วัน 90

เกิดผลร้อยเท่า

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 38:13-22
พันธสัญญาใหม่ ลูกา 8:1-18
พันธสัญญาเดิม กันดารวิถี 27:12-29:11

เกริ่นนำ

เขาถูกเลี้ยงดูมาในสังคมที่แย่ที่สุดแห่งหนึ่งในแมนเชสเตอร์ พ่อของเขาเป็นคนติดเหล้า เขาออกจากโรงเรียน ตอนอายุ 15 ปี หนีออกจากบ้าน ระหกระเหินอยู่ริมถนน เข้าร่วมแก๊งค์ข้องเกี่ยวกับอาชญากรรม และลงเอย ด้วยการติดคุก เมื่อเขาออกจากคุก เขาได้เข้าร่วมกับกองทัพ เขาผ่านการหย่าร้างมาสองครั้ง

ใน ค.ศ. 1994 เขาเดินเข้ามาในคริสตจักรของเราและได้เข้าร่วมหลักสูตรอัลฟ่า เขาได้รู้จักกับพระเยซูและได้รับการเติมเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เขาเริ่มออกเยี่ยมเยียนนักโทษ และเข้าร่วมทีมเจ้าหน้าที่ของคริสตจักรโฮลี่ ทรีนิตี้ บรอมพ์ตั้น เพื่อก่อตั้งพันธกิจในเรือนจำเพื่อดูแลอดีตนักโทษ โดยการตั้งโครงการ คนไร้บ้าน เขาเริ่มหลักสูตรเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เสพติดและหลักสูตรเพื่อช่วยเหลือผู้ที่กำลังต่อสู้กับโรคซึมเศร้า และหนี้สิน

ภายใต้การเป็นผู้นำของเขา การจัดหลักสูตรอัลฟ่าในเรือนจำได้แพร่กระจายไปตามเรือนจำในสหราชอาณาจักร และอีก 76 ประเทศทั่วโลก คนหลายพันคนมาเชื่อในพระเยซู ชายและหญิงหลายร้อยคนถูกจัดให้อยู่ใน คริสตจักรผ่านทางพันธกิจการดูแลอดีตนักโทษ

พอล คาวลีย์ เป็นตัวอย่างหนึ่งของดินดีที่เมล็ดพืชได้ตกลงมา เขาเป็นคนที่มีจิตใจสูงส่งและดีเยี่ยม เมื่อเขาได้ ยินพระวจนะ เขาได้เก็บมาใคร่ครวญ และด้วยความพากเพียรนี้เองทำให้เกิดผลหลายร้อยเท่าของที่ได้หว่านไว้ (ลูกา 8:8,15) เขาได้รู้จักกับพระเยซูในฐานะที่เป็นพระผู้ช่วยให้รอด พระผู้หว่านเมล็ดพืชดี และพระผู้เลี้ยงผู้ประเสริฐ

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 38:13-22

13แต่ข้าพระองค์เหมือนคนหูหนวก ข้าพระองค์ไม่ได้ยิน
 และเหมือนคนใบ้ผู้ไม่อ้าปากของตน
14ข้าพระองค์เป็นเหมือนคนที่ไม่ได้ยิน
 ซึ่งในปากของเขาไม่มีการโต้แย้ง
15ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่ข้าพระองค์รอคอยพระองค์
 ข้าแต่องค์เจ้านายพระเจ้าของข้าพระองค์ คือพระองค์ผู้ที่จะตรัสตอบข้าพระองค์
16เพราะข้าพระองค์ทูลว่า “ขออย่าให้พวกเขายินดีเย้ยข้าพระองค์
 คือเขาผู้อวดตัวสู้ข้าพระองค์ เมื่อเท้าข้าพระองค์พลาดไป”
17เพราะข้าพระองค์จวนจะล้มแล้ว
 และความเจ็บปวดอยู่ต่อหน้าข้าพระองค์เสมอ
18ข้าพระองค์สารภาพความชั่วของข้าพระองค์
 ข้าพระองค์เป็นทุกข์เพราะบาปของข้าพระองค์
19บรรดาศัตรูของข้าพระองค์ก็ว่องไวและแข็งแรง
 และคนที่เกลียดข้าพระองค์อย่างไร้เหตุผลก็มีมาก
20บรรดาผู้ที่ทำชั่วตอบแทนความดีของข้าพระองค์
 ก็เป็นปฏิปักษ์ของข้าพระองค์เพราะข้าพระองค์ทำความดี
21ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงทอดทิ้งข้าพระองค์
 ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงอยู่ไกลจากข้าพระองค์
22ข้าแต่องค์เจ้านาย ผู้ทรงเป็นความรอดของข้าพระองค์
 ขอทรงรีบมาช่วยข้าพระองค์เถิด

อรรถาธิบาย

พระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัว

ดาวิดอยู่ท่ามกลางปัญหา การทนทุกข์ และการข่มเหงทั้งสิ้นของเขา เขาได้หันเข้าหาพระเจ้าในฐานะที่ทรง เป็นพระผู้ช่วยให้รอดส่วนตัวของเขา: ‘ผู้ทรงเป็นความรอดของข้าพระองค์’ (ข้อ 22) คุณอาจจะเผชิญหรือ อาจจะไม่ได้เผชิญกับความทุกข์ยากอย่างที่ดาวิดเผชิญอยู่ แต่คุณสามารถทำตามรูปแบบที่จะแสดงให้เห็นใน วันนี้:

1.\tทูลขอ (A=Ask) ร้องทูลขอความช่วยเหลือ ‘แต่ข้าพระองค์รอคอยพระองค์ ข้าแต่องค์เจ้านายพระเจ้าของข้าพระองค์ คือพระองค์ผู้ที่จะตรัสตอบข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทูลว่า “ขออย่าให้พวกเขายินดีเย้ยข้าพระ องค์ คือเขาผู้อวดตัวสู้ข้าพระองค์ เมื่อเท้าข้าพระองค์พลาดไป”’ (ข้อ 15-16)

2.\tสารภาพ (C=Confess) สารภาพความผิดบาป ‘ข้าพระองค์พร้อมที่จะทูลเรื่องราวความล้มเหลวของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ไม่รู้สึกพอใจในความบาปของข้าพระองค์อีกต่อไป’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

3.\tไว้วางใจ (T=Trust) ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์มีความหวังใจในพระองค์’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) จงวางใจว่าพระเจ้าจะทรงช่วยคุณ: ‘ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงทอดทิ้งข้า พระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงอยู่ไกลจากข้าพระองค์ ข้าแต่องค์เจ้านาย ผู้ทรงเป็นความรอดของข้าพระองค์ ขอทรงรีบมาช่วยข้าพระองค์เถิด’ (ข้อ 21-22)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์เพื่อข้าพระองค์จะทำตามรูปแบบ ACT ในวันนี้ ขอโปรดทรงอภัยความผิดบาปของข้าพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าทรงทอดทิ้งข้าพระองค์ ขออย่าทรงอยู่ไกลจากข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรีบมาช่วยข้าพระองค์เถิด พระเจ้าผู้ทรงเป็นความรอดของข้าพระองค์

พันธสัญญาใหม่

ลูกา 8:1-18

สตรีบางคนไปกับพระเยซู

 1ในเวลาต่อมาพระองค์เสด็จผ่านหมู่บ้านและเมืองต่างๆ ทรงประกาศและเผยแพร่ข่าวดีเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า สาวกสิบสองคนนั้นก็อยู่กับพระองค์ 2พร้อมกับผู้หญิงบางคนที่ได้รับการรักษาให้พ้นจากวิญญาณชั่วและโรคภัยต่างๆ ได้แก่มารีย์ที่เรียกกันว่าชาวมักดาลา คนที่มีผีเจ็ดตนออกจากตัว 3โยอันนาภรรยาของคูซาซึ่งเป็นหัวหน้ากรมวังของเฮโรด สุสันนา และหญิงคนอื่นๆ อีกหลายคนที่เคยปรนนิบัติพระองค์และสาวกด้วยทรัพย์สิ่งของของพวกนาง

อุปมาเรื่องผู้หว่านพืช

 4เมื่อมหาชนมาอยู่พร้อมกัน และเมื่อผู้คนจากเมืองนั้นเมืองนี้มาหาพระองค์ พระองค์ก็ตรัสเป็นอุปมาว่า 5“มีคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช เมื่อเขาหว่าน เมล็ดก็ตกตามหนทาง จึงถูกเหยียบย่ำ และนกในอากาศก็มากินเสีย 6บ้างตกที่หิน เมื่องอกขึ้นแล้วก็เหี่ยวแห้งไปเพราะที่ไม่ชื้น 7บ้างตกที่กลางต้นหนาม ต้นหนามก็งอกขึ้นมาปกคลุม 8บ้างตกที่ดินดี จึงงอกขึ้นเกิดผลร้อยเท่า” เมื่อพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้ว จึงทรงร้องบอกว่า “ใครมีหู จงฟังเถิด”

จุดประสงค์ของอุปมา

 9พวกสาวกจึงทูลถามพระองค์ว่าอุปมานั้นหมายความว่าอย่างไร? 10พระองค์ตรัสว่า “ข้อความลึกลับเรื่องแผ่นดินของพระเจ้านั้นทรงให้พวกท่านรู้ได้ แต่ทรงให้เป็นอุปมาสำหรับคนอื่น เพื่อว่า

เมื่อพวกเขาดู ก็จะไม่เห็น
และเมื่อพวกเขาฟัง ก็จะไม่เข้าใจ

พระเยซูทรงอธิบายอุปมาเรื่อง ผู้หว่านเมล็ดพืช

 11“อุปมานั้นหมายถึงอย่างนี้ เมล็ดพืชหมายถึงพระวจนะของพระเจ้า 12ที่ตกตามหนทางหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว มารมาชิงเอาพระวจนะไปจากใจของเขาเพื่อไม่ให้เขาเชื่อและรับความรอด 13ที่ตกบนหินหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้วก็รับพระวจนะนั้นด้วยความยินดี แต่ไม่มีราก เชื่อได้เพียงชั่วคราว เมื่อถูกทดลองก็หลงไป 14ที่ตกกลางหนามหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว และขณะที่ดำเนินชีวิตอยู่ ความกังวล ทรัพย์สมบัติ และความสนุกสนานของชีวิตนี้ ก็รัดพวกเขาจนทำให้ผลไม่เติบโต 15ที่ตกในดินดีหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะแล้วจดจำไว้ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ดีงาม จึงเกิดผลโดยความทรหดอดทน

ตะเกียงที่ถูกภาชนะครอบไว้

 16“ไม่มีใครจุดตะเกียงแล้วเอาภาชนะครอบไว้หรือวางไว้ใต้เตียง มีแต่จะตั้งไว้ที่เชิงตะเกียง เพื่อให้คนที่เข้ามาได้เห็นแสงสว่างนั้น 17เพราะว่าไม่มีอะไรที่ซ่อนไว้แล้วจะไม่ปรากฏให้เห็น และไม่มีอะไรที่ปิดบังแล้วจะไม่ถูกล่วงรู้หรือเผยให้ประจักษ์ 18เพราะฉะนั้น จงเอาใจจดจ่อต่อสิ่งที่พวกท่านได้ยินได้ฟัง คนที่มีอยู่แล้ว จะทรงเพิ่มเติมให้แก่คนนั้น แต่คนที่ไม่มี แม้แต่สิ่งที่เขาคิดว่ามีอยู่นั้น ก็จะทรงเอาไปจากเขา”

อรรถาธิบาย

พระผู้หว่านที่ยิ่งใหญ่

พันธกิจของพระเยซูส่วนใหญ่เกี่ยวกับการหว่านเมล็ดพันธุ์ พระเยซู ‘ทรงประกาศและเผยแพร่ข่าวดีเรื่อง แผ่นดินของพระเจ้า’ (ข้อ 1) ในทุก ๆ ที่ซึ่งพระองค์เสด็จไป พันธกิจของเราในทุกวันนี้มักจะเกี่ยวกับการหว่าน เมล็ดพันธุ์

บางครั้งก็เกี่ยวข้องกับการเดินทาง (ข้อ 1) เพื่อหว่านเมล็ดพันธุ์ (ตัวอย่างเช่น การไปออกทริปพันธกิจ) ในบางครั้งพระเยซูรวบรวมผู้คนเข้าด้วยกันและจากนั้นก็หว่านเมล็ดพันธุ์: ‘เมื่อมหาชนมาอยู่พร้อมกัน และเมื่อผู้คนจากเมืองนั้นเมืองนี้มาหาพระองค์’ (ข้อ 4) พระเยซูไม่ได้ทำการหว่านทั้งหมดนี้ด้วยพระองค์เอง พระองค์ทรงมีทีมซึ่งหัวใจหลักคือชายสิบสองคนและยังมี ‘ผู้หญิงบางคน’ ด้วย (ข้อ 2) หญิงเหล่านั้นมีบทบาท สำคัญในพันธกิจของพระเยซู เหนือสิ่งอื่นใดพวกเธอช่วย ‘ปรนนิบัติ’ ทุกคน ‘ด้วยทรัพย์สิ่งของของพวกนาง’ (ข้อ 3)

พระเยซูทรงอธิบายสิ่งที่พวกเขาได้กระทำเป็นอุปมาเรื่องผู้หว่านพืช พวกเขาก็เหมือนเราที่หว่านเมล็ดพันธุ์ พระวจนะของพระเจ้า (ข้อ 11) อย่ารู้สึกผิดหวังเพราะไม่ใช่ทุกคนจะตอบสนองได้เท่าเทียมกัน:

1.\tใจแข็งกระด้าง คนที่ไม่เชื่อก็เป็นดั่ง ‘เมล็ดพันธุ์ที่ตกตามหนทางหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะ แต่หลังจากที่ได้ยินไม่นานแล้วมารมาชิงเอาพระวจนะไปจากพวกเขาดังนั้นพวกเขาจึงไม่เชื่อ และไม่ได้รับความรอด’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

2.\tใจที่อ่อนกำลัง ผมไม่เคยเจอคนแข็งแกร่งที่มีอดีตที่เรียบง่าย ความเชื่อย่อมได้รับการทดสอบ ‘ปัญหา’ ในชีวิตแทบจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ บางคนดูเหมือนว่าจะตอบสนองอย่างกระตือรือร้น แต่ก็เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ พวกเขา ‘ไม่มีราก’ พวกเขา ‘ได้ยินด้วยความกระตือรือร้น แต่ความกระตือรือร้นนั้นไม่ได้หยั่งลึกมาก เป็นเพียงอีกความนิยมชั่วคราว และเมื่อถึงช่วงเวลาที่มีปัญหาก็หายไป’ (ข้อ 13, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

3.\tใจที่ไม่มั่นคง บางคนดูเหมือนจะตอบสนองอย่างมาก แต่ต่อมาพวกเขาก็หายไปเนื่องจาก ‘ขวากหนามของชีวิต’ คือ ‘ความกังวล’ ‘ความห่วง’ ‘ความมั่งคั่ง’ และ ‘ความสนุกสนาน’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) ‘คนเหล่านี้คือพวกที่ได้ยิน แต่แล้วเมล็ดพันธุ์อัดแน่นเต็มไปหมด และไม่มีอะไรเกิดขึ้น เนื่องจากพวกเขาดำเนินชีวิตอยู่กับความกังวลเกี่ยวกับวันพรุ่งนี้ การหาเงิน และหาความ สนุกสนาน’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

4.\tสุดใจ คนสามประเภทแรกนำไปสู่ความผิดหวังและความเศร้าโศกอย่างมาก อย่างไรก็ตามพระเยซูตรัสว่า บางคนจะตอบสนองได้ดีและ ‘เกิดผลอย่างแน่นอนโดยความทรหดอดทน’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอน นี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) หรือในพระคัมภีร์ The Message กล่าวว่า ‘คนเหล่านั้นมีใจที่ดีงามที่เข้าใจพระวจนะและยึดมั่นไว้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ยึดตามพระวจนะนั้นจนกระทั่งถึงวันเก็บเกี่ยว’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ก่อนหน้านี้พระองค์ตรัสว่าพืชผลนี้ อาจเก็บเกี่ยวได้ ‘ผลร้อยเท่า’ ของที่หว่าน (ข้อ 8)

ผมมักจะพูดว่าการรับใช้ในหลักสูตรอัลฟ่า เป็นสิ่งที่น่าผิดหวังที่สุดเท่าที่ผมเคยมีส่วนร่วมมา มันน่าผิดหวังเมื่อผู้คนตอบสนองในเชิงลบ หรือหายไป แต่เมื่อเราอ่านพระวจนะของพระเยซูเราก็ไม่ควรจะแปลกใจกับสิ่งนี้

ในทางกลับกัน หลักสูตรอัลฟ่า ก็เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดเท่าที่ผมเคยมีส่วนร่วมมา เหล่าผู้คนที่ตอบสนองอย่าง สุดใจกับเมล็ดพันธุ์ที่ได้หว่าน เช่น พอล คาวลีย์ มีผลกระทบอย่างมาก ผู้ที่เป็นดั่งผลร้อยเท่าของที่เราหว่าน เราได้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าในชีวิตของผู้ที่มารู้จักกับพระเยซู พวกเขาได้รับการเติมเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พวกเขาออกไป และบอกข่าวประเสริฐกับเพื่อนของพวกเขา และมีผลกระทบอย่างมากต่อสังคม

พระวจนะเหล่านี้ของพระเยซูไม่ได้เฉพาะเกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ แต่เกี่ยวกับคุณและผมโดยตรงทุกครั้งที่เราได้ยินพระวจนะของพระเจ้า ตัวอย่างเช่น เมื่อเราอ่านพระคัมภีร์หรือฟังการบรรยาย จงระวังว่าคุณจะฟังพระวจนะ ของพระเจ้าอย่างไร ในแง่หนึ่งคือทั้งชีวิตของคุณเป็นการตอบสนองต่อพระวจนะของพระเจ้า ยิ่งคุณตอบสนองมากขึ้นเท่าไร คุณก็จะได้รับมากขึ้นเท่านั้น (ข้อ 18)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบพระคุณพระองค์สำหรับฤทธิ์เดชของพระวจนะของพระองค์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอโปรดทรงช่วยข้าพระองค์ที่จะไม่ท้อแท้กับความผิดหวัง แต่จะยังคงหว่านเมล็ดพันธุ์ต่อไป ขอบพระคุณพระองค์สำหรับความปีติยินดียิ่งเมื่อเราได้เห็นเมล็ดพันธุ์หยั่งรากลงในชีวิตของผู้คน และออกผลร้อยเท่าของที่ได้หว่าน

พันธสัญญาเดิม

กันดารวิถี 27:12-29:11

การแต่งตั้งโยชูวาสืบทอดหน้าที่โมเสส

 12พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงขึ้นไปบนภูเขาอาบาริมนี้ แล้วมองดูแผ่นดินซึ่งเรามอบให้แก่คนอิสราเอล 13และเมื่อเจ้าได้เห็นแล้ว เจ้าจะจากภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า ถูกรวบไปอยู่กับประชาชนของเจ้าด้วย เหมือนอย่างอาโรนพี่ชายของเจ้าที่จากไปนั้น 14เพราะว่าเจ้าทั้งสองกบฏต่อถ้อยคำของเราในถิ่นทุรกันดารศินระหว่างที่ชุมนุมชนมาโต้แย้ง เจ้าไม่ได้ถวายความศักดิ์สิทธิ์แก่เราต่อหน้าเขาทั้งหลายที่น้ำนั้น” (นี่คือน้ำที่เมรีบาห์แห่งคาเดชในถิ่นทุรกันดารศิน) 15โมเสสกราบทูลพระยาห์เวห์ว่า 16“ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งจิตวิญญาณมนุษย์ทุกคน ทรงแต่งตั้งชายคนหนึ่งให้อยู่เหนือชุมนุมชนนี้ 17ผู้ซึ่งจะเข้าออกต่อหน้าเขาทั้งหลาย ผู้ซึ่งจะนำพวกเขาเข้าออก เพื่อว่าชุมนุมชนของพระยาห์เวห์จะไม่เป็นดุจฝูงแกะที่ปราศจากผู้เลี้ยง” 18และพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงนำโยชูวา บุตรนูนผู้มีวิญญาณอยู่ในเขามา แล้วจงวางมือของเจ้าบนเขา 19และให้เขายืนต่อหน้าเอเลอาซาร์ปุโรหิตและต่อหน้าชุมนุมชนทั้งหมด แล้วเจ้าจงกำชับเขาต่อหน้าเขาทั้งหลาย 20เจ้าจงมอบอำนาจของเจ้าแก่เขา เพื่อให้ชุมนุมชนอิสราเอลทั้งหมดเชื่อฟังเขา 21และเขาจะยืนอยู่ต่อหน้าเอเลอาซาร์ปุโรหิต ผู้ซึ่งจะทูลถามเพื่อเขาตามหลักตัดสินของอูริมอูริม กับ ทูมมิม คือ วัตถุสองชนิดที่ปุโรหิตใช้เพื่อแสวงหาพระประสงค์ของพระเจ้า เราไม่ทราบแน่ชัดว่ามีลักษณะรูปทรงอย่างไร เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ และเขาทั้งหลายจะออกไป และเข้ามาตามคำของปุโรหิต ทั้งเขาและคนอิสราเอลทั้งหมดกับเขา คือชุมนุมชนทั้งหมด” 22แล้วโมเสสก็ทำตามที่พระยาห์เวห์ทรงบัญชาท่าน ท่านจึงนำโยชูวามายืนต่อหน้าเอเลอาซาร์ปุโรหิตและต่อหน้าชุมนุมชนทั้งหมด 23จากนั้นท่านเอามือวางบนโยชูวา และกำชับเขาฉธบ.31:23ตามที่พระยาห์เวห์ตรัสสั่งผ่านโมเสส

กันดารวิถี 28

การถวายบูชาประจำวัน

 1และพระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 2“จงสั่งคนอิสราเอลและพูดกับเขาทั้งหลายว่า ของถวายบูชาของเราคืออาหารของเราซึ่งเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟอันเป็นกลิ่นที่พอใจเรานั้น เจ้าทั้งหลายจงเอาใจใส่ที่จะถวายบูชาแก่เราตามกำหนดเวลา 3และเจ้าจงกล่าวกับพวกเขาว่า นี่เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟที่เจ้าทั้งหลายต้องถวายแด่พระยาห์เวห์ เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวที่ถวายต่อเนื่องทุกๆ วัน ได้แก่ลูกแกะผู้อายุหนึ่งปี ไม่มีตำหนิสองตัว 4ลูกแกะตัวหนึ่งให้ถวายในเวลาเช้า และลูกแกะอีกตัวหนึ่งให้ถวายในเวลาเย็น 5พร้อมกับแป้งอย่างดีหนึ่งกิโลกรัมเคล้ากับน้ำมันที่สกัดมาหนึ่งลิตรเป็นธัญบูชา 6ให้เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวที่ถวายต่อเนื่อง ซึ่งได้กำหนดไว้ที่ภูเขาซีนายอันเป็นกลิ่นที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์ 7ส่วนเครื่องดื่มบูชาที่คู่กันนั้นให้ถวายหนึ่งลิตรต่อลูกแกะหนึ่งตัว เจ้าจงเทเครื่องดื่มบูชาที่เป็นเหล้าถวายแด่พระยาห์เวห์ในที่บริสุทธิ์ 8ลูกแกะอีกตัวหนึ่งนั้นเจ้าจงถวายบูชาในเวลาเย็น และเจ้าจงถวายธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาที่คู่กันเช่นเดียวกับในเวลาเช้า ให้เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟอันเป็นกลิ่นที่พอพระทัยพระยาห์เวห์

การถวายบูชาประจำวันสะบาโต

 9“และในวันสะบาโตนั้นได้แก่ลูกแกะผู้อายุหนึ่งปีสองตัวที่ไม่มีตำหนิ และแป้งอย่างดี 2 กิโลกรัมเคล้ากับน้ำมันเป็นธัญบูชา และเครื่องดื่มบูชาที่คู่กัน 10นี่เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวทุกวันสะบาโต นอกเหนือจากเครื่องบูชาเผาทั้งตัวที่ถวายต่อเนื่อง และเครื่องดื่มบูชาที่คู่กัน

การถวายบูชาประจำของทุกเดือน

 11“และในวันต้นเดือนของทุกเดือน เจ้าทั้งหลายจงถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์ ได้แก่โคหนุ่มสองตัว แกะผู้หนึ่งตัว และลูกแกะผู้หนึ่งปีที่ไม่มีตำหนิเจ็ดตัว 12จงเอาแป้งอย่างดี 3 กิโลกรัมเคล้าน้ำมันเป็นธัญบูชาสำหรับโคหนึ่งตัว แป้งอย่างดี 2 กิโลกรัมเคล้าน้ำมันเป็นธัญบูชาสำหรับแกะผู้หนึ่งตัว 13และแป้งอย่างดีหนึ่งกิโลกรัมเคล้าน้ำมันเป็นธัญบูชาสำหรับลูกแกะหนึ่งตัว ให้เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวซึ่งเป็นกลิ่นที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาเผาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์ 14ส่วนเครื่องดื่มบูชาที่คู่กันนั้น จงเอาเหล้าองุ่น 2 ลิตรสำหรับโคผู้หนึ่งตัว หนึ่งลิตรครึ่งสำหรับแกะผู้หนึ่งตัว และหนึ่งลิตรสำหรับลูกแกะหนึ่งตัว นี่เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวประจำของทุกเดือน คือทุกๆ เดือนตลอดปี 15และเอาแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปถวายแด่พระยาห์เวห์ ให้นำมาบูชานอกเหนือจากเครื่องบูชาเผาทั้งตัวที่ถวายต่อเนื่องและเครื่องดื่มบูชาที่คู่กัน

การถวายบูชาในเทศกาลปัสกา

 16“และวันที่สิบสี่ของเดือนที่หนึ่งนั้นเป็นปัสกาแด่พระยาห์เวห์ 17และวันที่สิบห้าของเดือนนี้เป็นเทศกาลเลี้ยง จงรับประทานขนมปังไร้เชื้อเจ็ดวัน 18ในวันแรกให้มีการประชุมบริสุทธิ์ ห้ามเจ้าทั้งหลายทำงานอาชีพในวันนั้น 19แต่จงถวายบูชาด้วยไฟ เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์ คือเอาโคหนุ่มสองตัว แกะผู้หนึ่งตัว และลูกแกะผู้อายุหนึ่งปีเจ็ดตัว ต้องไม่ให้มีตำหนิ 20และเอาแป้งอย่างดีเคล้าน้ำมันเป็นธัญบูชาของสัตว์เหล่านี้ คือแป้ง 3 กิโลกรัมสำหรับโคผู้หนึ่งตัว แป้ง 2 กิโลกรัมสำหรับแกะผู้หนึ่งตัว 21และแป้งหนึ่งกิโลกรัมสำหรับลูกแกะหนึ่งตัวของลูกแกะทั้งเจ็ดตัว 22และเอาแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป เพื่อลบมลทินบาปของเจ้าทั้งหลาย 23เจ้าจงถวายเครื่องบูชาเหล่านี้ นอกเหนือจากเครื่องบูชาเผาทั้งตัวในเวลาเช้า ซึ่งเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวที่ถวายต่อเนื่องนั้น 24พวกเจ้าจงถวายเครื่องบูชาดังกล่าวนี้ทุกวันตลอดทั้งเจ็ดวัน คือถวายอาหารเป็นเครื่องบูชาด้วยไฟเป็นกลิ่นที่พอพระทัยพระยาห์เวห์ นอกเหนือจากเครื่องบูชาเผาทั้งตัวที่ถวายต่อเนื่อง และเครื่องดื่มบูชาที่คู่กัน 25และในวันที่เจ็ดพวกเจ้าจงมีการประชุมบริสุทธิ์และเจ้าอย่าทำงานอาชีพทุกอย่างในวันนั้น

การถวายบูชาในเทศกาลสัปดาห์

 26“และในวันถวายผลรุ่นแรก เมื่อเจ้าทั้งหลายเอาธัญบูชาใหม่มาถวายแด่พระยาห์เวห์ในเทศกาลสัปดาห์นั้น เจ้าจงมีการประชุมบริสุทธิ์ ห้ามเจ้าทำงานอาชีพใดๆ ในวันนั้น 27และจงถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว ให้เป็นกลิ่นที่พอพระทัยแด่พระยาห์เวห์ คือถวายโคหนุ่มสองตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะผู้อายุหนึ่งปีเจ็ดตัว 28และถวายแป้งอย่างดีเคล้าน้ำมันเป็นธัญบูชา คือแป้ง 3 กิโลกรัมสำหรับโคหนึ่งตัว แป้ง 2 กิโลกรัมสำหรับแกะผู้หนึ่งตัว 29และแป้งหนึ่งกิโลกรัมสำหรับลูกแกะหนึ่งตัวของลูกแกะทั้งเจ็ดตัว 30พร้อมกับถวายแพะผู้ตัวหนึ่งสำหรับลบมลทินของพวกเจ้า 31นอกเหนือจากเครื่องบูชาเผาทั้งตัวที่ถวายต่อเนื่องและธัญบูชาที่คู่กันนั้น เจ้าจงถวายพร้อมเครื่องดื่มบูชาด้วย แต่ต้องไม่ให้มีตำหนิ

กันดารวิถี 29

การถวายเครื่องบูชาในเทศกาลเป่าแตร

 1“ในวันที่หนึ่งเดือนที่เจ็ด เจ้าทั้งหลายจงมีการประชุมบริสุทธิ์ ห้ามพวกเจ้าทำงานอาชีพทุกอย่าง ให้เป็นวันซึ่งให้เจ้าทั้งหลายเป่าแตร 2เจ้าจงถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัว เป็นกลิ่นที่พอพระทัยพระยาห์เวห์ คือถวายโคหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว ลูกแกะผู้หนึ่งปีที่ไม่มีตำหนิเจ็ดตัว 3และถวายแป้งอย่างดีเคล้าน้ำมันเป็นธัญบูชาที่คู่กัน คือ แป้ง 3 กิโลกรัมสำหรับโค แป้ง 2 กิโลกรัมสำหรับแกะผู้ 4และแป้งหนึ่งกิโลกรัมสำหรับลูกแกะแต่ละตัวของลูกแกะทั้งเจ็ดตัว 5และถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป เพื่อลบมลทินบาปของเจ้าทั้งหลาย 6นอกเหนือจากเครื่องบูชาเผาทั้งตัวในวันข้างขึ้นและธัญบูชาที่คู่กัน ทั้งเครื่องบูชาเผาทั้งตัวที่ถวายต่อเนื่อง กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาที่คู่กัน ตามกฎเกณฑ์ของเครื่องบูชาเหล่านี้ เป็นกลิ่นที่พอพระทัย เป็นเครื่องบูชาด้วยไฟถวายแด่พระยาห์เวห์

การถวายเครื่องบูชาในวันลบมลทิน

 7“ในวันที่สิบเดือนที่เจ็ดนี้ เจ้าทั้งหลายจงมีการประชุมบริสุทธิ์ เจ้าทั้งหลายจงอดอาหาร และห้ามทำงานอาชีพใดๆ 8แต่เจ้าจงถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวแด่พระยาห์เวห์ ให้เป็นกลิ่นที่พอพระทัย คือถวายโคหนุ่มหนึ่งตัว แกะผู้หนึ่งตัว และลูกแกะผู้อายุหนึ่งปีเจ็ดตัว ต้องไม่มีตำหนิ 9แล้วเอาแป้งอย่างดีเคล้าน้ำมันเป็นธัญบูชาที่คู่กัน คือแป้ง 3 กิโลกรัมสำหรับโค แป้ง 2 กิโลกรัมสำหรับแกะผู้หนึ่งตัว 10และแป้งหนึ่งกิโลกรัมสำหรับลูกแกะแต่ละตัวของลูกแกะทั้งเจ็ดตัว 11และถวายแพะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป นอกเหนือจากเครื่องบูชาลบล้างบาปในการลบมลทิน ทั้งเครื่องบูชาเผาทั้งตัวที่ถวายต่อเนื่อง กับธัญบูชาและเครื่องดื่มบูชาที่คู่กัน

อรรถาธิบาย

พระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่

เมื่อโมเสสใกล้จะสิ้นอายุขัย เขาได้มองเห็นความต้องการอันสิ้นหวังที่คนของพระเจ้ามีต่อผู้นำ เขาจึงอธิษฐานต่อพระเจ้าว่า ‘ขอพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งจิตวิญญาณมนุษย์ทุกคน ทรงแต่งตั้งชายคนหนึ่งให้อยู่เหนือชุมนุม ชนนี้ ผู้ซึ่งจะเข้าออกต่อหน้าเขาทั้งหลาย ผู้ซึ่งจะนำพวกเขาเข้าออก เพื่อว่าชุมนุมชนของพระยาห์เวห์จะไม่เป็น ดุจฝูงแกะที่ปราศจากผู้เลี้ยง’ (27:16-17)

พระเจ้าทรงได้ยินคำอธิษฐานของโมเสสและแต่งตั้งให้โยชูวาเป็นผู้สืบทอด พระเจ้าตรัสถึงโยชูวาว่า ‘วิญญาณอยู่ในเขา!’ (ข้อ 18, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) เมื่อวางมือเจิมลงเหนือเขา โยชูวาก็ได้รับสิทธิอำนาจและกลายเป็นผู้เลี้ยงดูแลประชากรของพระเจ้า ‘ผู้เลี้ยง’ เป็นคำทั่วไปที่หมายถึงกษัตริย์ และผู้ปกครองในเวลานั้น

ความห่วงใยของโมเสสที่มีต่อประชาชนของพระเจ้าเป็นการแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยของพระเยซูที่มีต่อประชาชนของพระองค์ เมื่อพระเยซูเห็นฝูงชนในพันธกิจของพระองค์ ‘พระองค์ทรงสงสารเขาทั้งหลาย เพราะพวกเขาถูกรังควานและไร้ที่พึ่งเหมือนฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง’ (มัทธิว 9:36)

ภาพลักษณ์ของผู้นำคริสเตียนในฐานะผู้เลี้ยงแกะถูกยกขึ้นมาหลาย ๆ ครั้งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ เปโตรเขียนว่า ‘จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน (โดยเอาใจใส่ดูแล)... และไม่เป็นเหมือน ผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ในความดูแล แต่ให้เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น’ (1 เปโตร 5:2-3) พระเยซู ทรงเป็น ‘พระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่’ (ข้อ 4)

พระเยซูตรัสว่า ‘เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ... เรารู้จักแกะของเรา’ (ยอห์น 10:11-14) พระองค์ตรัสว่าวันหนึ่งจะมี ‘ฝูงเดียวและมีผู้เลี้ยงเพียงผู้เดียว’ (ข้อ 16) ผู้เขียนพระธรรมฮีบรู อธิบายถึงพระเยซูว่าทรงเป็น ‘พระผู้เลี้ยงแกะยิ่งใหญ่’ (ฮีบรู 13:20)

ส่วนที่เหลือของเรื่องราวในพระธรรมกันดารวิถี เป็นกฎข้อบังคับสำหรับการกินและการดื่ม เทศกาลทางความ เชื่อและวันสะบาโตนี้ เป็นอีกครั้งได้เล็งไปที่พระเยซู (กันดารวิถี 28-29) อัครทูตเปาโลเขียนไว้ว่า ‘สิ่งเหล่านี้ เป็นเพียงเงาของสิ่งที่มาในภายหลัง แต่ตัวจริงคือพระคริสต์’ (โคโลสี 2:17) พระเยซูทรงเป็นพระผู้เลี้ยง ผู้ยิ่งใหญ่ พระผู้หว่านที่ยิ่งใหญ่ และพระผู้ช่วยให้รอดของโลกนี้

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์นมัสการพระองค์ในวันนี้ในฐานะที่พระองค์ทรงเป็นพระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่ พระผู้หว่านที่ยิ่งใหญ่ และพระผู้ช่วยให้รอดของโลกนี้ ในทางกลับกันขอให้ข้าพระองค์เป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี เป็นผู้หว่านเมล็ดพันธุ์พระวจนะของพระองค์ และเกิดผลร้อยเท่า

เพิ่มเติมโดยพิพพา

ลูกา 8:1-8

ฉันรู้สึกทึ่งมากกับเหล่าผู้หญิงที่เดินทางไปกับพระเยซู และสนับสนุนพันธกิจของพระองค์ ‘ด้วยทรัพย์สิ่งของของพวกนาง’ (ข้อ 3ข) รวมถึงสุสันนา โยอันนา และมารีย์ มักดาลา พวกเธอได้รับการรักษา หรือปลดปล่อยจากวิญญาณชั่ว คูซาสามีของโยอันนาเป็นผู้ดูแลราชสำนักของเฮโรด โยฮันนาปรนนิบัติพระเยซู และคูซาทำงาน ให้เฮโรดนั่นหมายความว่าต้องมีบทสนทนาที่น่าสนใจในบ้านของพวกเขา!

แล้วก็มีมารีย์ มักดาลา เธอถูกเลือกจากกลุ่มโดยพระเยซูและได้รับความไว้วางใจสำหรับข่าวที่น่าตกใจนี้ พระเยซูทรงเลือกผู้หญิงที่มีอดีตอันเลวร้ายเพื่อรับมอบหมายข่าวที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม