8 สิ่งที่มีความสำคัญต่อพระเจ้า
เกริ่นนำ
คุณพ่อกับคุณแม่ของผมเป็นผู้ปกครองที่เยี่ยมมาก พวกท่านมีค่านิยมที่หนักแน่น พี่สาวและตัวผมเองจึงไม่แปลกใจเลยกับสิ่งที่เกิดกับพวกท่าน
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพ่อของผม คือความซื่อสัตย์ ผมจำได้ว่าพ่อเคยพูดว่า ‘พ่อหวังว่าจะมีคนเชื่อ’ พ่อถือว่าความซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดและบางครั้งก็ดูเหมือนจะทำเรื่องให้ยืดยาวเพื่อพยายามรักษามาตรฐานนั้นไว้
ครั้งหนึ่งตอนที่พ่อกับแม่ของผมยังเป็นคู่หมั้นและยังไม่แต่งงานกัน ท่านทั้งสองขึ้นรถบัสผิดสาย พนักงานเก็บค่าโดยสารจึงปฏิเสธที่จะรับเงินโดยสารจากพวกท่านเพราะทั่งคู่เพิ่งจะก้าวขึ้นรถมาได้ครู่เดียว พ่อรู้สึกไม่สบายใจที่ไม่สามารถจ่ายในสิ่งที่ท่านรู้สึกเป็นหนี้ได้ ท่านจึงส่งเงินค่าโดยสารไปให้กับบริษัทรถโดยสารนั้น แต่ทางบริษัทกลับส่งมันกลับมา ส่งผลให้มีการติดต่อกันเป็นเวลานานซึ่งแม่ของผมก็พบว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก (ท่านพูดติดตลกว่าเกือบจะถอนหมั้นไปแล้ว)
ผมยังคงจำเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันนี้ได้ในช่วงวัยเด็ก คุณพ่อของผมอาจจะสุดโต่งไปบ้าง แต่สำหรับผมและพี่สาวแล้ว พวกเราไม่สงสัยเลยว่าสำหรับพ่อสิ่งที่สำคัญ คือความซื่อสัตย์ ในข้อพระคัมภีร์ของเราวันนี้ เราเห็นบางสิ่งที่สำคัญต่อพระเจ้าจริง ๆ
สดุดี 44:1-12
คนในชาติคร่ำครวญและทูลขอความช่วยเหลือ
ถึงหัวหน้านักร้อง มัสคิลบทหนึ่งของตระกูลโคราห์
1ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ยินกับหู
บรรพบุรุษของพวกข้าพระองค์เล่าให้ฟัง
ถึงพระราชกิจซึ่งพระองค์ทรงทำในสมัยของพวกเขา
ในสมัยโบราณกาลนั้น
2พระองค์ทรงขับไล่บรรดาประชาชาติออกไปด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง
แต่พระองค์ทรงปลูกบรรพบุรุษไว้
พระองค์ทรงทำให้ชาวประเทศทั้งหลายทุกข์ใจ
แต่ทรงปล่อยบรรพบุรุษเป็นอิสระ
3เพราะเขาทั้งหลายไม่ได้ยึดแผ่นดินนั้นด้วยดาบของเขาเอง
อีกทั้งแขนของเขาก็มิได้นำชัยชนะมาให้
แต่โดยพระหัตถ์ขวา และพระกรของพระองค์
และโดยความสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์
เพราะพระองค์พอพระทัยเขาเหล่านั้น
4ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของข้าพระองค์
ขอประทานชัยชนะแก่ยาโคบ
5ข้าพระองค์ทั้งหลายดันศัตรูออกไปโดยพระองค์
พวกข้าพระองค์เหยียบบรรดาผู้ที่ต่อสู้ข้าพระองค์ลงโดยพระนามของพระองค์
6เพราะข้าพระองค์มิได้วางใจในคันธนูของข้าพระองค์
และดาบของข้าพระองค์ก็ช่วยข้าพระองค์ให้รอดไม่ได้
7แต่พระองค์ได้ทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้นจากศัตรู
และทรงให้ผู้เกลียดชังพวกข้าพระองค์อับอาย
8ข้าพระองค์ทั้งหลายอวดถึงพระเจ้าเสมอ
และพวกข้าพระองค์จะยกย่องพระนามของพระองค์เป็นนิตย์
9แต่พระองค์ได้ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์ทั้งหลาย และให้พวกข้าพระองค์ขายหน้า
และมิได้เสด็จออกไปกับกองทัพของข้าพระองค์ทั้งหลาย
10พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายล่าถอยจากศัตรู
และคนที่เกลียดพวกข้าพระองค์ก็ได้ของริบไป
11พระองค์ทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นเหมือนแกะที่ใช้เป็นอาหาร
และทรงกระจายพวกข้าพระองค์ไปท่ามกลางบรรดาประชาชาติ
12พระองค์ทรงขายประชากรของพระองค์ไปด้วยราคาถูก
ไม่ทรงได้อะไรจากการขายนั้น
อรรถาธิบาย
1. ความวางใจ
ความวางใจของคุณอยู่ที่ไหน?
การวางความวางใจให้ถูกที่เป็นสิ่งสำคัญ คุณไม่ควรวางใจในกำลังของตัวคุณเอง (‘เพราะเขาทั้งหลายไม่ได้ ยึดแผ่นดินนั้นด้วยดาบของเขาเอง อีกทั้งแขนของเขาก็มิได้นำชัยชนะมาให้… เพราะข้าพระองค์มิได้วางใจในคันธนูของข้าพระองค์’ ข้อ3,6) แต่คุณต้องวางใจพระเจ้า ‘พระองค์ได้ทรงช่วยข้าพระองค์’ (ข้อ 7, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
ผู้เขียนพระธรรมสดุดีได้มองไปข้างหลังและข้างหน้า เมื่อเขามองย้อนกลับไป เขาจะพูดว่า ‘แต่โดยพระหัตถ์ขวา และพระกรของพระองค์และโดยความสว่างแห่งพระพักตร์ของพระองค์ เพราะพระองค์พอพระทัยเขาเหล่านั้น’ (ข้อ 3ข) เมื่อเขามองไปข้างหน้าเขาพูดว่า ‘พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของข้าพระองค์… ข้าพระองค์ ทั้งหลายดันศัตรูออกไปโดยพระองค์ พวกข้าพระองค์เหยียบบรรดาผู้ที่ต่อสู้ข้าพระองค์ลงโดยพระนามของพระองค์…แต่พระองค์ได้ทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้พ้นจากศัตรู’ (ข้อ 4–5,7)
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า เมื่อข้าพระองค์เผชิญกับความท้าทายในวันนี้และในอนาคต ข้าพระองค์ขอบพระคุณสำหรับชัยชนะที่พระองค์ทรงประทานให้ข้าพระองค์ไม่ได้วางอนาคตไว้บนกำลังของตัวเอง แต่ไว้วางใจในพระองค์
ลูกา 13:31-14:14
การทรงคร่ำครวญถึงกรุงเยรูซาเล็ม
31ในเวลานั้นเอง มีพวกฟาริสีบางคนมาทูลพระองค์ว่า “ท่านจงไปจากที่นี่เถิด เพราะว่าเฮโรดต้องการจะฆ่าท่าน” 32พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “จงไปบอกเจ้าหมาจิ้งจอกตัวนั้นว่า ‘จงฟังให้ดี เราขับผีและรักษาโรคในวันนี้และวันพรุ่งนี้ แล้วในวันที่สามเราก็จะเสร็จงาน’ 33แต่ว่าเราจำเป็นจะต้องเดินต่อไปในวันนี้ วันพรุ่งนี้ และวันมะรืนนี้ เพราะว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เผยพระวจนะจะถูกฆ่านอกกรุงเยรูซาเล็ม 34โอ เยรูซาเล็มๆ เมืองที่ฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะและเอาหินขว้างพวกที่ทรงใช้มาหาถึงตาย บ่อยครั้งเราปรารถนาจะรวบรวมลูกๆ ของเจ้าไว้ เหมือนแม่ไก่ที่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่พวกเจ้าไม่ยอม 35นี่แน่ะ นิเวศของพวกเจ้าจะถูกทอดทิ้ง เราบอกพวกเจ้าว่า เจ้าจะไม่เห็นเราจนกว่าพวกเจ้าจะกล่าวว่า ‘ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าหมายถึง พระเจ้าทรงพระเจริญ’”
ลูกา 14
การทรงรักษาชายที่เป็นโรคบวมน้ำ
1เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบ้านผู้นำคนหนึ่งของพวกฟาริสีในวันสะบาโตเพื่อทรงร่วมโต๊ะอาหาร พวกเขาก็คอยดูพระองค์ 2นี่แน่ะ มีคนหนึ่งเป็นโรคบวมน้ำมาอยู่ต่อพระพักตร์พระองค์ 3พระเยซูจึงตรัสถามพวกผู้เชี่ยวชาญบัญญัติและพวกฟาริสีว่า “ถ้าจะรักษาคนป่วยในวันสะบาโตผิดบัญญัติหรือไม่?” 4พวกเขาก็นิ่งอยู่ พระองค์ทรงดึงตัวคนนั้นและทรงรักษาเขาให้หาย แล้วก็ปล่อยเขาไป 5พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ใครในพวกท่านถ้ามีลูกหรือวัวตกบ่อ จะไม่รีบฉุดขึ้นมาในวันสะบาโตหรือ?” 6และพวกเขาตอบข้อนี้ไม่ได้
คำสอนสำหรับแขกและเจ้าของบ้าน
7เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นบรรดาคนที่ได้รับเชิญนั้นเลือกเอาแต่ที่นั่งอันมีเกียรติ พระองค์จึงตรัสเรื่องเปรียบเทียบแก่พวกเขาว่า 8“เมื่อท่านได้รับเชิญไปในการเลี้ยงสมรส อย่านั่งในที่อันมีเกียรติ เกรงว่าเขาจะเชิญคนที่มียศศักดิ์มากกว่าท่านมาด้วย 9และเจ้าภาพคนที่เชิญท่านทั้งสองฝ่ายมานั้น จะมาพูดกับท่านว่า ‘ขอที่นั่งตรงนี้ให้กับท่านผู้นี้เถิด’ แล้วท่านก็จะต้องขายหน้าเลื่อนลงมาอยู่ที่ต่ำสุด 10ฉะนั้นเมื่อท่านได้รับเชิญ จงไปนั่งในที่ต่ำก่อน เพื่อที่ว่าเมื่อเจ้าภาพมาพูดกับท่านว่า ‘เพื่อนเอ๋ย เชิญไปนั่งในที่อันมีเกียรติเถิด’ เมื่อนั้นท่านจะได้รับเกียรติต่อหน้าทุกคนที่ร่วมนั่งรับประทานนั้น 11เพราะว่าทุกคนที่ยกตัวขึ้นจะต้องถูกเหยียดลง และคนที่ถ่อมตัวลงจะได้รับการยกขึ้น”
12แล้วพระเยซูตรัสกับคนที่เชิญพระองค์ว่า “เมื่อท่านจะจัดการเลี้ยงไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือเวลาเย็นก็ตาม อย่าเชิญเฉพาะเพื่อนๆ หรือพี่น้อง หรือญาติๆ หรือบรรดาเพื่อนบ้านที่มั่งมี คาดว่าพวกเขาจะเชิญท่านกลับคืน แล้วท่านจะได้รับการตอบแทน 13แต่เมื่อท่านจัดการเลี้ยงนั้น จงเชิญคนจน คนพิการ คนง่อย และคนตาบอด 14แล้วท่านจะเป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายไม่มีอะไรจะตอบแทนท่าน ส่วนท่านจะได้รับการตอบแทนเมื่อคนชอบธรรมเป็นขึ้นจากตาย”
อรรถาธิบาย
2. ความกล้าหาญ
คุณพบว่า บางครั้งคุณตัดสินใจบางอย่างบนพื้นฐานของความกลัวหรือไม่?
เนลสัน แมนเดลา กล่าวว่า ‘ผมได้เรียนรู้ว่าความกล้าหาญไม่ใช่การปราศจากความกลัว แต่เป็นชัยชนะเหนือมัน ผู้กล้าไม่ใช่คนที่ไม่รู้สึกกลัว แต่เป็นผู้พิชิตความกลัวนั้น’
ไม่น่าแปลกใจหากพูดอย่างมนุษย์ปุถุชนทั่วไปว่า พระเยซูถูกตรึงกางเขนหลังจากการทำพันธกิจสามปี พระองค์เป็นผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ เมื่อพระเยซูตรัสว่า ‘จงหนีไปเพื่อเอาชีวิตรอด! เฮโรดกำลังตามล่า เขาต้องการจะฆ่าท่าน!’ (13:31, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า จงไปบอกเจ้าหมาจิ้งจอกตัวนั้น…’ (ข้อ 32) เราจะได้เห็นว่าพระเยซูมีความกล้าที่จะจัดการกับบุคคลที่มีอำนาจ (และชั่วร้าย) ที่สุดคนหนึ่งในสมัยนั้น
พระเยซูไม่ได้กลัวการเผชิญหน้ากับพวกผู้เชี่ยวชาญบัญญัติและฟาริสี พระองค์ไม่ได้หลีกเลี่ยงพวกเขา แต่พระองค์มักจะใช้เวลากับพวกเขา คงไม่ใช่เรื่องยากนักที่พระองค์จะ ‘ร่วมโต๊ะอาหาร’ (14:1) กับบรรดาคนที่รักและยอมรับพระองค์มากกว่าบรรดาคนที่สงสัย วิพากษ์วิจารณ์และเฝ้าจับตามองพระองค์ทุกฝีก้าว
พระองค์ยังมีความกล้าที่จะรักษาชายคนหนึ่งที่ ‘ข้อต่อบวมมาก’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ในวันสะบาโตซึ่งทำให้พระองค์ต้องเผชิญหน้ากับพวกฟาริสีเกี่ยวกับความคิดเห็นของพวกเขาต่อเรื่องนี้
3. ความกรุณา
หัวใจของคุณถูกกระตุ้นด้วยผู้คนที่คุณพบเจอหรือไม่?
พระเยซูไม่เพียงแต่สงสารเฉพาะบุคคล (เช่น การรักษาคนที่เจ็บป่วย, ข้อ 4) แต่พระองค์ยังมีความเห็นอกเห็นใจต่อบ้านเมืองอีกด้วย (เยรูซาเล็ม) ในข้อนี้พระองค์ทรงใช้ภาพของมารดาเพื่อบรรยายความรักที่ พระองค์มีต่อเมืองของพระเจ้า ‘บ่อยครั้งเราปรารถนาจะรวบรวมลูก ๆ ของเจ้าไว้ เหมือนแม่ไก่ที่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน’ (13:34) (สิ่งที่น่าสนใจคือพระองค์วางพระองค์เองในฐานะของพระเจ้า และแสดงออกมาในภาพของทั้งเพศชายและหญิงซึ่งปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์)
พระเยซูทรงแสดงถึงพระกรุณาอย่างถึงที่สุด โดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อเรา
เรื่องเล่าจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน สหรัฐอเมริกา เมื่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าได้ประเมินความเสียหาย เขาพบว่ามีนกตัวหนึ่งนอนตายอยู่ มันถูกเผาจนดำและเป็นเถ้าถ่านอยู่ที่ใต้ต้นไม้ มันเป็นภาพที่ค่อนข้างน่าหดหู่ใจเขาจึงเขี่ยนกตัวนั้นด้วยไม้ ทันใดนั้นลูกนกสามตัวก็วิ่งออกมาจากใต้ปีกของแม่ที่ตายไปแล้ว นั่นเป็นเพราะแม่ของมันเต็มใจที่จะตายอันเนื่องมาจากความรักที่มีต่อลูก ๆ ของมัน ลูกนกที่อยู่ใต้ปีกของแม่จึงมีชีวิตอยู่เช่นเดียวกับพระเยซูแม่ไก่ของเรา พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อปกป้องเรา
4. ความถ่อมตน
คุณกังวลเกี่ยวกับสถานะของคุณเมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ หรือไม่?
พระเยซูตรัสถึงความถ่อมตน พระองค์บอกเราให้ ‘จงไปนั่งในที่ต่ำก่อน’ (14:10) พระองค์กล่าวว่า ‘อย่านั่งในที่อันมีเกียรติ... เพราะว่าทุกคนที่ยกตัวขึ้นจะต้องถูกเหยียดลง และคนที่ถ่อมตัวลงจะได้รับการยกขึ้น’ (ข้อ 8, 11)
พระคัมภีร์จาก The Message กล่าวว่า ‘ถ้าท่านเดินไปรอบ ๆ ด้วยความยกตัว ท่านก็จะถูกเหยียดลง แต่ถ้าท่านพอใจที่จะเป็นตัวของตัวเองท่านก็จะเป็นมากกว่าตัวท่านเอง’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
5. ความขัดสน
คุณถูกล่อลวงให้ใช้เวลากับคนที่มีอิทธิพล และมั่งคั่งที่จะสามารถตอบแทนคุณได้หรือไม่?
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พระคัมภีร์ได้พูดถึง ‘คนยากจน’ เราสามารถพบได้ทั้งในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมและพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ สิ่งที่สำคัญสำหรับพระเจ้าคือทัศนคติของคุณที่มีต่อคนยากจน
พระเยซูตรัสว่า ‘เมื่อท่านจัดการเลี้ยงนั้น จงเชิญคนจน คนพิการ คนง่อย และคนตาบอด…แล้วท่านจะเป็นสุข’ (ข้อ 13–14) พระเยซูทรงหนุนใจเราให้ค้นหาคนยากจนในชุมชนของเรา เราต้องใช้เวลาของเรารับใช้ผู้ที่ ‘ไม่สามารถตอบแทนกลับได้’ (ข้อ 14, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
โมเสสกล่าวว่า ‘เพื่อจะไม่มีคนยากจนท่ามกลางท่าน’ (เฉลยธรรมบัญญัติ 15:4) เขายังกล่าวอีกว่า ‘คนจนจะไม่หมดไปจากแผ่นดิน’ (ข้อ 11) พระเยซูตรัสบางอย่างที่คล้ายกัน ‘คนยากจนมีอยู่กับท่าน ทั้งหลายเสมอ’ (มัทธิว 26:11) ความจริงก็คือการที่คนยากจนมีอยู่กับเราตลอดไป ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ควรหยุดแสวงหาหนทางการขจัดความยากจน
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเยซูโปรดช่วยข้าพระองค์ให้เป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นที่ข้าพระองค์จะกล้าหาญมากขึ้น มีความกรุณาและถ่อมตนมากขึ้น ขอพระองค์ประทานหัวใจของพระองค์แก่ข้าพระองค์ที่มีต่อคนยากจน ประทานสายพระเนตรของพระองค์ที่จะได้เห็นพวกเขา และโปรดประทานพระทัยของพระองค์ที่ข้าพระองค์จะรับใช้พวกเขา
เฉลยธรรมบัญญัติ 15:1-16:20
กฎหมายเกี่ยวกับปีสะบาโต
1“เมื่อครบทุกเจ็ดปีท่านจงมีการปลดปล่อย 2ให้ทำการปลดปล่อยดังนี้ เจ้าหนี้ทุกคนจงยกหนี้ให้เพื่อนบ้านของตน ห้ามบีบบังคับเอาคืนจากเพื่อนบ้านหรือพี่น้องของตน เพราะว่าได้ประกาศการปลดปล่อยของพระยาห์เวห์แล้ว 3ท่านจะทวงจากคนต่างชาติคืนได้ แต่ถ้าท่านมีของสิ่งใดซึ่งอยู่กับพี่น้อง ก็ให้หลุดไป 4เพื่อจะไม่มีคนยากจนท่ามกลางท่าน (เพราะพระยาห์เวห์จะทรงอวยพรท่านอย่างมากมายในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่านเป็นมรดกให้ยึดครองนั้น) 5ถ้าท่านเพียงแต่ตั้งใจจะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ระวังที่จะทำตามพระบัญญัติทั้งสิ้นซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ 6เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรท่านดังที่พระองค์ทรงสัญญาต่อท่านนั้น ท่านจะให้หลายประชาชาติยืมแต่ท่านจะไม่ต้องขอยืมเลย ท่านจะปกครองเหนือชนชาติมากมาย แต่พวกเขาจะไม่ปกครองเหนือท่าน
7“ถ้าท่ามกลางท่านมีคนจนคนหนึ่งซึ่งเป็นพี่น้องของท่านอยู่ในเมืองใดๆ ในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน ท่านอย่ามีใจแข็ง อย่าหดมือของท่านไว้เสียจากพี่น้องของท่านที่ยากจนนั้น 8แต่ท่านจงยื่นมือของท่านให้เขา และให้เขายืมจนพอแก่ความต้องการของเขาที่เขาขาดอยู่นั้น 9จงระวังให้ดีเกรงว่าจะมีการคิดร้ายในใจของท่านว่า ‘ปีที่เจ็ด ปีที่จะต้องปลดปล่อยมาถึงแล้ว’ และท่านก็มองพี่น้องยากจนของท่านในแง่ร้าย ท่านจึงไม่ยอมให้อะไรเขาเลยและเขาจะฟ้องร้องท่านต่อพระยาห์เวห์ บาปก็จะตกแก่ท่าน 10ท่านจงให้เขาด้วยเต็มใจ และเมื่อให้เขาแล้วอย่ามีจิตคิดเสียดาย ในกรณีนี้พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรแก่ท่านในกิจการทั้งสิ้นของท่านไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด 11เพราะว่าคนจนจะไม่หมดไปจากแผ่นดิน เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงบัญชาท่านว่า ท่านต้องยื่นมือให้อย่างใจกว้างต่อพี่น้องของท่าน คือต่อคนขัดสนคนยากจน ซึ่งอยู่ในแผ่นดินของท่าน
12“ถ้าพี่น้องของท่านซึ่งเป็นคนฮีบรูไม่ว่าชายหรือหญิงถูกขายไว้กับท่าน จงให้ปรนนิบัติท่านหกปี เมื่อถึงปีที่เจ็ด ท่านจงปล่อยเขาเป็นอิสระพ้นจากท่านไป 13และเมื่อท่านปล่อยเขาเป็นอิสระไปจากท่าน ท่านอย่าปล่อยเขาไปมือเปล่า 14ท่านจงมีใจกว้างขวางจัดของให้เขา เป็นของจากฝูงแพะแกะของท่าน จากลานนวดข้าวของท่าน และจากบ่อย่ำองุ่นของท่าน ท่านจงให้เขาตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงอวยพรแก่ท่าน 15ท่านจงจำไว้ว่าท่านเคยเป็นทาสในแผ่นดินอียิปต์ และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงไถ่ท่านไว้ เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงบัญชาเรื่องนี้แก่ท่านในวันนี้ 16แต่ถ้าทาสนั้นจะกล่าวกับท่านว่า ‘ข้าพเจ้าจะไม่ไปจากท่าน’ เพราะเขารักท่านและครอบครัวของท่าน เพราะเขามีความสุขเมื่ออยู่กับท่าน 17จงเอาเหล็กแทงใบหูของเขาให้ทะลุไปติดกับประตู และเขาจะเป็นทาสของท่านตลอดไป ท่านจงทำเช่นนี้แก่ทาสหญิงด้วย 18เมื่อท่านปล่อยเขาให้เป็นอิสระนั้น ท่านอย่ารู้สึกหนักใจ เพราะเขาได้รับใช้ท่านมาหกปี ด้วยแรงงานสองเท่าของค่าแรงของลูกจ้าง และพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรแก่ท่าน ในทุกสิ่งที่ท่านได้ทำนั้น
สัตว์หัวปีจากฝูง
19“สัตว์ตัวผู้หัวปีซึ่งเกิดในฝูงโคหรือฝูงแพะแกะของท่านนั้น ท่านจงถวายไว้ให้บริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ท่านห้ามใช้โคหัวปีทำงานหรือตัดขนจากแกะหัวปี 20ท่านและครอบครัวของท่าน จงรับประทานสัตว์หัวปีนั้นเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทุกๆ ปี ในสถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์จะทรงเลือกไว้นั้น 21แต่ถ้าสัตว์นั้นมีตำหนิใดๆ คือขาเกหรือตาบอดหรือมีตำหนิร้ายแรงอย่างใด ห้ามถวายบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน 22ท่านจงรับประทานสัตว์นั้นภายในเมืองของท่าน คนมลทินและคนสะอาดก็รับประทานได้เช่นเดียวกัน เหมือนเป็นละมั่งหรือกวาง 23เพียงแต่ห้ามรับประทานเลือดของมันเท่านั้น ท่านจงเทลงบนดินเหมือนเทน้ำ
เฉลยธรรมบัญญัติ 16
ทบทวนพิธีปัสกา
1“ท่านจงถือเดือนอาบีบชื่อเดิมของเดือนแรกตามปฏิทินของคนอิสราเอล ต่อมาเรียกว่าเดือนนิสาน ประมาณกลางเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายนโดยถือปัสกา แด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน เพราะว่าในเดือนอาบีบนั้น พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงนำท่านออกจากอียิปต์ในเวลากลางคืน 2และจงถวายปัสกาแปลว่า การผ่านเว้นเป็นเครื่องบูชาแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจากฝูงแพะแกะหรือฝูงโค ณ ที่ซึ่งพระยาห์เวห์จะทรงเลือกไว้ให้พระนามของพระองค์ประทับที่นั่น 3ห้ามรับประทานขนมปังมีเชื้อกับปัสกา ตลอดเจ็ดวันท่านจงรับประทานขนมปังไร้เชื้อกับปัสกา เป็นขนมปังแห่งความทุกข์ใจ เพราะท่านออกมาจากแผ่นดินอียิปต์อย่างรีบเร่ง เพื่อท่านจะระลึกถึงวันที่ท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์นั้นตลอดชีวิตของท่าน 4ตลอดเจ็ดวันนั้นไม่ให้เห็นเชื้อขนมทั่วอาณาเขตของท่าน และไม่ให้เนื้อสัตว์ซึ่งท่านได้บูชาในเวลาเย็นวันแรกเหลืออยู่จนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น 5ห้ามถวายปัสกาภายในเมืองซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน 6แต่จงถวายปัสกา ณ สถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเลือกไว้ให้พระนามของพระองค์ประทับที่นั่น ท่านจงถวายปัสกาในเวลาเย็นเมื่อดวงอาทิตย์ตกแล้ว คือเวลาเดียวกับที่ท่านออกจากอียิปต์ 7ท่านจงทำให้สุกและรับประทานในสถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเลือกไว้ พอรุ่งเช้าท่านจงกลับไปสู่เต็นท์ของท่าน 8ท่านจงรับประทานขนมปังไร้เชื้อหกวัน แต่ในวันที่เจ็ดเป็นวันประชุมถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ในวันนั้นห้ามทำการงานใดๆ
ทบทวนเทศกาลสัปดาห์
9“ท่านจงนับให้ครบเจ็ดสัปดาห์ จงตั้งต้นนับเจ็ดสัปดาห์เริ่มด้วยวันแรกที่ท่านใช้เคียวเกี่ยวข้าว 10ท่านจงถือเทศกาลสัปดาห์ ถวายแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ตามขนาดของถวายตามใจสมัครจากมือของท่าน ซึ่งท่านจะถวายตามที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงอวยพรแก่ท่าน 11ท่านจงยินดีเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ทั้งตัวท่านและบุตรชายหญิงของท่าน ทั้งทาสทาสีของท่าน คนเลวีซึ่งอยู่ในเมืองของท่าน ทั้งคนต่างด้าว เด็กกำพร้า และแม่ม่ายซึ่งอยู่ท่ามกลางท่าน ณ สถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงเลือกไว้ให้พระนามของพระองค์ประทับที่นั่น 12จงระลึกว่าท่านเคยเป็นทาสในอียิปต์ จงระวังที่จะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เหล่านี้
ทบทวนเทศกาลอยู่เพิง
13“ท่านจงถือเทศกาลอยู่เพิงเจ็ดวัน เมื่อท่านเก็บรวบรวมพืชผลของท่านจากลานนวดข้าว และจากบ่อย่ำองุ่นของท่านแล้ว 14ในการเลี้ยงนั้นท่านจงยินดี ทั้งท่านและบุตรชายหญิงของท่าน และทาสทาสีของท่าน ทั้งคนเลวีและคนต่างด้าว ทั้งเด็กกำพร้าและแม่ม่ายซึ่งอยู่ในเมืองของท่าน 15ท่านจงถือเทศกาลเลี้ยงนั้นแด่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านเจ็ดวัน ณ สถานที่ซึ่งพระยาห์เวห์จะทรงเลือกไว้ เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านจะทรงอวยพรแก่พืชผลทั้งสิ้นของท่าน และแก่งานทุกอย่างที่มือท่านทำ เพื่อท่านจะมีแต่ความยินดี
16“ผู้ชายของท่านทุกคนจะต้องเข้ามาเฝ้าพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านปีละสามครั้ง ณ สถานที่ซึ่งพระองค์จะทรงเลือกไว้ในเทศกาลกินขนมปังไร้เชื้อ เทศกาลสัปดาห์ และเทศกาลอยู่เพิง อย่าให้เขาไปเข้าเฝ้าพระยาห์เวห์มือเปล่า 17ให้แต่ละคนถวายตามความสามารถของตน ตามพระพรที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน
การปกครองบ้านเมืองของผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่
18“ท่านจงแต่งตั้งผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ตามเมืองของท่าน ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน ตามเผ่าต่างๆ ของท่าน ให้พวกเขาพิพากษาประชาชนตามความยุติธรรม 19ห้ามทำให้เสียความยุติธรรม ห้ามลำเอียง ห้ามรับสินบน เพราะว่าสินบนทำให้ตาของคนมีปัญญาบอดไป และกลับคดีของคนชอบธรรมเสีย 20ท่านจงติดตามความยุติธรรมคือ ความยุติธรรมเท่านั้น เพื่อท่านจะมีชีวิตและได้ยึดครองแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน
อรรถาธิบาย
6. ความมีใจกว้าง
คุณพบว่าตัวเองเคยเป็นคนที่ใจร้าย หรือ ขี้เหนียวบ้างหรือไม่?
หลักการของความใจกว้างที่ปรากฏในพระคัมภีร์คือ ‘อย่ามีใจแข็ง’ (15:7) เมื่อคุณเห็นความยากจนและความต้องการ ‘อย่าหดมือ’ (ข้อ 7) แต่ ‘จงยื่นมือ’ (ข้อ 8) ให้กับคนเหล่านั้นที่ขัดสน หากมีผู้ขัดสนต้องการขอยืม คุณควร ‘ให้เขายืมจนพอแก่ความต้องการของเขาที่เขาขาดอยู่นั้น’ (ข้อ 8) โดยไม่มีดอกเบี้ย ให้อย่างไม่เห็นแก่ตัวและปราศจากความขุ่นเคืองใจ เราควร ‘ใจกว้างอยู่เสมอ เปิดกระเป๋าเงินและให้การช่วยเหลือ’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)
การให้ของคุณเป็นการตอบสนองต่อพระทัยที่กว้างขวางของพระเจ้าที่มีต่อคุณ: ‘ท่านจงให้เขาตามที่ พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงอวยพรแก่ท่าน’ (ข้อ 14)
7. ระลึกถึง
คุณลืมสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำเพื่อคุณได้อย่างง่ายดายหรือไม่?
ประชากรของพระเจ้าถูกเรียกให้ ‘จำไว้ว่าท่านเคยเป็นทาสในแผ่นดินอียิปต์’ (ข้อ 15; 16:12) ‘เพื่อท่านจะระลึกถึงวันที่ท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์นั้นตลอดชีวิตของท่าน’ (ข้อ 3) เป็นส่วนหนึ่งในวันสำคัญคือพิธีปัสกา (ข้อ 1-8) เทศกาลสัปดาห์ (ข้อ 9-12) และเทศกาลอยู่เพิง (ข้อ 13-17) ซึ่งทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการระลึกถึง (ดูข้อ 3 ‘จะระลึกถึง...’)
ความหมายหนึ่งของการรับพิธีมหาสนิท คือ เป็นการเตือนให้ระลึกถึงการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูอยู่เสมอ พระองค์ทรงช่วยคุณให้พ้นจากการเป็นทาสของบาปและความตาย และทำให้คุณมีอิสระที่จะรู้จักพระเจ้าและรับชีวิตที่บริบูรณ์ซึ่งแท้ที่จริงแล้วคือชีวิตนิรันดร์
8. ความยุติธรรม
คุณสนใจเกี่ยวกับความยุติธรรมหรือไม่?
ความยุติธรรมมีค่าสูงสำหรับพระเจ้า ความซื่อสัตย์มีความสำคัญต่อพระองค์ (พ่อของผมพูดถูก!) ‘ท่านจงแต่งตั้งผู้พิพากษา…เพื่อตัดสินประชาชนอย่างยุติธรรมและซื่อตรง อย่าบิดกฎหมาย อย่าลำเอียง’ (ข้อ 18-19ก, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) ‘จงติดตามความยุติธรรม คือ ความยุติธรรมเท่านั้น’ (ข้อ 20)
หลักนิติธรรมมีความสำคัญมาก ในที่ที่ปราศจากการพิพากษา หรือผู้คนถูกพิพากษาอย่างไม่ยุติธรรมส่งผล ให้เราได้เห็นถึงความอยุติธรรมและความทุกข์ทรมานไปทั่วโลก มีหลายพื้นที่ในโลกที่ตำรวจและผู้พิพากษารับสินบน ดังนั้นความสำคัญของคำสั่งที่ว่า ‘ห้ามรับสินบน เพราะว่าสินบนทำให้ตาของคนมีปัญญาบอดไป และกลับคดีของคนชอบธรรมเสีย’ (ข้อ 19) ในกรณีที่หลักนิติธรรมไม่เข้มงวด ผู้บริสุทธิ์ก็อาจถูกจับกุมและคุมขังได้อย่างง่ายดายเพียงเพราะมีคนไม่ซื่อสัตย์และรับสินบน
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ค่านิยมของข้าพระองค์เป็นเหมือนค่านิยมของพระองค์มากขึ้น ขอให้ความคิด และวิถีของข้าพระองค์เป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น ขอให้สิ่งที่สำคัญสำหรับข้าพระองค์เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับพระองค์
เพิ่มเติมโดยพิพพา
ลูกา 13:34
‘โอ เยรูซาเล็ม ๆ เมืองที่ฆ่าบรรดาผู้เผยพระวจนะและเอาหินขว้างพวกที่ทรงใช้มาหาถึงตาย บ่อยครั้งเราปรารถนาจะรวบรวมลูก ๆ ของเจ้าไว้ เหมือนแม่ไก่ที่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่พวกเจ้าไม่ยอม!’
การที่ต้องเห็นการทำลายล้างอย่างชั่วร้ายในตะวันออกกลางและส่วนอื่น ๆ ของโลกยังคงเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจของพระเยซูแตกสลาย
App
Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.
อีเมล
Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.
เว็บไซต์
Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.
การอ้างอิง
ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)