วัน 30

พระเจ้าตอบคำอธิษฐานของคุณทั้งหมดไหม

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 17:13-15
พันธสัญญาใหม่ มัทธิว 20:20-34
พันธสัญญาเดิม โยบ 15:1-18:21

เกริ่นนำ

ผมรักกีฬาคริกเก็ต อย่างน้อยก็ชอบดูมันแต่เล่นไม่เก่งเอาซะเลย แต่ผมรู้ว่าหลายคนไม่ชอบคริกเก็ต และไม่เข้าใจกฎของมันด้วยซ้ำ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพวกเขามาจากประเทศที่ไม่ได้เป็นกีฬายอดนิยม) ดังนั้นผมหวังว่าคุณจะให้อภัยที่ผมใช้คริกเก็ตในการเปรียบเทียบนี้

เมื่อมือตีลูกสองคนกำลังวิ่งไปมาระหว่างไม้คริกเก็ตในสนาม พวกเขาจำเป็นต้องประสานงานกันในการตัดสินใจว่าจะวิ่งหรือไม่ คนหนึ่งจะตะโกนบอกอีกคนว่า ‘ใช่' (นั่นคือ ‘ไปกันเลย’) หรือ ‘ไม่’ (นั่นคือ ‘อยู่กับที่’) หรือ ‘รอก่อน’ (นั่นคือ ‘มาดูซิว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือไม่’)

พระเจ้าทรงสดับฟังคำอธิษฐานทั้งสิ้นของคุณ (สดุดี 139:4,1 ยอห์น 5:14–15, 1เปโตร 3:12) และในอีกแง่หนึ่งพระองค์ทรงตอบคำอธิษฐานทั้งหมดของคุณด้วยเช่นกัน แต่ถึงกระนั้นเราไม่ได้รับสิ่งที่เราขอเสมอไป เมื่อเราขออะไรจากพระเจ้าคำตอบจะเป็น ‘ได้’ หรือ ‘ไม่ได้’ หรือ ‘รอก่อน’

จอห์น สตอตต์ เขียนไว้ว่าพระเจ้าจะตอบว่า ‘ไม่’ หากสิ่งที่เราขอนั้น ‘ไม่ดีในตัวมันเองหรือไม่ดีสำหรับเราหรือสำหรับคนอื่น ๆ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ทันทีหรือท้ายที่สุด’

เราไม่อาจรู้เหตุผลเสมอไปว่าทำไมคำตอบคือ ‘ไม่ได้’ เราต้องระลึกไว้เสมอว่าพระเจ้ามองเห็นสิ่งต่างๆจากมุมมองของชีวิตนิรันดร์และมีบางสิ่งที่เราอาจไม่เคยเข้าใจในชีวิตนี้

ในพระธรรมวันนี้เราจะเห็นตัวอย่างของการตอบสามอย่างจากพระเจ้า

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 17:13-15

13ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงลุกขึ้นปะทะเขา และคว่ำเขาลง
 ขอทรงช่วยชีวิตข้าพระองค์ให้พ้นจากคนอธรรมด้วยดาบของพระองค์
14ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้พ้นจากมนุษย์โดยพระหัตถ์ของพระองค์
 คือพ้นจากมนุษย์ผู้ซึ่งส่วนแบ่งของชีวิตอยู่ในโลกนี้
 พระองค์ทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงรักได้อิ่มท้อง
 ลูกหลานของพวกเขาก็อิ่มเอม
 และทิ้งความมั่งคั่งไว้แก่ลูกอ่อนของตน
15ส่วนข้าพระองค์นั้น จะเฝ้าดูพระพักตร์ของพระองค์ในความชอบธรรม
 เมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้น ข้าพระองค์จะอิ่มเอมใจด้วยพระลักษณะของพระองค์

อรรถาธิบาย

เมื่อพระเจ้าตอบว่า ‘ได้’

สิ่งแรกที่คุณทำเมื่อตื่นนอนตอนเช้าคืออะไร ดาวิดยกตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมให้เรา ‘ส่วนข้าพระองค์...ข้าพระองค์จะอิ่มเอิบใจด้วยพระลักษณะของพระองค์และมีความสนิทสนมอันหวานชื่นกับพระองค์’ (ข้อ 15, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) เขาเริ่มต้นทุกวันด้วยการแสวงหาการทรงสถิตของพระเจ้าและความพอพระทัยของพระองค์

หัวใจสำคัญของการอธิษฐาน ไม่ใช่แค่การขอสิ่งต่างๆเท่านั้น แต่มันเกี่ยวกับการแสวงหาพระพักตร์ของพระเจ้า และชื่นบานไปกับ ‘ความสนิทสนมอันหวานชื่นกับพระองค์'

