วัน 66

พลิกชีวิตของคุณ

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 30:8-12
พันธสัญญาใหม่ มาระโก 13:1-31
พันธสัญญาเดิม เลวีนิติ 14:1-57

เกริ่นนำ

‘บิ๊กจอห์น’ ใช้ชีวิตบนท้องถนนในลอนดอนมานานกว่าสิบปี ก่อนหน้านั้นเขาใช้เวลากว่าเก้าปีในคุก ฟันของเขาหลุดไปเกือบหมด เขาติดเมทาโดน ชื่อเล่นของเขาบนท้องถนนในลอนดอนคือ ‘บิ๊กจอห์น’ เพราะเขาเป็นคนตัวใหญ่และเคยขึ้นชกให้กับกองทัพ

‘บิ๊กจอห์น’ เดินเข้าไปในศูนย์พักพิงยามค่ำคืนสำหรับคนไร้บ้านที่คริสตจักร โฮลี่ ทรินิตี้ บรอมพ์ตั้น เขามากับเพื่อนของเขา ‘ลิตเติ้ล จอห์น’ ‘บิ๊กจอห์น’ รักและชื่นชมคนหนุ่มสาวทุกคนที่คอยดูแลเขา เขาเริ่มมาโบสถ์ เข้าร่วมหลักสูตรอัลฟ่า เขาได้พบพระเยซู และเต็มล้นไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ในอัลฟ่าสุดสัปดาห์ เขาเลิกยาเสพติด พระเจ้าทรงพลิกชีวิตของเขา จากความสิ้นหวังกลายเป็นความชื่นชมยินดี

เขาเริ่มเล่าเรื่องพระเยซูให้เพื่อน ๆ ตามท้องถนนฟัง ในแต่ละสัปดาห์เขาจะไปโบสถ์กับเพื่อน ๆ มากมาย ชื่อเล่นของเขาบนท้องถนนเปลี่ยนจาก ‘บิ๊กจอห์น’ เป็น ‘ยอห์นผู้ให้บัพติศมา’!

หนึ่งในกลุ่มคนที่เขาเคยพบในอัลฟ่าสุดสัปดาห์ เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และได้จัดหาที่พักให้กับเขา รวมทั้งทันตแพทย์ในกลุ่มของเราอาสาที่จะทำฟันที่หลุดไปทั้งหมดของเขาให้ใหม่ เขาได้คืนดีกับแม่และลูกสาวของเขาแล้วและตอนนี้เขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับหลาน ๆ ซึ่งเขาไม่เคยพบมาก่อน

การติดตามพระเยซูเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิต พระองค์ทรงเปลี่ยนชีวิตผู้คนตลอดเวลา พระองค์ทรงเปลี่ยนความสิ้นหวังให้เป็นความยินดี (สดุดี 30:11)

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 30:8-12

8ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์ได้ร้องทูลพระองค์
 และข้าพระองค์ได้วิงวอนองค์เจ้านายว่า
9“จะมีประโยชน์อะไร ถ้าข้าพระองค์ตาย?
 ผงคลีจะยกย่องพระองค์หรือ?
 มันจะบอกเล่าเรื่องความซื่อสัตย์ของพระองค์หรือ?
10ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงฟังและทรงพระกรุณาข้าพระองค์
 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ข้าพระองค์”
11พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนการไว้ทุกข์ของข้าพระองค์เป็นการเต้นรำ
 พระองค์ทรงถอดเสื้อผ้ากระสอบของข้าพระองค์ออก
 และทรงคาดเอวข้าพระองค์ด้วยความยินดี
12เพื่อข้าพระองค์จะร้องเพลงสดุดีพระองค์และไม่นิ่งเงียบ
 ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะขอบพระคุณพระองค์เป็นนิตย์

อรรถาธิบาย

ร้องทูลพระเจ้าผู้ทรงพลิกชีวิต

พระเจ้าสามารถพลิกชีวิตของคุณได้ พระเจ้าทรงเปลี่ยน ‘การไว้ทุกข์ของข้าพระองค์เป็นการเต้นรำ’ (ข้อ 11ก) พระองค์ทรงถอด ‘เสื้อผ้ากระสอบ’ ของเราออกและแทนที่ด้วย ‘ความยินดี’ (ข้อ 11) ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเมื่อคุณร้องทูลขอ ‘พระกรุณา’ (ข้อ 8, 10)

ดาวิดร้องทูลพระเจ้าว่า ‘ขอทรงโปรดช่วย!’ (ข้อ 10, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล) พระเจ้าทรง ‘พระองค์ทรงเปลี่ยนความโศกเศร้าของข้าพระองค์เป็นการเต้นรำที่สนุกสนาน พระองค์ทรงถอดเสื้อผ้าไว้ทุกข์ของข้าพระองค์ออกและสวมความชื่นบานให้แทน’ (ข้อ 11, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก New Living Translation โดยผู้แปล)

เป็นเรื่องที่น่าประหลาดและน่าอัศจรรย์ใจที่ได้ฟังเรื่องราวหลังจากเรื่องราวของพระเยซูทรงพลิกชีวิตของผู้คน พระองค์นำพวกเขาออกจากความสิ้นหวัง ปลดปล่อยพวกเขาจากยาเสพติด ฟื้นฟูชีวิตแต่งงานและเปลี่ยนชีวิตคน ‘ทรงเปลี่ยนการไว้ทุกข์เป็นการเต้นรำ’ และเปลี่ยนผ้ากระสอบให้เป็น ‘ความยินดี’

ไม่น่าแปลกใจที่ดาวิดจบเพลงสดุดีนี้ด้วยการพูดว่า ‘ข้าพระองค์จะขอบคุณพระองค์ตลอดไปเป็นนิตย์’ (ข้อ 12, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

คำอธิษฐาน

ขอบคุณพระเจ้า เมื่อข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์ให้ทรงช่วยข้าพระองค์และพระองค์ทรงตอบ ขอบคุณพระองค์ที่ทรงพลิกชีวิตข้าพระองค์!

พันธสัญญาใหม่

มาระโก 13:1-31

การทรงพยากรณ์ถึงการทำลายพระวิหาร

 1เมื่อพระเยซูเสด็จออกจากบริเวณพระวิหาร มีสาวกของพระองค์คนหนึ่งทูลว่า “พระอาจารย์ ศิลากับอาคารเหล่านี้ใหญ่จริงๆ” 2พระเยซูจึงตรัสกับสาวกคนนั้นว่า “ท่านเห็นอาคารใหญ่เหล่านี้หรือ? ที่นี่จะไม่มีก้อนหินซ้อนทับกันแม้แต่ก้อนเดียว แต่จะถูกทำลายลงหมด”
 3เมื่อพระองค์ประทับบนภูเขามะกอกเทศตรงข้ามพระวิหาร เปโตร ยากอบ ยอห์น และอันดรูว์มาทูลถามพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า 4“ขอโปรดให้พวกข้าพระองค์ทราบว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่? อะไรคือหมายสำคัญที่จะแสดงว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ใกล้จะสำเร็จ?” 5พระเยซูจึงตรัสตอบพวกเขาว่า “ระวังให้ดี อย่าให้ใครล่อลวงพวกท่านให้หลง 6เพราะว่าจะมีหลายคนมาอ้างนามของเราว่า ‘เราเป็นผู้นั้น’ และจะให้คนจำนวนมากหลงไป 7เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเรื่องสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม อย่าตื่นตระหนกเลย เพราะว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องเกิดขึ้น แต่ยังไม่ถึงกาลอวสาน 8เพราะประชาชาติกับประชาชาติ อาณาจักรกับอาณาจักรจะต่อสู้กัน ทั้งจะเกิดแผ่นดินไหวและจะเกิดกันดารอาหารในที่ต่างๆ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นเพียงขั้นแรกของความทุกข์ลำบาก

การทรงพยากรณ์ถึงการข่มเหง

 9“แต่จงระวังตัวให้ดี เพราะมีคนจะมอบท่านทั้งหลายไว้กับศาล และจะเฆี่ยนพวกท่านในธรรมศาลา และพวกท่านจะต้องยืนต่อหน้าเจ้าเมืองและกษัตริย์เพราะเรา เพื่อจะได้เป็นพยานกับพวกเขา 10และข่าวประเสริฐจะต้องประกาศแก่ชนทุกชาติก่อน 11เมื่อพวกท่านถูกนำมามอบตัวไว้นั้น อย่ากังวลล่วงหน้าว่าจะพูดอะไรดี แต่จงพูดตามที่โปรดประทานให้ท่านพูดในเวลานั้น เพราะว่าผู้ที่พูดนั้นไม่ใช่ตัวท่านเอง แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ 12แม้แต่พี่ก็จะมอบน้องไว้ให้ถึงแก่ความตาย พ่อก็จะมอบลูก และลูกก็จะทรยศต่อพ่อแม่ให้ถึงแก่ความตาย 13คนทั้งหลายจะเกลียดชังพวกท่าน เพราะนามของเรา แต่คนที่สู้ทนจนถึงที่สุดจะรอด

วิบัติยิ่งใหญ่

 14“แต่เมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งน่ารังเกียจที่ก่อให้เกิดความหายนะ ตั้งอยู่ในที่ที่ไม่สมควรจะตั้ง (ให้ผู้อ่านเข้าใจเอาเองเถิด) เมื่อนั้นให้พวกที่อยู่ในแคว้นยูเดียหนีไปที่ภูเขา 15คนที่อยู่บนดาดฟ้า อย่าลงมาหรือเข้าไปเก็บสิ่งของในบ้านของตนเลย 16ส่วนคนที่อยู่ตามทุ่งนาก็อย่ากลับไปเอาเสื้อผ้าของตน 17วิบัติแก่หญิงที่มีครรภ์หรือมีลูกอ่อนกินนมอยู่ในเวลานั้น 18จงอธิษฐานขอเพื่อสิ่งนี้จะไม่เกิดในฤดูหนาว 19เพราะว่าในเวลานั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างโลกมาจนถึงทุกวันนี้ และในอนาคตจะไม่มีอย่างนี้อีก 20ถ้าพระเจ้าไม่โปรดให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีใครรอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่คนที่พระองค์ทรงเลือกสรร พระองค์จึงโปรดให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า 21ในเวลานั้น ถ้าใครจะบอกพวกท่านว่า ‘นี่แน่ะ พระคริสต์อยู่ที่นี่’ หรือ ‘นี่แน่ะ ท่านอยู่ที่โน่น’ ก็อย่าเชื่อ 22เพราะว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหลายคนปรากฏขึ้น แสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์เพื่อล่อลวงคนที่พระเจ้าทรงเลือกสรรแล้วให้หลง ถ้าเป็นได้ 23ฉะนั้นจงระวังให้ดี เราบอกท่านทั้งหลายทุกอย่างไว้ก่อนแล้ว

การเสด็จมาของบุตรมนุษย์

 24“หลังจากความทุกข์ลำบากนั้นผ่านพ้นไปแล้ว
ดวงอาทิตย์จะมืดไป
 และดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง
25ดวงดาวทั้งหลายจะตกจากฟ้า
 และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน

 26เมื่อนั้นพวกเขาจะเห็น บุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆ ทรงฤทธานุภาพและพระรัศมีอย่างยิ่ง 27และเมื่อนั้นพระองค์จะทรงใช้พวกทูตสวรรค์มาให้รวบรวมคนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้จากทั้งสี่ทิศ จากที่สุดปลายแผ่นดินโลกจนถึงที่สุดขอบฟ้า

บทเรียนจากต้นมะเดื่อ

 28“จงเรียนบทเรียนจากต้นมะเดื่อ เมื่อมันแตกกิ่งแตกใบ พวกท่านก็รู้ว่าฤดูร้อนใกล้จะถึงแล้ว 29เช่นเดียวกัน เมื่อท่านทั้งหลายเห็นเหตุการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้น ก็ให้รู้ว่าพระองค์เสด็จมาใกล้จะถึงประตูแล้ว 30เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า คนในยุคนี้จะไม่ล่วงลับไปจนกว่าทุกสิ่งนี้จะเกิดขึ้น 31ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่บรรดาถ้อยคำของเราจะไม่สูญหายไปเลย

อรรถาธิบาย

ระวังการพลิกผันครั้งใหญ่ของพระเจ้า

ทุกสิ่งที่คุณประสบในตอนนี้ในแง่ของการที่พระเจ้าทรงพลิกสิ่งต่าง ๆ เป็นเพียงการคาดการณ์ล่วงหน้าของการพลิกผันครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นเมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา

พระวิหารเยรูซาเล็มในสมัยของพระเยซูเป็นสถานที่ที่น่าประทับใจที่สุดแห่งหนึ่งในโลกยุคโบราณ ถึงกระนั้นพระเยซูทรงทอดพระเนตรเหนือไปกว่าสิ่งก่อสร้างอันวิจิตรของโลกและทรงทราบว่าสง่าราศีของอาคารนั้นอยู่แค่ชั่วขณะ พระองค์ชี้ให้สาวกเห็นนอกเหนือจากความงดงามทางสถาปัตยกรรมและทรงลำดับการพยากรณ์เหตุการณ์ล่วงหน้าในอนาคต

1.\tการพลิกของพระวิหาร

เมื่อพระเยซูและเหล่าสาวกเสด็จออกจากบริเวณพระวิหาร มีสาวกของพระองค์คนหนึ่งทูลว่า ‘พระอาจารย์!ศิลา!กับอาคารเหล่านี้ใหญ่จริง ๆ!’ (ข้อ 1) พระเยซูทรงตรัสว่าทุกอย่างนั้นจะพลิกผันไป ทรงตรัสว่า ‘พวกท่านประทับใจสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่นี้ไหม? มันจะถูกทำลายลงจนหมดสิ้น จะไม่เหลือแม้แต่ซากหินเรียงซ้อนทับกันอีกเลย’ (ข้อ 2, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

พระเยซูทรงพยากรณ์ถึงการทำลายพระวิหารซึ่งเกิดขึ้นในปีคริสตศักราช 70 นี่อาจเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงอ้างถึงเมื่อพระองค์ตรัสว่า ‘ไม่ใช่แค่คนรุ่นหลังเท่านั้นที่จะเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นแต่คนในยุคนี้ด้วยเช่นกันสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น’ (ข้อ 30, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

2.\tการพลิกเมื่อพระเยซูเสด็จกลับมา

คำพยากรณ์ของพระเยซูเกี่ยวกับการทำลายพระวิหารไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์เดียวที่เกิดขึ้นเท่านั้น คำพยากรณ์เหล่านั้นยังบ่งบอกถึงช่วงเวลาทั้งหมดจนถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเยซูและเหล่านั้นเป็นดั่งเงาสะท้อนล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นในตอนท้าย ดังนั้นพระองค์จึงไม่ได้จำกัดถ้อยคำของพระองค์ไว้ที่อนาคตอันใกล้ แต่ยังคงดำเนินต่อไปด้วยคำพยากรณ์เกี่ยวกับยุคสุดท้าย

พระเยซูทรงพยากรณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์แวดล้อมในการกลับมาของพระองค์ พระเยซูทรงเตือนเราว่าเมื่อเราเข้าใกล้ยุคสุดท้าย สิ่งต่าง ๆ จะเลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ จะเกิด ‘สงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม’ (ข้อ 7) ‘แผ่นดินไหว’ และ ‘การกันดารอาหาร’ (ข้อ 8ข) และนี่เป็นเพียง ‘ขั้นแรกของความทุกข์ลำบาก’ (ข้อ 8ค) ที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ‘ดวงอาทิตย์จะมืดไปและดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวจะตกจากฟ้าและบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้าน’ (ข้อ 24–25)

ก่อนรุ่งสางเป็นชั่วโมงที่มืดมนที่สุด แต่หลังจากชั่วโมงที่มืดมนที่สุดผ่านไปรุ่งอรุณใหม่ก็มาถึง พระเจ้าจะทรงเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้องด้วยการเสด็จกลับมาขององค์พระเยซู ‘จากนั้นพวกเขาจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในหมู่เมฆและเต็มไปด้วยสง่าราศี ไม่มีใครจะพลาดมัน! พระองค์จะทรงส่งทูตสวรรค์และรวบรวมผู้ที่พระองค์ได้เลือกไว้แล้วจากทั่วทั้งแผ่นดินโลก จากขอบโลกด้านหนึ่งไปถึงสุดขอบฟ้าอีกด้านหนึ่ง’ (ข้อ 26–27, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เมื่อพระเยซูทรงกล่าวถึงการพลิกผันครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้พระองค์ยังทรงกำชับให้เหล่าสาวกของพระองค์หันหลังกลับมาใส่ใจการดำเนินชีวิตของตัวเอง พระองค์ทรงกระตุ้นเตือนสาวกถึงสามครั้งให้ ‘ระวังให้ดี’ และ ‘ระวังตัวให้ดี’ (ข้อ 5,9,23) พระเยซูต้องการให้เราหันกลับจากการจดจ่อในสิ่งที่ผิดและให้ระวังใน 3 สิ่ง

1.\tการล่อลวง

พระองค์ทรงเตือนเหล่าสาวกให้ระวังบรรดาผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จซึ่งจะมีบทบาทมากเป็นพิเศษในช่วงสงคราม แผ่นดินไหว และการกันดารอาหาร (ข้อ 5)

2.\tการข่มเหง

พระเยซูตรัสว่าจะมีการข่มเหงที่ทวีความรุนแรงขึ้น (ข้อ 9) ซึ่ง ‘คนทั้งหลายจะเกลียดชังท่านเพราะนามของเรา’ (ข้อ 13)

3.\tความทุกข์

เช่นเดียวกับการล่อลวงและการข่มเหง วันสุดท้าย ‘จะเกิดความทุกข์ลำบากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นับตั้งแต่พระเจ้าทรงสร้างโลก’ (ข้อ 19)

ในบริบททั้งหมดนี้พระเยซูตรัสว่า ‘อย่ากังวลล่วงหน้าว่าจะพูดอะไรดี แต่จงพูดตามที่โปรดประทานให้ท่านพูดในเวลานั้น เพราะว่าผู้ที่พูดนั้นไม่ใช่ตัวท่านเอง แต่เป็นพระวิญญาณบริสุทธิ์’ (ข้อ 11) ประชาชนของพระเยซูได้รับการหนุนใจ คอยระวังและมั่นใจได้ว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมเหตุการณ์เหล่านี้และพระเยซูจะกลับมาเพื่อพลิกสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้อง

คำอธิษฐาน

ขอบคุณพระเยซูคริสต์ที่ทรงเสด็จกลับมา ขอบคุณพระองค์ แม้ว่าพระองค์เสด็จมาครั้งแรกด้วยความอ่อนแอและต้องเสื่อมเสียพระเกียรติ แต่พระองค์ก็จะเสด็จกลับมาอีกครั้งอย่าง ‘ทรงฤทธานุภาพและพระรัศมีอย่างยิ่ง’ (ข้อ 26)

พันธสัญญาเดิม

เลวีนิติ 14:1-57

การชำระคนโรคเรื้อนและบ้านที่มีเชื้อเรื้อน

 1พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 2“ต่อไปนี้เป็นกฎเรื่องคนเป็นโรคเรื้อน ในวันชำระตัวของเขา ให้พาเขามาหาปุโรหิต 3และให้ปุโรหิตออกไปนอกค่าย และให้ปุโรหิตตรวจ ถ้าผู้ป่วยหายจากโรคเรื้อนแล้ว 4ก็ให้ปุโรหิตบัญชาเขาให้นำนกที่สะอาดและมีชีวิตสองตัว ไม้สนสีดาร์กับด้ายสีแดง และต้นหุสบสำหรับผู้จะรับการชำระมา 5ให้ปุโรหิตบัญชาเขาให้ฆ่านกตัวหนึ่งบนน้ำสะอาดภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า น้ำที่มีชีวิตที่บรรจุในภาชนะดิน 6ให้ปุโรหิตเอานกตัวที่ยังเป็นอยู่กับไม้สนสีดาร์ ด้ายสีแดง ต้นหุสบ จุ่มในเลือดของนกที่ถูกฆ่าบนน้ำสะอาดนั้น 7ให้ปุโรหิตประพรมคนที่จะรับการชำระจากโรคเรื้อนนั้นเจ็ดครั้ง แล้วประกาศว่า เขาสะอาด ให้ปล่อยนกตัวที่ยังมีชีวิตนั้นออกไปในท้องทุ่ง 8ให้ผู้ที่รับการชำระนั้นซักเสื้อผ้าของตน โกนผมกับขนทั้งหมดเสีย และอาบน้ำ เขาก็จะสะอาด ต่อจากนั้นก็ให้เขาเข้าค่ายได้ แต่ให้นอนอยู่นอกเต็นท์ของเขาเจ็ดวัน 9พอวันที่เจ็ดให้เขาโกนผมทั้งหมดจากศีรษะของเขา ให้เขาโกนเคราและโกนขนคิ้ว คือโกนให้หมด แล้วให้ซักเสื้อผ้า และอาบน้ำ แล้วเขาก็จะสะอาด
 10“ในวันที่แปดให้เขาเอาลูกแกะผู้สองตัวปราศจากตำหนิ และลูกแกะเมียอายุหนึ่งปีตัวหนึ่งปราศจากตำหนิ และแป้งอย่างดีเคล้าน้ำมันสามกิโลกรัมเป็นธัญบูชา กับน้ำมันหนึ่งในสามลิตร 11ให้ปุโรหิตผู้ชำระ นำผู้รับการชำระกับสิ่งของเหล่านี้เข้ามาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ที่ประตูเต็นท์นัดพบ 12ให้ปุโรหิตนำลูกแกะผู้นั้นตัวหนึ่งไปถวายเป็นเครื่องบูชาชดใช้บาปพร้อมกับน้ำมันหนึ่งในสามลิตร นำโบกถวายเป็นเครื่องโบกถวายแด่พระยาห์เวห์ 13ให้ปุโรหิตฆ่าลูกแกะนั้นในที่ซึ่งเขาฆ่าสัตว์ที่เป็นเครื่องบูชาลบล้างบาปและสัตว์ที่เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวในที่บริสุทธิ์ เพราะว่าเครื่องบูชาชดใช้บาปก็เหมือนเครื่องบูชาลบล้างบาป เป็นของที่ตกแก่ปุโรหิต เป็นของบริสุทธิ์ที่สุด 14ปุโรหิตจะนำเลือดของเครื่องบูชาชดใช้บาปมาเจิมปลายหูข้างขวาของผู้รับการชำระ และเจิมนิ้วหัวแม่มือขวาและนิ้วหัวแม่เท้าขวาของเขา 15และปุโรหิตจะนำส่วนหนึ่งของน้ำมันหนึ่งในสามลิตรนั้นมาเทใส่ฝ่ามือซ้ายของตนเอง 16และปุโรหิตเอานิ้วมือขวาจิ้มน้ำมันซึ่งอยู่ในมือซ้าย ประพรมน้ำมันด้วยนิ้วของตนเจ็ดครั้งเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 17ส่วนหนึ่งของน้ำมันที่เหลืออยู่ในมือนั้น ปุโรหิตจะเอามาเจิมที่ปลายหูข้างขวาของผู้รับการชำระ และที่นิ้วหัวแม่มือขวากับนิ้วหัวแม่เท้าขวาทับเลือดเครื่องบูชาชดใช้บาป 18และน้ำมันที่ยังเหลืออยู่ในมือของปุโรหิตนั้น เขาจะเจิมศีรษะของผู้รับการชำระ แล้วปุโรหิตจะลบมลทินของเขาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 19ปุโรหิตจะถวายเครื่องบูชาลบล้างบาปเพื่อลบมลทินของผู้รับการชำระให้พ้นจากมลทินของเขา ภายหลังปุโรหิตจึงฆ่าสัตว์ที่เป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว 20และปุโรหิตจะถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวและธัญบูชาบนแท่น ด้วยวิธีนี้ปุโรหิตจะลบมลทินของเขา และเขาก็จะสะอาด
 21“ถ้าผู้นั้นเป็นคนยากจนและไม่สามารถถวายได้ตามนั้น ก็ให้เขานำลูกแกะผู้ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาชดใช้บาป เพื่อโบกถวายลบมลทินของเขา และนำแป้งอย่างดีหนึ่งกิโลกรัมเคล้าเข้ากับน้ำมัน เป็นธัญบูชากับน้ำมันหนึ่งในสามลิตร 22พร้อมกับนกเขาสองตัว หรือนกพิราบสองตัว ตามที่เขาสามารถหามาได้ ตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป และอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัว 23ในวันที่แปด ให้เขานำมามอบให้แก่ปุโรหิตเพื่อการชำระของตนที่ประตูเต็นท์นัดพบ ถวายเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 24ปุโรหิตจะนำลูกแกะที่เป็นเครื่องบูชาชดใช้บาปและน้ำมันหนึ่งในสามลิตรนั้นมา และโบกถวายเป็นเครื่องโบกถวายแด่พระยาห์เวห์ 25และปุโรหิตจะฆ่าลูกแกะที่เป็นเครื่องบูชาชดใช้บาป และปุโรหิตจะนำเลือดส่วนหนึ่งของเครื่องบูชาชดใช้บาปมาเจิมที่ปลายหูข้างขวาของผู้รับการชำระ และที่นิ้วหัวแม่มือขวากับนิ้วหัวแม่เท้าขวาของเขา 26แล้วปุโรหิตจะเทส่วนหนึ่งของน้ำมันใส่ฝ่ามือซ้ายของตน 27และปุโรหิตจะเอาน้ำมันที่อยู่ในมือซ้ายนั้นประพรมด้วยนิ้วมือขวาเจ็ดครั้งเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 28และปุโรหิตจะนำน้ำมันที่อยู่ในมือเจิมปลายหูข้างขวาของผู้รับการชำระ และหัวแม่มือขวากับหัวแม่เท้าขวาของเขา ตรงที่เจิมด้วยเลือดของเครื่องบูชาชดใช้บาป 29น้ำมันที่เหลืออยู่ในมือของปุโรหิตนั้น เขาจะเจิมศีรษะของผู้รับการชำระ เพื่อลบมลทินของเขาเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 30และเขาจะถวายนกเขาหรือนกพิราบตามที่เขาสามารถหามาได้ 31ถวายนกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาลบล้างบาป นกอีกตัวหนึ่งเป็นเครื่องบูชาเผาทั้งตัวพร้อมกับธัญบูชา แล้วปุโรหิตจะลบมลทินของผู้รับการชำระเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ 32นี่เป็นกฎสำหรับผู้เป็นโรคเรื้อนที่ไม่สามารถถวายเครื่องบูชาตามปกติเพื่อการชำระของตนได้”
 33พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า 34“เมื่อเจ้าเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน ซึ่งเราให้แก่เจ้าเป็นกรรมสิทธิ์นั้น และเราจะใส่เชื้อเรื้อนเข้าที่บ้านหลังหนึ่งหลังใดในแผ่นดินที่เจ้าถือกรรมสิทธิ์นั้น 35ให้ผู้ที่ถือกรรมสิทธิ์ของบ้านนั้นมาบอกแก่ปุโรหิตว่า ‘ข้าพเจ้าเห็นเชื้ออะไรอย่างหนึ่งเกิดในบ้านของข้าพเจ้า’ 36แล้วปุโรหิตจะบัญชาให้เขาขนของออกจากบ้านให้หมด ก่อนที่ปุโรหิตจะไปตรวจเชื้อ เกรงว่าของทุกอย่างที่อยู่ในบ้านนั้นจะถูกประกาศว่า มลทิน ต่อจากนั้นปุโรหิตจึงจะเข้าไปตรวจดูบ้าน 37และปุโรหิตจะตรวจดูเชื้อ ถ้าเชื้อนั้นอยู่ที่ผนังบ้านเป็นรอยสีเขียวๆ แดงๆ และปรากฏลึกกว่าผิวผนัง 38ปุโรหิตจะออกจากบ้านไปอยู่ที่ประตูบ้าน แล้วปิดบ้านเสียเจ็ดวัน 39พอถึงวันที่เจ็ดปุโรหิตจะกลับมาตรวจดูอีก ถ้าเชื้อนั้นลามไปในผนังบ้าน 40ปุโรหิตก็จะบัญชาให้เอาหินก้อนที่ติดเชื้อนั้นออกเสีย นำไปโยนทิ้งในที่ที่เป็นมลทินภายนอกเมือง 41และสั่งให้ขูดข้างในบ้านทั่วๆ ไป ผงปูนที่ขูดออกมานั้นให้นำไปทิ้งเสียในที่ที่เป็นมลทินภายนอกเมือง 42แล้วให้หาหินอื่นมาแทนหินก้อนที่นำออกไป และเอาปูนอื่นมาโบกผนังบ้านนั้น
 43“ถ้าหลังจากเขาเอาหินออก ขูดบ้านและโบกปูนใหม่แล้ว ยังเกิดเชื้อขึ้นในบ้านนั้นอีก 44ปุโรหิตจะไปตรวจดู หากเขาเห็นว่าเชื้อยังลามไปในบ้านอีก เชื้อนั้นเป็นเชื้อเรื้อนอย่างร้ายแรง บ้านนั้นก็เป็นมลทิน 45ให้เขาพังบ้านนั้นลง ส่วนหิน ไม้ และปูนที่ทำบ้านนั้นให้ขนไปทิ้งเสีย ในที่ที่เป็นมลทินภายนอกเมือง 46ยิ่งกว่านั้นอีก ผู้ใดที่เข้าไปในขณะที่บ้านปิดอยู่ ผู้นั้นจะเป็นมลทินจนถึงเวลาเย็น 47ผู้ที่นอนลงในบ้านนั้น ต้องซักเสื้อผ้าของเขา และผู้ที่รับประทานในบ้านนั้น ต้องซักเสื้อผ้าของเขาด้วย
 48“แต่ถ้าปุโรหิตมาตรวจ และเห็นว่า เมื่อโบกปูนใหม่แล้ว เชื้อนั้นไม่ได้ลามไปในบ้าน ปุโรหิตก็จะประกาศว่าบ้านนั้นสะอาด เพราะไม่มีเชื้อแล้ว 49และเพื่อจะชำระบ้านนั้น ให้เขานำนกสองตัว กับไม้สนสีดาร์ ด้ายสีแดง และต้นหุสบมา 50ให้ฆ่านกตัวหนึ่งบนน้ำสะอาดในภาชนะดิน 51เอาไม้สนสีดาร์ ต้นหุสบ และด้ายสีแดง พร้อมกับนกตัวที่ยังมีชีวิตอยู่ จุ่มลงในเลือดของนกที่ถูกฆ่าบนน้ำสะอาดนั้น แล้วประพรมบ้านนั้นเจ็ดครั้ง 52โดยวิธีนี้เขาจะได้ชำระบ้านด้วยเลือดนก ด้วยน้ำสะอาดและด้วยนกที่มีชีวิต ด้วยไม้สนสีดาร์ ต้นหุสบ และด้ายสีแดง 53ให้เขาปล่อยนกที่มีชีวิตออกจากเมืองไปยังท้องทุ่ง โดยวิธีนี้แหละ เขาจะได้ลบมลทินของบ้าน และบ้านนั้นก็สะอาด”
 54นี่เป็นกฎเกี่ยวกับโรคเรื้อนต่างๆ ผื่นคัน 55เชื้อเรื้อนในเครื่องแต่งกายหรือในบ้าน 56อาการที่บวม หรือแผลพุพอง หรือที่ด่าง 57เพื่อจะแสดงว่าเมื่อไรจึงเรียกว่ามลทิน เมื่อไรเรียกว่าสะอาด นี่เป็นกฎว่าด้วยโรคเรื้อน

อรรถาธิบาย

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับการพลิกประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่

พระเจ้าทรงสามารถฟื้นฟูคริสตจักรได้หรือไม่? พระองค์ทรงสามารถเปลี่ยนประเทศชาติได้หรือไม่? พระองค์ทรงสามารถลดอัตราการเกิดอาชญากรรมและทำให้เรือนจำว่างเปล่าได้หรือไม่? พระองค์สามารถพลิกชีวิตแต่งงานและชีวิตครอบครัวได้หรือไม่?

การพลิกประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้นบนไม้กางเขนโดยพระโลหิตของพระเยซูที่หลั่งออกมาเพื่อเรา สิ่งที่ดูเหมือนความพ่ายแพ้อย่างที่สุดพระเจ้าทรงเปลี่ยนให้เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ตลอดกาล ในการกระทำเช่นนั้น พระองค์ทำให้คุณและผมเป็นส่วนหนึ่งของการ ‘พลิกโลก’ ของพระเจ้าในชุมชนของเราในวันนี้

ทั้งหมดนี้ถูกเป็นดั่งเงาสะท้อนล่วงหน้าในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมสำหรับวันนี้ เราอ่านพระธรรมเลวีนิติครั้งแล้วครั้งเล่าถึงความจำเป็นในการชำระบาป เพราะบาปและการมีมลทินต้องถูกลบล้าง เครื่องบูชาเป็นสิ่งที่ต้อง การ (14:19) การถวายเครื่องบูชาลบล้างบาปจึงจำเป็น (ข้อ 18,19,31) เลือด (ข้อ 14,25,28) ของลูกแกะ (ข้อ 10,12,23–24) ที่ปราศจากตำหนิ (ข้อ 10) ที่นำมาซึ่งการชำระลบล้างบาปและมลทิน (ข้อ 11,19,20,23,29,31)

อัครสาวกเปาโลอธิบายว่าทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นถึงการพลิกผันครั้งใหญ่ของพระเยซูซึ่ง ‘รับการยืนยันจากหมวดธรรมบัญญัติและพวกผู้เผยพระวจนะ’ (โรม 3:21) ทุกสิ่งที่เราอ่านเกี่ยวกับเลวีนิติในวันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ‘ยืนยัน ’ เกี่ยวกับพระเยซู เปาโลกล่าวต่อไปว่า ‘คือความชอบธรรมของพระเจ้า ซึ่งปรากฏโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์ แก่ทุกคนที่เชื่อ... โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว’ (ข้อ 22–24)

ผลก็คือวันนี้คุณสามารถเข้าเฝ้าพระเจ้าด้วยความมั่นใจ ในพระธรรมเลวีนิติตอนนี้ เราอ่านถึงการชำระล้างที่เกิดขึ้นผ่านน้ำ (เลวีนิติ 14:7,8) และเลือด (ข้อ 14,25,28) สิ่งนี้ถูกหยิบขึ้นมาในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่เพื่อเป็นเงาสะท้อนล่วงหน้าว่าพระเยซูทรงชำระเราอย่างไร ดังนั้นผู้เขียนฮีบรูจึงกล่าวว่า ‘ก็ให้เราเข้าไปใกล้ด้วยใจจริง ด้วยความไว้ใจเต็มที่ มีใจที่ได้รับการประพรมให้พ้นจากมโนธรรมที่ไม่ดี และมีการที่ล้างชำระด้วยน้ำสะอาด’ (ฮีบรู 10:22 ดู 1 ยอห์น 5:6 ด้วย)

จากนั้นอาจารย์เปาโลก็จบคำอธิบายโดยการวาดภาพอย่างชัดเจนเกี่ยวกับภาพของการถวายเครื่องบูชาที่เราเห็นในพระธรรมวันนี้ เพื่ออธิบายว่าทั้งหมดนี้บรรลุผลได้อย่างไร ‘พระเจ้าทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็น*เครื่องบูชาไถ่บาป *โดยพระโลหิตของพระองค์’ (โรม 3:25)

นี่คือวิธีที่ประวัติศาสตร์ถูกพลิกผัน นี่คือวิธีที่ชีวิตของ ‘บิ๊กจอห์น’ ถูกพลิกฟื้น นี่คือวิธีที่ชีวิตของผมได้รับการพลิก นี่คือวิธีที่ชีวิตของคุณที่ถูกพลิกผัน นี่คือวิธีที่ความสิ้นหวังถูกเปลี่ยนเป็นความชื่นชมยินดี ขอบคุณพระเจ้าสำหรับองค์พระเยซู

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์ที่ได้พลิกประวัติศาสตร์ ข้าพระองค์ขออธิษฐานขอทรงทรงเปลี่ยนประเทศของเรา เทพระวิญญาณของพระองค์ลงมา ฟื้นฟูคริสตจักรของพระองค์ พลิกชีวิตการแต่งงานและครอบครัว ขอทรงให้อัตราการเกิดอาชญากรรมลดลง ให้เรือนจำเริ่มว่างเปล่า ขอให้ประเทศ บ้านเมืองและหมู่บ้านของเราได้รับการเปลี่ยนแปลง ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่

เพิ่มเติมโดยพิพพา

เชื้อราดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม การรักษามันซับซ้อนมากและเกี่ยวข้องกับปุโรหิต มีความชื้นในทำนองนี้เกิดขึ้นในที่พักในคริสตจักร ฉันดีใจที่สมาชิกในคริสตจักรไม่เรียกนิคกี้ทุกครั้งที่มีเชื้อราในบ้านของพวกเขา เขาไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่!

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม