วัน 68

‘…แต่’

ปัญญานิพนธ์ สดุดี 31:9-18
พันธสัญญาใหม่ มาระโก 14:17-42
พันธสัญญาเดิม เลวีนิติ 17:1-18:30

เกริ่นนำ

ในช่วงที่มีการขาดแคลนมันฝรั่งครั้งรุนแรงในประเทศไอร์แลนด์ หลายครอบครัวเขียนจดหมายถึงเจ้าของที่ดินเพื่อแจ้งว่าพวกเขาไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าและทั้งยังขอร้องให้ปลดหนี้ทั้งหมดให้พวกเขาด้วย เจ้าของที่ดินคนนี้คือ นักบุญแอนดรู โรเบิร์ต ฟอสเสท เกิดในปี 1821 แถบเอนนิสกิลเลน เฟอร์แมนา ประเทศไอร์แลนด์

นักบุญฟอสเสท เขียนตอบไปยังผู้เช่าว่า มันน่าจะเป็นไปได้ยากที่จะยกหนี้ให้ เพราะน่าจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี พวกเขาต้องชำระทุกบาททุกสตางค์

‘แต่’ ท่านได้เขียนว่า ‘ผมได้แนบบางสิ่งมาด้วยซึ่งอาจจะช่วยพวกคุณได้’ ซึ่งเจ้าของที่ดินคนอื่นจำนวนมากในเวลานั้นทำในทางตรงกันข้าม แต่ท่านกลับส่งเช็คที่มีจำนวนเงินมากกว่าหนี้ทั้งหมดที่พวกเขาต้องชำระ

หัวใจของพวกเขาต้องกระโดดโลดเต้นด้วยความชื่นชมยินดี เมื่อเห็นคำว่า ‘แต่’ คำว่า ‘แต่’ เป็นคำที่ทรงพลังในยามเผชิญกับปัญหา การทดสอบ และการทดลอง

ปัญญานิพนธ์

สดุดี 31:9-18

9ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงพระกรุณาข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์กำลังทุกข์ใจ
 ดวงตาข้าพระองค์ก็ร่วงโรยไปเพราะความระทม
 ทั้งจิตใจและร่างกายของข้าพระองค์ด้วย
10ชีวิตของข้าพระองค์ก็ร่อยหรอเพราะความทุกข์โศก
 และปีเดือนของข้าพระองค์ก็หมดไปด้วยการถอนหายใจ
กำลังของข้าพระองค์อ่อนลงเพราะความชั่วของข้าพระองค์
 และกระดูกของข้าพระองค์ก็ร่วงโรยไป
11เพราะคู่อริทั้งสิ้น
 ข้าพระองค์กลายเป็นที่เยาะเย้ยอย่างมากของเพื่อนบ้าน
เป็นที่หวาดกลัวของคนคุ้นเคย
 ผู้ที่เห็นข้าพระองค์ในถนนก็หนีข้าพระองค์ไป
12ข้าพระองค์ถูกลืมเหมือนคนตายแล้ว ไม่มีใครใส่ใจ
 ข้าพระองค์เป็นเหมือนภาชนะแตก
13เพราะข้าพระองค์ได้ยินเสียงซุบซิบของคนเป็นอันมาก
 มีความหวาดกลัวอยู่ทุกด้าน
ขณะที่พวกเขาร่วมกันคิดแผนการต่อสู้ข้าพระองค์
 หมายจะเอาชีวิตข้าพระองค์
14ข้าแต่พระยาห์เวห์ แต่ข้าพระองค์วางใจในพระองค์
 ข้าพระองค์ทูลว่า “พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์”
15วันเวลาของข้าพระองค์อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
 ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากมือศัตรูและพ้นจากผู้ข่มเหงข้าพระองค์
16ขอพระพักตร์พระองค์ทอแสงเหนือผู้รับใช้ของพระองค์
 ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดด้วยความรักมั่นคงของพระองค์
17ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าให้ข้าพระองค์อับอาย
 เพราะข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์
ขอให้คนอธรรมอับอาย
 ขอให้เขานิ่งเงียบไปยังแดนคนตาย
18ขอให้ริมฝีปากที่หลอกลวงเป็นใบ้
 ซึ่งพูดทะลึ่งอวดดีต่อคนชอบธรรม
 ด้วยความจองหองและการดูหมิ่น

อรรถาธิบาย

ในยามที่มีอุปสรรคปัญหา... ‘แต่ข้าพระองค์วางใจในพระองค์’

ไม่มีสักคนเดียวที่จะมีชีวิตที่ไม่ต้องเผชิญกับอุปสรรคปัญหา หากตัวอย่างจากชีวิตของดาวิดเป็นบางสิ่งที่ต้องพบเจอ บุคคลใดก็ตามที่อยู่ในฐานะผู้นำก็ยิ่งจะต้องเผชิญ

ดาวิดเคยอยู่ในอุปสรรคปัญหา ‘ดวงตาข้าพระองค์ก็ร่วงโรยไปเพราะความระทม จิตใจและร่างกายของข้าพระองค์ด้วย’ (ข้อ 9ข, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก Amplified Bible โดยผู้แปล) เขาเผชิญความท้าทายทั้งฝ่ายวิญญาณ, ความคิด และร่างกาย

เขาต้องเผชิญกับ ‘ความทุกข์ใจ’, ‘ความระทม’, ‘ ความเศร้าโศก’, ‘ความทุกข์โศก’, ‘การถอนหายใจ’, ‘ความชั่ว’, ‘ความเจ็บป่วย ’, ‘คู่อริ’, ‘ที่เยาะเย้ย’ จากเพื่อนบ้านของเขา, ความแตกแยก, ‘ความหวาดกลัว’ , การสมคบคิดและแผนการร้าย (ข้อ 9-13)

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ เขาก็ยังสามารถพูดว่า ‘แต่ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ ข้าพระองค์ทูลว่า “พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพระองค์” วันเวลาของข้าพระองค์อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์’ (ข้อ 14-15ก) เขาวางใจใน ‘ความรักมั่นคง’ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า (ข้อ 16) บางครั้งเมื่อหลายสิ่งดูจะผิดพลาดไป ก็ยากที่จะเชื่อว่าพระเจ้ารักคุณจริง ๆ แต่ดาวิดทำเช่นนั้น เขาร้องขอความช่วยเหลือเป็นเพราะว่าเขาวางใจว่าพระเจ้าจะช่วยกู้เขาให้รอดพ้น

มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากเมื่อสิ่งที่คุณไว้วางใจได้รับการทดสอบ แต่เฮ็นรี่ ฟอร์ด เขียนได้ว่า ‘เมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินขัดแย้งกับคุณ โปรดจำไว้ว่า เครื่องบินบินขึ้นต้านกับแรงลมไม่ใช่ตามแรงลม!’ จงวางใจว่าในทุกสิ่ง พระเจ้าทรงกระทำการดีเพื่อคนที่รักพระองค์ คือผู้ที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์ (โรม 8:28)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ในความท้าทายทุกอย่างในภายหน้า ขอช่วยให้ข้าพระองค์วางใจในพระองค์ ‘วันเวลาของข้าพระองค์อยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์...ขอพระพักตร์พระองค์ทอแสงเหนือผู้รับใช้ของพระองค์ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขออย่าให้ข้าพระองค์อับอาย เพราะข้าพระองค์ร้องทูลพระองค์’ (สดุดี 31:14ข - 17ก)

พันธสัญญาใหม่

มาระโก 14:17-42

 17เมื่อถึงเวลาค่ำแล้ว พระองค์จึงเสด็จมากับสาวกสิบสองคน 18ขณะกำลังประทับและเสวยอาหารอยู่นั้น พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา เป็นคนที่ร่วมรับประทานอาหารกับเรา 19พวกสาวกก็พากันเป็นทุกข์และทูลถามพระองค์ทีละคนว่า “เป็นข้าพระองค์หรือ?” 20พระองค์จึงตรัสตอบพวกเขาว่า “เป็นคนหนึ่งในสาวกสิบสองคนนี้ เป็นคนที่จิ้มในชามเดียวกับเรา 21เพราะบุตรมนุษย์จะต้องไปตามที่เขียนไว้เกี่ยวกับท่าน แต่วิบัติแก่คนที่ทรยศบุตรมนุษย์ ถ้าคนนั้นไม่ได้เกิดมาจะดีกว่า”

การทรงตั้งพิธีมหาสนิท

 22ระหว่างอาหารมื้อนั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังมา เมื่อขอพระพรแล้ว ทรงหักส่งให้แก่เหล่าสาวกตรัสว่า “จงรับเถิด นี่เป็นกายของเรา” 23แล้วพระองค์ทรงหยิบถ้วย เมื่อขอบพระคุณแล้วจึงส่งให้พวกเขา พวกเขาก็รับไปดื่มทุกคน 24แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “นี่เป็นโลหิตของเราซึ่งเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาที่จะต้องหลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก 25เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำจากผลของเถาองุ่นอีกต่อไปจนกว่าจะถึงวันนั้น คือวันที่เราจะดื่มใหม่ในแผ่นดินของพระเจ้า”

การทรงพยากรณ์ถึงเรื่องที่เปโตรจะปฏิเสธ

 26เมื่อร้องเพลงสรรเสริญแล้ว พวกเขาก็พากันไปที่ภูเขามะกอกเทศ
 27พระเยซูตรัสกับพวกสาวกว่า “พวกท่านทุกคนจะทิ้งเรา เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
‘เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ
 และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป’

 28แต่หลังจากพระเจ้าทรงทำให้เราเป็นขึ้นมาแล้ว เราจะไปยังแคว้นกาลิลีก่อนพวกท่าน” 29เปโตรทูลพระองค์ว่า “แม้ว่าทุกคนจะทิ้งพระองค์ แต่ข้าพระองค์จะไม่ทิ้งพระองค์” 30พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ในวันนี้คือในคืนนี้เอง ก่อนไก่ขันสองหน ท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง” 31แต่เปโตรทูลยืนยันว่า “แม้ว่าข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย” เหล่าสาวกก็ทูลเช่นนั้นเหมือนกันทุกคน

การทรงอธิษฐานในสวนเกทเสมนี

 32แล้วพระเยซูกับเหล่าสาวกมายังที่แห่งหนึ่งชื่อเกทเสมนี พระองค์ตรัสกับสาวกของพระองค์ว่า “จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะที่เราไปอธิษฐาน” 33พระองค์ก็พาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปด้วย แล้วพระองค์ทรงเป็นทุกข์และหนักพระทัยอย่างยิ่ง 34จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า “ใจเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงเฝ้าอยู่ที่นี่เถิด” 35แล้วเสด็จต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง ซบพระกายลงที่ดินอธิษฐานว่าถ้าเป็นได้ขอให้ชั่วโมงนี้ผ่านพ้นไปจากพระองค์ 36พระองค์ทูลว่า “อับบา ทุกสิ่งเป็นได้สำหรับพระองค์ ขอโปรดให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” 37เมื่อเสด็จกลับมา พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพวกสาวกนอนหลับอยู่ จึงตรัสกับเปโตรว่า “ซีโมนเอ๋ย ท่านยังนอนหลับหรือ? จะเฝ้าอยู่สักชั่วโมงเดียวไม่ได้หรือ? 38ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อจะไม่ถูกการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง” 39พระองค์จึงเสด็จไปอธิษฐานอีกครั้งหนึ่ง ตรัสถ้อยคำเหมือนครั้งก่อน 40เมื่อเสด็จกลับมาอีกก็ทอดพระเนตรเห็นพวกสาวกนอนหลับอยู่ เพราะตาของพวกเขาลืมไม่ขึ้น พวกเขาไม่รู้ว่าจะทูลพระองค์อย่างไร 41เมื่อเสด็จกลับมาครั้งที่สาม พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านยังจะนอนพักเหนื่อยต่อไปอีกหรือ? พอเถอะ นี่แน่ะ เวลาที่บุตรมนุษย์ถูกมอบไว้ในมือของคนบาปนั้นมาถึงแล้ว 42ลุกขึ้นไปกันเถิด คนที่ทรยศเรามาใกล้แล้ว”

อรรถาธิบาย

ในการทดสอบ... ‘อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์’

บางครั้งคุณอาจเผชิญกับความยากลำบากในชีวิต ไม่ใช่เพราะคุณทำในสิ่งที่ผิดแต่เป็นเพราะว่าคุณกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง เราทุกคนจะต้องพบกับการทดสอบ, การทดลอง และการล่อลวงในชีวิต ไม่ใช่เพียงแค่คุณเท่านั้น พระเยซูพระองค์เองไม่เคยทำผิด แต่พระองค์ก็ต้องเผชิญกับการทดสอบ, การทดลอง และการล่อลวงที่ยิ่งใหญ่กว่ามนุษย์คนใดในประวัติศาสตร์ต้องเจอ

1.\tความไม่จงรักภักดี

การจงรักภักดีเป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยม การจงรักภักดีของผองเพื่อนและเหล่าเพื่อนร่วมงานนั้นทั้งเป็นการหนุนจิตชูใจ เสริมกำลัง และทำให้มั่นใจในเวลาที่พบกับปัญหา การทดลอง และการล่อลวง แต่ความไม่จงรักภักดี นั้นทำลายล้างมาก

พระเยซูใช้เวลาสามปีกับสาวกสิบสองคนที่พระองค์ทรงรัก ทรงดำเนินชีวิตกับพวกเขา และได้ทรงสร้างพวกเขา แต่พระองค์ยังทรงตรัสกับพวกเขาว่า ‘คนหนึ่งในพวกท่านจะทรยศเรา’ (ข้อ 18) มันเป็นเรื่องน่ากลัวที่ถูกทรยศโดยศัตรูหรือคนคุ้นเคย แต่การถูกคนสนิททรยศนั้นเป็นสิ่งที่รับได้ยากที่สุด

2.\tความผิดหวัง

ไม่ใช่เพียงสาวกคนเดียวเท่านั้นที่ทรยศพระองค์ พวกเขาที่เหลือทุกคนต่างทิ้งพระองค์ด้วย (ข้อ 27) และอีกครั้ง นี่คงเป็นความผิดหวังครั้งใหญ่ของพระเยซู พวกเขาเป็นดั่งสหายคนสนิทของพระองค์แต่ในเวลาที่ยากลำบากพวกเขากลับทิ้งพระองค์ แม้แต่คนที่เป็นผู้นำที่เข้มแข็งอย่างเปโตร แม้ว่าเปโตรมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะไม่ปฏิเสธพระเยซู แต่ในที่สุดเขาก็ปฏิเสธพระองค์

3.\tความทุกข์

เมื่อพระเยซูเข้าใกล้ช่วงเวลาที่เลวร้าย พระองค์ทรง ‘เป็นทุกข์และหนักพระทัยอย่างยิ่ง’ (ข้อ 33ข) พระทัยของพระองค์ ‘เป็นทุกข์แทบจะตาย’ (ข้อ 34ก)

4.\tความตาย

เรามองย้อนกลับไป (ดู พระคัมภีร์ใน 1 ปี วันที่ 60) จากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมที่เป็นเบื้อง หลังถึงถ้วยแห่งพระพิโรธของพระเจ้าต่อความบาป เมื่อพระองค์ส่งถ้วยไปโดยรอบ พระองค์ตรัสว่า ‘นี่เป็นโลหิตของเราซึ่งเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญา ที่จะต้องหลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก’ (ข้อ 24) เวลาต่อมาที่สวนเกทเสมนีพระองค์อธิษฐาน ‘ขอโปรดให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด’ (ข้อ 36ก)

นอกจากนี้ ‘หลั่งออกเพื่อคนจำนวนมาก’ (มาระโก 14:24ข) สะท้อนถึง อิสยาห์ 53; ‘เพราะเขาเทตัวของเขาลงถึงความมรณะ’ (อิสยาห์ 53:12ค) พระเยซูทรงทราบดีถึงการที่พระองค์กำลังเผชิญกับความทุกข์ทรมานที่ไม่อาจจินตนาการได้ และรับบาปผิดของโลกไว้บนบ่าของพระองค์เอง และหลั่งโลหิตเพื่อเรา

เพื่อความเข้าใจอย่างแท้จริง เราจำเป็นต้องอ้างอิงถึงเบื้องหลังจากพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม พระธรรมตอนนี้ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมสำหรับเราวันนี้ เราได้อ่านถึงสองครั้งว่า ‘ชีวิตของสัตว์ทุกตัวอยู่ในเลือด’ (เลวีนิติ 17:11, 14) และ ‘เพราะว่าโลหิตเป็นสิ่งที่ใช้ลบมลทิน’ (ข้อ 11) กล่าวได้อีกอย่างว่า ‘ชีวิตแทนชีวิต’ (อพยพ 21:23) พระเยซูทรงประทานชีวิตของพระองค์เพื่อเรา

ทุกครั้งที่คุณรับประทานขนมปังและน้ำองุ่นในพิธีศีลมหาสนิท ให้ใคร่ครวญถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ การเสียสละ และการสิ้นพระชนม์เพื่อคุณ ให้เรารับการอภัย ความเมตตา พระคุณ และความโปรดปรานจากพระองค์อีกครั้ง มอบถวายชีวิตของคุณอีกครั้งกับพระองค์ และบอกกับพระองค์ว่า ‘อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์’

พระเยซูทรงเผชิญหน้ากับความไม่จงรักภักดี, ความผิดหวัง, ความทุกข์ และความตาย พระองค์ทรงวางความวางใจไว้ในความรักของพระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ และตรัสว่า ‘อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์’ (มาระโก 14:36ข) พระองค์ทรงทราบว่าพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาที่แสนดีซึ่งพระองค์สามารถเรียกว่า ‘อับบา (พ่อ) ‘ (ข้อ 36ก) เป็นคำพูดที่แสดงออกถึงความใกล้ชิดเช่นเดียวกับ ‘พ่อ’ หรือ ‘ปะป๊า’

พระองค์ทรงทราบว่าพระเจ้าทรงฤทธานุภาพสูงสุด แต่ในหลายทางพระองค์ก็ต้องการเลี่ยงจาก ‘ถ้วยนี้’ (ข้อ 36ข) ถึงอย่างไรก็ตามพระองค์ทรงวางใจว่าพระเจ้าทรงทราบดีที่สุดและพระองค์ปรารถนาที่จะยอมรับน้ำพระทัยของพระเจ้า นี่เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดสำหรับเราเมื่อเรากลัวสิ่งที่รอเราอยู่ข้างหน้า

ความแตกต่างระหว่างพระเยซูกับสาวกของพระองค์ช่างน่าขัน มันไม่ได้ไปในทางเดียวกัน พวกเขาไม่ได้เผชิญสิ่งที่เหมือนกับที่พระองค์เผชิญ แต่พวกเขาก็ยังไม่สามารถตื่นอยู่เพื่ออธิษฐานเพื่อพระองค์ พวกเขาเอาแต่นอนหลับ ผมต้องพูดอย่างนี้ว่า ผมก็เห็นอกเห็นใจพวกเขา ผมเองก็พบว่ามันยากที่จะตื่นอยู่เสมอ!

พระเยซูตรัสว่า ‘ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อจะไม่ถูกการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง’ (ข้อ 38) ผมต้องสารภาพว่าสิ่งนี้มักจะเป็นความจริงเมื่อผมเผชิญกับความท้าทายที่จะอธิษฐานให้มากขึ้น จิตวิญญาณของผมพร้อมนะ แต่ร่างกายของผมอ่อนแอ

คำอธิษฐาน

ขอบพระคุณพระบิดา ที่ข้าพระองค์สามารถเรียกพระองค์ว่า ‘อับบา’ และนำความวางใจของข้าพระองค์ไว้ในพระองค์ สำหรับแผนการข้างหน้าข้าพระองค์ขออธิษฐานว่า ‘อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์’ (ข้อ 36) ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้วางน้ำพระทัยของพระองค์อยู่เหนือความปรารถนาของข้าพระองค์

พันธสัญญาเดิม

เลวีนิติ 17:1-18:30

การฆ่าสัตว์

 1พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 2“จงกล่าวแก่อาโรนและบุตรทั้งหลายของเขา และแก่คนอิสราเอลว่า ต่อไปนี้เป็นสิ่งซึ่งพระยาห์เวห์ได้ทรงบัญชาไว้ 3ถ้าชาวอิสราเอลคนใดฆ่าโคหรือลูกแกะ หรือแพะในค่าย หรือฆ่าภายนอกค่าย 4และไม่ได้นำมาที่ประตูเต็นท์นัดพบ เพื่อถวายเป็นของบูชาแด่พระยาห์เวห์ที่หน้าพลับพลาแห่งพระยาห์เวห์ ผู้นั้นต้องมีโทษด้วยความผิดเรื่องเลือด คือเขาทำให้เลือดตก ให้ไล่ผู้นั้นออกจากชนชาติของตน 5ทั้งนี้เพื่อให้คนอิสราเอลนำเครื่องบูชาซึ่งเขาถวายที่ท้องทุ่ง มาถวายแด่พระยาห์เวห์ มายังปุโรหิตที่ประตูเต็นท์นัดพบ ฆ่าสัตว์นั้นเป็นศานติบูชาถวายแด่พระยาห์เวห์ 6และปุโรหิตจะเอาเลือดสัตว์นั้นประพรมแท่นบูชาของพระยาห์เวห์ที่ประตูเต็นท์นัดพบ และเผาไขมันให้เป็นกลิ่นพอพระทัยถวายแด่พระยาห์เวห์ 7พวกเขาจะต้องไม่ฆ่าสัตว์บูชาถวายปีศาจแพะซึ่งเขาทั้งหลายเคยกราบไหว้อีกต่อไป ให้เรื่องนี้เป็นกฎเกณฑ์ถาวรสำหรับพวกเขาตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเขาทั้งหลาย
 8“และจงกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า คนอิสราเอลคนใดหรือคนต่างด้าวคนใดผู้อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา ที่ถวายเครื่องบูชาเผาทั้งตัวหรือเครื่องสัตวบูชา 9และไม่ได้นำเครื่องสัตวบูชานั้นมาที่ประตูเต็นท์นัดพบเพื่อถวายแด่พระยาห์เวห์ ก็ให้ไล่ชายผู้นั้นออกจากชนชาติของตน

ห้ามรับประทานเลือด

 10“ถ้าคนอิสราเอลหรือคนต่างด้าวคนใดผู้อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเจ้ารับประทานเลือด เราจะตั้งหน้าต่อสู้บุคคลผู้รับประทานเลือดนั้น และจะไล่เขาออกจากชนชาติของตน 11เพราะว่าชีวิตของสัตว์ทุกตัวอยู่ในเลือด เราได้ให้เลือดแก่เจ้าทั้งหลายเพื่อใช้บนแท่นบูชา เพื่อจะลบมลทินของเจ้าทั้งหลาย เพราะว่าโลหิตเป็นสิ่งที่ใช้ลบมลทิน เพราะชีวิตเป็นเหตุ 12เพราะฉะนั้นเราจึงได้พูดกับคนอิสราเอลว่า ห้ามคนใดในพวกเจ้ารับประทานเลือด หรือคนต่างด้าวผู้อาศัยท่ามกลางเจ้าก็ห้ามรับประทานเลือด 13เมื่อคนอิสราเอลคนใดหรือคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเขา ไปล่าสัตว์หรือนกเพื่อนำมารับประทานก็ให้หลั่งเลือดของมันออก แล้วเอาดินกลบ
 14“เพราะว่าชีวิตของสัตว์ทุกตัวก็คือเลือดของมันนั่นเอง เพราะฉะนั้นเราจึงได้กล่าวแก่ประชาชนอิสราเอลว่า ห้ามเจ้ารับประทานเลือดของสัตว์ใดๆ เพราะว่าชีวิตของสัตว์ทุกตัวก็คือเลือดของมันนั่นเอง ผู้ใดรับประทานก็ต้องถูกขับออก 15และทุกคนไม่ว่าชาวเมืองหรือคนต่างด้าวผู้รับประทานสัตว์ที่ตายเอง หรือที่ถูกสัตว์อื่นกัดตาย ต้องซักเสื้อผ้าและอาบน้ำ และเป็นมลทินอยู่จนถึงเวลาเย็น แล้วจึงจะสะอาดได้ 16ถ้าเขาไม่ซักเสื้อผ้าหรืออาบน้ำ เขาต้องรับโทษของเขา”

เลวีนิติ 18

เรื่องเพศสัมพันธ์

 1พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า 2“จงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย 3ห้ามเจ้าทั้งหลายทำเหมือนที่ทำกันในแผ่นดินอียิปต์ ซึ่งพวกเจ้าเคยอาศัยอยู่นั้น และห้ามพวกเจ้าทำเหมือนที่ทำกันในแผ่นดินคานาอัน ซึ่งเรากำลังพาพวกเจ้าเข้าไปนั้น ห้ามเจ้าทั้งหลายประพฤติตามกฎเกณฑ์ของพวกเขา 4เจ้าทั้งหลายจงทำตามกฎหมายของเราและรักษากฎเกณฑ์ของเราและประพฤติตาม เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า 5เพราะฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจึงต้องรักษากฎเกณฑ์ของเรา และกฎหมายของเรา ผู้ที่ทำตามจึงจะมีชีวิตอยู่ เราคือยาห์เวห์
 6“ห้ามให้ผู้ใดเข้าใกล้ญาติสนิทของตนหรือเปิดของลับของเขา เราคือยาห์เวห์ 7ห้ามเปิดของลับของบิดาเจ้า คือของลับมารดาเจ้า เพราะนางเป็นแม่ของเจ้า ห้ามเปิดของลับของนาง 8ห้ามเปิดของลับของภรรยาของบิดาเจ้า เพราะเป็นของลับของบิดาเจ้า 9ห้ามเปิดของลับของพี่สาวหรือน้องสาวของเจ้า คือของบุตรสาวของบิดาเจ้า หรือของบุตรสาวของมารดาเจ้า ไม่ว่าที่เกิดในบ้านหรือเกิดที่อื่น 10ห้ามเปิดของลับของบุตรสาวของบุตรชายของเจ้า หรือของบุตรสาวของบุตรีของเจ้า เพราะว่าของลับของพวกเธอก็เป็นของลับของเจ้าเอง 11ห้ามเปิดของลับของบุตรสาวของภรรยาของบิดาเจ้า ซึ่งเกิดจากบิดาเจ้าเอง เพราะว่าเธอเป็นน้องสาวหรือพี่สาวของเจ้า 12ห้ามเปิดของลับของอาหญิง หรือของป้า เพราะเธอเป็นญาติหญิงที่สนิทของบิดาเจ้า 13ห้ามเปิดของลับของป้าหรือน้าหญิงของเจ้า เพราะเธอเป็นญาติหญิงที่สนิทของมารดาเจ้า 14ห้ามเปิดของลับของลุงหรืออาชายของเจ้า คือห้ามเข้าหาภรรยาของเขา เพราะนางเป็นป้าสะใภ้หรืออาสะใภ้ของเจ้า 15ห้ามเปิดของลับของลูกสะใภ้ของเจ้า นางเป็นภรรยาลูกชายเจ้า ห้ามเปิดของลับของนาง 16ห้ามเปิดของลับของภรรยาของพี่ชายหรือน้องชายของเจ้า นางเป็นของลับของพี่น้องผู้ชายของเจ้า17ห้ามเปิดของลับของบุตรสาวของสตรีคนใดที่เจ้าได้เปิดของลับของนางแล้ว และห้ามนำบุตรสาวของบุตรชายของนาง หรือบุตรสาวของบุตรสาวของนางไปเปิดของลับ เพราะว่าพวกเธอเป็นญาติหญิงที่สนิท เป็นการอธรรม 18และห้ามนำพี่สาวหรือน้องสาวของภรรยามาเป็นคู่แข่งกับภรรยา โดยเปิดของลับของเธอในขณะที่ภรรยายังมีชีวิตอยู่
 19“เมื่อสตรีคนใดกำลังมีประจำเดือน ห้ามเข้าไปเปิดของลับของเธอ 20ห้ามมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของเพื่อนบ้านของเจ้า ซึ่งทำให้ตัวเจ้าเป็นมลทินกับนาง 21ห้ามถวายลูกหลานของเจ้าให้พระโมเลคพระของคนอัมโมนโดยให้ลุยไฟ ห้ามทำให้พระนามพระเจ้าของเจ้าเสื่อมเกียรติ เราคือยาห์เวห์ 22ห้ามผู้ชายหลับนอนกับผู้ชายด้วยกันเช่นเดียวกับหลับนอนกับผู้หญิง เป็นสิ่งพึงรังเกียจ 23ห้ามสมสู่กับสัตว์ ซึ่งทำตนให้เป็นมลทินเพราะมัน และห้ามหญิงคนใดยอมตัวสมสู่กับสัตว์ การทำแบบนี้เป็นเรื่องวิปลาส
 24“เจ้าทั้งหลายอย่าทำตัวให้เป็นมลทินด้วยสิ่งเหล่านี้เลย เพราะว่าบรรดาประชาชาติ ที่เราได้ไล่ไปต่อหน้าเจ้านั้น เป็นมลทินด้วยสิ่งเหล่านี้ 25และแผ่นดินนั้นก็เป็นมลทิน เราจึงต้องลงโทษแก่แผ่นดินนั้น และแผ่นดินก็สำรอกเอาพลเมืองของตนออกเสีย 26แต่เจ้าทั้งหลายจะต้องรักษากฎเกณฑ์ของเราและกฎหมายของเรา และห้ามทำสิ่งพึงรังเกียจเหล่านี้ ไม่ว่าเป็นชาวเมืองหรือคนต่างด้าวผู้อาศัยอยู่ท่ามกลางพวกเจ้า 27(ประชาชนในแผ่นดินผู้อยู่ก่อนพวกเจ้าได้ทำสิ่งพึงรังเกียจเหล่านี้ ดังนั้นแผ่นดินจึงเป็นมลทิน) 28แผ่นดินจะไม่สำรอกพวกเจ้าออกหรือ เมื่อเจ้าทั้งหลายทำให้แผ่นดินเป็นมลทิน เช่นเดียวกับที่แผ่นดินได้สำรอกประชาชาติที่อยู่ก่อนพวกเจ้าออกไปนั้น29เพราะผู้ใดทำสิ่งพึงรังเกียจเหล่านี้ ให้ไล่ผู้ทำนั้นออกจากชนชาติของตน 30เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงปฏิบัติตามคำสั่งของเรา ห้ามประพฤติตามธรรมเนียมอันพึงรังเกียจ ซึ่งพวกเขาประพฤติกันอยู่ต่อหน้าเจ้า และห้ามทำตัวเจ้าให้เป็นมลทินด้วยสิ่งเหล่านี้ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”

อรรถาธิบาย

ในการล่อลวง... ‘แต่พระองค์...’

ชาวอิสราเอลกำลังเผชิญกับการล่อลวงครั้งใหญ่เนื่องจากการผิดศีลธรรมทางเพศ และกิจกรรมของผู้คนรอบตัวพวกเขา อย่างไรก็ตามพระเจ้าตรัสกับประชากรของพระองค์เกี่ยวกับวิธีการดำเนินชีวิต ‘แต่เจ้าทั้งหลายจะต้องรักษากฎเกณฑ์และกฎหมายของเรา’ (เลวีนิติ 18:26ก)

ผมเคยได้ยินเรื่องจริงนี้ มีหญิงคนหนึ่งถูกถามว่า ‘อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการมีอายุ 104 ปี? เธอตอบว่า ‘ไม่มีแรงกดดันจากคนรอบข้าง!’

บ่อยครั้งที่มีการล่อลวงให้ทำตามแรงกดดันจากเพื่อนหรือปฏิบัติตามมาตรฐานของคนรอบข้าง สิ่งหนึ่งที่มีแรงกดดันอย่างมหาศาลให้กระทำตามก็คือการผิดศีลธรรมทางเพศ

ในพระคำตอนนี้พระเจ้าตรัสกับประชากรของพระองค์ว่า ‘อย่าดำเนินชีวิตตามอย่างคนอียิปต์ที่ท่านเคยอาศัยอยู่ และอย่าดำเนินชีวิตตามอย่างคนคานาอันที่เรากำลังพาเจ้าไป อย่าทำในสิ่งที่พวกเขาทำ เชื่อฟังกฎหมายของเราดำเนินชีวิตตามกฎเกณฑ์ของเรา เราเป็นพระเจ้าของเจ้า’ (ข้อ 2-4, พระคัมภีร์ตอนนี้จาก The Message โดยผู้แปล)

เช่นเดียวกับชาวอิสราเอลโบราณ เราอยู่ในวัฒนธรรมที่มีจริยธรรมทางเพศที่แตกต่างมากกับพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้คุณปกป้องของประทานในเรื่องของเพศสัมพันธ์ที่ดียอดเยี่ยมที่พระองค์ทรงประทานให้ และอย่าให้การล่อลวงทำให้เราทำตามคนรอบข้าง ระมัดระวังในการทำตามแนวทางของพระเจ้า หากคุณกระทำเช่นนั้นคือทำสิ่งที่ห่างไกลจากความผิดพลาด คุณจะพบกับชีวิต ‘ผู้ที่ทำตาม(กฎเกณฑ์และกฎหมายของพระเจ้า) จึงจะมีชีวิตอยู่’ (ข้อ 5)

คนของพระเจ้าถูกเรียกให้แตกต่าง อัครทูตเปาโล เขียนว่า ‘อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้' (โรม 12:2) การเรียกร้องให้แตกต่างนี้ย้อนกลับไปในยุคแรกสุดของประชากรของพระเจ้า (เลวีนิติ 18)

ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ อัครสาวกเปาโลได้บันทึกกิจกรรมบางอย่าง (รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวกับทางเพศ) ที่คริสเตียนเคยเกี่ยวข้องก่อนการบังเกิดใหม่ เป็นอีกครั้งที่เขาใช้คำที่ทรงพลังว่า ‘แต่’ โดยกล่าวว่า ‘แต่ท่านทั้งหลายได้รับการล้างชำระแล้ว ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว และได้รับการชำระให้ชอบธรรมแล้วโดยพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและโดยพระวิญญาณแห่งพระเจ้าของเรา’ (1 โครินธ์ 6:11) ดังนั้นคุณจะต้องใช้ชีวิตที่แตกต่าง

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงช่วยข้าพระองค์ไม่ให้ทำตามมาตรฐานของคนรอบข้าง แต่ขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รักษากฎเกณฑ์และกฎหมายของพระองค์ ขอทรงช่วยให้ข้าพระองค์ให้เกียรติพระองค์ด้วยทั้งหมดของร่างกาย ความคิด และจิตใจ

เพิ่มเติมโดยพิพพา

มาระโก 14:34

พระเยซูเพิ่งบอกกับสาวก ผู้นำและเพื่อนของพระองค์ว่า พระองค์ทรงทุกข์ใจอย่างหนัก แต่พวกเขาไม่เข้าใจ ฉันจึงคิดถึงตัวเองว่ามีสิ่งที่ฉันทำอะไรได้ดีกว่านี้แต่ก็ไม่ทำ บ่อยครั้งที่จิตวิญญาณพร้อม แต่ร่างกายอ่อนกำลัง และบางครั้งจิตวิญญาณก็ยังไม่พร้อม ขอบคุณพระเจ้าสำหรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทรงเปลี่ยนสาวกและสามารถเปลี่ยนคนอย่างฉันได้

reader

App

Download The Bible with Nicky and Pippa Gumbel app for iOS or Android devices and read along each day.

reader

อีเมล

Sign up now to receive The Bible with Nicky and Pippa Gumbel in your inbox each morning. You’ll get one email each day.

reader

เว็บไซต์

Subscribe and listen to The Bible with Nicky and Pippa Gumbel delivered to your favourite podcast app everyday.

การอ้างอิง

ข้อพระคัมภีร์อ้างอิงมาจากพระคริสตธรรมคัมภีร์ ฉบับ 2011 สงวนสิทธิ์โดยสมาคมพระคริสตธรรมไทย (ยกเว้นข้อที่ระบุว่าเป็นฉบับอื่น)

เว็บไซต์นี้จัดเก็บข้อมูล เช่น คุกกี้ เพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชั่นและการวิเคราะห์ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเพิ่มเติม