นี่คือบริบทของคำอธิษฐานของดาวิด เขาได้ร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู (ข้อ 13–14) พระเจ้าทรงสดับฟังและตอบคำอธิษฐานของเขาด้วยการตอบสนองเชิงบวกว่า ‘ได้’

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ทุกวันเมื่อข้าพระองค์ตื่นขึ้น โปรดเมตตาให้ข้าพระองค์มีความสุขกับการติดสนิทกับพระองค์และ ‘อิ่มเอมใจด้วยพระลักษณะของพระองค์’ (ข้อ 15ข)

พันธสัญญาใหม่

มัทธิว 20:20-34

คำทูลขอของยากอบและยอห์น

 20ขณะนั้นมารดาของบุตรทั้งสองของเศเบดี มาเฝ้าพระองค์พร้อมกับบุตร นางกราบและทูลขอสิ่งหนึ่งจากพระองค์ 21พระองค์จึงตรัสถามนางว่า “ท่านปรารถนาอะไร?” นางทูลว่า “ขอพระองค์รับสั่งตั้งบุตรทั้งสองของข้าพระองค์ให้นั่งเบื้องขวาพระหัตถ์คนหนึ่ง และเบื้องซ้ายคนหนึ่งในราชอาณาจักรของพระองค์” 22แต่พระเยซูตรัสตอบว่า “พวกท่านไม่เข้าใจในสิ่งที่ขอนั้น ถ้วยที่เราจะดื่มนั้นท่านจะดื่มได้หรือ?” พวกเขาทูลว่า “ได้พระเจ้าข้า” 23พระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “พวกท่านจะดื่มถ้วยของเราแน่ แต่การที่จะให้นั่งข้างขวาและข้างซ้ายของเรานั้นไม่ใช่เราเป็นผู้ให้ แต่จะให้กับคนเหล่านั้นที่พระบิดาของเราทรงเตรียมไว้” 24เมื่อสาวกสิบคนนั้นได้ยินแล้วก็โกรธพี่น้องสองคนนั้น 25พระเยซูทรงเรียกพวกเขามาตรัสว่า “พวกท่านรู้อยู่ว่าบรรดาผู้ครอบครองของคนต่างชาติ ย่อมเป็นเจ้านายอยู่เหนือพวกเขา และพวกที่เป็นใหญ่ก็ใช้อำนาจบังคับเขา 26ในพวกท่านจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ถ้ามีใครต้องการเป็นใหญ่ในพวกท่าน คนนั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติของท่าน 27และถ้าใครต้องการจะเป็นนาย คนนั้นจะต้องเป็นทาสของพวกท่าน 28เหมือนบุตรมนุษย์ที่ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก”

การทรงรักษาคนตาบอดสองคน

 29เมื่อพระองค์กับพวกสาวกกำลังออกไปจากเมืองเยรีโค มีมหาชนติดตามพระองค์ไป 30และมีคนตาบอดสองคนนั่งอยู่ริมหนทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูเสด็จมา จึงร้องว่า “[องค์พระผู้เป็นเจ้า] ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาพวกข้าพระองค์เถิด” 31ฝูงชนก็ห้ามเขาทั้งสองและให้นิ่งเสีย แต่เขายิ่งร้องขึ้นอีกว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาพวกข้าพระองค์เถิด” 32พระเยซูทรงหยุดยืนอยู่ ทรงเรียกเขามาและตรัสว่า “ท่านทั้งสองต้องการให้เราทำอะไรเพื่อท่าน” 33เขาทั้งสองทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้นัยน์ตาของข้าพระองค์ทั้งสองหายบอด” 34พระเยซูทรงแตะต้องนัยน์ตาของเขาทั้งสองด้วยพระทัยสงสาร ในทันใดนั้นเขาทั้งสองก็มองเห็น และติดตามพระองค์ไป

อรรถาธิบาย

เมื่อพระเจ้าตอบว่า “ไม่ได้” ในคำร้องขออันหนึ่ง และ “ได้” ในคำร้องขออีกอัน

ริค วอร์เรน กล่าวว่า ‘เมื่อคำอธิษฐานไม่ถูกต้องพระเจ้าตอบว่า “ไม่ได้” เมื่อขอไม่ถูกเวลาพระเจ้าตอบว่า “ช้าก่อน” เมื่อคุณมีท่าทีที่ผิด พระเจ้าตอบว่าจง “เติบโต” แต่เมื่อคำทูลขอนั้นถูกต้องและถูกเวลาและคุณพร้อม พระเจ้าก็ตอบว่า “ได้เลย”'

ในพระธรรมตอนนี้เราเห็นคำทูลขอสองข้อ คำขอแรกจะได้รับคำตอบว่า ‘ไม่’ (ข้อ 20–28) และคำตอบที่สองคือ ‘ได้’ (ข้อ 29–34)

1.\tสองคำขอ

ในทั้งสองเหตุการณ์พระเยซูถามว่า ‘ท่านปรารถนาอะไร?’ พระองค์ตรัสกับมารดาของบุตรชายของเศเบดีว่า ‘ท่านปรารถนาอะไร?’ (ข้อ 21) เช่นเดียวกันพระองค์ตรัสกับชายตาบอดทั้งสองว่า ‘ท่านทั้งสองต้องการให้เราทำอะไรเพื่อท่าน’ (ข้อ 32)

เป็นที่แน่ชัดว่าพวกเขาต้องการอะไร (ในกรณีของคนเขาตาบอด พวกเขาก็ต้องอยากเห็น) แต่พระเจ้าต้องการให้เรามีส่วนร่วมกับพระองค์ อัครทูตยากอบกล่าวว่า ‘ท่านไม่มีเพราะไม่ได้ขอ’ (ยากอบ 4:2) พระเยซูตรัสว่า ‘จงขอแล้วจะได้เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้’ (มัทธิว 7:7–8) ดูเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุด แต่จุดเริ่มต้นของการตอบคำอธิษฐานจากพระเจ้าคือ การที่เราต้องอธิษฐานขอนั่นเอง

2. สองคำตอบ

สิ่งที่ชายตาบอดทูลขอพระเยซูทรงตอบว่า ‘ได้’ ‘พระเยซูทรงแตะต้องนัยน์ตาของเขาทั้งสองด้วยพระทัยสงสาร ในทันใดนั้นเขาทั้งสองก็มองเห็น และติดตามพระองค์ไป’ (ข้อ 34)

ในทางกลับกันพระเยซูตรัสว่า ‘ไม่’ กับมารดาของบุตรของเศเบดี การตอบสนองนี้กรั่นมาจากความเมตตา คำขอของเธอนั่นเพื่อความรุ่งโรจน์ อำนาจและตำแหน่งสำหรับลูก ๆ ของเธอ พระองค์ชี้ให้เห็นว่าเธอดูเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายทั้งหมดของคำทูลขอนี้

พระองค์ตรัสว่า ‘ถ้วยที่เราจะดื่มนั้นท่านจะดื่มได้หรือ?' (ข้อ 22) ผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เดิมได้กล่าวถึง ‘จอกแห่งพระพิโรธของ (พระเจ้า) พระองค์’ ในหลาย ๆ ตอน (อิสยาห์ 51:17–22 เยเรมีย์ 25:15–29)

น่าสะเทือนใจที่พระเยซูตรัสถึงการดื่มถ้วยนี้ด้วยพระองค์เอง พระองค์กำลังจะ ‘ให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก’ (มัทธิว 20:28) คำว่า ‘เพื่อ’ (‘anti’) ในภาษากรีกหมายถึง ‘แทนที่’ นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดเกี่ยวกับพระเยซูในพระคัมภีร์ใหม่ที่อธิบายถึงการสิ้นพระชนม์ของพระองค์แทนที่เรา

3. สองเหตุผล

อัครทูตยากอบเขียนไว้ว่า ‘พวกท่านขอและไม่ได้รับเพราะขอผิด’ (ยากอบ 4:3) เบื้องหลังคำทูลขอนี้มีแรงจูงใจที่แตกต่างไป คำขอทั้งสองเกี่ยวข้องกับอำนาจของพระเจ้า โดยคำขอของชายตาบอดมาจากการยอมรับว่าพระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและปรารถนาในสิ่งที่ดี (มัทธิว 20:30–33) ในทางกลับกันพระเยซูทรงชี้ให้เห็นว่า คำขอของมารดานั้นมาจากความปรารถนาที่จะให้ ‘เป็นใหญ่’ เหนือผู้อื่น (ข้อ 25)

ความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงไม่ได้มาจากการเป็นใหญ่เหนือผู้อื่นหรือจากสิ่งที่โลกถือว่าเป็นความสำเร็จ (ความมั่งคั่ง ตำแหน่ง ชื่อเสียงหรือการมีพันธกิจที่ ‘ประสบความสำเร็จ’) แต่พระเยซูตรัสว่าความยิ่งใหญ่ที่แท้จริงมาจากการเป็น ‘ผู้รับใช้’ เราสามารถทำตามแบบอย่างพระองค์ในการที่ ‘ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อปรนนิบัติคนอื่น’ (ข้อ 26–28) นี่คือตัวอย่างท่าทีของสาวกที่ผิดและพระเจ้าตรัสว่าจง ‘เติบโต’

ผมคิดว่าผมได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นในชีวิต จากช่วงที่คำอธิษฐานเหมือนจะไม่ได้ มากกว่าช่วงเวลาที่ ‘ได้' แน่นอนว่าเหล่าสาวกต้องเรียนรู้อย่างมากมายจากการที่พระเจ้า ‘ไม่ตอบคำอธิษฐาน' นี้

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับบทเรียนที่เราได้เรียนรู้จากการที่ทรง ‘ไม่ตอบคำอธิษฐาน’ ขอบคุณพระองค์ที่ทรงแสดงให้เราเห็นถึงความยิ่งใหญ่ที่แท้จริง โปรดเมตตาข้าพระองค์ให้อุทิศชีวิตเพื่อรับใช้พระองค์และรับใช้ผู้อื่นต่อไป

พันธสัญญาเดิม

โยบ 15:1-18:21

เอลีฟัสว่าโยบทำลายความเชื่อ

1แล้วเอลีฟัสชาวเทมานตอบว่า
2“ควรที่คนมีปัญญาจะตอบด้วยความรู้ลมๆ แล้งๆ
 และบรรจุลมตะวันออกให้เต็มตัวหรือ?
3ควรที่เขาจะโต้แย้งกันในการพูดอันไร้ประโยชน์
 หรือด้วยถ้อยคำซึ่งไม่เป็นแก่นสารหรือ?
4แต่ท่านกำลังขจัดความยำเกรงพระเจ้าเสีย
 และขัดขวางการภาวนาเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า
5เพราะความชั่วของท่านสอนปากของท่าน
 และท่านเลือกเอาลิ้นของคนเจ้าเล่ห์
6ปากของท่านกล่าวโทษท่านเอง ไม่ใช่ข้า
 และริมฝีปากของท่านปรักปรำท่านเอง
7“ท่านเป็นมนุษย์คนแรกที่เกิดมาหรือ?
 ท่านคลอดมาก่อนเนินเขาหรือ?
8ท่านได้ฟังในสภาของพระเจ้าหรือ?
 และท่านจำกัดปัญญาไว้เฉพาะตัวท่านหรือ?
9ท่านทราบอะไรที่พวกเราไม่ทราบบ้าง?
 ท่านเข้าใจอะไรที่ไม่กระจ่างแก่เราเล่า?
10ในพวกเรามีคนผมหงอกและคนสูงอายุ
 แก่ยิ่งกว่าบิดาของท่าน
11ท่านเห็นคำปลอบโยนของพระเจ้าเป็นของเล็กน้อยไปหรือ?
 คือถ้อยคำที่พูดกับท่านอย่างสุภาพนั้น
12ไฉนท่านจึงปล่อยตัวไปตามใจ?
 ไฉนดวงตาท่านจึงลุกเป็นไฟ?
13คือการที่ท่านหันจิตใจต่อสู้พระเจ้า
 และให้ถ้อยคำอย่างนี้ออกจากปากท่าน
14มนุษย์เป็นอะไรเล่า เขาจึงจะสะอาดได้?
 ผู้เกิดมาโดยผู้หญิงเป็นอะไรเล่า เขาจึงจะชอบธรรมได้?
15ดูเถิด แม้ทูตสวรรค์ พระองค์ก็ไม่วางพระทัย
 เออ ในสายพระเนตรของพระองค์ ฟ้าสวรรค์ก็ไม่สะอาด
16แล้วผู้ที่น่าเกลียดน่าชังและเสื่อมทราม
 ผู้ดื่มความอธรรมเหมือนดื่มน้ำ
 จะสะอาดน้อยยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด
17“ฟังข้าซิ ข้าจะบอกท่าน
 สิ่งใดที่ข้าเห็น ข้าจะกล่าว
18(สิ่งที่คนมีปัญญาได้บอกกันมา
 ตั้งแต่บรรพบุรุษและมิได้ปิดบังไว้
19ผู้ได้รับแผ่นดินแต่พวกเดียว
 และไม่มีคนต่างด้าวผ่านไปท่ามกลางพวกเขา)
20คนอธรรมทนทุกข์ทรมานตลอดอายุของเขา
 ตลอดหลายปีที่ได้กำหนดไว้สำหรับผู้โหดเหี้ยม
21เสียงน่ากลัวอยู่ในหูของเขา
 ผู้ทำลายจะมาหาเขาในยามมั่งมีศรีสุข
22เขาไม่เชื่อว่าเขาจะกลับออกมาจากความมืด
 เขาจะต้องตายด้วยดาบ
23เขาพเนจรไปเพื่อหาอาหาร กล่าวว่า ‘มันอยู่ที่ไหนนะ?’
 เขาทราบว่า วันแห่งความมืดอยู่แค่เอื้อม
24ความทุกข์ใจและความแสนระทมทำให้เขาคร้ามกลัว
 มันชนะเขาเหมือนอย่างพระราชาเตรียมพร้อมแล้วสำหรับการศึก
25เพราะเขาได้เหยียดมือของเขาออกสู้พระเจ้า
 และตั้งตัวท้าทายองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์
26เขาวิ่งเข้าใส่พระองค์อย่างดื้อดึง
 พร้อมกับโล่ที่มีปุ่มหนา
27เพราะว่าเขาได้คลุมหน้าด้วยความอ้วนของเขาแล้ว
 และรวบรวมไขมันมาไว้ที่บั้นเอว
28และได้อาศัยอยู่ในเมืองร้างเปล่า
 ในเรือนซึ่งมนุษย์ไม่ควรจะอยู่
 ซึ่งทรงกำหนดไว้ให้เป็นกองปรักหักพัง
29เขาจะไม่มั่งมี และทรัพย์สมบัติของเขาจะไม่ทนทาน
 และมันจะไม่เพิ่มพูนขึ้นในแผ่นดิน
30เขาจะหนีความมืดไม่พ้น
 เปลวเพลิงจะทำให้หน่อของเขาแห้งไป
 และเขาจะต้องจากไปโดยลมพระโอษฐ์
31อย่าให้เขาวางใจในความอนิจจัง ซึ่งเป็นการลวงตนเอง
 เพราะความอนิจจังจะเป็นสิ่งตอบแทนเขา
32จะจ่ายให้เขาเต็มอัตราก่อนเวลาของเขา
 และกิ่งของเขาจะไม่เขียว
33เขาจะเป็นเหมือนเถาองุ่นที่ลูกองุ่นดิบหล่น
 และเป็นดังต้นมะกอกที่ดอกบานร่วง
34เพราะพวกพ้องคนอธรรมนั้นเป็นหมัน
 และไฟเผาผลาญเต็นท์ที่ได้จากสินบน
35เขาทั้งหลายตั้งท้องความชั่วและคลอดความร้ายออกมา
 และจิตใจของเขาตระเตรียมการล่อลวง”

โยบ 16

โยบยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง

1แล้วโยบตอบว่า
2“ข้าเคยได้ยินเรื่องอย่างนี้มามากแล้ว
 ท่านทุกคนเป็นผู้ปลอบโยนที่ทำให้ยิ่งทุกข์ใจ
3คำลมๆ แล้งๆ จะจบสิ้นเมื่อไรหนอ?
 อะไรยั่วยุท่าน ท่านจึงตอบอย่างนี้?
4ข้าก็พูดได้อย่างท่านทั้งหลายเหมือนกัน
 ถ้าท่านเป็นข้า
 ข้าก็เรียงร้อยถ้อยคำต่อสู้ท่านได้
 และสั่นศีรษะเย้ยท่าน
5ข้าจะหนุนใจพวกท่านด้วยปาก
 และการขยับริมฝีปากของข้าจะบรรเทาความเจ็บปวดของท่าน
6“ถ้าข้าพูด ความเจ็บปวดของข้าก็ไม่บรรเทา
 แต่ถ้าข้านิ่ง มันจะไปจากข้าสักเท่าใด?
7แต่นี่แหละ เดี๋ยวนี้พระเจ้าทรงให้ข้าเหนื่อยยาก
 พระองค์ทรงทำลายครัวเรือนทั้งสิ้นของข้าพระองค์
8และพระองค์ทรงให้ข้าพระองค์หดหู่ลง
 ซึ่งสภาพนี้เป็นพยานปรักปรำข้าพระองค์
และความผ่ายผอมของข้าพระองค์ลุกขึ้นปรักปรำข้าพระองค์
 มันเป็นพยานใส่หน้าข้าพระองค์
9พระองค์ทรงฉีกข้าด้วยพระพิโรธและเกลียดชังข้า
 พระองค์ทรงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันใส่ข้า
 ปรปักษ์ของข้าถลึงตาใส่ข้า
10พวกเขาอ้าปากใส่ข้า
 เขาตบแก้มประจานข้า
 เขาสุมหัวกันเล่นงานข้า
11พระเจ้าทรงมอบข้าให้แก่คนชั่ว
 และทรงเหวี่ยงข้าไว้ในมือของคนอธรรม
12ข้าอยู่สบาย และพระองค์ทรงหักข้าสะบั้น
 เออ พระองค์ทรงฉวยคอข้า และฟาดข้าแหลกเป็นชิ้นๆ
 พระองค์ทรงตั้งข้าให้เป็นเป้าของพระองค์
13นักธนูของพระองค์ล้อมข้า
 พระองค์ทรงทะลวงเปิดไตของข้า และไม่เพลาพระหัตถ์เลย
 พระองค์ทรงเทน้ำดีของข้าลงบนดิน
14พระองค์ทรงถล่มข้าครั้งแล้วครั้งเล่า
 พระองค์ทรงวิ่งเข้าใส่ข้าอย่างนักรบ
15ข้าสวมผ้ากระสอบติดตัวเสมอ
 และข้าซุกศักดิ์ศรีศักดิ์ศรีของข้าในผงคลีดิน
16หน้าของข้าแดงด้วยการร่ำไห้
 เงามัจจุราชอยู่ที่หนังตาของข้า
17แม้ว่าในมือของข้าไม่มีความทารุณเลย
 และคำอธิษฐานของข้าก็บริสุทธิ์
18“โอ แผ่นดินโลกเอ๋ย อย่าปิดบังโลหิตของข้านะ
 อย่าให้เสียงร้องของข้ามีที่หยุดพัก
19ดูเถิด เดี๋ยวนี้พยานของข้าก็ประทับในฟ้าสวรรค์
 และท่านผู้รับรองข้าก็ประทับในที่สูง
20เพื่อนๆ ของข้าด่าข้า
 ดวงตาของข้าเทน้ำตาออกถวายพระเจ้า
21ขอให้พยานนั้นร้องทูลพระเจ้าเพื่อมนุษย์
 อย่างที่มนุษย์ทำเพื่อเพื่อนบ้านของเขา
22เพราะว่าต่อไปอีกไม่กี่ปี
 ข้าจะไปตามทางที่ข้าจะไม่ได้กลับ

โยบ 17

โยบทูลขอการปลดปล่อย

1จิตวิญญาณข้าแตกดับ วันเวลาของข้าก็จบลง
 หลุมศพพร้อมสำหรับข้าแล้ว
2แน่ละ คนมักเยาะเย้ยก็อยู่รอบข้านี่เอง
 และดวงตาข้าก็จ้องอยู่ที่การยั่วเย้าของเขา
3“ขอทรงวางของประกันเพื่อข้าพระองค์กับพระองค์
 มีผู้ใดเล่าจะประกันให้ข้าพระองค์?
4เพราะพระองค์ทรงปิดใจเขา เขาจึงไม่เข้าใจ
 ฉะนั้นพระองค์จะไม่ทรงให้เขาชนะ
5ผู้ที่หักหลังเพื่อนเพื่อจะได้ส่วนแบ่ง
 ดวงตาลูกหลานของเขาจะมืดมัว
6“พระองค์ทรงทำให้ข้าเป็นขี้ปากชนชาติทั้งหลาย
 และเขาถ่มน้ำลายรดหน้าข้า
7ดวงตาของข้ามืดมัวด้วยความโศกสลด
 และแขนขาของข้าก็บอบบางดังกิ่งไม้
8คนเที่ยงธรรมจะตกตะลึงด้วยเรื่องนี้
 และคนไร้ผิดจะเร้าตัวขึ้นสู้คนอธรรม
9คนชอบธรรมจะยึดมั่นอยู่กับทางของเขา
 และผู้มีมือสะอาดก็จะแข็งแรงยิ่งขึ้น
10แต่ท่านทุกคน จงกลับมาอีก
 ข้าจะไม่พบคนมีปัญญาในพวกท่าน
11วันเวลาของข้าก็ผ่านไป แผนงานของข้าก็แตกหัก
 คือความปรารถนาในใจของข้านั้น
12เขาทั้งหลายทำกลางคืนให้เป็นกลางวัน
 ความสว่างนั้นก็ใกล้เป็นความมืด
13ถ้าข้าจะมองแดนคนตายให้เป็นบ้านของข้า
 ถ้าข้าจะกางที่นอนออกในความมืด
14ถ้าข้าพูดกับหลุมมรณะว่า ‘เจ้าเป็นพ่อของข้า’
 และพูดกับหนอนว่า ‘แม่ของข้า’ และ ‘พี่สาวของข้า’
15แล้วความหวังของข้าอยู่ที่ไหนเล่า?
 ผู้ใดจะเห็นความหวังของข้า?
16มันจะลงไปสู่ประตูแดนคนตายหรือ?
 เราจะลงไปด้วยกันในผงคลีดินหรือ?”

โยบ 18

บิลดัดว่า พระเจ้าทรงลงโทษคนชั่ว

1แล้วบิลดัดชาวชูอาห์ตอบว่า
2“ท่านทั้งหลายจะค้นหาถ้อยคำนานเท่าใด?
 จงใคร่ครวญ แล้วเราจะพูด
3ไฉนเราจึงถูกนับให้เป็นสัตว์?
 ไฉนเราจึงเป็นคนโฉดในสายตาของท่านทั้งหลาย?
4ท่านผู้ฉีกตัวของท่านด้วยความโกรธ
 จะให้แผ่นดินโลกถูกทอดทิ้งเพราะเห็นแก่ท่านหรือ?
 จะให้ก้อนหินโยกย้ายจากที่ของมันหรือ?
5“เออ ความสว่างของคนอธรรมจะถูกดับเสีย
 และเปลวไฟของเขาไม่ส่องแสงอีก
6ดวงสว่างในเต็นท์ของเขามืด
 และตะเกียงที่อยู่เหนือเขาก็ดับ
7ย่างก้าวอันแข็งแรงของเขาก็สั้นเข้า
 และแผนการของเขาเองคว่ำเขาลง
8เพราะเท้าของเขาเข้าไปติดตาข่าย
 และเขาเดินอยู่บนหลุมพราง
9กับดักอันหนึ่งฉวยส้นเท้าของเขาไว้
 แร้วอันหนึ่งรัดเขาไว้
10มีบ่วงซ่อนอยู่ในดินไว้ดักเขา
 มีกับอยู่ในทางไว้ดักเขา
11สิ่งน่าหวาดเสียวทำให้เขาตกใจอยู่รอบด้าน
 และไล่ติดส้นเท้าของเขาอยู่
12กำลังของเขาร่อยหรอไปเพราะความหิว
 และภัยพิบัติก็พร้อมจะให้เขาสะดุด
13ผิวหนังของเขา โรคก็กินเสีย
 โรคร้ายก็กินแขนขาของเขา
14เขาถูกถอนออกจากเต็นท์ที่เขาไว้วางใจ
 และถูกนำมายังพระราชาแห่งความสยดสยอง
15ท่านจะอาศัยอยู่ในเต็นท์ของเขา เพราะมันไม่ใช่ของเขาอีกต่อไป
 มีกำมะถันเกลื่อนกลาดเหนือที่อยู่ของเขา
16จากเบื้องล่าง รากของเขาแห้งไป
 และจากเบื้องบน กิ่งของเขาเหี่ยวไป
17การระลึกถึงเขาพินาศไปจากโลก
 และเขาไม่มีชื่ออยู่ในถนน
18เขาถูกผลักไสจากความสว่างเข้าสู่ความมืด
 และถูกไล่ออกไปจากแผ่นดินโลก
19เขาไม่มีลูกหลานท่ามกลางชนชาติของเขา
 และไม่มีคนรอดตายในที่ซึ่งเขาเคยอยู่
20ชาวตะวันตกก็ตกตะลึงด้วยวันของเขา
 และชาวตะวันออกก็หวาดกลัว
21แน่ละ นี่คือที่อาศัยของคนชั่ว
 และที่อยู่ของคนซึ่งไม่รู้จักพระเจ้า”

อรรถาธิบาย

เมื่อพระเจ้าบอกว่า “รอก่อน”

คุณรู้ไหมว่าไม่ว่าคุณกำลังเผชิญกับความยากลำบากอะไรตอนนี้ พระเยซูกำลังอธิษฐานเผื่อคุณอยู่?

โยบผู้น่าสงสารต้องทนกับคำพูดที่บั่นทอนจิตใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จากเพื่อน ๆ ของเขา ซึ่งพวกเขากล่าวโทษโยบหนักขึ้น โดยกล่าวหาเขาอย่างผิด ๆ โยบอธิบายว่าพวกเขาเป็น ‘ผู้ปลอบโยนที่ทำให้ยิ่งทุกข์ใจ’ (16:2) โดยใช้ ‘คำลม ๆ แล้ง ๆ’ (ข้อ 3 ก) พวกเขาไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย (ข้อ 4)

บางคน - อย่างเช่น ‘เพื่อน’ ของโยบ มีความเชื่ออย่างผิด ๆ ว่าความทุกข์ของเราในชีวิตนี้มักเกิดจากบาปของเราเอง หรือแม้กระทั่งบาปในอดีต ดังนั้นหากผู้คนเกิดมายากจนหรือมีความผิดปกติทางพันธุกรรม ก็ต้องเป็นความผิดของพวกเขาด้วยเช่นกัน คำตำหนินี้ต้องเป็นการซ้ำเติมความทุกข์ทรมานที่โหดร้ายมากอย่างไม่จำเป็นเอาเสียเลย (แนวคิดเรื่องการกลับชาติมาเกิดถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิงในพระคัมภีร์ ดู ฮีบรู 9:27)

เมื่อเพื่อนของคุณมีความทุกข์ให้หลีกเลี่ยงการเป็นผู้ปลอบโยนที่ทำให้ยิ่ง ‘ทุกข์ใจ’ (โยบ 16: 2) แต่ให้ทำตามที่โยบแนะนำคือ ‘หนุนใจ’ ‘ปลอบโยน’ และ ‘เสริมสร้าง’ และ ‘บรรเทาความเจ็บปวด’ (ข้อ 5, พระคัมภีร์ตอนนี้จากฉบับมาตรฐาน และ The Message โดยผู้แปล)

สิ่งหนึ่งที่คุณทำได้เสมอคือร้องขอ (อธิษฐานเผื่อพวกเขา) เพื่อพวกเขา โยบกล่าวว่า

 ‘เพื่อนๆ ของข้าด่าข้า
  ดวงตาของข้าเทน้ำตาออกถวายพระเจ้า
   ขอให้พยานนั้นร้องทูลพระเจ้าเพื่อมนุษย์
    อย่างที่มนุษย์ทำเพื่อเพื่อนบ้านของเขา’ (ข้อ 20–21)

เราไม่รู้เเน่ชัดว่าพยานนั้นเป็นใคร แต่จะเป็นใครก็ตาม เขาคนนั้นเป็นเพื่อนแท้ของโยบเพราะเขาวิงวอนร้องทูลต่อพระเจ้าเพื่อโยบ

คำอธิษฐานของพยานอาจดูเหมือนจะไม่ได้รับคำตอบในทันที แต่ในท้ายที่สุดก็เป็นช่วงเวลาที่พระเจ้านำโยบคืนสู่สภาพดี คำตอบของคำร้องทูลของพยานและชีวิตของโยบคือ ‘รอ’ หลังจากนั้นเป็นคำอธิษฐานของโยบต่อผู้อื่นซึ่งเป็นสาเหตุให้ได้เขากลับคืนสู่สภาพดีโดยทันที (42:8–10)

พยานของโยบคือใคร เขากล่าวว่า ‘ดูเถิด เดี๋ยวนี้พยานของข้าก็ประทับในฟ้าสวรรค์ และท่านผู้รับรองข้าก็ประทับในที่สูง’ (16:19) ในพันธสัญญาใหม่เราเห็นว่าผู้ที่ ‘เป็นตัวแทนของมนุษย์ต่อหน้าพระเจ้า’ (16:21 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) คือพระเยซู พระองค์ทรงเป็น ‘ผู้ทูลแก้ต่างต่อพระบิดา’ เพื่อคุณ (1 ยอห์น 2:1 พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Revised Standard Version โดยผู้แปล) พระองค์กำลังอธิษฐานวิงวอนเพื่อคุณ (ฮีบรู 7:24–25)

พระเยซูเป็นผู้แก้ต่างให้โยบ พระองค์ทรงวิงวอนต่อพระเจ้าเพื่อเขา ‘อย่างที่มนุษย์ทำเพื่อเพื่อนบ้านของเขา’ (โยบ 16:21) ประสบการณ์ของโยบกับเปโตรมีความคล้ายคลึงกัน พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า ‘ซีโมน ซีโมนเอ๋ย นี่แน่ะ ซาตานขอพวกท่านไว้ เพื่อจะฝัดร่อนเหมือนฝัดข้าวสาลี แต่เราอธิษฐานเผื่อตัวท่าน เพื่อความเชื่อของท่านจะไม่ได้ขาด และเมื่อท่านหันกลับแล้ว จงชูกำลังพี่น้องทั้งหลายของท่าน’ (ลูกา 22:31–32)

ดังที่จอห์น วิมเบอร์เคยกล่าวไว้ว่า ‘ข่าวดีก็คือพระเยซูกำลังอธิษฐานเผื่อคุณ ข่าวร้ายก็คือคุณกำลังต้องการมัน’

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ทรงเป็นผู้แก้ต่างให้ข้าพระองค์ ในช่วงเวลาเช่นเดียวกับโยบหรือเปโตรที่ซาตานกำลังฝัดร่อนข้าพระองค์ดั่งข้าวสาลี แต่พระองค์กำลังอธิษฐานเพื่อข้าพระองค์อยู่ ขอบคุณพระองค์ที่ข้าพระองค์รู้ว่า แม้จะต้องรอคอยนานแค่ไหน แต่จะทรงตอบคำร้องทูลของผู้แก้ต่างจากสวรรค์ว่า ‘ได้’

เพิ่มเติมโดยพิพพา

มัทธิว 20:20–28

มารดาของบุตรทั้งสองของเศเบดีดูเหมือนจะผลักดันมากเกินไป เราทุกคนสามารถทะเยอทะยานเพื่อลูก ๆ ได้ มีทั้งท่าทีของความทะเยอทะยานที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องสำหรับลูก ๆ ของเรา พระเยซูตรัสว่า ‘พวกท่านไม่เข้าใจในสิ่งที่ขอนั้น’ (มัทธิว 20:22) สิ่งสำคัญคือต้องขะมักเขม้นในการอธิษฐานเพื่อลูก ๆ ของเราตามน้ำพระทัยของพระเจ้าไม่ใช่ตามวาระของเราหรือของโลกนี้

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม