นคนของพวกหัวหน้าปุโรหิต พวกธรรมาจารย์ และพวกผู้ใหญ่ 44คนที่ทรยศพระองค์ก็ให้สัญญาณกับพวกเขาว่า “เราจูบคำนับใครก็คือคนผู้นั้นแหละ จงจับและคุมตัวเขาไปให้แน่นหนา” 45แล้วยูดาสก็ตรงเข้ามาหาพระองค์ทันที ทูลว่า “พระอาจารย์” และจูบพระองค์ 46คนเหล่านั้นก็เข้าไปจับกุมพระองค์ 47แต่มีคนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่นั่นชักดาบออกฟันหูทาสของมหาปุโรหิตขาด 48พระเยซูตรัสกับคนเหล่านั้นว่า “พวกท่านเห็นเราเป็นโจรหรือ ถึงได้ถือดาบถือตะบองออกมาจับเรา 49เราอยู่กับพวกท่านทุกวันและสั่งสอนในบริเวณพระวิหาร แต่พวกท่านก็ไม่ได้จับเรา แต่ทุกอย่างจะต้องสำเร็จตามพระคัมภีร์” 50แล้วสาวกทั้งหมดก็ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป

ชายหนุ่มคนที่หนีไป

 51มีชายหนุ่มคนหนึ่งนุ่งห่มเพียงแค่ผ้าป่านผืนหนึ่งตามพระองค์ไป คนเหล่านั้นก็จับชายหนุ่มคนนั้น 52แต่เขาสลัดผ้าป่านผืนนั้นทิ้งแล้วเปลือยกายหนีไป

พระเยซูทรงอยู่ต่อหน้าสภายิว

 53พวกเขานำตัวพระเยซูไปยังมหาปุโรหิต มีพวกหัวหน้าปุโรหิต พวกผู้ใหญ่ และพวกธรรมาจารย์ชุมนุมพร้อมกันอยู่ที่นั่น 54ส่วนเปโตรนั้นติดตามพระเยซูไปห่างๆ จนเข้าไปถึงลานบ้านของมหาปุโรหิต ไปนั่งผิงไฟอยู่กับพวกทหารยาม 55พวกหัวหน้าปุโรหิตกับบรรดาสมาชิกสภากำลังหาพยานมาปรักปรำพระเยซู เพื่อจะได้ประหารพระองค์ แต่หาหลักฐานไม่ได้ 56เพราะว่ามีหลายคนมาเป็นพยานเท็จปรักปรำพระองค์ แต่คำให้การของพวกเขาแตกต่างกัน 57บางคนยืนขึ้นเบิกความเท็จปรักปรำพระองค์ว่า 58“ข้าพเจ้าได้ยินคนนี้กล่าวว่า ‘เราจะทำลายพระวิหารนี้ที่สร้างไว้ด้วยมือมนุษย์ และภายในสามวันเราจะสร้างวิหารอีกหลังหนึ่งที่ไม่ได้ถูกสร้างด้วยมือมนุษย์’” 59แม้แต่ในเรื่องนี้คำพยานของคนเหล่านั้นก็ยังไม่ตรงกัน 60มหาปุโรหิตจึงลุกขึ้นยืนท่ามกลางที่ชุมนุมถามพระเยซูว่า “เจ้าไม่แก้ตัวในข้อหาที่พยานเขาตั้งมานี้หรือ?” 61แต่พระองค์ทรงนิ่งอยู่ไม่ได้ตอบประการใด มหาปุโรหิตจึงถามพระองค์อีกว่า “เจ้าเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้สมควรแก่การนมัสการหรือ?” 62พระเยซูทรงตอบว่า “เราเป็น
และ ท่านทั้งหลายจะเห็นบุตรมนุษย์
ประทับข้างขวาของผู้ทรงฤทธิ์เดช

และเสด็จมาในเมฆแห่งฟ้าสวรรค์”
 63มหาปุโรหิตจึงฉีกเสื้อของตนแล้วกล่าวว่า “เราต้องการพยานอะไรอีก? 64ท่านทั้งหลายได้ยินเขาพูดหมิ่นประมาทพระเจ้าแล้ว ท่านทั้งหลายคิดอย่างไร?” คนทั้งหลายจึงเห็นพร้อมกันว่าควรจะลงโทษถึงตาย65บางคนเริ่มถ่มน้ำลายรดพระองค์ ปิดพระพักตร์พระองค์ ทุบตีพระองค์ แล้วพูดกับพระองค์ว่า “ทำนายซิ” และพวกทหารยามก็เอามือตบพระองค์

เปโตรปฏิเสธพระเยซู

 66ระหว่างที่เปโตรอยู่ที่ลานบ้านข้างล่าง มีหญิงคนหนึ่งในพวกสาวใช้ของมหาปุโรหิตเดินมา 67เมื่อเห็นเปโตรผิงไฟอยู่ นางจ้องมองแล้วพูดว่า “เจ้าอยู่กับเยซูชาวนาซาเร็ธด้วยนี่” 68แต่เปโตรปฏิเสธว่า “ที่เจ้าพูดนั้นข้าไม่รู้เรื่องและไม่เข้าใจ” เปโตรจึงออกไปที่ประตูบ้าน แล้วไก่ก็ขัน 69เมื่อสาวใช้คนนั้นเห็นเปโตร ก็พูดขึ้นอีกกับคนที่ยืนอยู่ว่า “คนนี้เป็นพวกเขาด้วย” 70แต่เปโตรปฏิเสธอีก ครู่หนึ่งคนทั้งหลายที่ยืนอยู่ที่นั่นก็พูดกับเปโตรอีกว่า “เจ้าเป็นคนหนึ่งในพวกนั้นแน่ๆ เพราะว่าเจ้าเป็นชาวกาลิลี” 71แต่เปโตรเริ่มสบถสาบานใหญ่ว่า “คนที่เจ้าพูดถึงนั้นข้าไม่รู้จัก” 72ทันใดนั้นไก่ก็ขันเป็นครั้งที่สอง เปโตรจึงระลึกถึงถ้อยคำที่พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ก่อนไก่ขันสองหน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” เปโตรกลั้นความรู้สึกไม่อยู่ก็ร้องไห้

อรรถาธิบาย

ใจของคุณและผลของมัน

ธรรมชาติความบาปของมนุษย์นั้นนำไปสู่การสิ้นพระชนม์ของพระเยซู ความท้าทายคือการใช้ชีวิตที่แตกต่างออกไป:

1.\tจงเป็นของแท้

ยูดาสทรยศพระเยซูด้วยการจูบ เขากล่าวว่า ‘เราจูบคำนับใครก็คือคนผู้นั้นแหละ’ (ข้อ 44ก) เขาเข้ามาหาพระเยซูและ ‘จูบพระองค์’ (ข้อ 45)

ในภาษากรีก คำว่าหน้าซื่อใจคดมีความหมายเหมือนคำว่าหน้ากาก (คำว่าหน้ากาก ในกรีกโบราณใช้ สำหรับการแสดง) ภายนอกนั้นยูดาสสวมหน้ากากแห่งความรักเข้าหาพระเยซู แต่ในความเป็นจริงเขากำลังทรยศพระองค์อันนำไปสู่ถูกตรึงกางเขน การจูบเป็นการแสดงถึงความหน้าซื่อใจคดอย่างถึงที่สุด

จอยซ์ ไมเยอร์เขียนเรื่องที่ชื่อว่า ‘Judas kiss test’ คือบททดสอบของการถูกทรยศโดยเพื่อนที่เรารัก เคารพ และไว้ใจ คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในตำแหน่งของผู้นำมักจะประสบกับสิ่งนี้ คุณต้อง ‘ให้อภัยผู้ที่กระทำผิด และไม่ปล่อยให้เขาหรือเธอมาเป็นเหตุทำให้คุณล้มเหลว หรือล่าช้าในการทำสิ่งที่พระเจ้าทรงเรียกให้คุณทำ’

2.\tจงพูดความจริง

เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่ใช้ในการต่อต้านพระเยซู พวกเขาจึงต้องพึ่งพาพยานเท็จ ทว่าดูเหมือนหลายคนพร้อมที่จะเป็นพยานปรักปรำพระองค์ (ข้อ 56) จากการทำงานเป็นทนายความผมได้เห็นกับตาตนเองว่ามีบางคนยังคงเตรียมที่จะ ‘ให้การเท็จ’ ในศาล

3.\tจงต่อสู้กับการทุจริต

ผู้พิพากษาที่ทุจริตยังคงเป็นรูปแบบของโลกในปัจจุบัน พวกเขารู้หรือควรจะรู้ว่าพระเยซูทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ ‘คนทั้งหลายจึงเห็นพร้อมกันว่าควรจะลงโทษถึงตาย’ (ข้อ 64ข) มันจะต้องแย่มากที่ต้องใช้ชีวิตในสังคมที่ปราศจากหลักนิติธรรม ในสังคมที่ซึ่งผู้พิพากษานั้นไม่สามารถเชื่อถือได้

4.\tจงยอมรับพระเยซู

ผมรู้สึกเห็นใจอย่างที่สุดที่เปโตรปฏิเสธพระเยซู เขามีความตั้งใจจริงที่จะไม่ทำเช่นนั้นแต่เขาก็ล้มเหลว ผมรู้ว่าธรรมชาติของมนุษย์ในตัวผมนั้นอ่อนแอเพียงใดการปฏิเสธพระเยซูของเปโตรนั้นมาจากตัวของเปโตรเองผู้ซึ่งเป็นคนเปิดกว้างเป็นพิเศษและเป็นคนอ่อนแอ เขาได้แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอและความล้มเหลวของตัวเอง

เมื่อพระเยซูทรงเผชิญกับปัญหาหนัก ‘สาวกทั้งหมดก็ละทิ้งพระองค์ไว้และพากันหนีไป’ (ข้อ 50)

อย่างไรก็ดีเปโตรมีความกล้าหาญและมุ่งมั่นที่จะติดตามพระเยซูไป ‘จนเข้าไปถึงลานบ้านของมหาปุโรหิต’ (ข้อ 54) แม้ว่าจะติดตามไปห่าง ๆ เพื่อจะได้มองเห็นพระเยซูและการสอบสวนก็ตาม ผมสงสัยว่าเมื่อมาถึง จุดนี้ผมอาจจะอยู่กับเหล่าสาวกคนอื่น ๆ ซึ่งอยู่ระหว่างทางไปกาลิลี!

กระนั้น มีพระคำที่ไม่อาจลืมได้เกี่ยวกับการปล่อยใจตัวเองของอัครสาวกเปโตรผู้ยิ่งใหญ่ ในขณะที่พระเยซูผู้ทรงเป็นเพื่อนและผู้นำของเขาถูกสอบสวนอยู่ เปโตร ‘ไปนั่งผิงไฟอยู่กับพวกทหารยาม’ (ข้อ 54,67)

เมื่อเปโตรเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับพระเยซู และสิ่งที่พระองค์จะต้องทนทุกข์ เปโตรก็ยิ่งห่างจากพระเยซูออกไป (ข้อ 54ก) เมื่อเขาได้เริ่มไปในทิศทางนั้น ขั้นต่อไปก็คือการปฏิเสธพระองค์ เส้นทางนี้นำเขาไปสู่การโกหก เขาจบลงด้วยการกล่าวว่า ‘คนที่เจ้าพูดถึงนั้นข้าไม่รู้จัก’ (ข้อ 71ข)

ผมแน่ใจว่าเปโตรไม่ได้ตั้งใจปล่อยให้เรื่องเลยเถิดไปไกลเมื่อเขารักษาระยะห่างจากพระเยซู แต่สำหรับพวกเราทุกคน บาปอย่างหนึ่งนำเราไปสู่อีกบาปหนึ่งได้อย่างง่ายดายก่อนที่เราจะรู้ตัวและเราก็จบลงด้วย การทำสิ่งที่เราต้องเสียใจเป็นอย่างมาก เมื่อเปโตรรู้ตัวว่าเขาได้ทำอะไรลงไป ‘เปโตรกลั้นความรู้สึกไม่ อยู่ก็ร้องไห้’ (ข้อ 72ค)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับการทรงหนุนใจ ที่แม้กระทั่งอัครสาวกเปโตรเคยล้มเหลว และผิดพลาดเพียงไร แต่พระองค์ยังทรงให้อภัยเขา ฟื้นฟูเขาและทรงใช้เขาอย่างอานุภาพ ขอบคุณพระองค์สำหรับพระคุณอันแสนยิ่งใหญ่ของพระองค์

พันธสัญญาเดิม

เลวีนิติ 19:1-20:27

ความบริสุทธิ์ทางพิธีกรรมและศีลธรรม

 1พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 2“จงกล่าวแก่ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดว่า เจ้าทั้งหลายต้องบริสุทธิ์ เพราะเรายาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์ 3พวกเจ้าทุกคนต้องเคารพมารดาและบิดาของตน และต้องรักษาบรรดาสะบาโตของเรา เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า 4อย่าหันไปนับถือรูปเคารพ และห้ามหล่อรูปเคารพไว้สำหรับตน เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
 5“เมื่อพวกเจ้าถวายศานติบูชาแด่พระยาห์เวห์ จงถวายเพื่อให้เจ้าเป็นที่โปรดปราน 6จงรับประทานเครื่องบูชานั้นเสียในวันที่พวกเจ้าถวายบูชา หรือในวันรุ่งขึ้น ถ้ามีส่วนใดเหลืออยู่จนวันที่สาม จงเผาไฟเสีย 7ถ้าเอาเครื่องบูชานั้นมารับประทานในวันที่สามก็เป็นที่พึงรังเกียจและจะไม่ได้รับการโปรดปราน 8และคนที่รับประทานเครื่องบูชานั้นต้องรับโทษของตน เพราะเขาได้ทำให้ของถวายที่บริสุทธิ์ของพระยาห์เวห์เป็นมลทิน ให้ไล่ผู้นั้นออกจากชนชาติของตน
 9“เมื่อเจ้าทั้งหลายเก็บเกี่ยวผลผลิตในไร่นา ห้ามเกี่ยวเก็บผลผลิตที่ขอบไร่นาจนหมด เมื่อเกี่ยวแล้วก็ห้ามเก็บเมล็ดที่ตกหล่น 10ห้ามเก็บผลที่สวนองุ่นจนหมด ห้ามเก็บองุ่นที่ตกในสวนของเจ้า จงเหลือไว้ให้คนยากจนและคนต่างด้าวบ้าง เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
 11“ห้ามลักทรัพย์ ห้ามโกง ห้ามมุสาต่อกัน 12ห้ามสาบานออกนามของเราเป็นความเท็จ ทำให้พระนามพระเจ้าของเจ้าเป็นที่เหยียดหยาม เราคือยาห์เวห์ 13“ห้ามบีบคั้นเพื่อนบ้านหรือปล้นเขา ห้ามให้ค่าจ้างของลูกจ้างค้างอยู่กับเจ้าจนถึงรุ่งเช้า 14ห้ามแช่งคนหูหนวก ห้ามวางของให้คนตาบอดสะดุด แต่จงยำเกรงพระเจ้าของเจ้า เราคือยาห์เวห์
 15“ห้ามพิพากษาด้วยความอยุติธรรม ห้ามลำเอียงเข้าข้างคนจนหรือเห็นแก่หน้าผู้เป็นใหญ่ แต่เจ้าจงพิพากษาเพื่อนบ้านของเจ้าด้วยความชอบธรรม 16ห้ามเทียวขึ้นเทียวล่องคอยส่อเสียดท่ามกลางชนชาติของตน และห้ามปองร้ายต่อชีวิตของเพื่อนบ้าน เราคือยาห์เวห์
 17“ห้ามเกลียดชังพี่น้องของเจ้าอยู่ในใจ แต่เจ้าจงตักเตือนเพื่อนบ้านของเจ้า เพื่อเจ้าจะไม่ต้องรับโทษเพราะเขา 18ห้ามแก้แค้นหรือผูกพยาบาทลูกหลานคนชาติเดียวกับเจ้า แต่จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง เราคือยาห์เวห์
 19“จงรักษากฎเกณฑ์ของเรา ห้ามผสมพันธุ์สัตว์ต่างชนิดกัน ห้ามหว่านพืชสองชนิดปนกันในไร่นาของเจ้า ห้ามใช้เครื่องแต่งกายที่ทำด้วยผ้าสองชนิดปนกัน
 20“ถ้าชายใดเข้านอนและมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เป็นทาส ที่ชายอีกคนหนึ่งสู่ขอไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้ไถ่ถอนหรือปล่อยเป็นอิสระต้องสืบสวนดูก่อน แต่ห้ามลงโทษเขาทั้งสองถึงตายเพราะว่าทาสหญิงนั้นยังไม่เป็นอิสระ 21แต่ให้ชายคนนั้นนำเครื่องบูชาชดใช้บาปสำหรับตัวเขา ถวายแด่พระยาห์เวห์ที่ประตูเต็นท์นัดพบ คือแกะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาชดใช้บาป 22และปุโรหิตจะลบมลทินของเขา โดยถวายแกะผู้นั้นเป็นเครื่องบูชาชดใช้บาปแด่พระยาห์เวห์ เพราะบาปที่เขาได้ทำ และเขาจะได้รับการอภัยบาปซึ่งเขาได้ทำนั้นเสีย
 23“เมื่อพวกเจ้าเข้าไปในแผ่นดินและปลูกต้นไม้ทุกชนิดที่มีผลเป็นอาหาร ผลที่ได้นั้นต้องเป็นผลที่ต้องห้าม ห้ามเจ้ารับประทานเป็นเวลาสามปี 24และปีที่สี่ผลที่ได้ทั้งหมดจะเป็นของบริสุทธิ์ถวายสรรเสริญแด่พระยาห์เวห์ 25แต่ในปีที่ห้า พวกเจ้ารับประทานผลไม้นั้นได้ เพื่อผลผลิตจะทวีขึ้นเพื่อเจ้า เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
 26“ห้ามรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีเลือดในเนื้อนั้น ห้ามเป็นหมอดูหรือเป็นหมอผี 27ห้ามกันผมที่จอนหูหรือกันเคราของเจ้า 28ห้ามเชือดเนื้อของเจ้าเพราะเหตุมีคนตาย หรือสักเป็นเครื่องหมายใดๆ ลงที่ตัวเจ้า เราคือยาห์เวห์
 29“อย่าทำให้บุตรสาวของตนเป็นมลทินโดยให้เป็นหญิงโสเภณี ไม่เช่นนั้นแล้วแผ่นดินจะถูกล่วงละเมิด และเต็มด้วยความชั่ว 30จงรักษาสะบาโตทั้งหลายของเรา และเคารพต่อสถานนมัสการของเรา เราคือยาห์เวห์
 31“อย่าไปหาคนทรงหรือพ่อมดแม่มด อย่าเที่ยวค้นหาให้ตนเป็นมลทินไปเพราะพวกเขาเลย เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
 32“จงลุกขึ้นคำนับคนผมหงอกและเคารพผู้อาวุโส และจงยำเกรงพระเจ้าของเจ้า เราคือยาห์เวห์
 33“เมื่อคนต่างด้าวอาศัยอยู่กับเจ้าในแผ่นดินของพวกเจ้า ห้ามข่มเหงเขา 34คนต่างด้าวที่อาศัยอยู่กับพวกเจ้านั้นก็เป็นเหมือนกับคนท้องถิ่นของเจ้า จงรักเขาเหมือนกับรักตัวเอง เพราะว่าพวกเจ้าเคยเป็นคนต่างด้าวในแผ่นดินอียิปต์ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า
 35“ห้ามทำผิดในการพิพากษา ในการวัดความยาว ในการชั่งน้ำหนักหรือในการนับจำนวน
 36“จงใช้ตาชั่งเที่ยงตรง ลูกตุ้มเที่ยงตรง เครื่องตวงเที่ยงตรง เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ได้พาเจ้าออกมาจากแผ่นดินอียิปต์ 37ฉะนั้น จงรักษากฎเกณฑ์ทั้งหมดของเราและกฎหมายของเราทั้งสิ้น และทำตามเรา เราคือยาห์เวห์”

เลวีนิติ 20

โทษของการละเมิดความบริสุทธิ์

 1พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 2“จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า คนอิสราเอลคนใดหรือคนต่างด้าวคนใดที่อาศัยอยู่ในอิสราเอลที่มอบลูกหลานของเขาให้แก่พระโมเลคพระของคนอัมโมน ผู้นั้นต้องมีโทษถึงตาย ให้ประชาชนเอาหินขว้างเขาเสียให้ตาย 3ตัวเราเองจะตั้งหน้าต่อสู้ผู้นั้น และจะไล่เขาออกจากท่ามกลางชนชาติของเขา เพราะว่าเขาได้ให้ลูกของเขาคนหนึ่งแก่พระโมเลค ทำให้สถานนมัสการของเราเป็นมลทิน และทำให้นามบริสุทธิ์ของเราเป็นที่เหยียดหยาม 4และถ้าประชาชนจงใจหลับหูหลับตา เรื่องชายคนที่ให้ลูกหลานแก่พระโมเลคนั้นเสีย โดยไม่ขว้างเขาให้ตาย 5เราเองจะตั้งหน้าต่อสู้ชายคนนั้น และครอบครัวของเขา และไล่เขาออกจากชนชาติของเขา ทั้งตัวเขาก็ดีและผู้ใดที่ทำตามเขาในการเล่นชู้กับพระโมเลคนั้นก็ดี
 6“ผู้ใดใฝ่หาคนทรงหรือพ่อมดแม่มด เพื่อเล่นชู้กับพวกเขา เราจะตั้งหน้าต่อสู้ผู้นั้น และไล่เขาออกจากท่ามกลางชนชาติของเขา 7เหตุฉะนั้นเจ้าจงชำระตัวให้บริสุทธิ์เพราะเราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า 8จงรักษากฎเกณฑ์ของเราและทำตาม เราคือยาห์เวห์ผู้ชำระเจ้าให้บริสุทธิ์ 9ถ้าใครแช่งบิดาหรือมารดาของเขาจะต้องมีโทษถึงตาย เขาได้แช่งบิดาหรือมารดาของเขา ที่เขาต้องตายนั้นเขาเองเป็นผู้รับผิดชอบ
 10“ถ้าผู้ใดร่วมประเวณีกับภรรยาของเพื่อนบ้าน ผู้ร่วมประเวณีทั้งชายและหญิงนั้นจะต้องถูกลงโทษถึงตาย 11ชายใดนอนกับภรรยาของบิดาของเขา ผู้นั้นได้เปิดของลับของบิดาของเขา ทั้งสองคนนั้นต้องถูกลงโทษถึงตายแน่ๆ ที่พวกเขาต้องตายนั้นพวกเขาเองเป็นผู้รับผิดชอบ 12ชายใดนอนกับลูกสะใภ้ ทั้งสองคนนั้นต้องถูกลงโทษถึงตายแน่ๆ เพราะทั้งสองได้ทำผิดวิปลาส ที่พวกเขาต้องตายนั้นพวกเขาเองเป็นผู้รับผิดชอบ 13ชายใดนอนกับผู้ชายเหมือนอย่างกับผู้หญิง ทั้งสองคนทำผิดในสิ่งอันพึงรังเกียจ ทั้งสองคนนั้นต้องถูกลงโทษถึงตายแน่ๆ ที่พวกเขาต้องตายนั้นพวกเขาเองเป็นผู้รับผิดชอบ 14ชายใดรับหญิงและรับมารดาของนางมาเป็นภรรยาด้วย นี่เป็นเรื่องอธรรม ให้เผาชายนั้นและหญิงทั้งสองนั้นเสียด้วยไฟ เพื่อว่าจะไม่มีความอธรรมในหมู่พวกเจ้า 15ถ้าชายใดสมสู่กับสัตว์ ชายคนนั้นต้องถูกลงโทษถึงตายแน่ๆ จงขว้างสัตว์นั้นเสียให้ตาย 16ถ้าหญิงคนใดเข้าใกล้สัตว์ และสมสู่กับมัน จงฆ่าหญิงนั้นและสัตว์นั้นเสียให้ตาย ทั้งสองต้องถูกลงโทษถึงตายแน่ๆ ที่ทั้งสองต้องตายนั้น ทั้งสองเป็นผู้รับผิดชอบ
 17“ถ้าชายใดรับภรรยาพี่สาว หรือน้องสาวของเขา คือบุตรสาวของพ่อ หรือบุตรสาวของแม่ และดูของลับของเธอและเธอก็ดูของลับของเขา เป็นสิ่งที่น่าอายมาก จะต้องขับออกจากท่ามกลางชนชาติของเขา เพราะเขาได้เปิดของลับของพี่สาวและน้องสาวของเขา เขาต้องรับโทษของเขา 18ชายใดเข้านอนกับหญิงผู้มีประจำเดือน และเปิดของลับของเธอ เขาได้ทำให้แหล่งโลหิตของเธอเปิด ส่วนเธอก็เปิดแหล่งโลหิตของเธอ ให้ไล่ทั้งสองคนออกจากชนชาติของเขา 19ห้ามเปิดของลับของพี่สาวหรือน้องสาวมารดาเจ้า หรือพี่สาวน้องสาวของบิดาเจ้า เพราะในการทำเช่นนั้นเจ้าได้เปิดของลับของญาติสนิท พวกเจ้าต้องรับโทษความชั่วของพวกเจ้า 20ถ้าชายใดนอนกับภรรยาของลุง เขาได้เปิดของลับของลุง ทั้งสองจะต้องรับโทษ ทั้งสองจะตายโดยไม่มีบุตร 21 ถ้าชายใดรับภรรยาของพี่ชาย หรือน้องชายมา ก็เป็นมลทิน เขาได้เปิดของลับของพี่ชายหรือน้องชาย พวกเขาจะไม่มีบุตร
 22“เพราะฉะนั้นเจ้าจงรักษากฎเกณฑ์ทั้งสิ้นของเราและกฎหมายทั้งสิ้นของเรา และทำตาม เพื่อว่าแผ่นดินซึ่งเรานำเจ้าให้เข้าไปอยู่นั้นจะไม่สำรอกเจ้าออกเสีย 23และห้ามประพฤติตามธรรมเนียมของประชาชาติที่เราไล่ไปให้พ้นหน้าเจ้า ด้วยว่าเขาทั้งหลายได้ประพฤติผิดในสิ่งเหล่านี้ เราจึงเกลียดชังพวกเขา 24แต่เราได้บอกเจ้าแล้วว่า เจ้าทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินของพวกเขาเป็นมรดก เราจะให้แก่เจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ เป็นแผ่นดินที่มีน้ำนมและน้ำผึ้งไหลบริบูรณ์ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า ผู้ได้แยกเจ้าออกจากชนชาติทั้งหลาย 25เหตุฉะนั้นเจ้าจงสังเกตความแตกต่างระหว่างสัตว์ที่สะอาดและสัตว์ที่เป็นมลทิน ระหว่างนกที่เป็นมลทินและนกที่สะอาด ห้ามทำตัวให้เป็นที่พึงรังเกียจด้วยสัตว์หรือนกหรือสิ่งใดๆ ที่เลื้อยคลานอยู่บนดิน ซึ่งเราได้แยกให้เจ้าแล้วว่าเป็นของที่เป็นมลทิน 26เจ้าต้องบริสุทธิ์สำหรับเรา เพราะเรายาห์เวห์เป็นผู้บริสุทธิ์ และได้แยกเจ้าออกจากชนชาติทั้งหลายเพื่อเจ้าจะเป็นของเรา
 27“ชายหรือหญิงคนใดที่เป็นคนทรงหรือพ่อมด แม่มด จงฆ่าเสีย จงเอาหินขว้าง ที่เขาต้องตายนั้นเขาเองรับผิดชอบ”

อรรถาธิบาย

ใจของคุณและธรรมบัญญัติของพระเจ้า

พระเจ้าต้องการให้เรามีชีวิตที่บริสุทธิ์และสะอาด เราต้องสะท้อนให้เห็นความเป็นพระองค์ และนำผู้คนไปสู่พระองค์ พระคำตอนนี้ในพระธรรมเลวีนิติเรียกว่า ‘กฎเกณฑ์แห่งความบริสุทธิ์’ คือ ‘เจ้าทั้งหลายต้องบริสุทธิ์ เพราะเรายาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้าเป็นผู้บริสุทธิ์’ (19:2)

เนื่องจากธรรมชาติของมนุษย์มีด้านที่ไม่เชื่อฟังจึงต้องมีกฎมาบังคับ เหมือนในทุก ๆ สังคมที่มีทั้งกฎหมายแพ่งและอาญา กฎหมายบางข้อมีความเฉพาะเจาะจงและมุ่งเน้นไปที่ปัญหาของอิสราเอลโบราณ ส่วนข้ออื่น ๆ นั้นเป็นกฎทั่วไปที่สามารถใช้ได้กับสังคมส่วนใหญ่ทั่วไป

กฎหมายเกี่ยวกับพิธีกรรมปัจจุบันนี้เลิกใช้ไปแล้ว ส่วนกฎหมายเกี่ยวกับอาหารได้ถูกแทนที่โดยพระเยซูและเครื่องบูชานั้นสมบูรณ์แล้วโดยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ กฎหมายแพ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเหมาะสมกับชนชาติอื่นเสมอไป บางฉบับก็มีมนุษยธรรม และบางฉบับก็มีความรุนแรง ดูเหมือนว่ากฎเหล่านี้มีความจำเป็นในช่วงต้นของประวัติศาสตร์อิสราเอล แต่ก็ไม่ได้มีผลบังคับใช้ถาวรหรือเป็นสากลทั้งหมด

กฎหมายเกี่ยวกับศีลธรรม ยังคงมีผลบังคับใช้เพื่อที่จะเปิดเผยถึงพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อประชาชนของพระองค์ ดังที่พระเยซูทรงเพิ่มและลงลึกเอาไว้ และดังที่เหล่าอัครสาวกสะท้อนไว้ในจดหมายฝาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความสอดคล้องในเชิงบวกกับข้อห้ามทางกฎหมาย

กฎหมายเกี่ยวกับศีลธรรมพระเยซูทรงสรุปไว้ว่า ‘พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน... และ... จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’ (ลูกา 10:27) ย้อนกลับไปในข้อพระคัมภีร์ของวันนี้ ‘จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’ (เลวีนิติ 19:18ข) กฎคือประชาชนของพระเจ้าควรจะบริสุทธิ์ (ข้อ 2ข) กฎข้อที่เหลือเป็นข้อชี้แนะว่าเราจะรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเองและเป็นคนบริสุทธิ์ได้อย่างไร

กฎหมายเกี่ยวกับศีลธรรมที่บังคับใช้กับเราขณะนี้นั้นรวมถึงกฎที่ใช้ปกป้องคนยากจน (ข้อ 10) กฎที่ต่อต้านการเหยียดชนชาติ (ตัวอย่างในข้อ 33-34) และที่เห็นได้ชัดคือกฎเกี่ยวกับการลักทรัพย์ (ข้อ 11) การบีบคั้นและการปล้น (ข้อ 13ก) และอื่น ๆ

มักจะมีหลักการสำคัญที่ถูกนำมาใช้จริงในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น ‘ห้ามให้ค่าจ้างของลูกจ้างค้างอยู่กับเจ้าจนถึงรุ่งเช้า’ (ข้อ 13ข) เป็นการท้าทายเราให้ชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ตรงเวลา มีแนวโน้มในการชะลอการชำระค่าใช้จ่ายจนกว่าจะมีการแจ้งเตือนครั้งสุดท้ายเพิ่มมากขึ้น ประชาชนของพระเจ้าถูกเรียกให้ใช้ชีวิตที่แตกต่าง นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ ที่จะสื่อถึงความหมายของการเป็นคนบริสุทธิ์

เพื่อที่จะรักษาให้ใจของคุณบริสุทธิ์ คุณต้องหันเหไปจากสิ่งที่ทำให้ชีวิตของคุณเสื่อมเสีย ในบรรดาความบาปที่ชัดเจนที่ได้ระบุไว้ในพระธรรมตอนนี้ (ข้อ 3-31) มีบาปอย่างหนึ่งเกี่ยวกับ ‘คนชอบนินทา’ (ข้อ 16, พระคัมภีร์ ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) และ ‘การผูกพยาบาท’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) จงรักษาความลับและพยายามอย่าผูกพยาบาทกับใคร การผูกพยาบาทถือเป็นการปล่อยให้ใครสักคนอาศัยพื้นที่อยู่ในหัวคุณฟรี ๆ

นอกจากนี้ยังมีการเตือนเกี่ยวกับอันตรายของการ ‘เป็นหมอดูหรือเป็นหมอผี’ (ข้อ 26ข) หลีกเลี่ยงการดูดวง การไปหาคนทรง การทำนายดวงชะตา การดูลายมือ ไพ่ทาโร่ และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการใช้เวทมนตร์คาถาทุกประเภท (ข้อ 31) ถ้าคุณได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ คุณสามารถได้รับการให้อภัย จงกลับใจและกำจัดสิ่งที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเหล่านี้ เช่น หนังสือ เครื่องราง ดีวีดี และนิตยสาร (กิจการ 19:19)

อีกแง่มุมหนึ่งของกฎหมาย คือการนำความบาปไปสู่แสงสว่าง และนำไปสู่การกลับใจและการพึ่งพาในพระคุณของพระเจ้า เมื่อผมอ่านกฎเหล่านี้ผมได้เห็นว่าพวกเขาต้องดำเนินชีวิตอย่างหนักหนาเพียงใด ผมตกจากมาตรฐานของพระเจ้าไปไกลแค่ไหน และผมต้องการการอภัยจากพระองค์ และความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์มากเท่าใด

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์ที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อปลดปล่อยเราเป็นอิสระจากกฎเหล่านี้ ขอบพระคุณพระองค์ที่ในตอนนี้ไม่มีบทลงโทษสำหรับผู้ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ ขอทรงเติมข้าพระองค์ให้เต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และช่วยให้ข้าพระองค์มีชีวิตที่บริสุทธิ์

เพิ่มเติมโดยพิพพา

เลวีนิติ 19:10

‘ห้ามเก็บผลที่สวนองุ่นจนหมด ห้ามเก็บองุ่นที่ตกในสวนของเจ้า จงเหลือไว้ให้คนยากจนและคนต่างด้าวบ้าง เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า’

เมื่อฉันยังเด็ก เราอาศัยอยู่ข้าง ๆ สวนแอปเปิ้ลขนาดใหญ่ เราเดินผ่านสวนนั้นเป็นประจำ เมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยวจะเป็นการเก็บเกี่ยวแอปเปิ้ลทั้งหมดครั้งใหญ่ แต่หลังจากนั้นแอปเปิ้ลผลที่ตกหรือไม่สุกตามเวลาก็จะถูกเก็บรวม เป็นกองแอปเปิ้ลเน่ากองใหญ่

การปล่อยให้คนยากจนเก็บอาหารอาจดูไม่สมเหตุสมผลทางด้านเศรษฐกิจ แต่หลักการในพระคัมภีร์คือควรให้อาหารแก่คนยากจนและอาหารนั้นไม่ควรเสียไปโดยเปล่าประโยชน์

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม